เล่ห์รักเกมหัวใจ
มีน เขาถูกว่าจ้างให้หักอกเธอ "อลินา" ที่คนว่าจ้างบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงร้ายกาจ
อลินา ถูกว่าจ้างให้ดักหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อ อย่าง"มีน" ที่ไม่ยอมสยบให้หญิงใด
เมื่อ แผนถูกซ้อนเป็นชั้นๆเหมือนขนมที่แสนหวาน กับดักที่พันจนวุ่นวาย
หมายเหตุ เรื่องนี้เขียนสดๆ ดังนั้นอาจจะมีเนื้อหาที่จะมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังค่ะ
อลินา ถูกว่าจ้างให้ดักหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อ อย่าง"มีน" ที่ไม่ยอมสยบให้หญิงใด
เมื่อ แผนถูกซ้อนเป็นชั้นๆเหมือนขนมที่แสนหวาน กับดักที่พันจนวุ่นวาย
หมายเหตุ เรื่องนี้เขียนสดๆ ดังนั้นอาจจะมีเนื้อหาที่จะมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังค่ะ
Tags: เล่ห์รักเกมหัวใจ คีตา ณิชนิตา
ตอน: บทที่ ๒๑ ความจริงที่ปวดใจ
บทที่ ๒๑
ความจริงที่ปวดใจ
เสียงน้ำในห้องครัวดังเป็นระยะ หญิงสาวยังคงหยิบจับแก้วและจานชามมาล้างทำเหมือนตัวเองไปไม่ได้เจ็บป่วยอะไร ประวีย์ได้แต่ส่ายหน้าระอากับความดื้อรั้นของอลินา ก่อนจะเดินออกมาด้านหน้าบาร์
“พี่พัชดูสิ ลีน่าไม่ยอมนอนเฉยๆ เลย แขนยังเจ็บอยู่แท้ๆ”
พัชระยิ้มบาง “ปล่อยเขาไปเถอะแค่ล้างจานเล็กๆ น้อยๆ คนเคยทำงานพอให้อยู่เฉยคงทำไม่เป็นหรอก”
ประตูร้านถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงของมีน เขาเดินเลี่ยงออกไปยังบันไดโดยไม่ได้สนใจทักทายเพื่อนหรือประวีย์เช่นที่เคยทำ ท่าทีแปลกๆ นั้นทำให้พัชระนิ่วหน้าแต่ไม่ได้คิดอะไร ก่อนจะเดินออกมาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้กับลูกค้าที่รออยู่
ชายหนุ่มเปิดประตูห้องเข้ามาได้ก็ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงที่เตียง เหมือนคนไร้เรี่ยวแรงทุกอย่างหดหายไปหมดพร้อมกับเรื่องราวที่ได้ยินมา เขาได้สอบถามเรื่องทั้งหมดกับชารีนและสนต์เรียบร้อยแล้ว...ยิ่งเป็นการตอกย้ำความจริงทั้งหมด ย้ำให้หัวใจเจ็บปวดเพิ่มขึ้นไปอีก
“ฉันขอโทษจริงๆ นะมีน ฉันแค่อยากทดสอบโปรแกรมหาคู่แล้วก็ อยากรู้ว่าคนอย่างนายจะรักใครจริงหรือเปล่า มันเกินความคาดหมายของฉัน ไม่คิดว่านายจะรักใครได้จริงๆ ไม่คิดว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้ เพราะฉันคิดอะไรเป็นเด็ก ขอโทษจริงๆ นะ”
เขาได้แต่นั่งนิ่งๆ เกลียดความจริง...เกลียดตัวเอง และเกลียดชีวิตบัดซบพวกนี้ คำขอโทษที่ชารีนพร่ำบอกไม่หยุดปาก แถมสนต์ยังคงย้ำเรื่องความไม่ตั้งใจ และบอกยกเลิกการว่าจ้างไปแล้ว...ประเด็นสำคัญมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น
ตอนนี้เขาแค่อยากรู้ว่า...ความรู้สึกที่อลินาให้มานั้น มันมีความจริงใจบ้างไหม เธอรักเขาบ้างหรือเปล่า...รักแค่สักนิดก็ยังดี
น้ำตาร่วงเผาะลงที่ฝ่ามือตามแรงอารมณ์อ่อนไหวของเขา น้ำตาที่เกิดจากความอ่อนแอ...อย่างที่สุด
เขาเคยคิดว่าไม่เหลือใครอีกแล้ว อย่างน้อยตอนนี้เขาก็มีอลินา...เธอรักเขาอีกครั้งด้วยความจริงใจ เหมือนโลกทั้งใบเต็มไปด้วยความหวังครั้งใหม่ บัดนี้คงสูญสลายไปกับความแค้นที่เธอมีให้...เธอแค้นเขามากจนรับปากที่จะหักหลังเขา ไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน...ความแค้นที่เขาเคยถวิลหาอยากที่จะทำกับสองแม่ลูกคู่นั้นบ้าง
นี่มันอาจจะเป็นกรรม... กรรมที่เกิดจากการกระทำของเขาเอง
ชายหนุ่มเอนตัวลงนอนราบกับที่นอน ปิดเปลือกตาลงอย่างเชื่องช้า หลับตา...เขาจะได้ไม่ร้องไห้ เหมือนอย่างที่เคยทำมาแล้วเมื่อครั้งก่อน
เสียงถ้วยชามในตอนเช้าตรู่ทำให้พัชระเลิกคิ้วสูง เขาเดินเข้าไปยังครัวเพื่อสำรวจว่าใครกันแน่ที่มาทำเสียงดังแต่เช้า มีนกำลังง่วงอยู่กับหม้อข้าวต้ม ก่อนจะหันกลับมาจ้องประตูเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า
“อ้าว ตื่นแต่เช้าเชียว”
“ได้ยินเสียงครัวถล่มเลยตามลงมาดู”
“พูดซะเวอร์เลยแก ฉันทำข้าวต้มไว้มากินด้วยกันสิ”
“ดีจัง ฉันได้อานิสงส์จากน้องสาวได้กินฝีมือแก นาน ๆ ทีได้ลาภปาก” ฟังดูเหมือนเหน็บแนมมากกว่าจะชื่นชม มีนเลยเดินเข้าไปดึงถ้วยในมือเพื่อนออก
“งั้นก็อย่ากิน พูดมากจริงๆ เล้ย”
