ปาฏิหาริย์บันดาลรัก
ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์...ไม่ได้ด้วยมารยา งานนี้มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นจะบันดาลรักและ 'เอาอยู่'
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 39 :: ความรักหรือความเห็นแก่ตัว

นั่งรีไรท์งานบทนี้บนเครื่องบินค่ะ พอถึงที่พักต่อเนทได้ก็ลงให้เลย มาถึงตอนที่ทุกคนอยากอ่านแล้วสินะคะ ว่าสุดท้ายแล้วจะจัดการเก็บยายหนูนิ่มยัง และบทนี้งานเข้าพี่ปรานต์เสียแล้ว มาลุ้นกันได้เลยค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ปรีติยาแวะกลับบ้านเพื่ออาบน้ำแต่งตัวก่อนจะออกไปเยี่ยมอรุณีที่โรงพยาบาล พ่อแม่ของหล่อนไม่มีใครอยู่บ้านเพราะทุกคนต่างออกไปอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนอรุณีเพราะตอนนี้ลูกค้าเยอะ ปรานต์จึงต้องกลับมาดูแลร้านจนกระทั่งลูกค้าเริ่มซาถึงจะกลับไปค้างที่โรงพยาบาล เมื่อปรานต์รู้ว่าปรีติยาแวะกลับมาที่บ้าน เขาจึงบอกให้หล่อนมาพบเขาที่ร้านกาแฟเพื่อจะได้ออกไปโรงพยาบาลด้วยกัน เพราะตอนนี้ก็สองทุ่มแล้ว

เมื่อเปิดประตูร้านเข้าไปปรีติยาก็เห็นวินยานั่งอยู่ก่อนแล้ว แววตาของวินยาที่จ้องมองมาทำให้ปรีติยารู้สึกแปลกๆในใจ คล้ายกับว่าวินยาคิดจะทำอะไรหล่อนสักอย่าง แต่ปรีติยาก็บอกตัวเองว่าคงจะระแวงไปเอง
“พี่เชอร์รี่มาเสียที หนูนิ่มจะได้พูดพร้อมกันไปเลย...พี่ปรานต์คะ หนูนิ่มพร้อมแล้วค่ะ เชิญพี่ปรานต์มานั่งตรงนี้ด้วย” วินยาเรียกปรานต์ให้มานั่งร่วมโต๊ะ

“งั้นขอผมคุยด้วยคนได้ไหมครับ ท่าทางน่าสนุก” มะเดี่ยวทำไม่รู้ไม่ชี้ขอร่วมวงสนทนาด้วย แต่กลับเจอสายตาเหี้ยมๆของวินยาที่มองอย่างปรามๆ ทำให้มะเดี่ยวไม่กล้ายุ่งด้วยอีก

“ท่าทางจะเป็นเรื่องซีเครียดเลยทีเดียว งั้นขอตัวออกไปซื้อนมสดเพิ่มที่หน้าปากซอยก่อนนะครับ” สิ้นคำมะเดี่ยวก็เผ่นแน่บออกจากร้านไปทันที

“มีเรื่องอะไรกันจ๊ะ หนูนิ่ม ทำไมต้องให้พี่กับปรานต์มาฟังพร้อมกัน” ปรีติยาถามวินยาก่อนจะหันมาซักปรานต์ “เมื่อกี้นายไม่เห็นบอกฉันเลยว่าหนูนิ่มจะเรียกมาคุย” ปรานต์ยักไหล่ก่อนจะตอบ

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนเธอนั่นแหละ เพราะหนูนิ่มเพิ่งมา และบอกว่ามีเรื่องจะต้องคุยกับฉันและเธอพร้อมกัน พอถามก็ไม่ยอมเล่าให้ฟัง งั้นให้หนูนิ่มพูดแล้วกัน เพราะฉันก็อยากจะรู้แล้ว

ทั้งหล่อนและปรานต์จึงมองหน้าวินยาเป็นตาเดียวกัน คาดคั้นให้หญิงสาวพูดเสียที

“ถ้าอยากรู้กันมากขนาดนี้ หนูนิ่มก็จะเล่าให้ฟังค่ะ แต่หนูนิ่มบอกไว้ก่อนนะคะ ว่าสิ่งที่หนูนิ่มจะเล่าให้ฟังนั้นเป็นเรื่องจริง จะให้เล่าด้วยปากตัวเองก็คงไม่มีใครเชื่อ งั้นหนูนิ่มขอเปิดคลิปเสียงให้ฟังแล้วกันนะคะ

วินยาหยิบเครื่องเล่นไอแพดออกมาจากกระเป๋าถือก่อนเสียบหูฟังและยื่นหูฟังนั้นให้หล่อนกับปรานต์คนละข้าง ผู้ที่เริ่มเอ่ยบทสนทนานั้นคือธัญญาที่พูดทำนองตำหนิพศินที่เอ่ยเรื่องของปริญญ์ออกมาต่อหน้าวินยา เมื่อฟังไปเรื่อยๆ ปรีติยาและปรานต์ต่างมีสีหน้าซีดเผือด โดยตัวหล่อนที่ช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน

ไม่จริงใช่ไหมที่พ่อของหล่อนเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อของปรานต์ต้องเสียชีวิต มิน่าเล่า พ่อกับแม่ของหล่อนถึงได้ดูแลปรานต์เป็นอย่างดี จนบางครั้งหล่อนอดน้อยใจไม่ได้ว่าพ่อใส่ใจปรานต์มากกว่าหล่อนที่เป็นลูกสาวแท้ๆเสียอีก ที่แท้เรื่องทั้งหมดมันเป็นแบบนี้เอง แต่สิ่งที่ทำให้ปรีติยาน้ำตาไหลก็คือคำพูดของอรุณีที่บอกว่าไม่เคยถือโทษโกรธเคืองพ่อของหล่อนเลย แต่ขอบคุณพ่อของหล่อนด้วยซ้ำที่ดูแลปรานต์และนางเป็นอย่างดี

