Eternal Love - รักแรกนิรันดร์
ทุกคนล้วนมีรักแรก....แต่จะมีสักกี่คนที่จะมีคนแรกที่ได้รักนั้นเป็นตัวจริง

และนั่นก็เป็นเหตุผลว่า เพราะเหตุใด ม่านทอง ม่านแก้วและม่านมุก สามพี่น้องของบ้านฉายวรินทร์จึงยังคงไม่มีใครอีกคนที่จะเดินจูงมือกันก้าวผ่านเส้นทางชีวิตที่เหลือไปด้วยกัน

เรื่องราวความรัก 3 เรื่อง ของ 3 พี่น้อง ที่โดนมนต์แห่งรักแรกเข้าอย่างจังจึงบังเกิดขึ้น ท่ามกลางความทรงจำ ความรัก และสายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่จะประคับประคองหัวใจของกันและกันให้ต่อสู้กับความผิดหวัง เพื่อพบกับรักเเรกอันเป็นนิรันดร์ ที่จะมีกันและกันตลอดไป
Tags: รักแรก,โรแมนติก,ซึ้ง,หวาน

ตอน: ใน...หลุมรัก ตอนที่ 1

‘เราชอบเมศนะ’

สาวน้อยในชุดมัธยมปลายยืนบิดมือไปมาด้วยความขวยเขิน หลังจากที่ทนแรงยุของกลุ่มเพื่อนสนิทไม่ไหวเจ้าตัวเลยต้องแบกร่างสูงเกินมาตรฐานสาวมัธยมปลายมายืน ‘บอกรัก’ ชายหนุ่มเพื่อนร่วมห้องที่หน้าสนามบาสเกตบอล แห่งนี้ โดยมีบรรดากองเชียร์แอบอยู่ตามพุ่มไม้รอบสนามอย่างเป็นกำลังใจและใคร่รู้

‘ชอบเรา?’ เขาทวนคำพูดด้วยน้ำเสียงเป็นคำถาม แต่ทว่าดวงตาหลังกรอบแว่นสีเงินนั้นกลับเย็นเยียบจนเด็กสาวสะอึก

‘คือ...เรา...คือเราแค่อยากบอกให้เมศรู้ไว้น่ะ’

‘บอกแล้วได้อะไร? อยากเป็นแฟนเราหรือไง’ คราวนี้ไม่เพียงแต่สายตาเท่านั้น น้ำเสียงของเขาก็เรียบจนเด็กสาวต้องถอยหลังออกมาจากรัศมีคุกคามที่แผ่ออกมาจากคนตรงหน้า

‘ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย เราแค่อยากบอกเมศเฉยๆ เมศไม่ชอบเราก็ไม่เป็นไรแค่เราได้บอกก็พอแล้ว’ เด็กสาวรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของตัวเองที่พูดออกไปมันสั่นจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง สั่นด้วยความเสียใจที่ไม่ต้องตีความการปฏิเสธและหวาดกลัวอย่างไม่มีสาเหตุกับความเย็นชาและน่ากลัวของเขา

‘งั้นเราแถมให้’

จบประโยคเด็กหนุ่มก็ดึงเธอเข้าหาโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว เด็กสาวก็เซตามแรงดึง แล้วทุกสิ่งทุกอย่างรวดเร็วเกินกว่าจะทันได้ตกใจ ริมฝีปากอุ่นของเขาก็ทาบทับลงมาบนกลีบปากของเธอ สัมผัสแผ่วเบาที่ดึงเอาหัวใจของเธอไปตลอดกาล

