บุหงาราคี by น้ำจันทร์ อัญจรี
“บัดซบ!”
เปรมินทร์สบถลั่น ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะตกหลุมพรางที่เจ้าหล่อนวางไว้ถึงขนาดนี้
“อะ เอ่อ...”
อรัญญิการ์ติดอ่างกะทันหัน ใบหน้าเนียนร้อนผ่าวด้วยความอับอายรีบควานหาเสื้อผ้ามาสวมด้วยความทุลักทุเล ทว่า เมื่อหามันพบก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะมันขาดวิ่นหาดีไม่ได้
“เอ้านี่ ใส่ซะ แล้วก็ไสหัวออกไปจากห้องของฉัน!”
เขาร้องสั่ง ควานหากางเกงมาสวมลวกๆ ขณะที่มืออีกข้างเสือกไสเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อคืนให้หล่อน อรัญญิการ์รับมาสวมก็พบว่ามันไม่สามารถปกปิดเนื้อกายได้สักเท่าไรเลย
“คุณเปรมคะเอมี่...”
“อย่ามาแก้ตัว ฉันไม่อยากฟัง!!!”
เขาสบถเสียงกร้าวจ้องใบหน้าซีดเผือดเขม็ง นางฟ้าแสนบริสุทธิ์เมื่อคืนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อลืมตาตื่นหล่อนจะกลายร่างเป็น แม่มด...แม่มดน้อยเอมี่ที่เขาไม่ปรารถนา

Tags: ผ่านพิจารณา Touch Publishing รอวางแผง

ตอน: บทที่ 6 เขาอ่อนโยนหรือเธออ่อนแอ 100%

เสียงปรบมือดังกระหึ่มเมื่อเสียงเพลงบนเวทีจบลง อรัญญิการ์นวยนาดเข้าด้านหลังเวทีเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เหลือไว้เพียงกลิ่นหอมจรุงของกุหลาบเมืองเหนือสีแดงสดที่ผสานกลับกลิ่นของผลิตภัณฑ์ Rose ฟุ้งตรลบไปทั่วงาน
เปรมินทร์ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อเพื่อซับเหงื่อกาฬที่แตกพลั่กๆ ให้ตายเถอะ! ถ้าเขาไม่เห็นแก่หน้าตาบริษัทแล้วละก็ เขาจะกระชากร่างหล่อนเอาไปซ่อนในตู้เสื้อผ้าเสียให้รู้แล้วรู้รอด ใครนะ มันช่างกล้าทำนอกเหนือคำสั่งเขา กล้าให้ยัยแม่มดแก้ผ้าเกือบล่อนจ้อน มันน่าจับถ่วงน้ำเสียให้เข็ด
“หึๆ เฮ้อ...เอายาลม ยาหอม ไหมคะคุณเปรม แม่มดเพื่อนฉันหุ่นน่าฟัดอย่างนั้น เป็นใครก็ต้องเหงื่อกาฬพาลแตกพลั่ก ด้วยกันทั้งนั้น” ปาฏลีแขวะคุณเปรมินทร์เห็นชัดๆ ว่าเขามองเพื่อนรักของเธอไม่กระพริบตา แล้วยังกล้ามาบอกว่า ไม่รักไม่สน เชอะ! พวกผู้ดีจอมลวงโลกไม่ยอมรับความจริง เดี๋ยวแม่แกล้งเสียให้เข็ด หึๆ
เปรมินทร์ไม่ยอมตอบโต้ปาฏลี นั่นเพราะที่หล่อนกล่าวมานั้น มันถูกต้อง เขาลุกจากเก้าอี้ด้านหน้าสุดเพื่อตรงไปยังที่ที่ยัยแม่มดสมควรจะอยู่ในเวลานี้

อรัญญิการ์โก่งคออาเจียนกับถังขยะใบจ้อย ดีที่ว่าวันนี้ เธอได้ห้องส่วนตัวไม่อย่างนั้นคงได้อายนักข่าวเพราะตอบคำถามของพวกเขาไม่ถูกแน่ๆ
“เป็นไงมั่งฮะน้องเอมี่ นี่ฮ่ะยาดม สูดเข้าไปแรงๆ เลยฮ้า อย่างนั้นฮ่ะดีมาก”
ช่างแต่งหน้ามือทองหน้าสวย แต่หุ่นแรมโบ้ หยิบจับโน่นนี่ เป็นธุระแทนแม่นางฟ้าคนงามนางเอกขวัญใจ อาการคันที่มุมปากมันเริ่มคันยิบๆ ถี่ขึ้นกว่าเดิมเพราะอาการแม่มดคนสวย มันเปล่งออร่าออกมาเป็นตัวเป็นตนเสียขนาดนี้ เห็นทีก่อนกลับบ้าน คงต้องหาเพื่อนร่วมอาชีพมาช่วยกัน เกา ด้วย ปาก เรื่องดาราสาวให้หาย คัน!!
