The song of heart...เพลงหัวใจ
“กิดาหยัน” ช่างภาพสาวประจำนิตยสารเลิฟลี่โฮมเพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้ไม่นาน ก็ต้องมาพบกับเรื่องราวอันแสนน่าเวียนหัวของพี่สาวฝาแฝด “กิดานันท์” ที่ยังคงตัดใจจากอดีตแฟนเก่าอย่าง"โยธิน" ไม่ได้ แถมเจ้าเพื่อนเวร (กิดาหยันเรียกเขาว่าอย่างนั้น) ยังมีชนักติดหลัง พา “กวินภพ” อดีตว่าที่พี่เขยที่แสนจะคุ้มดีคุ้มร้ายเข้ามาเกี่ยวพันกับคนป่วยอย่างกิดาหยันอีก

งานนี้ช่างภาพสาวจะหลุดพ้นจากมลทินที่กวินภพกล่าวหาว่าหล่อนเป็นภรรยาลับได้หรือไม่

**ข้อมูลทั้งหมดในเรื่องเป็นสิ่งที่ผู้เขียนค้นคว้าไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2553**
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 16

บทที่ 16



“คุณจะพาฉันไปไหน”

กิดาหยันเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อน ตั้งแต่กวินภพลากสาวเจ้าขึ้นรถมาด้วยกัน เจ้าของรถไม่พูดกับหล่อนสักคำนอกจากมองการจราจรเบื้องหน้าที่เคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ไม่แน่นขนัดเหมือนอย่างคราวก่อนที่เขาลากหล่อนขึ้นรถไปหาโยธิน

...ใบหน้าคมที่เรียบเฉยนั้นกิดาหยันยากที่จะเข้าใจ

กวินภพเอื้อมมือไปเร่งเสียงเพลงจากเครื่องเล่นซีดีเพลงให้ดังขึ้น เห็นชัดว่าจงใจกลบเสียงเจ้าหล่อนคล้ายกับนั่นเป็นเสียงแมลงหวี่แมลงวันรำคาญหู

ร้อนถึงกิดาหยันต้องกดปิดสวิตช์เครื่องเล่นซีดีเพลง “หูตึงรึไงคุณภพ ฉันถามว่าคุณจะพาฉันไปไหน”

“ไปช้อปปิ้ง” เขาเอ่ยเสียงเรียบ

“ช้องปิ้ง? เนี่ยนะธุระส่วนตัวของคุณ พาฉันกลับบริษัทเดี๋ยวนี้คุณภพ”

กวินภพหันไปเปิดเพลงให้ดังกว่าเดิม “อย่านึกนะว่าผมไม่รู้ทันคุณ พอผมส่งคุณกลับบริษัท คุณก็จะได้กลับไปหาไอ้โยมันน่ะสิ ลืมเสียเถอะกิดาหยัน ตราบใดที่ผมยังมีชีวิต อย่าหวังว่าผมจะปล่อยให้คุณกับมันได้เสวยสุขกันอยู่บนความทุกข์ของน้องสาวผม”

“บ้าจริงคุณนี่ ในหัวสมองของคุณคงมีแต่เรื่องพรรค์นี้ใช่มั้ย การที่ฉันจะคบหรือไม่คบกับไอ้โยน้องสาวคุณเขาไม่รับรู้ด้วยแล้ว น้องสาวคุณจากโลกนี้ไปแล้วนะคุณภพ เลิกทำตัวไร้สาระสักที”

“แต่น้องสาวของผมต้องตายเพราะคุณ !”

จู่ๆ เขาก็จอดรถเทียบฟุตปาธ กิดาหยันเตรียมใจไว้อยู่แล้วว่ามันต้องจบลงแบบเดิม “ได้ คราวนี้คุณไม่ต้องไล่ฉันลงจากรถหรอกนะ ฉันเองก็ไม่ได้อยากอยู่ในรถนี้นานนักหรอก”

มือจะเอื้อมเปิดประตูแต่กลับถูกเขารั้งไว้ “คุณไม่มีสิทธิ์ไปไหนทั้งนั้นถ้าผมไม่อนุญาต”

“อะไรนะ” กิดาหยันแค่นหัวเราะราวกับเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี “ฉันบรรลุนิติภาวะนานแล้วนะยะ ไม่จำเป็นต้องมีผู้ปกครอง และคุณไม่ใช่ผู้ปกครองของฉันมีสิทธิ์อะไรมาบังคับให้ฉันทำโน่นทำนี่ตามใจคุณ”

“มีสิทธิ์สิกิดาหยัน คุณคงลืมไปแล้วว่าวันที่เกิดเรื่องที่บ้านคุณศิลป์ชัย ใครที่ช่วยออกรับแทนคุณ ใครที่ช่วยจ่ายค่าเสียหายให้คุณ”

“อ๋อ ที่พูดมาทั้งหมดทั้งมวลนี้เพื่อต้องการทวงบุญคุณงั้นสิ ขอโทษนะคะคุณกวินภพ ใครใช้ให้คุณออกรับแทนมิทราบ คุณยอมจ่ายเองมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้”