แต่ปรานต์นี่สิ...หล่อนเดาไม่ออกว่าเขาคิดอย่างไร เพราะเมื่อปรีติยาลอบสังเกตสีหน้าของเขาก็เห็นปรานต์ทำหน้านิ่งๆจนยากจะคาดเดาความคิดของเขาได้ เขาจะโกรธพ่อของหล่อนมากไหมที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาต้องสูญเสียพ่อของเขาไปแม้มันจะเป็นอุบัติเหตุก็ตาม

เมื่อคลิปเสียงจบลง ทั้งปรีติยาและปรานต์ก็ดึงหูฟังออก ปรานต์ทำหน้านิ่งๆไม่แสดงอารมณ์ใดๆ จนปรีติยารู้สึกใจคอไม่ดี

“เป็นยังไงคะ ฟังแล้วอึ้งไหม ตอนที่หนูนิ่มได้ยินยังอึ้งเลย ถ้าหนูนิ่มไม่วางไอแพดอัดเสียงทิ้งไว้ พ่อแม่ของพี่เชอร์รี่ก็คงปิดเรื่องนี้เป็นความลับต่อไป แล้วพี่ปรานต์ละคะ รู้สึกยังไงบ้างที่พ่อของพี่เชอร์รี่เป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อของพี่ตาย พี่ยังจะรักพี่เชอร์รี่และทนเป็นลูกเขยของคุณลุงพศินได้อีกเหรอคะ” หนูนิ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้ายกาจ จนปรีติยาใจเสีย ยิ่งเห็นปรานต์นิ่งไม่พูดอะไรก็ยิ่งทำให้เข้าใจว่าปรานต์คงจะโกรธแค้นพ่อของหล่อนจริงๆ

ปรีติยานิ่งเงียบไม่มีเรี่ยวแรง แม้แต่จะเอ่ยปากพูดอะไร หล่อนรอฟังปรานต์พูดก่อน ในที่สุดท่ามกลางความเงียบที่แสนอึดอัด ปรานต์ก็เอ่ยออกมา

“เรื่องที่หนูนิ่มอยากจะบอกให้พี่กับเชอร์รี่รู้มีแค่นี้ใช่ไหม” ปรานต์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่ก็สัมผัสได้ถึงกระแสความไม่พอใจที่ครุกรุ่น

“ใช่ค่ะ...ทำไมคะ แค่นี้มันยังไม่มากพอที่จะทำให้พี่ปรานต์เลิกรักพี่เชอร์รี่เหรอคะ” วินยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงปวดร้าว ก่อนจะหันมาพูดกับหล่อน “พี่เชอร์รี่เองก็เหมือนกัน รู้ขนาดนี้แล้วยังจะหน้าด้านคบกับพี่ปรานต์ได้อีกเหรอ ถ้าหนูนิ่มเป็นพี่เชอร์รี่ หนูนิ่มจะละอายใจที่พ่อของตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อของคนที่รักต้องตาย”

“พี่ว่าคนที่ควรละอายใจน่าจะเป็นหนูนิ่มมากกว่า พี่รู้เรื่องนี้มานานแล้ว ถึงแม่จะไม่ได้บอกหรือเล่าให้พี่ฟัง แต่ความลับก็ไม่มีโลก วันหนึ่งป้าเล่าให้พี่ฟังว่าเกิดอะไรกับพ่อ ทำไมพ่อถึงตาย ป้าเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังโดยละเอียดว่า ตอนที่อายุได้ขวบกว่าๆ พ่อกับแม่พาพี่มาฝากไว้กับป้า เพราะจะไปเที่ยวแพที่กาญจนบุรีกับพ่อแม่ของเชอร์รี่ ตอนที่ล่องแพ กระแสน้ำเชี่ยวกราก คุณลุงพศินเสียหลักตกลงในน้ำ พ่อของพี่เอื้อมมือช่วยดึงร่างของลุงพศินขึ้นมาจากน้ำ แต่พ่อของพี่เกิดเสียหลักตกลงไปแทน คุณลุงพศินพยายามจะช่วยพ่อของพี่ แต่เวลานั้นกระแสน้ำเชี่ยวกราก ร่างของพ่อจึงถูกพัดจมหายไป มาพบอีกที พ่อก็เสียชีวิตแล้ว ตอนที่ได้ฟังเรื่องนี้ครั้งแรก พี่ยังอายุน้อยมาก จำได้ว่าอายุเพียงไม่กี่ขวบ ตอนนั้นพี่ทั้งโกรธและแค้นคุณลุงพศินมาก แต่ป้าเตือนสติพี่ว่าคุณลุงพศินเองก็ไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องนี้ และคุณลุงก็ไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้พ่อของพี่ต้องตาย คงต้องบอกว่าพ่อของพี่ทำบุญแค่นี้มากกว่า ป้าพูดจนพี่หายโกรธแค้นและคิดได้ ซ้ำตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คุณลุงพศินก็รักพี่และปฏิบัติต่อพี่เหมือนลูกชายแท้ๆของท่าน ค่าเรียนของพี่หรือแม้แต่ค่าใช้จ่ายภายในบ้าน คุณลุงก็เป็นคนช่วยจุนเจือให้กับพี่และแม่ ไม่ว่าเราสองแม่ลูกขาดเหลืออะไร คุณลุงพศินและคุณป้าธัญญาก็จะยื่นมือมาช่วยเหลือทุกครั้ง ทำให้พี่ซาบซึ้งในบุญคุณของคุณลุงพศินที่มีต่อครอบครัวของพี่เหลือเกิน เพราะจริงๆแล้ว คุณลุงพศินไม่จำเป็นต้องทำเพื่อครอบครัวของพี่เลยก็ได้ เพราะท่านไม่ได้เป็นคนผิด และหนูนิ่มก็คงได้ยินชัดแล้วว่าแม่พี่ไม่ได้โกรธแค้นคุณลุงพศินกลับขอบคุณท่านด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นหนูนิ่มอย่าพยายามทำให้พี่กับเชอร์รี่ต้องมีปัญหากันเลย เพราะมันไม่มีทางได้ผล”