“ขอบคุณค่ะ พี่ลูซี่ เอมี่ไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ คงจะเป็นเพราะโรคกระเพาะถามหาแน่ๆ”
อรัญญิการ์ยิ้มกลบเกลื่อน ทว่าไม่ถึงอึดใจก็ต้องควานหาถังขยะใบจิ๋วอีกรอบ
‘ให้ตายเถอะ! ใครก็ได้เอาน้ำมาล้างกลิ่นโลชันออกจากเนื้อตัวของเธอที กลิ่นของมันช่างโสโครกจนเธออาเจียนจะหมดไส้หมดพุงอยู่แล้ว’
ขณะที่รำพันอยู่ในอก ฝ่ามืออุ่นร้อนของใครบางคนก็วางบนแผ่นหลังของเธอแล้วลูบมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างอ่อนโยน
“เป็นยังไงบ้างเอมี่ เธอจะให้ฉันเรียกหมอหรือเปล่า” น้ำเสียงติดกังวลเอ่ยถามแม่มดน้อย
อรัญญิการ์เงยหน้าขึ้นมาดูให้แน่ใจ ใช่เขาหรือไม่เจ้าของเสียงนี้
“คุณเปรม!” เธอร้องเสียงหลง เขาจะมาช่วยเธอทำไม!? ที่นี่ไม่ใช่โรงแรมหรือว่าบริษัทของเขานักข่าวเดินเพ่นพ่านเต็มไปหมด เดี๋ยวได้เป็นข่าวกันพอดี
“พี่ลูซี่ครับ ผมขอผ้าเช็ดหน้าหมาดๆ สักผืนให้เธอหน่อย”
เปรมินทร์ไหว้วาน ช่างแต่งหน้าร่างชายรีบไปควานหามาให้แล้วส่งให้คุณชายทันที
“ฉันเช็ดเอง” อรัญญิการ์รีบท้วงเมื่อเปรมินทร์ตั้งท่าจะเช็ดหน้าให้เธอ เธอรู้สึกว่ากลิ่นกุหลาบสีเพลิงเหมือนตอนที่อยู่บนเวที ตามมาหลอกหลอนเธออีกแล้ว ดูท่าว่าจะหนักขึ้นเรื่อยๆ
“อุ๊บส์!!!”
ถังขยะใบน้อยถูกหยิบมาใช้อีกหนคราวนี้อรัญญิการ์แทบเอาหน้ามุดลงไปในนั้น หล่อนชูมือกลางอากาศเพื่อขอบางอย่าง เปรมินทร์ไม่เข้าใจ แต่ก็ส่งผ้าขนหนูให้สาวเจ้า
แม่มดคนงามเงยหน้าขึ้นมาจากถังขยะ หล่อนยันกายลุกขึ้นนั่งโดยมี ลูซี่และเปรมินทร์ช่วยเหลือ
“น้องเอมี่ พี่ว่ามันชักจะยังไงๆ แล้วนะฮ้า ไปหาหมอดีกว่าฮ่ะ ถ้าเป็นโรคกระเพาะได้หยูกยามากินก็ยังดี” ช่างแต่งหน้าร่างแรมโบ้เอ่ยแนะ แต่แม่มดคนงามปฏิเสธ หล่อนหันหน้าไปหาเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ฉัน ฉัน เหม็นกลิ่นโลชัน ของ...พวกคุณ คุณช่วย...เอามันออกไปจากเนื้อตัวของฉันที ได้โปรด”
อรัญญิการ์วอนขอเสียงอ่อนแรง
เปรมินทร์เริ่มนึกออก มารดาเขาเคยมีอาการเช่นนี้ ตอนที่ท่านตั้งท้องเขาและเผลอสูดกลิ่น กุหลาบแดง เข้าไป
“พี่ลูซี่ครับ นี่นามบัตรผม” เขายื่นนามบัตรให้ช่างแต่งหน้าที่รับมันไปอย่างงๆ
“บนห้างนี้มีเคาน์เตอร์ของ Rose อยู่ที่ชั้นห้า พี่ช่วยเอานามบัตรผมให้เขาแล้วเอาโคโลญจ์ กลิ่นไวท์โรส มาให้ผมขวดหนึ่ง ขอเร็วๆ นะครับพี่”
ลูซี่ปรี่ไปที่ประตู หล่อนเปิดออกไปและเปิดเข้ามาในเวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ
แม่มดคนงามใบหน้าซีดเซียว หล่อนเอนซบอยู่กับอกของคุณชายแห่งวังไม้หอม
เปรมินทร์จัดการหยดโคโลญจ์ลงในอ่างใบจ้อยที่ตั้งอยู่ตรงหน้า แล้วจุ่มผ้าผืนเดิมลงไปบิดมันพอหมาดแล้วนำมาเช็ดใบหน้าซอกคอให้ยัยแม่มด
“คุณเปรม...อย่า...”
