ที่หนึ่งของหัวใจ
เป็นที่รู้กันดีในบริษัทว่า CEO นามว่า พิรัลวัชร เป็นคนเจ้่าคิดเจ้าแค้น ชอบเอาชนะ และมองโลกในแง่ร้ายแบบสุดขั้ว - แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยเอาชนะได้ คือ มิลลาดา เพื่อนในวัยเด็กที่แสนดีจนน่าหมั่นไส้
--------------------------------------------------------------
ความสัมพันธ์อันยาวนานของพิรัลวัชรและมิลลาดา เริ่มต้นในวันที่เขายอมถูกตีแทนเธอ และมอบลูกอมสำหรับนางฟ้าให้
อุบัติเหตุที่พรากชีวิตมารดาของพิรัลวัชรไป ได้เปลี่ยนพี่รัลที่แสนดีของมินนี่ให้กลายเป็นปีศาจตาขวางที่ชั่วร้าย
พิรัลวัชรอิจฉามิลลาดาเสมอมาตั้งแต่ป.1-ม.6 เพราะมิลลาดาสอบได้ที่ 1 ในขณะที่เขาสอบได้ที่ 2 แต่สิ่งที่ทำให้เขาเกลียดเธอมากยิ่งไปกว่านั้นก็คือ มิลลาดาเป็นยัยแสนดีที่น่าหมั่นไส้ ให้อภัยคนไปทั่วจนน่าโมโห ชอบเข้าไปช่วยเหลือ(จุ้น)คนอื่นโดยที่ไม่มีใครขอ และมองโลกในแง่ดีจนเกือบจะเหมือนคนโง่
ทางเดียวและทางสุดท้ายที่เขาจะเอาชนะเธอได้ ก็คือ การเอาชนะใจ
และเขาจะสอนให้ยัยฉลาดที่ไม่ทันต่อโลกใบนี้รู้ว่า คนดีแต่ไม่โง่ น่ะเขาทำกันยังไง
มิลลาดามีความฝันอยู่สองสิ่งในชีวิตนี้ที่เธออยากจะทำให้สำเร็จ
หนึ่ง คือการเปิดสำนักพิมพ์นิยายรักและผลิตหนังสือในแนวที่ต้องการ
สอง คือการลบนิสัยชอบเอาชนะ ขวางโลก เห็นแก่ตัว และมองโลกในแง่ร้ายของพิรัลวัชร และทำให้เขากลายเป็นคนดีที่น่าคบหา
ในขณะที่ทั้งคู่ต่างก็พยายามเปลี่ยนแปลงอีกฝ่ายให้กลายเป็นคนที่ดีหรืออาจจะแย่กว่า อดีตและหัวใจของทั้งคู่ที่ค่อยๆเผยออกมาจะทำให้พวกเขาตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง และปฏิบัติต่ออีกฝ่ายอย่างไร
และพวกเขาจะทำอย่างไรเมื่อพบว่าอดีตที่หายไปพร้อมกับความทรงจำของพิรัลวัชรเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดจนแทบจะทำให้หยุดหายใจ
***หมายเหตุ
ปกติไรเตอร์ไม่ค่อยได้อ่านนิยายไทยเลยนะคะ อ่านแต่นิยายแปลโรมานซ์ ดังนั้นลักษณะงานเขียนก็เลยจะออกไปทางแนวนั้น สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านก็จะมองว่าแปลกได้นะคะ
บทบรรยายก็จะมีเยอะพอสมควร ในขณะที่บทพูดจะเขียนเฉพาะฉากที่มีผลต่อการดำเนินเรื่องเท่านั้นนะคะ
--------------------------------------------------------------
ความสัมพันธ์อันยาวนานของพิรัลวัชรและมิลลาดา เริ่มต้นในวันที่เขายอมถูกตีแทนเธอ และมอบลูกอมสำหรับนางฟ้าให้
อุบัติเหตุที่พรากชีวิตมารดาของพิรัลวัชรไป ได้เปลี่ยนพี่รัลที่แสนดีของมินนี่ให้กลายเป็นปีศาจตาขวางที่ชั่วร้าย
