ปาฏิหาริย์บันดาลรัก
ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์...ไม่ได้ด้วยมารยา งานนี้มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นจะบันดาลรักและ 'เอาอยู่'
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: 5 :: หนวดมหาเสน่ห์
“มองอะไร ไม่เคยเห็นคนสวยหรือไง” ปรีติยาหงุดหงิดเมื่อเห็น นิค ครีเอทีฟหนุ่มในทีมจ้องมองใบหน้าที่มีรอยเมจิคสีดำจางๆปรากฎเหนือริมฝีปาก
“แรงอ่ะเจ๊ กล้าชมตัวเองเนอะ ผมแค่สงสัยว่าเจ๊คิดยังไงถึงได้เติมหนวดบนหน้า ถึงตอนนี้กราฟิคลายหนวดจะมาแรง แต่ผมก็ไม่คิดเจ๊จะวาดหนวดบนหน้าของตัวเอง แบบนี้ก็ติสต์ดีนะ ผมชอบ ” นิคพูดพลางกลั้วหัวเราะแต่ปรีติยาไม่ขำเลยสักนิด
“อย่าพูดมากได้ไหม ไม่งั้นฉันจะให้นายคิดโฆษณาโทรศัพท์มือถือโนก้าคนเดียว” พอปรีติยาเอ่ยเรื่องโทรศัพท์มือถือโนก้า นิคก็หุบปากเงียบหันไปทำงานต่อทันที ยังไม่ทันที่ปรีติยาจะได้เริ่มทำงาน ศศิภาก็เดินมาสะกิดเรียกให้หล่อนเดินตามมาที่ร้านกาแฟชั้นล่าง
“ยุ้ยขอเม้าท์ก่อนเริ่มงานนะพี่ ไม่งั้นไม่มีสมาธิทำงานแน่ๆ คือยุ้ยอยากรู้ว่าเมื่อวานพี่เชอร์รี่ติดรูปของหม่อมหลวงภูวดลลงไปในสมุด scrapbook แล้วหรือยังคะ”
“ติดแล้วจ้ะ ทำไมเหรอยุ้ย พี่ว่าแรงดึงดูดอะไรนี่คงไม่ออกฤทธิ์ภายในไม่กี่ชั่วโมงนี่หรอก” ปรีติยาเลิกคิ้วอยากสงสัยในความอยากรู้อยากเห็นของเออีสาว
“ถ้ายุ้ยเอาหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ให้พี่เชอร์รี่อ่าน อย่าตกใจนะคะ” ศศิภายื่นหนังสือพิมพ์ เปิดหน้าสังคม ชี้ตรงกรอบคอลัมน์ซุบซิบให้หล่อนอ่าน
‘สาวๆอกหักกันทั้งประเทศเมื่อหม่อมหลวงภูวดล เจตน์อาภรณ์ ประกาศหมั้นหมายกับ ดนยา ภัทราภิรมย์ ไฮโซสาวแสนหวาน นักออกแบบจิวเวอร์รี่คนเก่งที่มาเงียบๆแต่คว้าชิ้นปลามันไปครอง’
ปรีติยาอึ้ง ลางสังหรณ์ของหล่อนเมื่อคืนกลายเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว สุดท้ายหนุ่มโสดอย่างหม่อมหลวงภูวดลก็ไม่แคล้วมีคนจับจองหัวใจ ซ้ำไฮโซสาวผู้นั้นยังเป็นสาวสวยแสนเพอร์เฟคที่หล่อนไม่มีทางทาบรัศมีแข่งได้เลย ปรีติยาเพียงแค่รู้สึกเสียดาย แต่ไม่ได้เสียใจเพราะยังไม่ทันได้เริ่มต้นทำความรู้จักกับชายหนุ่ม
“ก็ไม่เห็นไรนี่ยุ้ย พี่ก็แค่หาหนุ่มโสดคนใหม่ หนุ่มโสดดีๆยังมีอีกเยอะไป” ปรีติยาเอ่ยเสียงใส
“เรื่องนั้นยุ้ยก็เห็นด้วย แต่ที่ยุ้ยชวนพี่ลงมาคุยกันข้างล่างเพราะได้ยินข่าวลับวงในว่า อาจมีการเปลี่ยนทีมครีเอทีฟที่รับผิดชอบงานโฆษณามือถือโนก้าน่ะสิคะ”
ปรีติยาหูผึ่งทันที แสดงว่ามาติกาคงจะไม่ไว้ใจให้หล่อนทำโฆษณาชิ้นนี้จริงๆ จะว่าไปแล้วก็นับเป็นโชคของหล่อน เพราะใครที่ได้งานนี้ไปถือว่าซวยสุดๆ จะเสียดายก็แค่โบนัสก้อนโตเท่านั้นที่ต้องหลุดลอยไปด้วย
“ลันตาได้งานนี้ไปล่ะสิ” ปรีติยาถามด้วยน้ำเสียงแค้นหน่อยๆ ที่แม่ลูกสองอย่างลันตาได้รับความไว้วางใจจากมาติกามากกว่าหล่อน
“ใช่ค่ะ แต่พี่เชอร์รี่ไม่ต้องคิดมากนะคะ ไม่ใช่คุณมาติกาเธอไม่เชื่อพี่เชอร์รี่หรอกค่ะ แต่เป็นเพราะมีโฆษณาชิ้นใหม่ที่ทางลูกค้าขอให้ทีมเชอร์รี่เป็นคนทำต่างหาก เพราะคุณลูกค้าเกิดติดใจผลงานโฆษณาหมูบ้านแสนรักที่ได้รางวัลปีที่แล้วไงคะ แต่ที่น่าขนลุกก็คือ คุณลูกค้าคนนั้นคือหม่อมหลวงภูวดลค่ะ เขาเพิ่งโทรติดต่องานกับคุณมาติกาเมื่อเช้านี่เอง”
ปรีติยาแทบจะปล่อยถ้วยกาแฟที่ประคองอยู่ในมือด้วยความตกใจ นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือเกิดขึ้นเพราะแรงปาฏิหาริย์จากการที่หล่อนทำสมุดสะสมภาพกันแน่ หากเป็นข้อหลังก็คงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไม่น้อย
“ที่ยุ้ยถามพี่เมื่อกี้ว่าติดภาพหม่อมหลวงภูวดลไว้แล้วหรือยังก็เพราะอยากรู้นี่แหละค่ะว่าแรงดึงดูดจากภาพที่แปะในสมุดจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่เชอร์รี่ได้งานของหม่อมหลวงภูวดลหรือเปล่า เพราะเท่าที่ยุ้ยเคยรู้มา บริษัท Best Build ของหม่อมหลวงภูวดลมีบริษัทโฆษณาที่ใช้งานกันประจำอยู่แล้ว เลยไม่น่าเชื่อว่าจะหลุดมาถึงบริษัทของเราได้ แถมยังระบุให้ทีมงานของพี่เชอร์รี่เป็นคนคิดโฆษณาให้อีก ยุ้ยถึงว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่อยังไงละคะ”
“นั่นสิ พี่เองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลย แต่ถ้าข่าวที่ยุ้ยบอกพี่มาเป็นเรื่องจริง พี่จะต้องไปพบคุณภูวดลเมื่อไหร่”
“ก็คงบ่ายนี้แหละค่ะ”
“ตายละสิ แล้วพี่จะต้องไปพบกับคุณภูวดลในสภาพที่มีหนวดแบบนี้จริงๆเหรอ” ปรีติยาพูดพลางชี้ที่รอยเมจิกสีดำเหนือริมฝีปาก
“ยุ้ยว่าจะถามพี่เชอร์รี่อยู่เหมือนกันว่านึกยังไงถึงได้เติมหนวดให้ตัวเอง” ศศิภาทำหน้าสงสัย
“พี่ไม่ได้คิดอุตริวาดหนวดอะไรนี่หรอกนะ แต่พอดีเมื่อวานนี้มีเรื่องกับผู้ชายข้างบ้านก็เลยโดนแกล้งเติมหนวดแบบนี้” ปรีติยาอธิบายสั้นๆไม่อยากเอ่ยถึงปรานต์มากกว่านี้
“โห มีเรื่องกันถึงขนาดต้องเอาเมจิกมาวาดหนวดให้พี่เลยเหรอค่ะ ท่าทางเขาจะเป็นผู้ชายอารมณ์ดีถึงได้แกล้งพี่ด้วยการเติมหนวด” ศศิภาเอ่ยยิ้มๆเหมือนปลื้ม
“ไม่ได้สนิท เกลียดกันมากต่างหาก นายคนนี้ถือว่าเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของพี่เลยล่ะ” ปรีติยาพูดอย่างใส่อารมณ์
“แล้วเขาหล่อหรือเปล่าคะ...ยุ้ยชักอยากเห็นหน้าแล้วสิ” ศศิภาแสดงท่าทางสนใจ
“หัวเหม่ง ตาชั้นเดียวเหมือนตี๋ทั่วไป พี่ว่าผู้หญิงสวยๆดีๆอย่างยุ้ยอย่าไปสนใจเลย”
“ห้ามแบบนี้หวงหรือเปล่าคะ...ปากอาจจะบอกว่าเกลียด แต่ในใจแอบรักโดยไม่รู้ตัว” ศศิภาแกล้งแซว
“ไม่มีทาง...ต่อให้นายปรานต์เป็นผู้ชายคนสุดท้ายในโลก พี่ก็จะไม่ชายตามอง”
“เขามีแฟนแล้วหรือยังคะ” ศศิภาถามคำถามสำคัญ
“ยังไม่มีหรอก แต่ถ้ากิ๊กก็ไม่แน่ เห็นว่านายปรานต์สนิทสนมกับนักข่าวที่เป็นสาวไฮโซชื่อชาลิสาอะไรนี่แหละ”
“ถ้าอย่างนั้นยุ้ยนึกออกแล้วค่ะ ชื่อปรานต์ฟังคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นในข่าวซุบซิบสังคมกับคุณชาลิสาเมื่อหลายเดือนก่อน ต้าย...ถ้าเป็นคนเดียวกันจริง เขาก็หล่อเทพมาก เขาเป็นเจ้าของร้านกาแฟด้วยใช่ไหมคะ ถ้าพี่เชอร์รี่ยืนยันว่าเขายังไม่มีแฟน ยุ้ยขอจีบนะ เผื่อว่าบางทีจะลองใช้เทคนิคของคุณเจสสิกามาใช้กับคุณปรานต์ดูบ้าง ผู้ชายมาดเซอร์แต่อบอุ่นแบบนี้สเปคยุ้ยเลย” ศศิภาทำท่าเคลิ้มฝันคล้ายคนที่กำลังตกหลุมรัก
“เชิญตามสบายจ้ะ แต่ตอนนี้ช่วยพี่คิดก่อนดีกว่าจะจัดการกับหนวดนี่ยังไงดี ถึงพี่จะไม่ได้คิดอะไรกับหม่อมหลวงภูวดลแล้ว แต่ก็ไม่อยากไปเจอเขาในสภาพแบบนี้”
“พี่ไม่คิดอะไรกับหม่อมภูวดลจริงๆแล้วเหรอคะ ยุ้ยไม่เชื่อหรอก ยิ่งพี่ได้เจอตัวจริงจะยิ่งเคลิ้ม ยุ้ยว่านะ สมัยนี้แค่หมั้นก็ถอนหมั้นกันได้ อย่าซีเรียสเลยค่ะ” ศศิภาทำท่ายักไหล่อย่างไม่แคร์ เออีสาวรุ่นน้องก็คงเหมือนหญิงสาวสมัยใหม่ที่ถือคติว่าใครดีใครได้ แต่ปรีติยากลับคิดตรงกันข้าม
