พักตร์อสูร
ชีวิตปกติสุขของเธอต้องสิ้นสลาย เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในร่างของเด็กหญิงคนหนึ่ง โชคชะตาหรือเวรกรรม ทำให้มาโผล่ในสถานการณ์ผัว1เมีย6 แถมต้องสู้รบเพื่อเอาตัวให้รอดอีก “ขอชีวิตเก่าฉันคืนมาเถิด”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 9 (2/3)




ขอขอบพระคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ นักอ่านทุกท่านนะคะ อ้อยได้อ่านคอมเม้นท์ครบถ้วน ดีใจมากค่ะ ดีใจที่ได้อ่านทุกครั้ง ทุกตอน ที่เอานิยายมาลง ขออนุญาตตอบแบบรวมๆ สำหรับคำถามที่ถามมานะคะ

* อุษามันตรายังไม่ได้เจอคุณตาค่ะ แต่ว่าตยาวดีมักเล่าให้ฟังเสมอๆ ก็เลยพอจะรู้อะไรมาบ้าง แต่ก็ไม่มากค่ะ

* นิยายพิมพ์เป็นเล่มเมื่อไหร่ จะบอกกล่าวอย่างไวทันทีเลยจ้า แต่ตอนนี้ขอปั่นต้นฉบับก่อนค่ะ ยอมรับว่าเขียนยากโดยเฉพาะที่ต้องอิงข้อมูลที่มีจริงและเคยใช้จริง ก็เลยกวาดเวลามาเยอะพอสมควรค่ะ แต่เพื่อนักอ่านที่รักทุกท่าน การบ้านสำหรับงานเขียนชิ้นนี้ อ้อยจะพยายามทำออกมาให้ดีที่สุดค่ะ ^^

* ขอบพระคุณเพื่อนๆ ที่อยู่ต่างประเทศ และรอคอยอุดหนุนหลังจากหนังสือได้ตีพิมพ์เป็นเล่มด้วยนะคะ ส่วน e-book ต้องรอทาง สนพ. แจ้งอีกครั้งค่ะว่าจะทำหรือเปล่า แต่ทุกข่าวที่มีความคืบหน้า จะรีบแจ้งให้ทราบทันทีจ้า

* "พักตร์อสูร" ชื่อนี้มีที่มาแน่นอน จะโผล่วับๆ แวมๆ ให้รู้ในช่วงบทใกล้ๆ นี้แล้วจ้า

* พระเอกของเรื่อง อาจมาช้าสักนิดนะคะ น่าจะเกือบครึ่งเรื่องแล้วกระมัง เฮียแกถึงจะโผล่ ส่วนจะมาวัยไหน อิอิ ที่จริงก็โผล่มาแล้วนะคะ แต่ขอไม่เฉลย ไปลุ้นกันดีกว่าค่ะ อิอิ ^^

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ทำให้อ้อยได้รับรู้ความรู้สึกร่วมในทุกๆ คอมเม้นท์นะคะ ขอบพระคุณกับกำลังใจ ความรัก ความชื่นชอบให้กับนิยายเรื่องนี้ค่ะ


รักและขอบคุณ...

อ้อย / สุชาคริยา



หมายเหตุ.-
(1) มาอัพอีกทีวันศุกร์นะคะ จุ๊บๆ
(2) ข้อความบางส่วนคัดลอกมาจากที่ลงในเว็บเด็กดีจ้า





----------------------------------------------------------------------------------------------



อุษามันตราเดินมานั่งรอท่านโชติระเสที่ศาลาท่าน้ำเงียบๆ มีทิดศร บ่าวคนสนิทของคุณพ่อนั่งอยู่กับพื้นใกล้ๆ เธอมองน้ำในคลองไปพร้อมกับความคิดไหลเรื่อย จากเรื่องนู้นมาเรื่องนี้

“น้องน้อย เจ้ามาฝากตัวเป็นศิษย์ท่านครูวัฑฒะโกหรือ”

อุษามันตราหันไปมอง เด็กคนที่ต้อนรับเธอกับคุณพ่อเมื่อครู่นั่นเอง เขาเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอไม่ทันสังเกต

