มลทินสวาทมาเฟีย
เขาต้องก้าวเข้ามาเป็น ‘มาเฟีย’ เพราะถูกบังคับด้วยคำว่า ‘ความกตัญญู’ ต้องหันหลังให้ชีวิตสุขสงบ มาผจญกับคนเลวสารพัดรูปแบบ มือต้องเปื้อนเลือด เท้าต้องเดินข้ามซากศพของศัตรูและคู่แข่ง เพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเจ้าพ่อมาเฟียแห่งเกาะฮ่องกง
เธอคือลูกสาวของอดีตหัวหน้าแก๊งค์มาเฟียที่โดนลูกน้องคนสนิททรยศจนถูกฆ่าตาย เมื่อขาดผู้ปกป้องเธอจำต้องเข้ามาอยู่ภายใต้ร่มเงาของเจ้าพ่อมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ บุญคุณของเขามากมายล้นฟ้า หากต้องแลกด้วยชีวิตและพรหมจรรย์เพื่อตอบแทนบุญคุณเธอก็พร้อมยอมทำ

Tags: นิยาย มาเฟีย รวิญาดา ผการุ้ง

ตอน: ตอนที่ 3. เจ้าพ่อมาเฟีย 80%

ตอนที่ 3. เจ้าพ่อมาเฟีย

เส้นทางบนถนนคนบาปของหลี่เจิ้งดำเนินไปภายใต้คำแนะนำสั่งสอนของหลี่เสวียนผู้เป็นบิดา อดีตอาจารย์หนุ่มเปลี่ยนสถานะมาเป็นมาเฟียเต็มขั้น หลี่เสวียนปล่อยมือให้ลูกชายลงไปจัดการกับงานในแก๊งค์ด้วยตนเอง เพื่อเพาะบ่มให้หลี่เจิ้งซึมซับความเป็นมาเฟียให้ลึกซึ้ง หลี่เสวียนรู้ดีว่าตัวเขากำลังจะตายโดยโรคร้ายจึงทุ่มเทฝึกฝนลูกชาย รวมถึงทำให้หลี่เจิ้งเป็นที่ยอมรับของคนในวงการให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งชายหนุ่มไม่ทำให้ผู้เป็นบิดาผิดหวัง ทักษะการต่อสู้ระดับยอดฝีมือบวกกับหัวใจที่แกร่งและสมองอันชาญฉลาด ส่งให้หลี่เจิ้งสามารถเป็นที่ยอมรับของคนในแก๊งค์หงส์ไฟ รวมถึงเป็นที่เกรงขามต่อแก๊งค์มาเฟียแก๊งค์อื่น

“คุณเจิ้งครับ นี่คือแปลนอาคารตึกแดงที่คุณเจิ้งสั่งให้ร่างแบบมาให้ครับ” หวังไป่ฉีวางแปลนอาคารบนโต๊ะทำงานของหลี่เจิ้ง

เขาได้รับมอบหมายจากมาเฟียหนุ่มให้ดำเนินการจัดหาคนมาออกแบบก่อสร้างอาคาร ซึ่งหลี่เจิ้งตั้งชื่อว่า

‘ตึกแดง’ หลังจากมาเฟียหนุ่มเข้ามาบริหารงานแทนหลี่เสวียนผู้เป็นบิดา หลี่เจิ้งสามารถทำให้คนในแก๊งค์ยอมศิโรราบและยอมอยู่ภายใต้บังคับบัญชาอย่างเต็มใจ มาเฟียหนุ่มใช้ทั้งพระเดชและพระคุณในการปกครองคน เริ่มต้นด้วยการสั่งสอนคนทรยศอย่างจงเหอกลางที่ประชุมพรรค ก่อนจะเรียกหัวหน้าเขตแต่ละคนเข้ามาพูดคุยตัวต่อตัว เพียงไม่นานหลี่เจิ้งก็สามารถควบคุมคนในแก๊งค์ให้เป็นคนของเขาได้โดยไม่มีใครแตกแถว ซึ่งเป็นสิ่งที่หลี่เสวียนไม่เคยทำได้มาก่อน หวังไป่ฉีรู้สึกทึ่งและยอมเทใจรับใช้หลี่เจิ้งอย่างสุดความสามารถ

“แบบอาคารไม่มีปัญหา ผมต้องการให้คุณหาคนก่อสร้างที่เป็นคนของเรามาทำงานนี้ แปลนของตึกแดงจะเป็นความลับมันจะถูกเผาทำลายหลังจากสร้างเสร็จ” หลี่เจิ้งกวาดสายตาดูแปลนอาคารอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าพอใจ

“ครับคุณเจิ้ง คนของเราเปิดบริษทก่อสร้างอยู่หายบริษัท ผมจะคัดคนที่ไว้ใจได้มาทำงานนี้ครับ” หวังไป่ฉีพยักหน้ารับ