“ต่อให้หล่อแค่ไหนพี่ก็ไม่หวั่นไหวหรอก เพราะพี่ไม่คิดจะยุ่งกับคนที่มีคนรักแล้ว ยิ่งหมั้นกันแล้วด้วยยิ่งแล้วใหญ่ พี่ไม่อยากปีนต้นงิ้วหรอกนะ ตอนนี้ช่วยพี่จัดการกับหนวดนี้ทีเถอะ ถ้าคุณมาติกาเห็น พี่ต้องโดนเล่นงานแน่ๆ” ปรีติยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนใจ เมื่อศศิภาเห็นว่าปรีติยาไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะคุยเล่นอีกต่อไป จึงล้วงกระเป๋าเครื่องสำอางจากกระเป๋าถือออกมาเพื่อลบรอยหนวดให้หล่อน
“ยุ้ยว่ารอยปากกาเมจิกสีดำเข้มแบบนี้คงจะลบรอยได้ยากหากใช้แต่รองพื้น อย่างนี้ต้องใช้คอนซีลเลอร์หนาๆทาทับก่อน ค่อยรองลงพื้นอีกทีแล้วตบด้วยแป้ง วันนี้พี่เชอร์รี่คงต้องทนโบ๊ะแป้งหนาหน่อยนะคะ” สิ้นคำ มือโปรด้านการเสริมความงามอย่างศศิภาก็จัดการลบหนวดให้ปรีติยาเป็นที่เรียบร้อย และเมื่อยื่นตลับแป้งที่มีกระจกให้หล่อนส่องดูใบหน้า ปรีติยาร้องโวยวายลั่น
“ยุ้ย...นี่เธอแต่งหน้าให้พี่ หรือใส่หน้ากากให้กันแน่ ทำไมมันหนายังกะเป็นนางละครแบบนี้” ปกติหล่อนก็แต่งหน้าเข้มอยู่แล้ว ยิ่งโบ๊ะแป้งจนหนาแบบนี้เลยยิ่งดูน่ากลัว
“จะให้ยุ้ยโปะแป้งเฉพาะตรงหนวดได้ยังไงละคะ หน้าพี่เชอร์รี่ก็ได้ด่างกันพอดี เอาน่า ยังไงพี่เชอร์รี่ก็สวย...ว้าย ยุ้ยว่าเราต้องรีบไปแล้วละค่ะ เพราะคุณมาติกาเธอโทรเข้ามา สงสัยจะเรียกให้ไปคุยเรื่องงานโฆษณาของบริษัท best build แน่ๆเลย” ศศิภาทำหน้าตื่นๆ เช่นเดียวกับปรีติยาที่รีบลุกตามไปด้วย
++++++++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อทั้งคู่ขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นที่สิบสองซึ่งเป็นชั้นสำนักงานของ RD advertising ก็พบว่ามาติกายืนเท้าสะเอวรออยู่แล้ว
“เสด็จมาได้เสียที ฉันยิ่งมีเรื่องด่วนร้อนใจอยู่ ที่นี่เป็นที่ทำงานไม่ใช่สถานที่ที่พวกเธอสองคนจะเอ้อระเหยนั่งเม้าท์จิบกาแฟกันนะจ๊ะ...มานี่เลย รีบคุยเรื่องงานโฆษณาด่วนชิ้นนี้ ทุกคนเขารอพวกเธอสองคนอยู่” น้ำเสียงของมาติกาฟังดูหงุดหงิดจนทั้งศศิภาและปรีติยาต่างเดินตามตัวลีบตามเข้าไปในห้องประชุมซึ่งมีทีมครีเอทีฟของปรีติยาและทีมของลันตานั่งรออยู่พร้อมหน้า
“เอาล่ะ ฉันจะไม่เสียเวลาพูดอะไรให้เยิ่นเย้อ ที่ฉันเรียกทีมครีเอทีฟทั้งสองทีมให้มาประชุมพร้อมๆกัน แล้วก็เรียกศศิภามาด้วย เพราะเราจะต้องมีการเปลี่ยนทีมที่รับผิดชอบงานโฆษณาโทรศัพท์โนก้ากัน คือฉันจะให้ทีมของลันตารับงานชิ้นนี้แทนทีมของปรีติยาเพราะวันนี้ฉันได้รับโทรศัพท์จากบริษัท Best Build ของหม่อมหลวงภูวดลให้ทางบริษัทของเราไปรับงานและเขาก็ระบุด้วยได้ว่าอยากได้ทีมครีเอทีฟที่เคยคิดงานของหมู่บ้านแสนรักเป็นคนทำโฆษณาโครงการคอนโดชื่อ Best Living ให้ เพราะฉะนั้นฉันจึงขอให้ทีมของปรีติยาและศศิภาส่งมอบงานโทรศัพท์มือถือให้ทีมของลันตาก่อนจะเริ่มโครงการคอนโดนี้”
ตามปกติแล้ว คำสั่งของมาติกาจะถือว่าเป็นคำสั่งสุดท้ายที่ทุกคนต้องรับฟังอย่างไม่ข้อโต้แย้ง แต่ลันตากลับไม่พอใจและแย้งขึ้นมา
“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณมาติกา ทำไมถึงต้องเอางานโทรศัพท์โนก้ามาให้ตาด้วย ให้ทีมของตาทำงานของ Best Build ดีกว่า เท่าที่ตารู้ โฆษณานี้ทุ่มงบประมาณการสร้างไม่อั้น คุณมาติกาจะมั่นใจให้สาวโสดที่ยังไม่เคยซื้อบ้านของตัวเองอย่างเชอร์รี่รับงานนี้จริงๆเหรอคะ ให้ทีมของตาทำดีกว่าค่ะรับรองว่าจะได้งานที่อบอุ่นกว่ากันเยอะ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลันตาหยิบยกความเป็นสาวโสดของหล่อนมาโจมตีเพื่อลดความน่าเชื่อถือและแย่งโปงานสำคัญไป ซ้ำมาติกาเองก็เข้าข้างให้งานใหญ่ๆกับลันตาหลายครั้ง
“ใจจริงถ้าลูกค้าไม่ระบุให้ทีมของปรีติยาทำ ฉันก็คงให้โปรเจกค์งานนี้กับเธอนะลันตาเพราะฉันเองก็ไม่ค่อยไว้ใจว่าปรีติยาจะบริหารงานใหญ่ขนาดนี้ได้หรือเปล่า แต่ในเมื่อลูกค้าตัดสินใจไปแล้ว ฉันคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจอะไรได้ ยังไงฉันก็ฝากเรื่องงานโฆษณาโทรศัพท์มือถือโนก้าด้วยแล้วกันนะ ฉันเชื่อว่าเธอต้องทำได้...ตอนนี้เสร็จธุระเรื่องของเธอและทีมงานแล้วล่ะลันตา ฉันขอคุยงานกับศศิภาและทีมของปรีติยาเป็นการส่วนตัว” ลันตาและทีมจึงเดินออกจากประชุมไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก แต่ก็ไม่กล้าบ่นอะไรอีก
ปรีติยายิ้มอย่างโล่งอกที่ในที่สุด งานโทรศัพท์โนก้าสุดโหดหินก็ได้พ้นจากอกของหล่อนไป ซ้ำยังได้งานใหม่ที่น่าสนใจและท้าทายความสามารถมากกว่าเดิม และคงจะดีกว่านี้หากหม่อมหลวงภูวดลยังไม่ได้หมั้นหมายกับดนยา แต่คิดไปก็เท่านั้น เพราะคงไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ ด้วยความเสียดายทำให้ปรีติยาเผลอถอนใจออกมา
“เสียดายที่ไม่ได้ทำโฆษณามือถือโนก้าต่อเหรอเจ๊” นิคที่นั่งประชุมข้างหล่อนกระซิบถาม
“บ้า นายน่ะสิที่เสียดาย อยากย้ายไปช่วยงานลันตาไหมล่ะ เดี๋ยวจะบอกคุณมาติกาให้” คำตอบของปรีติยาทำให้นิคเงียบเสียง
“เอาล่ะ ทีนี้ก็มาคุยเรื่องที่ทางทีมของเธอต้องเข้าไปคุยงานกับลูกค้า วันนี้ฉันขอให้ปรีติยาไปกับศศิภาด้วย เพราะจะได้ไปฟังไอเดียจากลูกค้าโดยตรง วันนี้หม่อมหลวงภูวดลจะเป็นคนคุยงานกับเราเองและนัดเวลาไว้ตอนบ่ายโมง เธอสองคนห้ามไปสายและทำให้เสียงานเป็นอันขาดเข้าใจไหม”
“ฉันจะต้องไปคุยงานด้วยเหรอคะ เพราะตามปกติเออีจะเป็นคนรับบรีฟงานทั้งหมดมาให้” ปรีติยาแย้งเสียงอ่อยๆ ทั้งที่รู้ว่ายังไงวันนี้หล่อนจะต้องไปรับงานจากหม่อมหลวงภูวดล แต่ปรีติยาก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจเพราะหน้าของหล่อนโบะแป้งจนหนาเหมือนเล่นงิ้ว ถึงหล่อนจะไม่สนใจเขาแล้ว แต่ก็ไม่อยากไปพบชายหนุ่มในสภาพแบบนี้
“ยังไงเธอก็ต้องไปด้วย เพราะหม่อมหลวงภูวดลอยากพบหัวหน้าทีมครีเอทีฟ อย่าทำให้ฉันหนักใจตั้งแต่เริ่มงานเลย”
“ค่ะ ไปก็ไป ฉันแค่ถามดูเฉยๆ ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันกับศศิภาจะทำให้ดีที่สุด”
“มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น” มาติกาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ก่อนจะย้ายร่างป้อมๆในชุดสูทสีดำ ก้าวฉับๆออกไปจากห้องประชุม
“ดูยังไงคุณมาติกาก็เหมือนครูฝ่ายปกครองมากกว่าคนทำงานโฆษณานะเจ๊ ตั้งแต่ผมทำงานมายังไม่เคยเห็นคุณมาติกาใส่ชุดทำงานแบบอื่นเลย ผมก็ไว้ทรงบ็อบหน้าม้าตัดตรง ใส่แว่นตากรอบหนา และรองเท้าสีดำหุ้มส้น ถ้าถือไม้เรียวในมือล่ะก็เหมือนคุณครูระเบียบดีๆนี่เอง”
