ตกกระไดหัวใจพลอยรัก
เมื่อหนุ่มหน้าหวานใส ผู้รักความโสดและเสียงดนตรีเท่าชีวิต
ถูกประกาศิตจากบิดาให้แต่งงานทันทีกับหญิงสาวที่ไหนก็ไม่รู้
ที่เขาไม่รู้จักสักนิด
แล้วเรื่องอะไรที่ผู้ชายอย่างเขาจะยอมง่าย ๆ เล่า
แต่เรื่องมันยิ่งยุ่งเหยิงเข้าไปอีก เมื่ออดีตคนรักของเขา
ที่เป็นใครมาจากไหนไม่รู้ชื่ออะไรก็จำไม่ได้ทิ้งลูกไว้ให้เขารับผิดชอบ !!

Tags: แต่งงาน,น่ารัก,หวานแหวว,รักเพื่อน,รัก,สดใส

ตอน: บทนำ

หันมาอัพเรื่องนี้ก่อนค่ะ
เพราะเรื่องแต่งไปช่วงนึงก่อนแล้วค่ะ
ฝากด้วยนะึึคะ

+++++++++++++++++++++++++++++++++


เสียงกีตาร์แหลมแสบแก้วหู บวกกับนักร้องร้องเสียงงัวเงียเหมือนเมาเหล้าจนฟังไม่เป็นภาษายากจะคาดเดาความหมายที่แท้จริง ผสมกับกลิ่นบุหรี่และเหล้าที่คละคลุ้งในความมืดจนแยกไม่ออกนั้น ทำให้ร่างบางที่เพิ่งก้าวเข้ามาใหม่ต้องนิ่วหน้าอย่างขัดอารมณ์ นิ้วเรียวค่อย ๆ ขยี้ผมหยิกเป็นลอนยุ่งฟูถึงกลางหลังอย่างที่ชอบทำเวลาไม่พอใจ ก่อนจะเดินตามกลุ่มเพื่อนในที่ทำงานที่เดินนำหน้าไปอย่างเสียไม่ได้

วันนี้กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ศรสวรรค์ สำนักพิมพ์ที่ผลิตหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตทั่วไปและเรื่องของพวก แม่บ้าน ยกกองบก.กันมาเลี้ยงฉลองครึ่งปีแรกของการทำงาน พร้อมเลี้ยงรับน้องใหม่หน้าตาน่าเอ็นดูเหมือนลูกหมาพุดเดิ้ลตัวน้อย ๆ อย่าง ‘มาธวี’ พนักงานทดลองงาน ที่เพิ่ง เข้ามารับตำแหน่ง(ว่าที่)ประสานงานกองบรรณาธิการให้กับหนังสือเล่มนี้

“ พี่คะ...ฮันนี่รู้สึกอึดอัดอ่ะค่ะ คือ ไม่ชอบที่แบบนี้เลย ”

หญิง สาวพยายามตะโกนแข่งกับ เสียงดนตรีวงอินดี้ที่ฟังแล้วคุ้นหูจนชวนขนลุก แต่ไม่มีทีท่าว่าทางพวกรุ่นพี่ของเธอจะให้ความสนใจเท่าไรนัก ซ้ำยังกลายเป็นว่าหญิงสาวพยายามที่จะหลีกเลี่ยงที่จะมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับ รุ่นพี่เสียอีก หญิงสาวจึงได้แต่ปลงอนิจจัง และพยายามทำหน้าให้สนุกที่สุดเท่าที่จะทำได้

มาธวียกแก้วน้ำสีใสที่มีผลไม้คล้ายเชอร์รี่นอนอยู่ก้นแก้วขึ้นจรดปาก ก่อนจะค่อย ๆ ซึมซับรสขมปนหวานปลายลิ้นเข้าปากอย่างช้า ๆ เสียงดนตรีและนักร้องที่แหกปากตะโกนอยู่บนเวทีเบื้องล่างนั้นมันกระแทกเข้า โสตประสาทจนจะครบทุกส่วนของเธอแล้ว ใบหน้าอ่อนวัยกว่าอายุจริงหงิกงออย่างเสียอารมณ์เล็กน้อย เมื่อเสียงเพลงจากเบื้องล่าง กระตุ้นกล่องความทรงจำของเธอ ให้หวนนึกถึงภาพวันวาน