“เธอต้องเช็ดตัวนะเอมี่ ไม่อย่างนั้นเธอจะอาเจียนไม่หยุด เชื่อฉันเถอะ” เขาไม่แยแสต่อการห้ามปรามเร่งเช็ดแขนขาให้เจ้าหล่อนเท่าที่จะทำได้เพราะสถานที่ไม่เอื้ออำนวย
อรัญญิการ์น้ำตารื้นเมื่อเขายกขาข้างหนึ่งของหล่อนวางบนตักแล้วค่อยๆ เช็ดเอาคราบโลชันกลิ่นกุหลาบสีเพลิงออกให้ ตั้งแต่ต้นขาเรียวจรด ปลายเท้า
ลูซี่ยืนมองการกระทำของคุณชายอยู่เงียบๆ หล่อนทำตัวประดุจส่วนหนึ่งของเครื่องสำอางในหีบของตัวเอง หากทำได้เธออยากจะกลั้นหายใจเพื่อให้ได้ยินเสียงสนทนาของทั้งคู่ชัดเจนกว่านี้

ยี่สิบนาทีผ่านไป
กลิ่นหอมละมุนที่คุ้นชินของกุหลาบขาวบวกกับไอเย็นจากผืนผ้าทำให้อรัญญิการ์ม่อยหลับคาอกแกร่ง “เอมี่...เอมี่” เขาเรียกหล่อน แต่ไร้วี่แววขานรับ
เปรมินทร์จัดการผ่อนร่างแม่มดน้อยลงกับโซฟาหนึ่งเดียวในห้อง แล้วถอดสูทของตัวเองคลุมร่างที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวห่อไว้
“พี่ลูซี่ครับ”
ลูซี่สะดุ้งโหยง หล่อนเดินออกจากมุมห้องตรงมายังคุณชายเล็กเจ้านายของหล่อนในครั้งนี้
“พี่ช่วยบอกคุณปาฏลีที ว่าผมพาเพื่อนของเธอไปส่งที่คอนโดแล้ว นี่นามบัตรผมให้เธอโทรมาถ้าเธอไม่เชื่อ ส่วนข้าวของของเธอรบกวนพี่จัดใส่กระเป๋าให้คุณปาฏลีด้วย”
เปรมินทร์สั่งเสียงเรียบเย็น เขารู้ตัวดีว่าหากอุ้มเจ้าหล่อนออกไปแล้วหลบนักข่าวไม่ทันคงต้องเป็นข่าวหน้าหนึ่งในวันพรุ่งนี้แน่ๆ แต่จะให้เขาทำอย่างไรเล่า
คุณชายรูปงามช้อนร่างแม่มดสาวขึ้นมาแนบอก เขาก้าวเดินอย่างมั่นคงตรงไปยังประตู ลูซี่รีบวิ่งไปเปิดประตูให้เจ้านายชั่วคราว
“พี่ลูซี่ครับ หากมีภาพหรือคำพูดของผมและอรัญญิการ์ถูกแพร่งพรายออกไปสู่สายตาคนภายนอก พี่คงรู้ใช่ไหมว่า ใคร จะเดือดร้อนที่สุด หวังว่าพี่คงจะรู้ดีว่าควรทำเช่นไร จริงไหมครับ”
ลูซี่พยักหน้าหงึกๆ ใบหน้าที่เคลือบเครื่องสำอางหนาเตอะจืดเจื่อนเล็กน้อย อาการคันที่มุมปากเพราะอยากกระจายข่าวหายวับไปใต้รอยซิป ที่เจ้านายชั่วคราวสั่งรูดจนมิด

บริเวณหน้างาน เกิดเหตุระทึกใจเมื่อนางฟ้าคนงามกำลังคานอำนาจของพ่อเทพบุตรต่างเผ่าพันธุ์
บรรดาช่างภาพต่างพากันกระหน่ำชัตเตอร์ถี่ยิบ เพราะภาพตรงหน้าไม่เคยเกิดขึ้นกับนางฟ้าของพวกเขาเลยตลอดสี่ปี่ นับตั้งแต่หล่อนเข้าวงการมา
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! พวกแขกตัวเหม็น มือไว จิตใจโสโครก!”
บุรุษรูปงามเลิกคิ้วสูง เจ้าหล่อนเอ่ยรัวเร็วจนสมองเขาเรียบเรียงเป็นภาษาที่สามารถเข้าใจได้ ไม่ทัน
พรึบ!!
เสียงฝ่าเท้ามากกว่าห้าคู่จากชายฉกรรจ์มากกว่าห้านายกรูเข้ามาประชิดร่างของนางฟ้าคนงาม จนเธอต้องเอนร่างเข้าหาเจ้าแขกตัวเหม็นที่ตัวเองเพิ่งเอ่ยว่าอย่างเสียมิได้
พ่อเทพบุตรรูปงามโบกมือห้าม เมื่อการ์ดส่วนตัวเข้าประชิดร่างแม่นางฟ้าแสนสวย เขาไม่เข้าใจว่าพวกเขาจะเกรงบารมีหล่อนไปไยในเมื่อหล่อนอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างนี้
ปาฏลีดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของชายนิรนาม หล่อนเพียงเดินเฉียดเขาเท่านั้น ร่างสูงใหญ่ไม่เซด้วยซ้ำ เขาไม่ควรเอาเรื่องกับเธอถึงเพียงนี้ และที่ยอมไม่ได้ก็คือ เขามีสิทธิ์อะไรมากอดรัดเธอต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ มันน่าโมโหจริงๆ
แสงแฟลชยังตกกระทบร่างของทั้งสองต่อไปทั้งที่ทั้งคู่อยู่ในวงล้อมของชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ พรุ่งนี้ข่าวใหญ่อีกข่าวคงมีแม่รูปนางฟ้าปาฏลีเด่นหราอยู่หน้าหนึ่งเป็นแน่แท้

เปรมินทร์ผ่อนร่างแม่มดน้อยลงกลางเตียงของหล่อน น่าแปลกที่เขาไม่เจอนักข่าวสักรายตามโถงทางเดินระหว่างบริเวณจัดงานถือว่าโชคดีจริงๆ
“คุณเปรม...คุณพาฉันมาทีนี่ได้ยังไง” น้ำเสียงอ่อนแรงเอ่ยถามเขา หล่อนพยายามยันกายขึ้นมานั่งแต่มันยากเหลือเกิน ศีรษะของเธอหนักราวกับถ่วงไว้ด้วยก้อนศิลาหนาหนัก
“ไม่ต้องลุกขึ้นมาหรอก ฉันแค่แวะมาส่งเท่านั้น ฉันกลับล่ะ”
เขาหันหลังเดินออกไปจากห้อง เดินผ่านห้องครัวเล็กและห้องนั่งเล่นตกแต่งสีด้วยสีดำกับสีชมพู ไม่น่าเชื่อว่ามันกลับผสานกันได้อย่างลงตัว ดูหรูหราและน่ารักอ่อนหวานในคราเดียว เขายิ้มเล็กน้อยเมื่อสมองเดาว่าใครควรจะเป็นเจ้าของสีดำสนิทของหนึ่งในเก้าอี้สองตัวที่วางอยู่หน้าบาร์เครื่องดื่ม เขาเดินเลยไปยังประตูกำลังจะเปิดมันออกแล้วหากเสียงบางอย่างไม่ดังสนั่นในห้องนั้น
เพล้ง!!! โครม!!!
