Eternal Love - รักแรกนิรันดร์
ทุกคนล้วนมีรักแรก....แต่จะมีสักกี่คนที่จะมีคนแรกที่ได้รักนั้นเป็นตัวจริง

และนั่นก็เป็นเหตุผลว่า เพราะเหตุใด ม่านทอง ม่านแก้วและม่านมุก สามพี่น้องของบ้านฉายวรินทร์จึงยังคงไม่มีใครอีกคนที่จะเดินจูงมือกันก้าวผ่านเส้นทางชีวิตที่เหลือไปด้วยกัน

เรื่องราวความรัก 3 เรื่อง ของ 3 พี่น้อง ที่โดนมนต์แห่งรักแรกเข้าอย่างจังจึงบังเกิดขึ้น ท่ามกลางความทรงจำ ความรัก และสายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่จะประคับประคองหัวใจของกันและกันให้ต่อสู้กับความผิดหวัง เพื่อพบกับรักเเรกอันเป็นนิรันดร์ ที่จะมีกันและกันตลอดไป
Tags: รักแรก,โรแมนติก,ซึ้ง,หวาน

ตอน: ใน...หลุมรัก ตอนที่ 2

อากาศภายในรถที่เย็นเฉียบด้วยความสามารถของเครื่องปรับอากาศทำให้คนที่ต้องขับรถฝ่าเปลวแดดเป็นระยะทางไกลไม่ได้รู้สึกเหนื่อยหนักเกินไปนัก แต่ทว่าสิ่งที่เขาได้พบเจอในวันนี้ต่างหากที่ทำให้ความรู้สึกบางอย่างที่ตกตะกอนนอนก้นไปนานฟุ้งกระจาย 18 ปีที่เขาพยายามทำให้ทุกอย่างอยู่เพียงแค่ในความทรงจำที่สวยงาม แต่พระเจ้าคงเล่นตลก อุตส่าห์ขีดเส้นให้เขาได้มาพบกับม่านทองอีกครั้งจนได้

“ย่าครับ ผมได้พบเธอแล้วนะครับ...ผมควรจะปล่อยเธอไปเหมือนตอนนั้นไหมครับย่า” ราเมศพูดขึ้นมาราวกับว่าย่าของเขาอยู่ตรงนั้นด้วย แต่ทว่าความเงียบเท่านั้นที่เป็นคำตอบ บนโลกใบนี้ไม่มีย่าของเขาอีกแล้ว คนๆเดียวที่รักเขาอย่างแท้จริงได้จากเขาไปแล้วตลอดกาล

เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือทำให้เขาต้องถอนหายใจ เบอร์สำนักงานโชว์หราอยู่บนหน้าจอ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าปลายสายเป็นใคร คนๆเดียวที่ชอบโทรหาเขาด้วยโทรศัพท์ของสำนักงานก็คือวิศมา หุ้นส่วนบริษัทอีกคนหนึ่งที่ประกาศตัวมาตลอดว่าต้องการจะเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงานกับเขา อาการแสดงออกถึงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของที่หญิงสาวทำนั้นยิ่งผลักให้เขาเหนื่อยและหน่ายลงไปทุกวัน

“ว่าไงครับคุณมา โทรหาผมมีอะไรเหรอ” เขาถามด้วยน้ำเสียงสุภาพและมีระยะห่างพอสมควร ทำเอาคน ปลายสายรู้สึกขัดใจแต่เจ้าตัวก็ยังข่มความรู้สึกนั้นไว้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

“คิดถึงเมศไงคะ วันนี้มาไม่เห็นคุณเข้าออฟฟิศก็เลยเป็นห่วงน่ะค่ะ”

“ผมออกมารับงานที่ต่างจังหวัดน่ะครับคงไม่ได้เข้าไป”

“อะไรนะคะ!” เสียงแหวที่ดังมาจากอีกฝ่ายทำให้ราเมศต้องนิ่วหน้าด้วยความแสบแก้วหู “ทำไมเมศต้องไปเองคะ? ให้คนในทีมไปก็ได้นี่ เคสนี้สำคัญมากเลยหรือไง ปกติมาไม่เห็นคุณต้องไปดิวงานด้วยตัวเองนี่”

“ครับสำคัญ งานของเพื่อนผมเองคุณมามีอะไรสงสัยหรือเปล่า?”