จริงอย่างที่นิคพูด มาติกาคือคนเดียวที่มีบุคลิกและรูปลักษณ์ต่างจากคนที่ทำงานโฆษณาซึ่งปกติจะแต่งกายโฉบเฉี่ยวทันสมัย แม้บุคลิกหน้าตาของมาติกาจะไม่มองดูแล้วไม่น่าจะใช่คนที่ทำงานด้านสร้างสรรค์ แต่มาติกาก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนในบริษัทเห็นความสามารถ ทำให้เหล่าบรรดาเออีและครีเอทีฟสุดแสบไม่มีใครกล้าแผลงฤทธิ์เลยสักคน แม้แต่นิคซึ่งได้ชื่อว่าเป็นครีเอทีฟปากกล้าที่สุดก็ยังหงอ ไม่กล้าเรียกมาติกาว่า ‘เจ๊’ แต่กลับเรียกว่า ‘คุณมาติกา’ ทุกคำ ก็สมควรแล้วที่บริษัทโฆษณาแห่งนี้จะมีคนเข้มงวดอย่างมาติกาคอยควบคุมและจัดความเป็นระเบียบขององค์กร
“พอลับหลังก็เม้าท์เลยนะ แน่จริงก็พูดต่อหน้าคุณมาติกาสิ” ปรีติยาแกล้งยั่วนิคซึ่งทำหน้าหวาดๆ
“ไม่เอาหรอกเจ๊ ผมไม่กล้าเล่นของสูงหรอก แต่ถ้าเป็นคนสวยอย่างน้องยุ้ย พี่นิคถึงอยากจะพูดเล่นด้วย” นิคแสดงท่าทางกระหลิ่มกระเลี่ยศศิภาอย่างออกนอกหน้า
“พี่นิค ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของพี่นะ อีกอย่างผู้ชายพูดมากอย่างพี่ก็ไม่ใช่เสปคของฉันด้วย ฉันมีคนที่ฉันหมายตาเอาไว้แล้ว อย่ามาจีบให้เสียเวลาเลย” ศศิภาเชิดหน้าอย่างหยิ่งๆ ทำให้นิคคอตก และเดินออกจากห้องประชุมไป
ปรีติยาสังเกตมานานแล้วว่า นิค แอบสนใจศศิภามานานแล้ว แต่ศศิภากลับไม่สนใจลูกน้องของหล่อนเลย เพราะไม่ชอบอาการล้นๆของชายหนุ่ม แม้ปรีติยาจะยอมรับว่าบุคลิกหรือการพูดจาของดูนิคขาดๆเกินๆไปบ้าง แต่จากการที่ปรีติยาทำงานกับนิคด้วยกันมานานก็ทำให้ได้รู้นิสัยใจคอว่าจริงๆแล้วนิคเป็นผู้ชายที่นิสัยดีมากคนหนึ่ง แม้จะชอบคุยเล่น แต่เวลาทำงานก็จริงจังและผลงานโฆษณาเด่นๆของบริษัทก็มักจะเป็นผลงานของนิค ส่วนเรื่องความรัก นิคก็ไม่ได้เป็นคนเจ้าชู้ เขาจะคบผู้หญิงเป็นคนๆไป พอเลิกราถึงจะเริ่มจีบคนใหม่ เพราะฉะนั้นปรีติยาจึงไม่อยากให้ศศิภามองข้ามนิคไป
“แหม ยุ้ยก็ นิคก็ไม่ได้เลวร้ายหรอกนะ พี่ว่าลองพิจารณาดูก็ไม่เสียหายอะไรนะ เผลอๆอาจจะดีกว่านายปรานต์เสียอีก”
“ไม่ค่ะ ยุ้ยไม่ชอบผู้ชายแบบพี่นิคจริงๆ ยุ้ยตั้งใจแล้วว่ายังไงก็จะไม่ยอมมีแฟนเป็นครีเอทีฟอีกเป็นอันขาด พี่จำพี่ป้อมที่เคยกิ๊กกับยุ้ยเมื่อปีก่อนได้ไหม ยุ้ยเข็ดพวกครีเอทีฟตั้งแต่คราวนั้น เพราะอารมณ์แปรปรวนเหลือเกิน บทจะดีก็ดีใจหาย บทจะร้ายก็น่ากลัว ยุ้ยรับพวกอารมณ์แปรปรวนไม่ได้หรอกค่ะ” ศศิภาทำท่าแหยงๆ
"นี่ยุ้ยหลอกด่าพี่หรือเปล่าเนี่ย” ปรีติยารู้สึกเหมือนถูกด่ากระทบไปด้วยเพราะหล่อนเองก็เป็นครีเอทีฟเหมือนกัน
“แหม ใครจะด่าพี่สาวสุดที่รักอย่างพี่เชอร์รี่ละคะ ยุ้ยยกเว้นพี่ไว้คนหนึ่งค่ะ แล้วนี่พี่เชอร์รี่พร้อมจะออกไปพบหม่อมหลวงภูวดลหรือยังคะ ยุ้ยว่าพี่น่าจะเติมแป้งอีกนิดเพราะหนวดโผล่ออกมาอีกแล้ว แต่จะว่าไปแล้วมีหนวดแบบนี้ก็เซ็กซี่ไปอีกแบบนะคะ เข้ากับชุดเดรสสีดำของพี่วันนี้ด้วย” ศศิภาเอ่ยยิ้มๆ
“บ้าน่า ยุ้ย เขาจะว่าพี่สติไม่ดีน่ะสิ งั้นเดี๋ยวพี่ขอเข้าห้องน้ำไปเช็คความเรียบร้อยอีกแป๊ปนึงนะ แล้วเราก็ออกกันไปได้เลย ตอนนี้แถวสีลมรถติด เราขึ้นรถไฟฟ้าไปก็แล้วกันนะ” ปรีติยาเอ่ยเสร็จก็วิ่งปรู๊ดไปเสริมความงามในห้องน้ำ
ทำไมนะ หัวใจของหล่อนถึงเต้นไม่เป็นจังหวะแบบนี้ทั้งที่ปากบอกว่าไม่คิดอะไรกับหม่อมหลวงภูวดลแล้ว แต่ในใจกลับรู้สึกตรงกันข้าม ปรีติยาได้แต่ย้ำกับตัวเองว่าเขามีคู่หมั้นแล้วและที่สำคัญหล่อนกำลังจะไปพบกับเขาเพราะเรื่องงานไม่ใช่ไปเดท เพราะฉะนั้นจะต้องควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ให้ถลำลึกไปกับหนุ่มหล่อน่าเย้ายวนใจอย่างหม่อมหลวงภูวดลเป็นอันขาด
ทว่าปรีติยาคงจะลืมนึกไปว่าหัวใจของเราไม่อาจสั่งการได้เหมือนกับสมอง และความรักก็อยู่เหนือกฎเกณฑ์การควบคุมใดๆ ปาฎิหาริย์แห่งรักกำลังจะเริ่มสำแดงพลังดึงดูดโดยที่ตัวหล่อนเองไม่ทันได้ตั้งตัว
++++++++++++++++++++++++++++++
อาคารบริษัท Best Build เป็นอาคารสูงหกสิบชั้นตั้งอยู่ใจกลางย่านสีลมซึ่งเป็นย่านธุรกิจ นับว่าโชคดีที่การเดินทางมายังอาคารนี้ค่อนข้างสะดวกเพราะทางลงของสถานีรถไฟฟ้าอยู่ด้านหน้าอาคารพอดิบพอดีทำให้ไม่ต้องเดินเบียดเสียดกับผู้คนในยามที่แดดร้อนจัด กระนั้นไอร้อนจากแสงแดดก็ทำให้ปรีติยารู้สึกว่าใบหน้าของหล่อนมันและหวั่นวิตกว่าแป้งที่ทากลบรอยหนวดไว้จะซีดจาง
“ยุ้ย เห็นรอยหนวดบนหน้าพี่หรือเปล่า” ปรีติยาถามศศิภาด้วยความกังวล
“พี่เชอร์รี่ขา พี่ถามยุ้ยรอบที่พันแล้วนะคะ โบ๊ะแป้งหนายังกะโบกปูน หนวดของพี่ไม่มีทางโผล่ให้เห็นหรอกค่ะ ยุ้ยว่าพี่เลิกกังวล แล้วทำสีหน้าให้เบิกบานดีกว่า หม่อมหลวงภูวดลจะได้ประทับใจ”
“ยุ้ย พี่ขอนะ อย่าพูดเล่นแบบนี้อีก พี่ไม่ชอบ...ตอนนี้ก็ใกล้เวลานัดแล้ว เรารีบหน่อยดีกว่า ไปถึงก่อน ดีกว่าไปสาย เดี๋ยวคุณมาติกาจะอาละวาดใส่เราอีก”
“ยุ้ยไม่ล้อพี่แล้วก็ได้ ไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่าในยุคสองพันจะมีผู้หญิงถือศีลข้อสามอย่างเคร่งครัดเท่าพี่เชอร์รี่” ศศิภาทำหน้าเซ็งๆ ปรีติยานิ่งเงียบไม่เอ่ยอะไรอีก เพราะหล่อนกำลังทำใจให้สงบก่อนพบหน้าชายหนุ่ม
เมื่อปรีติยาและศศิภาแลกบัตรประชาชนและแจ้งความประสงค์ว่าจะมาประชุมเรื่องงานโฆษณากับหม่อมหลวงภูวดล ก็มีพนักงานหญิงจากฝ่ายการตลาดมาต้อนรับและพาหล่อนกับศศิภาขึ้นไปยังห้องประชุมชั้นที่ยี่สิบ
ห้องประชุมแห่งนี้กว้างขวาง มีโต๊ะประชุมยาว และมีเก้าอี้นั่งด้านละสิบที่นั่ง ผนังด้านหน้าที่อยู่ด้านประตูทางเข้าคือจอสำหรับฉายแสดงรายงานต่างๆจากคอมพิวเตอร์ ปรีติยาและศศิภาเลือกที่นั่งซึ่งอยู่ใกล้ๆกับจอและจัดเตรียมเอกสารและคอมพิวเตอร์สำหรับแสดงงานโฆษณาซึ่งเกี่ยวข้องกับงานอสังหาริมทรัพย์ที่เคยทำให้หม่อมหลวงภูวดลได้ดูและศึกษาเพิ่มเติม
ในระหว่างที่หล่อนและศศิภาช่วยกันเตรียมเอกสาร แม่บ้านก็ยกกาแฟ น้ำเปล่า และแซนด์วิชมาเสิร์ฟให้ ทำให้ปรีติยาท้องร้องขึ้นมา เพราะตั้งแต่เช้าเพิ่งกินกาแฟไปแก้วเดียวจึงรีบหยิบแซนด์วิชมากินก่อนที่หม่อมหลวงภูวดลจะมาถึง แต่ก็กินได้เพียงไม่กี่คำ หม่อมหลวงภูวดลก็เดินเข้ามาในห้องประชุมโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ทำให้ปรีติยาดึงแซนด์วิชที่กำลังกัดอยู่ออกจากปากแทบไม่ทัน
หม่อมหลวงภูวดลตัวจริงหล่อกว่าในรูปถ่ายมาก เชื้อสายราชนิกูลช่วยขับรัศมีแห่งความสง่างามให้แลดูเจิดจ้าคล้ายมีแสงออร่าออกมาจากกาย ราชนิกูลหนุ่มแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่รีดจนเรียบกริบ ผูกเนคไทสีเทาเข้ม สวมกางเกงผ้าสีเทาเฉดเดียวกัน ส่วนรองเท้าหนังนั้นขัดจนมันแลดูเนี๊ยบไปทั้งตัว หากสิ่งที่สะกดสายตาให้ปรีติยาต้องจ้องมองคือดวงตาที่เปล่งประกายด้วยรอยยิ้มอย่างใจดี จมูกโด่งสันได้รูป เช่นเดียวกับริมฝีปากสีชมพูอย่างคนสุขภาพดีกำลังขยับยิ้มน้อยๆกับกิริยาของหล่อน