วันวานที่ยังคงฝังอยู่ในจิตใจยากจะลืมเลือน

เมื่อหลายปีก่อน สมัยที่เธอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปี 1 เพราความหลงใหลได้ปลื้มกับวงดนตรีของมหาวิทยาลัยเป็นทุนเดิม ทำให้เธอหลงเดินไปสมัครเข้าชมรมดนตรีสากล จนได้ รู้จักกับกลุ่มเพื่อนใหม่ที่มีหัวใจเป็นอินดี้ซึ่งแฝงตัวอยู่ในชมรมนั้นด้วย และต่อมาเธอต้องคอยตกอยู่ในความควบคุมของคนพวกนั้นอย่างเลือกไม่ได้ เพราะเหตุผลงี่เง่าอย่างการตกหลุมรักนักร้องนำของวง ผู้ชายหน้าหวานทรงเสน่ห์ ผู้ซึ่งกลายมาเป็นเพื่อนซี้ย่ำปึกของเธอในเวลาต่อมา แน่นอนว่าคนผู้นั้นไม่มีทางรู้ว่าเธอคิดอย่างไรกับเขา จะเรียกว่า เขาไม่ทันได้รู้ว่าเธอคิดอะไรกับเขาเกินคำว่าเพื่อน เธอก็เลิกพิศวาสในตัวเขาไปเสียก่อนมากกว่า

เพราะผู้ชายคนนั้นไม่ได้มีอะไรดีเลย นอกจากหน้าหวาน ๆ ที่มีไว้หลอกผู้หญิง กับ ความรวยของเขานั่นแหละ

แต่ มาธวีก็ทำตัวเพื่อนที่ดีกับเขาจนเรียนจบ และแน่นอนว่ากว่าจะเรียนจบเธอต้องคอยตามเช็ดตามล้าง และคอยทำโน่นทำนี่ให้ผู้ชายคนนั้นนับได้ สิริรวมแล้วก็เกือบร้อยครั้งด้วยความจริงใจฉันท์มิตร นึกไป หญิงสาวก็จรดแก้วลงบนริมฝีปากและลิ้มรสชาติที่เคยคุ้นเคยสมัยเรียนลงไปแก้ว แล้ว แก้วเล่าอย่างไม่รู้ตัว

“ ตายจริง !! ฮัน นี่ ดื่มไปกี่แก้วแล้วเนี่ย แล้วนั่งเหม่ออะไรอยู่ เป็นอะไรหรือเปล่า ”

เสียงเรียกจากเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่ใกล้กับหญิงสาวพร้อมกับมือเย็น ๆ ที่วางลงบนต้นแขน ทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย หญิงสาวหันไปฉีกยิ้มกว้างเลื่อนลอยให้กับเพื่อนร่วมงาน ก่อนจะบอกปฎิเสธว่าไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่ทันทีที่เหยียดตัวขึ้น ร่างบางถึงกับเซเล็กน้อย จนคนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ พากันประคอง

“ หนูฮันนี่ ไหวไหมเนี่ย ให้ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนไหว เหมือนหนูจะเมานะ ” พี่พะอูน หัวหน้าฝ่ายศิลป์ร้องทักขึ้นอย่างเป็นห่วง

“ หนูไม่เป็นไรค่ะ...หนูไปเองไหว ขอบคุณนะคะ ”

มาธวีปฏิเสธอย่างนุ่มนวล ก่อนจะค่อย ๆ ประคองตัวเองให้เดินให้ตรงทางเพื่อที่จะไม่ให้ใครต้องเดือดร้อน และต้องนึกขอบคุณวงดนตรีอินดี้เสียงปรอทแตกนั่นจริง ๆ ที่หยุดบรรเลงเพลงแสนเข้าใจ ยากและปวดตับนั่นพอดิบพอดี