“แล้วเรื่องเด็กกำพร้าที่ผมให้คุณไปติดต่อรับมาอุปการะ เป็นยังไงบ้าง ผมอยากได้เด็กจากทุกๆ ประเทศ เอาที่กำพร้าไม่มีพ่อแม่และมีหน่วยก้านดี” หลี่เจิ้งเอ่ยถามถึงสิ่งที่เขาสั่งให้หวังไป่ฉีไปทำอีกเรื่อง

“เรื่องนั้นคนของเรากำลังดำเนินการอยู่ครับ เราจำเป็นต้องตั้งมูลนิธิเพื่อจะได้สะดวกต่อการรับเด็กมาดูแล”

หวังไป่ฉีรายงานต่อผู้เป็นนาย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหลี่เจิ้งถึงได้สั่งให้เขาหาเด็กกำพร้ามาอุปการะ มาเฟียหนุ่มไม่ยอมเปิดเผยเหตุผลให้เขารู้ ในฐานะลูกน้องแม้อยากรู้เพียงใดหวังไป่ฉีก็ไม่บังอาจไต่ถามผู้เป็นนาย ได้แต่รอนายของเขาเป็นผู้บอกเรื่องนี้เอง ที่ผ่านมาหลี่เจิ้งทำอะไรหลายอย่างที่เขาเดาใจไม่ถูก หลี่เสวียนเองก็ปล่อยให้ลูกชายจัดการทุกอย่างตามความต้องการไม่เคยทักท้วงใดใด หวังไป่ฉีกลายเป็นคนสนิทของหลี่เจิ้งจึงต้องรับคำสั่งของผู้เป็นนายโดยตรง

หลายเดือนที่ผ่านมาหวังไป่ฉี เห็นความเปลี่ยนแปลงของหลี่เจิ้งมาตลอด มาเฟียหนุ่มก้าวเข้ามาคุมบังเหียนแทนบิดาได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง อนาคตของแก๊งค์หงส์ไฟภายใต้การปกครองของหลี่เจิ้งกำลังไปได้สวยและน่าจะรุ่งเรืองยิ่งกว่าหลี่เสวียนผู้เป็นบิดาเคยทำได้ ดั่งฟ้าส่งหลี่เจิ้งให้เกิดมาเพื่อเป็นผู้ยิ่งใหญ่ มาเฟียหนุ่มสามารถจับมือเป็นพันธมิตรกับเว่ยเหยียน และพาตัวเองไปร่วมมือกับแก๊งค์ยากูซ่าอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นอย่างแก๊งค์ยามากูชิ หลี่เจิ้งกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นเจ้าพ่อมาเฟียที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของเกาะฮ่องกง ด้วยความสามารถของตัวเองอย่างแท้จริง

“ผมอยากให้คุณจัดการสร้างตึกให้เสร็จให้เร็วที่สุด ผมอยากให้คุณพ่อได้เห็นสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่” แววตาของหลี่เจิ้งทอประกายวาวกล้าขณะเอ่ยเสียงขรึม

มาเฟียหนุ่มเป็นคนไม่ชอบพูดมาก บุคลิกของเขาทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชารู้สึกเกรงขาม แต่หากใครได้ใกล้ชิดจะรู้ดีว่าหลี่เจิ้งเอาใจใส่และมีน้ำใจต่อลูกน้องมากเพียงใด

“ครับคุณเจิ้ง ผมจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด ผมขอตัวก่อนครับ” หวังไป่ฉีค้อมศีรษะให้ แล้วขอตัวออกไปทำงานของตนเองต่อ

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

หลี่เจิ้งนั่งครุ่นคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับลุกจากเก้าอี้ทำงาน ร่างสูงสง่าเดินออกไปจากห้องทำงานที่อยู่ชั้นบนของตึกใหญ่บ้านตระกูลหลี่ ซึ่งเป็นที่พักอาศัยและพื้นที่ส่วนตัวของคนในตระกูล มาเฟียหนุ่มเดินลงมายังชั้นล่างดวงตาคมมองหาร่างของลูกชายตัวน้อย วันนี้เป็นวันหยุดลูกชายของเขาน่าจะอยู่ที่ใดที่หนึ่งในบ้าน

“อาหนิวเห็นคุณไท่หยางหรือเปล่า” เขาเอ่ยถามหญิงรับใช้ที่เดินผ่านมา

“คุณหลี่อยู่กับท่านเสียนที่สนามหลังตึกค่ะ”

“แล้วคุณลดาล่ะ” หลี่เจิ้งเอ่ยถามถึงภรรยา

อาหนิวทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตอบว่า “คุณลดาอยู่ที่สวนค่ะ ดูเหมือนกำลังดูคนสวนลงต้นไม้ค่ะ”