พิรัลวัชรอิจฉามิลลาดาเสมอมาตั้งแต่ป.1-ม.6 เพราะมิลลาดาสอบได้ที่ 1 ในขณะที่เขาสอบได้ที่ 2 แต่สิ่งที่ทำให้เขาเกลียดเธอมากยิ่งไปกว่านั้นก็คือ มิลลาดาเป็นยัยแสนดีที่น่าหมั่นไส้ ให้อภัยคนไปทั่วจนน่าโมโห ชอบเข้าไปช่วยเหลือ(จุ้น)คนอื่นโดยที่ไม่มีใครขอ และมองโลกในแง่ดีจนเกือบจะเหมือนคนโง่
ทางเดียวและทางสุดท้ายที่เขาจะเอาชนะเธอได้ ก็คือ การเอาชนะใจ
และเขาจะสอนให้ยัยฉลาดที่ไม่ทันต่อโลกใบนี้รู้ว่า คนดีแต่ไม่โง่ น่ะเขาทำกันยังไง
มิลลาดามีความฝันอยู่สองสิ่งในชีวิตนี้ที่เธออยากจะทำให้สำเร็จ
หนึ่ง คือการเปิดสำนักพิมพ์นิยายรักและผลิตหนังสือในแนวที่ต้องการ
สอง คือการลบนิสัยชอบเอาชนะ ขวางโลก เห็นแก่ตัว และมองโลกในแง่ร้ายของพิรัลวัชร และทำให้เขากลายเป็นคนดีที่น่าคบหา
ในขณะที่ทั้งคู่ต่างก็พยายามเปลี่ยนแปลงอีกฝ่ายให้กลายเป็นคนที่ดีหรืออาจจะแย่กว่า อดีตและหัวใจของทั้งคู่ที่ค่อยๆเผยออกมาจะทำให้พวกเขาตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง และปฏิบัติต่ออีกฝ่ายอย่างไร
และพวกเขาจะทำอย่างไรเมื่อพบว่าอดีตที่หายไปพร้อมกับความทรงจำของพิรัลวัชรเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดจนแทบจะทำให้หยุดหายใจ
***หมายเหตุ
ปกติไรเตอร์ไม่ค่อยได้อ่านนิยายไทยเลยนะคะ อ่านแต่นิยายแปลโรมานซ์ ดังนั้นลักษณะงานเขียนก็เลยจะออกไปทางแนวนั้น สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านก็จะมองว่าแปลกได้นะคะ
บทบรรยายก็จะมีเยอะพอสมควร ในขณะที่บทพูดจะเขียนเฉพาะฉากที่มีผลต่อการดำเนินเรื่องเท่านั้นนะคะ
Tags: ที่หนึ่งของหัวใจ/โรมานซ์/คอมเมดี้/ซึ้งกินใจ/เศร้า/เพื่อน/ครอบครัว/ความทรงจำ/สืบสวน
ตอน: บทนำ :: The Beginning of Loss
บทนำ
วันศุกร์ที่ 27 ธ.ค. พ.ศ. 2556
วันสุดท้ายของการทำงานปี พ.ศ. 2556
ผลงานเป็นตัวชี้ชะตาว่า วันหยุดปีใหม่ คุณจะได้ไปเที่ยวอย่างสบายใจ หรือนั่งเครียดคิดงานมาเสนอเจ้านายใหม่ปีหน้า...
ธนนันท์ นักออกแบบสุขภัณฑ์มือหนึ่งของบริษัท สยามสุขภัฑณพิบูลย์ จำกัด ภายใต้ชื่อทางการค้า YETCH ยืนมอง พิรัลวัชรนั่งจ้องโถสุขภัณฑ์สีขาววาววับรุ่นใหม่ล่าสุดที่เขากับทีมงานร่วมกันพัฒนาเป็นครั้งที่ห้าในรอบหกเดือน ด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง
เขาเคยคิดว่าตัวเองเป็นพวกที่มีความคิดสร้างสรรค์และปราดเปรื่องที่สุดในงานด้านนี้ แต่เหมือนพิรัลวัชรจะไม่คิดเช่นนั้น แน่นอนว่าในตอนแรกที่งานสุดบรรเจิดของเขาถูกปฏิเสธด้วยคำว่า ‘ไม่ได้เรื่อง’ ธนนันท์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าพิรัลวัชรก็แค่เด็กไม่รู้จักโตที่เกิดมาบนกองเงินกองทองเท่านั้น แต่เขาคิดผิด!