“เจ้าข้า” เธอตอบรับพร้อมกับพยักหน้าครั้งหนึ่ง

เขานั่งลงข้างๆ ทิ้งระยะห่างประมาณหนึ่งศอก “เจ้ายังเล็กนัก ไฉนจึงเร่งร้อน”

สีหน้าและน้ำเสียงของเด็กคนนี้แสดงความเป็นห่วง สงสัยคงจะอยู่ใกล้ท่านครูวัฑฒะโกจนรู้อะไรบางอย่าง แต่อุษามันตราก็มองเขานิ่งๆ ถามไปว่า

“เหตุใดจึงว่าเร่งร้อนเจ้าข้า”

“ท่านครูดุนัก จักต้องสำรวมให้มาก เจ้ายังเล็ก มาเรียนแต่ไว มิอาจระวังกิริยาได้ดี หากทำผิดพลาดต่อหน้าท่านครู คงมิดีในวันหน้า”

อุษามันตรามองเขาแบบไม่เข้าใจ ทว่าแท้จริงกลับตรงกันข้าม เธอเข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะบอกเป็นอย่างดี และในเมื่อเด็กคนนี้มีน้ำใจเป็นห่วง ก็น่าขอบคุณยิ่งนัก

“ขอบคุณพี่ท่านที่เป็นห่วงเจ้าข้า”

เขายิ้มรับนิดๆ เธอเพิ่งจะแน่ใจว่าคนมีฐานะทางสังคมหรือคนมีความรู้ดีของที่นี่มักไม่ค่อยยิ้มเปิดเผยสักเท่าไหร่ คนรอบตัวเธอทั้งหลายก็มีรอยยิ้มแบบนี้เช่นกัน ยิ้มแบบไม่เห็นฟัน แต่มันน่าอึดอัดสำหรับเธอเหลือเกิน จะยิ้มทั้งที ก็ยังต้องเก็บงำเอาไว้

“จุฑามณีมาศ...สหายผู้ล้ำเลิศ ดวงตาท่านฝ้าฟางดอกหรือ จึงเห็นน้องน้อยเป็นเด็กหญิงไปได้ ทักทายปราศรัยน่าเอ็นดู ช่างผิดวิสัยสันโดษของท่านนัก”

อุษามันตราหันไปมองต้นเสียง เห็นเด็กชายอายุประมาณสิบปีถึงสิบสี่ปีเกือบสิบคนกำลังเดินเข้ามา พวกเขามองเธอและคู่สนทนาอย่างสนใจ

เด็กในกลุ่มนี้ทั้งหมดนุ่งผ้าถกเขมร เหงื่อท่วมตัว บ้างก็มีกระบี่กระบองในมือ คงจะเป็นพวกบรรดาลูกศิษย์ที่ฝึกอยู่แถวนี้สินะ และเมื่อหันมามองเด็กชายคนที่นั่งด้วยกัน จึงเห็นว่าเขาหน้าแดง แววตาไหวระริกเมื่อเธอมองสบอย่างไม่ตั้งใจ

“เจ้าเป็นบุตรคนที่เท่าไหร่ของท่านโชติระเสหรือน้องน้อย”

อุษามันตราหันไปมองเจ้าของคำถาม เขาเป็นเด็กตัวโตที่สุดและอยู่ด้านหน้าของกลุ่ม เขาคงไม่รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิง เพราะการแต่งกายบ่งบอกว่าเป็นลูกชายคหบดีไม่เรือนใดก็เรือนหนึ่ง แต่ในเมื่อเธอมากับคุณพ่อ จึงทำให้รู้ว่ามาจากมนสิการ แต่มีบางอย่างที่สงสัย เด็กกลุ่มนี้ไม่มีใครนั่งบนที่นั่งเช่นเดียวกับเธอแม้แต่ฝั่งตรงข้าม คำพูดนั้นเป็นกันเองทว่าท่าทางมีความกริ่งเกรงอยู่