“โอเคๆ ฉันจะปิดปากแล้ว” พัชระว่าทั้งดึงถ้วยคืน ก่อนจะตักข้าวต้มถือไปวางไว้ที่โต๊ะเล็กๆ ภายในครัว
“นี่อย่าเพิ่งกินละรอคนอื่นก่อน”
“ครับๆ” พัชระรับคำมือที่ถือช้อนเลยต้องวางลงก่อน จนอลินาเดินลงมาพัชระจึงถือโอกาสตักเข้าปากทันที
หญิงสาวค่อนข้างประหลาดใจแม้ว่าเขาจะเคยทำอย่างนี้มาแล้วแต่ครั้งนี้แปลกไปเพราะเขาลงมือทำครัวเองเลย ชายหนุ่มเข้ามาช่วยพยุงทั้งๆ ที่เธอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก เขาจัดแจงวางถ้วยข้าวต้มตรงหน้า นอกจากนั้นแล้วบนโต๊ะเล็กๆ นั้นยังมีผัดผักอีกหนึ่งอย่าง ขนมปังและนม
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ยคะ”
“เผื่อโลกแตก จะได้ไม่เสียดายไงที่ไม่ได้กินฝีมือพี่” มีนกล่าวติดตลก “แล้วนี่ไม่ปวดเมื่อยตัวหรือไง ยังทำงานอยู่ได้เจ้านายก็ไม่ได้หน้าเลือดเสียหน่อย ใช่ไหมพัช”
“ฉันไม่ได้บอกให้ทำนะ เขาอยากทำเอง” พัชระโบ้ยไปยังอลินาทันที หญิงสาวยิ้มแหย
“คนเคยทำงานให้นอนเฉยๆ เป็นคนป่วยก็ทำไม่เป็น แล้วอีกอย่าง ฉันก็ไม่ได้เจ็บมากเสียหน่อย แผลก็ไม่มี แค่ฟกช้ำ ไม่หนักหนาจนต้องพักเฉยๆ หรอกค่ะ”
“ดื้อที่หนึ่ง ต่อไปถ้าไม่มีพี่อย่าทำอย่างนี้นะ ดูแลตัวเองดีๆ” ประโยคนั้นสะดุดทั้งเพื่อนรักและหญิงสาวทั้งคู่เงยหน้าขึ้นจ้องหน้ามีนสายตาสื่อถึงความสงสัย “ฉันหมายถึง ให้อลิสดูแลตัวเองดีๆ เผื่อเวลาฉันไปทำงาน ไม่มีใครดูแล เธอก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ”
“ข้าวต้มนี่ใส่น้ำตาลด้วยเหรอวะ” พัชระแซวอย่างอดไม่อยู่ก่อนจะวางช้อน ลุกเดินออกไปเตรียมร้าน ปล่อยให้คู่รักได้อยู่กันตามลำพัง
“เลี่ยนแต่เช้า” หญิงสาวบ่นเบาๆ ชายหนุ่มสีหน้าที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มนั้นเจื่อนจืดลง เอื้อมมือไปกุมมือหญิงสาวเอาไว้
“พี่ขอโทษกับทุกเรื่องที่ผ่านมานะอลิส เป็นเพราะพี่ อลิสถึงมีปมในใจมาตลอด เป็นเพราะพี่...อลิสถึงเจ็บ”
“วันนี้พี่พูดอะไรแปลกๆ นะคะ”
“แค่อยากบอกเท่านั้นเองไม่มีอะไรหรอก เออ...วันนี้ไปเที่ยวสวนรถไฟกันอีกไหม” เขากล่าวชักชวน หญิงสาวพยักหน้ารับส่งยิ้มให้เขา ก้มลงตักข้าวต้มเข้าปาก
มีนจ้องมองอาการนั้นเขายิ้มกว้างแต่ดวงตานั้นเศร้าหมองลง ดวงตามันโกหกไม่ได้จริงๆ ...
เสียงกระดิ่งจักรยานดังเป็นระยะ ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังปั่นพาอลินาเที่ยวในสวน มือหนาคว้ามือเล็กที่เกาะเกี่ยวชายเสื้อเขาไว้นั้นมาเกี่ยวเอวของเขาไว้แทน รอยยิ้มผุดขึ้นพร้อมกับอ้อมกอดที่เริ่มขยับแน่นขึ้นเมื่อเขาเลี้ยวรถหวาดเสียวไปมา
“พี่มีน!!”
“ทำเป็นกลัวทีแข่งรถเสียวกว่านี้เป็นไหนๆ”
“นั่นก็มีอุปกรณ์ป้องกันเต็มไปหมดนี่คะ พี่มีอะไรป้องกันให้หรือไง”
“มีสิ ถ้าล้มนะพี่จะกอดอลิสไว้แน่นๆ ไม่ไห้โดนอะไรกระแทก ไม่ให้เจอแม้แต่เศษดินเลย”
“ขี้โม้เป็นที่สุดเลย นี่แวะนั่งตรงนี้ดีกว่าค่ะ เย็นดี” เธอชี้บอกให้เขาเข้าไปจอดใต้ต้นไม้ใหญ่ มีนยอมทำตาม หญิงสาวเลือกที่จะซื้อชุดอาหารใส่ตระกร้ามาด้วยมากกว่าที่จะออกไปหาอะไรกกินกันอย่างที่เคยทำ
อลินาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นหญ้านุ่มๆนั้นพร้อมกับค้นหาน้ำเปล่ามายื่นให้ชายหนุ่ม มีนยิ้มก่อนจะยื่นมือไปรับขวดน้ำมาถือไว้
“เฮ้อ ปั่นมาตั้งนานปวดเมื่อยไปหมดเลย” เขาว่าก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้าง แล้วเหยียดขายาวออกไป ล้มตัวลงนอนหนุนตักหลับตาพริ้ม
“พี่มีนทำอะไรน่ะ ออกไปนะ”
“น่า...สักนาที เมื่อคืนนอนไม่หลับเลยเพราะมัวแต่ตื่นเต้นที่จะได้มาเที่ยวด้วยกัน”
หญิงสาวยิ้มกว้าง ก้มลงมองใบหน้าคม คิ้วหนา ริมฝีปากสีสดเหมือนผู้หญิง ผิวเนียนใสนี่ยิ่งมองเธอก็ยิ่งอิจฉา เขาดูดีกว่าผู้หญิงแท้ๆ เสียอีก
“แอบมอง” เขากล่าวดักก่อนจะลืมตาขึ้น จ้องใบหน้าสวย แก้มหญิงสาวสีแดงระเรื่อแสดงออกถึงความเคอะเขิน
“เปล่า” เธอตอบเสียงเบา สะดุ้งเมื่อมือถูกอีกฝ่ายกุมไว้ก่อนจะนำมาแนบที่อกกว้าง
“อยากให้วันนี้ยาวนานสักร้อยชั่วโมง”
“วันหลังมาอีกก็ได้ ปากหวานอย่างนี้สิ สาวน้อยสาวใหญ่ถึงได้ชอบนัก” เขายิ้มแทนคำตอบทุกอย่างก่อนจะปล่อยมือข้างหนึ่งยกขึ้นโน้มคอหญิงสาวลงมาหา ประทับจูบนุ่มนวลแผ่วเบาเพียงแค่ไม่นานจึงปล่อยให้เธอเป็นอิสระ รอยยิ้มบางผุดขึ้นอย่างล้อเลียนนั้นทำเอาอลินาต้องทุบอกเขาเบาๆ ด้วยความเขินอาย มือหนาประสานสอดเข้าไปยังมือบางที่หลุดไปเพราะความอายนั้นอีกครั้ง มันกุมแน่นจนอลินารู้สึกอึดอัด แต่เพราะความสุขตรงหน้ามันทำให้เธอไม่ได้คิดอะไร