กวินภพกระชากร่างบางเข้าหา และนั่นทำให้กิดาหยันใจตกไปที่ตาตุ่ม นัยน์ตาสีดำสนิทคู่เรียววาวโรจน์จ้องมองมาที่หล่อน “อย่าคิดนะว่าทำแบบนี้แล้วผมจะปล่อยคุณไปง่ายๆ ยิ่งคุณยั่วโมโหผมมากเท่าไหร่ คุณเองที่จะเป็นฝ่ายเจ็บตัว”

ผละมือจากหญิงสาว “ผมกับคุณศิลป์ชัยเราสนิทกันเหมือนเพื่อนก็ว่าได้ แค่ผมบอกเขาว่าเรื่องเมื่อวันก่อนคุณเป็นคนผิดคนเดียวแล้วขอเงินค่าเสียหายคืนทั้งหมด คุณคงเดาเรื่องต่อไปได้นะว่ามันจะเป็นยังไง”

เสียงเย็บเฉียบของกวินภพทำให้กิดาหยันนิ่งงัน ใบหน้าคมที่มองตรงไปเบื้องหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดอีก จนเขาเคลื่อนรถออกสู่ถนนดังเดิมนั่นแหละถึงเรียกสติกิดาหยันกลับคืน

ได้แต่ด่าทอโชคชะตาในใจ โลกใบนี้ช่างไม่ยุติธรรม เห็นๆ อยู่ว่าการต่อสู้ครั้งนี้หล่อนเสียเปรียบตั้งแต่ยังไม่ลงแข่งแล้ว คนจนย่อมเสียเปรียบคนรวยเสมอไปสินะ !

“ต่อไปนี้ผมจะเป็นคนไปรับไปส่งคุณเอง ทั้งขาไปและขากลับ ขอให้คุณเข้าใจตามนี้”

“ฉันไม่เข้าใจ” ค้านทันที “คุณจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ฉันบอกคุณเป็นล้านรอบแล้วว่าฉันกับโย...เรา-เป็น-แค่-เพื่อนกันเท่านั้น”

ไม่ว่าหล่อนจะแก้ตัวไปกี่พันครั้งหรือล้านครั้งอย่างที่เจ้าหล่อนว่ากวินภพก็ยังมองว่าเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ “งั้นคุณบอกผมได้มั้ยว่าผู้หญิงที่ผมเจอที่ร้านอาหารคราวก่อน และยังจะผู้หญิงที่ลงมาจากรถไอ้โยเป็นใคร ถ้าไม่ใช่คุณ”

“แล้วเพื่อนกันจะไปไหนมาไหนด้วยกันไม่ได้รึไง”

“ได้ แต่ท่าทางของคุณกับมันไม่บ่งบอกว่าเป็นเพื่อน” กวินภพเสียงอ่อนลงมาก “ถามจริงกิดาหยัน มันทำให้เสียใจขนาดนั้นคุณยังโหยหาจะกลับไปหามันอีกทำไม”

กิดาหยันกำมือบนตักแน่น เมื่อเถียงเขาไม่ได้การมองออกไปนอกหน้าต่างเป็นทางออกที่ดีที่สุด เอ่ยเสียงเบาคล้ายกับไม่ต้องการให้อีกฝ่ายได้ยินสักเท่าไหร่ “ฉันไม่ได้เสียใจ คนอย่างไอ้โยไม่มีทางที่จะมีอิทธิพลทำให้ฉันเสียใจอยู่แล้ว”

“พูดดีไป เห็นๆ อยู่ว่าคุณวิ่งร้องไห้ออกมา หรือว่าคุณจะบอกว่าฝุ่นมันเข้าตาก็เลยวิ่งน้ำตาไหลพรากออกมาเหมือนนางเอกในนิยาย”

กิดาหยันเงียบ กำลังจะอ้างไปแบบนั้นพอดีแต่หล่อนไม่ใช่นางเอกในนิยายนี่ ไม่มีทางใช้ข้ออ้างตามที่เขาว่าเด็ดขาด ! “ฉัน...ฉันก็แค่”

“แค่อะไรคุณ”

พอถูกเขาต้อนเข้าให้ซ้ำ กิดาหยันยิ่งอ้ำอึ้งเอ่ยว่า “ฉะ...ฉันแค่รู้สึกตาแห้งก็เลยไปหยอดตามา คุณไม่เคยได้ยินรึไง โรคตาแห้งเนี่ยมันต้องมีน้ำมาหล่อเลี้ยงจะได้ไม่แสบตา คะ...คุณดันมาเห็นตอนฉันเพิ่งหยอดตาเสร็จทำไมล่ะ”

ฟังดูเหตุผลของสาวเจ้าก็เข้าท่าอยู่หรอก แต่อาการอึกอักบวกกับสายตาลอกแลกนั้นทำให้กวินภพอดหัวเราะไม่ได้ “โกหกไม่เก่งแล้วยังริอ่านโกหกอีกนะกิดาหยัน ถ้าขึ้นศาลคุณคงเป็นพยานเท็จไม่ได้แน่ๆ”