“เอมี่!” คุณชายอุทานแล้ววิ่งกลับไปทางเดิม
อรัญญิการ์นั่งเค้เก้อยู่บนพื้นข้างเตียงในสภาพดูไม่จืด มีเหยือกน้ำที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายอยู่รอบๆ
“คุณเปรม...เอมี่ เอมี่แค่หิวน้ำ แต่ว่า...แต่ว่า...ทำไมมือของเอมี่ ถึงไม่มีแรงเลย” อรัญญิการ์น้ำตาร่วงเผาะหล่อนเพ่งมองมือสองข้างของตัวเองราวกับมองสัตว์ประหลาดนอกโลก
เปรมินทร์เข้าไปอุ้มหล่อนขึ้นมาวางบนเตียงก่อนจะหาที่โกยผงมาโกยเศษแก้วลงถังขยะ
อรัญญิการ์นอนนิ่งทว่าน้ำตาไหลริน เธอคงกำลังฝันแน่ๆ ถึงได้เห็นเปรมินทร์ปฏิบัติต่อเธอเช่นนี้
“ดื่มสิ เธอหิวน้ำไม่ใช่หรือ” เขาทักท้วงเมื่อแม่มดคนงามเอาแต่จ้องหน้าเขา ตาไม่กระพริบ
อรัญญิการ์รีบอ้าปากงับหลอดที่เขาส่งให้ ไม่น่าเชื่อน้ำแร่ขวดนี้ช่างหวานเย็นชื่นใจจนเธอไม่อยากจะกลืน อยากซึมซับความชื่นจิตชื่นใจนี้ไว้ให้นานที่สุดก่อนที่มันจะระเหยไปกับลมหายใจ
“เธอพักผ่อนเถอะ ฉันคงต้องกลับแล้ว” เขาบอกหล่อนเบาๆ พิศมองวงหน้าซีดเซียวหน้าใจหายแล้วหัวใจมันกระตุกชอบกล ใบหน้าสวยเฉี่ยวยามไร้เครื่องสำอางมาทาบทา ช่างอ่อนวัยราวเด็กมัธยม
“เอมี่ไม่อยากหลับเลย เพราะกลัวว่าต้องลืมตาตื่นจากฝันครั้งนี้”
“แต่เธอต้องพักผ่อน ถ้าคิดว่าตัวเองกำลังฝันฉันก็จะนั่งรอเธออยู่ในฝันทุกๆ คืน อรัญญิการ์”
แม่มดคนงามยิ้มเซียวๆ ส่งให้เมื่อเขาเอ่ยเช่นนั้น ทว่ารอยยิ้มของเธอฉาบทับเพียงบนใบหน้า มันไม่ได้แย้มยิ้มไปถึงหัวใจ เธอรู้ดีว่าหากหลับตาลงเขาก็คงเดินออกไปจากห้องนี้ ไปเป็น มลเปรมินทร์ ผู้เย่อหยิ่งบนบัลลังก์แห่งศักดิ์ศรีและเกียรติยศ ไม่อาจลดตัวมาเกลือกกลั้วกับแม่มดน้อยผู้ต่ำต้อยติดดิน เช่นเธอแน่นอน

นางฟ้าคนงามเปิดประตูห้องเข้ามาอย่างแผ่วเบา ห้องทั้งห้องเปิดไฟเพียงสลัว หล่อนวางสัมภาระของเพื่อนสาวไว้บนโต๊ะในห้องครัว กะว่าจะเดินเข้าห้องของตัวเองเพื่ออาบน้ำอาบท่า ชำระล้างกลิ่นชายต่างถิ่นที่บังอาจมาแตะเนื้อต้องตัวของเธอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ทว่า ร่างสูงใหญ่ที่นอนเหยียดยาวบนโซฟา กลับรั้งขาของเธอไม่ให้ก้าวไป
นางฟ้าคนงามเดินมานั่งยองๆ จ้องใบหน้าหล่อเหลาของเปรมินทร์ พี่ชายต่างมารดา เขามีเค้าความงามจากท่านหญิงปรียารัตน์ มารดาของเขา ท่านหญิงสูงศักดิ์ช่างใจร้ายพรากพ่อลูกออกจากกัน
ริมฝีปากนางฟ้าคลี่ยิ้มดูแคลนเมื่อนึกถึงใบหน้าของหญิงสูงศักดิ์ สตรีเลอโฉมที่ไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง
ความสุขเพียงชั่วครู่ชั่วยามของเด็กหญิงตัวน้อยสิ้นลงตั้งแต่วันนั้น วันที่บิดาจากไปพร้อมกับท่านหญิงและบุตรชายของท่าน ทิ้งไว้เพียงคราบน้ำตาบนใบหน้าซีดเซียวของมารดาแล้วหลังจากนั้นไม่นาน ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของท่านก็หมดสิ้นลง
