ขวัญใจไตรทศ
ความรัก... ความประทับใจ ได้ก่อตัวขึ้นแล้วอย่างเงียบเชียบ ท่ามกลางเสียงเล็กๆ ของคนตัวน้อย ความรู้สึกนั้นถูกถักทอ สานต่อและร้อยรัดหัวใจสองดวงเข้าด้วยกันอย่างแนบแน่น และทุกอย่างดำเนินไปอย่างช้าๆ เรียบง่าย จนกว่าทั้งคู่จะรู้ตัว...
เรื่องนี้เขียนจบแล้วในเว็บเด็กดีนะคะ เลยไม่ได้เอามาลงให้ได้อ่านกันอีก แต่จะลงเรื่อง แหวนแทนรัก ค่ะ
เรื่องนี้เขียนจบแล้วในเว็บเด็กดีนะคะ เลยไม่ได้เอามาลงให้ได้อ่านกันอีก แต่จะลงเรื่อง แหวนแทนรัก ค่ะ
Tags: ขวัญใจไตรทศ,เคียงอักษร,ไตรทศ,ขวัญใจ,พี่หมาก,น้องโรส
ตอน: ยินดีต้อนรับ
บทที่ 1 ยินดีต้อนรับ
ภายในบ้านไม้กลางเก่ากลางใหม่สองชั้นถูกตกแต่งเรียบง่าย ห้องนั่งเล่นมีเพียงชุดโซฟาเล็กๆ สามตัวกับโต๊ะเตี้ยวางกลาง มุมห้องทั้งสองถูกประดับด้วยแจกันดอกไม้สองใบที่วางอยู่บนโต๊ะตัวสูง ผนังด้านข้างอัดแน่นไปด้วยหนังสือนานาชนิดซึ่งถูกจัดเรียงเข้าที่ภายในชั้นวางหนังสือ มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าสามในสี่คือหนังสือสำหรับเด็ก เขาคงจะรักลูกมากทีเดียว ผู้ชายหน้าเข้มที่มีจิตใจอ่อนโยนและมีจิตวิญญาณของความเป็นพ่อเต็มเปี่ยม...
ไตรทศเดินนำร่างบางเข้าไปในห้องทำงานขนาดกะทัดรัด ก่อนผายมือเชื้อเชิญ “เชิญนั่งสิ...คุณขวัญใจ”
หญิงสาวยิ้มเป็นเชิงขอบคุณ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้สีขรึมจนเรียบร้อย ชายหนุ่มจึงเดินอ้อมไปยังเก้าอี้ตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสารอะไรต่อมิอะไรมากมายจนแยกไม่ออก
“ต้องขอโทษทีนะห้องรกไปสักหน่อย...” เขาพูดราวกับรู้ความคิดของหญิงสาว จะว่าไปแล้ว นัยน์ตากลมโตแม้จะไม่ใสแจ๋วเหมือนกับน้องโรสลูกสาวของเขา แต่เจ้าตัวก็ไม่สามารถปิดบังความคิดที่ฉายสะท้อนออกมาจากแววตาคู่สวยได้ทั้งหมด
“ไม่เป็นไรค่ะ” ขวัญใจตอบเหนียมๆ สองมือประสานกันเย็นเฉียบ เขาไม่ใช่นักธุรกิจในสูทหรูหรา ไม่ใช่อาจารย์ฝ่ายปกครองที่เธอต้องเคารพและยำเกรง ไม่ใช่ญาติผู้ใหญ่ที่เธอต้องอ่อนน้อม แต่ไม่รู้ทำไมเธอจึงกลัวเขานัก...อาจเป็นเพราะใบหน้าดุกระด้างที่รกไปด้วยหนวดเคราของเขาล่ะมั้ง คนอะไรอยู่ในเมืองแท้ๆ แต่ทำตัวเหมือนพวกคนป่า นี่ออกจากบ้านทีคนไม่แตกตื่นกันหมดหรือไงนะ ขวัญใจค่อนเขาอีกครั้ง
“เพิ่งจบมาไม่กี่เดือนนี่” ชายหนุ่มเริ่มต้นสัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม แต่กลับทุ้มนุ่มนวลชวนฟังในความรู้สึกของหญิงสาว ขวัญใจรีบกำจัดสีหน้าเด๋อด๋าและความตกประหม่าก่อนตอบ
“ค่ะ เพิ่งจบมาได้สามเดือน”
ดวงตาคมกริบตวัดแว๊บผ่านใบหน้ารูปหัวใจก่อนหลุบตาลงอ่านประวัติหญิงสาวอีกครั้ง ขวัญใจจึงได้โอกาสสำรวจคนเถื่อนตรงหน้าอย่างปลอดภัย จะว่าไปแล้วเขาเป็นผู้ชายที่น่าอิจฉามาก แม้เธอจะไม่เห็นว่าใบหน้าทั้งหมดของเขาเป็นแบบไหน แต่ที่แน่ๆ และรู้ชัดคือคิ้วของเขาหนาเข้มพาดเฉียงบ่งบอกถึงความเอาจริง ดวงตาของเขาสวยแต่คมกริบและคงเอาเรื่องไม่เบา ขนตาก็ยาวและงอนจนผู้หญิงอย่างเธอยังอิจฉา จมูกโด่งเป็นสันเข้ารูปรับกับริมฝีปากสีเข้มที่ปิดสนิทเป็นนิจและคงเจ้าอารมณ์ไม่น้อยหากไม่ถูกใจ ขวัญใจลอบมองอยู่ครู่ก่อนหลบตาวูบเมื่อคนถูกมองตวัดสายตาขึ้นมองกะทันหัน
ดวงตาสีจัดหรี่มองหญิงสาวตรงหน้าก่อนคลายหายเป็นปกติ มุมปากที่หยักยกเหยียดคลายลงประดุจเดิม ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มดุจเดิม
“วุฒิของคุณนี่น่าจะไปเป็นครูบาอาจารย์นะ ทำไมไม่ไปสอบแข่งขันล่ะ หรือว่ายังไม่เปิดสอบ?” ถามพลางมองคนตัวเล็กตรงหน้าพร้อมกวาดตามองสำรวจเธอเป็นครั้งแรก
“สอบใหญ่ต้องรอปีหน้าค่ะ ปีนี้ไม่ทันแล้ว...”
