ลิขิตรักกระชากหัวใจ (ปีเตอร์ VS ทับทิม)
เดี๋ยวมาอัพให้
Tags: ปีเตอร์ ทับทิม อาเซียน นิยาย อาหารไทย ต้มยำกุ้ง

ตอน: ตอนที่ 9

ตอนที่ 9

เมื่อปริญขยี้ตาก็ต้องประหลาดใจมากขึ้นไปอีกเมื่อพบว่าผู้หญิงที่โผล่ออกมาจากกองผ้าไหมที่เบาะนั่งหลังคนขับคือทับทิม

“ทับทิมคุณมาทำอะไรในรถผม คุณทำให้ผมประหลาดใจมากรู้ไหมครับ” จะไม่ให้ประหลาดใจได้อย่างไรตอนเขาชวนกลับเธอไม่กลับแต่พอเขาขับรถกลับเธอแอบมาอยู่ในรถ เขาหันไปมองเธอชัดๆแต่เธอไม่ได้อยู่ในชุดสวยที่เขาเห็นในงานเธออยู่ในเครื่องแต่งกายเหมือนพนักงานเสริฟในโรงแรม หญิงสาวไม่ตอบคำถามแต่ผลักประตูรถและวิ่งออกจากรถไป


“ทับทิมเดี๋ยวสิ คุณจะไปไหน” ปริญต้องแปลกใจที่เห็นทับทิมวิ่งเร็วราวมากเร็วผิดคนธรรมดา “อะไรของเขา”ปริญเริ่มแปลกใจว่าที่เขาเห็นใช่ทับทิมแน่หรือไม่หากว่าคืนนี้เขาดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปก็คงจะคิดว่าตนเองเมาแล้วตาฝาดแต่คืนนี้เขาไม่ด้แตะต้องเลยมีเพียงน้ำพันซ์ครึ่งแก้วเท่านั้นมังคงไม่มีผลอะไรต่อระบบประสาตตาของเขา


บาลาซานหอบเบาๆเมื่อคิดว่าตนเองปลอดภัยดีแล้ว “ชื่อทับทิมอีกแล้ว ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่” บาลาซานคิดว่านั่นคงเป็นผู้หญิงในงานที่ทำให้เธอตกใจเพราะมีหน้าตาคล้ายกันมากผู้ชายคนที่เธอแอบขึ้นขึ้นรถเขามาคงรู้จักผู้หญิงคนนั้นดี ก็จะไม่ให้เธอหนีจนหัวซุกหัวซุนได้อย่างไหร่เมื่อท่านวาคิมต้องถูกวางยาจนเสียชีวิตในคืนส่งตัวเข้าหอ

ในประเพณีพื้นบ้านของบาลาซานพิธีเข้าหอมีพิธีอย่างหนึ่งคือเมื่อเจ้าบ่าวรับเจ้าสาวเข้าไปในห้องหอเมื่อเสียงประตูเงียบสนิทเจ้าบ่าวจะปฏิบัติภารกิจบางอย่างที่ละไว้ในฐานที่เข้าใจจากนั้นจะโยนผ้าปูที่นอนสีขาวที่มีรอยเปื้อนเลือดออกมาแสดงให้เห็นว่าเจ้าสาวของตนเองเป็นสาวบริสุทธิ์ไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน ในคืนนั้นเธอจำได้ดีว่าผ้าปูที่นอนถูกโยนออกไปทางหน้าต่างพร้อมเลือดสีแดงสดติดผ้าปูที่นอนไปด้วยเสียงเฮของผู้ที่มาร่วมพิธีแต่งงานด้านนอกของเธอกับท่านวาคิมโห่ร้องดังขึ้นแต่ทว่ารอยเปื้อนเลือดที่ผ้าปูที่นอนนั้นกลับไม่ใช่เลือดของเธอมันคือเลือดของท่านวาคิมต่างหาก คืนนั้นยังทำให้บาลาซานสยดสยองไม่มีวันลืมแต่ใครจะเชื่อว่าเธอไม่เกี่ยวข้องกับการตายของท่านวาคิม พวกเขาประณามว่าเธอเป็นเหตุให้ท่านต้องตายเธอถูกคำสั่งให้นำไปเผาทั้งเป็นตายตกตามท่านชีคไปโชคยังดีนักที่สาวรับใช้คนสนิทของท่านแม่มาช่วยเธอจากที่กุมขังได้ทันเวลา อีกทั้งบาลาซาน ได้มีโอกาสได้เรียนวิชาป้องกันตัวโดยที่หญิงสาวมุสลิมส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสจะได้ฝึก บาลาซานมีความสามารถในการปรุงยาทั้งรักษาและวางยาเธอเป็นศิษย์เอกของท่านอาจารย์นะบีลผู้เป็นหมอหลวงในพระราชวังจึงเอาตัวรอดมาได้ถึงที่นี่เพื่อที่จะหาทางไปที่ประเทศไทยเพื่อไปตามหาใครคนหนึ่ง