ปรีติยารู้สึกโล่งใจที่ปรานต์เอ่ยเช่นนี้ ดีใจที่เขารู้เรื่องนี้มาก่อนและเข้าใจความจริงทุกอย่าง เพราะจากที่ฟัง พ่อของหล่อนก็ไม่ได้เป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อของปรานต์ต้องเสียชีวิตจริงๆ ปรีติยาลอบสังเกตสีหน้าของวินยาที่ซีดเผือด ไม่เหลือเค้าความมั่นใจหลงเหลืออยู่เลย

“ไม่จริง พี่ปรานต์จะต้องเลิกกับพี่เชอร์รี่ ถึงพ่อของพี่เชอร์รี่จะไม่ได้เป็นต้นเหตุ แต่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อของพี่ต้องตาย ถ้าพ่อของพี่ไม่เอื้อมมือไปช่วยของพี่เชอร์รี่ พี่ปรานต์ก็ไม่ต้องสูญเสียพ่อไป” วินยาคร่ำครวญอย่างไม่ยอมแพ้

“พอเถอะหนูนิ่ม พี่ว่าเรื่องนี้ไม่สามารถทำลายความสัมพันธ์ของพี่กับปรานต์ได้หรอก กลับจะยิ่งทำให้พี่คิดว่าควรจะดีกับปรานต์ให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะตลอดมาพี่เคยเข้าใจพ่อผิดและนึกน้อยใจว่าที่พ่อใส่ใจเป็นห่วงใยปรานต์มากกว่าพี่เพราะพ่ออยากได้ลูกชาย พี่ก็เลยเผลอพาลทำตัวไม่ดีกับปรานต์มาโดยตลอด คงต้องขอบคุณหนูนิ่มที่ทำให้พี่ได้รู้ความจริงเรื่องนี้” คำพูดของหล่อนทำให้วินยายิ่งเจ็บใจและร้องไห้โฮออกมาอย่างคนที่หัวใจสลาย

“ถึงหนูนิ่มจะร้องไห้ โวยวาย หรือคิดแผนอะไรก็ตามเพื่อให้พี่เลิกรักเชอร์รี่ หนูนิ่มก็ไม่มีวันทำสำเร็จหรอก เพราะพี่กับเชอร์รี่เรารักกัน เติบโตมาด้วยกัน ผ่านเรื่องราวทั้งดีและร้าย ทุกข์และสุขจนเหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ยิ่งหนูนิ่มทำตัวร้ายกาจเท่าไหร่ พี่ก็ยิ่งอยากอยู่ห่างจากหนูนิ่มมากเท่านั้น แต่ตลอดมาที่พี่ไม่ได้พูดกับหนูนิ่มให้เป็นเรื่องเป็นราว เพราะหวังว่าวันหนึ่งหนูนิ่มจะเข้าใจทุกอย่างและทำใจได้ จริงๆแล้วหนูนิ่มไม่ได้รักพี่หรอก แต่หนูนิ่มรักตัวเองมากกว่า เพราะคิดเพียงอย่างเดียวว่าจะทำยังไงเพื่อให้ตัวเองสมหวัง แต่ไม่เคยนึกถึงคนอื่นเลยว่าจะรู้สึกยังไง แบบนี้ไม่ใช่ความรักหรอก แต่เป็นความเห็นแก่ตัว”

ปรานต์ตำหนิวินยาตรงๆจนหญิงสาวหน้าชา คิดแล้วปรีติยาก็อดสงสารหญิงสาวไม่ได้ที่ต้องถูกคนที่เธอรักตำหนิอย่างไม่ไว้หน้าเช่นนี้ แต่สิ่งที่ปรานต์เอ่ยออกมาก็เป็นความจริงที่วินยาควรจะต้องเข้าใจและเรียนรู้ที่จะปรับทัศนคติเรื่องความรักเสียใหม่ เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ผู้หญิงสวยน่ารักอย่างวินยาจะกลายเป็นคนที่ไม่มีใครรัก ไม่ต้องการเข้าใกล้ เพราะความเห็นแก่ตัว

“แต่พี่ปรานต์เคยสัญญากับหนูนิ่มนะคะว่าตอนโตพี่ปรานต์จะให้หนูนิ่มเป็นเจ้าสาว” ในเมื่อวินยายังไม่ยอมแพ้ ปรานต์ก็จำใจใช้ไม้ตายสุดท้าย

“ถ้าหนูนิ่มจะอ้างเหตุผลเรื่องนี้และบอกว่าพี่ไม่รักษาคำพูด พี่ก็มีหลักฐานอะไรบางอย่างมายืนยัน หนูนิ่มคุยกับเชอร์รี่ไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพี่มา” พูดจบปรานต์ก็เดินออกไปที่บ้านของเขา ทิ้งให้หล่อนอยู่กับวินยาที่จ้องมองหล่อนอย่างกินเลือดกินเนื้อ