“อะ...เอ่อ มาไม่ได้สงสัยอะไรหรอกค่ะ แต่ว่างานเพื่อเมนี่น่าจะชวนมาไปด้วยนะคะเพื่อนเมศก็เหมือนเพื่อนมานั่นแหละค่ะ จะได้ช่วยๆกัน” วิศมาตีขลุมเอาดื้อๆ หลังจากที่พอจับได้เลาๆว่าชายหนุ่มที่เธอหมายปองนั้นไม่สู้จะพอใจเท่าไหร่กับคำถามของเธอ

“ขอบคุณนะครับ แต่ผมคงไม่รบกวนคุณมาหรอกครับ”

“เมศพูดเหมือนมาเป็นคนอื่นไปได้ ยังไงเราก็...”

“เป็นหุ้นส่วนกันครับ” เขาเอ่ยขัดและย้ำสถานะความสัมพันธ์อย่างชัดเจนจนคนถูกขัดต้องเม้มปาก วิศมารู้สึกเจ็บแปลบทุกครั้งที่ชายหนุ่มประกาศตัวว่าไม่อาจเป็นคนรักของเธอได้ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะยอมแพ้ในเมื่อเขายังไม่มีใครยังไงเขาก็ต้องเป็นของเธอจนได้ในสักวัน

“ค่ะ...แล้วเมศจะกลับมากรุงเทพตอนไหนคะ มาว่าจะชวนคุณไปทานข้าวเย็นที่บ้านน่ะ คุณพ่อท่านว่าอยากเจอคุณน่ะค่ะ”

“ช่วงนี้คงไม่สะดวกน่ะครับฝากกราบขอโทษท่านด้วยนะครับคุณมา” ราเมศตอบปฏิเสธอย่างสุภาพ

“เหรอคะ เสียดายจัง” หญิงสาวทำเสียงละห้อยอย่างน่าสงสารแต่ทว่ามันใช้กับเขาไม่ได้ผล ราเมศจึงตัดสินใจตัดบทสนทนาที่กำลังจะไปไกลกว่านี้ทันที

“แค่นี้ก่อนนะครับคุณมา พอดีผมขับรถอยู่คุยโทรศัพท์แล้วไม่ค่อยมีสมาธิน่ะครับ”

“ค่ะ...แค่นี้ก็ได้ค่ะ ขับรถดีๆนะคะเมศ”

“ครับ บายครับคุณมา” พูดจบเขาก็ตัดสายทันทีโดยไม่รอฟังคำล่ำลาของอีกฝ่ายให้ยืดยาวอีก นานเท่าไหร่แล้วที่เขาปล่อยให้วิศมาเข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิต ยิ่งนานวันหญิงสาวก็ยิ่งติดหนึบอยู่กับเขาโดยไม่ไปไหน ทำไมเขาจะอ่านไม่ออกถึงสิ่งที่หญิงสาวและครอบครัวทำ ไม่เข้าใจจริงๆว่าจะมาติดใจอะไรกับผู้ชายแบบเขานักหนา ทำไมไม่ยอมรับรู้สักทีว่าหัวใจของเขามันไม่สามารถรักใครได้ และเขาก็จะไม่ฝืนตัวเองเพื่อให้ใครสมหวังด้วย

ชีวิตครอบครัวที่ล่มสลายมันทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่โดดเดี่ยวมาโดยตลอด ฉะนั้นการที่เขาไม่มีครอบครัว ไม่มีคนรักมันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตแตกต่างไปจากที่เคยเป็นเสียเมื่อไหร่ นับตั้งแต่วันที่บุพการีทั้งสองแยกทางกันและต่างคนก็ต่างไปมีครอบครัวใหม่ เขาเลยกลายเป็นส่วนเกินที่ไม่มีใครต้องการ ทุกคนลืมไปหมดว่าเขายังต้องการความรักและความเอาใจใส่ แต่ก็ยังโชคดีอยู่บ้างที่เขามีคุณย่าที่พักพิงสุดท้ายประคับประคองให้ผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้ ตักอุ่นๆคือที่ซับน้ำตายามที่เขารู้สึกท้อแท้และสิ้นหวัง มือที่เหี่ยวย่นไปตามสังขารคือมือที่ช่วยเช็ดน้ำตาลูกผู้ชายในยามที่เขาอดทนกลั้นมันไว้ไม่อยู่ และเมื่อไม่มีคุณย่าโลกใบนี้เขาก็ไม่เหลือใคร...ไม่มีใครให้รักอีกแล้ว หัวใจของเขามันด้านชาเกินกว่าจะตามหาความรักมาใส่