“หน้าผมมีอะไรติดหรือยังไง คุณนางเอก” เสียงทุ้มเอ่ยถามในระยะประชิด เขารู้สึกตัวตั้งแต่หล่อนเดินเข้าประตูมา แต่ไม่แสดงให้หล่อนรู้เท่านั้นว่าตื่นอยู่
ปาฎลีรีบถอยห่าง
“เปล่า! ฉัน ฉันแค่มองสายเลือดโสโครกให้ชัดๆ ก็เท่านั้น”
เปรมินทร์ลุกขึ้นนั่ง ปาฏลีเองก็เช่นกัน
“รีบกลับวังของคุณไปซะคุณเปรม ก่อนที่เพื่อนของฉันจะตื่น ถ้าเธอเห็นว่าคุณยังไม่ไปไหน ยังนั่งเฝ้านอนอยู่อย่างนี้ ฉันรับรองเลย เธอไม่ปล่อยคุณแน่!” ปาฏลีเริ่มมีน้ำโห เมื่อคิดถึงความจำเป็นของเขาที่ยังอยู่ที่นี่ เขาคงรอเกลี้ยกล่อมให้อรัญญิการ์ยอมทำตามข้อเสนอบ้าๆ นั่น
“กรุณาอย่ามาที่นี่ หรือ อย่า! ทำแบบนี้อีกคุณเปรมินทร์ เพื่อนฉันไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ของคุณ เธออ่อนแอมากกว่าที่คุณเห็น ถ้าคุณจะเอาความหวังดีชั่วครั้งชั่วคราวมาต่อความหวังลมๆ แล้งๆให้เพื่อนฉันยินยอมแล้วล่ะก็ ฉันขอร้อง อย่าทำ! เพราะฉันจะไม่ปล่อยคุณแน่! ทางเดียวที่คุณจะสมหวังคือ แต่งงาน กับเพื่อนฉันซะ”
เปรมินทร์ขบกรามแน่น ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหน โก่งค่าตัว เท่าอรัญญิการ์มาก่อน ขนาดตัวเองนอนป่วยยังให้เพื่อนรักมาต่อรอง นึกว่าเขาจะหลงกลอย่างนั้นหรือ
“ไมมีวันนั้นหรอก คุณนางเอก ผมไม่มีทางตกหลุมพรางที่เพื่อนคุณวางไว้อย่างแน่นอน ไม่มีวันที่เจ้าหล่อนจะได้ใบทะเบียนสมรสจากเปรมินทร์คนนี้ไปนอนกอด หึๆ ฝันไปเถอะ!”
คุณชายรูปงามแค่นหัวเราะเย้ยหยัน แม่มดน้อยเอมี่ หล่อนไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่หมายปองตำแหน่งสะใภ้เจ้า ทุเรศ!
ในที่สุดมือเรียวของแม่มดคนงามก็ผลักบานประตูให้เปิดออก คราบน้ำตายังเปื้อนใบหน้าซีดเซียวทว่าไม่มีเสียงสะอื้น หล่อนยังช็อกในสิ่งที่เขากล่าวหา นั่นเพราะสิ่งที่เขาพูดมา มันเป็นความจริง
“แป๋ม...ส่งแขกได้แล้ว ทำเสียงดังอยู่นั่นล่ะ ฉันจะนอน”
แม่มดคนงามทำทีเป็นออกคำสั่งกับเพื่อนสาว แต่ดวงตาที่วาววับด้วยหยาดน้ำใสจดจ้องแต่ใบหน้าของคุณชาย
เปรมินทร์หนาวยะเยือกตั้งแต่ต้นคอไล่ลงตามแนวสันหลัง เพียงแค่คำพูดปนน้ำตาของเจ้าหล่อน มันทำปฏิกิริยาต่อร่างกายเขาได้มากขนาดนี้เชียว ทำไม!?
“ขอโทษด้วยนะคะ คุณชายเปรมินทร์ เพื่อนของฉันคงเข้าใจผิด”
อรัญญิการ์แก้ต่าง
“เอ็ม!”
ปาฏลีร้องเสียงหลง ยัยแม่มดเกิดอยากกินศักดิ์ศรีขึ้นมาหรือไง เธอไม่ยอม! เด็ดขาด!
“สิ่งเดียวที่ฉันอยากขอจากคุณเปรม มีสิ่งเดียวเท่านั้น”
อรัญญิการ์หยุดนิ่งเพื่อรวบรวบความกล้า
ปาฏลีแอบหวังว่าเพื่อนรักจะเปลี่ยนใจ ผู้ชายคนนี้รักเพื่อนของเธอ เพียงแต่เขายังไม่รู้ใจตัวเองเท่านั้น ถ้าทั้งสองได้ลงเอยกัน เธอมั่นใจว่าเพื่อนของเธอจะมีความสุขที่สุด
“อะไรเล่า อรัญญิการ์ ฉันให้เธอเลือกเลยก็ได้ ทุกอย่างเลย”
เสียงหัวเราะเยาะเขาดังขึ้นในโสตประสาท ซ้ำยังประณามว่าโง่สิ้นดี เขาเปิดทางให้เจ้าหล่อนเรียกร้องได้เต็มที่แม้แต่ ทะเบียนสมรส
“ช่วย...ออกไป! จากชีวิตของฉันซะ!”
