เพลิงสีมุก
“อุ๊ย เออ” ไม่ใช่สิ่งของหรือบุปผาแต่เป็นเพลิง เทพธากร เจ้าเหนือหัวแห่งเกาะสีมุกที่กำลังมองวิลันดาด้วยสายตาเฉียบคมจนหญิงสาวแทบไม่อยากหายใจอีกต่อไป พลางคิดว่าเขารู้ได้ยังไงว่าหล่อนอยู่ที่นี่และกำลังจะหนี
เพลิงมีเพียงกางเกงขายาวเพียงตัวเดียวและรองเท้าผ้าใบ เพราะเขามักจะออกวิ่งทุกเช้าเพื่อเรียกเหงื่อและความกระปรี่กระเปล่าให้ตัวเองก่อนจะไปทำงาน
“ทำไมไม่ไปต่อล่ะ ไปสิ ฉันให้โอกาสเธออีกครั้ง แต่ถ้าครั้งนี้เธอพลาดก็อย่าหวังว่าจะออกจากเกาะแห่งนี้ไปได้เป็นอันขาด” เพลิงกอดอกมองหญิงสาวด้วยแววตาสมเพช
“คุณขังฉันทำไม ฉันไม่เคยไปทำอะไรให้คุณ”
“เธอไม่... แต่พี่ชายเธอทำ ไอ้หน้าตัวเมียอย่างพี่ชายเธอ ให้ตายต่อหน้าฉันก็ไม่สะใจเท่าที่เอาน้องของมันมาทรมานเหมือนที่มันทำร้ายน้องของฉันหรอก” เพลิงย่างสามขุมเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“พี่วิสไปทำอะไรน้องของคุณ อ้อ ที่ว่าท้อง แล้วหาว่าพี่ชายฉันเป็นพ่ออย่างนั้นเหรอ ฮึ” วิลันดาพ้นลมออกจากจมูกอย่างดูแคลน
“ใช่ ไอ้วิสมันเลว” กรามหนาบดเข้าหากันแน่น ไหนจะแววตาคมดุ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครา มันส่งให้เขาดูน่ากลัวไม่น้อยเลย แต่ไม่ใช่วิลันดา หล่อนจะไม่กลัวเขาเป็นอันขาด
“แล้วมาลงที่ฉันทำไม ทำไมไม่ไปคุยกับพี่วิสเอาเอง”
“เธอไปมุดหัวอยู่ไหนล่ะตอนที่ฉันไปหามันที่เชียงใหม่ห๊า มันเอาเงินฉันไปไม่พอ มันยังทำให้ยัยเพลงต้องเสียใจจนต้องหนีออกจากบ้านไป ฉันถามหน่อยเถอะมันสมควรเป็นคนอยู่ไหม” เสียงตะคอกทำให้หญิงสาวต้องขยับถอยหลังไปอีกนิด แม้ว่าปากจะบอกว่าไม่กลัวเขา แต่ใจตอนนี้ยอมรับว่าหวั่นไม่น้อย
“เรื่องของคุณกับพี่วิสไปเคลียร์กันเอาเองฉันไม่เกี่ยว ปล่อยฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันให้โอกาสเธอแค่ครั้งเดียว ถ้าไปไม่รอดก็อย่าหวังจะได้ออกไปอีกเลย ไปสิ!”
วิลันดามองหน้าเหี้ยมเกรียมอย่างชั่งใจ แต่ก็ยันตัวลุกขึ้นด้วยความรวดเร็ว แล้ววิ่งผ่านหน้าของเพลิงย้อนกลับไปทางเก่า ในเมื่อเขาให้โอกาสออกจากเกาะได้แล้ว หล่อนจะไม่ละทิ้งโอกาสอันดีอันนี้ไปแน่
เพลิงมีเพียงกางเกงขายาวเพียงตัวเดียวและรองเท้าผ้าใบ เพราะเขามักจะออกวิ่งทุกเช้าเพื่อเรียกเหงื่อและความกระปรี่กระเปล่าให้ตัวเองก่อนจะไปทำงาน
“ทำไมไม่ไปต่อล่ะ ไปสิ ฉันให้โอกาสเธออีกครั้ง แต่ถ้าครั้งนี้เธอพลาดก็อย่าหวังว่าจะออกจากเกาะแห่งนี้ไปได้เป็นอันขาด” เพลิงกอดอกมองหญิงสาวด้วยแววตาสมเพช
“คุณขังฉันทำไม ฉันไม่เคยไปทำอะไรให้คุณ”
“เธอไม่... แต่พี่ชายเธอทำ ไอ้หน้าตัวเมียอย่างพี่ชายเธอ ให้ตายต่อหน้าฉันก็ไม่สะใจเท่าที่เอาน้องของมันมาทรมานเหมือนที่มันทำร้ายน้องของฉันหรอก” เพลิงย่างสามขุมเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“พี่วิสไปทำอะไรน้องของคุณ อ้อ ที่ว่าท้อง แล้วหาว่าพี่ชายฉันเป็นพ่ออย่างนั้นเหรอ ฮึ” วิลันดาพ้นลมออกจากจมูกอย่างดูแคลน