เสียงกระดิ่งประตูร้านเรดคลับดังขึ้นพร้อมกับร่างเพรียวของลิษา หญิงสาวกวาดสายตาไปทั่วร้าน เห็นอลินายืนอยู่หน้าบาร์ยาวรอรับเครื่องดื่มจากชายหนุ่มสูงด้านใน เธอก้าวเท้าเข้าไปหาด้วยท่าทีมั่นใจ ใบหน้านั้นดูเหยียดยิ้มให้
“สวัสดี เธอชื่ออลินาสินะ”
อลินานิ่วหน้า ประหลาดใจที่มีคนเข้ามาทักด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรเช่นนี้ สมองเริ่มฉุกคิดได้ว่าใบหน้าสวยตรงหน้าเธอเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ...ในหน้านิตยสารคู่กับมีน
“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้รับใช้หรือคะ เชิญเลือกที่นั่ง เดี๋ยวรอสักครู่นะคะเดี๋ยวจะเข้าไปรับเมนูค่ะ” เธอกล่าวอย่างใจเย็นแม้ใจนั้นจะรู้แล้วว่า ลิษาไม่ได้มาดีแน่
“ฉันไม่ได้อยากมากินอะไรที่นี่ให้เสียท้องหรอกนะ” น้ำเสียงที่ดูถูกนั้นทำเอาพัชระที่ได้ยินเต็มสองหูนั้นเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว
“คุณว่าธุระคุณมาดีกว่าค่ะ”
“ฮึ...ฉันไม่มีอะไรนอกจาก...อยากสั่งสอนผู้หญิงหน้าด้านอย่างเธอ” ลิษาพูดจบจึงฟาดฝ่ามือไปที่แก้มของคู่สนทนาทันที รอยยิ้มเหยียดด้วยความสะใจหลังจากที่สำเร็จ อลินาตวัดสายตาขึ้นจ้องหญิงสาวด้วยแววเข้มก่อนจะตบคืนด้วยแรงมากพอที่ลิษาจะทรุดตัวล้มลง
“ฉันไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่ายๆ เหมือนกัน อย่าคิดว่าจะทำได้ฝ่ายเดียว ถ้าเป็นเรื่องของพี่มีนละก็...ทำไมไม่ไปถามเขาเองล่ะว่าทำไมถึงทิ้งคุณ”
“เพราะเธอนั่นแหละ...เธอใช้มารยาอะไรหลอกล่อเขา ฉันถึงขนาดบอกความจริงเรื่องที่เธอหลอกเขา เขาก็ยังทำดีกับเธอ เขาบ้าไปแล้ว ผู้ชายคนนั้นบ้าไปแล้ว” เสียงกรีดร้องโวยวายของลิษาทำให้พัชระต้องเข้ามาช่วยพยุงให้เธอลุกขึ้น
“ขอโทษนะครับ ที่นี่เป็นร้านอาหารถ้าคุณจะมาโวยวายก็ขอให้ออกไปก่อนที่ผมจะเรียกตำรวจ”
“เชิญเลย ดูสิว่าใครมันจะแน่ ลูกน้องคุณทำร้ายร่างกายฉัน”
“แต่ทุกคนในที่นี้เห็นว่าคุณทำก่อนนะครับ อยากขึ้นหน้าหนึ่งก็ตามใจ ไม่มีใครสนหรอกว่าใครเริ่มก่อนหลัง เขาสนแค่ชื่อคุณบนหน้าหนังสือพิมพ์”
ลิษาเม้มริมฝีปากสีสดแน่นจ้องพัชระอย่างไม่วางตา “ได้ ถือว่าปล่อยไปสักครั้ง ฉันไม่มีทางรามือแน่ๆ เสียดายจริงๆ ที่อุบัติเหตุนั่น เธอแค่เจ็บนิดหน่อย คนปากดี ไร้อย่างอายอย่างเธอที่ชอบแย่งของๆ คนอื่นน่าจะได้รับบทเรียนที่เจ็บกว่านี้”
“เขาเรียกคนดีผีคุ้มน่ะค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณเรียกว่าแย่งได้ยังไงในเมื่อคุณมาทีหลัง...ใครกันแน่ที่แย่ง” อลินาอดไม่ได้จริงๆ ที่จะต่อปากต่อคำกับลิษา เธอไม่อยากขึ้นชื่อว่าแย่งผู้ชายของใคร เรื่องนี้เธอไม่เกี่ยวด้วย มันเป็นเรื่องของมีนทั้งหมด
ลิษากำหมัดแน่นแต่สายตาเห็นท่าทีของพัชระที่แข็งขึงไม่ยอมเช่นกัน ทำให้เธอต้องสะบัดหน้าพรืดเดินฉับๆ ออกไปจากร้าน
อลินาถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก หันไปส่งสายตาขอโทษพี่ชายทันที เขาเอื้อมมือมาตบบ่าหญิงสาวเบาๆ
“ไปพักเถอะ อย่าลืมทายาล่ะเดี๋ยวแก้มโย้ไปข้างหนึ่ง”
“ไม่แรงเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ที่ฉันตบเขาไปแรงน่าดู ลืมตัวไป”
พัชระหัวเราะเป็นครั้งแรกที่เขาหัวเราะในตอนที่อยู่กับอลินา เขาเห็นด้วยเรื่องแรงที่อลินาตบลิษา จริงๆ เขาจะเข้าไปห้ามตั้งแต่ตอนที่ลิษาทำร้ายน้องสาวเขาแล้วแต่นึกอีกที ให้อลินาได้แก้เผ็ดบ้าง โทษฐานหาว่าเรดคลับเป็นร้านอาหารโลว์คลาส
หญิงสาวเข้ามาในห้องพักของตัวเองเดินเข้าไปในห้องน้ำ เปิดน้ำที่อ่างล้างหน้าเบาๆ เธอเงยขึ้นจ้องตัวเองผ่านกระจกเงา ความสวยที่ผ่านมีดหมอทำให้หลายคนอิจฉา ทำให้ผู้ชายหลายคนหันมามอง แต่กลับมีเพียงคนๆ เดียวที่ทำให้เธอคิดถึงอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าสิ่งที่ทำให้คิดถึงนั้นคือความรักหรือความแค้น...ไม่ว่าเวลาจะนานแค่ไหนแต่สิ่งที่ยังค้างคาในใจคือ...เขาทิ้งเธอไปเพราะความสนุกหรือเปล่า ในที่สุดความจริงจากปากของเขาก็ทำให้เธอเชื่อมั่นกับความรักอีกครั้ง...