‘เราชอบเมศ’

ความสารภาพรักแบบเด็กๆในวันเวลาที่อยู่เพียงในอดีตยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ เขาไม่เคยลืมและไม่มีวันจะลืมด้วย ความรู้สึกของการถูกใครสักคนบอกว่าชอบ และใครคนนั้นคือคนๆ เดียวกันกับคนที่เขารู้สึกดีด้วยมันยิ่งอิ่มซ่านไปทั้งใจ แต่ก็เท่านั้นแหละทุกอย่างมันจบไปแล้วในอดีตและมันคงไม่มีทางจะหวนคืน
“หนึ่ง...ผมอยากจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขทุกๆอย่างได้จัง ผมไม่น่าทำแบบนั้นเลย ไม่น่าปล่อยคุณไปเลย”

.........................................................................................

ม่านทองหอบร่างอันเป็นสังขารกึ่งไร้วิญญาณกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งหลังจากที่ไปขลุกอยู่ที่ร้านเพื่อนเกือบทั้งวัน ทันทีที่หลานสาวสุดที่รักเห็นป้าเยี่ยมหน้ากลับเข้ามาร่างๆก็วิ่งโถมเข้าใส่สุดกำลัง ยังผลให้คนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเกือบหายหลังก้นกระแทกพื้นไป ดีที่ว่าร่างเล็กของม่านตะวันยังมีแรงไม่มากพอเธอจึงยังทรงตัวอยู่ได้

“โอ้วววว ยัยหนูเบาลูกเบา”

“ป้าหนึ่งมาแล้ววววว” เสียงที่ดังลั่นบ้านทำให้ม่านมุกต้องเดินออกมาจากในครัวเพื่อทักทายพี่สาวเหมือนเช่นปกติ

“กลับมาแล้วเหรอคะพี่หนึ่ง...สามกำลังเตรียมอาหารสำหรับปาร์ตี้มื้อเย็นอยู่พอดีเลย สนใจมาช่วยไหมคะ?”

“วันนี้พี่ขอตัวล่ะสาม ขอไปงีบสักพักนะ ตอนนี้ปวดหัวมาก” สีหน้าที่บ่งบอกความไม่ปกติทำให้น้องสาวต้องนิ่วหน้า ก่อนจะดึงเจ้าตัวเล็กออกมาจากเอวของม่านทอง

“หนูตะวันคะไปช่วยลุงอ้นกับลุงซันอาบน้ำให้เจ้าสองตัวก่อนนะคะ”

“ไม่อาววว หนูตะวันอยากเล่นกับป้าหนึ่งนี่คะหม่าม๊า” เด็กหญิงเริ่มโยเยเล็กน้อยเมื่อโดนมารดาบอกกึ่งไล่ ตอนนี้เธออยากเล่นกับป้ามากที่สุดหลังจากที่เล่นกับบรรดาลุงๆมาทั้งวันแล้ว

“ไม่ดื้อนะคะเด็กดี วันนี้ป้าหนึ่งของหนูไม่สบายเชื่อหม่าม๊านะคะ ไม่กวนคุณป้านะคะ” คราวนี้เด็กหญิงพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายไม่งอแงอีก ม่านทองเลยอดไม่ได้ที่จะอุ้มเด็กหญิงขึ้นมาหอมแก้มฟอดใหญ่

“ป้าหนึ่งจะรีบหายแล้วก็รีบมาเล่นกับหนูนะลูก”

“สัญญาแล้วนะค้า” เด็กหญิงบอกก่อนจุ๊บเบาๆที่แก้มของม่านทองหนึ่งที เธอจึงปล่อยเด็กหญิงลงให้วิ่งไปหาบรรดาลุงๆที่อยู่หลังบ้าน ก่อนจะหันมาส่งยิ้มเซียวๆให้น้องสาวแล้วก็หอบสังขารตัวเองเดินขึ้นห้องนอนเพียงลำพัง โดยมีสายตาของน้องสาวคนเล็กมองส่งไปจนลับสายตาด้วยความครุ่นคิด

“พี่หนึ่งเป็นอะไรของเขานะ”