“ใช่ ไอ้วิสมันเลว” กรามหนาบดเข้าหากันแน่น ไหนจะแววตาคมดุ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครา มันส่งให้เขาดูน่ากลัวไม่น้อยเลย แต่ไม่ใช่วิลันดา หล่อนจะไม่กลัวเขาเป็นอันขาด
“แล้วมาลงที่ฉันทำไม ทำไมไม่ไปคุยกับพี่วิสเอาเอง”
“เธอไปมุดหัวอยู่ไหนล่ะตอนที่ฉันไปหามันที่เชียงใหม่ห๊า มันเอาเงินฉันไปไม่พอ มันยังทำให้ยัยเพลงต้องเสียใจจนต้องหนีออกจากบ้านไป ฉันถามหน่อยเถอะมันสมควรเป็นคนอยู่ไหม” เสียงตะคอกทำให้หญิงสาวต้องขยับถอยหลังไปอีกนิด แม้ว่าปากจะบอกว่าไม่กลัวเขา แต่ใจตอนนี้ยอมรับว่าหวั่นไม่น้อย
“เรื่องของคุณกับพี่วิสไปเคลียร์กันเอาเองฉันไม่เกี่ยว ปล่อยฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันให้โอกาสเธอแค่ครั้งเดียว ถ้าไปไม่รอดก็อย่าหวังจะได้ออกไปอีกเลย ไปสิ!”
วิลันดามองหน้าเหี้ยมเกรียมอย่างชั่งใจ แต่ก็ยันตัวลุกขึ้นด้วยความรวดเร็ว แล้ววิ่งผ่านหน้าของเพลิงย้อนกลับไปทางเก่า ในเมื่อเขาให้โอกาสออกจากเกาะได้แล้ว หล่อนจะไม่ละทิ้งโอกาสอันดีอันนี้ไปแน่
Tags: เพลิงที่กำลังจะเผาหญิงสาวเก่งกล้าอย่าวิลันดาให้หมดไหม้
ตอน: ตอนที่ 2 นายหัวเพลิง Part 1
ตอนที่ 2 นายหัวเพลิง
วิลันดาถูกทิ้งให้อยู่ในกระท่อมอีกวันหนึ่งเต็มๆ โดยไม่มีการส่งข้าวส่งน้ำอย่างที่นายหัวเพลิงประกาศกับลูกน้องของเขาเอาไว้ตอนที่สั่งให้พาเธอมาที่นี่
บุปผากลับมาที่กระท่อมท้ายเกาะอีกทีในตอนเช้าของวันที่ 2 ร่างอวบอัดมายืนเท้าสะเอวมองร่างบอบบางที่นั่งกอดเข่าจ้องหน้าเธออยู่บนแคร่ไม้ตัวเดียวภายในกระท่อม
“มองหน้าฉันทำไม”
“ก็มองหน้าคนบ้าไง ฉันจะจำไว้ทุกคนเลย”
“กรี๊ด อีกนังหน้าลิงแกนั่นแหละที่บ้า หน็อยจะตายอยู่แล้วยังมาทำปากดีอีก รู้ไว้เสียด้วยนะนายหัวมอบหมายให้ฉันเป็นคนคุมแก ฉันจะทำอะไรกับแกก็ได้” บุปผาชี้หน้าวิลันดาก่อนจะยิ้มมุมปาก
“เชิญ อย่าให้ฉันหลุดไปได้ก็แล้วกัน ฉันก็จะไม่ปล่อยให้เธอมายืนด่าฉันฉอดๆ อยู่อย่างนี้หรอก”
“อีนี่อยากลองดีเหรอ”
บุปผาเดินเข้าหาวิลันดามือเรียวที่ฉาบเล็บยาวไว้ด้วยสีสดนั้นกระชากผมของวิลันดาจนร่างบางลอยติดมือหล่อนขึ้นมา แต่มีหรือคนอย่างวิลันดาจะยอม มือบางทำกลับอย่างที่โดนเหมือนกัน ทั้งสองยื้อฉุดผมกันจนผมเผ้ายุ่งเหยิง ตลอดเวลามีแต่เสียงกรีดร้องของบุปผาเท่านั้นที่แสดงออกถึงความเจ็บที่ถูกวิลันดากระทำกับทั้งที่หล่อนเป็นคนเริ่มก่อน
“ปล่อยนะอีนังบ้า” บุปผาใช้มืออีกข้างที่ว่างกระชากมือวิลันดาจากผมตัวเอง
“ถ้าอยากให้ฉันปล่อยเธอก็ต้องปล่อยเหมือนกัน”
บุปผาปล่อยมือออกจากผมของวิลันดาทันที และเมื่อศีรษะตัวเองเป็นอิสระ มือเรียวตบเข้าไปที่ใบหน้าของหญิงสาวเต็มแรง จนวิลันดาที่ไม่ทันตั้งตัวหมุนคว้างล้มลงไปบนแคร่ไม้ วิลันดาหันกลับมามองบุปผาตาเขียวปัดด้วยความไม่พอใจ เธอโตมาจนอายุ 27 ปี แต่ไม่เคยโดนใครตบอย่างนี้มาก่อน
วิลันดาลุกขึ้นพรวดพราดเข้ามากระชากร่างของบุปผาล้มลงไปบนพื้นทรายในกระท่อม โชคดีที่สายโซ่พอจะมีความยาวให้เธอได้เดินไปได้ทั่วทั้งกระท่อมคับแคบแห่งนั้น ร่างบางตามคร่อมร่างอวบเอาไว้แล้วฝ่ามือบางก็ฟาดซ้ายขวาไม่ยั้งเหมือนกัน บุปผากรีดร้องด้วยความเจ็บอีกครา
เพียะ!