“ทำไมพี่ปรานต์ต้องรักพี่เชอร์รี่ด้วย หนูนิ่มไม่เข้าใจเลยจริงๆ เพราะหนูนิ่มเองก็ไม่ได้มีอะไรด้อยไปกว่าพี่ซักหน่อย”

“แน่ใจเหรอว่าไม่มี หรือหนูนิ่มไม่รู้ตัว” ปรีติยาถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แม้ปรานต์จะเอ่ยตรงๆขนาดนี้แล้ว วินยาก็ยังปิดหูปิดใจไม่ยอมรับความจริง

“ไม่มีแน่นอนค่ะ พี่เชอร์รี่พูดมาเลยดีกว่าหนูนิ่มด้อยกว่าพี่ตรงไหน” วินยาลอยหน้าลอยหน้าถามอย่างท้าทาย ปรีติยาจึงยื่นนิ้วชี้มาจิ้มตรงตำแหน่งหัวใจของวินยาก่อนจะตอบ

“จิตใจของหนูนิ่มไงล่ะที่ด้อยกว่าพี่ พี่เองก็ไม่ได้เลิศเลอเป็นนางฟ้านางสวรรค์มาจากไหน แต่พี่ก็ไม่เคยคิดร้ายจะแย่งคนรักของใครหรือคิดแผนการร้ายกาจให้คนที่รักกันต้องแตกแยก ต่อให้เรารักหรือปรารถนาใครสักคนมากสักแค่ไหน สิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องมีคือคุณธรรมประจำใจ” ปรีติยาพยายามสอนหญิงสาวอย่างใจเย็น

“ถ้าเป็นคนดีแล้วต้องผิดหวังจะเป็นคนดีไปทำไมคะ สู้เป็นคนเลวไปเลยดีกว่า” วินยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงขื่นๆ
“แล้วการเป็นคนเลวมันทำให้หนูนิ่มได้ใจของปรานต์มาหรือเปล่าล่ะ หนูนิ่มอยากให้ปรานต์อยู่กับหนูนิ่มแต่ตัว แต่หัวใจอยู่ที่คนอื่นอย่างนั้นเหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นหนูนิ่มก็จะยิ่งเป็นทุกข์กว่าเดิม และที่หนูนิ่มเป็นทุกข์ก็ไม่ใช่เพราะใคร แต่เป็นเพราะใจของหนูนิ่มเองทั้งนั้น” ปรีติยาเอ่ยเตือนสติแต่ก็ไม่รู้ว่าหญิงสาวจะรับฟังแค่ไหน ปรีติยาได้แต่ถอนใจอย่างหนักใจกับความดื้อดึงอยากชนะของหญิงสาว

ในขณะที่ปรีติยาคิดหาคำพูดเหมาะๆมาพูดกับวินยา ปรานต์ก็เดินกลับมาพร้อมหลักฐานสำคัญที่ปรีติยาพอจะเดาได้ว่าคืออะไร และหล่อนก็อายเหลือเกินที่ปรานต์ต้องใช้มันเพื่อแก้ปัญหาครั้งนี้

“นี่คือทะเบียนสมรสของพี่กับเชอร์รี่สมัยเด็กๆ หนูนิ่มดูซะ แล้วหนูนิ่มเองก็เป็นคนเซ็นรับรองเป็นพยานด้วย” วินยาจ้องมองทะเบียนสมรสของเล่นนั้น พลางหัวเราะออกมา

“นี่มันแค่ทะเบียนสมรสที่เราเคยเล่นเป็นพ่อแม่ลูกกันนี่คะ พี่ปรานต์จะถือเป็นเรื่องจริงจังไปทำไม”

“ก็ถ้าหนูนิ่มถือคำสัญญาสมัยเด็กๆที่พี่รับปากว่าจะให้หนูนิ่มเป็นเจ้าสาวตอนโต พี่ก็ถือว่าทะเบียนสมรสสมัยเด็กที่พี่จดทะเบียนกับเชอร์รี่เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน” วินยาอึ้งอย่างไม่คาดคิดว่าปรานต์จะมาไม้นี้กับหล่อน

“พี่ปรานต์จะเสียใจไปตลอดชีวิตที่ไม่เลือกหนูนิ่ม เสียแรงที่หนูนิ่มรักพี่ปรานต์ รอพี่ปรานต์ หนูนิ่มจะจำเอาไว้ว่าพี่ปรานต์เป็นคนไม่รักษาสัญญา คอยดูเถอะ หนูนิ่มจะต้องหาผู้ชายที่ดีกว่าพี่ปรานต์มาเย้ยให้ได้”วินยาเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ สีหน้าและน้ำเสียงแสดงออกให้เห็นว่าเจ็บปวดยิ่งนัก แล้วหญิงสาวก็ผลุนผลันออกจากร้านกาแฟไป

“ท่าทางหนูนิ่มคงจะผิดหวังเสียใจมากเลยนะ นายรู้สึกแย่หรือเปล่าที่เรื่องจบลงแบบนี้ ต่อไปนี้หนูนิ่มคงจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับนายอีก”

“ฉันเสียใจที่เรื่องจบลงแบบนี้ แต่ดีใจที่ในที่สุดก็ได้พูดตรงๆกับหนูนิ่ม จะช้าหรือเร็ว ฉันก็ต้องปฏิเสธหนูนิ่มอยู่ดี เพราะคนที่ฉันรักมีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น” ปรีติยาพูดพลางรวบตัวของปรีติยามากอดไว้ ก่อนจะเอ่ยต่อ

“ไม่รู้ว่าเธอได้ยินบทสนทนาที่คุณลุงพศินพูดหรือเปล่าที่บอกว่าพ่อของฉันอยากให้เธอกับฉันแต่งงานกันตอนโต เธอจะทำเพื่อพ่อของฉันได้ไหม” ปรานต์ได้โอกาสถามหล่อน