...First Kiss…

……………………………………………………….
เสียงเจ้าลายเสือและเจ้าสี่แต้มที่เห่าอยู่หน้าประตูรั้วทำให้คนที่กำลังหลงอยู่ในอดีตดึงตัวเองกลับมา ก่อนจะเดินไปเปิดประตูรับแขกยามเช้าที่ดูท่าว่าจะคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้พอสมควรเมื่อเสียงเห่าขององครักษ์ประจำบ้านสงบลงอย่างรวดเร็วเร็วและตามมาด้วยเสียงงี้ดง้าดแสดงความดีอกดีใจ ทันที่ที่ได้เห็นว่าใครมาม่านทองก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความงุนงง คาดไม่ถึงว่าเพื่อนของน้องสาวคนเล็กจะมาในเวลาเช้าตรู่แบบนี้ เมื่อทักสามยกมือไหว้และกล่าวทักทายแล้วเธอจึงรับไหว้ก่อนจะเปิดประตูกว้างเชิญให้เข้าบ้านมา หลังจากสนทนาได้เพียงเล็กน้อยม่านทองก็จัดแจงฝากบ้านไว้กับเพื่อนน้องสาวอย่างไว้วางใจ ก่อนจะกระโดดขึ้นรถประจำตำแหน่งขับจากไปเนื่องจากมีธุระด่วน โดยไม่เกรงว่าหน้าที่การเป็นเจ้าบ้านจะบกพร่องแค่ไหน เพราะเพื่อนน้องสาวกลุ่มนี้ก็แทบจะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอยู่แล้ว การให้เฝ้าบ้านระหว่างที่รอม่านมุกกลับมานั้นย่อมไม่ถือเป็นความบกพร่องแต่อย่างใด ระหว่างที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือที่ดังแทรกเสียงเพลงก็ดึงความสนใจออกมาจากความเรื่อยเปื่อยนั้น ม่านทองรู้ได้ทันทีว่าคุณเพื่อนรักของเธอเป็นคนโทรมาหาอย่างแน่นอนด้วยเพราะทำนองเพลงที่ตั้งไว้เป็นพิเศษสำหรับเพื่อนสนิท หญิงสาวตัดสินใจเปิดไฟเลี้ยวเข้าข้างทางเพื่อรับโทรศัพท์ ปฏิบัติตัวตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดโดยไม่ใช้แม่กระทั่งสมอลทอล์กหรือบลูทูธด้วยซ้ำไป ประสบการณ์จากการนอนโรงพยาบาลสามเดือนทำให้เธอเข็ดไปจนตายกับการคุยโทรศัพท์ระหว่างขับรถ

“ว่าไงพิมพ์ เรากำลังจะเข้าไปหาน่ะ...อ่อได้สิ แล้วเจอกันที่ร้านจ้า” จากบทสนทนาสั้นๆก็ทำให้เป้าหมายของม่านทองต้องเปลี่ยนไปทันที พิมพ์จันทร์เพื่อนสนิทที่นัดหมายไว้โทรมาเพื่อเปลี่ยนสถานที่นัดหมายเล็กน้อย ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะอย่างไรก็เป็นเส้นทางเดียวกันกับที่เธอต้องไปอยู่แล้ว แค่ขับรถเลยไปอีกเล็กน้อยนั่นไม่ใช่ปัญหา ใช้เวลาเพียงไม่นานม่านทองก็พบกับร้านกาแฟเล็กๆ ตั้งอยู่ริมถนนเลี่ยงเมือง ร้านนี้หญิงสาวคุ้นเคยมากเนื่องจากเป็นของเพื่อนสนิทนั่นเอง แม้เพิ่งจะเปิดได้ไม่นานแต่ลูกค้าก็ไม่ขาดทั้งคนในจังหวัดและคนต่างถิ่นที่แวะเวียนกันเข้ามาด้วยความน่ารักของตัวร้านและบริเวณโดยรอบที่เจ้าของตั้งใจทำให้มันเป็นพื้นที่เล็กๆสำหรับคอกาแฟที่อยากสัมผัสบรรยากาศของสวนดอกไม้ หญิงสาวเลี้ยงรถเข้าไปจอดข้างร้านก่อนจะเดินเข้าทางประตูหลังร้านเนื่องจากว่ายังไม่ถึงเวลาทำการที่ร้านจะเปิด