น้ำเสียงที่บอกออกมาหวานกังวานคลายระฆังเสียงใส ใบหน้ารูปหัวใจบ่งบอกว่าเป็นคนอารมณ์ดี ดวงตากลมโตนั้นฉายความซื่อตรง แต่จมูกโด่งรั้นกับริมฝีปากสีเรื่อที่เม้มสนิทนี่สิฟ้องเขาว่าเธอดื้อไม่น้อยหรอก
“แล้วทำไมไม่ไปสมัครงานตามโรงเรียนล่ะ เอกชนก็รับเยอะนี่ อาจดีกว่าที่นี่นะ ทั้งเงินเดือนและสวัสดิการ...” ชายหนุ่มยังคงเอ่ยถามต่อไปเรื่อยๆ และหยิบยกหนทางที่ดีกว่าให้เธอ พร้อมกับจับตามองใบหน้าหวานๆ นั่นไม่คลาด ขวัญใจสบตาเขาเพียงครู่ก่อนหลุบตาลงมองมือตนเองอีกครั้ง อยากบอกเขาเหลือเกินว่าหากที่โรงเรียนเหล่านั้นมีที่พักฟรีให้ เธอก็จะไปสมัคร แต่ช่างบังเอิญเหลือเกินที่โรงเรียนเหล่านั้นไม่มีสวัสดิการนี้เหมือนกับที่นี่มีให้ เธอจึงเลือกมาสมัครกับเขา และคงจะดีใจมากหากเขารับทันที ซึ่งก็พอดีกับที่สัญญาเช่าห้องเท่ารูหนูหมดลง คิดถึงความรันทดของตนเองแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาพร้อมคำตอบ...
“ดิฉัน ต้องการที่พักฟรีค่ะ คือ สัญญากับที่พักเก่ากำลังจะหมดลงค่ะ แล้วดิฉันต้องประหยัดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด แล้วเห็นว่า คุณเอ่อ คุณไตรทศปิดประกาศรับสมัครพี่เลี้ยงเด็ก ที่พักและอาหารฟรี ดิฉันจึงสนใจค่ะ”
“แล้วไม่กลัวเหรอ?” ถามทันควันโดยที่ขวัญใจไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวสบตาคมนิ่ง ดวงตากลมโตไหววับหวั่นไหว เป็นเหตุให้มุมปากสีเข้มกระตุกยิ้มนิดหนึ่ง
“ถ้ากลัว...จะเปลี่ยนใจก็ได้นะ” เขาพูดพลางวางเอกสารของขวัญใจลงตรงหน้า ราวกับมั่นใจว่าหญิงสาวจะเปลี่ยนใจ ริมฝีปากอิ่มสวยเม้มเข้าหากันแน่นสนิท ใช่! เธออาจค่อนข้างกลัวเขานิดหนึ่งล่ะ แต่เมื่อคิดถึงเด็กตัวเล็กสองคนนั่นแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวเขาสักนิด ในเมื่อเด็กยังไม่กลัวแล้วเธอจะกลัวทำไม อย่างน้อยเธอก็คิดว่าเขาอาจจะไม่เลวร้ายเหมือนกับหน้าตาของเขาขณะนี้หรอก เพราะจะว่าไปแล้วแม้บนหน้าดุๆ จะรกครึ้มไปด้วยหนวดเครา แต่ในความรกครึ้ม เธอกลับมองเห็นความคมคายที่ฉายออกมารำไรนั่น
ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กยืดตัวตรง ใบหน้าก้มๆ เมื่อครู่เชิดขึ้น ดวงตาวาววับหยิ่งทะนง ก่อนจะได้ยินคำยืนยันชัดเจนจากปากเต็มอิ่มคูนั้นของคนตรงหน้านี้ถนัด
“ดิฉันไม่กลัวค่ะ”
“แน่ใจ?”
คราวนี้ขวัญใจเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเขา แม้เพียงวูบเดียวแต่เธอสาบานได้ว่าเห็นจริงๆ
“แน่ใจค่ะ” ยืนยันหนักแน่น อีกฝ่ายจึงพยักหน้ารับรู้
“งานของคุณคือการดูแลเด็กสองคนที่ซนแต่ไม่ดื้อ อ้อนบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่บ่อยจนน่ารำคาญ เช้าตื่นมาคุณต้องดูแลจัดการตั้งแต่เรื่องอาบน้ำแต่งตัวและอาหารการกิน รวมถึงการไปส่งและรับกลับจากโรงเรียนทุกวัน จนกระทั่งเข้านอน ส่วนระหว่างวันผมให้คุณพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย แต่ถ้ามีแก่ใจจะช่วยงานผมบ้างเป็นครั้งคราวก็ได้ ผมยินดี ส่วนเงินเดือนผมจะจ่ายให้คุณทุกสิบห้าวัน วันหยุด จะหยุดอาทิตย์ละหนึ่งวัน ว่ายังไงครับคุณขวัญใจ จะตกลงเป็นพี่เลี้ยงให้กับลูกผมได้เมื่อไรครับ?”
ขวัญใจแทบอ้าปากค้าง เมื่อชายหนุ่มร่ายทีเดียวยาวเหยียดจนแทบให้คะแนนไม่ทัน ก่อนวกถามว่าเธอจะตกลงเป็นพี่เลี้ยงได้เมื่อไร...
ตกลง เขารับเธอเข้าทำงานแล้วใช่ไหม!?
ไม่ทันขวัญใจจะเอ่ยปากถาม น้ำเสียงทุ้มกลับดังออกมาอีกครั้งราวกับรำคาญก็ไม่ปาน
“ว่าไงล่ะคุณขวัญใจ ตกลงจะทำ...หรือไม่ทำ?”
ไม่ว่าวันก่อนขวัญใจจะตอบอะไรไปก็ตามที แต่วันนี้ทั้งกระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ก็วางซ้อนกันอยู่บนห้องนอนขนาดกะทัดรัดแห่งนี้เรียบร้อย ซึ่งบ่งบอกได้ว่านี่คือความจริง
“ยินดีต้อนรับสู่บ้านรสสุคนธ์นะ คุณขวัญใจ”
ขวัญใจยกมือเรียวเล็กขึ้นพนมไหว้ชายหนุ่มเจ้าบ้านหน้าดุ ก่อนก้มลงยิ้มให้หนุ่มสาวตัวน้อยที่วิ่งตื๋อเข้ามายืนข้างขายาวๆ ของบิดาพร้อมเพียงกัน
“ยินดีต้อนรับค่ะพี่ขวัญ”
เด็กหญิงโรสเอื้อนเอ่ยเลียนแบบบิดา ดวงตาแจ่มใสเจิดจรัส และถือวิสาสะเดินเลยเข้ามากอดแขนหญิงสาวราวกับรู้จักมักคุ้นกันมาช้านาน ขณะที่หนุ่มน้อยแหงนคอตั้งบ่ามองผู้เป็นบิดาราวกับชั่งใจ ก่อนเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของขวัญใจนิ่งแล้วถาม
“พี่ขวัญดุหรือเปล่าครับ...หมากไม่ชอบคนดุ อย่าดุเลยนะ หมากกลัว” เด็กชายร้องขอด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา ผู้เป็นบิดายิ้มมุมปากพร้อมกับยอบตัวลงนั่งยองๆ บนส้นเท้า ก่อนตอบบุตรชายแทนหญิงสาวตัวเล็กที่ยืนอึ้งอยู่ตรงหน้า
“พี่ขวัญไม่ดุหรอกครับ ไม่ดุแน่นอน จริงไหมคุณขวัญ...” ไตรทศเงยหน้าขึ้นถามเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับบุตรชายตัวน้อย
“เอ่อ ค่ะ คุณหมาก พี่ขวัญไม่ดุหรอกค่ะ รับรองได้” หญิงสาวยืนยันมั่นเหมาะ เด็กชายจึงคลายสีหน้ากังวลนั้น แล้วบอก...
