ลิขิตรักกระชากหัวใจ (ปีเตอร์ VS ทับทิม)
เดี๋ยวมาอัพให้
Tags: ปีเตอร์ ทับทิม อาเซียน นิยาย อาหารไทย ต้มยำกุ้ง

ตอน: ตอนที่ 8

ตอนที่ 8

ไม่กี่อึดใจต่อมาเสียงหญิงสาวก็ร้องก้องรถว่าเธอจะไม่ยอมลงจากรถอย่างเด็ดขาด เมื่อเห็นว่าเขากำลังพาเธอเข้าโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่ง ที่มีป้ายไฟว่า Hotel ส่วนตัวหนังสือหลังคำว่า Hotel ไฟดับไปรอการซ่อมทำให้เธอมองไม่เห็น

“บอกให้ลงมา คุณนี่ยังไงกันนะ”ปีเตอร์ออกคำสั่งแกมขอร้องเป็นรอบที่ห้าจนแทบอยากจะอุ้มเธอลงจากรถให้รู้แล้วรู้รอด

“ตาบ้าชีกอ เพิ่งเจอกันวันเดียวก็พาเลี้ยวเข้าโรงแรมซะแล้ว ออกไปห่างๆนะ ฉันไม่น่าไว้ใจคุณเลย”


“มันแปลกตรงไหน ” สีหน้าไม่เข้าใจทับทิม เขารอบมองเธอตอนอยู่ในงานเธอแทบไม่ได้แตะอาหารเลยหญิงสาวคงจะหิวไม่น้อยเลยพามาทานอาหารก่อนกลับ ที่สำคัญไม่รู้สินะแต่คืนนี้เขาอยากทานข้าวเคล้าแสงเทียนกับเชฟสาวชาวไทยสองต่อสอง
“จะบอกไว้นะถึงจะอยู่ต่างบ้านต่างเมืองฉันก็ไม่ยอมให้ใครมาข่มเหงรังแกง่ายๆได้หรอก ไม่คิดเลยว่า ธนาจะมีเพื่อนหื่นกามแบบคุณ ฉันมาทำงานให้คุณแต่คุณคิดจะรวบรัดฉัน” สีหน้าแสดงความไม่ไว้วางใจแม้ลึกๆจะไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเขา
ปีเตอร์ถอนหายใจยาวๆ “พระเจ้าคุณคิดได้ไงเนี่ยว่าผมจะพาคุณมาทำอะไรแบบบนั้นที่นี่ ถ้าจะทำไม่ต้องมาถึงที่นี่ก็ได้”
“แต่นี่มันโรงแรม”เธอชี้เข้าไปในโรงแรมขนาดเล็กทับทิมเหมารวมว่ามันเป็นโรงแรมชั่วคราว

“ให้ตาย คุณคงไม่ทันสังเกตคำที่ต่อท้ายอยู่หลัง Hotel อย่างนั้นสิ” ทับทิมจึงรีบหันไปมองและต้องเพ่งเพราะไฟที่ป้ายนั้นตัวหนังสือหลังคำว่า Hotel ดับไปเธอจ้องอยู่นาน

จากนั้นเธอก็สะกดอย่างช้าๆความอายแล่นเข้าตามกระแสเลือดรู้สึกว่าเลือดฝาดกำลังถูกสูบฉีดไปทั่วใบหน้าความโมโหกลับแปลเปลี่ยนเป็นความอาย


“Restaurant ให้ตายอ้าวนี่เป็นร้านอาหารด้วยหรอกเหรอคะ แล้วทำไมโรงแรมเล็กนิดเดียว” ทับทิมหันไปยิ้มเจื่อนๆ ให้เจ้านายแววตาแสดงความสงสัยนี่ถ้าเธอสนิทกับเขาแล้วจะขอยืมกาวมาทาหน้าเสียหน่อย
“ที่นี่เป็นต้นแบบของ โรงแรมคารล์ตัน สิงคโปร์ ในปัจจุบัน ครอบครัวของผมเริ่มทำธุรกิจโรงแรมเล็กๆที่นี่และเป็นที่ซึ่งพ่อกับแม่ของผมได้พบกัน”สายตาของปีเตอร์มีแววภาคภูมิใจยามมองโรงแรมเล็กๆที่ถูกสร้างเมื่อเกือบสามสิบกว่าปีก่อน