“นี่เหรอคือชะตาของเราที่มีแม่เป็นถึงเจ้าหญิงผู้สูงส่ง” บาลาซานน้อยใจในโชคชะตาและวาสนาของเธอกับแม่แท้ๆของเธอเจ้าหญิงโซย่าผู้อาภัพรัก แม้ในปัจจุบันประเทศของเธอจะส่งเสริมให้ผู้หญิงได้รับการศึกษาสูงขึ้นมาได้สักระยะเจ้าหญิงโซย่าได้มีโอกาสไปเรียนยังต่างประเทศและได้พบรักกับทหารเรือหนุ่มชาวไทยยศสูงและมีอนาคตไกล แต่เจ้าหญิงโซย่าก็ทรงทราบดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ระหว่างเธอกับคนรักต่างชาติพระญาติคงไม่ยอมอย่างแน่นอนแต่ความรักไม่สามารถแบ่งชาติแบ่งภาษาได้ในที่สุดพันเอกนาวาก็หันไปนับถือศาสนาอิสลามเพื่อที่จะได้เข้าพิธีแต่งงานกับผู้หญิงที่รักกว่าชีวิตเพราะองค์หญิงโซยา ในที่สุดองค์หญิงโซย่าก็ให้กำเนิดบุตรสาวขึ้นมาลืมตาดูโลกชื่อบาลาซาน ซึ่งมีความหมายว่าดอกไม้งาม ส่วนเขาคนนั้นจากองค์หญิงโซย่าไปอย่างลึกลับ ซึ่งองค์หญิงโซย่าไม่ได้คิดว่านาวินคนรักของเธอจะทอดทิ้งเธอไปแต่เขาหายไปจากเธอเพราะคำสั่งของใครบางคนทำให้ไม่นานองค์หญิงโซย่าก็ละโลกใบนี้ไปด้วยอาการตรอมใจตาย

“คุณทับทิม คุณอยู่ที่ไหนครับ” ปริญจอดรถทิ้งเอาไว้และวิ่งตามหาทับทิมเขาทั้งสับสนและไม่เข้าใจสายตาเขาเหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มๆ บาลาซานที่เหนื่อยหอบกำลังจะวิ่งหนีแต่ทว่าเขากับกระโดดตะครุบตัวเธอไว้ได้ทัน

“จะตามมาทำไมก็ไม่รู้”บาลาซานบ่นเป็นภาษาแขก

เขาเห็นเงาตะคุ่มซ่อนอยู่ที่มุมตึก

“คุณเป็นอะไรไปครับคุณหนีผมมาทำไม คุณขึ้นมาซ่อนตัวบนรถของผม และก็วิ่งหนีผมมาผมไม่เข้าใจ”

“ไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรอก และฉันก็ไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น” บาลาซานฟังภาษาไทยออกแต่พูดภาษาไทยไม่ได้


บาลาซานกำลังลอบออกจากที่ซ่อนเดิมหากว่าปริญไม่ได้กระโดดมาขวางไว้

“ทับทิมครับมีอะไรก็บอกผมได้นี่ คุณทำหน้าเหมือนหนีใครมาเลย” เขาหอบจากการวิ่งตามเธอมา หญิงสาวผลักเขาออก ปริญแทบไม่อยากเชื่อผู้หญิงรูปร่างแบบบางจะมีพละกำลังขนาดผลักผู้ชายอย่างเขาออกได้

“ทับทิมจะไปไหน”เขาไขว่คว้าข้อมือเธอ

หญิงสาวส่ายหน้า “ฉันไม่ได้ชื่อทับทิม”บาลาซานหันกลับมาตอบเขาเป็นภาษาที่ปริญฟังและไม่เข้าใจเช่นกัน

“คุณพูดภาษาอะไรผมไม่เข้าใจหรือว่าคุณไม่ใช่....”เขายังพูดไม่จบหญิงสาวก็ใช้ช่วงจังหวะที่เขากำลังงงนั้นผลักเขาจนล้มลงและวิ่งหนีหายไปในความมืด