นี่เขาเกรงใจเธอมากขนาดนี้เลยหรือ และก่อนที่จะได้สงสัยเพิ่มเติม คนหนึ่งซึ่งอยู่ไกลสุดถามว่า

“บิดาเจ้ามีฤทธิ์จัดการโจรได้อย่างคำลือจริงหรือไม่ น้องน้อย” สีหน้าตื่นเต้นขณะรอคำตอบ

“ข้าพเจ้าจักได้ฝากตัวเป็นศิษย์ท่านโชติระเส ข้าพเจ้าใคร่ได้พระเวทร่ายเพลิงพระกาฬ” คนใกล้กันเอ่ยออกมา สีหน้าตื่นเต้นไม่แพ้คนแรกสักนิดเดียว

“แต่ข้าพเจ้าใคร่ได้พระเวทไตรโลกันต์มากกว่า ท่านวิรุฬหา จักบังคับคนทำตามใจประสงค์ได้เจ้าข้า” คนถัดมาหันไปพูดกับเพื่อนที่บอกว่าอยากได้พระเวทร่ายเพลิงพระกาฬ แล้วหันมามองเธอเพื่อรอคำตอบเช่นกัน

และก่อนที่อุษามันตราจะได้พูดอะไรออกไปนั้น เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งก็หันไปคุยกับเจ้าของคำถามก่อนนี้

“ข้าพเจ้าหาได้คิดเช่นนั้นไม่ ข้าพเจ้าจักขอพระเวทไตรรัตน์ ให้น่านิยมเลื่อมใส แลขอพระเวทแปลงโฉมหน้าใหม่ ให้งดงามเยี่ยงท่านโชติระเส”

พูดเสร็จก็จ้องหน้าเธอ อุษามันตราแอบเหวอในใจ เด็กพวกนี้ไปคุยเรื่องอะไรกัน อยากจะบอกว่าที่พูดมาทั้งหมด ท่านโชติระเสไม่ได้ทำอะไรอย่างที่กล่าวมาเลย

ครั้นมองแต่ละคนที่รอคอยคำตอบ เธอก็พูดไม่ออกเสียอย่างนั้น จะขำ...ก็ขำไม่ออก จะดุ...ก็ทำไม่ได้ ได้แต่หันไปมองทิดศร บ่าวคนสนิทของคุณพ่อที่กำลังมองเธออยู่ สีหน้าของทิดศรบอกเพียงเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดเช่นไรดี ด้วยเหตุการณ์จริงไม่ได้มีอะไรอย่างที่เด็กกลุ่มนี้กล่าวมาเลย เพราะหากจะถามหาพระเวทร่ายเพลิงพระกาฬ ก็ทิดศรนี่อย่างไรล่ะ เป็นคนยิงธนูเพลิงในวันนั้นจนกองไฟลุกโชติช่วง ไม่ได้ใช้พระเวทสักนิด

ไม่น่าเชื่อ... ว่าข่าวลือ จะลือกันได้พิสดารอภินิหารถึงเพียงนี้

อุษามันตราหันกลับไปมองกลุ่มเด็กชายอายุย่างเข้าสู่วัยรุ่นผู้นิยมความมหัศจรรย์ทั้งหลาย สีหน้าแต่ละคนนั้นจดจ้องรอคอย ทว่าจะให้เธอตอบอย่างไร ในเมื่อการมาที่นี่ ก็มาเพื่อหาแสวงหาความรู้แบบแผนทางวิชาการ ไม่ใช่พระเวทสำแดงฤทธิ์เดชอย่างที่ถามมาเลย

น่าสงสาร... การที่พวกเขาได้ร่ำเรียนในสำนักที่สั่งสอนการปกครองและศาสตร์การต่อสู้ที่นับว่าดีที่สุดและเป็นสิ่งจับต้องได้ ใช้ได้จริง แต่กลับจะไปเรียนอะไรที่ยังไม่รู้แน่ชัดแบบนั้น มันก็น่าตีนัก

อุษามันตราพูดไปว่า “คุณพ่อหาได้ใช้พระเวทใด แต่ใช้ปัญญาในการสู้กับโจรเจ้าข้า”