“เชิญทานต่อเถอะครับ ผมไม่รีบ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอิ่มแล้ว” ปรีติยาพูดพลางรีบคว้าน้ำเปล่ามาดื่มอึกใหญ่ จนลืมนึกไปว่าน้ำเปล่านั้นอาจจะเลอะแป้งที่บรรจงกลบรอยหนวดเหนือริมฝีปาก
“ฉันว่าเราเริ่มประชุมกันเลยก็ได้ค่ะ ดิฉัน ปรีติยา เป็นครีเอทีฟ และ ศศิภา เป็นเออีที่จะรับผิดชอบงานโฆษณาของ best build ค่ะ” ปรีติยาและศศิภาต่างแลกนามบัตรกับหม่อมหลวงภูวดลเพื่อแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ
“ยินดีที่ได้รู้จักคุณทั้งสองคนนะครับ ผมหม่อมหลวงภูวดล คุณจะเรียกผมว่า ดล ก็ได้ ที่จริง คุณไม่จำเป็นต้องแสดงผลงานกับผมอีก เพราะผมถูกใจผลงานโฆษณาหมู่บ้านแสนรักของคุณอยู่แล้ว และมั่นใจว่าคุณจะต้องทำโฆษณาคอนโด best build ของผมได้ดี เพราะผมชอบไอเดียที่คุณนำเสนอบ้านได้อย่างทันสมัย และกลุ่มเป้าหมายของผมก็เป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งกำลังมองหาที่พักอาศัยกลางเมืองเดินทางไปทำงานได้สะดวก เราจะทำโครงการนี้ในสี่ย่านสำคัญ คือ สาทร สุขุมวิท อารีย์ และรัชดาที่มีสถานีรถไฟฟ้าผ่าน ส่วนเรื่องแบบแปลนและรายละเอียดๆอื่นๆคุณสามารถอ่านจากแฟ้มที่ผมเตรียมมาให้ได้ ถ้าสงสัยอะไรก็สามารถถามผมได้โดยตรง จะโทรมาหาหรืออีเมล์มาก็ได้ทั้งนั้นครับ” แล้งวหม่อมหลวงภูวดลก็แลกนามบัตรกับหล่อนและศศิภา
ปรีติยาสังเกตว่าหม่อมหลวงภูวดลมองหน้าหล่อนและอมยิ้มแบบแปลกๆตลอดเวลา แต่ในใจก็แย้งว่าหล่อนคงคิดไปเอง ชายหนุ่มมีคู่หมั้นอยู่แล้วคงไม่มีทางสนใจหล่อนแน่ๆ จึงพยายามทำใจให้จดจ่อกับการสนทนาเรื่องงานแทน
“ขอบคุณมากค่ะที่คุณชอบงานของฉัน ข้อมูลที่คุณเตรียมมาให้ปึกใหญ่คงช่วยฉันได้มาก แต่ฉันคงต้องสอบถามความต้องการในการนำเสนอโฆษณาของคุณให้ละเอียดกว่านี้โดยเฉพาะจุดขาย รวมทั้งรูปแบบการนำเสนอ ฉันคงต้องขอให้คุณเสียเวลาชมการแสดงผลงานอีกสักเล็กน้อยนะคะ เดี๋ยวฉันจะให้คุณศศิภาซึ่งเป็นเออีนำเสนอ”
แล้วศศิภาก็รับหน้าที่ในการนำเสนอผลงาน ส่วนหล่อนก็ช่วยเสริมในจุดที่หม่อมหลวงภูวดลสงสัย ความเป็นมืออาชีพของศศิภาและหล่อน ทำให้หม่อมหลวงภูวดลมีสีหน้าท่าทางพอใจ และตกลงให้ทางบรืษัทของหล่อนคิดโฆษณาในรูปแบบของหนังสั้น และพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการคอนโดต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะปิดการประชุม
“ผมเชื่อว่าคุณต้องคิดไอเดียโฆษณาออกมาได้น่าสนใจแน่ๆ ถ้าติดขัดตรงไหน คุณปรีติยาสามารถติดต่อผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ บางทีคุณผ่านเออีอาจจะไม่ตรงเท่ากับคุยกับอาร์ตไดเรคเตอร์อย่างคุณ” หม่อมหลวงภูวดลย้ำอีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะ” ปรีติยาเอ่ยพลางเก็บอุปกรณ์และเอกสารด้วยท่าทางเขินๆ เพราะสายตาของหม่อมหลวงภูวดลที่มองหล่อนแสดงออกถึงความชื่นชมยิ่งนัก แถมยังคำพูดเมื่อกี้อีกที่เขาจงใจแสดงให้รู้ว่าต้องการติดต่อหล่อนโดยตรง ทั้งที่ปกติเออีจะประสานงานได้เป็นอย่างดี
“ไม่ทราบว่าคุณมีชื่อเล่นหรือเปล่าครับ เรียกชื่อจริงแล้วฟังดูทางการยังไงไม่รู้
“ฉันชื่อเชอร์รี่ค่ะ ส่วนศศิภา ชื่อ ยุ้ย คุณจะเรียกชื่อเล่นของพวกเราแทนก็ได้นะคะ” ปรีติยาเอ่ยโดยไม่สบตาชายหนุ่ม
“ชื่อเล่นน่ารักสมตัวกันทั้งคู่เลยนะครับ วันนี้ผมต้องขอบคุณคุณเชอร์รี่แล้วก็คุณยุ้ยมากๆที่มาพบผม หวังว่าเราคงจะมีโอกาสได้พบกันอีกเร็วๆนี้” หม่อมหลวงภูวดลส่งยิ้มบาดใจให้กับปรีติยาที่เวลานี้ใบหน้าแดงแปร้ดเป็นผลมะเขือเทศสุก ก่อนจะกล่าวลาเดินออกจากห้องประชุมไป
“พี่เชอร์รี่...อีตาหม่อมหลวงนี่แสดงท่าทางว่าปลื้มพี่สุดฤทธิ์ เห็นเวลาที่เขามองพี่ไหมล่ะ ยุ้ยรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นอากาศธาตุยังไงไม่รู้ ถ้ารู้ว่ามาแล้วจะกลายเป็นกอขอคอแบบนี้ ยุ้ยให้พี่เชอร์รี่มาคุยงานกับเขาสองต่อสองดีกว่า” ทั้งที่ปรีติยาขอไม่ให้ศศิภาล้อหล่อนเรื่องหม่อมหลวงภูวดลอีก แต่เออีสาวก็อดไม่ได้อยู่ดี และปรีติยาเองก็พูดไม่ออก เพราะหม่อมหลวงภูวดลแสดงออกว่าสนใจหล่อนจริงๆ แต่เขาก็มีคู่หมั้นแล้ว ไม่น่าจะวอกแวกมองผู้หญิงอื่นเลยจริงๆ
“พี่ว่ายุ้ยคิดไปเอง ปกติไม่ค่อยมีเจ้าของบริษัทใหญ่โตมานั่งคุยงานโฆษณาเองโดยตรงแบบนี้หรอก ปกติมักจะเป็นฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ เขาคงกลัวเราเกร็งก็เลยชวนคุยให้รู้สึกเป็นกันเอง” ปรีติยาพูดด้วยน้ำเสียงขรึมๆ แต่ศศิภากลับหัวเราะ
“ขำอะไร ยุ้ย พี่ไม่ตลกเลยนะ”
“ยุ้ยไม่ได้ขำที่พี่พูด แต่ขำหน้าพี่ต่างหาก คือยุ้ยเตือนพี่ไม่ทันว่าตอนที่พี่ดื่มน้ำ แป้งที่ทาไว้มันหลุดหมดเลยเห็นหนวด ยุ้ยว่าหม่อมหลวงภูลดลคงจะหลงเสน่ห์หนวดของพี่เชอร์รี่แน่ๆเลย”
ปรีติยาหน้าเสีย ตายจริง...นี่แสดงว่าตลอดเวลาที่หล่อนนำเสนองานและเห็นชายหนุ่มจ้องหน้าหล่อนยิ้มๆ แปลว่าเขาไม่ได้แอบปลื้มหล่อนแต่ขำหนวดบนใบหน้าของหล่อนงั้นสิ ป่านนี้หล่อนคงกลายเป็นผู้หญิงประหลาดในสายตาของเขาไปแล้ว คิดแล้วก็ยิ่งแค้นนายปรานต์นัก คอยดูเถอะ วันนี้จะต้องกลับไปแก้แค้นเอาคืนเขาให้สาสมเป็นร้อยเท่าพันเท่า
“พี่เชอร์รี่ไม่ต้องคิดมากนะคะ ยุ้ยว่าหม่อมหลวงภูวดลคงจะชอบผู้หญิงแนวๆอย่างพี่แน่” ศศิภาพยายามปลอบใจหล่อน
“แหวกแนวล่ะสิไม่ว่า ช่างเถอะ เขาจะชอบพี่หรือไม่ชอบก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก เย็นนี้ยุ้ยอยากจะตามพี่ไปเจอปรานต์ไหมล่ะ” ปรีติยาชวนศศิภาที่มีสีหน้าท่าทางกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
“ไปค่ะไป พี่เชอร์รี่ช่างเป็นสาวสวยน้ำใจงามจริงๆ ขอให้ผลบุญนี้ส่งผลให้พี่เชอร์รี่พบเนื้อคู่ไวๆนะคะ”
ปรีติยายิ้มรับ แต่ในใจคิดแผนการร้ายกาจเอาไว้ วันนี้หล่อนจะต้องกระชากหน้ากากของนายปรานต์ประจานให้ศศิภาได้หูตาสว่างว่าปรานต์ก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาที่ไม่ได้ดีเด่อะไรและถือโอกาสนี้แก้แค้นไปด้วยเลย
“แรงอ่ะเจ๊ กล้าชมตัวเองเนอะ ผมแค่สงสัยว่าเจ๊คิดยังไงถึงได้เติมหนวดบนหน้า ถึงตอนนี้กราฟิคลายหนวดจะมาแรง แต่ผมก็ไม่คิดเจ๊จะวาดหนวดบนหน้าของตัวเอง แบบนี้ก็ติสต์ดีนะ ผมชอบ ” นิคพูดพลางกลั้วหัวเราะแต่ปรีติยาไม่ขำเลยสักนิด
“อย่าพูดมากได้ไหม ไม่งั้นฉันจะให้นายคิดโฆษณาโทรศัพท์มือถือโนก้าคนเดียว” พอปรีติยาเอ่ยเรื่องโทรศัพท์มือถือโนก้า นิคก็หุบปากเงียบหันไปทำงานต่อทันที ยังไม่ทันที่ปรีติยาจะได้เริ่มทำงาน ศศิภาก็เดินมาสะกิดเรียกให้หล่อนเดินตามมาที่ร้านกาแฟชั้นล่าง
“ยุ้ยขอเม้าท์ก่อนเริ่มงานนะพี่ ไม่งั้นไม่มีสมาธิทำงานแน่ๆ คือยุ้ยอยากรู้ว่าเมื่อวานพี่เชอร์รี่ติดรูปของหม่อมหลวงภูวดลลงไปในสมุด scrapbook แล้วหรือยังคะ”