“เธอกล้ามากนะที่ตบฉัน คิดว่าฉันเป็นนางเอกละครเหรอที่จะอยู่เฉยๆ ให้นางมารร้ายมากระทำอะไรก็ได้ เธอคิดผิดแล้ว!” วิลันดายกมือขึ้นอีกครั้งแล้วฟาดสุดแรง สั่งสอนบุปผาเสียบ้างว่าอย่ามาทำกำแหงกับ
เพียะ!
“โอ๊ย! อีบ้าฉันเจ็บนะ ช่วยด้วย ใครก็ได้เอาอีนังบ้าออกไปที ฉันเจ็บจะตายอยู่แล้ว”
เดชาวิ่งถลาเข้ามาภายในกระท่อมที่มีสองสาวโรมรันพันตูกันอยู่ด้วยความดุเดือด เดชาเข้าไปกระชากร่างของวิลันดาที่กระหน่ำฝ่ามือใส่บุปผาไม่ยั้ง กระเด็นออกไปพ้นทาง ก่อนจะเข้ามาดึงร่างอวบให้ลุกขึ้น
“นี่มันอะไรกันน่ะบุปผา”
“จับอีนังบ้าให้ฉันหน่อย” บุปผาสั่งเดชา มือไม้ก็ปาดที่ริมฝีปาก เพื่อซับเช็ดเลือด
“จะทำอะไร”
“ฉันบอกให้จับก็จับสิ” บุปผาตวาดเสียงดังอีกรอบ
เดชาจับร่างบางที่ดิ้นรนต่อสู้สุดฤทธิ์เอาไว้ จนกระทั่งบุปผาเดินเข้ามาใกล้กระชากผมดำนุ่มมือของวิลันดาแล้วใช้อีกมือหนึ่งตบซ้ายขวาอย่างบ้าเลือด จนเห็นของเหลวสีแดงสดไหลย้อนออกมาทางมุมปากของวิลันดา
เพียะ!
“เป็นไง มึงทำกูเจ็บมึงก็ต้องเจ็บเหมือนกัน อีนังบ้า” บุปผาสะใจเมื่อเห็นเลือดไหลจากปากเรียวไม่ขาดสาย
“พอแล้วบุปผาเธอจะบ้าเหรอ เดี๋ยวนายหัวก็เอาเรื่องหรอก” เดชาดึงร่างของวิลันดาเหวี่ยงมาหลบทางด้านหลังเพื่อในพ้นจากมือของบุปผาที่กำลังจะฟาดลงมาอีกชุด
“อย่ามาแส่ไอ้เดชา” ดวงตาจังจ้องทั้งเดชาและวิลันดาอย่างเคียดแค้น
“ไม่แส่ไม่ได้ เธอทำเกินไปแล้วนะบุปผาถ้านายรู้เข้าเธอนั่นแหละที่เดือดร้อน”
“ฉันไม่กลัว เอาอีบ้านั่นกลับมานี่” ร่างอวบพยายามเข้าหา ทั้งมือและเท้าใส่โครมเดชาไม่ยั้งเพื่อให้ได้ไปถึงร่างของวิลันดาที่ยังยืนท่าทายอยู่ด้านหลัง ไม่มีท่าว่าจะเจ็บปวดจนหัวหดอย่างที่หล่อนคิด
“ไม่! ถ้าพูดไม่รู้เรื่องเธอก็กลับไปได้แล้ว”
เดชาไม่พูดเปล่าแต่ปล่อยร่างของวิลันดาแล้วเข้ามาคว้าข้อมือของบุปผากระตุกพาเดินออกจากกระท่อมหลังน้อยนั้นไป
“ปล่อยนะไอ้เดชา แกกล้ามาจับมือฉันเลยเหรอ ปล่อยสิ” เท้าเตะถีบเป็นพัลวัน นิ้วสวยสีสดยังชี้หน้าวิลันดา
“ไม่ปล่อยจนกว่าจะกลับไปถึงบ้านนายหัว”
เดชาและบุปผาเดินหายไปและพร้อมกับความเงียบ ได้ยินแต่เสียงลมและคลื่นที่มากระทบฝั่งเท่านั้น แดดเริ่มส่งความร้อนแรงจ้ามากขึ้น วิลันดาเหนียวตัวอยากอาบน้ำ อยากเข้าห้องน้ำ ที่สำคัญหิวจนตาลายมองอะไรพร่าเรือนไปหมด ในหัวปวดตุบๆ วิลันดามักจะปวดหัวทุกครั้งที่อดอาหารหรือทานอาหารไม่ตรงเวลา
“ผู้หญิงบ้า ร้ายมาฉันก็ร้ายกลับ ไอ้พวกคนบ้า ทำไมต้องทำกับฉันอย่างนี้ด้วย” วิลันดาตะโกนเสียงดังเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ ที่มันแน่นคับอกไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใครได้ มือบางยกขึ้นเกลี่ยเลือดที่มุมปากมาดูด้วยความเจ็บแค้น
ปัง!