พิรัลวัชรคืออัจฉริยะด้านโถสุขภัณฑ์ตัวจริงเสียงจริง ซีอีโอหนุ่มคนนี้รู้ซึ้งถึงความต้องการของลูกค้า ความสำเร็จของเขาสะท้อนอยู่ในงบการเงินของบริษัท และไม่มีใครสามารถปฏิเสธตัวเลขพวกนั้นได้
ตั้งแต่พิรัลวัชรเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดและเลื่อนขึ้นมาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กำไรแต่ละไตรมาสของบริษัทก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และบริษัทยังสามารถขยายฐานลูกค้าในตลาดต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นถึง 50% ภายในระยะเวลาไม่ถึงสองปี
ความสามารถของเขาเป็นที่เลื่องลือพอๆกับความเพี้ยนที่เขาไม่เคยคิดจะปกปิด หรืออาจเป็นเพราะเขาคิดว่าตัวเองปกติดี ในขณะที่คนอื่นๆไม่คิดเช่นนั้น เป็นที่รู้กันดีในบริษัทว่า... พิรัลวัชร เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น เด็ดขาดไม่ผ่อนปรน ชอบเอาชนะ และมองโลกในแง่ร้ายแบบสุดขั้ว
ในช่วงที่พิรัลวัชรขึ้นดำรงตำแหน่งซีอีโอเดือนแรกๆ เขาจับได้ว่าผู้จัดการฝ่ายบัญชีตกแต่งตัวเลขทางบัญชีและโกงเงินบริษัทไปถึงห้าล้านบาท ถ้าเป็นบริษัทอื่นก็คงจะแค่ให้ลาออกและชดใช้เงินคืน เพื่อไม่ให้กระทบถึงชื่อเสียงของบริษัท แต่พิรัลวัชรไม่ยอมจบแค่นั้น เขาส่งเรื่องให้อัยการและจ้างทนายมาพิสูจน์ถึงเจตนาในการทุจริตของผู้จัดการบัญชีคนนั้น เพื่อจับหล่อนเข้าคุก และภัควัฒน์ เลขานุการคนปัจจุบันของพิรัลวัชร คิดว่าเจ้านายของเขาสะใจที่ได้ทำแบบนั้น และนั่นเป็นเพียงหนึ่งในเหตุการณ์เชือดไก่ให้ลิงดู
ก่อนที่ภัควัฒน์จะถูกจ้าง ผู้จัดการฝ่ายบุคคลจ้างผู้หญิงอายุน้อยหน้าตาดีคนหนึ่งให้มาเป็นเลขานุการส่วนตัวของซีอีโอจอมเฮี้ยบผู้นี้ แทนศิริจันทร์เลขานุการของทวีศักดิ์ซึ่งถือโอกาสลาออกไปเมื่อเจ้านายที่เธอรับใช้มานานป่วยจนต้องส่งมอบกิจการให้อยู่ในความดูแลของลูกชายคนกลางเร็วกว่ากำหนด
เจตนาในการบริการกาแฟสตาร์บัคส์ทุกเช้า และคอยดูแลเจ้านายมากเกินควรของโสวิตรา ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไปเพราะหน้าที่ของเลขาฯที่ดี หรือต้องการเรียกร้องความสนใจ และพิรัลวัชรก็ไม่มีคติเอาเลขาฯมาเป็นเมียคนที่สองในที่ทำงาน ก็ในเมื่อเขายังไม่มีเมียคนแรกเลยด้วยซ้ำ เขาเกลียดผู้หญิงที่จ้องจะจับผู้ชายรวยๆจนตัวสั่น โดยไม่ต้องรอการไต่สวนหรือสืบพยานให้มากความ ซีอีโอหนุ่มฟังธงว่าเธออยากเป็นหนูตกถังข้าวสาร และไล่ออกทันทีที่สบโอกาส และนั่นเป็นการดับความคาดหวังอันริบหรี่ของพนักงานหญิงทุกคนในบริษัท
อย่างไรก็ตามวันนี้ พิรัลวัชรดูไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างยิ่ง หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ที่เขาพึ่งรับตอนเดินเข้ามาในห้องเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์เมื่อประมาณสิบนาทีก่อน
ธนนันท์ไม่ค่อยเข้าใจบทสนทนาเหล่านั้น แต่เขารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นแน่ๆ ซึ่งบทสนทนานั้นมีอยู่ว่า