กว่าจะพาร่างอ่อนระโหยของตัวเองขึ้นมาถึงห้องนอนได้ม่านทองก็รู้สึกอยากจะนอนกองอยู่แค่ตรงบันไดเท่านั้น มากกว่า เพียงแค่ได้พบเพื่อนเก่าก็ทำให้เธอถึงกับหมดพลังกันเลยทีเดียว ก่อนออกจากบ้านเธอน่าจะรับรู้ได้ถึงลางสังหรณ์แปลกๆที่จู่ๆดันมาคิดถึงเรื่องเมื่อ 18 ปีก่อนอย่างไม่มีเหตุผลได้ แต่ก็นั่นแหละใครจะคิดว่าโลกมันกลมถึงขนาดที่สามารถทำให้คนที่ห่างหายกันไปนานกลับมาพบกันได้อีกด้วยความบังเอิญ ทั้งๆที่ตัวของเธอก็ไม่ได้กรุงเทพเหมือนเมื่อสมัยเรียนมัธยมปลายด้วย แล้วม่านทองก็อดไม่ได้ที่จะเปิดลิ้นชักหยิบเอามุดเฟรนด์ชิพของตัวเองขึ้นมาเปิด หน้ากระดาษที่ถูกคั่นไว้ด้วยรูปถ่ายนั้นว่างเปล่า ไม่มีอะไรถูกเขียนไว้ในนั้น แต่ใจความสำคัญของมันก็คือรูปของราเมศที่เธอแอบถ่ายไว้นั่นต่างหาก จำได้ว่ารูปใบนี้เธอเป็นคนถ่ายเองกับมือ รูปถ่ายเพียงรูปเดียวที่ช่วยยืนยันว่าเขาเคยมีตัวตนอยู่ในอดีตของเธอจริงๆ

‘ทำอะไรลับๆล่อๆวะไอ้หนึ่ง’ เสียงเพื่อนสนิทในกลุ่มทักมาจากด้านหลัง ทำเอาคนที่กำลังแอบสะดุ้งเฮือก

‘ไอ้นิด!!! ตกใจหมดเลย เบาๆ หน่อยดิวะ เดี๋ยวเมศก็รู้ตัวหรอก’

‘นี่แกแอบถ่ายรูปผู้ชายเหรอไอ้หนึ่ง’ อาการตกอกตกใจส่งเสียงดังของเพื่อนร่วมกลุ่มให้ให้ม่านทองรีบกระโดดมาตะครุบมือปิดปากไว้

‘เออสิ อย่าพูดมากไปหน่อยเลยแก...เฮ้ย!!! เห็นไหม?เมศหายไปแล้ว เพราะแกเลยไอ้นิด ฉันถ่ายได้รูปเดียวเอง ชัดเปล่าไม่รู้เนี่ย’ ม่านทองบ่นอุบเพื่อนก่อนจะหันไปกวาดสายตามองหาเป้าหมายอีกรอบ และเมื่อไม่พบก็ได้แต่หันมาทำตาขุ่นใส่เพื่อนที่เข้ามาขัดจังหวะ

‘ไอ้หนึ่ง นี่แกเข้าขั้นโรคจิตแล้วนะเนี่ย อยากได้รูปเมศทำไมไม่ไปขอเขาถ่ายดีๆล่ะวะ มาแอบถ่ายแบบนี้ทำไม’

‘พูดไม่คิดนะยะ ถ้ากล้าทำขนาดนั้นจะต้องมานั่งแอบตามถ่ายรูปทำไมแบบนี้เล่า’

‘ทำอะไรกันน่ะ’ เสียงทุ้มนุ่มแต่แฝงไปด้วยความเย็นชาแบบนี้ทำเอาสองสาวที่กำลังเถียงกันหนาวยะเยือกไปถึงกระดูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งม่านทองเธอแทบจะปล่อยกล้องถ่ายรูปในมือด้วยความตกใจก่อนจะรีบตอบเขาเสียงสั่น

‘เอ่อ...ปะเปล่า ไม่มีอะไร’ คำตอบนี้ของม่านทองทำให้เขาขมวดคิ้วมองตอบกลับมาแบบไม่เชื่อถือ

‘เอ่อพอดีเรานัดอาจารย์ไว้น่ะ ขอตัวก่อนนะทั้งสองคน’ นิดารีบเอ่ยปากชิ่งหนีและรีบเดินออกจากบริเวณนั้นไปทันที โดยปล่อยให้เธอเผชิญหน้ากับเขาอยู่เพียงลำพัง