ร่างบางค่อย ๆ แทรกตัวหลบผู้คนที่หลั่งไหลกันเข้าไปห้องน้ำกันจนห้องน้ำแทบแตกอย่างยากลำบาก หญิงสาวนิ่ว หน้าอย่างนึกรำคาญ ลำพังตอนที่มีสติสัมปชัญญะครบถ้วนเธอยังจะเดินชนคนอื่นเลย แล้วนี่เดินยังไม่ตรงทางเธอจะไหวได้ยังไง หญิงสาวหยุดเดินและเกาผมยุ่งของตัวเองแกรกๆ เพื่อมองหาทางเดินเข้าห้องน้ำหญิง ก่อนจะเห็นเลือนราง เธอชี้มันอย่างถูกใจที่เห็นว่าสัญลักษณ์ห้องน้ำหญิงเป็นรูปตัวการ์ตูนน่ารัก มาธวีเงยหน้ามองมันตลอดทาง ทำให้ไม่ทันระวังผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งที่เดินสวนออกมาชนเธอเข้าอย่างจัง จนคนที่ตัวเล็กกว่าเกือบสองเท่าแถมสติยังไม่ค่อยจะเต็มเต็งเนื่องจากมาร์ติ นี่ที่ดื่มเข้าไป เซถลาเหมือนไม้ปักเลนไม่มีทิศไม่มีทาง หญิงสาวรู้สึกมึนตึงและสมองอื้ออึงจนคิดอะไรไม่ออกอีกต่อไป จึงได้แต่หลับตาลงช้า ๆ อย่างปลงสังขาร เพื่อรอรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น

แต่แล้วเธอก็ต้องรู้สึกแปลกใจ มันไม่ได้เจ็บอย่างทีคิดไว้ หากแต่กลับรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย และมีกลิ่นหอมแปลก ๆ อีกด้วย

“ เป็นอะไรไหมครับ ”

เสียง หนึ่งดังขึ้นจากที่แสนไกล หากแต่มันช่างชัดเจนและอบอุ่น
แค่เสียงยังหล่อเลย...เทวดาหรือเปล่านะ

“ นี่...น้องหนู เป็นอะไรไหมครับ ”

มาธวีปรือตาที่หนักอึ้งขึ้นช้า ๆ ก่อนที่จะพยายามปรับประสาทการมองเห็นของตัวเองให้เข้าที่ ทันที่ที่เธอมองเห็นทุกอย่าง ริมฝีปากบางก็คลี่ยิ้มราวคนเคลิ้มฝัน เมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่ประคองเธอไว้ในอ้อมกอดอันอบอุ่น

“ คุณเป็น...เทพบุตร หรือเปล่าคะ ทำไมหล่อแบบนี้ ”

สิรดนัย กลั้นยิ้ม มองเด็กน้อยในอ้อมกอดเขาอย่างแสนเอ็นดู หากลองคะเนด้วยสายตาและรูปร่างแล้วเธอคงจะไม่เต็มยี่สิบปีดี ความจริงชายหนุ่มแอบสังเกตเห็นเธอเดินโงนเงนอยู่นานแล้ว และเป็นอดห่วงเธอไม่ได้ว่าจะไปรอดหรือไม่ จึงได้แอบเดินตามมาจนกระทั่งเห็นว่าร่างบางเดินไปชนกับผู้ชายร่างใหญ่คนนั้นเข้า เขาจึง รีบเข้ามาประคองเธอเอาไว้..แต่แทนที่เธอจะขอบคุณ แล้วทำท่าเขินอายเหมือนผู้หญิงทั่วไป แต่หญิงสาวคนนี้กลับหลับตาพริ้ม แถมคิดว่าเขาเป็นเทพบุตรอีก

เด็กหนอเด็ก....