“ติดแล้วจ้ะ ทำไมเหรอยุ้ย พี่ว่าแรงดึงดูดอะไรนี่คงไม่ออกฤทธิ์ภายในไม่กี่ชั่วโมงนี่หรอก” ปรีติยาเลิกคิ้วอยากสงสัยในความอยากรู้อยากเห็นของเออีสาว
“ถ้ายุ้ยเอาหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ให้พี่เชอร์รี่อ่าน อย่าตกใจนะคะ” ศศิภายื่นหนังสือพิมพ์ เปิดหน้าสังคม ชี้ตรงกรอบคอลัมน์ซุบซิบให้หล่อนอ่าน
‘สาวๆอกหักกันทั้งประเทศเมื่อหม่อมหลวงภูวดล เจตน์อาภรณ์ ประกาศหมั้นหมายกับ ดนยา ภัทราภิรมย์ ไฮโซสาวแสนหวาน นักออกแบบจิวเวอร์รี่คนเก่งที่มาเงียบๆแต่คว้าชิ้นปลามันไปครอง’
ปรีติยาอึ้ง ลางสังหรณ์ของหล่อนเมื่อคืนกลายเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว สุดท้ายหนุ่มโสดอย่างหม่อมหลวงภูวดลก็ไม่แคล้วมีคนจับจองหัวใจ ซ้ำไฮโซสาวผู้นั้นยังเป็นสาวสวยแสนเพอร์เฟคที่หล่อนไม่มีทางทาบรัศมีแข่งได้เลย ปรีติยาเพียงแค่รู้สึกเสียดาย แต่ไม่ได้เสียใจเพราะยังไม่ทันได้เริ่มต้นทำความรู้จักกับชายหนุ่ม
“ก็ไม่เห็นไรนี่ยุ้ย พี่ก็แค่หาหนุ่มโสดคนใหม่ หนุ่มโสดดีๆยังมีอีกเยอะไป” ปรีติยาเอ่ยเสียงใส
“เรื่องนั้นยุ้ยก็เห็นด้วย แต่ที่ยุ้ยชวนพี่ลงมาคุยกันข้างล่างเพราะได้ยินข่าวลับวงในว่า อาจมีการเปลี่ยนทีมครีเอทีฟที่รับผิดชอบงานโฆษณามือถือโนก้าน่ะสิคะ”
ปรีติยาหูผึ่งทันที แสดงว่ามาติกาคงจะไม่ไว้ใจให้หล่อนทำโฆษณาชิ้นนี้จริงๆ จะว่าไปแล้วก็นับเป็นโชคของหล่อน เพราะใครที่ได้งานนี้ไปถือว่าซวยสุดๆ จะเสียดายก็แค่โบนัสก้อนโตเท่านั้นที่ต้องหลุดลอยไปด้วย
“ลันตาได้งานนี้ไปล่ะสิ” ปรีติยาถามด้วยน้ำเสียงแค้นหน่อยๆ ที่แม่ลูกสองอย่างลันตาได้รับความไว้วางใจจากมาติกามากกว่าหล่อน
“ใช่ค่ะ แต่พี่เชอร์รี่ไม่ต้องคิดมากนะคะ ไม่ใช่คุณมาติกาเธอไม่เชื่อพี่เชอร์รี่หรอกค่ะ แต่เป็นเพราะมีโฆษณาชิ้นใหม่ที่ทางลูกค้าขอให้ทีมเชอร์รี่เป็นคนทำต่างหาก เพราะคุณลูกค้าเกิดติดใจผลงานโฆษณาหมูบ้านแสนรักที่ได้รางวัลปีที่แล้วไงคะ แต่ที่น่าขนลุกก็คือ คุณลูกค้าคนนั้นคือหม่อมหลวงภูวดลค่ะ เขาเพิ่งโทรติดต่องานกับคุณมาติกาเมื่อเช้านี่เอง”
ปรีติยาแทบจะปล่อยถ้วยกาแฟที่ประคองอยู่ในมือด้วยความตกใจ นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือเกิดขึ้นเพราะแรงปาฏิหาริย์จากการที่หล่อนทำสมุดสะสมภาพกันแน่ หากเป็นข้อหลังก็คงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไม่น้อย
“ที่ยุ้ยถามพี่เมื่อกี้ว่าติดภาพหม่อมหลวงภูวดลไว้แล้วหรือยังก็เพราะอยากรู้นี่แหละค่ะว่าแรงดึงดูดจากภาพที่แปะในสมุดจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่เชอร์รี่ได้งานของหม่อมหลวงภูวดลหรือเปล่า เพราะเท่าที่ยุ้ยเคยรู้มา บริษัท Best Build ของหม่อมหลวงภูวดลมีบริษัทโฆษณาที่ใช้งานกันประจำอยู่แล้ว เลยไม่น่าเชื่อว่าจะหลุดมาถึงบริษัทของเราได้ แถมยังระบุให้ทีมงานของพี่เชอร์รี่เป็นคนคิดโฆษณาให้อีก ยุ้ยถึงว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่อยังไงละคะ”
“นั่นสิ พี่เองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลย แต่ถ้าข่าวที่ยุ้ยบอกพี่มาเป็นเรื่องจริง พี่จะต้องไปพบคุณภูวดลเมื่อไหร่”
“ก็คงบ่ายนี้แหละค่ะ”
“ตายละสิ แล้วพี่จะต้องไปพบกับคุณภูวดลในสภาพที่มีหนวดแบบนี้จริงๆเหรอ” ปรีติยาพูดพลางชี้ที่รอยเมจิกสีดำเหนือริมฝีปาก
“ยุ้ยว่าจะถามพี่เชอร์รี่อยู่เหมือนกันว่านึกยังไงถึงได้เติมหนวดให้ตัวเอง” ศศิภาทำหน้าสงสัย
“พี่ไม่ได้คิดอุตริวาดหนวดอะไรนี่หรอกนะ แต่พอดีเมื่อวานนี้มีเรื่องกับผู้ชายข้างบ้านก็เลยโดนแกล้งเติมหนวดแบบนี้” ปรีติยาอธิบายสั้นๆไม่อยากเอ่ยถึงปรานต์มากกว่านี้
“โห มีเรื่องกันถึงขนาดต้องเอาเมจิกมาวาดหนวดให้พี่เลยเหรอค่ะ ท่าทางเขาจะเป็นผู้ชายอารมณ์ดีถึงได้แกล้งพี่ด้วยการเติมหนวด” ศศิภาเอ่ยยิ้มๆเหมือนปลื้ม
“ไม่ได้สนิท เกลียดกันมากต่างหาก นายคนนี้ถือว่าเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของพี่เลยล่ะ” ปรีติยาพูดอย่างใส่อารมณ์
“แล้วเขาหล่อหรือเปล่าคะ...ยุ้ยชักอยากเห็นหน้าแล้วสิ” ศศิภาแสดงท่าทางสนใจ
“หัวเหม่ง ตาชั้นเดียวเหมือนตี๋ทั่วไป พี่ว่าผู้หญิงสวยๆดีๆอย่างยุ้ยอย่าไปสนใจเลย”
“ห้ามแบบนี้หวงหรือเปล่าคะ...ปากอาจจะบอกว่าเกลียด แต่ในใจแอบรักโดยไม่รู้ตัว” ศศิภาแกล้งแซว
“ไม่มีทาง...ต่อให้นายปรานต์เป็นผู้ชายคนสุดท้ายในโลก พี่ก็จะไม่ชายตามอง”
“เขามีแฟนแล้วหรือยังคะ” ศศิภาถามคำถามสำคัญ
“ยังไม่มีหรอก แต่ถ้ากิ๊กก็ไม่แน่ เห็นว่านายปรานต์สนิทสนมกับนักข่าวที่เป็นสาวไฮโซชื่อชาลิสาอะไรนี่แหละ”
“ถ้าอย่างนั้นยุ้ยนึกออกแล้วค่ะ ชื่อปรานต์ฟังคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นในข่าวซุบซิบสังคมกับคุณชาลิสาเมื่อหลายเดือนก่อน ต้าย...ถ้าเป็นคนเดียวกันจริง เขาก็หล่อเทพมาก เขาเป็นเจ้าของร้านกาแฟด้วยใช่ไหมคะ ถ้าพี่เชอร์รี่ยืนยันว่าเขายังไม่มีแฟน ยุ้ยขอจีบนะ เผื่อว่าบางทีจะลองใช้เทคนิคของคุณเจสสิกามาใช้กับคุณปรานต์ดูบ้าง ผู้ชายมาดเซอร์แต่อบอุ่นแบบนี้สเปคยุ้ยเลย” ศศิภาทำท่าเคลิ้มฝันคล้ายคนที่กำลังตกหลุมรัก
“เชิญตามสบายจ้ะ แต่ตอนนี้ช่วยพี่คิดก่อนดีกว่าจะจัดการกับหนวดนี่ยังไงดี ถึงพี่จะไม่ได้คิดอะไรกับหม่อมหลวงภูวดลแล้ว แต่ก็ไม่อยากไปเจอเขาในสภาพแบบนี้”
“พี่ไม่คิดอะไรกับหม่อมภูวดลจริงๆแล้วเหรอคะ ยุ้ยไม่เชื่อหรอก ยิ่งพี่ได้เจอตัวจริงจะยิ่งเคลิ้ม ยุ้ยว่านะ สมัยนี้แค่หมั้นก็ถอนหมั้นกันได้ อย่าซีเรียสเลยค่ะ” ศศิภาทำท่ายักไหล่อย่างไม่แคร์ เออีสาวรุ่นน้องก็คงเหมือนหญิงสาวสมัยใหม่ที่ถือคติว่าใครดีใครได้ แต่ปรีติยากลับคิดตรงกันข้าม
“ต่อให้หล่อแค่ไหนพี่ก็ไม่หวั่นไหวหรอก เพราะพี่ไม่คิดจะยุ่งกับคนที่มีคนรักแล้ว ยิ่งหมั้นกันแล้วด้วยยิ่งแล้วใหญ่ พี่ไม่อยากปีนต้นงิ้วหรอกนะ ตอนนี้ช่วยพี่จัดการกับหนวดนี้ทีเถอะ ถ้าคุณมาติกาเห็น พี่ต้องโดนเล่นงานแน่ๆ” ปรีติยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนใจ เมื่อศศิภาเห็นว่าปรีติยาไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะคุยเล่นอีกต่อไป จึงล้วงกระเป๋าเครื่องสำอางจากกระเป๋าถือออกมาเพื่อลบรอยหนวดให้หล่อน
“ยุ้ยว่ารอยปากกาเมจิกสีดำเข้มแบบนี้คงจะลบรอยได้ยากหากใช้แต่รองพื้น อย่างนี้ต้องใช้คอนซีลเลอร์หนาๆทาทับก่อน ค่อยรองลงพื้นอีกทีแล้วตบด้วยแป้ง วันนี้พี่เชอร์รี่คงต้องทนโบ๊ะแป้งหนาหน่อยนะคะ” สิ้นคำ มือโปรด้านการเสริมความงามอย่างศศิภาก็จัดการลบหนวดให้ปรีติยาเป็นที่เรียบร้อย และเมื่อยื่นตลับแป้งที่มีกระจกให้หล่อนส่องดูใบหน้า ปรีติยาร้องโวยวายลั่น
“ยุ้ย...นี่เธอแต่งหน้าให้พี่ หรือใส่หน้ากากให้กันแน่ ทำไมมันหนายังกะเป็นนางละครแบบนี้” ปกติหล่อนก็แต่งหน้าเข้มอยู่แล้ว ยิ่งโบ๊ะแป้งจนหนาแบบนี้เลยยิ่งดูน่ากลัว