“มาแล้วที่ร๊ากกกกกก หนึ่งมาแล้ว” ม่านทองโบกมือทักทายพร้อมเสียงโวยวายอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ทันทีที่เห็นคนที่นั่งรอเธออยู่ทั้งหมดนั้นเจ้าตัวก็ได้แต่ชะงักค้างในท่าเดิมอย่างไปไม่ถูก...วันนี้เพื่อนรักไม่ได้อยู่คนเดียว

“อ๊ะ!หนึ่งมาแล้ว...พิมพ์กำลังรออยู่เลย...มาๆนั่งก่อนๆ” เพื่อนสาวผายมือลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างชายหนุ่มร่างสูงอีกคนหนึ่ง ม่านทองกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อยก่อนจะจำใจนั่งลงตรงนั้น ขณะนี้เธอรู้สึกเหมือนเลือดในกายเย็นเฉียบ...เพิ่งรู้ชัดว่าทฤษฎีโลกกลมมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

“เอ่อคุณเมศคะนี่หนึ่งเพื่อนของพิมพ์ เป็นคนที่จะมาช่วยประสานงานกับคุณเมศค่ะ หนึ่งจ้ะนี้ก็คุณราเมศจ้าเป็นเว็ดดิ้งแพลนเนอร์น่ะ”
เมื่อเพื่อนออกปากแนะนำอย่างเป็นทางการแล้ว ม่านทองก็นึกอยากจะถอนตัวจากการเป็นแม่งานทันทีแล้วก็หายตัวไปจากโลกใบนี้ชนิดที่ว่าไม่ต้องมีใครพบเจออีก ผู้ชายตรงหน้าคือโจทก์เก่าที่ยังคงชัดเจนในความทรงจำ เจ้าของจูบแรกที่ดึงหัวใจของเธอไปทั้งดวงในวันสุดท้ายของการศึกษาในรั้วมัธยมปลาย

“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับคุณหนึ่ง” เขาทักทายมาราวกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งได้พบกัน ม่านทองถึงกับสะอึก รู้สึกปวดแปลบอยู่ในใจลึกๆ

“ยะ...ยินดีเช่นกันค่ะ”

“งั้นเรามาคุยรายละเอียดกันเลยแล้วกันนะคะจะได้ไม่เสียเวลา อ่อ...หนึ่งเอาตัวอย่างของชำร่วยที่น้องสามทำมาด้วยหรือเปล่า จะได้ให้คุณเมศเขาดูเลย” เพื่อนสาวหันมาถามอย่างกะทันหันทำเอาคนที่กำลังงงๆเบลอๆต้องตั้งสติอย่างแรง

“อ่อ...เอามาสิ แต่อยู่ในรถน่ะ เดี๋ยวพิมพ์คุยรายละเอียดกับ มะ...เอ่อคุณเมศไปก่อนเลยนะ เราไปเอาของที่รถแป๊บเดียวจ้า” บอกเพื่อนไปแบบนั้นแล้วม่านทองก็ตั้งท่าจะลุกขึ้น แต่ต้องชะงักเมื่อเสียงนุ่มของชายหนุ่มคนเดียวในที่นั้นเอ่ยขึ้นก่อนจะหันขวับมามองหน้าเขาเมื่อจบประโยค

“ขอโทษทีนะครับคุณพิมพ์ พอดีว่าผมลืมเอกสารไว้ในรถเหมือนกัน ยังไงก็ขอออกไปหยิบพร้อมคุณหนึ่งเลยแล้วกันครับ”

“อ่อ...ตามสบายเลยค่ะ”
แววตานิ่งสนิทหลังกรอบแว่นสายตายังคงเย็นชาเหมือนอย่างที่เคยเป็นทำให้คนที่เผลอหันมาสบตาด้วยอย่างม่านทองอดคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วไม่ได้ เธอจึงเป็นฝ่ายถอนสายตาก่อนและเดินนำออกจากร้านไป ความรู้สึกมากมายที่คิดว่าจะเลือนไปแล้วตามกาลเวลามันยังคงชัดเจนเหมือนเดิม เหมือนเรื่องราวทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้นขึ้นเมื่อวาน ไม่รู้ว่าเธอตกหลุมรักผู้ชายคนนี้อีกแล้วหรือว่า ที่ผ่านมา 18 ปีนั้นเธอไม่เคยขึ้นมาจากหลุมรักของเขาเลยกันแน่

“คุณหนึ่ง”

“คะ!!!”