“สวัสดีครับคุณอา ครับ คุยได้... ผมก็คิดอย่างนั้น… ว่าไงนะครับ! มินจะลาออกจากบริษัทคุณอา ทำไมล่ะครับ... ครับ... ผมว่าคุณอาคิดถูกแล้ว...ครับ ผมเข้าใจ... ผู้รู้ครับ... คุณอาทำถูกแล้วครับ... ครับ สวัสดีครับ”
และตอนนี้พิรัลวัชรกำลังยิ้มอย่างไร้เหตุผล และสายตาของเขาก็ไม่ได้อยู่ที่โถสุขภัณฑ์ แต่กำลังลอยละล่องอย่างไร้จุดหมายเหมือนเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นชายหนุ่มก็หัวเราะ ธนนันท์หลับตาลงเตรียมรอรับความเจ็บปวดจากคำวิจารณ์ที่กำลังจะตามมา
“ผมชนะ! ในที่สุดผมก็ชนะ” พิรัลวัชรกระตุกยิ้มที่ทำให้เขาดูเหมือนพวกตัวโกงในละครหลังข่าว และเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ธนนันท์ลืมตาขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัวๆแล้วถาม
“หมายความว่ายังไงครับคุณรัล”
“ผมชนะเธอแล้วยังไงล่ะ” พิรัลวัชรตวัดเสียงตอบอย่างหงุดหงิด
“เออ... แล้วโถสุขภัณฑ์นี่ล่ะครับ” ธนนันท์ถามพร้อมกับชี้ไปที่โถสุขภัณฑ์ตรงหน้า
“อ๋อ โถนี่น่ะเหรอ” เป็นครั้งแรกที่พิรัลวัชรมองโถสุขภัณฑ์เต็มๆตา เขาลุกขึ้นเดินวนรอบโถสุขภัณฑ์มองซ้ายขวาหน้าหลังก่อนจะทดลองนั่งเปลี่ยนท่าอยู่ประมาณห้านาทีแล้วพูดขึ้นว่า “เยี่ยม! คุณทำได้ดีมากธนนันท์ โถส้วมนี่จะเป็นคอลเล็คชั่นใหม่ในปีหน้า คุณทำงานดีมาก ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะ ขอให้เที่ยวให้มีความสุขในวันปีใหม่”
พิรัลวัชรตบบ่าธนนันท์แรงๆสองทีสำหรับการทำงานหนัก แล้วรีบเดินออกจากห้องเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ธนนันท์มัวแต่ยืนอึ้งพูดอะไรไม่ออก
“ฉันคิดว่า… ฉันน่าจะมีความสุขมากกว่านี้” พิรัลวัชรขมวดคิ้วถามหมอกานต์ หลังจากที่ชายหนุ่มออกจากห้องเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ เขาก็รีบขับรถมาโรงพยาบาลวัชโรธรทันที
“ทำไมแกถึงคิดว่าแกควรมีความสุขล่ะ” กานต์ จิตแพทย์เพื่อนสนิทสมัยมัธยมปลายของพิรัลวัชรถาม
“ฉันชนะมินนี่แล้วไงไอกานต์” พิรัลวัชรตอบพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจเต็มที่ ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปวนไปรอบๆ เขานับนิ้วขณะค่อยๆร่ายความล้มเหลวของมิลลาดาออกมาทีละข้อ
“ตอนนี้มินนี่กำลังตกต่ำสุดๆ ความรักแย่ การงานแย่ ชีวิตส่วนตัวแย่ ล้มเหลวไปหมดทุกอย่าง เทียบกับฉันที่มีแต่ผู้หญิงมารุม แถมยังเป็นซีอีโอบริษัทแล้ว มันคนละชั้นกันเห็นๆ”
หมอกานต์ส่ายหัวเมื่อได้ฟัง แล้วก้มลงเขียนบางอย่างลงในบันทึกประวัติคนไข้ พร้อมกับเขียนวงกลมรอบชื่อ ‘มิลลาดา’ เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเขาก็จำไม่ได้ เป็นที่แน่นอนมานานแล้วว่าพิรัลวัชรมีความฝังใจกับมิลลาดาขั้นรุนแรง พ่อของพวกเขาทั้งสองคนรู้จักกันตั้งแต่ทั้งคู่ยังไม่เกิด อาจเรียกได้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเป็นทารก แต่พิรัลวัชรน่าจะคิดว่ามิลลาดาเป็นศัตรูเสียมากกว่า