“ดีจังครับ แต่ถ้าพี่ขวัญดุ หมากจะให้คุณพ่อลงโทษ...”
คนถูกคาดโทษทำตาโต ขณะที่ชายหนุ่มทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนเรียกบุตรสาว
“น้องโรสมาหาพ่อก่อนลูก ตอนนี้ปล่อยให้พี่ขวัญจัดของก่อนนะ เย็นๆ ค่อยคุยกัน”
เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นยิ้มให้หญิงสาว “เย็นๆ เจอกันนะคะ” บอกก่อนปล่อยพี่เลี้ยงคนใหม่และเดินไปหาบิดาอย่างว่าง่าย ชายหนุ่มจับมือเล็กๆ ไว้ แต่ก่อนออกไปเขาไม่ลืมที่จะหันมากำชับ
“วันนี้คุณก็จัดข้าวของให้เรียบร้อยก่อนแล้วกัน ยังไม่ต้องทำงาน พรุ่งนี้ค่อยเริ่ม นี่ก็บ่ายสามแล้ว รีบจัดห้องเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันมืด ที่บ้านนี้ทานอาหารหนึ่งทุ่มตรงทุกวันนะ ยังไงเชิญด้วย น้องโรสพี่หมาก เราลงไปข้างล่างกันก่อนนะครับ”
“ครับ/ค่ะ” เด็กน้อยสองคนรับคำ คนตัวเล็กสุดถูกบิดาอุ้มขึ้นแนบอก ส่วนคนพี่สอดมือเล็กไว้ในอุ้งมือใหญ่แต่คงจะอุ่นไม่ใช่น้อยนั้น แล้วพากันเดินออกไปจากห้องเล็กกะทัดรัดน่าสบาย ซึ่งกลายเป็นวิมานของเธอชั่วคราวในเวลาต่อมา...
สิบเจ็ดนาฬิกา ประตูห้องของขวัญใจถูกเคาะเบาๆ สามครั้ง หญิงสาวรีบเดินมาเปิดประตูทันที แล้วชะงักเมื่อพบกับเจ้าบ้านหน้าดุยืนอยู่ตรงหน้า
“เสร็จหรือยัง...”
ขวัญใจเงยหน้าขึ้นมองเขา พลางอดคิดในใจไม่ได้ว่าเขาตัวโตน่าดู
“อีกนิดหน่อยค่ะ คุณทศมีอะไรจะให้ขวัญเอ่อ...ดิฉัน ทำหรือเปล่าคะ?” ถามออกไปอย่างกระดาก คิ้วหนาขมวดมุ่น ก่อนบอก
“คุณกำลังจะอายุยี่สิบสามปีเต็มอีกสามเดือนข้างหน้า ซึ่งก็ถือว่ายังเด็กหากเทียบกับผม คราวหน้าอย่าแทนตัวเองว่าดิฉันอีกนะ ขวัญใจ”
ดวงตากลมโตใต้คิ้วเรียวสวยหลุบลงมองมือตนเองทันที ก่อนเงยขึ้นอีกครั้งเมื่อเสียงทุ้มดังอีกครั้ง
“เสร็จแล้วก็ลงไปข้างล่างล่ะ มีของว่างรออยู่”
พูดจบร่างสูงก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ร่างบางของผู้อาศัยคนใหม่ยืนงงอยู่เป็นนาน ก่อนขยับตัวเข้าห้องแล้วรีบจัดของอีกเล็กน้อยให้เสร็จโดยเร็ว อย่างน้อย เธอก็ไม่ควรจะทำให้ผู้ใหญ่รอนาน...ที่สำคัญ เขาดู...เป็นคนมีน้ำใจดี ผิดกับหน้าตากันราวฟ้ากับดินเลยเชียวล่ะ แม้ว่าออกจะดุสักหน่อยก็เถอะ...
“คุณพ่อขา...อันนี้เรียกอะไรคะ?” มือน้อยๆ หยิบขนมหลากสีซึ่งมีลักษณะกลมแต่ส่วนหัวมียอดแหลมขึ้นมาถามผู้เป็นบิดา ชายหนุ่มยิ้มนัยน์ตาอ่อนโยนแล้วตอบ
“เขาเรียกว่าขนมอาลัวจ้ะน้องโรส อร่อยไหมลูก” ถามพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของเด็กหญิงเบาๆ คนถูกถามพยักหน้าจนผมกระจายแล้วตอบ
“อร่อยค่ะคุณพ่อ อร่อยที่สุด หว๊าน...หวาน” พูดพลางหยิบขนมใส่ปากแล้วเคียวหงับๆ คนพี่มองน้องสาวแล้วส่ายหน้าไม่เห็นด้วย พลางทำหน้าเหยเกเมื่อจิตนาการไปไกล
“อี๋แหยะ! ไม่เห็นอร่อยเลย อันนั้นเขาเรียกขนมยอดขี้ตะหาก! อันนี้อร่อยกว่า...” ว่าพลางหยิบขนมลักษณะยาวเกลี้ยงสีเหลืองมันวาวขึ้นชูอวดบิดาและน้องสาว “ข้าวโพด อร่อยกว่าเยอะ นี่ๆ กินให้หมดเลย...”