เสียงทุบฝาผนังกระท่อมทำให้ร่างบางที่นั่งกอดเข่าอยู่บนแคร่ไม้สะดุ้งสุดตัว วิลันดาหันไปหาต้นเสียงทันที เห็นตัวการที่สั่งให้พาเธอมากักขังที่นี่ วิลันดาลุกขึ้นจากแคร่ไม้ เดินเข้าไปหาเขาด้วยความรวดเร็วพร้อมฝ่ามือบางที่ฟาดใบหน้าหล่อมาดดุ
เพียะ!
ใบหน้าสากระคายเต็มไปด้วยหนวดเคราหันไปตามแรงตบของหญิงสาวทันที จนมือตัวเองก็ยังรับรู้ถึงแรงที่ฟาดเขาไป เพราะหล่อนเองต้องเจ็บมือไม้น้อยกับใบหน้าสากนั้น
“เธอกล้ามากนะ” เพลิงหันหน้ากลับมาทันทีนัยน์ตาลุกโชนเหมือนไฟที่ถูกสุมกองเอาไว้ด้วยน้ำมันเป็นเชื้ออย่างดีเมื่ออยู่ๆ เขาก็โดนตบเอาอย่างไม่ทันตั้งตัว เพลิงคว้าข้อมือบางไว้ก่อนที่หญิงสาวจะฟาดลงมาใหม่อีกครั้ง
“ฉันจะกล้ามากกว่านี้อีกถ้าไม่ปล่อยฉันออกไปจากกระท่อมสัปรังเคนี่”
เพลิงผลักร่างบางให้ลงไปนอนกับแคร่ไม้ เหมือนตัวอะไรสักอย่างที่เขารังเกียจหนักหนา
“ฉันเตือนเธอแล้ว แต่เธอไม่ฟังเอง ในเมื่อพี่ชายเธอส่งเธอมาเพื่อชดใช้หนี้ที่เขาติดฉัน เธอก็ต้องอยู่ที่นี่จนกว่าฉันพอใจ”
“บ้าไปแล้ว พี่ฉันนะเหรอติดหนี้คุณ สมองเสื่อมหรือเปล่า พี่ชายฉันให้ฉันมาเจรจาเรื่องที่เขากับคุณจะทำธุรกิจร่วมกันต่างหาก”
“หึ รู้ไว้เสียด้วยว่าเธอถูกพี่ชายสุดที่รักหลอกแล้ว”
เพลิงเดินย่างสามขุมเข้าไปหาร่างบางที่นั่งอยู่บนแคร่ไม้ วิลันดาถอยไปจนชิดฝาผนังด้านในสุดเมื่อเห็นสายตาโลมเลียบอกถึงความไม่ปลอดภัย เพลิงยิ้มมุมปาก ผู้หญิงก็คือผู้หญิงวันยังค่ำ ต่อให้เก่งกล้ามาจากไหนก็ต้องกลัวผู้ชายอยู่ดี เพลิงดึงข้อเท้างามและลากร่างบางเข้ามาหา
“จะทำบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ” ขาวเรียวสวยที่ถูกตีตรวนถีบไปยังมือของเขา แต่เพลิงไม่สนกับแรงน้อยนิดนั้น
เพลิงจับแขนเรียวทั้งสองข้างกดลงแนบกับแคร่ไม้ แล้วร่างหนาขึ้นมาคร่อมทับเรือนร่างบอบบางที่นอนมองเขาด้วยสายตาหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันจะทำอย่างที่พี่ชายเธอเคยทำมาก่อนไง”
“พี่ชายฉันไปทำอะไรให้คุณ ดูเขาจะยกย่องคุณด้วยซ้ำ”
“จะไม่ยกย่องได้ยังไง ในเมื่อฉันเป็นเจ้าหนี้มัน”
“เจ้าหนี้บ้าบอคอแตกอะไรกัน”
“พี่เธอติดหนี้ฉัน 40 ล้าน เรื่องเงินแค่นั้นขี้ประติ๋วมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่มันทำกับน้องสาวฉัน” กรามหนาเป็นสันนูนเมื่อพูดถึงวิสรัชตัวการสำคัญที่เขาเกลียดเข้าไส้