“เดี๋ยวสิคุณอย่าเพิ่งไป” ปริญตกใจเมื่อเขาเห็นว่าหญิงสาวว่องไวปานนินจา

“เธอ...ไม่ใช่คุณทับทิมแน่ๆ” ปริญเริ่มเห็นความแตกต่างของผู้หญิงสองคนอย่างชัดเจนเพราะเมื่อครู่ตอนที่เขาล้มลงตอนตะครุบเธอไว้นาทีนั้นเขาได้กลิ่นน้ำหอมจางๆกลิ่นของมันคล้ายๆน้ำหอมของชาวอาหรับ กลิ่นหอมนุ่มๆ อบอวลและกลิ่นติดทนแม้ร่างบางนั้นจะไปแล้วแต่กลิ่นของเธอยังติดอยู่ที่เสื้อเขา

+++++++++++++++++++++++++++

ห้องครัวเหล่าเชฟหนุ่มของโรงแรมคารล์ตันรู้สึกกระชุ่มกระชวยกันเป็นพิเศษเมื่อคุณ มิเชล พาทับทิมมารู้จักเชฟคนอื่นๆตลอดจนผู้ช่วยเชฟความสาวและสวยของทับทิมทำให้ห้องครัวดูสดชื่นกว่าที่เคยเป็นยามมีเชฟสาวเข้ามาอยู่โดยทับทิมประจำอยู่ในส่วนครัวไทยรับผิดชอบเรื่องอาหารไทยทั้งหมด แต่ทว่าการทำงานวันแรกของเธอก็เจองานหิน เมื่อปีเตอร์สั่งให้เชฟคนใหม่เตรียมอาหารกลางวันสำหรับคนร้อยคนให้เสร็จก่อนเที่ยง และให้เธอตามไปช่วยงานเขาด้วยเพราะวันนี้นายใหญ่แห่งคาร์ลตัน อยากจะเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กกำพร้าและถูกทอดทิ้งที่โบสถ์ย่านวิคตอเรียสตรีท ซึ่งปีเตอร์เองมักจะแวะไปเลี้ยงอาหารเด็กๆที่นั่นบ่อยครั้ง เชฟและผู้ช่วยในห้องครัวมองหน้ากันด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“ช่วยส่งกุ้งให้ฉันหน่อยค่ะ” ทับทิมบอกเป็นภาษาอังกฤษและเมื่อผู้ช่วยส่งมาให้เธอก็เทลงไปในน้ำต้มยำที่กำลังร้อนจัดแต่ปรุงไม่ให้เผ็ดมากนักเพื่อให้เด็กๆทานกันได้

ทับทิมรู้สึกแปลกเหมือนใครมาหายใจลดต้นคอทั้งที่ผู้ช่วยเชฟนั้นดูจะมีความสูงไม่เกินร้อยหกสิบเซ็นติเมตรขณะที่ทับทิมสูงถึงร้อยหกสิบแปด

“หอม น่ากิน ขาว อวบ” คำพูดนั้นไม่ได้มองลงไปในหม้อต้มยำเลย

ทับทิมหันมาและกระเทิบหนี ด้วยมารยาทไม่มีใครกล้ามองว่าปีเตอร์ลงมาทำอะไรถึงในครัวไม่ใช่เขาไม่เคยเข้ามาแต่ก็ไม่บ่อยนักที่จะเข้ามาถึงในครัว
“คุณเข้ามาทำอะไรคะ”

“เข้ามาดูน่ะสิว่าอาหารกลางวันมื้อนี้เด็กๆที่โบสถ์จะได้ทานเป็นอาหารเที่ยง หรือจะเป็นอาหารค่ำ”

“อีกไม่เกินสองชั่วโมง ต้มยำกุ้งน้ำใสไม่เผ็ดมากตามที่คุณสั่ง และผัดไทยกุ้งสดจะพร้อมเสริฟสำหรับคนร้อยคนจะเสร็จพร้อมเสริฟท์อย่างแน่นอน” แม่ครัวสาวสวยกล่าว

“แล้วมันจะอร่อยไหม”เขาถามกวนทั้งที่รู้ดีอยู่แล้วว่าระดับเชฟที่ธนาแนะนำมาต้องไม่พลาดเรื่องรสชาติแต่ปีเตอร์แค่อยากหาเรื่องยั่ว