‘เฮ้ย!!!! ไอ้นิด’ ม่านทองร้องเรียกเพื่อนที่เดินหายไปอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อรู้ว่าไม่ทันก็ได้แต่หันมายิ้มแหยให้กับเจ้าของร่างสูงตรงหน้า ในโรงเรียนนี้มีผู้ชายไม่กี่คนที่ความสูงข่มความสูง 177 เซนติเมตรของเธอได้ และราเมศก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ทว่าในเวลานี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาชื่นชมกับความสูงที่เจือความหล่อชวนหลงเอาไว้เสียด้วย เธอต้องหาทางชิ่งหนีให้ได้เหมือนกับที่เพื่อนทำ

‘ไม่มีอะไรแล้วทำไมต้องทำเหมือนกลัวเราด้วย’

‘ไม่ได้กลั๊วววว ใครกลัว ไม่มีนี่’ ม่านทองปฏิเสธเสียงสูง สาบานได้ว่าเธอพยายามแล้วที่จะไม่ให้มีพิรุธ แต่รู้สึกว่าจะไม่สำเร็จ

‘แบบนี้ล่ะที่เรียกกลัว’ เขาบอกเสียงเรียบสนิทกระแทกความรู้สึกของเธอเต็มๆ เห็นทีคราวนี้เธอต้องหาทางชิ่งหนีให้ได้แล้ว เพราะผู้ชายตรงหน้าทำให้เธอรู้สึกเสียเปรียบทุกประตู

‘เมศนี่พูดไม่รู้เรื่อง บอกว่าไม่กลัวก็ไม่กลัวสิ ไปดีกว่า ไม่คุยด้วยแล้ว’ ไม่ทันรอประโยคโต้ตอบจากเขา ม่านทองก็อาศัยจังหวะทำเนียนเดินหนีจากมาดื้อๆ ก่อนจะลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อพ้นสายตาคมกริบคู่นั้นออกมาได้

‘เฮ้อ...นึกว่าจะไม่รอดซะแล้วเรา ยังดีนะเนี่ยที่ถ่ายรูปมาทัน’ เธอส่งยิ้มให้กับกล้องถ่ายรูปแล้วก็เอามันขึ้นมากอดไว้แนบอกด้วยความสุขล้นใจ

หลังจากที่ยืนมองพี่สาวนั่งยิ้มคนเดียวอยู่กับรูปนานพอสมควรแล้ว ม่านมุกก็พอจะจับสังเกตได้ว่าพี่สาวคนโตคงมีเรื่องทุกข์ใจจริงๆ ถึงได้ต้องพึ่งพา ‘กำลังใจ’ จากรูปถ่ายอย่างที่เห็นทำอยู่บ่อยครั้ง รูปใบนั้นเองที่ทำให้พี่สาวของเธอเลือกชีวิตโสดไม่คิดจะแต่งงานหรือมีรักกับใครทั้งๆที่มีชายหนุ่มมากมายเข้าแถวให้เลือก

“ไหนว่าขึ้นมานอนไงคะพี่หนึ่ง”

“อ้าวสามมีอะไรเหรอ? ว่าแต่เข้ามาในห้องพี่ได้ไงเนี่ย?” ม่านทองถามน้องสาวอย่างงงๆ เมื่อเห็นเจ้าตัวยืนอยู่ภายในห้องทั้งๆที่จะได้ว่าตนเองล็อคประตูแล้ว

“ก็เดินเข้ามานี่ล่ะค่ะ เคาะประตูแล้วไม่เห็นพี่หนึ่งตอบ เลยเปิดเข้ามาเองเลย พี่หนึ่งไม่ได้ล็อคประตูนี่คะ”

“อ่าวตายจริง นี่พี่เบลอขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ม่านทองบ่นตัวเองด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ

“นั่นสิคะ นี่สามก็เห็นว่าพี่หนึ่งบ่นปวดหัวสามเลยเอายาขึ้นมาให้ ทานยาแล้วก็นอนสักพักคงดีขึ้นนะคะ”

“ขอบใจนะ แต่พี่คงไม่กินยาหรอก คิดว่านอนสักงีบก็พอแล้ว เมื่อคืนนอนน้อยน่ะ”