“เพราะเธอนั่นแหละ...เธอใช้มารยาอะไรหลอกล่อเขา ฉันถึงขนาดบอกความจริงเรื่องที่เธอหลอกเขา เขาก็ยังทำดีกับเธอ เขาบ้าไปแล้ว ผู้ชายคนนั้นบ้าไปแล้ว”
ถ้อยคำที่ลิษาพ่นออกมาทำให้หญิงสาวนิ่วหน้า มีนรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว...ทำไมเขายังทำดีกับเธอ ยังเป็นปกติทุกอย่างทั้งๆ ที่จริงแล้ว เขาสมควรที่จะโกรธและเกลียดเธอไปแล้ว
หญิงสาวเช็ดหน้าตัวเองด้วยผ้าขนหนูสีขาวที่พาดอยู่บนบ่า เดินเร็วออกไปยังห้องถัดไป มือเล็กกุมลูกบิดไว้แน่นก่อนจะเคาะเพียงสองสามครั้ง ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาสักนิด เธอจำได้ว่าเขาเคยบอกไว้ว่าลางานเป็นสัปดาห์ มือบิดลูกบิดนั้นเบาๆ คิ้วขมวดมุ่นด้วยความแปลกใจที่เขาไม่ได้ล็อกห้อง เมื่อเปิดเข้าไปเธอได้เห็นเพียงความว่างเปล่า ...
เตียงถูกทำความสะอาดจัดเก็บทุกอย่างเรียบร้อย โต๊ะทำงานเล็กๆ ที่เธอเคยเห็นมีโน๊ตบุ๊คและกล้องของเขาตั้งไว้ บัดนี้ไม่เหลือร่องรอยอะไรแม้แต่ปากกาหรือกระดาษโน๊ต บนหมอนสีฟ้ามีมีกระดาษแผ่นหนึ่งวางไว้ มันถูกทับด้วยอัลบั้มรูปขนาดสี่คูณหก เธอดึงมันขึ้นมาอ่านด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
อลินา...พี่คิดว่าทุกคนน่าจะเจอกระดาษแผ่นนี้ในช่วงเย็นหรือไม่ก็เช้าของอีกวัน ซึ่งตอนนั้นพี่คงอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้ว ขอโทษที่ไม่ได้บอกลาอย่างเป็นทางการ พี่คงทำใจไม่ได้ที่จะกล่าวลากับใคร เหมือนครั้งหนึ่งที่พี่ไม่ได้กล่าวลากับเธอ
พี่รู้เรื่องที่อลิสรับจ้างจากชารีนแล้ว...มันทำให้พี่สำนึกตัวเองว่าได้ทำเรื่องเลวร้ายไว้กับอลิสมากจนเกิดเป็นความแค้นที่ยากจะลบเลือน เมื่อก่อนพี่คิดว่าแค่คำขอโทษมันจะทำให้อลิสยอมยกโทษให้ ซึ่งเป็นความคิดตื้นๆ ของพี่เอง คำขอโทษและเสียใจมันคงทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
พี่อยากบอกอลิสอีกครั้งว่าพี่ขอโทษและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตของเรา เอาละ...ถึงอย่างไร อลิสก็ทำสำเร็จแล้ว ไม่ว่าสิ่งที่อลิสทำตลอดเวลานั้นเป็นเพียงแผนการแก้แค้น แต่สำหรับพี่มันเป็นความสุขที่แท้จริง อยากขอบคุณที่มันทำให้พี่ยิ้มได้อีกครั้ง ทำให้พี่ได้เรียนรู้คำว่ารักที่มีคุณค่า พี่เคยสัญญากับตัวเองว่าต่อจากนี้ไปพี่จะไม่ปล่อยมือจากอลิสอีกแล้วแต่ในเมื่ออลิสต้องการที่จะปล่อยมือพี่ พี่ยอม...
...ความแค้นของเราถือว่าสิ้นสุดลงที่ความเจ็บปวดของพี่ พี่จะขอเป็นฝ่ายจากไปเอง...
ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร อลิต้องความเข้มแข็งนะ ดูแลตัวเองดีๆ เชื่อฟังพัชให้มากๆ เขาเป็นพี่ชายที่แสนดีพอสมควร แล้วก็ลืมพี่เสีย...ลืมไปให้หมดหัวใจพร้อมกับความแค้นที่มี
ขอโทษ
มีน
น้ำใสๆ ที่เอ่อล้นจากขอบตานั้นหยดลงบนกระดาษในมือ เธอพลาดสิ่งสำคัญไปแล้ว อาหารมือสุดท้าย เขาพาเธอไปเที่ยวครั้งสุดท้าย ระหว่างเธอและเขา สร้างความทรงจำก่อนจาก...ทุกอย่างที่เธอทำไม่ใช่เรื่องโกหก มันคือความรู้สึกที่แท้จริงต่างหาก
มือบางเอื้อมไปดึงอัลบั้มรูปนั้นมาเปิดดู โพสต์อิทสีเหลืองติดไว้มุมปกด้านใน “สำหรับอลิส พี่คิดว่าจะเก็บมันไว้สำหรับวันแต่งงานของเรา...แต่มันคงไม่มีวันนั้นแล้ว พี่ให้เธอ อลิสอยากเก็บไว้หรือทิ้ง...ตามใจนะ”
ข้างในนั้นเป็นรูปของเธอตั้งแต่ที่ยังเป็นอลิสหางเปีย หน้าเยินเต็มไปด้วยสิว มือสองข้างกอดแมวตัวเล็กไว้ในอ้อมกอด อีกหลายภาพเป็นหลากหลายอาริยาบถ ด้านหลังของเธอตามเส้นทางที่เดินไปเรียน จนมาถึงตอนที่เธอเป็นอลินาที่สวยหาที่ติไม่ได้ ภาพแรกนั้น...คือ ภาพที่เธอยืนมองออกไปนอกหน้าต่างในวันแรกที่มาถึงเรดคลับ...