“หมายถึงคนหรืออาหารล่ะคะ” เมื่อกวนมาแบบนี้เชฟสาวก็เลยกวนกลับทำเอาปีเตอร์ถึงกับอึ้งไม่คิดว่าหญิงสาวจะกล้าย้อนเขา

“อาหารมองดูก็น่าจะอร่อยดี แต่คนนี่สิยินดีจะให้ชิมหรือเปล่า” เขาตอบกลับทับทิมตาโตอยากจะร้องกรี๊ดไม่น่าไปย้อนเขาเลย


“นี่คุณปีเตอร์ของฟรีไม่มีให้ชิมแถวนี้หรอกค่ะ”แต่เมื่อหญิงสาวเห็นสายตาหลายคู่ที่รอบมองมาก็จำเป็นต้องเฉยและหันกลับไปหาหม้อต้มยำแทน

“เอาล่ะ ผมจะไปรอคุณอีกสองชั่วโมงข้างหน้าเจอกัน อ้อ...ลืมบอกไปคุณต้องไปด้วยกันกับผม” เขาสั่ง

“ทำไมล่ะคะ ในเมื่อฉันเองก็ต้องทำอาหารให้แขกของโรงแรม”

“วันนี้ใช้เชฟมือรองก็ได้ผมอนุญาต เพราะว่า....” เขาลืมหาข้อแก้ตัวมาล่วงหน้า “เพราะเผื่อมีคนถามเรื่องอาหารไทยผมจะตอบไม่ได้ ปกติเราเคยทำแต่อาหารของสิงค์โปรเท่านั้น ไม่ต้องสงสัยมากทำตามสั่งก็พอ” จากนั้นปีเตอร์ก็รีบออกไปจากครัวเพราะกลัวทับทิมมีข้อโต้แย้ง

“ที่แท้คุณปีเตอร์คงอยากจะทำบุญร่วมกับทับทิม อย่าบอกนะคะว่าคุณคิดจะจีบฉัน” หญิงสาวแกล้งพูดแซวเพราะในใจกำลังตั้งข้อสงสัย

ปีเตอร์ไม่ตอบประเด็นนั้น“ที่ผมชวนไปด้วยเพราะขากลับตั้งใจจะไปเยี่ยมเชฟธวัชชัยเห็นคุณกับเขาเป็นคนไทยเหมือนกันอาจจะอยากไป”

“เชฟธวัชชัยเหรอคะ” ชื่อนี่อีกแล้วทับทิมคิดแต่เมื่อคิดว่าจะได้ไปเยี่ยมเชฟที่เธอต้องมาทำงานแทนเขาทำให้หญิงสาวพยักหน้าตอบตกลงทันที

วันนี้จึงมีเรื่องเล่าร้อนๆในครัวว่าเจ้านายใหญ่สงสัยจะสนใจในตัวเชฟสาวคนใหม่

สองชั่วโมงต่อมา อาหารทุกอย่างที่ปีเตอร์จะนำไปเลี้ยงเด็กที่โบสถ์คริสอันเป็นสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าด้วยนั้นก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ปีเตอร์ลอบยิ้มอย่างพอใจและได้ยินเสียงคนในครัวที่ได้ชิมกันแล้วพูดว่าฝีมือเชฟสาวอร่อยเข้าขั้นไม่แพ้เชฟธวัชชัยเลย ทำเอาเขานึกอยากจะชิมทั้งอาหารและคนทำขึ้นมาไม่รู้ทำไม ทั้งที่ไม่เคยคิดจะกินลูกน้องมาก่อนเพราะกลัวเสียการปกครองแต่ทับทิมทำให้เขาอยากจะมองข้ามกฏของตัวเอง แม้จะจำได้ว่าตนเองเคยพูดกับมิเชลไว้ว่าอย่างไร สาวไทยไม่ใช่สเปค
เมื่อถึงโบสถ์คริสโบสถ์หลังนี้สวยงามทำให้เธอคิดไปถึงยุคเรเนอซองค์แต่กระจกของวิหารตกแต่งด้วยกระจกแบบโมเสกคาดว่าโบสถ์หลังนี้คงจะถูกบูรณะมาหลายครั้งแล้วเด็กๆต่างตื่นเต้นดีใจที่จะได้ทานอาหารแปลกไปกว่าเดิมที่คนใจบุญเอามาบริจาค แถวรอคิวอาหารยาวเหยียดแต่ปริมาณของอาหารเชฟทับทัมเตรียมมาอย่างเพียงพอไม่ให้ขาดตกบกพร่องเสียชื่อโรงแรมใหญ่แน่

“เด็กที่นี่น่ารักจังน่าเสียดายนะที่พวกเขา....”