“มีของอะไรให้ผมช่วยถือหรือเปล่า?” เขาถามด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่ประโยคคำถามมันยิ่งทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นระรัว ก่อนจะมองถุงใบใหญ่ที่อยู่ในมือ

“อ่อ...ไม่เป็นไรค่ะแค่นี้ฉันถือเองได้ ไม่รบกวนคุณเมศหรอกค่ะ”

“ตามใจ!” เขาพูดสั้นๆด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะออกเดินนำไปโดยไม่สนใจม่านทองอีก หัวใจที่สั่นระรัวของหญิงสาวพลันนิ่งสนิทแถมยังเหี่ยวแฟบเป็นลูกโป่งโดนเจาะอีกด้วยเมื่อเจอท่าทางที่แสนจะคุ้นเคยเมื่อสมัยเรียน หญิงสาวถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเดินตามเข้าไปในร้านเงียบๆ แล้วก็นั่งลงประจำที่เดิมที่เดียวกับเมื่อแรกเข้ามาโดยพยายามอย่างยิ่งที่จะคุมสติให้อยู่ในบทสนทนาที่ดูเหมือนว่าจะมีแค่เธอเป็นส่วนประกอบและมีหน้าที่รับฟังงานทั้งหมดเท่านั้น สมองของเธอตอนนี้ไร้ความคิดไปแล้วสิ้นเชิง

“งั้นเอาตามนี้นะครับคุณพิมพ์ ผมจะได้ไปบรีฟงานกับทีมแล้วก็เตรียมทุกอย่างให้พร้อม ก่อนจะมาลงมือเรื่องสถานที่”

“ตามที่คุณเมศว่ามาเลยค่ะ อ่อ ยังไงก็ประสานกับเพื่อนพิมพ์ได้เลยนะคะ รายนี้น่ะแม่งานตัวจริงพิมพ์แค่เป็นเจ้าของงานที่อยากได้โน่นนี่นั่นเท่านั้นเอง” พิมพ์จันทร์ยิ้มน้อยๆก่อนจะบุ้ยใบ้มาทางเพื่อนที่ยังคงนั่งนิ่ง ทำให้ราเมศต้องหันมาตาม สายตาที่มองผ่านเลนส์นั้นแปลกประหลาดจนเกินจะอ่านออก แต่จะว่าไปไม่ว่าจะกี่ปีสายตาคู่นี้ม่านทองก็ไม่เคยเข้าถึงสักที

“ว่าไงครับคุณหนึ่ง” เขาถามเหมือนขอความคิดเห็น ซึ่งม่านทองได้แต่ตะโกนตอบในใจว่าไม่มี ผิดกับปากที่ขยับไปตามสมองคิด

“ค่ะ...ถ้าคุณเมศมีอะไรก็ประสานมาทางฉันได้เลยนะคะ ส่วนเรื่องพรีเซนต์เทชั่นน่ะ ฉันจะส่งให้คุณหนึ่งอาทิตย์ก่อนงานคิดว่าพอไหมคะที่คุณจะไปเซ็ตรวมกับโปรแกรมทั้งหมดที่วางไว้”

“ทันครับ อ่อผมขอเบอร์ติดต่อคุณหนึ่งด้วยนะครับ ส่วนนี่เบอร์ผม” เขายื่นนามบัตรมาให้ม่านทองรับไว้ก่อนจะส่งนามบัตรของตัวเองให้เป็นการแลกกัน

“งั้นผมขอตัวกลับกรุงเทพก่อนนะครับถ้ามีปัญหาอะไรหรืออยากได้อะไรเพิ่มเติมก็โทรหาผมได้ครับ”

“ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณเมศที่อุตส่าห์มาไกลถึงนี่” พิมพ์จันทร์เอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้มหวาน ซึ่งทำให้อีกฝ่ายต้องยิ้มรับเช่นกัน