แม่มดคนงามเอ่ยเพียงเท่านั้นแล้วปิดประตูทันที เปรมินทร์มองตามตาค้าง หล่อนยังยืนยันคำเดิมเช่นนั้นหรือ เป็นไปได้อย่างไร!?
ปาฏลียิ้มเยาะด้วยความสะใจ หล่อนเดินไปเปิดประตูเพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์ของเพื่อนรัก ส่งแขก

อรัญญิการ์นอนนิ่งไม่ไหวติง สิ่งเดียวที่ยังบ่งบอกว่าหล่อนไม่ใช่หุ่นยนต์คือหยดน้ำตาที่รินหลั่งบนหมอนหนุน แม้แต่เสียงเปิดและปิดประตูห้องนอนก็ไม่สามารถทำให้ร่างสวยกระดิกกระเดี้ยหันไปมองได้ เพราะหล่อนรู้ดีแก่ใจ มีเพียงปาฏลีเท่านั้น ที่ยังอยู่
ฝ่ามือบางของเพื่อนรักที่เพียรลูบหลังปลอบโลม มันยังอุ่นซ่านถึงหัวใจอยู่เสมอ ไม่มีคำพูดด่าทอตอกย้ำและซ้ำเติม มีเพียงแรงใจที่ส่งมาให้ไม่มีวันจืดจาง

ตั้งแต่วันที่เปรมินทร์จากไปด้วยความเจ็บใจ อรัญญิการ์ก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง งานอีเวนต์ผลิตภัณฑ์ของ Rose มีมาเชิญอีกสองสามครั้ง และมันไร้เงาเจ้าของงาน กระทั่งครั้งล่าสุดที่เพิ่งผ่านไป และเป็นครั้งสุดท้ายที่แม่มดน้อยออกไปเจอผู้คน
ปาฎลีลอบมองเพื่อนรักแล้วถอนหายใจ อรัญญิการ์ไม่รับงาน ไม่ออกไปเจอผู้คนไม่ทำอะไรเลย วันๆ หล่อนเอาแต่นั่งเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง บางครั้งบางคราวหล่อนก็ร้องไห้แต่พอเธอเดินเข้าไปถาม เจ้าตัวก็จะตอบว่า ไม่มีอะไร ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงปล่อยโฮลั่นห้อง หรือว่านี่เป็นสัญชาติของความเป็นแม่ เพื่อนรักของเธอคงเอาความเข้มแข็งมาหุ้มห่อความเจ็บปวดเอาไว้ เพื่อลูกของตัวเอง
อรัญญิการ์ครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วท้อใจ การตัดสินใจเรื่องเด็กในท้องทำให้เธอเจ็บปวดเมื่อคิดถึงผลของมัน แต่สิ่งที่ปวดร้าวใจยิ่งกว่าคือการที่ใครบางคนกลับมา ไม่ใช่คุณชายเปรมินทร์ แต่เป็น พี่ชาย!

ไม่กี่วันที่แล้ว
“พี่ตามหาเจ้ามานานมากแล้ว ได้โปรดกลับบ้านเมืองเราเถิดน้องพี่”
ชีครูปงามใบหน้าคมเข้มคมสัน มีส่วนละม้ายคล้ายคลึงอรัญญิการ์ เอ่ยวาจาอ้อนวอนเป็นภาษาไทยแปร่งหู
“ที่นี่คือบ้านของเรา พี่น้องของเรามีเพียงปาฏลีและเด็กๆ ที่บ้านอุ่นไอรัก เราไม่เคยจดจำว่ามีท่านเป็น พี่ชาย ท่านคงจำผิดคนกระมัง ฝ่าบาท”
แม่มดน้อยจงใจใช้ราชาศัพท์เพื่อแยกฐานันดรของอีกฝ่าย หล่อนนั่งบนม้านั่งตัวเดียวกับเขา ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ในสวนสาธารณะที่รายล้อมด้วย บอดีการ์ดหาใช่ต้นไม้ใบหญ้า
“เอริญ หากกว่ายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาทำให้น้องเจ็บปวด น้องโปรดเข้าใจด้วยว่า พี่เจ็บปวดกว่าน้องหลายร้อยเท่า ขณะที่น้องต้องเจ็บปวดเพราะการจากลา แต่พี่เจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าที่ได้อยู่ตรงนั้น ได้เห็นพระชนกทั้งสองสิ้นพระชนม์อยู่เบื้องหน้า เพื่อแผ่นดินเอเมญ่าและชาวประชาของพวกท่าน น้องยังแคลงใจเรื่องใดอีก ช่วยไขข้อข้องใจให้พี่รู้แจ้งด้วย พี่ต้องละทิ้งบ้านเมือง ละทิ้งประชาผู้ภักดีเพื่อมารับ ท่านหญิง ของพวกเขา เจ้าอย่าน้อยใจอยู่เลยน้องพี่ มีพสกนิกรเฝ้ารอชมบารมีของเจ้าอยู่ ได้โปรด กลับเอเมญ่ากับพี่เถิด” คุณชายจากต่างแดนยังวอนขอน้องหญิงคนดี เจ้าหล่อนคงไม่ปราณีคนที่ปล่อยมือแล้วเดินจากหล่อนไป เป็นแน่แท้