พยายามทำเสียงให้เหมือนเด็กผู้ชายมากที่สุด วัยรุ่นทั้งหลายในกลุ่มหันไปซุบซิบกัน แล้วหนึ่งในนั้นหันกลับมาหาเธอ

“ข้าพเจ้ามิเชื่อดอก จับโจรได้ทั้งกลุ่ม หากมิใช่พระเวทแลอิทธิปาฏิหาริย์ จักจัดการได้เฉียบขาดอย่างนั้นเทียวรึ”

“ใช่ๆ”

ลูกคู่ทั้งหลายร้องรับ แล้วก็หันหน้ากลับไปคุยกันอีกรอบ สิ่งที่เธอได้ยินแว่วๆ ประมาณว่ามีของดีแต่ไม่บอกคนนอกแน่นอน

ก็แล้วจะให้เธอบอกอย่างไร... ทุกอย่างไม่ใช่อย่างที่พวกเขาเข้าใจ แต่เป็นเพราะแผนการที่วางไว้ด้วยแนวคิดใหม่กว่า ทำตามแบบแผนรัดกุมมากกว่า สำคัญที่สุดคือควบคุมสติจนใช้ปัญญา ไม่ตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงทำได้สำเร็จ

และก่อนที่จะปวดหัวกับการคิดหาคำตอบมากกว่าเดิม หนึ่งในนั้นหันมาก็ถามเธอแบบสงสัยใคร่รู้ว่า

“น้องน้อย... ใบหน้าเยี่ยงเจ้านั้นยังมีอีกหรือไม่”

แล้วเพื่อนอีกคนก็พูดแทรกขึ้นว่า “สหายข้าพเจ้าหมายถึง พี่น้อง... พี่น้องหญิงของเจ้า มีกี่คนรึ”

“ข้าพเจ้าได้ยินว่าท่านโชติระเสมีลูกหญิงสี่คน” หนึ่งในกลุ่มให้คำตอบแทน แต่แล้วอีกคนก็พูดสวนขึ้นมา

“ข้าพเจ้าได้ยินว่าสามนะท่าน”

“เช่นนั้นก็ดีสิ น้องน้อยยังมีใบหน้าหมดจดถึงเพียงนี้ พี่น้องหญิงก็คงมิต่างกันนัก”

อุษามันตราอดไม่ได้ที่จะเอาสองมือกุมหน้าตัวเอง เด็กหนุ่มคนที่นั่งข้างๆ มองเธอแล้วอมยิ้มก่อนจะหันหน้าไปมองทางอื่น อุษามันตราก้มมองทิดศร เขาก็พยายามกลั้นหัวเราะอย่างที่สุดเช่นกัน

เด็กในกลุ่มยังพูดแซวกันเองอีกหลายประโยคที่ตอกย้ำว่า ‘ใบหน้านี้กำลังพาเธอเข้าสู่อันตรายอย่างยิ่ง’ ทำให้ต้องคิดถึงอนาคตของตนเองอย่างช่วยไม่ได้ โดยเฉพาะความปลอดภัยในวันข้างหน้า คราวก่อนก็ท่านพะลัญจะทีหนึ่ง ส่วนวันนี้ที่แต่งตัวเป็นเด็กชายก็ยังมิวายจะเจอเรื่องทำนองเดิมอีก

อุษามันตรานิ่งเฉย ไม่เผยพิรุธใด ก่อนจะหันกลับไปมอง จึงเห็นว่าแต่ละคนหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกไปเสียแล้ว และก่อนที่จะคิดอะไรมากกว่านั้น คำพูดที่ฉุดเธอออกจากภวังค์การหาทางเอาตัวรอดแต่กลับหนาวสะท้านก็คือ

“หากพี่น้องหญิงของน้องน้อยท่านนี้ มิได้มีใบหน้าเช่นเดียวกัน ท่านจักเปลี่ยนความนิยมเช่นนั้นรึ”