“ทำไม น้องสาวคุณมาเกี่ยวอะไรด้วย”
“มันได้น้องสาวฉันจนน้องสาวฉันท้อง แต่มันเลวระยำไม่ยอมรับว่าเป็นพ่อเด็ก” เพลิงยื่นหน้าเข้ามาพูดเน้นชัดๆ ให้วิลันดาฟัง แต่หญิงสาวยิ้มเยาะกลับไปบ้าง
“หึ น้องสาวคุณไปแรดที่ไหนมาล่ะ ถึงได้ท้องแล้วก็อ้างว่าเป็นลูกของพี่ชายฉัน... ฮึ... อือ”
ยังไม่จบประโยชน์ของวิลันดา มือหนาที่กำข้อมือของเธอก่อนหน้านี้เลื่อนมาบีบคอระหงด้วยแรงมหาศาลจนวิลันดาหายใจไม่ออก มือบางทุบตีเขาเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระ
“แรดเหรอ” ใบหน้าของเพลิงในขณะนี้บอกได้เลยว่าเขาโกรธมาก เขาสามารถทำอะไรใครก็ได้ที่บังอาจมาว่าน้องสาวเขาเสียๆ หายๆ
“ปะ...ปล่อย... หายใจไม่ออก ฮึ”
ร่างบางดิ้นรนสุดแรงเท่าที่มีอยู่ มือเรียวที่ไว้เล็บยาวกดลงไปบนแขนล่ำสันนอกร่มผ้า จนเลือดไหลซึมออกมา แต่เพลิงหาสนใจไม่ วิลันดาแทบจะหมดลมอยู่แล้ว ด้วยแรงฮึดเฮือกสุดท้าย เพื่อชีวิตของตัวเอง มือเรียวเปลี่ยนจากแขนของชายหนุ่มมากเป็นที่ลำคอ เล็บยาวจิกพร้อมทั้งลากยาวๆ จนเรียกเลือดจากชายหนุ่มได้อีกครั้งและครั้งนี้ทำให้ร่างสูงผละถอยทันทีรู้สึกปวดแปลบตรงต้นคอ
“โอ๊ย... บ้าเอ้ย”
เพลิงยกมือหนากุมต้นคอใบหน้าหงายเก เมื่อดึงมือกลับมาดูพบว่ามีเลือดจำนวนหนึ่งติดมือเขามาด้วย ด้วยความเจ็บผสมความโกรธ เพลิงตรงปรี่เข้าหาร่างของวิลันดาอีกครั้ง ร่างบางที่นอนหอบหายใจอยู่สะดุ้งเมื่อชายหนุ่มฉุดกระชากให้ลงจากแคร่ไม้แล้วเหวี่ยงร่างบางลงไปนอนกับพื้นทราย ร่างสูงตามมาคร่อมทับ มือหนาข้างหนึ่งบีบปลายคางของวิลันดาไว้แน่น นัยน์ตาสีเหล็กลุกโชนราวไฟที่กำลังเผาไหมลามเลียทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า
วิลันดาถูกทิ้งให้อยู่ในกระท่อมอีกวันหนึ่งเต็มๆ โดยไม่มีการส่งข้าวส่งน้ำอย่างที่นายหัวเพลิงประกาศกับลูกน้องของเขาเอาไว้ตอนที่สั่งให้พาเธอมาที่นี่
บุปผากลับมาที่กระท่อมท้ายเกาะอีกทีในตอนเช้าของวันที่ 2 ร่างอวบอัดมายืนเท้าสะเอวมองร่างบอบบางที่นั่งกอดเข่าจ้องหน้าเธออยู่บนแคร่ไม้ตัวเดียวภายในกระท่อม
“มองหน้าฉันทำไม”
“ก็มองหน้าคนบ้าไง ฉันจะจำไว้ทุกคนเลย”
“กรี๊ด อีกนังหน้าลิงแกนั่นแหละที่บ้า หน็อยจะตายอยู่แล้วยังมาทำปากดีอีก รู้ไว้เสียด้วยนะนายหัวมอบหมายให้ฉันเป็นคนคุมแก ฉันจะทำอะไรกับแกก็ได้” บุปผาชี้หน้าวิลันดาก่อนจะยิ้มมุมปาก