“ขอบใจมาก ไปทำงานเถอะ” หลี่เจิ้งพยักหน้ารับรู้ โบกมือให้สาวใช้

มาเฟียหนุ่มเดินไปหาภรรยาที่ในสวน ดวงตาคู่คมอ่อนแสงลง เมื่อทอดสายตามองร่างเล็กบอบบางของเพียงลดา ด้วยแววตาอ่อนโยน ร่างสูงใหญ่ก้าวเท้าเดินตรงไปหาเธอ หญิงสาวส่งยิ้มอ่อนหวานให้สามีขณะถูกวงแขนแข็งแรงโอบไหล่ไว้อย่างนุ่มนวล

“ลดามาดูคนสวนเขาลงต้นไม้กับดอกไม้ค่ะ ของเดิมต้นไม้โทรมเต็มที ลดาเลยสั่งให้เขาเปลี่ยนใหม่ และขยายบริเวณสวนให้กว้างกว่าเดิม” หญิงสาวบอกสามีเสียงนุ่ม

หลายเดือนที่ผ่านมาเพียงลดาเริ่มคุ้นชินกับชีวิตในบ้านตระกูลหลี่ เธอรับรู้งานของสามีและรู้ถึงสถานะของตนเองที่เปลี่ยนไป หญิงสาวยอมปรับตัวและเป็นช้างเท้าหลังทำหน้าที่ภรรยาที่ดีส่งเสริมสามีในทุกทาง คอยดูแลปรนนิบัติเขาให้คลายความเหนื่อยล้าจากหน้าที่การงาน เป็นกำลังใจในยามที่สามีต้องการแรงใจ รวมถึงเรียนรู้ในการปกครองคนจำนวนมากในคฤหาสน์หลังนี้ หลี่เสวียนให้ลูกสะใภ้เป็นผู้ดูแลปกครองคนงานและคนรับใช้ในบ้านตระกูลหลี่ทั้งหมด เพียงลดาต้องควบคุมดูแลคนงานให้ทำหน้าที่ของพวกเขาให้เรียบร้อย มันเป็นงานที่ไม่ง่ายและหนักหนาสำหรับแม่บ้านธรรมดาอย่างเธอ แต่เพียงลดาก็พยายามทำเต็มความสามารถจนจัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี

“ถ้าทำเสร็จสวนคงสวยกว่านี้” หลี่เจิ้งยิ้มให้ภรรยาเอ่ยชมสิ่งที่เธอทำให้เธอมีกำลังใจ

ในขณะที่เขาผจญกับปัญหานอกบ้าน เพียงลดาก็ต้องทำงานของเธออยู่ภายในบ้าน หญิงสาวเป็นภรรยาที่ไม่ทำตัวเป็นภาระให้สามี เธอดูแลบ้านดูแลลูกและคนในปกครองได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งดูแลสามีอย่างเขาได้อย่างน่ารัก หลี่เจิ้งรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่ได้แต่งงานกับเพียงลดา ขอเพียงมีเธออยู่ข้างกายเขาก็พร้อมจะทำทุกอย่างโดยไม่หวาดหวั่น

“ฉันอยากปรับปรุงตึกเล็กด้วยค่ะ คนงานของเราจะได้อาศัยอย่างสบายขึ้น คุณคิดว่ายังไงคะ” เธอขอความเห็นจากสามี

หลี่เจิ้งยิ้มกว้างพยักหน้าให้ “ได้สิ ทำตามที่ลดาอยากทำเลยนะ คุณพ่อยกหน้าที่ดูแลบ้านนี้ให้ลดาแล้ว ถ้าอยากปรับปรุงอะไรยังไงก็ทำไปได้เลย ผมตามใจลดา” เขาบอกภรรยา

เพียงลดาระบายรอยยิ้มเต็มใบหน้า “ลดาจะทำหน้าที่ของลดาให้ดีที่สุดค่ะคุณเจิ้ง” ดวงตาคู่สวยมองสามีด้วยความรัก เอียงศีรษะพิงไหล่ของเขาอย่างสุขใจ

“เห็นอาหนิวบอกว่าอาทิตย์อยู่กับคุณพ่อ”

“ค่ะ คุณพ่อคงพาไปเล่นอะไรสนุกอีกตามเคย กลับมาทีไรเหงื่อเต็มตัว” เพียงลดาเอ่ยยิ้มๆ