“ผมต่างหากครับที่ต้องขอบคุณที่คุณพิมพ์กับคุณต้นเลือกบริษัทของผม ทำให้ผมได้มาที่นี่” ประโยคสุดท้ายเขาพูดพลางเบนสายตามายังหญิงสาวอีกคนที่นิ่งเงียบผิดไปจากปกติ

“โถ่คุณเมศก็ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ พิมพ์กับต้นเชื่อมือคุณต่างหากล่ะคะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวพิมพ์ไปส่งคุณเมศที่รถแล้วกันนะคะ”

“อ่อไม่ต้องหรอกครับเราลากันตรงนี้เลยก็ได้ ผมลานะครับคุณพิมพ์ ไปก่อนนะครับคุณม่านทอง”

“ค่ะ” หญิงสาวทั้งสองรับคำพร้อมๆกัน แล้วชายหนุ่มคนเดียวในที่นั้นก็จากไป กว่าที่จะทันรู้ตัวเจ้าของชื่อม่านทองก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ แล้วหันมาละล่ำละลักถามเพื่อนรัก

“ไอ้พิมพ์...แกบอกคุณเมศเหรอว่าฉันชื่อม่านทอง”

“เปล่านี่ ฉันแนะนำชื่อแกก็แค่ชื่อหนึ่งเฉยๆทำไมเหรอ?” เพื่อนรักยังคงหันมาทำหน้างงๆใส่ด้วยความไม่เข้าใจ

“แกไม่ได้ยินที่เขาบอกลาฉันหรือไงยะ?”

“ก็ได้ยิน...เขาบอกว่า ไปก่อนนะครับคุณม่านทอง...เฮ้ย!!!! เขารู้ได้ไง” พิมพ์จันทร์หันมาทำตาโตใส่เพื่อนผู้เป็นเจ้าของชื่อด้วยความตกใจ ทำเอาม่านทองโคลงหัวอย่างระอา เพื่อนของเธอช้าตลอด ช้าจนไม่น่าจะมาเป็นเพื่อนกันคนแบบเธอได้เลยจริงๆ

“สรุปว่าเขาจำฉันได้เหรอเนี่ย” เสียงรำพึงแผ่วเบาที่ดังพอจะได้ยินทำให้พิมพ์จันทร์ชะโงกหน้ามาด้วยความสนใจ ก่อนจะทำตาโตอีกครั้งเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก

“ไอ้หนึ่ง!!!! คนนี้ใช่ไหม คนนี้ใช่ไหม????” น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจดี๊ด๊าของคนที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวทำให้เธอโคลงหัวด้วยความระอาอีกครั้ง ทีเรื่องแบบนี้ล่ะไวนัก ไอ้เรื่องที่ไม่อยากให้รู้นี่รู้เร็วเหลือเกินจริงๆ

“คนนี้อะไร? ไม่เห็นจะเข้าใจ”

“อย่ามาสตอเบอรี่ย่ะ คนนี่ใช่ไหมเจ้าของเฟิร์สคิสที่ทำให้แกอยู่ขึ้นคานมาจนป่านนี้น่ะ” คราวนี้คนปากแข็งถึงกับหน้าแดงจนลามไปถึงใบหู นอกจากเพื่อนสนิทแกงค์มัธยมแล้ว พิมพ์จันทร์เป็นเพียงคนเดียวที่เธอยอมเล่าเรื่องรักครั้งแรกให้ฟัง จะเรียกว่ายอมง่ายๆก็ไม่ถูกนักหรอก ต้องเรียกว่าถูกมอมจนเล่าให้ฟังมากกว่า โชคดีที่วันนั้นคู่ดวดเหล้ามีแค่เธอกับพิมพ์จันทร์เท่านั้นความลับจึงยังคงเป็นความลับมาจนทุกวันนี้

“แกรู้ได้ไงว่าคนนี้ อย่ามาโมเมเอาเองสิ”