เท่าที่กานต์รู้ ตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่หนึ่งถึงมัธยมศึกษาปีที่หกรวมถึงคะแนนสอบเอนทรานซ์ พิรัลวัชรไม่เคยชนะมิลลาดาได้เลย หล่อนเก่งกว่าเขาไปเสียทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องเรียน เรื่องกีฬา ไปจนถึงเรื่องความสามารถพิเศษทุกแขนง มิลลาดาเป็นที่หนึ่งเสมอ ส่วนพิรัลวัชรเป็นได้อย่างมากที่สุดแค่ที่สอง และนั่นหมายถึงความพ่ายแพ้ที่น่าอัปยศอดสู เป็นตราบาปและรอยด่างพร้อยที่ประทับตัวพิรัลวัชรมาจนถึงทุกวันนี้
แม้แต่เรื่องความสูงพิรัลวัชรก็ยังแพ้มิลลาดา จนกระทั่งขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ห้านั่นแหละที่ชายหนุ่มสูงพรวดพราดขึ้นมาอย่างไม่แน่เชื่อ ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็คงจะแพ้มิลลาดาในเรื่องความสูงไปจนวันตาย
“ที่แกยังไม่มีความสุข อาจเป็นเพราะว่าการเห็นมิลลาดาตกต่ำไม่ใช่สิ่งที่แกต้องการจริงๆ” กานต์แนะนำ
“ไม่ไม่ไม่” พิรัลวัชรส่ายหัวปฏิเสธเสียงกร้าว “ฉันมีความสุขที่เห็นยัยมินนี่ตกต่ำ แต่ฉันไม่ชอบเห็นเธอซึมเศร้า ความเศร้าเป็นเรื่องน่าเบื่อ ความโกรธสิถึงจะเป็นเรื่องน่าสนุก”
“การแข่งขันที่คู่แข่งไม่ยอมแข่งด้วย มันไม่เรียกว่าการแข่งขันหรอกนะ”
พิรัลวัชรหยุดเดินแล้วหันมามองกานต์เหมือนคิดอะไรบางอย่างออก
“นั่นแหละๆ” ก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้คนไข้ตรงหน้ากานต์อีกครั้งอย่างรวดเร็ว “ฉันรู้สึกเหมือนยังไม่เป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นฉันไม่ได้เป็นคนลงมือทำเองทั้งหมดยังไงล่ะ”
“การลากมินไปเจอแฟนเค้ากำลังจ้ำจี้กับคนอื่นนี่ยังไม่เรียกว่า ‘ลงมือทำ’ อีกเหรอ” กานต์แย้ง
“ไม่ทั้งหมดยังไงล่ะ แถมมินนี่ยังเป็นคนลาออกจากบริษัทพ่อตัวเองไปทำงานสำนักพิมพ์เองด้วย มันเลยเหมือนเธอเต็มใจที่จะเป็นแบบนั้นเอง มันต้องเป็นการถูกไล่ออก โดยไม่เต็มใจ ไม่ใช่เต็มใจ”
“งั้นแกต้องเป็นคนหักอกมินเองใช่ไหม ถึงจะพอใจ” กานต์เอ่ยแบบปลงๆ
พิรัลวัชรตบโต๊ะเสียงดังอย่างชอบอกชอบใจ “เป็นไอเดียที่บรรเจิดมากเพื่อน” ชายหนุ่มพุ่งไปกอดเพื่อนรักแรงๆหนึ่งที “แกนี่มันสุดยอดจริงๆ สมแล้วที่เป็นจิตแพทย์มือหนึ่ง”
และในวินาทีนั้นกานต์รู้สึกว่าเขาได้ชี้โพรงให้กระรอกตัวร้ายเข้าให้แล้ว
วันศุกร์ที่ 27 ธ.ค. พ.ศ. 2556
วันสุดท้ายของการทำงานปี พ.ศ. 2556
ผลงานเป็นตัวชี้ชะตาว่า วันหยุดปีใหม่ คุณจะได้ไปเที่ยวอย่างสบายใจ หรือนั่งเครียดคิดงานมาเสนอเจ้านายใหม่ปีหน้า...
ธนนันท์ นักออกแบบสุขภัณฑ์มือหนึ่งของบริษัท สยามสุขภัฑณพิบูลย์ จำกัด ภายใต้ชื่อทางการค้า YETCH ยืนมอง พิรัลวัชรนั่งจ้องโถสุขภัณฑ์สีขาววาววับรุ่นใหม่ล่าสุดที่เขากับทีมงานร่วมกันพัฒนาเป็นครั้งที่ห้าในรอบหกเดือน ด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง
เขาเคยคิดว่าตัวเองเป็นพวกที่มีความคิดสร้างสรรค์และปราดเปรื่องที่สุดในงานด้านนี้ แต่เหมือนพิรัลวัชรจะไม่คิดเช่นนั้น แน่นอนว่าในตอนแรกที่งานสุดบรรเจิดของเขาถูกปฏิเสธด้วยคำว่า ‘ไม่ได้เรื่อง’ ธนนันท์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าพิรัลวัชรก็แค่เด็กไม่รู้จักโตที่เกิดมาบนกองเงินกองทองเท่านั้น แต่เขาคิดผิด!