นั่นแหละเจ้าหล่อนถึงยอมจำนนนั่งเงียบไปตลอดทางไม่กล้าซักไซ้คนหน้าพวงมาลัยอีกเลย กวินภพเองพอเห็นหญิงสาวไม่เถียงจึงกลับไปสนใจถนนเบื้องหน้าดังเดิม มีบ้างที่ลอบมองผู้โดยสารจำเป็น แต่แล้วภาพของหญิงสาวที่นั่งหน้าบึ้งกอดอกนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งนั้นชวนให้ยิ้มขันทุกครั้งไป

การเดินทางระหว่างบริษัทเลิฟลี่โฮมจนถึงห้างสรรพสินค้าจึงไม่เป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับคนขับ ต่างจากกิดาหยันที่รู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้ช่างยาวนานเสียเหลือเกิน

ในเวลาถัดมา กวินภพก็พาหล่อนมาถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไกลจากคอนโดมิเนียมพอสมควร กิดาหยันจึงโวยวายยกใหญ่บอกว่าไกลจะกลับบ้านท่าเดียว หากกวินภพอ้างว่ามีธุระสำคัญจะต้องทำที่นี่ เสร็จเมื่อไหร่แล้วเขาสัญญาว่าจะพาหล่อนกลับบ้านเอง

ร้านเสื้อผ้าเป็นสถานที่แรกที่เขาเลือกเดินเข้าไป กิดาหยันจะตามเขาเข้าไปแต่ต้องถอยกรูดออกมาอย่างงงๆ ธุระของเขาคือการมาซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงเนี่ยนะ !

“อ้าวคุณ จะยืนอยู่หน้าร้านอีกนานมั้ย”

“เอ่อ ถ้าคุณคิดจะซื้อเสื้อผ้าพวกนี้ให้ฉันก็ไม่ต้องลำบากหรอกนะ คุณมีธุระอะไรก็รีบๆ ไปทำดีกว่า” อ้อมแอ้มค้าน อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าเขาอาจพามาซื้อเสื้อผ้าเพื่อเป็นการไถ่โทษที่เคยดูถูกหล่อนไว้มากมายก็เป็นได้

พอเห็นสาวเจ้าไม่ยอมเข้ามาจริงๆ กวินภพจึงเข้ามาดึงมือหญิงสาวให้เดินตามหลังมา “นี่แหละธุระของผม”

กิดาหยันกวาดตามองเสื้อผ้าละลานตาที่แขวนบนราวรอบร้าน ส่วนใหญ่เป็นชุดกระโปรงทั้งกึ่งทางการและเป็นทางการคละกันไป “คุณยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าเข้ามาในร้านนี้ทำไม แล้วมันธุระอะไรที่คุณต้องซื้อเสื้อผ้าพวกนี้ด้วย หรือว่าคุณจะซื้อเสื้อผ้าพวกนี้ไปให้สาว”

“ประมาณนั้น คุณเป็นผู้หญิงน่าจะเลือกได้ดีกว่าผมว่าชุดไหนสวย”

หยิบชุดเสื้อเชิ้ตผ้าชีฟองพลิ้วสีขาวขึ้นมาดูเล่น “ชุดนี้คุณว่าสาวของคุณจะชอบรึเปล่า”

กวินภพหยิบจากมือหญิงสาวมาดูบ้าง พินิจพิเคราะห์อยู่ครู่ก็แขวนไว้ที่เดิม กิดาหยันเลยถือว่านั่นคือคำตอบ มือเลื่อนเสื้อผ้าบนราวแขวนไปเรื่อยพลางถามว่า “ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนยังไง เผื่อฉันจะพอเดาจากนิสัยเขาได้บ้าง”

“...”

ไม่ได้รับคำตอบจากเขา กิดาหยันเลยหันไปหาแล้วต้องพบว่าอีกฝ่ายก็มองมาเช่นกัน หากทว่า...นัยน์ตาสีดำคู่นั้นกำลังจับจ้องอะไรบางอย่างบนเรือนร่างหล่อน

ไม่รู้หรอกว่าเขามองอะไรแต่สาวเจ้าทำเป็นเดินเลี่ยงไปที่อื่น นึกฉุนที่กวินภพถือดียังไงมาจ้องมอง เสียมารยาทที่สุด !

กวินภพคงรู้ตัวถึงได้ละสายตาจากหญิงสาว “เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ ผมไม่ทันฟัง”

แน่ล่ะ ค่อนขอดในใจ “ฉันถามว่าผู้หญิงของคุณเป็นคนยังไง เผื่อฉันจะพอเดาจากนิสัยเขาได้บ้าง”

“อืม...เป็นคนสวย คล่องแคล่ว เอาการเอางาน เอิ่ม จะบอกยังไงดีล่ะ เอาเป็นว่าผมว่าน่าจะเป็นชุดที่ดูเป็นผู้หญิงเก่งหน่อยแต่อย่าให้ขรึมมากนัก เธอต้องใส่ออกงานน่ะ แต่ไม่ใช่งานที่เป็นทางการมากไม่จำเป็นต้องชุดราตรีก็ได้”