“ไม่ได้โมเมเองเว้ย ท่าทางแกมันฟ้องต่างหาก คุณเมศ...ราเมศ ใช่ผู้ชายคนนี้แน่ๆ” พิมพ์จันทร์เริ่มคาดคั้นอย่างมั่นใจเพราะท่าทางไม่ปกติของเพื่อนรักนั่นแหละที่ช่วยยืนยัน นอนยัน

“เออๆๆๆๆๆ ใช่ก็ใช่คนนี้แหละ ทำไมยะ มันผ่านมาตั้งนานแล้วมันจบไปตั้งนานแล้ว เขาจำไม่ได้หรอก”

“จำไม่ได้แล้วเรียกชื่อแกถูกได้ไง นี่มันโลกกลมพรหมลิขิตชัดๆนะเว้ย โลกได้หวี่ยงแกมาเจอกับเขาอีกครั้ง เขาต้องเกิดมาเพื่อแกแน่ๆเลยหนึ่ง” คำพูดน้ำเน่าออกจากเพื่อนมาอย่างคล่องปากนั้นทำให้ม่านทองหน้าเบ้ ถ้าพรหมมาลิขิตหรือโลกเหวี่ยงให้เธอกับเขามาพบกันแล้วทำไมต้องทิ้งเวลานานมาถึง 18 ปีด้วยนะป่านนี้เขาแต่งงานมีลูกมีเมียไปแล้ว

“อย่ามาเดามั่วย่ะ ป่านนี้เขามีลูกมีเมียไปแล้วแก”

“แล้วถ้าเขาเกิดยังโสดเหมือนแกล่ะไอ้หนึ่ง แกจะเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม?”
“บ้าแล้วพิมพ์...พูดอย่างกับว่าถ้าเขาโสดแล้วเขาจะมาลงเอยกับเราอย่างนั้นแหละ พูดเป็นนิยายไปได้ แกจำไม่ได้เหรอว่าเขาไม่ได้ชอบฉัน เราไม่เคยคบกัน ฉันย้ำกับแกครั้งที่ร้อยได้แล้วมั๊ง”

“ไม่ชอบแล้วจะจูบแกทำไม มันต้องมีคิดบ้างแหละเชื่อฉันสิ” ท่าทางมั่นอกมั่นใจของพิมพ์จันทร์ทำเอาเพื่อนอย่างเธอรู้สึกเพลีย คนที่มองเห็นความรักสวยงามมาตลอดชีวิตแถมยังชื่นชอบนิยายพาฝันจะตั้งตนบิลท์ความรู้สึกที่เหมือนตะกอนนอนก้นของเธอให้ฟุ้งกระจายไปเพื่ออะไร

“เพ้อเจ้อน่ายัยพิมพ์ นั่นมันเรื่องสมัยเด็ก ไม่มีใครเขาเก็บมาคิดเป็นจริงเป็นจังหรอกนะ”

“ก็แกไงที่เก็บเอามาคิด ไอ้ที่ไม่ยอมมีแฟน ไม่ยอมมีใครก็ไม่ใช่เพราะแบบนี้เหรอ? แกเชื่อเถอะน่าอะไรก็ตามที่จากกันไปนานแล้วมันได้กลับมาพบกันอีกครั้งแสดงว่ามันต้องเป็นของกันและกันแน่ๆ ถึงได้หนีกันไม่พ้น”

“ไม่เชื่อย่ะ! อย่างมาบิลท์ให้ยาก ป่านนี้น่ะคุณเมศเขาลูกสองเมียสามไปแล้วมั๊ง ไม่มาสนผู้หญิงแบบฉันหรอก”

“แล้วถ้าเขาไม่มีเมีย ไม่มีแฟนล่ะแกจะกล้าจีบเขาไหม?” คำท้าทายอย่างยั่วยุของพิมพ์จันทร์ทำให้ม่านทองถึงกับหันขวับ ชีวิตนี้ทั้งชีวิตสิ่งเดียวที่แก้ไม่หายก็คือไอ้เรื่องถูกท้านี่ล่ะ