หลี่เจิ้งยิ้มบางๆ มองภรรยาอย่างเอ็นดู หากเพียงลดารู้ว่าลูกชายสุดที่รักไปเล่นอะไรกับคนเป็นปู่มา คงตกใจจนแทบเป็นลม พ่อของเขากำลังสอนให้ลูกชายของเขาเดินตามรอยท่านทุกกระเบียดนิ้ว อาทิตย์เป็นไม้อ่อนเรียนรู้และซาบซึมสิ่งที่คนเป็นปู่สั่งสอนได้ไวไม่ต่างจากฟองน้ำดูดซับน้ำ แม้จะรู้สึกผิดที่พาลูกก้าวเข้ามาในวังวนของคนบาป แต่หลี่เจิ้งก็ไม่เสียใจเมื่อเขาได้ตัดสินใจทำเพื่อทดแทนบุญคุณของบิดา มาเฟียหนุ่มหวนนึกถึงคำพูดของเด็กสาวคนนั้นขึ้นมาอีกครั้ง

“ลูกเสือย่อมไม่ทำตัวเหมือนลูกสุนัข ลูกมังกรย่อมเป็นมังกรไม่ใช่งูดิน”

เมื่อเขาเป็นมังกรลูกชายก็ควรเป็นมังกรเช่นเดียวกับเขา เหมือนที่พ่อของเขาเป็นมังกรลูกชายอย่างเขาก็ไม่อาจลดตัวกลายเป็นงูดินเช่นกัน

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

เปรี๊ยง เปรี๊ยง เปรี๊ยง !!!

เสียงปืนดังขึ้นสามนัดซ้อน ลูกกระสุนถูกปล่อยจากปลายกระบอกปืน แล่นตรงไปเจาะเข้าเป้าตรงจุดตายทุกนัด คนยิงลดปืนลงพร้อมกับหันมาสบตากับ คนที่นั่งดูอยู่ คิ้วดกหนายกขึ้นสูงเมื่อเห็นท่าทีเงียบเฉยนั้น

“คุณพ่อ ฝีมือผมยังดีไม่พอเหรอครับ” เด็กชายวัยสิบสี่หันมาถามผู้เป็นพ่อ

หลี่เจิ้งแย้มมุมปากยิ้มให้ลูกชาย “ดี ดีมากเลยอาทิตย์” เขาขยับลุกจากเก้าอี้ พยักหน้าให้ลูกน้องเลื่อนเป้าซ้อมมาใกล้ๆ สายตามองดูรอยพรุนบนเป้าอย่างพอใจ

สองปีแล้วที่อาทิตย์หรือหลี่ไท่หยางลูกชายของเขาได้ฝึกฝนยิงปืน รวมถึงการต่อสู้ด้วยมือเปล่าทุกชนิดจากการเคี่ยวเข็ญจากผู้เป็นปู่ ลูกชายตัวน้อยของเขาสามารถทำได้ดีเยี่ยม ฝีมือพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงจิตใจที่กล้าแกร่งและสติปัญญาอันชาญฉลาด สมกับเป็นทายาทคนเดียวของหัวหน้าแก๊งค์หงส์ไฟตามที่หลี่เสวียนต้องการ หลี่เจิ้งหวนนึกถึงบิดาของเขาไม่ได้ ท่านจากไปอย่างสงบเมื่อสองปีก่อน หลังจากวางมือมอบตำแหน่งหัวหน้าแก๊งค์หงส์ไฟให้เขาครอบครองแล้ว มาเฟียหนุ่มยังจำคำพูดสุดท้ายของผู้เป็นพ่อได้ดี

“อาเจิ้ง อำนาจเปรียบเสมือนไฟร้อน หากไม่รู้จักใช้มันให้เป็น มันจะเผาเราจนตาย ในการปกครองคนจงใช้สติปัญญาให้มากกว่าอารมณ์ จงเชื่อตัวเองอย่าเชื่อคนอื่น และอย่าวางชีวิตของตัวเองไว้ในมือของใคร เพราะศัตรูอาจจะมาในคราบของมิตร หากจำเป็นต้องฆ่าก็จงฆ่า แต่อย่าฆ่าเพื่อความสนุก จงเป็นซาตานกับศัตรูและเหลือความเป็นมนุษย์ไว้เพื่อคนที่เรารัก ทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลนัก ลูกต้องเจอกับบททดสอบอีกมากมาย จำสิ่งที่พ่อสอนไว้ให้ดีนะอาเจิ้ง”

สี่ปีบนเส้นทางสายนี้ เพาะบ่มให้ชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งกร้าวแกร่งขึ้นทุกวัน หลี่เจิ้งนึกภาพของตนเองเมื่อสี่ปีก่อนแทบไม่ออก เขาเคยชินกับการเป็นมาเฟียจนแทบลืมความสงบสุขในวันวาน ทุกวันจะมีปัญหามาให้แก้ไข มีเรื่องราวและผู้คนมาทำให้เขาต้องวุ่นวาย เขาผ่านความโหดร้ายทารุณทุกรูปแบบมาหมดแล้ว ความตาย... คนตาย... ไม่มีผลต่อจิตใจของเขาอีกต่อไป หัวใจของหลี่เจิ้งกระด้างเย็นชาต่อผู้คนภายนอก เขาสามารถมองดูการฆ่าคนโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร ครั้นพอกลับเข้ามาในบ้านเขาก็สามารถกลายเป็นหลี่เจิ้งคนเดิมของมารดาเป็นสามีที่น่ารักของภรรยา เป็นพ่อของลูกได้อย่างน่าชื่นชม คล้ายกับมีสองตัวตนในร่างกายนี้