กิดาหยันจดจำทุกรายละเอียดที่เขาว่ามา อดหมั่นไส้ไม่ได้เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยคำว่าสวยออกมาเป็นคำแรก

ผู้ชายหนอผู้ชาย มีบ้างมั้ยที่จะดูผู้หญิงที่จิตใจไม่ใช่รูปร่าง หน้าตา

ยอมรับว่าร้านที่กวินภพพามาเสื้อผ้าดูดีมีรสนิยมไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะหยิบจับชุดไหนเป็นสวยถูกใจกิดาหยันไปหมด เสียอย่างเดียวที่ราคาแพงลิ่วทำเอาคนจับต้องแขวนไว้ที่เดิมอยู่หลายครั้ง ไม่งั้นป่านนี้เจ้าหล่อนได้สอยกลับบ้านไปสักตัวสองตัว อย่างน้อยน่าจะซื้อฝากพี่สาวฝาแฝดตัวหนึ่ง จำได้ว่า กิดานันท์ไม่ค่อยมีชุดออกงาน น้องสาวเองก็เช่นกัน

แต่พอนึกถึงเงินเดือนครึ่งเดียวที่เหลืออยู่ ลืมไปได้เลยเรื่องควักเงินออกจากกระเป๋า

“แล้วชุดนี้ละคะ” เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกหยิบออกมาอีกครั้ง หากคราวนี้เสื้อเชิ้ตในมือไม่ได้เรียบง่ายหรือดูขรึมจนแก่

ด้วยลายเสื้อที่มีแถบผ้าจับจีบเย็บซ้อนกันเป็นพุ่มบวกกับบริเวณคอเสื้อมีโบผูกเย็บติดลงมาตั้งแต่ตะเข็บคอเสื้อถึงกระดุมใต้ช่วงอก ทำให้เสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดาๆ ดูหวานสวย และไม่เป็นทางการจนเกินไปตามที่เขาต้องการไม่น้อย

กวินภพไม่เสียเวลาคิดเหมือนอย่างตัวที่แล้ว เขาจัดการหยิบเสื้อที่กิดาหยันว่ารวมกับกระโปรงและเข็มขัดเข้าชุดที่เขาเป็นคนเลือกเองไว้ก่อนหน้านี้แล้วส่งให้พนักงานในร้าน

คล้อยหลังออกจากร้านเสื้อผ้าเขาก็พาหล่อนลงไปยังซูเปอร์มาร์เก็ต กิดาหยันจะท้วงเขาถึงคำสัญญา แต่คิดไปคิดมาแวะซื้ออาหารสองสามอย่างกลับไปทำทานกับกิดานันท์ที่คอนโดก็ไม่เลว

แต่แล้วกิดาหยันกลับพบว่าตัวเองคิดผิดมหันต์ ! เพราะแทนที่คนพามาจะค่อยๆ เดินดูสินค้าตามชั้นกลับก้าวฉับๆ ไปตามซอกโน่นซอกนี่ หยิบสิ่งที่เขาต้องการโยนใส่รถเข็นเหมือนกับเขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะมาซื้ออะไรบ้าง

คนที่เดินตามเขาต้อยๆ จึงไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้หยุดเลือกของที่ตัวเองต้องการ คอยแต่พะวงกลัวเขาหายไปอย่างเดียว เพราะแค่หล่อนหยุดตั้งหลักจะซื้อนมสักขวดหันกลับมากวินภพนั้นเดินนำลิ่วหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ หงุดหงิดที่ต้องมาเดินตามเขาอยู่แบบนี้

จะรีบไปไล่ควายรึไงพ่อคุณ

กวินภพหยุดเลือกเส้นสำหรับทำพาสต้านานเป็นพิเศษ ด้วยความที่มีเส้นหลายแบบทำให้คนเลือกสับสนจนต้องหันถามสาวข้างกาย “ไอ้เส้นพวกนี้มันต่างกันยังไงหรือคุณ อ้อ ห้ามตอบล่ะว่าลักษณะเส้นต่างกัน เพราะอย่างนั้นผมก็ตอบได้”

กิดาหยันย่นจมูกใส่อย่างหมั่นไส้ ก่อนขุดความรู้การทำอาหารที่ได้รับตกทอดจากมารดา สาธยายให้เขาฟัง “ถ้าให้ตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คือมันเหมือนกันนั่นแหละ คุณอยากทานแบบไหนก็เลือกแบบนั้น แต่ถ้าให้ตอบแบบเชฟมือหนึ่งของประเทศ”

กระแอมเสียงให้ดูน่าเชื่อถือ สวมวิญญาณแม่ครัวมือฉมังชี้ไปยังเส้นแบบกลมยาว “ส่วนใหญ่ถ้าจะทำสปาเก็ตตี้มักเลือกใช้เส้นแบบนี้กัน แต่บางคนเขาใช้เส้นแบบแบนยาว นั่นเรียกว่าเส้นลิงกีนี่ ก็ทำสปาเก็ตตี้ได้เหมือนกัน แต่ถ้าคุณจะทำมักกะโรนี” ชี้ไปที่ห่อข้างๆ “ต้องใช้เส้นที่มีลักษณะเป็นกลมยาวมีรูตรงกลาง”