“เออ!!! ถ้าเขาไม่มีใครฉันก็กล้าจีบเว้ย ไหนๆก็ขึ้นคานมาแล้ว ลองจีบผู้ชายดูสักทีจะเป็นไรไป”

“เอาให้จริงนะยะหล่อน ไม่ใช่ถึงเวลาแล้วดันมาป๊อดไม่กล้าจีบคุณเมศเขาล่ะ” พิมพ์จันทร์สำทับอย่างจับจุดได้อดกระหยิ่มยิ้มย่องในใจไม่ได้งานนี้เห็นทีเพื่อนของเธอจะลงจากคาน เพราะเท่าที่รู้จักชายหนุ่มผู้เป็นเป้าหมายมาหลายปีโดยที่ม่านทองไม่รู้นั้น ราเมศไม่มีแฟน ชีวิตเขาไม่มีใครและไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากงาน

“อย่ามาดูถูกฉันนะยะไอ้พิมพ์...คนอย่างม่านทองไม่รู้จักคำว่าป๊อด” แม้ปากจะพูดไปอย่างนั้นแต่ความคิดที่อยู่ในสมองกลับสะท้อนก้องคำภาวนาขอให้เขามีครอบครัวอยู่แล้ว แม้จะยังเจ็บหน่วงๆอยู่ที่ใจแต่ก็คงดีกว่าให้เธอวิ่งเข้าใส่ผู้ชายคนที่เคยมีท่าทีปฏิเสธเธอ

“หึหึหึ...แล้วฉันจะคอยดูแกนะหนึ่งว่ากล้าจริงอย่างปากว่าหรือเปล่า”

“เออจับตาดูไว้เลยไอ้พิมพ์ งานนี้ฉันไม่มีป๊อดแน่นอนย่ะ!” ม่านทองสำทับอย่างมั่นใจทั้งๆที่ความคิดภายในแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

...เมศ หวังว่าคุณจะไม่โสดนะ ฉันไม่อยากเจ็บซ้ำสองเพราะคุณ...



___________________________________________________

.......คุยกันท้ายเรื่อง........

สวัสดีเพื่อนนักอ่านค่ะ อาจจะงงๆเล็กน้อยว่าเรื่องของม่านทอง มาต่อกับเรื่องของม่านมุกได้อย่างไร

ขออธิบายสักหน่อยค่ะ Eternal Love เป็นเรื่องยาวที่รวมเอาสามเรื่องสั้นของแต่ละคนไว้

ที่ผู้เขียนจำเป็นต้องเอามาลงสลับกันนั้นเนื่องจากว่าเหตุการณ์ทั้งหมดมันอยู่บนไทม์ไลน์เดียวกันนั่นเอง

เลยขอลงไปแบบนี้ (หลังจากที่คิดมาหลายวันว่าจะเอาไงดี 55+)

หากเพื่อนักอ่านคิดว่ามันไม่ดี ไม่เวิร์ค อ่านไม่รู้เรื่องอย่างไรก็แนะนำกันเข้ามาได้นะคะเพื่อจะเอาไปปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น

ตอนนี้จึงเท่ากับว่าผู้เขียนกำลังเขียนสามเรื่องไปพร้อมกัน (ท้าทายความสามารถของนักหัดเขียนมว๊ากกกก)

ยังไงก็ขอฝากนิยายเรื่องแรกเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ >___<



ญาตรีฬาห์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ม.ค. 2556, 08:52:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ม.ค. 2556, 16:24:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1089





<< รักสุดใจ - 3   ใน...หลุมรัก ตอนที่ 2 >>
ญาตรีฬาห์ 29 ม.ค. 2556, 09:14:32 น.
ขอบคุณคุณ ameerahTaec ทั่ยังคงตามอ่านอย่างต่อเนื่องนะคะ
ผู้เขียนแอบดีใจมากกก กริ้กกริ้วววววส์


ใบบัวน่ารัก 29 ม.ค. 2556, 09:23:50 น.
งุงิ บอกชอบบ้างคงดี
ได้คิสบ้าง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account