“จะให้ยุ้ยโปะแป้งเฉพาะตรงหนวดได้ยังไงละคะ หน้าพี่เชอร์รี่ก็ได้ด่างกันพอดี เอาน่า ยังไงพี่เชอร์รี่ก็สวย...ว้าย ยุ้ยว่าเราต้องรีบไปแล้วละค่ะ เพราะคุณมาติกาเธอโทรเข้ามา สงสัยจะเรียกให้ไปคุยเรื่องงานโฆษณาของบริษัท best build แน่ๆเลย” ศศิภาทำหน้าตื่นๆ เช่นเดียวกับปรีติยาที่รีบลุกตามไปด้วย
++++++++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อทั้งคู่ขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นที่สิบสองซึ่งเป็นชั้นสำนักงานของ RD advertising ก็พบว่ามาติกายืนเท้าสะเอวรออยู่แล้ว
“เสด็จมาได้เสียที ฉันยิ่งมีเรื่องด่วนร้อนใจอยู่ ที่นี่เป็นที่ทำงานไม่ใช่สถานที่ที่พวกเธอสองคนจะเอ้อระเหยนั่งเม้าท์จิบกาแฟกันนะจ๊ะ...มานี่เลย รีบคุยเรื่องงานโฆษณาด่วนชิ้นนี้ ทุกคนเขารอพวกเธอสองคนอยู่” น้ำเสียงของมาติกาฟังดูหงุดหงิดจนทั้งศศิภาและปรีติยาต่างเดินตามตัวลีบตามเข้าไปในห้องประชุมซึ่งมีทีมครีเอทีฟของปรีติยาและทีมของลันตานั่งรออยู่พร้อมหน้า
“เอาล่ะ ฉันจะไม่เสียเวลาพูดอะไรให้เยิ่นเย้อ ที่ฉันเรียกทีมครีเอทีฟทั้งสองทีมให้มาประชุมพร้อมๆกัน แล้วก็เรียกศศิภามาด้วย เพราะเราจะต้องมีการเปลี่ยนทีมที่รับผิดชอบงานโฆษณาโทรศัพท์โนก้ากัน คือฉันจะให้ทีมของลันตารับงานชิ้นนี้แทนทีมของปรีติยาเพราะวันนี้ฉันได้รับโทรศัพท์จากบริษัท Best Build ของหม่อมหลวงภูวดลให้ทางบริษัทของเราไปรับงานและเขาก็ระบุด้วยได้ว่าอยากได้ทีมครีเอทีฟที่เคยคิดงานของหมู่บ้านแสนรักเป็นคนทำโฆษณาโครงการคอนโดชื่อ Best Living ให้ เพราะฉะนั้นฉันจึงขอให้ทีมของปรีติยาและศศิภาส่งมอบงานโทรศัพท์มือถือให้ทีมของลันตาก่อนจะเริ่มโครงการคอนโดนี้”
ตามปกติแล้ว คำสั่งของมาติกาจะถือว่าเป็นคำสั่งสุดท้ายที่ทุกคนต้องรับฟังอย่างไม่ข้อโต้แย้ง แต่ลันตากลับไม่พอใจและแย้งขึ้นมา
“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณมาติกา ทำไมถึงต้องเอางานโทรศัพท์โนก้ามาให้ตาด้วย ให้ทีมของตาทำงานของ Best Build ดีกว่า เท่าที่ตารู้ โฆษณานี้ทุ่มงบประมาณการสร้างไม่อั้น คุณมาติกาจะมั่นใจให้สาวโสดที่ยังไม่เคยซื้อบ้านของตัวเองอย่างเชอร์รี่รับงานนี้จริงๆเหรอคะ ให้ทีมของตาทำดีกว่าค่ะรับรองว่าจะได้งานที่อบอุ่นกว่ากันเยอะ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลันตาหยิบยกความเป็นสาวโสดของหล่อนมาโจมตีเพื่อลดความน่าเชื่อถือและแย่งโปงานสำคัญไป ซ้ำมาติกาเองก็เข้าข้างให้งานใหญ่ๆกับลันตาหลายครั้ง
“ใจจริงถ้าลูกค้าไม่ระบุให้ทีมของปรีติยาทำ ฉันก็คงให้โปรเจกค์งานนี้กับเธอนะลันตาเพราะฉันเองก็ไม่ค่อยไว้ใจว่าปรีติยาจะบริหารงานใหญ่ขนาดนี้ได้หรือเปล่า แต่ในเมื่อลูกค้าตัดสินใจไปแล้ว ฉันคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจอะไรได้ ยังไงฉันก็ฝากเรื่องงานโฆษณาโทรศัพท์มือถือโนก้าด้วยแล้วกันนะ ฉันเชื่อว่าเธอต้องทำได้...ตอนนี้เสร็จธุระเรื่องของเธอและทีมงานแล้วล่ะลันตา ฉันขอคุยงานกับศศิภาและทีมของปรีติยาเป็นการส่วนตัว” ลันตาและทีมจึงเดินออกจากประชุมไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก แต่ก็ไม่กล้าบ่นอะไรอีก
ปรีติยายิ้มอย่างโล่งอกที่ในที่สุด งานโทรศัพท์โนก้าสุดโหดหินก็ได้พ้นจากอกของหล่อนไป ซ้ำยังได้งานใหม่ที่น่าสนใจและท้าทายความสามารถมากกว่าเดิม และคงจะดีกว่านี้หากหม่อมหลวงภูวดลยังไม่ได้หมั้นหมายกับดนยา แต่คิดไปก็เท่านั้น เพราะคงไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้ ด้วยความเสียดายทำให้ปรีติยาเผลอถอนใจออกมา
“เสียดายที่ไม่ได้ทำโฆษณามือถือโนก้าต่อเหรอเจ๊” นิคที่นั่งประชุมข้างหล่อนกระซิบถาม
“บ้า นายน่ะสิที่เสียดาย อยากย้ายไปช่วยงานลันตาไหมล่ะ เดี๋ยวจะบอกคุณมาติกาให้” คำตอบของปรีติยาทำให้นิคเงียบเสียง
“เอาล่ะ ทีนี้ก็มาคุยเรื่องที่ทางทีมของเธอต้องเข้าไปคุยงานกับลูกค้า วันนี้ฉันขอให้ปรีติยาไปกับศศิภาด้วย เพราะจะได้ไปฟังไอเดียจากลูกค้าโดยตรง วันนี้หม่อมหลวงภูวดลจะเป็นคนคุยงานกับเราเองและนัดเวลาไว้ตอนบ่ายโมง เธอสองคนห้ามไปสายและทำให้เสียงานเป็นอันขาดเข้าใจไหม”
“ฉันจะต้องไปคุยงานด้วยเหรอคะ เพราะตามปกติเออีจะเป็นคนรับบรีฟงานทั้งหมดมาให้” ปรีติยาแย้งเสียงอ่อยๆ ทั้งที่รู้ว่ายังไงวันนี้หล่อนจะต้องไปรับงานจากหม่อมหลวงภูวดล แต่ปรีติยาก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจเพราะหน้าของหล่อนโบะแป้งจนหนาเหมือนเล่นงิ้ว ถึงหล่อนจะไม่สนใจเขาแล้ว แต่ก็ไม่อยากไปพบชายหนุ่มในสภาพแบบนี้
“ยังไงเธอก็ต้องไปด้วย เพราะหม่อมหลวงภูวดลอยากพบหัวหน้าทีมครีเอทีฟ อย่าทำให้ฉันหนักใจตั้งแต่เริ่มงานเลย”
“ค่ะ ไปก็ไป ฉันแค่ถามดูเฉยๆ ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันกับศศิภาจะทำให้ดีที่สุด”
“มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้น” มาติกาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ก่อนจะย้ายร่างป้อมๆในชุดสูทสีดำ ก้าวฉับๆออกไปจากห้องประชุม
“ดูยังไงคุณมาติกาก็เหมือนครูฝ่ายปกครองมากกว่าคนทำงานโฆษณานะเจ๊ ตั้งแต่ผมทำงานมายังไม่เคยเห็นคุณมาติกาใส่ชุดทำงานแบบอื่นเลย ผมก็ไว้ทรงบ็อบหน้าม้าตัดตรง ใส่แว่นตากรอบหนา และรองเท้าสีดำหุ้มส้น ถ้าถือไม้เรียวในมือล่ะก็เหมือนคุณครูระเบียบดีๆนี่เอง”
จริงอย่างที่นิคพูด มาติกาคือคนเดียวที่มีบุคลิกและรูปลักษณ์ต่างจากคนที่ทำงานโฆษณาซึ่งปกติจะแต่งกายโฉบเฉี่ยวทันสมัย แม้บุคลิกหน้าตาของมาติกาจะไม่มองดูแล้วไม่น่าจะใช่คนที่ทำงานด้านสร้างสรรค์ แต่มาติกาก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนในบริษัทเห็นความสามารถ ทำให้เหล่าบรรดาเออีและครีเอทีฟสุดแสบไม่มีใครกล้าแผลงฤทธิ์เลยสักคน แม้แต่นิคซึ่งได้ชื่อว่าเป็นครีเอทีฟปากกล้าที่สุดก็ยังหงอ ไม่กล้าเรียกมาติกาว่า ‘เจ๊’ แต่กลับเรียกว่า ‘คุณมาติกา’ ทุกคำ ก็สมควรแล้วที่บริษัทโฆษณาแห่งนี้จะมีคนเข้มงวดอย่างมาติกาคอยควบคุมและจัดความเป็นระเบียบขององค์กร
“พอลับหลังก็เม้าท์เลยนะ แน่จริงก็พูดต่อหน้าคุณมาติกาสิ” ปรีติยาแกล้งยั่วนิคซึ่งทำหน้าหวาดๆ
“ไม่เอาหรอกเจ๊ ผมไม่กล้าเล่นของสูงหรอก แต่ถ้าเป็นคนสวยอย่างน้องยุ้ย พี่นิคถึงอยากจะพูดเล่นด้วย” นิคแสดงท่าทางกระหลิ่มกระเลี่ยศศิภาอย่างออกนอกหน้า
“พี่นิค ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของพี่นะ อีกอย่างผู้ชายพูดมากอย่างพี่ก็ไม่ใช่เสปคของฉันด้วย ฉันมีคนที่ฉันหมายตาเอาไว้แล้ว อย่ามาจีบให้เสียเวลาเลย” ศศิภาเชิดหน้าอย่างหยิ่งๆ ทำให้นิคคอตก และเดินออกจากห้องประชุมไป