“แล้วถ้าผมจะทำพาสต้าล่ะ”

กวินภพเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เรียกเสียงหัวเราะจาก‘เชฟ’ทันที “พาสต้าคืออาหารประเภทเส้นของชาวอิตาเลียน พวกมักกะโรนี สปาเก็ตตี้ ลาซานย่า อะไรพวกนี้จัดว่าเป็นหนึ่งในพาสต้า เพราะฉะนั้นถ้าคุณจะทำพาสต้าคงต้องเหนื่อยหน่อยแล้วละค่ะคุณกวินภพ”

นานทีจะถูกสาวข้างกายแซวกวินภพเลยยิ้มแห้งแก้เขิน ใจจดใจจ่ออยู่กับเส้นหลากหลายตรงหน้า ขณะที่มีมือมาสะกิดที่ต้นแขน “ฉันว่าเราแยกกันเดินดีกว่าค่ะ ฉันอยากดูอะไรอย่างอื่นบ้างที่มันไม่ใช่แค่ของที่คุณจะซื้อน่ะ”

กวินภพถามพลางละสายตาจากของบนชั้น “คุณอยากดูอะไรเหรอ”

“ยังนึกไม่ออกค่ะ แต่อยากซื้ออาหารสักอย่างไปทำทานกับพี่สาวที่คอนโด”

“โธ่ ถ้าเรื่องนั้นคุณไม่ต้องเสียเวลาไปไหนเลยกิดาหยัน เพราะยังไงวันนี้คุณต้องไปทานข้าวเย็นที่บ้านผม”

“ทานข้าวบ้านคุณ !” ร้องเสียงหลงขึ้นมาทันที ก่อนเอ่ยเสียงเหี่ยวแตกต่างกับน้ำเสียงเมื่อครู่สิ้นเชิง “จู่ๆ คุณจะพาฉันไปทานข้าวที่บ้าน คนที่บ้านคุณเขาไม่ได้ซักฉันใหญ่เหรอว่ามาบ้านคุณทำไม ธุระก็ไม่ใช่ รู้จักก็ไม่เลยสักนิด” ประโยคสุดท้ายเน้นเสียงสุดฤทธิ์

“คุณอย่าเอาฉันไปเกะกะด้วยเลย อีกอย่าง ฉันไม่อยากกลับดึกกลัวพี่สาวเป็นห่วง” ทำตัวเป็นน้องสาวที่ดีขึ้นมาเชียวนะยัยหยัน

กวินภพไม่ตอบ เขายังคงง่วนอยู่กับการเลือกเส้นสำหรับทำพาสต้า

เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปกิดาหยันเลยเมินเสีย หล่อนไม่รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าคิดอะไรอยู่ถึงอุตริจะพาหล่อนไปบ้านกมลากร แต่ในเมื่อเจ้าตัวไม่คิดจะอธิบายจึงทำเป็นไม่สนใจ






*******************************




ทันทีที่รถขับเคลื่อนสีน้ำเงินเทียบจอดหน้าบ้านสามชั้นขนาดโอ่โถง เหล่าบรรดาแม่บ้านก็กุลีกุจอเข้ามารอรับลูกชายบ้านกมลากร โดยมีคนขับรถประจำบ้านอาสาขับรถไปเก็บที่โรงจอดรถตามเคย

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะคะคุณภพ บ้านก็มีกันอยู่แค่นี้” หัวหน้าแม่บ้านเอ่ยยิ้มๆ ขณะที่คุมแม่บ้านสาวๆ หอบข้าวของลงจากรถไปไว้ในครัว

กวินภพกอดหญิงมีอายุให้หายคิดถึง “คิดถึงป้าจังเลย พอเห็นป้าแล้วเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้กลับมาบ้านเสียนาน ป้าคิดถึงผมบ้างรึเปล่า”

“คิดถึงสิคะ ป้ารอคุณกลับมาอยู่บ้านทุกวัน วันนี้ไม่ต้องเล่นดนตรีที่สวนอาหารหรือคะถึงแวะมาหาคุณท่านได้”

“วันนี้ไม่มีคิวครับ ผมกับเพื่อนเล่นกันแค่สามวันต่ออาทิตย์ วันอื่นๆ ผมจ้างให้นักดนตรีเขามาเล่น”

ป้าผิงเอนตัวตามแรงเขย่ากอดคล้ายกล่อมของกวินภพ พอเห็นแม่บ้านสาวยิ้มขันกันอยู่ด้านหลังจึงบิดตัวอายๆ “ปล่อยได้แล้วค่ะคุณภพ โตแล้วนะคะ ไม่อายเขาหรือไง เอ๋...นั่นใครกันคะ” ถามเมื่อพบว่าไม่ได้มีเพียงลูกชายเจ้าของบ้าน แต่ยังมีหญิงสาวอีกคนที่เพิ่งก้าวลงจากรถ