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงต้องขอโทษคุณด้วยที่โวยวายไปก่อนโดยไม่ได้ดูให้ดี” น้ำเสียงสลด

“ช่างมันเถอะเราเพิ่งจะพบกันวันแรกคุณเองก็ยังไม่คุ้นเคยกับผมมาก่อนอ่านมองผมในแง่ลบผมคิดว่าเวลาที่เราต้องอยู่ร่วมกัน...”เหมือนเขาจะพูดอะไรเผลอพูดตามความคิด “ไม่ใช่สิเวลาที่เราร่วมงานกันจะทำให้คุณรู้จักผมดีขึ้น”


“ไปเถอะรีบทานจะได้รีบกลับ”

เขาภายมือเชิญให้เธอเดินไปข้างหน้าและทับทิมก็ได้รู้ว่าโรงแรมเล็กๆแห่งนี้มีห้องอาหารอยู่ด้านในและคับคั่งไปด้วยผู้คนที่สำคัญโรงแรมปีเตอร์แนะนำว่าห้องอาหารนี้มีอาหารนานาชาติที่อร่อยมากๆ เขาเก็บโรงแรมแห่งนี้เอาไว้เพราะต้องการระลึกถึงโรงแรมแห่งแรกที่พ่อและแม่สร้างมากลับมือจนกระทั่งตอนนี้เขามีโรงแรมถึง5แห่งในประเทศสิงคโปร์
“ดึกขนาดนี้ยังมีคนมาทานอาหารกันเยอะอยู่เลยนะคะ” ภายในห้องอาหารมีทั้งแขกต่างชาติ และชาวสิงคโปร์นั่งทานอาหารกันด้วยสีหน้าเอร็ดอร่อย

บริกรหนุ่มที่ยืนทำความเคารพอยู่หน้าห้องอาหารเมื่อเห็นเจ้าของโรงแรมเดินเข้ามาก็รีบเข้ามาทำความเคารพ
“สวัสดีครับคุณปีเตอร์เชิญด้านในครับคุณปีเตอร์ต้องการจะให้จัดโต๊ะให้ที่มุมไหนดีครับ”

ทับทิมมัวแต่สนใจผู้คนที่กำลังทานอาหารกันพร้อมลอบมองอาหารบนโต๊ะพลันท้องหญิงสาวก็เกิดอาการปั่นป่วนขึ้นมาใช่สิตอนอยู่ในงานเธอทานเพียงคานาเป้ที่มีคาร์เวียร์โรยหน้าไปแค่สองชิ้นและน้ำพันซ์อีกนิดหน่อยเท่านั้น เมื่อทับทิมหันมาอีกทีก็พบว่าปีเตอร์หายไปแล้ว

“อ้าว! ไปไหนเสียแล้วล่ะ”

ทับทิมมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นเจ้านายของเธอซะแล้ว “มาด้วยกันทำไมมาทิ้งกันเสียแบบนี้ล่ะเดินไวจริง” แขกที่กำลังรับประทานอาหารส่วนมากมาเป็นครอบครัวหรือไม่ก็คู่รักจึงไม่มีใครสนใจนักว่าสาวสวยในชุดสีทับทิมกำลังชะเง้อหาใคร