“เรายังไม่พร้อม เราขอเวลาอีกสักนิด เอมี่...เอริญ มีเรื่องต้องจัดการ ได้โปรดเข้าใจสักนิดเจ้าพี่”
อรัญญิการ์พ่ายแพ้ต่อความเป็นจริง สายเลือดเข้มข้นที่หมุนวนในกายร่างยังเป็นเอเมญ่า การพลัดพราก จากลาและการถูกประณามว่าต่ำต้อยติดดิน มันทรมานจนเธอมองข้ามความเจ็บปวดในอดีต ยอมรับสิ่งที่พี่ชายร้องขอ เพื่อรอวันตอกกลับคนเย่อหยิ่งในบรรดาศักดิ์ให้หงายหลัง
“พี่กอบกู้แผ่นดินเคียงข้างท่านพ่อก็เพื่อวันนี้ วันที่พี่จะได้กลับมารับเจ้า เอริญ”
ชีคต่างถิ่นเอ่ยวจีเคล้าหยาดน้ำตา เขารีบปาดมันทิ้งเพื่อไม่ให้น้องสาวสมเพชเวทนา
อรัญญิการ์หาได้คิดเช่นนั้นไม่ หล่อนรีบลงนั่งคุกเข่าบนพื้นหญ้า หงายหลังมือซ้อนทับกันแล้วยกขึ้นจรดหน้าผากก่อนจะทิ้งตัวลงหมอบกราบกับพระบาทของพี่ชาย
“เอริญโง่เขลาเบาปัญญาหาได้ล่วงรู้ความเจ็บปวดพี่ชาย พี่ข้าได้โปรดแบ่งปันความทุกข์ทรมาน หรือแม้ภาพอันยอกแสยงใจในอดีตให้น้องเถิด เอริญคนนี้ช่างเห็นแก่ตัวนั่นเพราะเข้าใจผิดคิดว่าท่านพี่ทอดทิ้ง เอริญปวดใจที่พระชนกทั้งสองเลือกแต่เพียงเจ้าพี่ วันนี้เอริญซึ้งใจแล้ว พี่ข้าช่วยปลดปล่อยความทุกข์ทรมานให้สูญสลายไปกับกาลเวลาด้วยเถิด หรือหากทำมิได้ ก็ทรงแบ่งปันให้น้องน้อยคนนี้ น้องจะแบกรับมันพร้อมๆ กับท่านพี่ เพราะเราสองคนคือพี่น้องคือส่วนหนึ่งของเอเมญ่า สายเลือดแห่งเราจะเข้มข้นกว่าสายเลือดของผู้ใด เอริญยังจำได้ไม่เคยลืม พี่ชาย”

สองเดือนผ่านไป
อรัญญิการ์เดินออกมาจากคลินิกในเวลาบ่ายแก่ๆ แว่นกันแดดสีชาถูกดึงมาสวมเพื่อพรางใบหน้าเจ้าของ หล่อนเดินเลียบริมฟุตบาทเพื่อรอแท็กซี่ เพราะวันนี้หล่อนเพลียเกินกว่าจะขับรถด้วยตัวเอง
รถแท็กซี่แล่นมาเทียบริมฟุตบาท มือเรียวเอื้อมไปเปิดประตูทว่าฝ่ามือขาวของใครบางคนกลับปัดมือเธอออก
แม่มดคนงามฉุนจัด ใครบังอาจแย่งรถคันเดียวกันกับเธอวันนี้ล่ะก็ เห็นทีมีตบ!
“นี่คุณ! รถคันนี้ของฉัน! คุณมีสิท...”
คำพูดของแม่มดคนงามสะดุดกึก เมื่อเห็นหน้าคนที่เธอเข้าใจว่ามาแย่งแท็กซี่
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
คุณชายรูปงามหันซ้ายแลขวา แล้วลากร่างบอบบางมาขึ้นรถของตน
อรัญญิการ์ไม่ขัดขืน เธอไม่อยากเจ็บตัวเพราะมันอาจจะกระเทือนถึงสองชีวิตในท้อง
“เธอพูดอะไรกับท่านพ่อ ท่านถึงมาบังคับให้ฉัน แต่งงาน กับเธอ”
อรัญญิการ์ตกใจเล็กน้อย คุณชายทำอย่างนี้คงไม่เรียกว่าตกลงกับบุตรชายแต่เป็นบังคับบุตรชายแล้วล่ะ
“ฉันเปล่า?” หล่อนตอบหน้าตาย ไม่ยี่หระ กลิ่นกุหลาบขาวจากเรือนกายชายหนุ่มกำลังทำให้เธอเกิดอารมณ์บางอย่าง มันรุกเร้าความปรารถนาที่หลับใหลไปนานให้ตื่นเพริศชั่วพริบตา
เปรมินทร์เคลื่อนรถออกจากหน้าคลินิก เขาไม่อยากรู้หรอกว่าหล่อนเป็นอะไร เขาอยากรู้แค่ว่า วันนี้ เขาจะ จัดการ หล่อนที่ไหนดี
“จะไปไหน!?” หล่อนถามด้วยความงุนงง เพราะเขาบึ่งรถออกชานเมือง
“คุณเปรม ฉันถามว่าจะพาฉันไปไหนฮะ!”