วินาทีแรกที่เห็นบ้านหลังมหึมาของเขา กิดาหยันรู้สึกว่าตัวเองเหลือตัวเล็กนิดเดียวเหมือนหล่อนเป็นเพียงผงธุลีที่ติดเท้าเขาเข้ามาในบ้านยังไงยังงั้น ก็ดูบ้านเขาสิแค่เลี้ยวรถเข้ามาก็เจอบ่อน้ำพุอยู่กลางสวนหน้าบ้าน อีกทั้งถนนในบ้านกว้างอย่างกับถนนอีกสายหนึ่งที่สร้างขึ้นสำหรับผู้อาศัยได้วิ่งเล่นกันให้สนุกในบ้านตัวเอง

เทียบกับบ้านสวนของหล่อนที่มีเพียงบ้านไม้เก่าๆ กับสวนไม้ล้อมบ้านแล้ว...ไม่ได้ครึ่งของบ้านเขาด้วยซ้ำ

กิดาหยันจึงเสียเวลานั่งตั้งหลักอยู่ในรถนานพอๆ กับที่แม่บ้านทั้งหลายขนของของเขาขึ้นบ้านนั่นแหละ

“กิดาหยัน เพื่อนของผมเองครับป้า เรารู้จักกันเพราะเคยอยู่อพาร์ทเม้นท์เดียวกัน” กวินภพแนะนำ

กิดาหยันยกมือไหว้ทำความเคารพหญิงมีอายุอย่างนอบน้อม ยิ้มแห้งประกอบ “ฉันเองก็เพิ่งทราบจากเขา เอ่อ คุณภพเมื่อบ่ายนี้เองค่ะว่าจะชวนมาทานข้าวด้วยกันที่บ้าน ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ขอฝากท้อง เอ๊ย ขอฝากตัวด้วยนะคะคุณป้า”

ป้าผิงหัวเราะน้อยๆ ให้กับอาการอึกอัก พูดผิดพูดถูกของสาวเจ้า ก่อนผายมือเชื้อเชิญหนุ่มสาวเข้ามาในบ้าน

“รอคุณท่านก่อนนะคะคุณภพ เมื่อครู่ป้าเพิ่งโทรศัพท์ไปบอกคุณท่านว่าคุณมาหา...เชิญตามสบายนะคะคุณกิดาหยัน” ประโยคท้ายหัวหน้าแม่บ้านเอ่ยกับแขก

คล้อยหลังป้าผิงหายเข้าครัวไป เป็นสาวใช้ที่เสิร์ฟน้ำเย็นทั้งของลูกชายเจ้าของบ้านและหล่อนลงบนโต๊ะรับแขก ทำท่าจะอยู่รอรับใช้แต่ลูกชายบ้านกมลากรโบกปัดเป็นเชิงว่าจะดูแลแขกของเขาด้วยตัวเองรายนั้นจึงโค้งตัวหลบออกไป

“บ้านนี้มีสระว่ายน้ำด้วยนะ คุณอยากว่ายน้ำรึเปล่า ผมพอจะมีชุดว่ายน้ำของน้องสาวให้คุณยืม น่าจะใช้ด้วยกันได้”

“ไม่ละค่ะ แค่มาบ้านคุณฉันก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว” กิดาหยันตอบพลางกวาดตามองไปรอบกาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเรือนจำเป็นภายในบ้านจำพวกตู้โชว์ เก้าอี้บุนวม โต๊ะไม้สักขนาดกลางที่ตั้งอยู่กลางบ้านเพื่อวางแจกันดอกไม้...ล้วนคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก

ต้องเพ่งมองอยู่หลายครั้ง ปัดความคิดฟุ้งซ่านเหล่านั้นออกจากหัวสมอง เดินตามกวินภพเข้ามาในห้องนั่งเล่นซึ่งมีบานประตูกระจกเชื่อมเปิดทะลุผ่านออกไปยังสระว่ายน้ำ

กรอบรูปตั้งโต๊ะถูกกิดาหยันหยิบขึ้นมาถือไว้ในมือ ชายหนุ่มที่ฉีกยิ้มกว้างให้กล้องมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นกวินภพ ส่วนหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนคงเป็นสโรชินี...น้องสาวของเขา

ภาพของพี่ชายทำท่าเขกหัวน้องสาว ในขณะที่อีกฝ่ายไม่รู้ไม่ชี้ ชูสองนิ้วให้กล้องท่าเดียวเรียกรอยยิ้มจากกิดาหยันได้หน่อย หล่อนสัมผัสได้ถึงความชุ่มชื้นในหัวใจ มันเป็นความอบอุ่นและโหยหาอย่างบอกไม่ถูก ก่อนเข้ามายืนข้างกวินภพหน้าบานประตู มองสระว่ายน้ำตรงหน้าที่มีต้นไม้ใหญ่น้อยปกคลุมทั่วบริเวณจนเป็นส่วนหนึ่งของสวนด้านนอก

“บ้านคุณดูร่มรื่นดีจังค่ะ คุณคงชอบมานอนเล่นที่ริมสระนี้บ่อยๆ”