“คุณผู้หญิงครับเชิญทางนี้ครับ” บริกรที่ต้อนรับแขกอยู่หน้าร้านคนเมื่อครู่เรียกเธอ “เชิญครับ” ทับทิมจึงเดินตามเขาไปแอบต่อว่าปีเตอร์ในใจที่เดินหายไปไม่เรียกเธอแต่เมื่อพนักงานหนุ่มพาเธอมาที่สุดทางของห้องอาหาร และภายมือให้เธอเดินไปตามบันไดที่ทอดยาวไปที่ชั้นบนดาดฟ้า

“อะไรคะ จะให้ฉันไปที่ไหน”

“คุณปีเตอร์รอคุณอยู่ที่ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมนะครับคุณเดินไปตามบันไดขึ้นไปเรื่อยๆจะพบเอง

ท่าทางของบริกรดูนอบน้อมกับทับทิมมากเป็นพิเศษจนหญิงสาวสัมผัสได้เป็นเพราะปีเตอร์ไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาทานข้าวที่นี่ที่สำคัญบนโซนพิเศษชั้นดาดฟ้าของโรงแรม แทบไม่น่าเชื่อว่าโรงแรมเล็กๆต้นแบบของคาร์ลตันสิงค์โปรจะมีคิวจองนานถึงหกเดือน

“ฉันคิดว่าเขาจะแวะพาฉันมาทานอาหารในห้องอาหารนี้เสียอีก”

“สำหรับคนพิเศษเช่นคุณผู้หญิง คุณปีเตอร์สั่งจัดโต๊ะพิเศษที่ดาดฟ้าครับ”

“คนพิเศษ” แต่จะมีประโยชน์อะไรที่จะมาแก้ตัวกับคนที่ไม่รู้จัก สู้เดินไปถามเขาเลยดีกว่าว่าทำแบบนี้เพื่ออะไรในฐานะเจ้านายกับลูกน้องมันคงจะแปลกเกินไป

ทับทิมเดินตามบันไดที่เลี้ยวคดและทอดยาวไปถึงดาดฟ้ามันไม่ใช่ช่องทางลัดเพื่อเดินไปที่ดาดฟ้าเท่านั้นแต่รูปถ่ายที่ฝาผนังและอะไรต่อมิอะไรที่นำมาตกแต่งแสดงเอาไว้ที่ผนังตามทางเดนบ่งบอกได้ถึงความเป็นมาของโรงแรมเล็กๆแห่งนี้ทับทิมหยุดเดินและมองที่ผนังกรอบรูปไม้ขัดมันที่ติดอยู่ที่ฝาผนังในภาพเป็นภาพเชฟหญิงชายพร้อมเด็กชายอีกคนหน้าตาคล้ายฝรั่งสีหน้ามีความสุขดวงตาคู่นั้นทำให้ทับทิมสนใจ ดวงตาของเขาเหมือนใครบางคนและแล้วเธอก็นึกออกพร้อมลอยยิ้มน้อยๆ เด็กชายคนนี้คงเป็นปีเตอร์เจ้านายเธอเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน

เมื่อขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้าทับทิมแทบจะหยุดหายใจไม่คิดว่าจะเจอบรรยากาศและสถานที่สุดโรแมนติกบนดาดฟ้าของโรงแรมแห่งนี้ที่ซึ่งถูกจัดไว้สำหรับดินเนอร์สุดโรแมนติกของคู่รัก แต่ปีเตอร์กับเลือกให้พนักงานจัดโต๊ะให้เขาบนนี้เมื่อทับทิมมองขึ้นไปก็เห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่หมู่ดาวนับพันทอประกายส่งแสงวิบวับไม่น่าเชื่อที่นี่จะเห็นดาวชัดมากแม้ตึกนี้จะไม่ได้สูงมากนักแสดงดาวส่องประกายวับแวมเป็นหลังคาจากธรรมชาติ รอบๆทั้งบริเวณดาดฟ้าประดับด้วยต้นไม้ และดอกไม้สีชมพูเช่นลิลลี แต่เมื่อกวาดตามองรอบและพบว่าบนนี้มีต้นแอปเปลิ้นแครปลูกอยู่ด้วยกำลังออกผลเต็มต้นสวนสวยไสตล์วิลเทจนี้ทำให้ทับทิมคิดว่าตนเองได้หลงมาอยู่ในสวนของอดัมกับอีฟยามค่ำคืนหากเธอไม่สะดุดกับใบหน้าของใครบางคนที่นั่งรอยู่บนโต๊ะอาหารสีขาวสุดหรูพร้อมละเลียดไวน์แดงเข้าปากอย่างใจเย็น