“นี่นายจะข้ามขั้นตอนไปหรือเปล่า เรายังไม่เป็นแฟนกันเลยนะ จะแต่งงานกันได้ไง” ปรีติยาตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำ

ก่อนที่ปรานต์จะบังคับให้หล่อนยอมตอบคำถามที่เขาพอใจ มะเดี่ยวก็กลับเข้ามาในร้านพอดี ทำให้ปรีติยารีบสลัดตัวออกจากเกาะกุมของปรานต์อย่างเก้อเขิน

“ผมเข้ามาขัดจังหวะหรือเปล่าครับ...งั้นเดี๋ยวผมออกไปซื้อน้ำยาล้างจานดีกว่า ลืมไปว่าจะหมดแล้ว” มะเดี่ยวทำท่าจะเดินออกไปอีก

“ไม่ต้องไปไหนหรอก นายดูร้านก่อนเถอะ เพราะเดี๋ยวฉันกับเชอร์รี่จะไปโรงพยาบาล” ปรานต์เอ่ยด้วยน้ำเสียงขัดเขิน ก่อนจะเดินนำปรีติยาออกจากร้านขึ้นรถเพื่อออกเดินทาง

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ระหว่างการเดินทางไปโรงพยาบาล ปรานต์กับปรีติยาไม่ได้คุยเรื่องที่ค้างกันไว้ เพราะมีโทรศัพท์จากตำรวจแจ้งว่าหม่อมหลวงภูวดลสารภาพผิดแล้ว เนื่องจากเป็นคดีพยายามข่มขืนแต่ไม่สำเร็จ จึงอาจยอมความได้และรอลงอาญา หากทางหล่อนยอมไกล่เกลี่ย หม่อมหลวงภูวดลยินดีจ่ายเงินชดเชยให้ห้าแสนบาท

“เธอจะยอมความหม่อมหลวงนั่นหรือเปล่า...อย่ายอมเป็นอันขาดเลยนะ เธอจะปล่อยให้คนชั่วลอยนวลไม่ได้” ปรานต์รีบเตือนปรีติยา

“วันก่อน คุณอุ้มโทรมาหาฉัน เธอบอกว่าพ่อแม่คุณดลเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันมากและอยากมาพบเพื่อขอโทษ ตอนนี้คุณดลก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้บริหารบริษัทเบสบิวด์แล้ว เพราะลูกค้าไม่เชื่อถือ ซ้ำตอนนี้ในวงสังคมทุกคนต่างประนามเขาจนเทพบุตรอย่างเขากลายเป็นหมาหัวเน่าไปเสียแล้ว ซึ่งมันก็ล้วนแล้วแต่เป็นผลกรรมที่เขาก่อ ที่จริงฉันไม่อยากยอมความให้เลย แต่ด้วยเนื้อคดีสามารถผ่อนผันได้ หากฉันได้เงินค่าเสียหาย ฉันจะนำเงินส่วนหนึ่งไปบริจาคให้มูลนิธิเพื่อผู้หญิงที่ถูกทารุณกรรมทางเพศ หลังจากนี้หม่อมหลวงภูลดลคงไม่สามารถคิดทำมิดีมิร้ายผู้หญิงคนไหนได้อีก เพราะรอลงอาญาอยู่ หากทำผิดอีก คราวนี้เขาคงต้องเข้าคุกสถานเดียว” ปรีติยาทำหน้าครุ่นคิด

“ก็จริงของเธอนะ เขาคงไม่กล้าลงมือก่อเรื่องอีกและคงเชิดหน้าอยู่ในสังคมได้ยาก ฉันว่าดีไม่ดี เขาอาจจะต้องไปอยู่ต่างประเทศตามประสาคนรวยที่พอเกิดเรื่องฉาวก็ต้องไปเก็บตัว พอเรื่องซาก็ค่อยกลับมากร่างใหม่ แต่ยังไงก็ตามเธอห้ามใจอ่อนล่ะ” ปรานต์เอ่ยย้ำอย่างรู้นิสัยของปรีติยาว่าจริงๆแล้วเป็นคนขี้ใจอ่อน สงสารคน หากพ่อแม่ของหม่อมหลวงภูวดลขอร้องให้ยอมความ ปรีติยาก็อาจจะใจอ่อนได้

“ฉันรู้แล้วน่า นายก็ชอบคิดว่าฉันยอมคนอยู่เรื่อยเชียว...ตอนนี้คุณน้าเริ่มกินอาหารอ่อนๆได้แล้วใช่ไหม งั้นนายช่วยวนรถไปตรงร้านโจ๊กเจ้าโปรดของคุณน้าหน่อยสิ เดี๋ยวฉันจะซื้อไปฝากคุณน้า” ปรีติยาออกคำสั่ง
“ตามคำบัญชาครับ” ปรานต์รับคำพลางยกมือขึ้นตะเบ๊ะ ก่อนจะขับรถไปจอดด้านหน้าร้านบะหมี่ให้ปรีติยาลงไปซื้อ แต่ริมบาทวิถีหน้าร้านจอดไม่ได้ เขาจึงต้องวนรถมารับหญิงสาว ในขณะที่ขับรถออกไป จิรายุทธก็โทรเข้ามา ปรานต์จึงรีบใส่หูฟังโทรศัพท์แล้วรับสาย