“เชิญ อย่าให้ฉันหลุดไปได้ก็แล้วกัน ฉันก็จะไม่ปล่อยให้เธอมายืนด่าฉันฉอดๆ อยู่อย่างนี้หรอก”
“อีนี่อยากลองดีเหรอ”
บุปผาเดินเข้าหาวิลันดามือเรียวที่ฉาบเล็บยาวไว้ด้วยสีสดนั้นกระชากผมของวิลันดาจนร่างบางลอยติดมือหล่อนขึ้นมา แต่มีหรือคนอย่างวิลันดาจะยอม มือบางทำกลับอย่างที่โดนเหมือนกัน ทั้งสองยื้อฉุดผมกันจนผมเผ้ายุ่งเหยิง ตลอดเวลามีแต่เสียงกรีดร้องของบุปผาเท่านั้นที่แสดงออกถึงความเจ็บที่ถูกวิลันดากระทำกับทั้งที่หล่อนเป็นคนเริ่มก่อน
“ปล่อยนะอีนังบ้า” บุปผาใช้มืออีกข้างที่ว่างกระชากมือวิลันดาจากผมตัวเอง
“ถ้าอยากให้ฉันปล่อยเธอก็ต้องปล่อยเหมือนกัน”
บุปผาปล่อยมือออกจากผมของวิลันดาทันที และเมื่อศีรษะตัวเองเป็นอิสระ มือเรียวตบเข้าไปที่ใบหน้าของหญิงสาวเต็มแรง จนวิลันดาที่ไม่ทันตั้งตัวหมุนคว้างล้มลงไปบนแคร่ไม้ วิลันดาหันกลับมามองบุปผาตาเขียวปัดด้วยความไม่พอใจ เธอโตมาจนอายุ 27 ปี แต่ไม่เคยโดนใครตบอย่างนี้มาก่อน
วิลันดาลุกขึ้นพรวดพราดเข้ามากระชากร่างของบุปผาล้มลงไปบนพื้นทรายในกระท่อม โชคดีที่สายโซ่พอจะมีความยาวให้เธอได้เดินไปได้ทั่วทั้งกระท่อมคับแคบแห่งนั้น ร่างบางตามคร่อมร่างอวบเอาไว้แล้วฝ่ามือบางก็ฟาดซ้ายขวาไม่ยั้งเหมือนกัน บุปผากรีดร้องด้วยความเจ็บอีกครา
เพียะ!
“เธอกล้ามากนะที่ตบฉัน คิดว่าฉันเป็นนางเอกละครเหรอที่จะอยู่เฉยๆ ให้นางมารร้ายมากระทำอะไรก็ได้ เธอคิดผิดแล้ว!” วิลันดายกมือขึ้นอีกครั้งแล้วฟาดสุดแรง สั่งสอนบุปผาเสียบ้างว่าอย่ามาทำกำแหงกับ
เพียะ!
“โอ๊ย! อีบ้าฉันเจ็บนะ ช่วยด้วย ใครก็ได้เอาอีนังบ้าออกไปที ฉันเจ็บจะตายอยู่แล้ว”
เดชาวิ่งถลาเข้ามาภายในกระท่อมที่มีสองสาวโรมรันพันตูกันอยู่ด้วยความดุเดือด เดชาเข้าไปกระชากร่างของวิลันดาที่กระหน่ำฝ่ามือใส่บุปผาไม่ยั้ง กระเด็นออกไปพ้นทาง ก่อนจะเข้ามาดึงร่างอวบให้ลุกขึ้น
“นี่มันอะไรกันน่ะบุปผา”
“จับอีนังบ้าให้ฉันหน่อย” บุปผาสั่งเดชา มือไม้ก็ปาดที่ริมฝีปาก เพื่อซับเช็ดเลือด
“จะทำอะไร”
“ฉันบอกให้จับก็จับสิ” บุปผาตวาดเสียงดังอีกรอบ
เดชาจับร่างบางที่ดิ้นรนต่อสู้สุดฤทธิ์เอาไว้ จนกระทั่งบุปผาเดินเข้ามาใกล้กระชากผมดำนุ่มมือของวิลันดาแล้วใช้อีกมือหนึ่งตบซ้ายขวาอย่างบ้าเลือด จนเห็นของเหลวสีแดงสดไหลย้อนออกมาทางมุมปากของวิลันดา
เพียะ!