“เมื่อไหร่ผมจะได้ยิงคนจริงๆ” เด็กชายถามผู้เป็นพ่อ

คำถามนี้ทำให้คนฟังนิ่วหน้า “การฆ่าคนไม่ใช่ของสนุกนะอาทิตย์ ถึงเราจะเป็นมาเฟียแต่เราก็ไม่ได้ฆ่าคนเล่น” หลี่เจิ้งสั่งสอนลูกชายเสียงเข้ม

“ผมเห็นลูกน้องของคุณพ่อทรมานเชลยที่ห้องใต้ดิน คนพวกนั้นสมควรตายใช่ไหมครับ” คนเป็นลูกเอ่ยถามอีก

หลายครั้งที่หลี่ไท่หยางตามบิดาลงไปที่ห้องใต้ดินของตึกแดงแห่งนี้ เพื่อดูการสอบสวนคนทรยศและเชลย เด็กชายเห็นการทรมานนักโทษและเรียนรู้วิธีการเปิดปากเชลยทุกรูปแบบ หากเป็นคนทั่วไปอาจทนดูไม่ไหว แต่เด็กชายเคยชินกับสิ่งเหล่านี้ เพราะผู้เป็นปู่ได้สั่งสอนให้เขาเรียนรู้มาตลอด บิดาเองก็เป็นถึงหัวหน้าแก๊งค์หงส์ไฟ แก๊งค์มาเฟียหนึ่งในสี่แก๊งค์ใหญ่ของฮ่องกง เขาในฐานะทายาทรุ่นต่อไป จึงถูกเคี่ยวเข็ญให้เรียนรู้

“ไม่มีใครสมควรตาย แต่เราจำเป็นต้องฆ่าเขาด้วยเหตุผลของเราเอง”

หลี่เจิ้งแตะไหล่ของลูกชายที่กำลังเติบโตสู่วัยรุ่นไว้ หมุนร่างให้หันมาเผชิญหน้าดวงตาคู่คมจ้องมองลูกชายนิ่ง เขาเข้าใจอารมณ์และความคิดของเด็กวัยนี้ดี หลี่ไท่หยางคงอยากรู้อยากลองและและอยากสร้างตัวตนให้คนยอมรับ หลี่เสวียนผู้เป็นปู่ทำให้ลูกชายของเขาเรียนรู้การใช้อำนาจเกินวัย หลี่ไท่หยางถึงได้กลายมาเป็นเด็กที่คิดอะไรเกินตัว

“อาทิตย์ อำนาจทำให้เราอยู่เหนือคนอื่น แต่เราต้องรู้จักวิธีใช้มันอย่างถูกต้อง อย่าให้มันเป็นนายเราตัวเราต่างหากที่ต้องเป็นนายมัน เข้าใจหรือเปล่า”

เด็กชายพยักหน้ารับ แววตาทอประกายวาวจ้า “เข้าใจครับ คุณพ่อ”

หลี่เจิ้งยิ้มพอใจ ตบไหล่ลูกชายแรงๆ “ดีมาก ต่อไปลูกคือทายาทของตระกูลหลี่ ลูกต้องปกครองผู้คนในแก๊งค์หงส์ไฟต่อจากพ่อ ขอให้เรียนรู้จากพ่อให้มากเหมือนที่พ่อได้เรียนรู้จากคุณปู่เช่นกัน”

หัวหน้าแก๊งค์หงส์ไฟถือโอกาสสั่งสอนลูกชาย ก่อนจะเดินนำออกมาจากห้องซ้อมยิงปืน ตรงไปยังโรงยิมฝึกซ้อม ที่แห่งนั้นมีเด็กชายสามสิบคนกำลังฝึกการต่อสู้กันอย่างแข็งขัน โดยมีหวังไป่ฉีเป็นคนดูแล เมื่อร่างสูงสง่าเดินผ่านประตูเข้าไป ทุกคนก็รามือจากการซ้อม ยืนตัวตรงโค้งคำนับ

“ไม่เป็นไร ซ้อมกันต่อเถอะ ฉันแค่แวะมาดู” หลี่เจิ้งยกมือโบก แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้มุมห้อง