พิรัลวัชรคืออัจฉริยะด้านโถสุขภัณฑ์ตัวจริงเสียงจริง ซีอีโอหนุ่มคนนี้รู้ซึ้งถึงความต้องการของลูกค้า ความสำเร็จของเขาสะท้อนอยู่ในงบการเงินของบริษัท และไม่มีใครสามารถปฏิเสธตัวเลขพวกนั้นได้
ตั้งแต่พิรัลวัชรเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดและเลื่อนขึ้นมาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กำไรแต่ละไตรมาสของบริษัทก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และบริษัทยังสามารถขยายฐานลูกค้าในตลาดต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นถึง 50% ภายในระยะเวลาไม่ถึงสองปี
ความสามารถของเขาเป็นที่เลื่องลือพอๆกับความเพี้ยนที่เขาไม่เคยคิดจะปกปิด หรืออาจเป็นเพราะเขาคิดว่าตัวเองปกติดี ในขณะที่คนอื่นๆไม่คิดเช่นนั้น เป็นที่รู้กันดีในบริษัทว่า... พิรัลวัชร เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น เด็ดขาดไม่ผ่อนปรน ชอบเอาชนะ และมองโลกในแง่ร้ายแบบสุดขั้ว
ในช่วงที่พิรัลวัชรขึ้นดำรงตำแหน่งซีอีโอเดือนแรกๆ เขาจับได้ว่าผู้จัดการฝ่ายบัญชีตกแต่งตัวเลขทางบัญชีและโกงเงินบริษัทไปถึงห้าล้านบาท ถ้าเป็นบริษัทอื่นก็คงจะแค่ให้ลาออกและชดใช้เงินคืน เพื่อไม่ให้กระทบถึงชื่อเสียงของบริษัท แต่พิรัลวัชรไม่ยอมจบแค่นั้น เขาส่งเรื่องให้อัยการและจ้างทนายมาพิสูจน์ถึงเจตนาในการทุจริตของผู้จัดการบัญชีคนนั้น เพื่อจับหล่อนเข้าคุก และภัควัฒน์ เลขานุการคนปัจจุบันของพิรัลวัชร คิดว่าเจ้านายของเขาสะใจที่ได้ทำแบบนั้น และนั่นเป็นเพียงหนึ่งในเหตุการณ์เชือดไก่ให้ลิงดู
ก่อนที่ภัควัฒน์จะถูกจ้าง ผู้จัดการฝ่ายบุคคลจ้างผู้หญิงอายุน้อยหน้าตาดีคนหนึ่งให้มาเป็นเลขานุการส่วนตัวของซีอีโอจอมเฮี้ยบผู้นี้ แทนศิริจันทร์เลขานุการของทวีศักดิ์ซึ่งถือโอกาสลาออกไปเมื่อเจ้านายที่เธอรับใช้มานานป่วยจนต้องส่งมอบกิจการให้อยู่ในความดูแลของลูกชายคนกลางเร็วกว่ากำหนด
เจตนาในการบริการกาแฟสตาร์บัคส์ทุกเช้า และคอยดูแลเจ้านายมากเกินควรของโสวิตรา ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไปเพราะหน้าที่ของเลขาฯที่ดี หรือต้องการเรียกร้องความสนใจ และพิรัลวัชรก็ไม่มีคติเอาเลขาฯมาเป็นเมียคนที่สองในที่ทำงาน ก็ในเมื่อเขายังไม่มีเมียคนแรกเลยด้วยซ้ำ เขาเกลียดผู้หญิงที่จ้องจะจับผู้ชายรวยๆจนตัวสั่น โดยไม่ต้องรอการไต่สวนหรือสืบพยานให้มากความ ซีอีโอหนุ่มฟังธงว่าเธออยากเป็นหนูตกถังข้าวสาร และไล่ออกทันทีที่สบโอกาส และนั่นเป็นการดับความคาดหวังอันริบหรี่ของพนักงานหญิงทุกคนในบริษัท
อย่างไรก็ตามวันนี้ พิรัลวัชรดูไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างยิ่ง หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ที่เขาพึ่งรับตอนเดินเข้ามาในห้องเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์เมื่อประมาณสิบนาทีก่อน