เขาครางรับ “ส่วนใหญ่ผมจะมานั่งเล่นกีตาร์ตรงนี้น่ะ เสียงน้ำช่วยให้ผมอารมณ์สุนทรีย์ คิดเพลงอะไรไปได้เรื่อยเปื่อย แต่ส่วนใหญ่ปลีกวิเวกมานั่งตรงนี้คนเดียวทีไรไม่ค่อยได้เรื่องหรอก เจ้าโรน่ะสิ ชอบมากวนจนน่ารำคาญ”

ผู้เป็นพี่คลี่ยิ้มออกมาได้หน่อยยามเอ่ยชื่อน้องสาว กิดาหยันมองเขาเพลิน ไม่เคยเห็นรอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าคมมากเท่าวันนี้มาก่อน

ยิ้มนั้นคล้ายเอ็นดูมากกว่ารำคาญอย่างปากว่า “น้องสาวผมชอบรบเร้าให้ผมเล่นเพลงของโชแปงน่ะ...” พอเห็นสีหน้างงงวยของหญิงสาวข้างกายจึงรีบอธิบายว่า “โชแปงเป็นนักแต่งเพลงและก็นักเปียโนชาวโปแลนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกเลยนะคุณ แต่อย่างว่าถ้าคนที่ไม่ค่อยฟังเพลงคลาสสิกอย่างคุณคงไม่รู้จักเขาเท่าไหร่”

ถูกเขาแขวะมาเช่นนั้นเลยแยกเขี้ยวใส่ บอกไปว่าก็ฟังเพลงคลาสสิกเหมือนกันเขาคงไม่เชื่อ

“ผมเคยเล่นให้เจ้าโรฟังแค่ครั้งเดียวแล้วก็ไม่เล่นอีกเลย ถ้าจะเล่นให้เพราะเท่าต้นฉบับเขามันยาก ผมเพิ่งมาหัดเล่นจริงๆ ...ก็ตอนที่คนฟังเขาไม่อยู่ฟังแล้วน่ะ...” ประโยคท้ายคนเล่าเจือความเศร้าระคนเสียดายแฝงไว้ในน้ำเสียง

หากกิดาหยันเพียงยิ้มๆ รู้สึกได้เลยว่าตอนนี้มือตัวเองนั้นเย็นเฉียบทั้งที่บรรยากาศภายในบ้านอุ่นกว่าในห้างสรรพสินค้าตั้งเยอะ สงสัยวันนี้ทั้งวันหล่อนคงใช้พลังงานมากไป

“สร้อยกุญแจนี้ของคุณเหรอ”

กิดาหยันพยายามรวบรวมสติสัมปชัญญะเงยหน้าสบมองคนถาม แล้วต้องเห็นว่าเขาหยุดสายตาที่สร้อยคอหล่อน นิ้วเรียวสัมผัสดอกกุญแจบนคอขาวเนียนให้แน่ใจว่าไม่ได้หล่นหายไปไหน ก่อนพยักหน้าเนือยให้เขาแทนคำตอบ เหมือนไม่มีแรงจะเอื้อนเอ่ยเสียดื้อๆ เลือกที่จะทอดมองสวนด้านนอกผ่านบานกระจกตรงหน้าตามชายหนุ่มข้างกาย ซึ่งมีเพียงสระว่ายน้ำกับต้นไม้สีเขียวๆ ให้ร่มเงาแก่ผู้อยู่อาศัย

แต่แล้วไม่รู้ว่าด้วยแสงอาทิตย์จากด้านนอกหรือว่าความรู้สึกแปลกประหลาดที่วิ่งวนในร่างกายหล่อนกันแน่ทำให้ภาพเบื้องหน้ากลายเป็นภาพเบลอ

กะพริบตาถี่พยายามปรับเลนส์สายตารับแสงด้านนอกสลับกับมองหน้ากวินภพ เห็นว่าปากเขาขยับไปมาคล้ายกับกำลังพูดอะไรบางอย่างแต่หล่อนกลับไม่ได้ยินเสียงเขาแม้แต่น้อย สิ่งที่หล่อนได้ยินกลับเป็นเสียงหัวใจตัวเองที่กำลังเต้นรัวอยู่ในอก

ภาพเลือนราง...นัยน์ตาสีดำสนิทของชายหนุ่มข้างกายกลับฉายชัด มันทำให้คนป่วยหวนนึกถึงห้วงความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่หล่อนจะถูกหามส่งโรงพยาบาล

ความเลือนรางกลับกลายเป็นความมืดมิด ก่อนที่ภาพทุกอย่างดับวูบลง





-------------------------------------------------------------



**คุยกันจ้า**



สวัสดีค่ะแฟนนิยายเรื่อง “The song of heart…เพลงหัวใจ” ทุกท่าน ก่อนอื่นเลยรันขอบอกข่าวดีด้วยความตื่นเต้น เมื่อวานทางโรงพิมพ์ได้โทร.มาบอกรันแล้วนะคะว่าจะส่งนิยาย The song of heart…เพลงหัวใจ(เล่ม1) มาให้ภายในวันนี้ งานนี้ขอกระซิบดังๆ ว่าสวยถูกใจจริงๆ ค่ะ พร้อมที่คั่นหนังสืองามด้วย นักอ่านท่านใดที่โอนเงินมาให้รันเรียบร้อยแล้ว ล็อตแรกรันจะส่งนิยายไปให้ภายในวันศุกร์นี้นะคะ