“มานั่งนี่สิ”เขาเรียกกึ่งสั่ง
“ฉันไม่คิดว่าคุณจะพามาทานอาหารถึงบนนี้ไหนคุณว่าจะพาฉันทานอะไรนิดหน่อยแล้วกลับ”

ปีเตอร์มีสีหน้าเรียบเฉยถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ที่เขาเอาอกเอาใจขนาดนี้โดยเธอไม่ต้องร้องขอ แต่หญิงสาวตรงหน้ากล้าพูดกับเขาแบบนี้ทำให้เขากลัวเสียฟอร์ม


“ที่จริงก็ตั้งใจจะทำแบบนั้น แต่บังเอิญที่โต๊ะด้านล่างเต็มหมดเหลือแต่ชั้น VIP โต๊ะสำหรับดินเนอร์โต๊ะนี้เท่านั้น”


“แสดงว่าไม่ได้ตั้งใจ ทำไปเพราะจำเป็นอย่างนั้นล่ะสิคะ”

ปีเตอร์พยักหน้า ทำเป็นไม่สนใจยกไวน์ขึ้นจิบบางๆ “ก็ประมาณนั้น”

“นั่งลงสิ”ขาเชื้อเชิญทับทิมทำตามอย่างว่าง่ายเพราะท้องร้องหิวจนไส้กิ่วแทบจะมัดเป็นเกลียวได้อยู่แล้ว

“ลงมือทานกันเถอะจะได้รีบกลับ”แต่ปีเตอร์กลับละเลียดไวน์ทีละนิดเหมือนอยากจะดื่มด่ำกับบรรยากาศ



ทับทิมเหลือบมองอาหารบนโต๊ะทั้งกลิ่นของมันหอมฟุ้ง ทั้งหน้าตาของมันชวนให้น้ำลายสอ และท้องร้องลั่นแต่นี่หรือคืออาหารที่ต้องการความรีบด่วน

มันเหมือนอาหารสำหรับมื้อดินเนอร์สุดหรูของคู่รักไฮโซมากกว่าไม่ว่าจะเป็นฟัวกราส์ย่างหอมฟุ้งเสริฟมากับซอสผลไม้ เนื้อแกะอบชีสหอมฉุย ซี่โครงลูกวัวราดซอสเกรวี่ดูเข้มข้นเผยอร่องรอยให้เห็นเนื้อสีชมพูด้านในคลุกเคล้ากับซอสชีสสุดเข้มข้น ก้ามปูอลาสก้าก้ามโตที่สุดตั้งแต่เธอเคยเห็นมา และคาร์เวียร์ชั้นดีที่มีช้อนทำจากเปลือกมุขเสริฟมาพร้อมขนมปังกรอบบางดูท่าทางจะแพงน่าดูเขาว่าคาร์เวียร์ชั้นดีต้องทานคู่กับขนมปังแผ่นกรอบบางเพื่อจะได้


รับรสชาติของคาร์เวียร์อย่างแท้จริง

“แสดงว่าอาหารทั้งหมดนี่ก็เป็นอาหาจานด่วนใช่ไหมคะ” ปีเตอร์โทรมาสั่งอาหารเหล่านี้เอาไว้ล่วงหน้า