ปรีติยาสังเกตมานานแล้วว่า นิค แอบสนใจศศิภามานานแล้ว แต่ศศิภากลับไม่สนใจลูกน้องของหล่อนเลย เพราะไม่ชอบอาการล้นๆของชายหนุ่ม แม้ปรีติยาจะยอมรับว่าบุคลิกหรือการพูดจาของดูนิคขาดๆเกินๆไปบ้าง แต่จากการที่ปรีติยาทำงานกับนิคด้วยกันมานานก็ทำให้ได้รู้นิสัยใจคอว่าจริงๆแล้วนิคเป็นผู้ชายที่นิสัยดีมากคนหนึ่ง แม้จะชอบคุยเล่น แต่เวลาทำงานก็จริงจังและผลงานโฆษณาเด่นๆของบริษัทก็มักจะเป็นผลงานของนิค ส่วนเรื่องความรัก นิคก็ไม่ได้เป็นคนเจ้าชู้ เขาจะคบผู้หญิงเป็นคนๆไป พอเลิกราถึงจะเริ่มจีบคนใหม่ เพราะฉะนั้นปรีติยาจึงไม่อยากให้ศศิภามองข้ามนิคไป
“แหม ยุ้ยก็ นิคก็ไม่ได้เลวร้ายหรอกนะ พี่ว่าลองพิจารณาดูก็ไม่เสียหายอะไรนะ เผลอๆอาจจะดีกว่านายปรานต์เสียอีก”
“ไม่ค่ะ ยุ้ยไม่ชอบผู้ชายแบบพี่นิคจริงๆ ยุ้ยตั้งใจแล้วว่ายังไงก็จะไม่ยอมมีแฟนเป็นครีเอทีฟอีกเป็นอันขาด พี่จำพี่ป้อมที่เคยกิ๊กกับยุ้ยเมื่อปีก่อนได้ไหม ยุ้ยเข็ดพวกครีเอทีฟตั้งแต่คราวนั้น เพราะอารมณ์แปรปรวนเหลือเกิน บทจะดีก็ดีใจหาย บทจะร้ายก็น่ากลัว ยุ้ยรับพวกอารมณ์แปรปรวนไม่ได้หรอกค่ะ” ศศิภาทำท่าแหยงๆ
"นี่ยุ้ยหลอกด่าพี่หรือเปล่าเนี่ย” ปรีติยารู้สึกเหมือนถูกด่ากระทบไปด้วยเพราะหล่อนเองก็เป็นครีเอทีฟเหมือนกัน
“แหม ใครจะด่าพี่สาวสุดที่รักอย่างพี่เชอร์รี่ละคะ ยุ้ยยกเว้นพี่ไว้คนหนึ่งค่ะ แล้วนี่พี่เชอร์รี่พร้อมจะออกไปพบหม่อมหลวงภูวดลหรือยังคะ ยุ้ยว่าพี่น่าจะเติมแป้งอีกนิดเพราะหนวดโผล่ออกมาอีกแล้ว แต่จะว่าไปแล้วมีหนวดแบบนี้ก็เซ็กซี่ไปอีกแบบนะคะ เข้ากับชุดเดรสสีดำของพี่วันนี้ด้วย” ศศิภาเอ่ยยิ้มๆ
“บ้าน่า ยุ้ย เขาจะว่าพี่สติไม่ดีน่ะสิ งั้นเดี๋ยวพี่ขอเข้าห้องน้ำไปเช็คความเรียบร้อยอีกแป๊ปนึงนะ แล้วเราก็ออกกันไปได้เลย ตอนนี้แถวสีลมรถติด เราขึ้นรถไฟฟ้าไปก็แล้วกันนะ” ปรีติยาเอ่ยเสร็จก็วิ่งปรู๊ดไปเสริมความงามในห้องน้ำ
ทำไมนะ หัวใจของหล่อนถึงเต้นไม่เป็นจังหวะแบบนี้ทั้งที่ปากบอกว่าไม่คิดอะไรกับหม่อมหลวงภูวดลแล้ว แต่ในใจกลับรู้สึกตรงกันข้าม ปรีติยาได้แต่ย้ำกับตัวเองว่าเขามีคู่หมั้นแล้วและที่สำคัญหล่อนกำลังจะไปพบกับเขาเพราะเรื่องงานไม่ใช่ไปเดท เพราะฉะนั้นจะต้องควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ให้ถลำลึกไปกับหนุ่มหล่อน่าเย้ายวนใจอย่างหม่อมหลวงภูวดลเป็นอันขาด
ทว่าปรีติยาคงจะลืมนึกไปว่าหัวใจของเราไม่อาจสั่งการได้เหมือนกับสมอง และความรักก็อยู่เหนือกฎเกณฑ์การควบคุมใดๆ ปาฎิหาริย์แห่งรักกำลังจะเริ่มสำแดงพลังดึงดูดโดยที่ตัวหล่อนเองไม่ทันได้ตั้งตัว
++++++++++++++++++++++++++++++
อาคารบริษัท Best Build เป็นอาคารสูงหกสิบชั้นตั้งอยู่ใจกลางย่านสีลมซึ่งเป็นย่านธุรกิจ นับว่าโชคดีที่การเดินทางมายังอาคารนี้ค่อนข้างสะดวกเพราะทางลงของสถานีรถไฟฟ้าอยู่ด้านหน้าอาคารพอดิบพอดีทำให้ไม่ต้องเดินเบียดเสียดกับผู้คนในยามที่แดดร้อนจัด กระนั้นไอร้อนจากแสงแดดก็ทำให้ปรีติยารู้สึกว่าใบหน้าของหล่อนมันและหวั่นวิตกว่าแป้งที่ทากลบรอยหนวดไว้จะซีดจาง
“ยุ้ย เห็นรอยหนวดบนหน้าพี่หรือเปล่า” ปรีติยาถามศศิภาด้วยความกังวล
“พี่เชอร์รี่ขา พี่ถามยุ้ยรอบที่พันแล้วนะคะ โบ๊ะแป้งหนายังกะโบกปูน หนวดของพี่ไม่มีทางโผล่ให้เห็นหรอกค่ะ ยุ้ยว่าพี่เลิกกังวล แล้วทำสีหน้าให้เบิกบานดีกว่า หม่อมหลวงภูวดลจะได้ประทับใจ”
“ยุ้ย พี่ขอนะ อย่าพูดเล่นแบบนี้อีก พี่ไม่ชอบ...ตอนนี้ก็ใกล้เวลานัดแล้ว เรารีบหน่อยดีกว่า ไปถึงก่อน ดีกว่าไปสาย เดี๋ยวคุณมาติกาจะอาละวาดใส่เราอีก”
“ยุ้ยไม่ล้อพี่แล้วก็ได้ ไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่าในยุคสองพันจะมีผู้หญิงถือศีลข้อสามอย่างเคร่งครัดเท่าพี่เชอร์รี่” ศศิภาทำหน้าเซ็งๆ ปรีติยานิ่งเงียบไม่เอ่ยอะไรอีก เพราะหล่อนกำลังทำใจให้สงบก่อนพบหน้าชายหนุ่ม
เมื่อปรีติยาและศศิภาแลกบัตรประชาชนและแจ้งความประสงค์ว่าจะมาประชุมเรื่องงานโฆษณากับหม่อมหลวงภูวดล ก็มีพนักงานหญิงจากฝ่ายการตลาดมาต้อนรับและพาหล่อนกับศศิภาขึ้นไปยังห้องประชุมชั้นที่ยี่สิบ
ห้องประชุมแห่งนี้กว้างขวาง มีโต๊ะประชุมยาว และมีเก้าอี้นั่งด้านละสิบที่นั่ง ผนังด้านหน้าที่อยู่ด้านประตูทางเข้าคือจอสำหรับฉายแสดงรายงานต่างๆจากคอมพิวเตอร์ ปรีติยาและศศิภาเลือกที่นั่งซึ่งอยู่ใกล้ๆกับจอและจัดเตรียมเอกสารและคอมพิวเตอร์สำหรับแสดงงานโฆษณาซึ่งเกี่ยวข้องกับงานอสังหาริมทรัพย์ที่เคยทำให้หม่อมหลวงภูวดลได้ดูและศึกษาเพิ่มเติม
ในระหว่างที่หล่อนและศศิภาช่วยกันเตรียมเอกสาร แม่บ้านก็ยกกาแฟ น้ำเปล่า และแซนด์วิชมาเสิร์ฟให้ ทำให้ปรีติยาท้องร้องขึ้นมา เพราะตั้งแต่เช้าเพิ่งกินกาแฟไปแก้วเดียวจึงรีบหยิบแซนด์วิชมากินก่อนที่หม่อมหลวงภูวดลจะมาถึง แต่ก็กินได้เพียงไม่กี่คำ หม่อมหลวงภูวดลก็เดินเข้ามาในห้องประชุมโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ทำให้ปรีติยาดึงแซนด์วิชที่กำลังกัดอยู่ออกจากปากแทบไม่ทัน
หม่อมหลวงภูวดลตัวจริงหล่อกว่าในรูปถ่ายมาก เชื้อสายราชนิกูลช่วยขับรัศมีแห่งความสง่างามให้แลดูเจิดจ้าคล้ายมีแสงออร่าออกมาจากกาย ราชนิกูลหนุ่มแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่รีดจนเรียบกริบ ผูกเนคไทสีเทาเข้ม สวมกางเกงผ้าสีเทาเฉดเดียวกัน ส่วนรองเท้าหนังนั้นขัดจนมันแลดูเนี๊ยบไปทั้งตัว หากสิ่งที่สะกดสายตาให้ปรีติยาต้องจ้องมองคือดวงตาที่เปล่งประกายด้วยรอยยิ้มอย่างใจดี จมูกโด่งสันได้รูป เช่นเดียวกับริมฝีปากสีชมพูอย่างคนสุขภาพดีกำลังขยับยิ้มน้อยๆกับกิริยาของหล่อน
“เชิญทานต่อเถอะครับ ผมไม่รีบ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอิ่มแล้ว” ปรีติยาพูดพลางรีบคว้าน้ำเปล่ามาดื่มอึกใหญ่ จนลืมนึกไปว่าน้ำเปล่านั้นอาจจะเลอะแป้งที่บรรจงกลบรอยหนวดเหนือริมฝีปาก
“ฉันว่าเราเริ่มประชุมกันเลยก็ได้ค่ะ ดิฉัน ปรีติยา เป็นครีเอทีฟ และ ศศิภา เป็นเออีที่จะรับผิดชอบงานโฆษณาของ best build ค่ะ” ปรีติยาและศศิภาต่างแลกนามบัตรกับหม่อมหลวงภูวดลเพื่อแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ
“ยินดีที่ได้รู้จักคุณทั้งสองคนนะครับ ผมหม่อมหลวงภูวดล คุณจะเรียกผมว่า ดล ก็ได้ ที่จริง คุณไม่จำเป็นต้องแสดงผลงานกับผมอีก เพราะผมถูกใจผลงานโฆษณาหมู่บ้านแสนรักของคุณอยู่แล้ว และมั่นใจว่าคุณจะต้องทำโฆษณาคอนโด best build ของผมได้ดี เพราะผมชอบไอเดียที่คุณนำเสนอบ้านได้อย่างทันสมัย และกลุ่มเป้าหมายของผมก็เป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งกำลังมองหาที่พักอาศัยกลางเมืองเดินทางไปทำงานได้สะดวก เราจะทำโครงการนี้ในสี่ย่านสำคัญ คือ สาทร สุขุมวิท อารีย์ และรัชดาที่มีสถานีรถไฟฟ้าผ่าน ส่วนเรื่องแบบแปลนและรายละเอียดๆอื่นๆคุณสามารถอ่านจากแฟ้มที่ผมเตรียมมาให้ได้ ถ้าสงสัยอะไรก็สามารถถามผมได้โดยตรง จะโทรมาหาหรืออีเมล์มาก็ได้ทั้งนั้นครับ” แล้งวหม่อมหลวงภูวดลก็แลกนามบัตรกับหล่อนและศศิภา