“เป็นไง มึงทำกูเจ็บมึงก็ต้องเจ็บเหมือนกัน อีนังบ้า” บุปผาสะใจเมื่อเห็นเลือดไหลจากปากเรียวไม่ขาดสาย
“พอแล้วบุปผาเธอจะบ้าเหรอ เดี๋ยวนายหัวก็เอาเรื่องหรอก” เดชาดึงร่างของวิลันดาเหวี่ยงมาหลบทางด้านหลังเพื่อในพ้นจากมือของบุปผาที่กำลังจะฟาดลงมาอีกชุด
“อย่ามาแส่ไอ้เดชา” ดวงตาจังจ้องทั้งเดชาและวิลันดาอย่างเคียดแค้น
“ไม่แส่ไม่ได้ เธอทำเกินไปแล้วนะบุปผาถ้านายรู้เข้าเธอนั่นแหละที่เดือดร้อน”
“ฉันไม่กลัว เอาอีบ้านั่นกลับมานี่” ร่างอวบพยายามเข้าหา ทั้งมือและเท้าใส่โครมเดชาไม่ยั้งเพื่อให้ได้ไปถึงร่างของวิลันดาที่ยังยืนท่าทายอยู่ด้านหลัง ไม่มีท่าว่าจะเจ็บปวดจนหัวหดอย่างที่หล่อนคิด
“ไม่! ถ้าพูดไม่รู้เรื่องเธอก็กลับไปได้แล้ว”
เดชาไม่พูดเปล่าแต่ปล่อยร่างของวิลันดาแล้วเข้ามาคว้าข้อมือของบุปผากระตุกพาเดินออกจากกระท่อมหลังน้อยนั้นไป
“ปล่อยนะไอ้เดชา แกกล้ามาจับมือฉันเลยเหรอ ปล่อยสิ” เท้าเตะถีบเป็นพัลวัน นิ้วสวยสีสดยังชี้หน้าวิลันดา
“ไม่ปล่อยจนกว่าจะกลับไปถึงบ้านนายหัว”
เดชาและบุปผาเดินหายไปและพร้อมกับความเงียบ ได้ยินแต่เสียงลมและคลื่นที่มากระทบฝั่งเท่านั้น แดดเริ่มส่งความร้อนแรงจ้ามากขึ้น วิลันดาเหนียวตัวอยากอาบน้ำ อยากเข้าห้องน้ำ ที่สำคัญหิวจนตาลายมองอะไรพร่าเรือนไปหมด ในหัวปวดตุบๆ วิลันดามักจะปวดหัวทุกครั้งที่อดอาหารหรือทานอาหารไม่ตรงเวลา
“ผู้หญิงบ้า ร้ายมาฉันก็ร้ายกลับ ไอ้พวกคนบ้า ทำไมต้องทำกับฉันอย่างนี้ด้วย” วิลันดาตะโกนเสียงดังเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ ที่มันแน่นคับอกไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใครได้ มือบางยกขึ้นเกลี่ยเลือดที่มุมปากมาดูด้วยความเจ็บแค้น
ปัง!
เสียงทุบฝาผนังกระท่อมทำให้ร่างบางที่นั่งกอดเข่าอยู่บนแคร่ไม้สะดุ้งสุดตัว วิลันดาหันไปหาต้นเสียงทันที เห็นตัวการที่สั่งให้พาเธอมากักขังที่นี่ วิลันดาลุกขึ้นจากแคร่ไม้ เดินเข้าไปหาเขาด้วยความรวดเร็วพร้อมฝ่ามือบางที่ฟาดใบหน้าหล่อมาดดุ
เพียะ!
ใบหน้าสากระคายเต็มไปด้วยหนวดเคราหันไปตามแรงตบของหญิงสาวทันที จนมือตัวเองก็ยังรับรู้ถึงแรงที่ฟาดเขาไป เพราะหล่อนเองต้องเจ็บมือไม้น้อยกับใบหน้าสากนั้น
“เธอกล้ามากนะ” เพลิงหันหน้ากลับมาทันทีนัยน์ตาลุกโชนเหมือนไฟที่ถูกสุมกองเอาไว้ด้วยน้ำมันเป็นเชื้ออย่างดีเมื่ออยู่ๆ เขาก็โดนตบเอาอย่างไม่ทันตั้งตัว เพลิงคว้าข้อมือบางไว้ก่อนที่หญิงสาวจะฟาดลงมาใหม่อีกครั้ง
“ฉันจะกล้ามากกว่านี้อีกถ้าไม่ปล่อยฉันออกไปจากกระท่อมสัปรังเคนี่”
เพลิงผลักร่างบางให้ลงไปนอนกับแคร่ไม้ เหมือนตัวอะไรสักอย่างที่เขารังเกียจหนักหนา
“ฉันเตือนเธอแล้ว แต่เธอไม่ฟังเอง ในเมื่อพี่ชายเธอส่งเธอมาเพื่อชดใช้หนี้ที่เขาติดฉัน เธอก็ต้องอยู่ที่นี่จนกว่าฉันพอใจ”
“บ้าไปแล้ว พี่ฉันนะเหรอติดหนี้คุณ สมองเสื่อมหรือเปล่า พี่ชายฉันให้ฉันมาเจรจาเรื่องที่เขากับคุณจะทำธุรกิจร่วมกันต่างหาก”
“หึ รู้ไว้เสียด้วยว่าเธอถูกพี่ชายสุดที่รักหลอกแล้ว”