ธนนันท์ไม่ค่อยเข้าใจบทสนทนาเหล่านั้น แต่เขารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นแน่ๆ ซึ่งบทสนทนานั้นมีอยู่ว่า
“สวัสดีครับคุณอา ครับ คุยได้... ผมก็คิดอย่างนั้น… ว่าไงนะครับ! มินจะลาออกจากบริษัทคุณอา ทำไมล่ะครับ... ครับ... ผมว่าคุณอาคิดถูกแล้ว...ครับ ผมเข้าใจ... ผู้รู้ครับ... คุณอาทำถูกแล้วครับ... ครับ สวัสดีครับ”
และตอนนี้พิรัลวัชรกำลังยิ้มอย่างไร้เหตุผล และสายตาของเขาก็ไม่ได้อยู่ที่โถสุขภัณฑ์ แต่กำลังลอยละล่องอย่างไร้จุดหมายเหมือนเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นชายหนุ่มก็หัวเราะ ธนนันท์หลับตาลงเตรียมรอรับความเจ็บปวดจากคำวิจารณ์ที่กำลังจะตามมา
“ผมชนะ! ในที่สุดผมก็ชนะ” พิรัลวัชรกระตุกยิ้มที่ทำให้เขาดูเหมือนพวกตัวโกงในละครหลังข่าว และเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ธนนันท์ลืมตาขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัวๆแล้วถาม
“หมายความว่ายังไงครับคุณรัล”
“ผมชนะเธอแล้วยังไงล่ะ” พิรัลวัชรตวัดเสียงตอบอย่างหงุดหงิด
“เออ... แล้วโถสุขภัณฑ์นี่ล่ะครับ” ธนนันท์ถามพร้อมกับชี้ไปที่โถสุขภัณฑ์ตรงหน้า
“อ๋อ โถนี่น่ะเหรอ” เป็นครั้งแรกที่พิรัลวัชรมองโถสุขภัณฑ์เต็มๆตา เขาลุกขึ้นเดินวนรอบโถสุขภัณฑ์มองซ้ายขวาหน้าหลังก่อนจะทดลองนั่งเปลี่ยนท่าอยู่ประมาณห้านาทีแล้วพูดขึ้นว่า “เยี่ยม! คุณทำได้ดีมากธนนันท์ โถส้วมนี่จะเป็นคอลเล็คชั่นใหม่ในปีหน้า คุณทำงานดีมาก ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะ ขอให้เที่ยวให้มีความสุขในวันปีใหม่”
พิรัลวัชรตบบ่าธนนันท์แรงๆสองทีสำหรับการทำงานหนัก แล้วรีบเดินออกจากห้องเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ธนนันท์มัวแต่ยืนอึ้งพูดอะไรไม่ออก
“ฉันคิดว่า… ฉันน่าจะมีความสุขมากกว่านี้” พิรัลวัชรขมวดคิ้วถามหมอกานต์ หลังจากที่ชายหนุ่มออกจากห้องเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ เขาก็รีบขับรถมาโรงพยาบาลวัชโรธรทันที
“ทำไมแกถึงคิดว่าแกควรมีความสุขล่ะ” กานต์ จิตแพทย์เพื่อนสนิทสมัยมัธยมปลายของพิรัลวัชรถาม
“ฉันชนะมินนี่แล้วไงไอกานต์” พิรัลวัชรตอบพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจเต็มที่ ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปวนไปรอบๆ เขานับนิ้วขณะค่อยๆร่ายความล้มเหลวของมิลลาดาออกมาทีละข้อ
“ตอนนี้มินนี่กำลังตกต่ำสุดๆ ความรักแย่ การงานแย่ ชีวิตส่วนตัวแย่ ล้มเหลวไปหมดทุกอย่าง เทียบกับฉันที่มีแต่ผู้หญิงมารุม แถมยังเป็นซีอีโอบริษัทแล้ว มันคนละชั้นกันเห็นๆ”
หมอกานต์ส่ายหัวเมื่อได้ฟัง แล้วก้มลงเขียนบางอย่างลงในบันทึกประวัติคนไข้ พร้อมกับเขียนวงกลมรอบชื่อ ‘มิลลาดา’ เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเขาก็จำไม่ได้ เป็นที่แน่นอนมานานแล้วว่าพิรัลวัชรมีความฝังใจกับมิลลาดาขั้นรุนแรง พ่อของพวกเขาทั้งสองคนรู้จักกันตั้งแต่ทั้งคู่ยังไม่เกิด อาจเรียกได้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเป็นทารก แต่พิรัลวัชรน่าจะคิดว่ามิลลาดาเป็นศัตรูเสียมากกว่า