หลี่ไท่หยางตามผู้เป็นพ่อเข้ามาในโรงฝึกซ้อม เขาเดินหายไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับมาอีกครั้งด้วยชุดฝึก การฝึกวิชาต่อสู้เป็นอีกสิ่งที่หลี่เจิ้งเคี่ยวเข็ญให้ลูกชายทำ โชคดีที่หลี่ไท่หยางชื่นชอบจึงไม่เป็นการบังคับใจกัน เด็กชายเรียนการต่อสู้จากบิดาตั้งแต่อายุสี่ขวบ จึงมีทักษะเหนือกว่าเด็กคนอื่นๆ ที่บิดานำตัวมาอุปการะและส่งเสียให้ร่ำเรียน

เมื่อสี่ปีก่อนหลี่เจิ้งสั่งให้หวังไป่ฉีนำตัวเด็กชายกำพร้าจากทุกมุมโลกมาอุปการะ พวกเขาได้รับโอกาสให้ก้าวเข้ามาอยู่ในอาณาจักรของตระกูลหลี่ด้วยความสมัครใจ หลี่เจิ้งบอกถึงจุดประสงค์ของเขาให้เด็กเหล่านั้นรับรู้ และคัดเลือกคนที่พร้อมทั้งกายและใจให้เข้ามาอยู่ใต้ร่มเงาของตระกูลหลี่ ทุกวันในช่วงเช้าและหลังเลิกเรียน เด็กๆ จะถูกฝึกฝนวิชาการต่อสู้อย่างหนัก รวมถึงการใช้อาวุธปืนและเรียนรู้จากครูอย่างหลี่เจิ้ง ทุกคนเต็มใจทำเพื่อแลกกับการได้รับการดูแลอย่างดี ได้รับการศึกษาตามความสามารถและสติปัญญาของพวกเขา หลี่เจิ้งเลี้ยงทุกคนเหมือนลูกชายของเขา เพียงลดาเองก็ทำหน้าที่เป็นแม่ของเด็กๆ มอบความรักให้พวกเขาไม่ต่างจากพ่อแม่แท้ๆ ไม่แปลกหากเด็กเหล่านี้จะรักและยอมถวายชีวิตให้แก่คนในตระกูลหลี่

“คุณไท่หยางฝีมือดีกว่าเด็กพวกนี้มาก สมกับที่เป็นทายาทของตระกูลหลี่” หวังไป่ฉีเอ่ยชมนายน้อยของตนอย่างชื่นชม

“พวกเขาจะเป็นกองกำลังที่สำคัญในอนาคตของตระกูลหลี่ ภายใต้ชื่อหน่วยพิฆาต” หลี่เจิ้งยิ้มเย็น สายตามองกลุ่มเด็กในโรงฝึกอย่างหมายมาด

อีกสิบปีเมื่อเด็กเหล่านี้เติบโตขึ้นมา ความสามารถของพวกเขาจะเพิ่มพูน และเป็นกองกำลังระดับพระกาฬจนยากที่ใครจะต้านทานไหว พวกเขาไม่ใช่คนของแก๊งค์หงส์ไฟแต่เป็นคนของตระกูลหลี่ จะรับคำสั่งจากผู้นำของตระกูลหลี่เท่านั้น หลี่เจิ้งทอดสายตามองการฝึกซ้อมของเด็กอย่างผ่อนคลายมากขึ้น เขาเตรียมกองกำลังไว้ให้ลูกชายได้ใช้สอยในอนาคตแล้ว สำหรับตัวเขาในขณะนี้หลี่เจิ้งก็คัดคนที่มีความสามารถมาฝึกเป็นนักฆ่า และเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวเช่นกัน พวกเขาถูกส่งตัวไปฝึกที่เกาะแห่งหนึ่ง ทุกเดือนหลี่เจิ้งจะไปทดสอบเพื่อนำคนที่มีความสามารถกลับมาใช้งาน และส่งคนใหม่ไปฝึกแทนที่

เพียงสี่ปีหลี่เจิ้งได้กลายเป็นเจ้าพ่อมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าหลี่เสวียนผู้เป็นบิดา แต่ใช่จะไม่มีผู้ที่คิดกำจัดเขา หัวหน้าของแก๊งค์มาเฟียต่างแอบส่งคนมาลอบประลองกำลังกับเขาบ่อยครั้ง หนึ่งในนั้นมีคนของแก๊งค์มังกรรวมอยู่ด้วย จางเหวินหัวหน้าแก๊งค์มังกรเป็นเพื่อนรักของหลี่เสวียนและเป็นพันธมิตรของหลี่เจิ้งเช่นเดียวกัน แต่ภายในแก๊งค์มังกรไม่ได้เป็นปึกแผ่นภายใต้อำนาจของหัวหน้าแก๊งค์เหมือนแก๊งค์หงส์ไฟ ทุกๆ สี่ปีหัวหน้าแกนนำของแก๊งค์จะมีการผลัดเปลี่ยนขึ้นดำรงตำแหน่งหน้าหน้าแก๊งค์ นั่นหมายถึงความบาดหมางจะเกิดขึ้น เมื่อหัวหน้าแก๊งค์ใหม่ต่างต้องการประกาศศักดาของตนต่อหัวหน้าแก๊งค์มาเฟียแก๊งค์อื่นเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ หากสามารถเป็นพันธมิตรกันได้ก็ไม่เกิดอะไร แต่หากไม่สามารถปรองดองกันก็ย่อมมีการปะทะกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลี่เจิ้งหนักใจกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย

“คุณเจิ้งครับ มีเรื่องด่วนครับ” หวังไป่ฉีเข้ามาบอกผู้เป็นนาย หลังจากได้รับโทรศัพท์จากลูกน้องที่ส่งไปเป็นสายสืบ ได้แจ้งข่าวสำคัญมาให้รับรู้

“ไปคุยกันที่ห้องทำงาน”

หลี่เจิ้งลุกขึ้นเดินนำออกไปยังชั้นบนสุดของตึกแดง เขานั่งลงที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน พยักหน้าให้หวังไป่ฉีพูดต่อ

“คนของเรารายงานมาว่า หย่งเซิ่งหัวหน้าเขตของแก๊งค์มังกรได้วางแผนชิงอำนาจจากคุณจางเหวิน ตอนนี้พวกนั้นได้สังหารคุณจางเหวินไปแล้ว คนของเราไม่สามารถช่วยอะไรได้เพราะคนของหย่งเซิ่งลงมือรวดเร็วมาก” หวังไป่ฉีเสียงสั่นเล็กน้อย เขาสนิทสนมคุ้นเคยกับจางเหวินไม่น้อย จึงรู้สึกสะเทือนใจกับการจากไปอย่างกระทันหันของหัวหน้าแก๊งค์มังกรผู้นี้

หลี่เจิ้งหน้าเคร่งเครียดดวงตากระตุกไหว เมื่อสิ่งที่เขากังวลกำลังกลายเป็นจริง บิดาของเขาเคยบอกไว้ว่าอำนาจเป็นดังน้ำผึ้งหวานล่อหลอกให้แมลงมาดื่มกิน เช่นเดียวกับเป็นยาพิษร้ายสำหรับผู้ครอบครอง ซึ่งอาจทำให้ตัวเองถึงตายได้เช่นกัน มาเฟียหนุ่มระบายลมหายใจออกช้าๆ คิ้วดกหนาขมวดตึงจนหน้าผากยับย่น สมองประมวลความคิดเตรียมตั้งรับเหตุการณ์นี้อย่างหนัก พลัน... ใบหน้าของเด็กสาวคนหนึ่งก็วาบเข้ามาในสมอง

“แล้วลูกกับภรรยาของคุณจางล่ะ เป็นยังไงบ้าง”

“คุณนายจางยังปลอดภัยดี ลูกน้องคนสนิทของคุณจางช่วยดูแลไว้” หวังไป่ฉีถอนหายใจแรง สีหน้าหนักใจ

“ซื่อเหวินหลัวคงดูแลคุณนายจางกับเด็กๆ ไม่ได้นาน เพราะเขาเองอาจจะตกเป็นเป้าโจมตี หย่งเซิ่งเองคงไม่ปล่อยให้ทายาทของคุณจางหนีรอด หากคิดจะยึดอำนาจก็คงถอนรากถอนโคนจนสิ้นซาก ไม่ปล่อยให้หวนกลับมาแก้แค้นได้อีก”

ความโหดร้ายของคนในวงการนี้เป็นเช่นไรหวังไป่ฉีรู้ดี หากต้องการกำจัดคนๆ หนึ่งก็ต้องกำจัดคนในครอบครัวนั้นให้ตายตกตามกันให้สิ้นซาก เช่นเดียวกับที่หลี่เจิ้งเคยจัดการกับสองพ่อลูกจงเหอและจงลี่ถัง เมื่อจะขึ้นเป็นใหญ่ต้องไม่มีความปรานีกับฝ่ายตรงข้าม หย่งเซิงคงไม่ละเว้นครอบครัวของอดีตหัวหน้าแก๊งค์เช่นกัน

“คุณจางเขาส่งลูกชายกับลูกสาวไปอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็กๆ ใช่ไหม” หลี่เจิ้งเอ่ยขึ้น

“ครับ คนในแก๊งค์มังกรแทบไม่มีใครเคยเห็นหน้าลูกชายกับลูกสาวของคุณจางเลย คุณจางท่านคงรู้ว่าต้องมีวันนี้สักวัน ถึงได้เตรียมป้องกันลูกๆ ไว้ แต่ตอนนี้เด็กสองคนนั้นเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ คงเลี่ยงการสูญเสียไม่พ้น”