“เอางั้นเหรอคะ...ตามใจพี่หนึ่งแล้วกันค่ะ แต่ว่าสามว่าสามวางยากับน้ำไว้บนโต๊ะนี่ดีกว่า เผื่อไม่ดีขึ้นยังไงพี่หนึ่งจะได้ทานได้” ว่าแล้วม่านมุกก็เอายาและแก้วน้ำที่ตนเองถือมาไปวางไว้บนโต๊ะทำงานที่อยู่ปลายเตียง ก่อนจะเดินมานั่งลงที่บนเตียงเผชิญหน้ากับพี่สาวคนโตด้วยแววตาเป็นห่วงอย่างจริงจัง

“มีอะไรอีกหรือเรา?” ม่านทองถาม

“พี่หนึ่งมีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าคะ บอกสามได้นะ”

“เปล่านี่ ไม่มีอะไร” ม่านทองปฏิเสธพลางหลบสายตาทำเอาคนเป็นน้องยิ่งมั่นใจในความผิดปกติ

“ไม่ต้องมาโกหกสามเลยนะคะพี่หนึ่ง สามรู้หรอกนะว่าพี่หนึ่งมีเรื่องไม่สบายใจ ไม่อย่างนั้นไม่เป็นแบบนี้หรอก”

“พี่ดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ” คำถามของม่านทองทำให้น้องสาวโคลงหัวยิ้มๆ แสดงท่าเอ็นดูออกมาอย่างชัดเจนราวกับพี่สาวอายุเท่าเด็กหญิงม่านตะวัน

“ใช่สิคะ สรุปว่าพี่หนึ่งเป็นอะไร เล่าให้สามฟังได้นะคะจะได้ช่วยๆกัน”

“ถ้าพี่ไม่เล่า เราก็จะไม่ยอมไปใช่ไหม?” เมื่อเห็นน้องสาวพยักหน้ารับม่านทองก็อดไม่ได้ที่จะเอานิ้วไปจิ้มหน้าผากน้องสาวเบาๆด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้ “พี่รู้แล้วว่ายัยหนูเอานิสัยช่างตื้อมาจากไหน...ถอดเรามาเต็มเลยนะยัยสาม”

“ก็ลูกสาวสามนี่คะ ว่าแต่เล่ามาซะดีๆเลยว่าเป็นอะไร อย่าเบี่ยงประเด็นให้สามเผลอเม้าท์แต่เรื่องยัยหนูค่ะ” เมื่อเจอน้องสาวเอ่ยแบบรู้ทันม่านทองก็ได้แต่ถอนใจเบาๆ ก่อนจะเริ่มเรียบเรียงประโยคอยู่ในสมองแล้วค่อยๆถ่ายทอดออกมาทีละประโยค ส่วนคนฟังได้แต่ทำตาโตกับเรื่องราวที่พอจะเคยรู้มาบ้างก่อนแล้ว แต่ไม่ละเอียดเท่าพี่สาวอีกคนหนึ่งที่เรียนอยู่เป็นรุ่นน้องพี่สาวคนโตเพียง 2 ปีเท่านั้น

“แล้วพี่หนึ่งจะเครียดทำไมคะ? สามไม่เห็นจะเข้าใจเลย แค่ได้บังเอิญกลับมาเจอคนที่เคยชอบเท่านั้นเอง”

“ก็ถ้าบังเอิญเป็นแค่คนที่เคยชอบพี่ก็ไม่รู้สึกอะไรแล้วพี่ก็คงไม่ต้องเครียด แต่ว่าสำหรับเมศแล้ว...พี่ไม่เคยที่จะลบเขาออกไปได้เลยต่างหาก” น้ำเสียงอ่อนแรงของเธอทำให้น้องสาวมองด้วยความสงสารและเข้าใจ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจมอยู่กับเงาของใครมายาวนานเกือบองทศวรรษขนาดนี้

“งั้นก็เดินหน้าจีบอย่างที่พี่พิมพ์บอกไปเลยสิคะจะกลัวอะไร?”