“เอ่อ...อาหารชั้นดีที่ผมสั่งมาให้คุณลองทานก็เพราะ....คุณคือเชฟของผมผมแค่อยากให้คุณได้ชิมอาหารขึ้นชื่อของเราจะได้รู้ว่าโรงแรมคารล์ตันสิงคโปร์ของเราบริการอาหารรสเลิศและคุณภาพสูงขนาดไหน เพราะฉะนั้นคุณจะต้องทำอาหารไทยออกมาให้ดีที่สุดก็เท่านั้นเอง”
“อย่างนั้นเหรอคะ” แหม...ทำไมต้องปากแข็งด้วยทำแบบนี้มันจีบกันชัดๆแต่ในเมื่อเขาไม่รับทับทิมจึงทำเป็นไม่สนใจ เมื่อมีลาภปากเสียขนาดนี้เธอจึงช่วยเขาจัดการชิมมันอย่าให้เหลือจะดีกว่า

ปีเตอร์ยังคงมีมาดเช่นเดิมนั่งนิ่งๆละเลียดไวน์อย่างช้าๆ และลอบมองทับทิมเป็นครั้งคราวพลางนึกในใจแม่เชฟสาวชาวไทยคนนี้ไม่รู้สึกเขินอายหรือตื้นเต้นบ้างหรืออย่างไรที่ได้รับเกียรติมาดินเนอร์กับเขาสองต่อสองท่ามกลางบรรยากาศสุดหรู แต่ดูท่าทางคุณเธอจะไม่สนใจเขาเลยเพราะเห็นเธอเอาแต่คุยกับอาหารด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย
“อร่อยไหม” ปีเตอร์ถาม

“เยี่ยม” ทับทิมตอบสั้นๆก่อนจะตักอาหารต่อ เธอเลือกเนื้อแกะอบชีสด้วยท่าทางอารมณ์ดี แน่ล่ะสิก็เธอหิวจนตาลายไปหมด บางทีถ้าปีเตอร์ไม่แวะทานข้าวเธออาจจะกินเขาก็ได้ทับทิมแอบคิดขำๆ

ปีเตอร์ลอบยิ้มดินเนอร์กับสาวๆมาตั้งหลายสิบครั้งเพิ่งจะเคยเห็นหญิงสาวที่สนใจอาหารมากกว่าตัวเขาปีเตอร์เผยยิ้มอย่างลืมมาดกับความน่ารักเป็นตัวของตัวเองแบบหญิงสาวตรงหน้าเธอทำราวกับว่าไม่ได้นั่งทานข้าวสองต่อสองกับผู้ชายที่ติดอันดับนักธุริกจหนุ่มเนื้อหอมหนึ่งในยี่สิบของสิงคโปร์เมื่อปีที่ผ่านมา

“ผมเห็นคุณทานหลายอย่างทำไมไม่ทานฟัวกราส์ล่ะมันนุ่มและอร่อยมากเลยนะเชฟอย่างคุณไม่ควรพลาด”
“ฉันรู้ว่ามันอร่อยมาก แต่ฉันเลิกทานเจ้าตับห่านเลิศรสนี่มมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เคยอ่านเจอวิธีการเลี้ยงห่านโดยการกรอกอาหารให้มันกินเข้าไปมากๆจนตับมันโตกว่าห่านปกติพอได้เวลาต้องการตับของมันก็ต้องเอามีดมาผ่าอกมันออกมา....”
“พอๆเถอะคุณ”ปีเตอร์จินตนาการตามและมองตับห่านแสนแพงทีแรกปีเตอร์ตั้งใจสั่งมันมาทานกับไวน์แดงแต่เมื่อได้ยินเธอเล่าเขาเลยหมดอารมณ์จะกินมันเข้าไปไม่ใช่เขาไม่รู้หรอกนะถึงที่มาของฟัวกราส์ ก็เป็นถึงเจ้าของโรงแรมที่พ่อและแม่มีพื้นฐานการเป็นเชฟมาก่อนแต่มันเป็นอาหารอันดับต้นๆที่ลูกค้าให้ความสนใจจึงต้องมีไว้บริการ