หญิงสาวกลั้นเสียงร้องไห้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เธอส่งเสียงออกมาสุดกำลัง เหมือนคนที่สูญเสียอะไรที่รักมากๆไปแล้ว
...เธอต่างหากที่ต้องขอโทษและเสียใจที่เข้าใจเขาผิดเสมอมา...
ความจริงที่ปวดใจ
เสียงน้ำในห้องครัวดังเป็นระยะ หญิงสาวยังคงหยิบจับแก้วและจานชามมาล้างทำเหมือนตัวเองไปไม่ได้เจ็บป่วยอะไร ประวีย์ได้แต่ส่ายหน้าระอากับความดื้อรั้นของอลินา ก่อนจะเดินออกมาด้านหน้าบาร์
“พี่พัชดูสิ ลีน่าไม่ยอมนอนเฉยๆ เลย แขนยังเจ็บอยู่แท้ๆ”
พัชระยิ้มบาง “ปล่อยเขาไปเถอะแค่ล้างจานเล็กๆ น้อยๆ คนเคยทำงานพอให้อยู่เฉยคงทำไม่เป็นหรอก”
ประตูร้านถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงของมีน เขาเดินเลี่ยงออกไปยังบันไดโดยไม่ได้สนใจทักทายเพื่อนหรือประวีย์เช่นที่เคยทำ ท่าทีแปลกๆ นั้นทำให้พัชระนิ่วหน้าแต่ไม่ได้คิดอะไร ก่อนจะเดินออกมาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้กับลูกค้าที่รออยู่
ชายหนุ่มเปิดประตูห้องเข้ามาได้ก็ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรงที่เตียง เหมือนคนไร้เรี่ยวแรงทุกอย่างหดหายไปหมดพร้อมกับเรื่องราวที่ได้ยินมา เขาได้สอบถามเรื่องทั้งหมดกับชารีนและสนต์เรียบร้อยแล้ว...ยิ่งเป็นการตอกย้ำความจริงทั้งหมด ย้ำให้หัวใจเจ็บปวดเพิ่มขึ้นไปอีก
“ฉันขอโทษจริงๆ นะมีน ฉันแค่อยากทดสอบโปรแกรมหาคู่แล้วก็ อยากรู้ว่าคนอย่างนายจะรักใครจริงหรือเปล่า มันเกินความคาดหมายของฉัน ไม่คิดว่านายจะรักใครได้จริงๆ ไม่คิดว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้ เพราะฉันคิดอะไรเป็นเด็ก ขอโทษจริงๆ นะ”
เขาได้แต่นั่งนิ่งๆ เกลียดความจริง...เกลียดตัวเอง และเกลียดชีวิตบัดซบพวกนี้ คำขอโทษที่ชารีนพร่ำบอกไม่หยุดปาก แถมสนต์ยังคงย้ำเรื่องความไม่ตั้งใจ และบอกยกเลิกการว่าจ้างไปแล้ว...ประเด็นสำคัญมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น
ตอนนี้เขาแค่อยากรู้ว่า...ความรู้สึกที่อลินาให้มานั้น มันมีความจริงใจบ้างไหม เธอรักเขาบ้างหรือเปล่า...รักแค่สักนิดก็ยังดี
น้ำตาร่วงเผาะลงที่ฝ่ามือตามแรงอารมณ์อ่อนไหวของเขา น้ำตาที่เกิดจากความอ่อนแอ...อย่างที่สุด
เขาเคยคิดว่าไม่เหลือใครอีกแล้ว อย่างน้อยตอนนี้เขาก็มีอลินา...เธอรักเขาอีกครั้งด้วยความจริงใจ เหมือนโลกทั้งใบเต็มไปด้วยความหวังครั้งใหม่ บัดนี้คงสูญสลายไปกับความแค้นที่เธอมีให้...เธอแค้นเขามากจนรับปากที่จะหักหลังเขา ไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน...ความแค้นที่เขาเคยถวิลหาอยากที่จะทำกับสองแม่ลูกคู่นั้นบ้าง
นี่มันอาจจะเป็นกรรม... กรรมที่เกิดจากการกระทำของเขาเอง
ชายหนุ่มเอนตัวลงนอนราบกับที่นอน ปิดเปลือกตาลงอย่างเชื่องช้า หลับตา...เขาจะได้ไม่ร้องไห้ เหมือนอย่างที่เคยทำมาแล้วเมื่อครั้งก่อน
เสียงถ้วยชามในตอนเช้าตรู่ทำให้พัชระเลิกคิ้วสูง เขาเดินเข้าไปยังครัวเพื่อสำรวจว่าใครกันแน่ที่มาทำเสียงดังแต่เช้า มีนกำลังง่วงอยู่กับหม้อข้าวต้ม ก่อนจะหันกลับมาจ้องประตูเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า
“อ้าว ตื่นแต่เช้าเชียว”
“ได้ยินเสียงครัวถล่มเลยตามลงมาดู”
“พูดซะเวอร์เลยแก ฉันทำข้าวต้มไว้มากินด้วยกันสิ”
“ดีจัง ฉันได้อานิสงส์จากน้องสาวได้กินฝีมือแก นาน ๆ ทีได้ลาภปาก” ฟังดูเหมือนเหน็บแนมมากกว่าจะชื่นชม มีนเลยเดินเข้าไปดึงถ้วยในมือเพื่อนออก
“งั้นก็อย่ากิน พูดมากจริงๆ เล้ย”
“โอเคๆ ฉันจะปิดปากแล้ว” พัชระว่าทั้งดึงถ้วยคืน ก่อนจะตักข้าวต้มถือไปวางไว้ที่โต๊ะเล็กๆ ภายในครัว
“นี่อย่าเพิ่งกินละรอคนอื่นก่อน”
“ครับๆ” พัชระรับคำมือที่ถือช้อนเลยต้องวางลงก่อน จนอลินาเดินลงมาพัชระจึงถือโอกาสตักเข้าปากทันที
หญิงสาวค่อนข้างประหลาดใจแม้ว่าเขาจะเคยทำอย่างนี้มาแล้วแต่ครั้งนี้แปลกไปเพราะเขาลงมือทำครัวเองเลย ชายหนุ่มเข้ามาช่วยพยุงทั้งๆ ที่เธอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก เขาจัดแจงวางถ้วยข้าวต้มตรงหน้า นอกจากนั้นแล้วบนโต๊ะเล็กๆ นั้นยังมีผัดผักอีกหนึ่งอย่าง ขนมปังและนม