“ไป สวรรค์”
เปรมินทร์ตอบอย่างผู้ชนะ อรัญญิการ์ใจเต้นไม่เป็นส่ำอารมณ์ปรารถนาเมื่อครู่พลันจางหาย เธอเพียงปรารถนาแต่ไม่ได้เตรียมใจไว้ หากมันจะเกิดขึ้นจริงๆ
“ฉันไม่ไป! จอดรถนะไม่งั้นฉันจะกระโดดลงไป” อรัญญิการ์ท้าทาย หล่อนหรือจะกล้าทำอย่างนั้น
“เชิญ!”
เปรมินทร์ไม่เกรงคำขู่ เขารู้จักหล่อนดี คนอย่างอรัญญิการ์ หากหล่อนจะทำ หล่อนทำแล้วไม่เสียเวลาขู่หรอก
“คุณเปรม!”
“อะไรครับ ที่รัก”
คุณชายเริ่มสนุกเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของหล่อน เวลาหล่อนโกรธแล้วหน้าขึ้นสีชมพูจัดอย่างนี้ น่ารัก จริงๆ
“อย่ามาเล่นลิ้น ฉันยังไม่มี คนรัก”
เปรมินทร์หน้าตึง แล้วเขาล่ะ เขาอยู่ในฐานะอะไรของหล่อน
รถยนต์คันงามติดยี่ห้อของ Rose จอดเทียบริมทางอีกครั้ง
“แล้วฉันละเอมี่ ฉันอยู่ในฐานะอะไรของเธอถ้าไม่ใช่ คนรัก หรือว่าเป็น...สามี”
เปรมินทร์ยั่วต่อ
“ฝันไปเถอะคุณชาย อย่างคุณ เป็นได้แค่สามีชั่วครั้ง ชั่วคราว และชั่วคืน พอสนุกจนหายอยากแล้วก็จากไป ไม่ควรใช้คำว่าสามีด้วยซ้ำ เราแค่สนุกด้วยกัน ลืมคำพูดตัวเองแล้วหรือไงคะ”
“เอมี่!”
“ขา...กรุณา อย่าตะคอก เพราะฉันไม่ใช่นางทาสในวังของใคร”
“พูดคำเถียงคำ ไม่น่ารักสักนิด” เขาว่าหล่อน
“ก็พูดมาเลยสิว่าเถียงคำไม่ตกฝาก จะขยักมันไว้ทำไม!?”
“เอมี่! เธอนี่มัน....”
“เอาเลยสิ ว่ามาเลย เลือกเอาสักคำว่าจะใช้คำไหน เอมี่คนนี้มันไม่เคยดีอยู่แล้ว แค่โดนด่าไม่กี่คำ มันไม่ทำให้ฉันกลายร่างเป็นนางฟ้าได้หรอก”
อรัญญิการ์ฉุนจัด เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาสะกิดต่อมโมโหของเธอจนปริแยกแตกออก
“รู้ตัวก็ดี อย่างเธอถ้าเป็นนางฟ้าก็คงเป็น นางฟ้าสีนิล กระมัง”
อรัญญิการ์สะดุดลมหายใจ นางฟ้าสีนิล อย่างนั้นหรือ คุณชายเปรมช่างหาคำมาเปรียบเปรยได้ดีเลิศเสียนี่กระไร
“ถ้าเช่นนั้น คุณชายก็อย่าลดตัวมาเกลือกกลั้วนางฟ้าสีนิลหรือแม่มดคนนี้เลย เพราะศักดิ์ศรีสูงค่าที่คุณชายผู้โง่เขลาแบกไว้บนบ่ามันจะแปดเปื้อนเสียเปล่าๆ”
“อรัญญิการ์ เธอคิดว่าฉันไม่กล้าทำอะไรเธอหรือไงฮะ” คุณชายเริ่มทนไม่ไหว เจ้าหล่อนเถียงคำไม่ตกฟาก ประชดประชันก็ที่หนึ่งมันน่าสั่งสอนให้รู้สำนึกจริงๆ
“ไม่กล้า! ลองดูก็ได้ ฉันจะจับใส่ กรงวิวาห์ ให้ดิ้นไม่หลุด ไปไหนไม่ได้เลย คอยดู!”
“เชื่อตายล่ะ ไหนแม่นางเอกเพื่อนรักของเธอ บอกว่าเธอแสนจะบอบบางอ่อนแอ ฉันไม่เห็นว่าเธอจะบอบบางอ่อนแอตรงไหนเลยเอมี่”
เขาจ้องตาหล่อนเพื่อจะถามอีกครั้งว่าตรงไหนกันที่ปาฏลีบอกว่าอรัญญิการ์คนนี้ อ่อนแอ
“อ่อนแอสิ อ่อนแอมากด้วยแต่คุณมองไม่เห็น เพราะว่าคุณใช้ตามอง แต่เพื่อนฉัน ใช้หัวใจ”
“ถูก ถ้าอย่างนั้นชาตินี้ ฉันคงไม่มีวันเห็นมัน เพราะฉันมันคนไม่มีหัวใจ!”



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.พ. 2556, 18:14:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.พ. 2556, 18:14:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 2700





<< ความจริงอันเจ็บปวด 100%   สิบล้อรอนาง+พลอยพลาสติก 100%ลบ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account