เพลิงเดินย่างสามขุมเข้าไปหาร่างบางที่นั่งอยู่บนแคร่ไม้ วิลันดาถอยไปจนชิดฝาผนังด้านในสุดเมื่อเห็นสายตาโลมเลียบอกถึงความไม่ปลอดภัย เพลิงยิ้มมุมปาก ผู้หญิงก็คือผู้หญิงวันยังค่ำ ต่อให้เก่งกล้ามาจากไหนก็ต้องกลัวผู้ชายอยู่ดี เพลิงดึงข้อเท้างามและลากร่างบางเข้ามาหา
“จะทำบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ” ขาวเรียวสวยที่ถูกตีตรวนถีบไปยังมือของเขา แต่เพลิงไม่สนกับแรงน้อยนิดนั้น
เพลิงจับแขนเรียวทั้งสองข้างกดลงแนบกับแคร่ไม้ แล้วร่างหนาขึ้นมาคร่อมทับเรือนร่างบอบบางที่นอนมองเขาด้วยสายตาหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันจะทำอย่างที่พี่ชายเธอเคยทำมาก่อนไง”
“พี่ชายฉันไปทำอะไรให้คุณ ดูเขาจะยกย่องคุณด้วยซ้ำ”
“จะไม่ยกย่องได้ยังไง ในเมื่อฉันเป็นเจ้าหนี้มัน”
“เจ้าหนี้บ้าบอคอแตกอะไรกัน”
“พี่เธอติดหนี้ฉัน 40 ล้าน เรื่องเงินแค่นั้นขี้ประติ๋วมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่มันทำกับน้องสาวฉัน” กรามหนาเป็นสันนูนเมื่อพูดถึงวิสรัชตัวการสำคัญที่เขาเกลียดเข้าไส้
“ทำไม น้องสาวคุณมาเกี่ยวอะไรด้วย”
“มันได้น้องสาวฉันจนน้องสาวฉันท้อง แต่มันเลวระยำไม่ยอมรับว่าเป็นพ่อเด็ก” เพลิงยื่นหน้าเข้ามาพูดเน้นชัดๆ ให้วิลันดาฟัง แต่หญิงสาวยิ้มเยาะกลับไปบ้าง
“หึ น้องสาวคุณไปแรดที่ไหนมาล่ะ ถึงได้ท้องแล้วก็อ้างว่าเป็นลูกของพี่ชายฉัน... ฮึ... อือ”
ยังไม่จบประโยชน์ของวิลันดา มือหนาที่กำข้อมือของเธอก่อนหน้านี้เลื่อนมาบีบคอระหงด้วยแรงมหาศาลจนวิลันดาหายใจไม่ออก มือบางทุบตีเขาเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระ
“แรดเหรอ” ใบหน้าของเพลิงในขณะนี้บอกได้เลยว่าเขาโกรธมาก เขาสามารถทำอะไรใครก็ได้ที่บังอาจมาว่าน้องสาวเขาเสียๆ หายๆ
“ปะ...ปล่อย... หายใจไม่ออก ฮึ”
ร่างบางดิ้นรนสุดแรงเท่าที่มีอยู่ มือเรียวที่ไว้เล็บยาวกดลงไปบนแขนล่ำสันนอกร่มผ้า จนเลือดไหลซึมออกมา แต่เพลิงหาสนใจไม่ วิลันดาแทบจะหมดลมอยู่แล้ว ด้วยแรงฮึดเฮือกสุดท้าย เพื่อชีวิตของตัวเอง มือเรียวเปลี่ยนจากแขนของชายหนุ่มมากเป็นที่ลำคอ เล็บยาวจิกพร้อมทั้งลากยาวๆ จนเรียกเลือดจากชายหนุ่มได้อีกครั้งและครั้งนี้ทำให้ร่างสูงผละถอยทันทีรู้สึกปวดแปลบตรงต้นคอ
“โอ๊ย... บ้าเอ้ย”
เพลิงยกมือหนากุมต้นคอใบหน้าหงายเก เมื่อดึงมือกลับมาดูพบว่ามีเลือดจำนวนหนึ่งติดมือเขามาด้วย ด้วยความเจ็บผสมความโกรธ เพลิงตรงปรี่เข้าหาร่างของวิลันดาอีกครั้ง ร่างบางที่นอนหอบหายใจอยู่สะดุ้งเมื่อชายหนุ่มฉุดกระชากให้ลงจากแคร่ไม้แล้วเหวี่ยงร่างบางลงไปนอนกับพื้นทราย ร่างสูงตามมาคร่อมทับ มือหนาข้างหนึ่งบีบปลายคางของวิลันดาไว้แน่น นัยน์ตาสีเหล็กลุกโชนราวไฟที่กำลังเผาไหมลามเลียทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า
เรืองริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.พ. 2556, 13:20:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.พ. 2556, 13:23:20 น.
จำนวนการเข้าชม : 1744
<< ตอนที่ 1 เกาะสีมุก Part 4 จบตอนค่ะ | ตอนที่ 2 นายหัวเพลิง Part 2 จบตอน >> |