เด็กหญิงโรสทำตาโตมองพี่ชายเคียวขนม สลับกับบิดาที่ส่ายหน้าระอาในคำตอบอันพิลึกพิลั่นของบุตรชายตัวน้อย ก่อนมองลงไปยังส่วนที่เหลืออยู่ในจานแล้วเงยขึ้นถามบิดาอีกครั้งทันที
“อี๋...ไม่จริงใช่ไหมคะคุณพ่อ พี่หมากนิสัยไม่ดีแกล้งน้องโรส...” ถามพลางทำหน้าขยะแขยง บิดาหัวเราะหึๆ แล้วตอบ
“ไม่ใช่หรอกครับ พี่หมากแกล้งนะ” ตอบบุตรสาวพร้อมกับมองบุตรชายที่หน้าเริดหน้าลอยหัวเราะคิก แล้วหยิบขนมใส่ปากด้วยแววตาคาดโทษ ขณะที่บุตรสาวมีสีหน้าคลายกังวลก่อนถาม
“แล้วอันนี้ล่ะคะ ขนมอะไร ทำไมเป็นข้าวโพด อันเล็กนิดเดียว” คิ้วเล็กขมวดมุ่น บ่งบอกว่ากังขาอย่างถึงที่สุด ชายหนุ่มผู้มีความรู้มากที่สุดจึงรับหน้าที่เป็นผู้อธิบาย
“เขาเรียกว่าขนมลูกชุบลูก ใช้ถั่วกับเผือกทำ แล้วเอามาปั้นเป็นรูปร่าง จากนั้นก็จุ่มสีที่เราชอบ แล้วก็เอาไปจุ่มในน้ำตาลที่เราเคี่ยวเรียบร้อยแล้วไงลูก...”
เด็กหญิงทำสีหน้างงจัด อะไรคือการเคี่ยว...ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ขวัญใจลงมาพอดี และเด็กหญิงโรสหันไปเห็นจึงส่งเสียงร้องเรียกทันที
“พี่ขวัญมาแล้ว...”
ไตรทศหันไปตามสายตาของบุตรสาว ดวงตาสองคู่สบกันโดยบังเอิญ และเป็นฝ่ายหญิงสาวที่หลบตาเขาก่อน
“เข้ามาสิ เด็กๆ รอเธออยู่แน่ะ”
เมื่อชายหนุ่มอนุญาต ขวัญใจจึงสาวเท้าเข้ามาสมทบยังสามคนพ่อลูก แล้วนั่งลงบนเก้าอี้สีขาวที่เหลือพอดีสำหรับเธออีกตัวหนึ่ง ชายหนุ่มเอ่ยชวนหญิงสาวรับประทานขนมด้วยกัน ขวัญใจขัดเขินในคราวแรกและเป็นเช่นนั้นอยู่พักใหญ่จึงค่อยๆ คลายความอึดอัดลง เมื่อเห็นว่าเจ้านายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจจับผิดอะไรเธอสักนิด หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง แสนซนทั้งสองจึงออกวิ่งเล่นไล่จับตั๊กแตนและผีเสื้ออย่างสนุกสนาน หลังจากทานขนมจนอิ่มแปล้...
“คุณพอจะอยู่ที่นี่ได้ไหม ที่บ้านรสสุคนธ์...” ไตรทศเปรยเสียงเรียบ ดวงตาจับจ้องไปยังที่มาของเสียงแจ้วทั้งสอง ก่อนเบนกลับมายังเจ้าของใบหน้ารูปหัวใจอีกครั้ง
ขวัญใจหลุบตาลงแวบหนึ่ง ก่อนเหลือบตาขึ้นมองเขาพร้อมตอบ “ได้ค่ะ ฉัน เอ่อ ขวัญ อยู่ได้ค่ะ ที่นี่เงียบสงบดี ต้นไม้ก็เยอะ มากกว่าที่อื่น เอ่อ ขวัญขออนุญาตเรียกคุณว่าคุณทศได้หรือเปล่าคะ”
ใบหน้าติดขรึมคล้ายจะยิ้ม แต่เพียงวูบเดียวรอยนั้นกลับจางหายจากใบหน้าคม
“ได้สิ ใครๆ เขาก็เรียกผมแบบนี้ทั้งนั้น”
“ขอบคุณค่ะ” ตอบขอบคุณพร้อมรอยยิ้มที่ส่งให้ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นครั้งแรก แต่เขากลับเบนหน้าหนีราวกับไม่ยินดีในยิ้มนั้นของเธอ หญิงสาวหน้าเจื่อนลงทันทีและก้มหน้าลงอย่างอึดอัด ก่อนจะเงยขึ้นอีกครั้งเมื่อเสียงทุ้มดังขึ้น
“ยังไง ผมก็หวังว่าคุณจะอยู่เป็นเพื่อนคอยดูแลเด็กๆ ไปนานๆ สักหน่อย และไม่ลาออกหนีไปเสียก่อนล่ะ” เสียงทุ้มเปรยเบาๆ ก่อนเงียบไปนาน...นานจนหญิงสาวคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ปรารถนาจะพูดอะไรอีกแล้ว กระทั่ง...
“เด็กๆ เหงา ผมแค่อยากหาเพื่อนที่โตพอให้แกไถ่ถามเมื่อแปลกใจ คอยปลอบเมื่อผมไม่อยู่ และคอยดูแลแทนผมเมื่อไม่วาง และให้ความรู้กับแกบ้างตามสมควร เท่านั้นล่ะที่ผมต้องการ”
ขวัญใจลอบมองเสี้ยวหน้าคมด้วยความครุ่นคิด ใบหน้าด้านข้างเขียวครึ้มดูแข็งกระด้าง แต่กลับแฝงไว้ด้วยความหม่นเศร้าที่เจ้าของพยายามซ่อนเร้น อยากรู้นักว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และอะไร ที่ทำให้เขาเป็นคนเย็นชาได้ขนาดนี้...เย็นชาทั้งหน้าตาและน้ำเสียง
ความเห็นใจที่เกิดขึ้นอย่างท่วมท้นต่อคนตรงหน้า ทำให้หญิงสาวกล่าวออกไปโดยไม่ทันได้คิด
“คุณทศวางใจได้ค่ะ ขวัญจะอยู่ที่นี่ไปอีกนาน อย่างน้อยก็จนกว่าจะสอบบรรจุได้ แต่คงต้องรอจนกว่าจะถึงปีหน้า...” หญิงสาวกล่าวเสียงสดใสพลางหันมองเด็กๆ ที่วิ่งเล่นสนุกสนาน ขณะที่ชายหนุ่มกลับหันมามองหญิงสาวด้วยสายตาค้นคว้าเป็นครั้งแรก และหากเธอเห็นแววตานั้น ก็คงจะรู้สึกฉุนไม่น้อย เพราะในนั้นไม่ได้มีแววตาแห่งความเชื่อถืออยู่เลยสักนิด
“อย่าพูดในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง อย่ารับรองหากไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า...และผมแค่หวังว่าคุณจะอยู่ได้นานที่สุดเท่าที่จะอยู่ได้ เป็นเพื่อนเด็กๆ อีกอย่าง ผมยังไม่อยากจะเปลี่ยนพี่เลี้ยงบ่อยๆ”
พูดพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงร้อยแปดสิบเซนติเมตร ก่อนสาวเท้าตรงไปยังร่างของเด็กๆ ทั้งสอง โดยไม่สนใจคนที่นั่งหน้าเหวอ ปากเผยอค้างจุ้มปุ๊กอยู่ตรงนี้สักนิด นอกจากจะลงไปหยอกล้อกับลูกของเขาด้วยความสุขใจเพียงเท่านั้น...