“หาได้เป็นเช่นนั้นดอกท่าน” คนถูกแซวพูดอายๆ แต่สายตาก็ยังมองมาที่เธอ

อุษามันตรารู้สึกขนลุกซู่

“ว่าอย่างไร...น้องน้อย เจ้ามีพี่น้องหญิงหรือไม่” หนึ่งในกลุ่มถามย้ำ หลังจากสะกิดกันและกันว่าให้หยุดพูดนอกเรื่องได้แล้ว

“สี่คน ยังเล็กนักเจ้าข้า” เธอตอบ

“ใบหน้าเยี่ยงเจ้าทั้งหมดเลยใช่หรือไม่” เจ้าของคำถามแสดงอาการดีใจจนออกนอกหน้า

“แต่ข้าพเจ้าได้ยินว่าแม่นายน้อยอุษามันตรา ลูกหญิงภริยาเอกท่านโชติระเสนั้นงามนักแม้ยังเยาว์ ถอดพิมพ์ท่านโชติระเสมาเทียวล่ะ อายุน่าจะไล่ๆ กับน้องน้อยท่านนี้”

อุษามันตราแทบจะอ้าปากค้าง เธอยังไม่ทันได้พูด เจ้าเด็กพวกนี้ก็พูดขัดจังหวะ นึกในใจว่าไม่คิดจะไม่สนใจอย่างอื่นมากกว่าเรื่องในครอบครัวของเธอเลยหรือ

ตอนนี้อุษามันตรากำลังหาทางหนี แต่ก็หนีไม่ได้ เธอ ทิดศร และเด็กชายอีกคนที่นั่งข้างๆ กลายเป็นถูกกลุ้มรุมไม่มีทางออกไปเสียแล้ว

“เจ้า... เจ้าเป็นลูกภริยารองใช่หรือไม่”

อุษามันตรามองหน้าแต่ละคนไปมา ก่อนจะมาหยุดสายตาที่เด็กชายคนข้างๆ เขากอดอกตั้งใจฟัง จ้องมองเธอเหมือนดั่งจะรอคำตอบอยู่ในที และก่อนที่เธอจะพูด หนึ่งในกลุ่มก็เอ่ยขึ้น

“แต่ข้าพเจ้าเห็นลูกชายคนโตท่านโชติระเสที่เกิดจากภริยารองแล้ว เมื่อครั้งมาฝากตัวเป็นศิษย์ท่านครู เมื่อเข้าฤดูร้อนที่ผ่านมา ใบหน้าหาเฉียดใกล้น้องน้อยท่านนี้ไม่”

อยากจะตีมือที่ชี้มาทางเธอนัก

“เจ้าเป็นบุตรคนที่เท่าไหร่ของท่านโชติระเสหรือ...น้องน้อย”

“นั่นสิ ท่านโชติระเสมีภริยาเพียงหกคน ลูกชายลูกหญิงไม่มากเช่นเรือนอื่น เจ้าเป็นลูกคนที่เท่าไหร่กัน โปรดเมตตาบอกข้าพเจ้าสักครั้งเถิด วันหน้า...ข้าพเจ้าอาจได้เยือนมนสิการ แลจักถือของฝากไปให้เจ้าด้วย”

‘ไอ้เด็กบ้า’ ถึงจะนึกด่าแบบนั้นในใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงอะไรออกไปนอกจากความนิ่ง พวกเขาเอาแต่ถาม แต่กลับไม่เหลือจังหวะให้ตอบ แต่ก็ดี... เพราะเธอไม่รู้จะตอบอะไร และก่อนที่จะถูกกลุ้มรุมมากกว่าที่เป็น

“สหายน้อย ศิษย์น้องของข้าพเจ้า พวกเจ้ามีสิ่งใดกับบุตรข้ารึ”

“ไม่... ไม่เจ้าข้า”

อาการอยากรู้อยากเห็นก่อนหน้านั้นหายเป็นปลิดทิ้ง อาการสงบเสงี่ยมบังเกิดแก่คนเด็กหนุ่มทั้งหมดในทันใด ใบหน้าแต่ละคนก้มไว้เมื่อท่านโชติระเสเดินเข้ามา เด็กชายที่นั่งข้างๆ ขยับถอยห่างและลุกขึ้นยืน กิริยาเคารพให้เกียรติเมื่อท่านโชติระเสเดินมาถึงตัวเธอ