“ปรานต์ ตกลงเชอร์รี่จะยังเดินทางมาสวีเดนอยู่หรือเปล่า ฉันเตรียมหาที่พักให้เธอแล้วนะ แต่ไม่กล้าโทรไปหาเพราะกลัวเธอจับได้ ถึงนายจะบันทึกบทสนทนาออนไลน์กับอีเมล์ของเชอร์รี่ทั้งหมดที่ติดต่อกับนายส่งให้ฉันอ่าน ฉันก็กลัวว่าหลุดอยู่ดี ฉันว่านายสารภาพความจริงไปเถอะ ขืนปล่อยให้เลยเถิดมากไปกว่านี้ เชอร์รี่ก็ยิ่งจะโกรธและไม่ให้อภัยนายมากเท่านั้น นายคงรู้ใช่ไหมว่าการถูกคนที่รักและไว้ใจที่สุดโกหกมันเจ็บปวดขนาดไหน” จิรายุทธพยายามเตือนสติ

“เมื่อวันก่อนที่นายโทรมาหาฉันหลังจากได้อีเมล์ของเธอ ฉันก็หลุดถามเชอร์รี่ไปว่า คุณลุงคุณป้าจะไปเที่ยวสวีเดนด้วยเหรอ เท่านั้นแหละ ยายเชอร์รี่ซักซะจนฉันหวั่นว่าเธอจะสงสัย แต่ฉันก็รอดตัวมาได้ นี่ก็เพิ่งเคลียร์เรื่องของหนูนิ่มจบหมาดๆ ถ้าต้องเคลียร์เรื่องเชอร์รี่ต่อ ฉันต้องแย่แน่ๆ” ปรานต์โอดครวญอย่างหนักใจ เขายังไม่พร้อมจะสารภาพความจริงกับปรีติยาตอนนี้ ปัญหาต่างๆกำลังคลี่คลายไปได้ด้วยดี แล้วจะต้องมีปัญหาอีกแล้วหรือ นึกแล้วปรานต์ก็โกรธตัวเองเหลือเกินที่สร้างปัญหาให้ตัวเอง หากปรีติยารู้ความจริงเธอจะต้องไม่ให้อภัยเขาแน่ๆ

“ปรานต์ ฉันขอพูดกับนายตรงๆนะว่าฉันไม่อยากโกหกเชอร์รี่แล้ว ถ้านายไม่สารภาพความจริงกับเธอ ฉันจะเป็นคนเล่าความจริงทุกอย่างกับเธอเอง นายก็เลือกเอาเองแล้วกันว่าจะให้ฉันเป็นคนพูดหรือนายจะบอกเธอเอง ฉันว่าถ้านายเป็นพูดจะดีกว่าให้ฉันเป็นคนพูดนะ” จิรายุทธพูดเหมือนจะเสนอทางเลือกให้กับเขา แต่จริงๆแล้ว กลับบีบบังคับให้เขาสารภาพกับปรีติยา

“ฉันยังไม่พร้อมนะก้อง ขอเวลาฉันทำใจก่อนได้ไหม” ปรานต์ต่อรอง

“แล้วเมื่อไหร่นายจะพร้อม ฉันไม่สนุกไปกับนายด้วยหรอกนะ...ถ้านายไม่สารภาพความจริงกับเธอภายในวันนี้ ฉันจะเป็นคนบอกเธอเอง”

“นายอย่าพูดนะก้อง ฉันบอกเชอร์รี่เองก็ได้” ปรานต์รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที

“ขอให้นายโชคดี งั้นเท่านี้ก่อนนะ ถ้าคืนกันแล้วโทรบอกฉันด้วย ฉันจะได้โทรหาเชอร์รี่อย่างสบายใจเสียที” พูดจบจิรายุทธก็วางสาย แล้วทิ้งความหนักใจครั้งใหญ่ให้กับปรานต์ และหลังจากจิรายุทธวางสายไม่ถึงนาที ปรีติยาก็โทรมา

“นายวนรถถึงที่ไหน ฉันยืนรอเงกแล้วนะ” ปรีติยาเอ่ยอย่างอารมณ์เสีย

“ฉันก็กำลังรีบมารับเธออยู่ไง รถมันติด อีกแป็ปเดียวก็ถึงแล้ว” ปรานต์ตอบก่อนวางสาย แล้วรีบขับรถไปรับหญิงสาวที่ยืนรอด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

“ขอโทษนะเชอร์รี่ รถมันติดจริงๆ” ปรานต์รีบขอโทษ

“ช่างมันเถอะ...ฉันแค่หงุดหงิด” ในเมื่อปรีติยาไม่ต่อความ ปรานต์จึงเลือกที่จะนิ่งเงียบเช่นกัน ในหัวของเขาตอนนี้คิดเพียงว่าจะสารภาพความผิดกับปรีติยายังไงดี การเขาที่นิ่งเงียบจมอยู่กับความคิด ไม่ช่างพูด ช่างคุยเหมือนเคย คงทำให้ปรีติยาสังเกตเห็นจึงเอ่ยทัก

“นายเป็นอะไรหรือเปล่า เห็นทำหน้าแปลกๆตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”

“ปะ...เปล่า ไม่มีอะไรสักหน่อย เธอคิดมาก”

“ไม่หรอก ฉันรู้จักนายดี นายไม่พูด แสดงว่าคิดกังวลอะไรอยู่ เล่าให้ฉันฟังได้ไหม หรือว่านายคิดว่าฉันช่วยอะไรไม่ได้” ปรีติยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจ

“เธอชอบคิดมาก คิดอะไรไปเอง ที่จริง ฉันมีเรื่องสำคัญจะต้องพูดกับเธอล่ะ เราไปหาที่เงียบๆคุยกันได้ไหม” ปรานต์ตัดสินใจแล้วว่ายังไงเขาก็ต้องสารภาพความจริงกับเธอก่อนที่จิรายุทธจะพูด