“เออหนอ...คนแบบนี้ก็มีด้วยแฮะ คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง กลับมาว่าเขาอีก คิดถูกคิดผิดนะเรา...” ขวัญใจแอบบ่นกับตนเองเบาๆ อย่างปลดปลง...
ภายในบ้านไม้กลางเก่ากลางใหม่สองชั้นถูกตกแต่งเรียบง่าย ห้องนั่งเล่นมีเพียงชุดโซฟาเล็กๆ สามตัวกับโต๊ะเตี้ยวางกลาง มุมห้องทั้งสองถูกประดับด้วยแจกันดอกไม้สองใบที่วางอยู่บนโต๊ะตัวสูง ผนังด้านข้างอัดแน่นไปด้วยหนังสือนานาชนิดซึ่งถูกจัดเรียงเข้าที่ภายในชั้นวางหนังสือ มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าสามในสี่คือหนังสือสำหรับเด็ก เขาคงจะรักลูกมากทีเดียว ผู้ชายหน้าเข้มที่มีจิตใจอ่อนโยนและมีจิตวิญญาณของความเป็นพ่อเต็มเปี่ยม...
ไตรทศเดินนำร่างบางเข้าไปในห้องทำงานขนาดกะทัดรัด ก่อนผายมือเชื้อเชิญ “เชิญนั่งสิ...คุณขวัญใจ”
หญิงสาวยิ้มเป็นเชิงขอบคุณ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้สีขรึมจนเรียบร้อย ชายหนุ่มจึงเดินอ้อมไปยังเก้าอี้ตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสารอะไรต่อมิอะไรมากมายจนแยกไม่ออก
“ต้องขอโทษทีนะห้องรกไปสักหน่อย...” เขาพูดราวกับรู้ความคิดของหญิงสาว จะว่าไปแล้ว นัยน์ตากลมโตแม้จะไม่ใสแจ๋วเหมือนกับน้องโรสลูกสาวของเขา แต่เจ้าตัวก็ไม่สามารถปิดบังความคิดที่ฉายสะท้อนออกมาจากแววตาคู่สวยได้ทั้งหมด
“ไม่เป็นไรค่ะ” ขวัญใจตอบเหนียมๆ สองมือประสานกันเย็นเฉียบ เขาไม่ใช่นักธุรกิจในสูทหรูหรา ไม่ใช่อาจารย์ฝ่ายปกครองที่เธอต้องเคารพและยำเกรง ไม่ใช่ญาติผู้ใหญ่ที่เธอต้องอ่อนน้อม แต่ไม่รู้ทำไมเธอจึงกลัวเขานัก...อาจเป็นเพราะใบหน้าดุกระด้างที่รกไปด้วยหนวดเคราของเขาล่ะมั้ง คนอะไรอยู่ในเมืองแท้ๆ แต่ทำตัวเหมือนพวกคนป่า นี่ออกจากบ้านทีคนไม่แตกตื่นกันหมดหรือไงนะ ขวัญใจค่อนเขาอีกครั้ง
“เพิ่งจบมาไม่กี่เดือนนี่” ชายหนุ่มเริ่มต้นสัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม แต่กลับทุ้มนุ่มนวลชวนฟังในความรู้สึกของหญิงสาว ขวัญใจรีบกำจัดสีหน้าเด๋อด๋าและความตกประหม่าก่อนตอบ
“ค่ะ เพิ่งจบมาได้สามเดือน”
ดวงตาคมกริบตวัดแว๊บผ่านใบหน้ารูปหัวใจก่อนหลุบตาลงอ่านประวัติหญิงสาวอีกครั้ง ขวัญใจจึงได้โอกาสสำรวจคนเถื่อนตรงหน้าอย่างปลอดภัย จะว่าไปแล้วเขาเป็นผู้ชายที่น่าอิจฉามาก แม้เธอจะไม่เห็นว่าใบหน้าทั้งหมดของเขาเป็นแบบไหน แต่ที่แน่ๆ และรู้ชัดคือคิ้วของเขาหนาเข้มพาดเฉียงบ่งบอกถึงความเอาจริง ดวงตาของเขาสวยแต่คมกริบและคงเอาเรื่องไม่เบา ขนตาก็ยาวและงอนจนผู้หญิงอย่างเธอยังอิจฉา จมูกโด่งเป็นสันเข้ารูปรับกับริมฝีปากสีเข้มที่ปิดสนิทเป็นนิจและคงเจ้าอารมณ์ไม่น้อยหากไม่ถูกใจ ขวัญใจลอบมองอยู่ครู่ก่อนหลบตาวูบเมื่อคนถูกมองตวัดสายตาขึ้นมองกะทันหัน
ดวงตาสีจัดหรี่มองหญิงสาวตรงหน้าก่อนคลายหายเป็นปกติ มุมปากที่หยักยกเหยียดคลายลงประดุจเดิม ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มดุจเดิม
“วุฒิของคุณนี่น่าจะไปเป็นครูบาอาจารย์นะ ทำไมไม่ไปสอบแข่งขันล่ะ หรือว่ายังไม่เปิดสอบ?” ถามพลางมองคนตัวเล็กตรงหน้าพร้อมกวาดตามองสำรวจเธอเป็นครั้งแรก
“สอบใหญ่ต้องรอปีหน้าค่ะ ปีนี้ไม่ทันแล้ว...”
น้ำเสียงที่บอกออกมาหวานกังวานคลายระฆังเสียงใส ใบหน้ารูปหัวใจบ่งบอกว่าเป็นคนอารมณ์ดี ดวงตากลมโตนั้นฉายความซื่อตรง แต่จมูกโด่งรั้นกับริมฝีปากสีเรื่อที่เม้มสนิทนี่สิฟ้องเขาว่าเธอดื้อไม่น้อยหรอก
“แล้วทำไมไม่ไปสมัครงานตามโรงเรียนล่ะ เอกชนก็รับเยอะนี่ อาจดีกว่าที่นี่นะ ทั้งเงินเดือนและสวัสดิการ...” ชายหนุ่มยังคงเอ่ยถามต่อไปเรื่อยๆ และหยิบยกหนทางที่ดีกว่าให้เธอ พร้อมกับจับตามองใบหน้าหวานๆ นั่นไม่คลาด ขวัญใจสบตาเขาเพียงครู่ก่อนหลุบตาลงมองมือตนเองอีกครั้ง อยากบอกเขาเหลือเกินว่าหากที่โรงเรียนเหล่านั้นมีที่พักฟรีให้ เธอก็จะไปสมัคร แต่ช่างบังเอิญเหลือเกินที่โรงเรียนเหล่านั้นไม่มีสวัสดิการนี้เหมือนกับที่นี่มีให้ เธอจึงเลือกมาสมัครกับเขา และคงจะดีใจมากหากเขารับทันที ซึ่งก็พอดีกับที่สัญญาเช่าห้องเท่ารูหนูหมดลง คิดถึงความรันทดของตนเองแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาพร้อมคำตอบ...