อุษามันตราแทบจะกระโดดกอดคุณพ่อเลยทีเดียว จึงรีบยิ้มให้ แต่นั่นเหมือนจะทำร้ายตัวเองทางอ้อม เมื่อเด็กกลุ่มดังกล่าวกำลังจ้องมองกันอย่างตะลึงงัน

‘ความโคตรซวยมาเยือนแกแล้ว’ เธอหุบยิ้มทันที

ระหว่างที่แต่ละคนยังนิ่งแบบนั้น ทิดศรก็ลงไปในเรือแจว ท่านโชติระเสลงตาม จากนั้นก็รับเธอให้นั่งบนตัก

“ลาท่านโชติระเสเจ้าข้า”

วัยรุ่นทั้งหลายกล่าวอย่างพร้อมเพรียง ท่านโชติระเสยกมือรับไหว้เด็กทั้งกลุ่ม เรือลอยลำห่างออกมาเรื่อยๆ ทำให้อุษามันตราโล่งอกที่ผ่านเหตุการณ์อึดอัดเมื่อครู่มาได้

“เกิดอะไรขึ้นหรืออุษามันตรา” ท่านโชติระเสถามเมื่อห่างออกมาพอสมควร

“เด็ก... พี่ชายกลุ่มนั้นถามลูก เรื่องพระเวทที่คุณพ่อใช้ในการจับโจรเจ้าข้า ด้วยได้ยินว่ามีฤทธิ์นัก จึงจับโจรได้อย่างเด็ดขาด พวกเขาอยากฝากตัวเป็นศิษย์คุณพ่อเจ้าข้า”

“พ่ออยากรู้เหตุ เมื่อพ่อมาถึงมากกว่า”

รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่รู้ว่าคุณพ่อมีแววตาแบบไหนเพราะหันหน้าไปทางเดียวกัน แล้วจะบอกอย่างไรดี แต่เมื่ออุษามันตรายังเงียบ ท่านโชติระเสจึงถามบ่าวคนสนิทโดยไม่หันหลังไปมอง ว่า...

“เกิดอะไรขึ้นรึทิดศร”

คนแจวเรือถึงกับหัวเราะน้อยๆ และตอบว่า

“นายท่านเจ้าข้า เห็นทีเรือนใหญ่แห่งมนสิการ หัวกระไดคงมิแห้งในเร็ววัน แลเปียกโชกในฤดูหมั้นหมายแม่นายน้อยอุษามันตราเป็นแน่แท้เจ้าข้า”

เธออยากจะบ้าตาย บ่าวคนสนิทของคุณพ่อตอบได้อย่างชัดเจนทีเดียว โชติระเสหัวเราะในลำคอ กอดเธอแน่นขึ้นนิดหนึ่ง

“อุษามันตราลูกพ่อ เจ้าจักต้องระมัดระวังให้มาก นับแต่วันพรุ่ง เจ้าจักเป็นศิษย์สำนักท่านครูวัฑฒะโก แลจักเป็นศิษย์น้องของชายกลุ่มนั้น จงอย่าให้ผู้ใดรู้ว่าเจ้ามิใช่ลูกชายของพ่อได้เทียว”

อุษามันตราเงยหน้ามอง สิ่งที่ได้ยินทำให้ตกตะลึง ก่อนจะหมุนตัวมาเพื่อเจรจา

“คุณพ่อหมายความว่า... ท่านครูวัฑฒะโกรับลูกเป็นศิษย์แล้วหรือเจ้าข้า”

ท่านโชติระเสพยักหน้า รอยยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้ เธอไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดท่านครูวัฑฒะโกจึงตกปากรับคำ

‘เจอท่าไม้ตายแน่ๆ’ คิดในใจแบบนั้นก็รู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก

เธอเพิ่งรู้แน่ชัดว่าท่านโชติระเสก็เป็นคนจริง ทำอะไรทำจริง และตั้งใจจริง หากมีคนเคียงข้างคอยดูแลท่านไปในทางที่ถูกที่ควร