“สำหรับฉันมันอร่อยแต่มันก็คืออาหารบาปถ้าไม่จำเป็นไม่ทานก็ได้ยิ่งมีคนอยากจะลิ้มรสชาติของมันมากเท่าไหร่ก็เพิ่มจำนวนห่านที่ถูกทรมานมากเท่านั้น”

“ไม่ว่าจะอาหารอะไรที่ทำมาจากเนื้อสัตว์มันก็ต้องผ่านการฆ่าทั้งนั้นแหละคุณ เพื่อความสดใหม่ มันก็เป็นอาหารของเรา หรือคุณจะทำต้มยำกุ้ง จากกุ้งที่ตายไปแล้ว” ปีเตอร์ค้าน

“ไม่ใช่แน่นอน อาหารที่อร่อยต้องใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ แต่กุ้ง หอย ปู ปลา มันก็เป็นอาหารทั่วไปที่เราทานกัน มันก็เป็นตามวัฏจักร แต่ฟัวร์การส์ ได้มาจากการทรมานห่านกรอกอาหารให้มันกินเยอะเกินไปจนมันเป็นโรคตับโตแล้วถึงจะได้ชิมตับห่านชิ้นใหญ่รสละมุนจนแทบละลายในปากเหมือนในจานนี้”เธอมองดูอหารสุดหรูหราคาแพงฟัวร์การ์ชิ้นเล็กๆ ตกแต่งหรูหราในจานนี้มีราคาเกือบร้อยยี่สิบยูโร

สรุปว่าอาหารมื้อนี้ฟัวร์การ์สุดหรูกลายเป็นหมันแม้ปีเตอร์เองก็ไม่ได้แตะมันปีเตอร์รู้สึกสนใจทับทิมมากขึ้นนอกจากรูปร่างหน้าตาที่ทำให้เขาสะดุดตาและพึงพอใจ แต่วิธีการคิดหรือรสนิยมของเธอไม่เหมือนบรรดาสาวๆรอบตัวเขา ถ้าพาหญิงสาวคนอื่นมาทานอาหารด้วยกันเธอจะเลือกสั่งแต่ฟัวร์การ์ คาร์เวียร์ หรือล็อบเสตอร์

“คุณทำให้ผมทานฟัวร์การ์จานนี้ไม่ลง คุณรู้ไหมเจ้าจานนี้ราคาเท่าไหร่”

“ฉันรู้ว่ามันแพงมาก แต่ฉันไม่ได้สั่งมันมาสักหน่อย”

“แต่ผมสั่งมาเพื่อคุณ แต่คุณไม่ทานทำให้ผมต้องโยนเงินถึงร้อยยี่สิบดอลล่าห์ทิ้งไป”

“อะไรนะร้อยยี่สิบดอลล่าร์ ให้ตายเถอะห่านนี้มันกินทองคำเข้าไปหรือไงถึงได้ขายแพงนัก” ทับทิมทำหน้าเหลือเชื่อ

“เพราะฉะนั้นผมจะปรับคุณ พรุ่งนี้คุณต้องทำต้มยำกุ้งให้ผมกินเข้าใจไหม”

“แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนคุณไม่ได้ถามฉันสักคำว่าอยากทานไหม” ทับทิมมีสีหน้าไม่เข้าใจ

“ก็ตรงคุณทำให้ผมต้องเสียเงินถึงยี่สิบดอลลาร์ฟรีๆยังไงล่ะ” ที่แท้เขาก็อยากชิมฝีมือเชฟสาวก่อนใครแกล้งอ้างโน่นอ้างนี้ไปเรื่อย

“ร้อยยี่สิบดอลลาร์ฉันขอบอกคุณนะคะคุณปีเตอร์ถ้าคุณรวยมากนักล่ะก็ น่าจะเอาเงินจำนวนนี้ไปเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้าสักมื้อยังดีกว่าแถมเลี้ยงเด็กได้หลายสิบคนเลย”