“ดิฉัน ต้องการที่พักฟรีค่ะ คือ สัญญากับที่พักเก่ากำลังจะหมดลงค่ะ แล้วดิฉันต้องประหยัดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด แล้วเห็นว่า คุณเอ่อ คุณไตรทศปิดประกาศรับสมัครพี่เลี้ยงเด็ก ที่พักและอาหารฟรี ดิฉันจึงสนใจค่ะ”
“แล้วไม่กลัวเหรอ?” ถามทันควันโดยที่ขวัญใจไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวสบตาคมนิ่ง ดวงตากลมโตไหววับหวั่นไหว เป็นเหตุให้มุมปากสีเข้มกระตุกยิ้มนิดหนึ่ง
“ถ้ากลัว...จะเปลี่ยนใจก็ได้นะ” เขาพูดพลางวางเอกสารของขวัญใจลงตรงหน้า ราวกับมั่นใจว่าหญิงสาวจะเปลี่ยนใจ ริมฝีปากอิ่มสวยเม้มเข้าหากันแน่นสนิท ใช่! เธออาจค่อนข้างกลัวเขานิดหนึ่งล่ะ แต่เมื่อคิดถึงเด็กตัวเล็กสองคนนั่นแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวเขาสักนิด ในเมื่อเด็กยังไม่กลัวแล้วเธอจะกลัวทำไม อย่างน้อยเธอก็คิดว่าเขาอาจจะไม่เลวร้ายเหมือนกับหน้าตาของเขาขณะนี้หรอก เพราะจะว่าไปแล้วแม้บนหน้าดุๆ จะรกครึ้มไปด้วยหนวดเครา แต่ในความรกครึ้ม เธอกลับมองเห็นความคมคายที่ฉายออกมารำไรนั่น
ชายหนุ่มมองคนตัวเล็กยืดตัวตรง ใบหน้าก้มๆ เมื่อครู่เชิดขึ้น ดวงตาวาววับหยิ่งทะนง ก่อนจะได้ยินคำยืนยันชัดเจนจากปากเต็มอิ่มคูนั้นของคนตรงหน้านี้ถนัด
“ดิฉันไม่กลัวค่ะ”
“แน่ใจ?”
คราวนี้ขวัญใจเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเขา แม้เพียงวูบเดียวแต่เธอสาบานได้ว่าเห็นจริงๆ
“แน่ใจค่ะ” ยืนยันหนักแน่น อีกฝ่ายจึงพยักหน้ารับรู้
“งานของคุณคือการดูแลเด็กสองคนที่ซนแต่ไม่ดื้อ อ้อนบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่บ่อยจนน่ารำคาญ เช้าตื่นมาคุณต้องดูแลจัดการตั้งแต่เรื่องอาบน้ำแต่งตัวและอาหารการกิน รวมถึงการไปส่งและรับกลับจากโรงเรียนทุกวัน จนกระทั่งเข้านอน ส่วนระหว่างวันผมให้คุณพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย แต่ถ้ามีแก่ใจจะช่วยงานผมบ้างเป็นครั้งคราวก็ได้ ผมยินดี ส่วนเงินเดือนผมจะจ่ายให้คุณทุกสิบห้าวัน วันหยุด จะหยุดอาทิตย์ละหนึ่งวัน ว่ายังไงครับคุณขวัญใจ จะตกลงเป็นพี่เลี้ยงให้กับลูกผมได้เมื่อไรครับ?”
ขวัญใจแทบอ้าปากค้าง เมื่อชายหนุ่มร่ายทีเดียวยาวเหยียดจนแทบให้คะแนนไม่ทัน ก่อนวกถามว่าเธอจะตกลงเป็นพี่เลี้ยงได้เมื่อไร...
ตกลง เขารับเธอเข้าทำงานแล้วใช่ไหม!?
ไม่ทันขวัญใจจะเอ่ยปากถาม น้ำเสียงทุ้มกลับดังออกมาอีกครั้งราวกับรำคาญก็ไม่ปาน
“ว่าไงล่ะคุณขวัญใจ ตกลงจะทำ...หรือไม่ทำ?”
ไม่ว่าวันก่อนขวัญใจจะตอบอะไรไปก็ตามที แต่วันนี้ทั้งกระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ก็วางซ้อนกันอยู่บนห้องนอนขนาดกะทัดรัดแห่งนี้เรียบร้อย ซึ่งบ่งบอกได้ว่านี่คือความจริง
“ยินดีต้อนรับสู่บ้านรสสุคนธ์นะ คุณขวัญใจ”
ขวัญใจยกมือเรียวเล็กขึ้นพนมไหว้ชายหนุ่มเจ้าบ้านหน้าดุ ก่อนก้มลงยิ้มให้หนุ่มสาวตัวน้อยที่วิ่งตื๋อเข้ามายืนข้างขายาวๆ ของบิดาพร้อมเพียงกัน
“ยินดีต้อนรับค่ะพี่ขวัญ”
เด็กหญิงโรสเอื้อนเอ่ยเลียนแบบบิดา ดวงตาแจ่มใสเจิดจรัส และถือวิสาสะเดินเลยเข้ามากอดแขนหญิงสาวราวกับรู้จักมักคุ้นกันมาช้านาน ขณะที่หนุ่มน้อยแหงนคอตั้งบ่ามองผู้เป็นบิดาราวกับชั่งใจ ก่อนเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของขวัญใจนิ่งแล้วถาม
“พี่ขวัญดุหรือเปล่าครับ...หมากไม่ชอบคนดุ อย่าดุเลยนะ หมากกลัว” เด็กชายร้องขอด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา ผู้เป็นบิดายิ้มมุมปากพร้อมกับยอบตัวลงนั่งยองๆ บนส้นเท้า ก่อนตอบบุตรชายแทนหญิงสาวตัวเล็กที่ยืนอึ้งอยู่ตรงหน้า
“พี่ขวัญไม่ดุหรอกครับ ไม่ดุแน่นอน จริงไหมคุณขวัญ...” ไตรทศเงยหน้าขึ้นถามเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับบุตรชายตัวน้อย
“เอ่อ ค่ะ คุณหมาก พี่ขวัญไม่ดุหรอกค่ะ รับรองได้” หญิงสาวยืนยันมั่นเหมาะ เด็กชายจึงคลายสีหน้ากังวลนั้น แล้วบอก...