“ทำไมจะต้องซีเรียสขนาดนี้ด้วย นายจะคุยเรื่องอะไรกันแน่ ฉันชักกลัวแล้วละสิ คุยกันในรถไม่ได้เหรอ” ปรีติยาทำหน้าไว้ใจ

“ไม่ได้หรอก เพราะฉันต้องใช้สมาธิในการพูด ขืนขับรถแล้วพูดไป เดี๋ยวก็ได้รถชนกันพอดี”

“นี่นายกำลังทำให้ฉันกลัวนะ ถ้านายจะขอฉันเป็นแฟนหรือแต่งงานหรอกนะ ฉันตอบได้เลยว่าตอนนี้ยังไม่ตกลง”

“เปล่า ไม่ใช่เรื่องนั้น แต่เป็นเรื่องสำคัญที่ฉันจำเป็นต้องบอกเธอ” ปรานต์ตอบสั้นๆ

“แล้วโจ๊กนี่ล่ะ ฉันตั้งใจซื้อมาฝากคุณน้านะ” ปรีติยาท้วงขึ้นมา

“เดี๋ยวค่อยเอาไปให้ก็ได้ ไม่เสียหรอก” แล้วปรานต์ก็ตัดบทก่อนจะขับรถไปยังร้านอาหารแห่งซึ่งมีลูกค้าไม่มากนัก เพื่อคุยเรื่องสำคัญกับปรีติยา

เมื่อหาโต๊ะที่มีอยู่ห่างจากโต๊ะอื่นๆที่มีลูกค้านั่งแวดล้อม และสั่งเครื่องดื่มแล้ว ปรีติยาก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ

“นายมีอะไรจะพูดก็ว่ามา ขืนปล่อยให้อยากรู้มากกว่านี้ ฉันต้องอกแตกตายแน่ๆ” ปรานต์สูดลมหายใจลึกๆ เพื่อเรียกกำลังใจก่อนจะสารภาพเรื่องราวทั้งหมด

“เธอเคยสงสัยใช่ไหมเชอร์รี่ว่าทำไมฉันถึงรู้เรื่องที่คุณลุงคุณป้าจะไปสวีเดน ทั้งที่เธอเพิ่งอีเมล์ไปหาก้องไม่กี่ชั่วโมง นั่นเป็นเพราะก้องโทรหาฉันเพราะเขากังวลใจเรื่องนี้มาก หากเธอได้พบเขา อาจจะความแตกก็ได้ เพราะความจริงก็คือตลอดมาฉันสวมรอยเป็นก้องเพื่อคุยกับเธอ ตอนที่ฉันรู้ว่าเธอสนใจก้อง ฉันก็เลยอีเมล์ไปหาก้อง และขอร้องให้เขาช่วยฉัน เพราะฉันแอบชอบเธอมานาน แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงจึงใช้วิธีนี้ ฉันรู้ดีว่าฉันทำผิดต่อเธอมากเชอร์รี่ แต่อยากให้เธอรู้ไว้ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจะโกหกเธอ ที่ทำไปทั้งหมดเพราะฉันไม่ต้องการเสียเธอไปให้ใคร”

ปริติยานิ่งเงียบ มีแต่แววตาเท่านั้นที่สั่นระริกแสดงอารมณ์ให้รู้ว่าเธอไม่ได้เพียงแต่โกรธเขา แต่เสียใจมากด้วย ปรานต์หน้าเสียพูดอะไรไม่ออก และรอให้ปรีติยาเป็นผู้ตัดสินและลงโทษเขา ทว่าปรีติยากลับเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ปรานต์รู้ดีว่าภายในความนิ่งนั้นซ่อนไฟที่กำลังจะปะทุขึ้นมาในช้า

“แล้วถ้าเกิดฉันชอบก้องขึ้นมาจริงๆ จากการคุยกันออนไลน์ นายจะทำยังไง นายคงจะแอบเยาะคิดว่าฉันโง่ถูกหลอกได้ง่ายๆ และหลงตัวเองคิดว่าก้องจะชอบฉัน แต่ในที่สุดฉันก็ต้องสิโรราบให้กับนายอยู่ดี นายคงสนุกมากสินะที่ได้ปั่นหัวฉันเล่น และคงจะสมเพชที่ฉันอยากมีแฟนจนตัวสั่น นายบอกว่านายรักฉันแต่มันไม่จริงหรอก สิ่งที่นายทำก็ไม่ต่างจากหนูนิ่มเลย คือเห็นแก่ตัว คิดเพียงอย่างเดียวคือทำให้ตัวเองสมหวังโดยไม่แคร์ความรู้สึกของคนอื่น สิ่งที่นายทำ ได้ทำลายความรัก ความเชื่อมั่นจากฉันไปจนหมดสิ้น แม้แต่ก้องเองก็เหมือนกัน ฉันไม่คิดว่าเขาจะร่วมมือกับนาย ช่างน่าสมเพชจริงๆที่ฉันต้องกลายเป็นตัวตลกของพวกนาย”

น้ำเสียงของปรีติยาทวีความสั่นเครือขึ้นเรื่อยๆ มันช่างบีบหัวใจเขาเหลือเกิน เพราะสิ่งที่เธอพูดมันก็เป็นความจริงทุกอย่าง เขาไม่ได้ต่างจากวินยาเลยที่เห็นแก่ตัว อยากให้ตัวเองสมหวังในความรักจนลืมนึกถึงใจของปรีติยา