ปีเตอร์หน้าแดงกล่ำตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครพูดกับเขาแบบนี้สักครั้งเดียว จะโกรธเธอที่พูดออกมาตรงๆก็คงไม่ใช่ทุกอย่างล้วนเป็นความจริงอาหารจานเล็กๆทานได้ไม่ถึงกับอิ่ม ราคาพอๆกับอาหารกลางวันของเด็กยากไร้หลายห้องเรียน

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยคุณทับทิมพรุ่งนี้ผมขอสั่งให้คุณทำอาหารไทยง่ายๆที่เด็กทานได้ไปเลี้ยงเด็กสักห้าสิบคนที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผมอยากไปทำบุญขึ้นมาแล้ว”


“อะไรนะเริ่มงานวันแรก

คุณก็จะใช้งานหนักฉันแล้วเหรอ”

“เขาเรียกว่าการมอบหมายงานให้คุ้มค่าจ้างน่ะ อย่าลืมสิเงินเดือนคุณเดือนละเฉียดนะเชฟทับทิม”

“ฉันทราบดีค่ะว่าคุณจ้างฉันแพงเพราะฉะนั้นเลยต้องใช้ให้คุ้ม”แต่ที่จริงทับทิมก็ยินดีที่พรุ่งนี้จะได้ทำอาหารให้เด็กกำพร้ารับประทานไม่รู้เขาประชดหรือว่าใจบุญจริงๆ ที่คิดจะทำอาหารไปเลี้ยงเด็กแต่เธอก็เต็มใจทำกับงานชิ้นแรกที่ได้รับมอบหมาย


++++++++++++++++++++++++++++++++++

ภายในรถเย็นเฉียบรถคันนี้ปริญเช่ามาจากบริษัทเช่ารถเขาจะใช้บริการเช่ารถเสมอเวลามาดูงานที่สิงคโปร์จนใกล้จะถึงโรงแรมที่ปริญพักเขาเริ่มรู้สีกแปลกเมื่อกองผ้าและถุงผ้าฝ้าย ผ้าไหมมากมายที่อยู่ด้านหลังคนขับที่เขานำกลับมาด้วยจากที่บูธเพราะเป็นผ้าไหมราคาแพงกองผ้าขยับไปมา ทำเอาปริญรู้สึกใจไม่ได้ก็รถเช่าไม่ใช่รถเขาผ่านมาตั้งกี่มือก็ไม่รู้เขาลอบมองกระจกหลังแล้วต้องตกใจสุดขีดโชคดีที่บนถนนไม่มีรถอยู่เลยเมื่อกองผ้านั้นมีสิ่งประหลาดแปลกปลอมและจู่มันก็โผล่ขึ้นมา


“เฮ้ย! ผะ..ผีๆๆๆ” ปริญเบรครถกระทันหันสีหน้าตระหนกน้ำเสียงตกใจสุดขีดก่อนจะเบรครถเสียงดังเอี้ยดจนทำให้ผีตนนั้นศรีษะและตัวกระแทกกับเบาะหลังคนขับอย่างแรง
“คุณนั่นแหละจะกลายเป็นผี เพราะเบรคแรงขนาดนี้ดีนะที่หัวไม่แตก หรือถ้าเกิดอุบัติเหตุฉันคอหักขึ้นมาจะมาหักคอคุณเป็นคนแรกเลย” หญิงสาวตัดพ้อเสียงดังก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งพิงที่เบาะหลังคนขับ















อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ม.ค. 2556, 13:04:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ม.ค. 2556, 16:30:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1942





<< ตอนที่ 7   ตอนที่ 9 >>
shotang 6 ต.ค. 2556, 14:21:35 น.
หริอว่า จะเป้นบาลาซาน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account