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ยคะ”
“เผื่อโลกแตก จะได้ไม่เสียดายไงที่ไม่ได้กินฝีมือพี่” มีนกล่าวติดตลก “แล้วนี่ไม่ปวดเมื่อยตัวหรือไง ยังทำงานอยู่ได้เจ้านายก็ไม่ได้หน้าเลือดเสียหน่อย ใช่ไหมพัช”
“ฉันไม่ได้บอกให้ทำนะ เขาอยากทำเอง” พัชระโบ้ยไปยังอลินาทันที หญิงสาวยิ้มแหย
“คนเคยทำงานให้นอนเฉยๆ เป็นคนป่วยก็ทำไม่เป็น แล้วอีกอย่าง ฉันก็ไม่ได้เจ็บมากเสียหน่อย แผลก็ไม่มี แค่ฟกช้ำ ไม่หนักหนาจนต้องพักเฉยๆ หรอกค่ะ”
“ดื้อที่หนึ่ง ต่อไปถ้าไม่มีพี่อย่าทำอย่างนี้นะ ดูแลตัวเองดีๆ” ประโยคนั้นสะดุดทั้งเพื่อนรักและหญิงสาวทั้งคู่เงยหน้าขึ้นจ้องหน้ามีนสายตาสื่อถึงความสงสัย “ฉันหมายถึง ให้อลิสดูแลตัวเองดีๆ เผื่อเวลาฉันไปทำงาน ไม่มีใครดูแล เธอก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ”
“ข้าวต้มนี่ใส่น้ำตาลด้วยเหรอวะ” พัชระแซวอย่างอดไม่อยู่ก่อนจะวางช้อน ลุกเดินออกไปเตรียมร้าน ปล่อยให้คู่รักได้อยู่กันตามลำพัง
“เลี่ยนแต่เช้า” หญิงสาวบ่นเบาๆ ชายหนุ่มสีหน้าที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มนั้นเจื่อนจืดลง เอื้อมมือไปกุมมือหญิงสาวเอาไว้
“พี่ขอโทษกับทุกเรื่องที่ผ่านมานะอลิส เป็นเพราะพี่ อลิสถึงมีปมในใจมาตลอด เป็นเพราะพี่...อลิสถึงเจ็บ”
“วันนี้พี่พูดอะไรแปลกๆ นะคะ”
“แค่อยากบอกเท่านั้นเองไม่มีอะไรหรอก เออ...วันนี้ไปเที่ยวสวนรถไฟกันอีกไหม” เขากล่าวชักชวน หญิงสาวพยักหน้ารับส่งยิ้มให้เขา ก้มลงตักข้าวต้มเข้าปาก
มีนจ้องมองอาการนั้นเขายิ้มกว้างแต่ดวงตานั้นเศร้าหมองลง ดวงตามันโกหกไม่ได้จริงๆ ...
เสียงกระดิ่งจักรยานดังเป็นระยะ ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังปั่นพาอลินาเที่ยวในสวน มือหนาคว้ามือเล็กที่เกาะเกี่ยวชายเสื้อเขาไว้นั้นมาเกี่ยวเอวของเขาไว้แทน รอยยิ้มผุดขึ้นพร้อมกับอ้อมกอดที่เริ่มขยับแน่นขึ้นเมื่อเขาเลี้ยวรถหวาดเสียวไปมา
“พี่มีน!!”
“ทำเป็นกลัวทีแข่งรถเสียวกว่านี้เป็นไหนๆ”
“นั่นก็มีอุปกรณ์ป้องกันเต็มไปหมดนี่คะ พี่มีอะไรป้องกันให้หรือไง”
“มีสิ ถ้าล้มนะพี่จะกอดอลิสไว้แน่นๆ ไม่ไห้โดนอะไรกระแทก ไม่ให้เจอแม้แต่เศษดินเลย”
“ขี้โม้เป็นที่สุดเลย นี่แวะนั่งตรงนี้ดีกว่าค่ะ เย็นดี” เธอชี้บอกให้เขาเข้าไปจอดใต้ต้นไม้ใหญ่ มีนยอมทำตาม หญิงสาวเลือกที่จะซื้อชุดอาหารใส่ตระกร้ามาด้วยมากกว่าที่จะออกไปหาอะไรกกินกันอย่างที่เคยทำ
อลินาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นหญ้านุ่มๆนั้นพร้อมกับค้นหาน้ำเปล่ามายื่นให้ชายหนุ่ม มีนยิ้มก่อนจะยื่นมือไปรับขวดน้ำมาถือไว้
“เฮ้อ ปั่นมาตั้งนานปวดเมื่อยไปหมดเลย” เขาว่าก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้าง แล้วเหยียดขายาวออกไป ล้มตัวลงนอนหนุนตักหลับตาพริ้ม
“พี่มีนทำอะไรน่ะ ออกไปนะ”
“น่า...สักนาที เมื่อคืนนอนไม่หลับเลยเพราะมัวแต่ตื่นเต้นที่จะได้มาเที่ยวด้วยกัน”
หญิงสาวยิ้มกว้าง ก้มลงมองใบหน้าคม คิ้วหนา ริมฝีปากสีสดเหมือนผู้หญิง ผิวเนียนใสนี่ยิ่งมองเธอก็ยิ่งอิจฉา เขาดูดีกว่าผู้หญิงแท้ๆ เสียอีก
“แอบมอง” เขากล่าวดักก่อนจะลืมตาขึ้น จ้องใบหน้าสวย แก้มหญิงสาวสีแดงระเรื่อแสดงออกถึงความเคอะเขิน
“เปล่า” เธอตอบเสียงเบา สะดุ้งเมื่อมือถูกอีกฝ่ายกุมไว้ก่อนจะนำมาแนบที่อกกว้าง
“อยากให้วันนี้ยาวนานสักร้อยชั่วโมง”
“วันหลังมาอีกก็ได้ ปากหวานอย่างนี้สิ สาวน้อยสาวใหญ่ถึงได้ชอบนัก” เขายิ้มแทนคำตอบทุกอย่างก่อนจะปล่อยมือข้างหนึ่งยกขึ้นโน้มคอหญิงสาวลงมาหา ประทับจูบนุ่มนวลแผ่วเบาเพียงแค่ไม่นานจึงปล่อยให้เธอเป็นอิสระ รอยยิ้มบางผุดขึ้นอย่างล้อเลียนนั้นทำเอาอลินาต้องทุบอกเขาเบาๆ ด้วยความเขินอาย มือหนาประสานสอดเข้าไปยังมือบางที่หลุดไปเพราะความอายนั้นอีกครั้ง มันกุมแน่นจนอลินารู้สึกอึดอัด แต่เพราะความสุขตรงหน้ามันทำให้เธอไม่ได้คิดอะไร