“เรื่องนี้ฉันเป็นคนผิดเพียงคนเดียว เธออย่าโกรธก้องเลยนะ ที่จริงเขาไม่เต็มใจและอยากร่วมมือกับฉันเลย ซ้ำยังคอยเตือนฉันด้วยซ้ำว่าไม่ให้โกหกเธอ แม้แต่ตอนนี้ที่ฉันกล้าสารภาพกับเธอก็เพราะก้องบอกว่าถ้าฉันไม่ยอมพูดความจริงกับเธอ เขาจะเป็นคนพูดเอง” แม้ปรานต์จะรู้ว่าการที่เขาสารภาพจนหมดเปลือกแบบนี้จะไม่เป็นผลดีกับเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะปรีติยาคงจะยิ่งโกรธเขามากกว่าเดิม แต่เขาก็ไม่ต้องการให้จิรายุทธต้องพลอยถูกปรีติยาโกรธเคืองเพราะเขาไปด้วย

“ฉันไม่เคยคิดเลยนะปรานต์ว่านายจะโกหกฉันแบบนี้ได้ ขอบอกให้รู้ว่าฉันจะไม่มีวันรับรักนายอย่างแน่นอน เพราะตอนนี้ฉันไม่เหลือความไว้ใจในตัวนายอีกต่อไปแล้ว”

นี่คือผลจากการโกหกของเขาสินะ...ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนเขาแก้ตัว และปรีติยาก็จะยิ่งโกรธเขาไปกันใหญ่ บางทีเขาควรจะให้เวลาปรีติยาได้สงบจิตใจแล้วค่อยพูดปรับความเข้าใจกันใหม่

“ฉันไม่มีข้อแก้ตัวอะไรทั้งนั้นนะเชอร์รี่ สิ่งที่ฉันทำได้อย่างเดียวคือหวังว่าเธอจะให้อภัย แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะได้รับโอกาสนี้จากเธอหรือเปล่า หากเธอไม่ให้อภัยฉัน ฉันก็พร้อมจะยอมรับผลนั้น แต่ขอให้เธอคิดให้ดีๆ คิดถึงวันเวลาที่ผ่านมาว่าความผิดของฉันเพียงครั้งเดียว มันจะสามารถลบล้างความรักที่ฉันมีต่อเธอรวมทั้งความทรงจำดีๆระหว่างเราได้หมดจริงหรือเปล่า”

คำพูดของปรานต์ทำให้ปรีติยานิ่งไป แววตาที่แข็งกร้าว โกรธแค้นและน้อยใจของเธอดูอ่อนลง ปรีติยานิ่งเงียบ ก่อนจะลุกขึ้น

“วันนี้ฉันคงไปเยี่ยมคุณน้าไม่ได้แล้ว ฝากเอาโจ๊กไปเยี่ยมคุณน้าแทนด้วยแล้วกันและบอกพ่อแม่ของฉันด้วยว่า ฉันเพลียเลยพักอยู่บ้าน” แล้วปรีติยาก็ลุกจากโต๊ะ เดินออกไปจากร้าน ปรานต์วิ่งตามและรั้งแขนของเธอเอาไว้ แต่เมื่อปรีติยาหันมาพร้อมน้ำตาที่ร่วงพรูอาบแก้ม มือที่เหนี่ยวรั้งแขนของปรีติยาก็ร่วงลง
“ปล่อยฉันนะปรานต์ ฉันยังไม่พร้อมจะคุยกับนาย แม้แต่หน้าของนายตอนนี้ฉันก็ไม่อยากจะมอง อย่าทำให้ฉันรู้สึกเกลียดและอึดอัดใจไปมากกว่านี้เลย” คำพูดของปรีติยาทำให้ปรานต์รู้สึกไร้เรี่ยวแรง ทั้งที่เขาไม่อยากปล่อยให้เธอไปทั้งที่ยังผิดใจกันอยู่แบบนี้ แต่เขาก็ต้องยอมถอยเพื่อไม่ให้ทุกอย่างเลวร้ายมากไปกว่านี้

ปรานต์ได้แต่มองตามปรีติยาซึ่งเรียกแท็กซี่ให้ขับออกไป แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา เขาเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปจริงๆ มันก็สมควรแล้วที่ปรีติยาจะโกรธและไม่ให้อภัยเขาแบบนี้ หากย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะไม่โกหกเธอ แต่ในความเป็นจริง เวลาไม่อาจหวนกลับมาได้และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอดีต ปรานต์จึงได้ยอมรับและเตรียมใจกับการสูญเสียความรักอันมีเหตุมาจากความโง่เขลาและเห็นแก่ตัวของเขาเอง



นภาสรร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ม.ค. 2556, 11:47:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ม.ค. 2556, 11:47:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1998





<< 5 :: หนวดมหาเสน่ห์   
หมีสีชมพู 25 ม.ค. 2556, 12:12:54 น.
แอบสมน้ำหน้าปรานต์เล็กๆ เชอรี่งอนนานๆ นะ


หมูอ้วน 25 ม.ค. 2556, 14:25:51 น.
หนูเชอร์รี่อย่าโกรธนายปรานต์เลยน๊าาา


goldensun 25 ม.ค. 2556, 15:37:02 น.
อุตส่าห์ชื่นชมว่าคู่นี้มีเหตุผลดี หนูนิ่มไม่สามารถตีแตกได้
แต่พอปรานต์สารภาพเพราะโดนก้องบีบมา เชอร์รี่กลับโกรธจนไม่อยากมองหน้าซะแล้ว
ขนาดสารภาพด้วยความรู้สึกผิดเต็มที่แล้วนะ
ไม่อยากคิดว่า ถ้าปรานต์ไม่สารภาพแล้วเชอร์รี่รู้เอง จะยิ่งแรงขนาดไหน อย่างว่า ใครก็ไม่อยากโดนคนที่รักหลอก ทั้งสงสารทั้งสมน้ำหน้าปรานต์เลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account