อุษามันตรายิ้มอย่างปลื้มปีติ เธอไม่ได้ดีใจเรื่องได้เข้าเรียนเลย แต่ดีใจที่คุณพ่อหลุดจากบ่วงบางอย่างที่เคยร้อยรัดมัวเมาอำพรางท่านจากคุณความดีทั้งหลายทั้งปวงต่างหาก

“จงอย่าให้พ่อเสียชื่อ อุษามันตรา”

และแล้วความรู้สึกผิดได้ถาโถมเข้ามา อุษามันตราจึงเอ่ยว่า “แต่ลูกทำผิดต่อท่านครูนักเจ้าข้า”

“อย่ากังวล...ลูกเอ๋ย วันพรุ่งเจ้าจงยกพานธูปเทียนแพไปขอขมา แลฝากตัวเป็นศิษย์ตามประเพณี เจ้าจงอย่าให้ครูของพ่อ แลเบื้องหน้าคือครูของเจ้าต้องผิดหวัง วาจาใดนั้นจงเก็บงำให้มิดชิด จงอย่าให้ท่านครูหนักใจ”

เธอมองท่านโชติระเสด้วยความรู้สึกอันลึกซึ้ง อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า

“คุณพ่อ... บังคับให้ท่านครู รับลูกเข้าเรียนหรือเจ้าข้า”

ฝ่ามือของท่านโชติระเสลูบศีรษะของเธอแผ่วเบา รอยยิ้มน้อยๆ ของท่านส่งให้มา เมื่อเอ่ยว่า

“เกียรติแห่งมนสิการมีได้เพราะเจ้า ศรัทธามหาชนคืนสู่มนสิการเพราะเจ้า พ่อเป็นคนเต็มคนก็เพราะเจ้า ไยพ่อจักมิสู้เพื่อเจ้าบ้าง ลูกรัก”

อุษามันตราน้ำตาคลอ ดีใจเหลือเกินที่ได้ยินคำนี้ ดีใจยิ่งนักคุณพ่อเห็นคุณค่า และทำทุกอย่างเพื่อเธอ ยอม...แม้แต่แหวกกฎทุกกฎ แหวกทุกประเพณีเพื่อเธอ อันแสดงให้เห็นถึงบางอย่างในหัวใจของท่านเช่นกัน

สิ่งที่สัมผัสตอนนี้กำลังบอกให้เธอรู้ว่าความอดทนที่ผ่านมา... คุณค่าของมันไม่ได้หายไป แม้ปรากฏช้าและบอบช้ำใจมากครั้ง แต่เมื่อถึงวันที่สำเร็จ ผลของมันก็น่าชื่นใจไม่น้อย ชื่นใจ...จนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดใดได้เทียบเท่ากับที่เธอกำลังรู้สึกแม้แต่นิด

และเธอกำลังยิ้ม... ยิ้มทั้งน้ำตาแห่งความดีใจ น้ำตา... แห่งความปลื้มปีติ

“ลูกจักทำให้คุณพ่อ แลมนสิการ ภาคภูมิใจในตัวลูกที่สุดเจ้าข้า”

นี่คือคำสัญญา เธอจะไม่ทำให้คนที่เห็นคุณค่าในตัวเธอต้องผิดหวัง ขอโถมกายเข้ากอดท่านโชติระเสไว้แน่นๆ กอดไว้นานๆ กอด...ให้กับความพยายามและความอดทนของเธอ เมื่อที่สุดแล้ว...คุณพ่อก็ได้เห็นเสียที

และที่มากกว่านั้น... คุณพ่อจะเป็นบุคคลอันน่าเคารพโดยแท้จริงและตลอดไป






สุชาคริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.พ. 2556, 12:45:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.พ. 2556, 12:49:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 3353