เสียงกระดิ่งประตูร้านเรดคลับดังขึ้นพร้อมกับร่างเพรียวของลิษา หญิงสาวกวาดสายตาไปทั่วร้าน เห็นอลินายืนอยู่หน้าบาร์ยาวรอรับเครื่องดื่มจากชายหนุ่มสูงด้านใน เธอก้าวเท้าเข้าไปหาด้วยท่าทีมั่นใจ ใบหน้านั้นดูเหยียดยิ้มให้
“สวัสดี เธอชื่ออลินาสินะ”
อลินานิ่วหน้า ประหลาดใจที่มีคนเข้ามาทักด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรเช่นนี้ สมองเริ่มฉุกคิดได้ว่าใบหน้าสวยตรงหน้าเธอเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ...ในหน้านิตยสารคู่กับมีน
“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้รับใช้หรือคะ เชิญเลือกที่นั่ง เดี๋ยวรอสักครู่นะคะเดี๋ยวจะเข้าไปรับเมนูค่ะ” เธอกล่าวอย่างใจเย็นแม้ใจนั้นจะรู้แล้วว่า ลิษาไม่ได้มาดีแน่
“ฉันไม่ได้อยากมากินอะไรที่นี่ให้เสียท้องหรอกนะ” น้ำเสียงที่ดูถูกนั้นทำเอาพัชระที่ได้ยินเต็มสองหูนั้นเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว
“คุณว่าธุระคุณมาดีกว่าค่ะ”
“ฮึ...ฉันไม่มีอะไรนอกจาก...อยากสั่งสอนผู้หญิงหน้าด้านอย่างเธอ” ลิษาพูดจบจึงฟาดฝ่ามือไปที่แก้มของคู่สนทนาทันที รอยยิ้มเหยียดด้วยความสะใจหลังจากที่สำเร็จ อลินาตวัดสายตาขึ้นจ้องหญิงสาวด้วยแววเข้มก่อนจะตบคืนด้วยแรงมากพอที่ลิษาจะทรุดตัวล้มลง
“ฉันไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่ายๆ เหมือนกัน อย่าคิดว่าจะทำได้ฝ่ายเดียว ถ้าเป็นเรื่องของพี่มีนละก็...ทำไมไม่ไปถามเขาเองล่ะว่าทำไมถึงทิ้งคุณ”
“เพราะเธอนั่นแหละ...เธอใช้มารยาอะไรหลอกล่อเขา ฉันถึงขนาดบอกความจริงเรื่องที่เธอหลอกเขา เขาก็ยังทำดีกับเธอ เขาบ้าไปแล้ว ผู้ชายคนนั้นบ้าไปแล้ว” เสียงกรีดร้องโวยวายของลิษาทำให้พัชระต้องเข้ามาช่วยพยุงให้เธอลุกขึ้น
“ขอโทษนะครับ ที่นี่เป็นร้านอาหารถ้าคุณจะมาโวยวายก็ขอให้ออกไปก่อนที่ผมจะเรียกตำรวจ”
“เชิญเลย ดูสิว่าใครมันจะแน่ ลูกน้องคุณทำร้ายร่างกายฉัน”
“แต่ทุกคนในที่นี้เห็นว่าคุณทำก่อนนะครับ อยากขึ้นหน้าหนึ่งก็ตามใจ ไม่มีใครสนหรอกว่าใครเริ่มก่อนหลัง เขาสนแค่ชื่อคุณบนหน้าหนังสือพิมพ์”
ลิษาเม้มริมฝีปากสีสดแน่นจ้องพัชระอย่างไม่วางตา “ได้ ถือว่าปล่อยไปสักครั้ง ฉันไม่มีทางรามือแน่ๆ เสียดายจริงๆ ที่อุบัติเหตุนั่น เธอแค่เจ็บนิดหน่อย คนปากดี ไร้อย่างอายอย่างเธอที่ชอบแย่งของๆ คนอื่นน่าจะได้รับบทเรียนที่เจ็บกว่านี้”
“เขาเรียกคนดีผีคุ้มน่ะค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณเรียกว่าแย่งได้ยังไงในเมื่อคุณมาทีหลัง...ใครกันแน่ที่แย่ง” อลินาอดไม่ได้จริงๆ ที่จะต่อปากต่อคำกับลิษา เธอไม่อยากขึ้นชื่อว่าแย่งผู้ชายของใคร เรื่องนี้เธอไม่เกี่ยวด้วย มันเป็นเรื่องของมีนทั้งหมด
ลิษากำหมัดแน่นแต่สายตาเห็นท่าทีของพัชระที่แข็งขึงไม่ยอมเช่นกัน ทำให้เธอต้องสะบัดหน้าพรืดเดินฉับๆ ออกไปจากร้าน
อลินาถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก หันไปส่งสายตาขอโทษพี่ชายทันที เขาเอื้อมมือมาตบบ่าหญิงสาวเบาๆ
“ไปพักเถอะ อย่าลืมทายาล่ะเดี๋ยวแก้มโย้ไปข้างหนึ่ง”
“ไม่แรงเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ที่ฉันตบเขาไปแรงน่าดู ลืมตัวไป”
พัชระหัวเราะเป็นครั้งแรกที่เขาหัวเราะในตอนที่อยู่กับอลินา เขาเห็นด้วยเรื่องแรงที่อลินาตบลิษา จริงๆ เขาจะเข้าไปห้ามตั้งแต่ตอนที่ลิษาทำร้ายน้องสาวเขาแล้วแต่นึกอีกที ให้อลินาได้แก้เผ็ดบ้าง โทษฐานหาว่าเรดคลับเป็นร้านอาหารโลว์คลาส
หญิงสาวเข้ามาในห้องพักของตัวเองเดินเข้าไปในห้องน้ำ เปิดน้ำที่อ่างล้างหน้าเบาๆ เธอเงยขึ้นจ้องตัวเองผ่านกระจกเงา ความสวยที่ผ่านมีดหมอทำให้หลายคนอิจฉา ทำให้ผู้ชายหลายคนหันมามอง แต่กลับมีเพียงคนๆ เดียวที่ทำให้เธอคิดถึงอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าสิ่งที่ทำให้คิดถึงนั้นคือความรักหรือความแค้น...ไม่ว่าเวลาจะนานแค่ไหนแต่สิ่งที่ยังค้างคาในใจคือ...เขาทิ้งเธอไปเพราะความสนุกหรือเปล่า ในที่สุดความจริงจากปากของเขาก็ทำให้เธอเชื่อมั่นกับความรักอีกครั้ง...