เหมือนฟ้าจงใจแกล้งให้ครอบครัวนี้ต้องเผชิญกับเคราะห์กรรม เมื่อลูกชายกับลูกสาวของจางเหวิน เพิ่งเดินทางมาจากต่างประเทศในช่วงปิดเทอม เพื่อร่วมงานวันเกิดของบิดา แต่ต้องมาพบกับการสูญเสียอย่างสาหัส สายสืบรายงานว่าจางเหวินปกป้องภรรยาและลูกจนตัวตาย เขายอมเอาตัวเองเป็นเป้าล่อเพื่อให้ลูกเมียหนีพ้น

“ติดต่อซื่อเหวินหลัวให้ผมด้วย ผมจะช่วยครอบครัวของคุณจางเอง” หลี่เจิ้งเอ่ยอย่างตัดสินใจ

“ทำแบบนั้นอาจทำให้เรากับแก๊งค์มังกรผิดใจกันนะครับ หย่งเซิ่งคงไม่ยอมปล่อยพวกเขาง่ายๆ” หวังไป่ฉีท้วงขึ้น

แม้จะเคยสนิทสนมกับจางเหวิน แต่หากยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย อาจส่งผลให้หัวหน้าแก๊งค์มังกรคนใหม่หาเหตุขัดแย้งกับแก๊งค์หงส์ไฟได้ ความสัมพันธ์เปราะบางอาจจะร้าวจนต่อไม่ติด

“ผมไม่เคยกลัวหย่งเซิ่ง” น้ำเสียงของหลี่เจิ้งแข็งกร้าวขึ้น ดวงตาวาววับทอแสงกล้า “ถ้าคุณกลัวจะเกิดปัญหา ผมมีวิธีช่วยครอบครัวของคุณจาง โดยที่ไม่กระทบกับแก๊งค์ของเรา”

“คุณเจิ้งจะทังไงครับ” หวังไป่ฉีมองหน้าหลี่เจิ้งด้วยสายตามีคำถาม

หลี่เจิ้งกระตุกยิ้มเย็น “ผมว่า หย่งเซิ่งคงไม่สนใจคนที่ตายไปแล้วหรอก” เขาเอ่ยเป็นปริศนา ขณะหยิบปากกามาเขียนแผนการให้หวังไป่ฉีอ่านแทนการพูด

หลี่เจิ้งรู้ดีว่าการกระทำครั้งนี้อาจส่งผลกระทบในภายภาคหน้า แต่เขาไม่อาจปล่อยให้เด็กสองคนนั้นเป็นอะไร โดยเฉพาะลูกสาวของจางเหวิน เธอเป็นคนที่ทำให้เขาตัดสินใจยอมก้าวเท้าเข้ามาบนเส้นทางนี้ เขาจึงควรตอบแทนเธอด้วยการปกป้องชีวิตของเธอไม่ใช่หรือ...

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

มาอัพให้อ่านกันแล้วนะคะ

ช่วงแรกเป็นการเล่าเรื่องราวของป๋าเจิ้งในช่วงเวลาสี่ปีที่ผ่านมา เดินเรื่องแบบเล่ารวบจบสรุปได้ใจความนะคะ

ถ้าเล่าทีละนิดอาจจะถึงสิบตอน อีกนานกว่าจะได้เจอกับหลินหลิน

เรื่องนี้ดำเนินเรื่องตามสไตล์การเขียนของผู้เขียน ซึ่งจะมีครบทุกรส ทั้งบู๊ ดราม่า และ

ฉากหวานๆ

มีเลิฟซีนของคู่พระเอกนางเอกพอชุ่มชื่นหัวใจ ^_^

อัพยังไม่จบตอนนะคะ ครึ่งหลังป๋าเจิ้งจะได้พบกับหลินหลินแล้วนะคะ

เป็นการพบกันที่ไม่ธรรมดา

จะเป็นยังไงนั้นรอลุ้นกันต่อไปค่ะ (สปอยให้อยากแล้วจากไป อิอิ)

ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ

รวิญาดา/ผการุ้ง






รวิญาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.พ. 2556, 20:52:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.พ. 2556, 20:52:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 4070





<< ตอนที่ 2.เส้นทางที่เลือกเดิน 100%   ตอนที่ 3. เจ้าพ่อมาเฟีย 100% >>
เคสิยาห์ 14 ก.พ. 2556, 21:00:51 น.


คิมหันตุ์ 15 ก.พ. 2556, 01:43:42 น.
รอจ้า


แว่นใส 15 ก.พ. 2556, 08:23:27 น.
เพียงลดาจะเสียชีวิตเหรอคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account