“กลัวผิดหวังไงสาม พี่ไม่อยากผิดหวังจากคนๆนี้อีก ตอนนั้นมันยังเด็ก โลกของพี่ยังมีอะไรอีกมากมายให้ทำเกินกว่าจะมานั่งเสียใจ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วพี่แก่เกินกว่าจะมาอกหักแล้วล่ะสาม”

“โถ่!!! ทำเป็นพวกกลัวความรักไปได้ ใครจะไปรู้พี่เมศเขาอาจจะเป็นคนที่ใช่ของพี่หนึ่งก็ได้ ฟ้าถึงได้พาเขามารับงานไกลถึงที่นี่น่ะ”

“แล้วถ้าเป็นคนที่ใช่ ทำไมฟ้าถึงเพิ่งพาเขามาให้พี่ล่ะสาม มันนานเกินไปไหม? 18 ปีเชียวนะ”

“แต่พี่หนึ่งก็ยังรออยู่ไม่ใช่เหรอ?” คำถามของน้องสาวทำให้เธออึ้งเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่ามันจะกระแทกความรู้สึกได้ขนาดนี้ รองั้นหรือ?...เปล่า! เธอไม่ได้รอเสียหน่อย แค่เธอยังไม่ได้พบใครอื่นที่สามารถรักได้ก็เท่านั้น

“พี่รอเค้างั้นหรือสาม?”

“สามก็ตอบแทนพี่หนึ่งไม่ได้หรอกค่ะว่ารอหรือเปล่า แต่สำหรับสามนะถ้าตอนนี้มันมีโอกาสมาลอยอยู่ตรงหน้าแล้ว สามก็อยากจะลองเสี่ยงดูสักครั้ง ถึงไม่สมหวังสามก็จะรู้สึกเสียดายเลย”

“สามอยากให้พี่ลองเสี่ยงเหรอ?” ม่านทองถามย้ำเหมือนไม่แน่ใจ

“ค่ะ สามอยากให้พี่หนึ่งเสี่ยง...เขาอาจจะเป็นคนของเราก็ได้” น้องสาวยิ้มปลอบให้เธอรู้สึกคลายกังวล

“ถ้าพี่ลอง มันจะคุ้มเหรอสาม”

“พี่หนึ่งควรจะถามตัวเองค่ะ เพราะสามตอบไม่ได้เหมือนกัน เอาล่ะสามไม่กวนพี่หนึ่งแล้ว นอนเถอะค่ะ เดี๋ยวเย็นๆจะได้มาปาร์ตี้กัน พวกนั้นซื้อของมาเยอะแยะเลย”

“ขอบใจนะสาม...บางทีตื่นมาพี่อาจจะมีคำตอบแล้วก็ได้ว่าควรทำยังไงต่อไปดี”

“ค่ะ...สามจะรอฟังนะ” น้างสาวพูดทิ้งท้ายเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินออกจากห้องและปิดประตูให้ ม่านทองเอนตัวลงนอนพลางหยิบรูปถ่ายของราเมศขึ้นมาดูอีกครั้ง

“นี่หนึ่งยังรอคุณอยู่เหรอคะเมศ?”


___________________________________

คุยกันท้ายเรื่อง.......

ตอนใหม่มาแล้ววววว (มาแบบคลืบคลาน 555+)
ต้องขอออกตัวก่อนนะคะว่า รีบเอามาลงมากอาจจะมีบทสนทนาหรือบทบรรยายไม่ค่อยสวยงาม และอาจจะมีขียนผิดไปบ้าง ก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ

ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจค่ะ จะพยายามเขียนออกมาให้ดีที่สุดนะคะ >_<




ญาตรีฬาห์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ม.ค. 2556, 16:13:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ม.ค. 2556, 16:13:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1063





<< ใน...หลุมรัก ตอนที่ 1   
ญาตรีฬาห์ 31 ม.ค. 2556, 16:14:49 น.
ขอบคุณคุณใบบัวน่ารักนะคะ ที่แวะเวียนมาน่ารักงุงิด้วยกัน อิอิอิ


จ๊ะจ๋า 31 ม.ค. 2556, 19:59:38 น.
ม่านมุก ==> คน(ไม่)น่าสงสาร
ม่านทอง ==> ควรพอหรือรอต่อไป


ใบบัวน่ารัก 1 ก.พ. 2556, 21:45:29 น.
จบม.ปลายวัย17-18ปี
แล้วมาย้อยความหลังเมื่อ18ปีที่ผ่านมา
ไม่แก่ไปหรือสำหรับหนึ่ง อายุ36 ปี!!เชียวนะ
ลดความหลังลงได้ปะ ฝ่ายฝแก่ไปป่าว
มีเพื่อนในฉากที่เจอกันอีกพึ่งแต่งงาน
คาดนะว่าจะแก่พอๆกัน
หรือเราอ่านเข้าใจผิดไป?


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account