<< บทที่ 9 (1/3)   บทที่ 9 (3/3) อ่านใหม่อีกทีนะคะ ก่อนนี้เนื้อหาหายไปค่ะ ลงใหม่ให้ครบแล้วค่ะ >>
Chii 12 ก.พ. 2556, 12:51:36 น.
สั้นมาก
จุฑามณีมาศ งั้นรึ ...งั้นรึ... (เสียงเอ็คโค่)


jink 12 ก.พ. 2556, 12:55:23 น.
เข้ามาเจิมก่อน อิอิ เดี๋ยวค่อยอ่านแล้วเม้นตาทีหลัง 555


jink 12 ก.พ. 2556, 13:15:26 น.
โอ๊ะๆ ในทีสุด อุษาก็ได้เรียนสมใจ ว่าแต่ท่านโชติระเสทำอย่างไรหนอ วานผู้เขียนเฉลยหน่อยและ


PiNVE 12 ก.พ. 2556, 13:22:51 น.
ไม่ชอบท่านครูเลยค่ะ น่าจะเปลี่ยนที่เรียน


nunoi 12 ก.พ. 2556, 13:27:18 น.
จุฑามณีมาศ หรือเปล่าหนอ พระเอกของอุษา


แว่นใส 12 ก.พ. 2556, 13:47:36 น.
จุฑามณีมาศ จะเป็นพระเอกของอุษาหรือเปล่านะ


imsoul 12 ก.พ. 2556, 13:52:32 น.
ยิ่งอ่านยิ่งสนุกจริงๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้คะ


แกงส้ม 12 ก.พ. 2556, 14:52:39 น.
หนุกจัง ต้องติดตาม ๆ


ออร์ 12 ก.พ. 2556, 14:58:39 น.
อุษาน่ารักจิงๆๆ พระเอกใครหนอ


ทราย 12 ก.พ. 2556, 18:01:30 น.
ชอบมากจริงๆค่ะ เรื่องนี้


เรือใบ 12 ก.พ. 2556, 18:19:32 น.
ในบรรดาเด็กมุงมากมาย คงมีซักคนสินะที่เป็นพระเอก อ่านไปอ่านมา เกือบนึกว่าท่านโชติระเสเป็นพระเอกซะละ 555+


Pat 12 ก.พ. 2556, 19:00:59 น.
แบบนี้แม่นายน้อยอุษามันตราไม่ต้องระวังตัวแจเลยเรอะ ขนาดแต่งเป็นชายยังเกือบไปทำให้หนุ่มๆเค้าเปลี่ยนความชอบ. จุฑามณีมาศชื่อเหมือนผู้หญิงเลยค้ะ


phugan 12 ก.พ. 2556, 19:09:50 น.
แล้วแม่นายน้อยจะเอาตัวรอดตลอดรอดฝั่งได้มั้ยเนี่ย...


ร้อยวจี 12 ก.พ. 2556, 19:27:34 น.
อยากเก็บหนังสือเรื่องนี้ซะแล้ว มีสิทธิ์ทันงานสัปดาห์หนังสือหรือเปล่า


ree 12 ก.พ. 2556, 20:24:28 น.
นายช่างใหญ่ทำเยี่ยงไรหนอ สงสัยนัก


wind 12 ก.พ. 2556, 20:36:35 น.
อ่านแล้วนึกถึงม่านประเพณี นางเอกปลอมตัวเข้ามาเรียน ^^


แพม 13 ก.พ. 2556, 01:09:21 น.
พักตร์อสูร.... ใช่นางเอกป่ะ


supayalak 13 ก.พ. 2556, 14:41:03 น.
สงสัยอุษามันตราต้องทำหน้าให้บากให้เหมือนอสูรจำแลงแปลงกายมาเพื่อแฟงตัวเพื่อเรียนวิชาแหง่มๆ ฟันธง


แล่นแต๊ 13 ก.พ. 2556, 20:30:10 น.
จะมาเรียนยังไงน๊อ..ขนาดไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิงยิ้มทียังทำเอาตะลึงกันใหญ่


ใบบัวน่ารัก 14 ก.พ. 2556, 19:29:58 น.
ไปเรียนไหวไหม น่ากลัวจะเก็บความลับยากนะ
หน้าตาน่ารักอยู่น้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account