“ถูกทอดทิ้งและเป็นเด็กกำพร้าน่ะเหรอ”

ทับทิมพยักหน้า “คุณแม่ผมท่านเคยอยู่ที่นี่มาก่อน” ทับทิมหันไปมองหน้าหล่อในชุดสูทอย่างนักบริหารอย่างไม่เชื่อสายตา “จริงเหรอคะ”

เขาหัวเราะ “แต่คุณรู้ไหมถึงคุณแม่ผมจะเป็นเด็กกำพร้าแต่ท่านก็ได้ความรักจากคุณพ่อเป็นสิ่งชดเชยเชื่อไหม หลังแต่งงานคุณพ่อของผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องผู้หญิงให้คุณแม่ปวดใจอีกเลยจนวาระสุดท้ายในชีวิตท่านก็ยังจากโลกนี้ไปพร้อมกัน”

“ต่างกับคุณใช่ไหมล่ะคะ” หญิงสาวหันไปถามเพราะได้ยินกิตติศัพท์มาเยอะ

ปีเตอร์ส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้ “อยากรู้ไหม ถ้าคุณอยากรู้คุณก็ลองแต่งงานกับผมดูสิว่าผมจะนอกใจภรรยาหลังแต่งงานไหม” เขาตอบ

ทับทิมยิ้มไม่ออกพอดีกับพนักงานจัดเสริฟท์เดินเข้ามาถามเธอว่าจะให้จัดขนมให้เด็กๆได้หรือยังทับทิมจึงได้โอกาสเลี่ยงออกมาจากปีเตอร์เขามองตามหลังเธอพร้อมรอยยิ้มยากจะเดาได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
+++++++++++++++

ขากลับปีเตอร์ชวนทับทิมไปเลือกซื้อผลไม้และดอกไม้ที่ตลาดใกล้มัสยิดเลียบถนนนอร์ส ทับทิมสูดหายใจแรงเพราะกลิ่นหอมบางอย่างเตะปลายจมูกเข้าอย่างจัง ทับทิมสูดหายใจแรงๆ“หอมอะไรกันนะ”

“มะตะบะ”ปีเตอร์ตอบ “ตลาดนี้มีของกินอร่อยๆอยู่เยอะไม่ว่าจะเป็นมะตะบะหรือพิชซ่าของคนสิงคโปร์รวมถึง Nasi Padang” อาหารชุดที่มีข้าวและกับหลายอย่างทับทิมเคยอยากชิมและจินตนาการว่ามันจะเหมือนการกินขันโตกในภาคเหนือของประเทศไทย หรือเบนโตะแบบญี่ปุ่น

“ฉันเคยคิดอยากลองทาน Nasi Padang ดูบ้าง”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องคิด ผมจะพาคุณไปทานแถวนี้มีร้านอร่อยอยู่”

“แล้วคนอื่นล่ะคะ”

“ผู้ช่วยเชฟสองคนนั้นผมสั่งให้เขาไปหาอะไรทานก่อนหน้านี้แล้ว” ทับทิมไม่รู้ว่าเขาแอบไปสั่งพนักงานหลังจากลงรถตอนที่เธอกำลังมองหาร้านผลไม้

“ไปสิรีบไปทานข้าวกันดีกว่าผมรู้จากร้านเก่าแก่แถวนี้” ทับทิมจึงจำยอมต้องเดินตามเขาก็ท้องเริ่มร้องแล้วนี่ทำอาหารให้คนอื่นทานแต่ตนเองยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้า

ปีเตอร์เข้ามาในร้านอาหารเก่าแกที่หัวมุมถนนผู้คนหลายเชื้อชาติกำลังทาน Nasi Padang กันอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อนั่งลงพนักงานก็ยกอาหารมาเต็มโต๊ะและนำจานข้าวเปล่ามาวางตรงหน้าเธอไม่มีช้อน มีอ่างน้ำทำจากแก้วและลอยดอกไม้อะไรสักอย่างหอมอ่อนมาด้วยทับทิมทำหน้างง ถึงเป็นเชฟแต่ก็ไม่ได้เคยทานทุกอย่างในโลกว่าแต่เขาจะให้เราใช้มือเปิบเหรอทับทิมคิด

“ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ จะเสริฟท์แบบดั้งเดิม เรากินแค่ไหนเขาจะคิดเงินเราแค่นั้น” อาหารทุกจานมีช้อนกลางอยู่ แต่จานข้างข้างหน้าที่มีใบตองรองข้าวสวยไว้อีกทีไม่มีช้อน”

“แล้วจะใช้อะไรกินล่ะ” ทับทิมถามแล้วเริ่มมองไปรอบร้าน “ใช้มือเปิบกันเลยเนี่ยนะ”เธอมองชายคนหนึ่งกำลังตักเนื้อผัดกระทิด้วยช้อนกลางที่มีอยู่ในชามลงบนข้าวและใช้มือทานอย่างอร่อย

“เหมือนวิธีทานข้าวแบบคนไทยในอดีต” ปีเตอร์อธิบาย และเริ่มตักผักผัดหัวกระทิ และกับข้าวน่าทานหลายอย่างใส่ในจานข้าวหญิงสาว

“ลองดูสิ” เพราะหิวและอาหารหลายอย่างชวนให้ชิมทับทิมทานอย่างว่าง่าย

“ไม่เลว” เธอยิ้มและทานต่อ ปีเตอร์ลอบมองสาวไทยอยู่บ่อยครั้ง ไม่รู้ทำไมแต่เธอเป็นผู้หญิงที่เขาอยู่ใกล้แล้วสบายใจ

“คุณลอบมองฉันนานแล้วนะคะ” ปีเตอร์หันไปส่งยิ้มจับผิดให้เขา

“ใครว่าผมมองคุณผมมองผ่านหน้าคุณไปที่เธอคนนั้นต่างหาก” ปีเตอร์แก้ตัวพอดีเห็นนักท่องเที่ยวสาวหุ่นดีชาวยุโรปประเทศไหนสักประเทศเดินผ่านหน้าร้านเข้าไปที่ร้านเครื่องประดับ

ทับทิมเลยรู้สึกเขินไปเอง “ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป”

++++++++++++++++++++

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเอกชนชั้นดีในย่านเศรษฐกิจโรงพยาบาลที่นี่ดูสะอาดเป็นระเบียบและโอ่โถงปีเตอร์พาทับทิมและพนักงานอีกสองคนเดินไปตามทางเดินกว้างและไปหยุดหน้าห้องพิเศษเขาเปิดประตูและกล่าวคำเชิญให้ทับทิมเข้าไปก่อน และปีเตอร์ก็พบว่าทับทิมยืนตัวแข็งเหมืนตกใจกับอะไรบางอย่าง

“เป็นอะไรไปคุณ” เขาถามเธอ

“ทับทิม!” คนที่เอ่ยชื่อทับทิมขึ้นคือเชฟธวัชชัยเขาจ้องหญิงสาวราวกับไม่เชื่อสายตา ทับทิมไม่คิดเลยว่าชื่อคุ้นแต่หน้าตาคุ้นเคยเชฟที่เขาว่าได้รับบาดเจ็บจากรถชนคือเชฟธวัชชัยอดีตรุ่นพี่การโรงแรมของเธอที่เธอเคยแอบชอบเขามาก่อน

“พี่ธวัชชัย!”

ปีเตอร์มองคนทั้งสองด้วยสายตาแปลกใจ “คุณเคยรู้จักเชฟธวัชชัยมาก่อนหรือครับ”

“ไม่ใช่เคยรู้จักค่ะ แต่เคยเป็นแฟนกันมาก่อน” ทับทิมตอบเบาๆ

ส่วนปีเตอร์รู้สึกว่าโลกนี้กำลังหมุนผิดทางนี่เขาพาเธอมาเจอคนรักเก่าหรอกเหรอนี่คิดแล้วมันน่าเจ็บใจตัวเองเรื่องนี้ผมอยากเล่นเป็นพระเอกนะไม่ใช่อยากเป็นกามเทพให้คู่ของใครปีเตอร์คิดชักไม่อยากจะเยี่ยมลูกน้องแล้ว
+++++++++++++++++++



อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.พ. 2556, 16:51:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ก.พ. 2556, 16:54:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1979





<< ตอนที่ 8   
อัปสรา 7 ก.พ. 2556, 16:55:17 น.
งานจะเข้าปีเตอรฺแล้ว อยากเป็นพระเอก ไฉนดันเป็นกามเทพ พาแฟนเก่าเขามาเจอกันนะ555 สวัสดีทุกท่านค่ะ


lovemuay 7 ก.พ. 2556, 20:50:55 น.
หุหุ อิจฉาเชพธวัชชัยเค้าอ่ะจิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account