“เพราะเธอนั่นแหละ...เธอใช้มารยาอะไรหลอกล่อเขา ฉันถึงขนาดบอกความจริงเรื่องที่เธอหลอกเขา เขาก็ยังทำดีกับเธอ เขาบ้าไปแล้ว ผู้ชายคนนั้นบ้าไปแล้ว”
ถ้อยคำที่ลิษาพ่นออกมาทำให้หญิงสาวนิ่วหน้า มีนรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว...ทำไมเขายังทำดีกับเธอ ยังเป็นปกติทุกอย่างทั้งๆ ที่จริงแล้ว เขาสมควรที่จะโกรธและเกลียดเธอไปแล้ว
หญิงสาวเช็ดหน้าตัวเองด้วยผ้าขนหนูสีขาวที่พาดอยู่บนบ่า เดินเร็วออกไปยังห้องถัดไป มือเล็กกุมลูกบิดไว้แน่นก่อนจะเคาะเพียงสองสามครั้ง ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาสักนิด เธอจำได้ว่าเขาเคยบอกไว้ว่าลางานเป็นสัปดาห์ มือบิดลูกบิดนั้นเบาๆ คิ้วขมวดมุ่นด้วยความแปลกใจที่เขาไม่ได้ล็อกห้อง เมื่อเปิดเข้าไปเธอได้เห็นเพียงความว่างเปล่า ...
เตียงถูกทำความสะอาดจัดเก็บทุกอย่างเรียบร้อย โต๊ะทำงานเล็กๆ ที่เธอเคยเห็นมีโน๊ตบุ๊คและกล้องของเขาตั้งไว้ บัดนี้ไม่เหลือร่องรอยอะไรแม้แต่ปากกาหรือกระดาษโน๊ต บนหมอนสีฟ้ามีมีกระดาษแผ่นหนึ่งวางไว้ มันถูกทับด้วยอัลบั้มรูปขนาดสี่คูณหก เธอดึงมันขึ้นมาอ่านด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
อลินา...พี่คิดว่าทุกคนน่าจะเจอกระดาษแผ่นนี้ในช่วงเย็นหรือไม่ก็เช้าของอีกวัน ซึ่งตอนนั้นพี่คงอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้ว ขอโทษที่ไม่ได้บอกลาอย่างเป็นทางการ พี่คงทำใจไม่ได้ที่จะกล่าวลากับใคร เหมือนครั้งหนึ่งที่พี่ไม่ได้กล่าวลากับเธอ
พี่รู้เรื่องที่อลิสรับจ้างจากชารีนแล้ว...มันทำให้พี่สำนึกตัวเองว่าได้ทำเรื่องเลวร้ายไว้กับอลิสมากจนเกิดเป็นความแค้นที่ยากจะลบเลือน เมื่อก่อนพี่คิดว่าแค่คำขอโทษมันจะทำให้อลิสยอมยกโทษให้ ซึ่งเป็นความคิดตื้นๆ ของพี่เอง คำขอโทษและเสียใจมันคงทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
พี่อยากบอกอลิสอีกครั้งว่าพี่ขอโทษและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตของเรา เอาละ...ถึงอย่างไร อลิสก็ทำสำเร็จแล้ว ไม่ว่าสิ่งที่อลิสทำตลอดเวลานั้นเป็นเพียงแผนการแก้แค้น แต่สำหรับพี่มันเป็นความสุขที่แท้จริง อยากขอบคุณที่มันทำให้พี่ยิ้มได้อีกครั้ง ทำให้พี่ได้เรียนรู้คำว่ารักที่มีคุณค่า พี่เคยสัญญากับตัวเองว่าต่อจากนี้ไปพี่จะไม่ปล่อยมือจากอลิสอีกแล้วแต่ในเมื่ออลิสต้องการที่จะปล่อยมือพี่ พี่ยอม...
...ความแค้นของเราถือว่าสิ้นสุดลงที่ความเจ็บปวดของพี่ พี่จะขอเป็นฝ่ายจากไปเอง...
ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร อลิต้องความเข้มแข็งนะ ดูแลตัวเองดีๆ เชื่อฟังพัชให้มากๆ เขาเป็นพี่ชายที่แสนดีพอสมควร แล้วก็ลืมพี่เสีย...ลืมไปให้หมดหัวใจพร้อมกับความแค้นที่มี
ขอโทษ
มีน
น้ำใสๆ ที่เอ่อล้นจากขอบตานั้นหยดลงบนกระดาษในมือ เธอพลาดสิ่งสำคัญไปแล้ว อาหารมือสุดท้าย เขาพาเธอไปเที่ยวครั้งสุดท้าย ระหว่างเธอและเขา สร้างความทรงจำก่อนจาก...ทุกอย่างที่เธอทำไม่ใช่เรื่องโกหก มันคือความรู้สึกที่แท้จริงต่างหาก
มือบางเอื้อมไปดึงอัลบั้มรูปนั้นมาเปิดดู โพสต์อิทสีเหลืองติดไว้มุมปกด้านใน “สำหรับอลิส พี่คิดว่าจะเก็บมันไว้สำหรับวันแต่งงานของเรา...แต่มันคงไม่มีวันนั้นแล้ว พี่ให้เธอ อลิสอยากเก็บไว้หรือทิ้ง...ตามใจนะ”
ข้างในนั้นเป็นรูปของเธอตั้งแต่ที่ยังเป็นอลิสหางเปีย หน้าเยินเต็มไปด้วยสิว มือสองข้างกอดแมวตัวเล็กไว้ในอ้อมกอด อีกหลายภาพเป็นหลากหลายอาริยาบถ ด้านหลังของเธอตามเส้นทางที่เดินไปเรียน จนมาถึงตอนที่เธอเป็นอลินาที่สวยหาที่ติไม่ได้ ภาพแรกนั้น...คือ ภาพที่เธอยืนมองออกไปนอกหน้าต่างในวันแรกที่มาถึงเรดคลับ...
หญิงสาวกลั้นเสียงร้องไห้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เธอส่งเสียงออกมาสุดกำลัง เหมือนคนที่สูญเสียอะไรที่รักมากๆไปแล้ว
...เธอต่างหากที่ต้องขอโทษและเสียใจที่เข้าใจเขาผิดเสมอมา...

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ม.ค. 2556, 18:45:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ม.ค. 2556, 18:45:07 น.
จำนวนการเข้าชม : 1744
<< บทที่ ๒๐ แผนแตก | บทที่ ๒๒ กรรมใครกรรมมัน >> |



pseudolife 6 ม.ค. 2556, 23:21:34 น.
โอ๊ยยย พี่มีนหนีไปไหนเนี่ย
โอ๊ยยย พี่มีนหนีไปไหนเนี่ย

nutcha 7 ม.ค. 2556, 11:03:31 น.
ตอนนี้เศร้ามากเลย อ่านไปน้ำตาก็ไหล
ตอนนี้เศร้ามากเลย อ่านไปน้ำตาก็ไหล