และเนื่องจากนิยายมาเร็วกว่ากำหนด(มาก) รันเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัวเหมือนกัน จึงขออนุญาตนักอ่านทุกท่านอัพนิยายเรื่องนี้ถึงแค่บทที่ 16 นะคะ ต้องขออภัยด้วยค่า >< แต่ถ้าแฟนนิยายท่านใดยังคงสนใจและเป็นกำลังใจให้กิดาหยัน รวมถึงรันด้วย กับนิยายทำมือคุณภาพดีเรื่องแรกนี้ สามารถติดตามได้ต่อในเล่มนะคะ ^_^ รับรองว่ามีบทหวานรออยู่ในเล่มจ้า อิอิ รวมถึงความดราม่า เศร้า ซึ้ง บู๊นิดๆ ปนฮา (แจ้งชื่อมาได้ที่เมล์ buta_ood@hotmail.com ช่วงโปรโมชั่นลดเหลือ 280 บาทยังคงมีถึงสิ้นเดือน กพ.56 เช่นเดิมค่ะ)


http://www.facebook.com/pages/%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%99/120656234755284#!/photo.php?fbid=150927425061498&set=a.120669788087262.25570.120656234755284&type=1&theater

วันนี้รันเอาปก เล่ม 2 มาฝากด้วยจ้า (เผยโฉมเป็นครั้งแรก^^ ปกหวานเกิ๊น 5555) สามารถสั่งซื้อเล่ม 2 ได้เมื่อไหร่ รันจะมาแจ้งให้ทราบอีกทีทางหน้านิยายนี้ หรือทางเพจ”สรัน” นะคะ (ตอนนี้เล่ม2 เหลือเพียงตรวจทานความถูกต้องเท่านั้น)

รันขอขอบคุณที่แฟนนิยายทุกท่านให้ความไว้วางใจในตัวรัน และคอยเป็นกำลังใจให้รันเสมอมา


รักเสมอ
สรัน/รมิดา


ปล.รันจะนำเรื่อง “The promise…สัญญาใจ สัญญารัก” กลับมาอัพใหม่ภายในอาทิตย์นี้นะคะ ระหว่างรอผลพิจารณาจากสนพ. ใครที่พลาดไป สามารถติดตามข่าวสารได้เสมอจ้า


แผนงานปี 2556

1.วางขาย The song of heart…เพลงหัวใจ เล่ม1 และ 2
2.กุหลาบลายมุก (เรื่องสั้น กำลังปั่นสำหรับลงอีบุ๊คโดยเฉพาะ)
3.หยกวาดตะวัน (สถานะ ปั่นอย่างจริงจังหลังกุหลาบลายมุกปิดต้นฉบับ และจะอัพลงเว็บแน่นอนค่ะ)
4.อดีตร้ายพ่ายหัวใจ (อยู่ระหว่างตีพิมพ์กับสนพ.ในเครืออักษรศาสตร์)



สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ม.ค. 2556, 12:55:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ม.ค. 2556, 12:55:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1527





<< บทที่ 15   แจ้งข่าวความคืบหน้าจ้า >>
Edelweiss 22 ม.ค. 2556, 14:39:09 น.
จะมีแบบ e-book มั้ยคะ อยากลุ้นกิดาหยันกะคุณภพ


สรัน 22 ม.ค. 2556, 14:41:17 น.
มีค่า^__^ รันเพิ่งลงเสร็จเมื่อกี้เลย แต่เดี๋ยวรอทีมงานเว็บที่ลงอีบุ๊คคอนเฟิร์มก่อนนะคะ ไม่น่าเกินภายในวันสองวันนี้จ้า ตื่นเต้นๆ


สรัน 22 ม.ค. 2556, 15:18:32 น.
เว็บนี้ขึ้นแล้วค่า http://www.ebooks.in.th/ebook/10891/The_song_of_heart


lovemuay 22 ม.ค. 2556, 15:39:43 น.
เย้ๆ ดีใจจังเลยค่ะจะไดหนังสือแล้ว อิอิ


ตถตา 22 ม.ค. 2556, 16:16:57 น.
ดีใจด้วยครับ เขียนได้น่าอ่านมากๆ


Edelweiss 22 ม.ค. 2556, 16:30:43 น.
รอซื้อพร้อมกัน 2 เล่มดีกว่าค่ะ ไม่งั่นมันค้างงงง


สรัน 22 ม.ค. 2556, 18:57:36 น.
55555ได้ค่า Edelweiss ไม่นานน่าจะตามเล่ม1ออกมาค่ะ^^
ตถตา-ขอบคุณค่า เอ รู้สึกจะเป็นผู้ชายคนแรกในเว็บเลิฟที่อ่านนิยายรันนะคะเนี่ย เขินๆ 55555
lovemuay -เมล์ชื่อไรคะหมวย บอกรันหลังไมค์ได้มั้ยคะ เดี๋ยวตอนส่งนิยายเซ็นพิเศษไปให้จ้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account