“ดีจังครับ แต่ถ้าพี่ขวัญดุ หมากจะให้คุณพ่อลงโทษ...”
คนถูกคาดโทษทำตาโต ขณะที่ชายหนุ่มทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนเรียกบุตรสาว
“น้องโรสมาหาพ่อก่อนลูก ตอนนี้ปล่อยให้พี่ขวัญจัดของก่อนนะ เย็นๆ ค่อยคุยกัน”
เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นยิ้มให้หญิงสาว “เย็นๆ เจอกันนะคะ” บอกก่อนปล่อยพี่เลี้ยงคนใหม่และเดินไปหาบิดาอย่างว่าง่าย ชายหนุ่มจับมือเล็กๆ ไว้ แต่ก่อนออกไปเขาไม่ลืมที่จะหันมากำชับ
“วันนี้คุณก็จัดข้าวของให้เรียบร้อยก่อนแล้วกัน ยังไม่ต้องทำงาน พรุ่งนี้ค่อยเริ่ม นี่ก็บ่ายสามแล้ว รีบจัดห้องเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันมืด ที่บ้านนี้ทานอาหารหนึ่งทุ่มตรงทุกวันนะ ยังไงเชิญด้วย น้องโรสพี่หมาก เราลงไปข้างล่างกันก่อนนะครับ”
“ครับ/ค่ะ” เด็กน้อยสองคนรับคำ คนตัวเล็กสุดถูกบิดาอุ้มขึ้นแนบอก ส่วนคนพี่สอดมือเล็กไว้ในอุ้งมือใหญ่แต่คงจะอุ่นไม่ใช่น้อยนั้น แล้วพากันเดินออกไปจากห้องเล็กกะทัดรัดน่าสบาย ซึ่งกลายเป็นวิมานของเธอชั่วคราวในเวลาต่อมา...
สิบเจ็ดนาฬิกา ประตูห้องของขวัญใจถูกเคาะเบาๆ สามครั้ง หญิงสาวรีบเดินมาเปิดประตูทันที แล้วชะงักเมื่อพบกับเจ้าบ้านหน้าดุยืนอยู่ตรงหน้า
“เสร็จหรือยัง...”
ขวัญใจเงยหน้าขึ้นมองเขา พลางอดคิดในใจไม่ได้ว่าเขาตัวโตน่าดู
“อีกนิดหน่อยค่ะ คุณทศมีอะไรจะให้ขวัญเอ่อ...ดิฉัน ทำหรือเปล่าคะ?” ถามออกไปอย่างกระดาก คิ้วหนาขมวดมุ่น ก่อนบอก
“คุณกำลังจะอายุยี่สิบสามปีเต็มอีกสามเดือนข้างหน้า ซึ่งก็ถือว่ายังเด็กหากเทียบกับผม คราวหน้าอย่าแทนตัวเองว่าดิฉันอีกนะ ขวัญใจ”
ดวงตากลมโตใต้คิ้วเรียวสวยหลุบลงมองมือตนเองทันที ก่อนเงยขึ้นอีกครั้งเมื่อเสียงทุ้มดังอีกครั้ง
“เสร็จแล้วก็ลงไปข้างล่างล่ะ มีของว่างรออยู่”
พูดจบร่างสูงก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ร่างบางของผู้อาศัยคนใหม่ยืนงงอยู่เป็นนาน ก่อนขยับตัวเข้าห้องแล้วรีบจัดของอีกเล็กน้อยให้เสร็จโดยเร็ว อย่างน้อย เธอก็ไม่ควรจะทำให้ผู้ใหญ่รอนาน...ที่สำคัญ เขาดู...เป็นคนมีน้ำใจดี ผิดกับหน้าตากันราวฟ้ากับดินเลยเชียวล่ะ แม้ว่าออกจะดุสักหน่อยก็เถอะ...
“คุณพ่อขา...อันนี้เรียกอะไรคะ?” มือน้อยๆ หยิบขนมหลากสีซึ่งมีลักษณะกลมแต่ส่วนหัวมียอดแหลมขึ้นมาถามผู้เป็นบิดา ชายหนุ่มยิ้มนัยน์ตาอ่อนโยนแล้วตอบ
“เขาเรียกว่าขนมอาลัวจ้ะน้องโรส อร่อยไหมลูก” ถามพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของเด็กหญิงเบาๆ คนถูกถามพยักหน้าจนผมกระจายแล้วตอบ
“อร่อยค่ะคุณพ่อ อร่อยที่สุด หว๊าน...หวาน” พูดพลางหยิบขนมใส่ปากแล้วเคียวหงับๆ คนพี่มองน้องสาวแล้วส่ายหน้าไม่เห็นด้วย พลางทำหน้าเหยเกเมื่อจิตนาการไปไกล
“อี๋แหยะ! ไม่เห็นอร่อยเลย อันนั้นเขาเรียกขนมยอดขี้ตะหาก! อันนี้อร่อยกว่า...” ว่าพลางหยิบขนมลักษณะยาวเกลี้ยงสีเหลืองมันวาวขึ้นชูอวดบิดาและน้องสาว “ข้าวโพด อร่อยกว่าเยอะ นี่ๆ กินให้หมดเลย...”
เด็กหญิงโรสทำตาโตมองพี่ชายเคียวขนม สลับกับบิดาที่ส่ายหน้าระอาในคำตอบอันพิลึกพิลั่นของบุตรชายตัวน้อย ก่อนมองลงไปยังส่วนที่เหลืออยู่ในจานแล้วเงยขึ้นถามบิดาอีกครั้งทันที
“อี๋...ไม่จริงใช่ไหมคะคุณพ่อ พี่หมากนิสัยไม่ดีแกล้งน้องโรส...” ถามพลางทำหน้าขยะแขยง บิดาหัวเราะหึๆ แล้วตอบ
“ไม่ใช่หรอกครับ พี่หมากแกล้งนะ” ตอบบุตรสาวพร้อมกับมองบุตรชายที่หน้าเริดหน้าลอยหัวเราะคิก แล้วหยิบขนมใส่ปากด้วยแววตาคาดโทษ ขณะที่บุตรสาวมีสีหน้าคลายกังวลก่อนถาม
“แล้วอันนี้ล่ะคะ ขนมอะไร ทำไมเป็นข้าวโพด อันเล็กนิดเดียว” คิ้วเล็กขมวดมุ่น บ่งบอกว่ากังขาอย่างถึงที่สุด ชายหนุ่มผู้มีความรู้มากที่สุดจึงรับหน้าที่เป็นผู้อธิบาย
“เขาเรียกว่าขนมลูกชุบลูก ใช้ถั่วกับเผือกทำ แล้วเอามาปั้นเป็นรูปร่าง จากนั้นก็จุ่มสีที่เราชอบ แล้วก็เอาไปจุ่มในน้ำตาลที่เราเคี่ยวเรียบร้อยแล้วไงลูก...”