สิรดนัยประคองเธอออกมาจากผับ เพื่อให้เธอไกลจากผู้คนและมีอากาศหายใจสะดวกขึ้น ภาพชายหนุ่มในชุดสะอาดตา เรียบร้อยภูมิฐานที่ประคองหญิงสาวไร้สติในอ้อมกอดที่น่าจะอายุไม่พ้นยี่สิบ ค่อนข้างเป็นที่สนใจจากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินผ่านไปผ่านมาพอสมควร เขารู้สึกกระดากอายบ้าง
แต่ก็ยอมอดทน ก่อนจะพยายามให้มือลูบหลังเธอเบา ๆ

“ เป็นเด็กเป็นเล็ก หัดกินเหล้าขนาดนี้ได้ยังไงครับ ”

เขา ถามอย่างอ่อนโยน เหมือนถามน้องสาวของเขาก็ไม่ปาน ทำให้มาธวีที่นอนไม่ได้สติรู้สึกเป็น สุขอย่างบอกไม่ถูก ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อค่อย ๆ ระบายยิ้มหวาน พลางขยับกายซุกหน้าแนบแผ่นอกอว้างของเขาให้ถนัดขึ้น

แต่เดี๋ยวก่อนนะ เขาพูดว่าเราเป็นเด็กงั้นเหรอ...

“ คุณ บอกว่าฉันเป็นเด็กเหรอคะ...ฉันไม่ใช่เด็กนะคะ ” หญิงสาวบอกเสียงอู้อี้ ก่อนจะย่นจมูกอย่างไม่พอใจ ทำให้คนที่ปันไหล่ให้ซบอดไม่ได้ที่จะบีบจมูกคนแปลกหน้า และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหน้าเธอชัดเจน ท่ามกลางแสงสว่างจากไฟนีนอน เขาขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัย

เขาต้องเคยพบเธอ..ที่ไหนแน่ ๆ

“ ฉัน โตแล้วนะ อายุ 25 แล้วด้วย ไม่ใช่เด็กซะหน่อย ” หญิงสาวผละออกจากอกกว้างของเขา ก่อนจะยกมือขึ้นชี้ หน้าเหมือนจะคาดโทษ แต่เมื่อเธอหันไปมองหน้าเขาชัด ๆ แล้ว หญิงสาวก็ใจเต้นแรง ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองอย่างตกใจ

ผู้ชายหล่อเวอร์ขนาดนี้ เธอไม่มีทางลืมแน่นอน

ผู้ชายคนนี้.....!!!!

“ พี่แดน พี่คุยกับใครอยู่ ได้ยินจากไอ้ก็อตว่าพี่มาหาผมเพราะมี......”
มาธวีหันไปทางต้นเสียงของผู้มาใหม่ที่ฟังคุ้นหูจนแทบอยากจะร้องกรี๊ด
หญิงสาวแทบจะสร่างเมาทันทีที่ได้เห็นหน้าของผู้ชายคนนั้น ร่างบางตัวแข็งทื่อ ในหัวมันมึนงงสับสน ท้องไส้ปั่นป่วนยิ่งกว่ากินถั่วกับข้าวโพดไปพร้อมกันทีเดียวอย่างละครึ่งกิโล

ชายหนุ่มผมยาวแค่บ่าหยุดยืนอยู่ไม่ไกลจากทั้งสองคนมากนัก ผมที่ดัดเป็นลอนอ่อน ๆ นั้นเปียกเหงื่อเล็กน้อยพอเซ็กซี่ เขาจ้องมองมายังหญิงสาวที่ยืนเอามือปิดปากคนนั้นด้วยสายตาอึ้งๆ รู้สึกเหมือนไม่ได้ยินสรรพเสียงใดรอบตัว มือเรียวยาวหากแต่หยาบกร้านค่อย ๆ ยื่นตรงไปข้างหน้า ก่อนจะสัมผัสกับไหล่บอบบางที่สั่นระริกเบา ๆ ชายหนุ่มฉีกยิ้มหวานชนิดทีว่าผู้หญิงคนใดได้รับรอยยิ้มนี้ ต้องลมแทบจะจับแน่นอน

“ ฮันนี่ !!! ”



อิษฎา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 พ.ค. 2554, 19:31:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 พ.ค. 2554, 19:31:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 1847





   บังเอิญ โลกกลม กรรมลิขิต >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account