เท่าที่กานต์รู้ ตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่หนึ่งถึงมัธยมศึกษาปีที่หกรวมถึงคะแนนสอบเอนทรานซ์ พิรัลวัชรไม่เคยชนะมิลลาดาได้เลย หล่อนเก่งกว่าเขาไปเสียทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องเรียน เรื่องกีฬา ไปจนถึงเรื่องความสามารถพิเศษทุกแขนง มิลลาดาเป็นที่หนึ่งเสมอ ส่วนพิรัลวัชรเป็นได้อย่างมากที่สุดแค่ที่สอง และนั่นหมายถึงความพ่ายแพ้ที่น่าอัปยศอดสู เป็นตราบาปและรอยด่างพร้อยที่ประทับตัวพิรัลวัชรมาจนถึงทุกวันนี้
แม้แต่เรื่องความสูงพิรัลวัชรก็ยังแพ้มิลลาดา จนกระทั่งขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ห้านั่นแหละที่ชายหนุ่มสูงพรวดพราดขึ้นมาอย่างไม่แน่เชื่อ ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็คงจะแพ้มิลลาดาในเรื่องความสูงไปจนวันตาย
“ที่แกยังไม่มีความสุข อาจเป็นเพราะว่าการเห็นมิลลาดาตกต่ำไม่ใช่สิ่งที่แกต้องการจริงๆ” กานต์แนะนำ
“ไม่ไม่ไม่” พิรัลวัชรส่ายหัวปฏิเสธเสียงกร้าว “ฉันมีความสุขที่เห็นยัยมินนี่ตกต่ำ แต่ฉันไม่ชอบเห็นเธอซึมเศร้า ความเศร้าเป็นเรื่องน่าเบื่อ ความโกรธสิถึงจะเป็นเรื่องน่าสนุก”
“การแข่งขันที่คู่แข่งไม่ยอมแข่งด้วย มันไม่เรียกว่าการแข่งขันหรอกนะ”
พิรัลวัชรหยุดเดินแล้วหันมามองกานต์เหมือนคิดอะไรบางอย่างออก
“นั่นแหละๆ” ก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้คนไข้ตรงหน้ากานต์อีกครั้งอย่างรวดเร็ว “ฉันรู้สึกเหมือนยังไม่เป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นฉันไม่ได้เป็นคนลงมือทำเองทั้งหมดยังไงล่ะ”
“การลากมินไปเจอแฟนเค้ากำลังจ้ำจี้กับคนอื่นนี่ยังไม่เรียกว่า ‘ลงมือทำ’ อีกเหรอ” กานต์แย้ง
“ไม่ทั้งหมดยังไงล่ะ แถมมินนี่ยังเป็นคนลาออกจากบริษัทพ่อตัวเองไปทำงานสำนักพิมพ์เองด้วย มันเลยเหมือนเธอเต็มใจที่จะเป็นแบบนั้นเอง มันต้องเป็นการถูกไล่ออก โดยไม่เต็มใจ ไม่ใช่เต็มใจ”
“งั้นแกต้องเป็นคนหักอกมินเองใช่ไหม ถึงจะพอใจ” กานต์เอ่ยแบบปลงๆ
พิรัลวัชรตบโต๊ะเสียงดังอย่างชอบอกชอบใจ “เป็นไอเดียที่บรรเจิดมากเพื่อน” ชายหนุ่มพุ่งไปกอดเพื่อนรักแรงๆหนึ่งที “แกนี่มันสุดยอดจริงๆ สมแล้วที่เป็นจิตแพทย์มือหนึ่ง”
และในวินาทีนั้นกานต์รู้สึกว่าเขาได้ชี้โพรงให้กระรอกตัวร้ายเข้าให้แล้ว
ฌลารักษ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ม.ค. 2556, 23:29:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มิ.ย. 2556, 23:45:20 น.
จำนวนการเข้าชม : 2161
<< แนะนำตัวละคร | บทที่ 1 :: Devil vs. Angel >> |
ตถตา 30 ม.ค. 2556, 09:44:53 น.
น่าอ่านๆ พยายามต่อไปนะครับ
น่าอ่านๆ พยายามต่อไปนะครับ