เด็กหญิงทำสีหน้างงจัด อะไรคือการเคี่ยว...ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ขวัญใจลงมาพอดี และเด็กหญิงโรสหันไปเห็นจึงส่งเสียงร้องเรียกทันที
“พี่ขวัญมาแล้ว...”
ไตรทศหันไปตามสายตาของบุตรสาว ดวงตาสองคู่สบกันโดยบังเอิญ และเป็นฝ่ายหญิงสาวที่หลบตาเขาก่อน
“เข้ามาสิ เด็กๆ รอเธออยู่แน่ะ”
เมื่อชายหนุ่มอนุญาต ขวัญใจจึงสาวเท้าเข้ามาสมทบยังสามคนพ่อลูก แล้วนั่งลงบนเก้าอี้สีขาวที่เหลือพอดีสำหรับเธออีกตัวหนึ่ง ชายหนุ่มเอ่ยชวนหญิงสาวรับประทานขนมด้วยกัน ขวัญใจขัดเขินในคราวแรกและเป็นเช่นนั้นอยู่พักใหญ่จึงค่อยๆ คลายความอึดอัดลง เมื่อเห็นว่าเจ้านายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจจับผิดอะไรเธอสักนิด หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง แสนซนทั้งสองจึงออกวิ่งเล่นไล่จับตั๊กแตนและผีเสื้ออย่างสนุกสนาน หลังจากทานขนมจนอิ่มแปล้...
“คุณพอจะอยู่ที่นี่ได้ไหม ที่บ้านรสสุคนธ์...” ไตรทศเปรยเสียงเรียบ ดวงตาจับจ้องไปยังที่มาของเสียงแจ้วทั้งสอง ก่อนเบนกลับมายังเจ้าของใบหน้ารูปหัวใจอีกครั้ง
ขวัญใจหลุบตาลงแวบหนึ่ง ก่อนเหลือบตาขึ้นมองเขาพร้อมตอบ “ได้ค่ะ ฉัน เอ่อ ขวัญ อยู่ได้ค่ะ ที่นี่เงียบสงบดี ต้นไม้ก็เยอะ มากกว่าที่อื่น เอ่อ ขวัญขออนุญาตเรียกคุณว่าคุณทศได้หรือเปล่าคะ”
ใบหน้าติดขรึมคล้ายจะยิ้ม แต่เพียงวูบเดียวรอยนั้นกลับจางหายจากใบหน้าคม
“ได้สิ ใครๆ เขาก็เรียกผมแบบนี้ทั้งนั้น”
“ขอบคุณค่ะ” ตอบขอบคุณพร้อมรอยยิ้มที่ส่งให้ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นครั้งแรก แต่เขากลับเบนหน้าหนีราวกับไม่ยินดีในยิ้มนั้นของเธอ หญิงสาวหน้าเจื่อนลงทันทีและก้มหน้าลงอย่างอึดอัด ก่อนจะเงยขึ้นอีกครั้งเมื่อเสียงทุ้มดังขึ้น
“ยังไง ผมก็หวังว่าคุณจะอยู่เป็นเพื่อนคอยดูแลเด็กๆ ไปนานๆ สักหน่อย และไม่ลาออกหนีไปเสียก่อนล่ะ” เสียงทุ้มเปรยเบาๆ ก่อนเงียบไปนาน...นานจนหญิงสาวคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ปรารถนาจะพูดอะไรอีกแล้ว กระทั่ง...
“เด็กๆ เหงา ผมแค่อยากหาเพื่อนที่โตพอให้แกไถ่ถามเมื่อแปลกใจ คอยปลอบเมื่อผมไม่อยู่ และคอยดูแลแทนผมเมื่อไม่วาง และให้ความรู้กับแกบ้างตามสมควร เท่านั้นล่ะที่ผมต้องการ”
ขวัญใจลอบมองเสี้ยวหน้าคมด้วยความครุ่นคิด ใบหน้าด้านข้างเขียวครึ้มดูแข็งกระด้าง แต่กลับแฝงไว้ด้วยความหม่นเศร้าที่เจ้าของพยายามซ่อนเร้น อยากรู้นักว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และอะไร ที่ทำให้เขาเป็นคนเย็นชาได้ขนาดนี้...เย็นชาทั้งหน้าตาและน้ำเสียง
ความเห็นใจที่เกิดขึ้นอย่างท่วมท้นต่อคนตรงหน้า ทำให้หญิงสาวกล่าวออกไปโดยไม่ทันได้คิด
“คุณทศวางใจได้ค่ะ ขวัญจะอยู่ที่นี่ไปอีกนาน อย่างน้อยก็จนกว่าจะสอบบรรจุได้ แต่คงต้องรอจนกว่าจะถึงปีหน้า...” หญิงสาวกล่าวเสียงสดใสพลางหันมองเด็กๆ ที่วิ่งเล่นสนุกสนาน ขณะที่ชายหนุ่มกลับหันมามองหญิงสาวด้วยสายตาค้นคว้าเป็นครั้งแรก และหากเธอเห็นแววตานั้น ก็คงจะรู้สึกฉุนไม่น้อย เพราะในนั้นไม่ได้มีแววตาแห่งความเชื่อถืออยู่เลยสักนิด
“อย่าพูดในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง อย่ารับรองหากไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า...และผมแค่หวังว่าคุณจะอยู่ได้นานที่สุดเท่าที่จะอยู่ได้ เป็นเพื่อนเด็กๆ อีกอย่าง ผมยังไม่อยากจะเปลี่ยนพี่เลี้ยงบ่อยๆ”
พูดพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูงร้อยแปดสิบเซนติเมตร ก่อนสาวเท้าตรงไปยังร่างของเด็กๆ ทั้งสอง โดยไม่สนใจคนที่นั่งหน้าเหวอ ปากเผยอค้างจุ้มปุ๊กอยู่ตรงนี้สักนิด นอกจากจะลงไปหยอกล้อกับลูกของเขาด้วยความสุขใจเพียงเท่านั้น...
“เออหนอ...คนแบบนี้ก็มีด้วยแฮะ คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง กลับมาว่าเขาอีก คิดถูกคิดผิดนะเรา...” ขวัญใจแอบบ่นกับตนเองเบาๆ อย่างปลดปลง...

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.พ. 2556, 13:47:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.พ. 2556, 13:47:46 น.
จำนวนการเข้าชม : 1220
<< บทนำ |