ปรีติยาสังเกตว่าหม่อมหลวงภูวดลมองหน้าหล่อนและอมยิ้มแบบแปลกๆตลอดเวลา แต่ในใจก็แย้งว่าหล่อนคงคิดไปเอง ชายหนุ่มมีคู่หมั้นอยู่แล้วคงไม่มีทางสนใจหล่อนแน่ๆ จึงพยายามทำใจให้จดจ่อกับการสนทนาเรื่องงานแทน
“ขอบคุณมากค่ะที่คุณชอบงานของฉัน ข้อมูลที่คุณเตรียมมาให้ปึกใหญ่คงช่วยฉันได้มาก แต่ฉันคงต้องสอบถามความต้องการในการนำเสนอโฆษณาของคุณให้ละเอียดกว่านี้โดยเฉพาะจุดขาย รวมทั้งรูปแบบการนำเสนอ ฉันคงต้องขอให้คุณเสียเวลาชมการแสดงผลงานอีกสักเล็กน้อยนะคะ เดี๋ยวฉันจะให้คุณศศิภาซึ่งเป็นเออีนำเสนอ”
แล้วศศิภาก็รับหน้าที่ในการนำเสนอผลงาน ส่วนหล่อนก็ช่วยเสริมในจุดที่หม่อมหลวงภูวดลสงสัย ความเป็นมืออาชีพของศศิภาและหล่อน ทำให้หม่อมหลวงภูวดลมีสีหน้าท่าทางพอใจ และตกลงให้ทางบรืษัทของหล่อนคิดโฆษณาในรูปแบบของหนังสั้น และพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการคอนโดต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะปิดการประชุม
“ผมเชื่อว่าคุณต้องคิดไอเดียโฆษณาออกมาได้น่าสนใจแน่ๆ ถ้าติดขัดตรงไหน คุณปรีติยาสามารถติดต่อผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ บางทีคุณผ่านเออีอาจจะไม่ตรงเท่ากับคุยกับอาร์ตไดเรคเตอร์อย่างคุณ” หม่อมหลวงภูวดลย้ำอีกครั้ง
“ขอบคุณค่ะ” ปรีติยาเอ่ยพลางเก็บอุปกรณ์และเอกสารด้วยท่าทางเขินๆ เพราะสายตาของหม่อมหลวงภูวดลที่มองหล่อนแสดงออกถึงความชื่นชมยิ่งนัก แถมยังคำพูดเมื่อกี้อีกที่เขาจงใจแสดงให้รู้ว่าต้องการติดต่อหล่อนโดยตรง ทั้งที่ปกติเออีจะประสานงานได้เป็นอย่างดี
“ไม่ทราบว่าคุณมีชื่อเล่นหรือเปล่าครับ เรียกชื่อจริงแล้วฟังดูทางการยังไงไม่รู้
“ฉันชื่อเชอร์รี่ค่ะ ส่วนศศิภา ชื่อ ยุ้ย คุณจะเรียกชื่อเล่นของพวกเราแทนก็ได้นะคะ” ปรีติยาเอ่ยโดยไม่สบตาชายหนุ่ม
“ชื่อเล่นน่ารักสมตัวกันทั้งคู่เลยนะครับ วันนี้ผมต้องขอบคุณคุณเชอร์รี่แล้วก็คุณยุ้ยมากๆที่มาพบผม หวังว่าเราคงจะมีโอกาสได้พบกันอีกเร็วๆนี้” หม่อมหลวงภูวดลส่งยิ้มบาดใจให้กับปรีติยาที่เวลานี้ใบหน้าแดงแปร้ดเป็นผลมะเขือเทศสุก ก่อนจะกล่าวลาเดินออกจากห้องประชุมไป
“พี่เชอร์รี่...อีตาหม่อมหลวงนี่แสดงท่าทางว่าปลื้มพี่สุดฤทธิ์ เห็นเวลาที่เขามองพี่ไหมล่ะ ยุ้ยรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นอากาศธาตุยังไงไม่รู้ ถ้ารู้ว่ามาแล้วจะกลายเป็นกอขอคอแบบนี้ ยุ้ยให้พี่เชอร์รี่มาคุยงานกับเขาสองต่อสองดีกว่า” ทั้งที่ปรีติยาขอไม่ให้ศศิภาล้อหล่อนเรื่องหม่อมหลวงภูวดลอีก แต่เออีสาวก็อดไม่ได้อยู่ดี และปรีติยาเองก็พูดไม่ออก เพราะหม่อมหลวงภูวดลแสดงออกว่าสนใจหล่อนจริงๆ แต่เขาก็มีคู่หมั้นแล้ว ไม่น่าจะวอกแวกมองผู้หญิงอื่นเลยจริงๆ
“พี่ว่ายุ้ยคิดไปเอง ปกติไม่ค่อยมีเจ้าของบริษัทใหญ่โตมานั่งคุยงานโฆษณาเองโดยตรงแบบนี้หรอก ปกติมักจะเป็นฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ เขาคงกลัวเราเกร็งก็เลยชวนคุยให้รู้สึกเป็นกันเอง” ปรีติยาพูดด้วยน้ำเสียงขรึมๆ แต่ศศิภากลับหัวเราะ
“ขำอะไร ยุ้ย พี่ไม่ตลกเลยนะ”
“ยุ้ยไม่ได้ขำที่พี่พูด แต่ขำหน้าพี่ต่างหาก คือยุ้ยเตือนพี่ไม่ทันว่าตอนที่พี่ดื่มน้ำ แป้งที่ทาไว้มันหลุดหมดเลยเห็นหนวด ยุ้ยว่าหม่อมหลวงภูลดลคงจะหลงเสน่ห์หนวดของพี่เชอร์รี่แน่ๆเลย”
ปรีติยาหน้าเสีย ตายจริง...นี่แสดงว่าตลอดเวลาที่หล่อนนำเสนองานและเห็นชายหนุ่มจ้องหน้าหล่อนยิ้มๆ แปลว่าเขาไม่ได้แอบปลื้มหล่อนแต่ขำหนวดบนใบหน้าของหล่อนงั้นสิ ป่านนี้หล่อนคงกลายเป็นผู้หญิงประหลาดในสายตาของเขาไปแล้ว คิดแล้วก็ยิ่งแค้นนายปรานต์นัก คอยดูเถอะ วันนี้จะต้องกลับไปแก้แค้นเอาคืนเขาให้สาสมเป็นร้อยเท่าพันเท่า
“พี่เชอร์รี่ไม่ต้องคิดมากนะคะ ยุ้ยว่าหม่อมหลวงภูวดลคงจะชอบผู้หญิงแนวๆอย่างพี่แน่” ศศิภาพยายามปลอบใจหล่อน
“แหวกแนวล่ะสิไม่ว่า ช่างเถอะ เขาจะชอบพี่หรือไม่ชอบก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก เย็นนี้ยุ้ยอยากจะตามพี่ไปเจอปรานต์ไหมล่ะ” ปรีติยาชวนศศิภาที่มีสีหน้าท่าทางกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
“ไปค่ะไป พี่เชอร์รี่ช่างเป็นสาวสวยน้ำใจงามจริงๆ ขอให้ผลบุญนี้ส่งผลให้พี่เชอร์รี่พบเนื้อคู่ไวๆนะคะ”
ปรีติยายิ้มรับ แต่ในใจคิดแผนการร้ายกาจเอาไว้ วันนี้หล่อนจะต้องกระชากหน้ากากของนายปรานต์ประจานให้ศศิภาได้หูตาสว่างว่าปรานต์ก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาที่ไม่ได้ดีเด่อะไรและถือโอกาสนี้แก้แค้นไปด้วยเลย
นภาสรร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 พ.ย. 2555, 09:03:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 พ.ย. 2555, 10:38:09 น.
จำนวนการเข้าชม : 2084
<< 4 : ผู้ชายอย่างนายไม่ต่างอะไรจากยุง | 39 :: ความรักหรือความเห็นแก่ตัว >> |
lovemuay 24 พ.ย. 2555, 09:14:49 น.
แย่แล้วนายปรานต์ ถ้าไม่รีบเชอรรี่หลงเสน่ห์หม่อมก่อนไม่รู้ด้วยนะ
แย่แล้วนายปรานต์ ถ้าไม่รีบเชอรรี่หลงเสน่ห์หม่อมก่อนไม่รู้ด้วยนะ
goldensun 24 พ.ย. 2555, 15:40:05 น.
คิดๆ ดูแล้ว ถ้าผู้หญิงหลายๆ คนที่เข้าฟังติดรูปคุณดลกันหมด ใครจะดึงดูงใจคุณดลได้นะ
แล้วการ present งานของเชอร์รี่ก็นะ ปกติว่าเออีคุยงานกับลูกค้า ไหงวันนี้ยุ้ยแทบไม่ได้คุยเลยคะ น่าจะเป็นยุ้ยนำเสนอ และเชอร์รี่ช่วยตอบมากกว่า เชอร์รี่เลยเข้าตาคุณดลเต็มที่พร้อมหนวดไปเลย
เชอร์รี่มีแผนแกล้งปรานต์อีกแล้ว งวดนี้จะแพ้ทางอีกรึเปล่า
คิดๆ ดูแล้ว ถ้าผู้หญิงหลายๆ คนที่เข้าฟังติดรูปคุณดลกันหมด ใครจะดึงดูงใจคุณดลได้นะ
แล้วการ present งานของเชอร์รี่ก็นะ ปกติว่าเออีคุยงานกับลูกค้า ไหงวันนี้ยุ้ยแทบไม่ได้คุยเลยคะ น่าจะเป็นยุ้ยนำเสนอ และเชอร์รี่ช่วยตอบมากกว่า เชอร์รี่เลยเข้าตาคุณดลเต็มที่พร้อมหนวดไปเลย
เชอร์รี่มีแผนแกล้งปรานต์อีกแล้ว งวดนี้จะแพ้ทางอีกรึเปล่า
นภาสรร 25 พ.ย. 2555, 08:06:38 น.
ขอบคุณคุณ Lovemuay และ คุณ Goldensun มากเลยค่ะ เดี๋ยวแตมจะเพิ่มบทให้ยุ้ยอีกนิด จริงด้วยยุ้ยไม่ได้พูดไรเลย 55
ขอบคุณคุณ Lovemuay และ คุณ Goldensun มากเลยค่ะ เดี๋ยวแตมจะเพิ่มบทให้ยุ้ยอีกนิด จริงด้วยยุ้ยไม่ได้พูดไรเลย 55
หมูอ้วน 25 พ.ย. 2555, 10:05:14 น.
ฮา...หนวดมาก ๆ เลยค่ะ
ฮา...หนวดมาก ๆ เลยค่ะ
นภาสรร 25 พ.ย. 2555, 10:38:48 น.
เห็นแฟชั่นหนวดฮิตเลยมาเขียนค่ะ 55
เห็นแฟชั่นหนวดฮิตเลยมาเขียนค่ะ 55
Setia 25 พ.ย. 2555, 18:59:41 น.
เป็นการสร้างความทรงจำที่ไม่รู้ลืมจริงๆแฮะ
เป็นการสร้างความทรงจำที่ไม่รู้ลืมจริงๆแฮะ
นภาสรร 27 พ.ย. 2555, 09:08:23 น.
5555 จริงด้วยค่ะคุณ setia ^^
5555 จริงด้วยค่ะคุณ setia ^^