บ้านนราธร (ภาคต่อของทรัพย์สิดีฯ)
ถ้าใครเคยอ่านทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก นี่คือภาคต่อ ที่มีตัวละครคือลูกๆทั้งสามค่ะ การแหกกฏของตระกูลนราธรได้เริ่มขึ้นในรุ่นนี้ มีตัวเอก 3 คน คือ นรนทร์ ลูกชายคนโต ที่ไม่ต้องการดูแลบริษัท นราธิป ลูกชายคนรองที่ไม่ได้เป็นที่คาดหวังของใคร และสิดาริน ลูกสาวคนเล็กของบ้านที่คุณย่าต้องการให้สวยสมบูรณ์แบบ แต่เธอกลับแก่นเซี้ยว ห่างไกลคำว่ากุลสตรี

แล้วบ้านนราธร รุ่นที่ 5 จะเป็นอย่างไร

ปฏิบัติการความเป็นแม่ของทรัพย์สิดี เริ่มขึ้นแล้ว
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: (7)ฝันเป็นจริง

ตอนที่ 7

ร้านอาหารร้านเดิมที่ฉันและหนูเล็กมักจะนัดมาพูดคุย สังสรรค์หรือปรับทุกข์กันเสมอๆนั้้นยังคงมีบรรยากาศไม่ต่างไปจากเดิม อาจจะมีปลี่ยนมุมการจัดเรียงโต๊ะอาหารบ้าง หรือจ้างพนักงานเด็กๆหน้าใหม่มาเพิ่ม แต่กลิ่นอายของวันวานระหว่างฉันและหนูเล็กยังไม่เปลี่ยนไป ฉันเดินตรงเข้าไปที่โต๊ะประจำของเรา คือถ้าไม่มีแขกคนไหนมานั่งไปเสียก่อน ฉันและหนูเล็กจะนั่งมุมนี้เสมอ มันเป็นมุมชิดกำแพง หันหลังหลบห้องโถงกว้าง เหมาะแก่การเล่าเรื่องและนินทาชาวบ้านที่สุด ระหว่างทางฉันเดินผ่านโต๊ะหนึ่งที่เคยจำได้แม่นว่าทักคนผิดว่าเป็นหนูเล็ก แต่จริงๆแล้วเธอคนนั้นคือคู่นัดบอดของคุณนรินทร์ เรื่องนี้คิดอีกกี่ทีก็ขำไม่หาย ฉันเคยเล่าให้คุณนรินทร์ฟังแล้ว เขาหัวเราะแทบบ้านแตก

“หนูเล็ก มานานหรือยัง" ฉันส่งเสียงทักเมื่อถึงที่หมาย หนูเล็กในชุดเดรสสีทองปักเลื่อมระยิบระยับ ผมดัดเป็นลอนทันสมัย และใบหน้าที่แต่งแต้มจนเก๋ไก๋อย่างพองาม ค่อยๆหันมาเยื้อนยิ้มให้ฉัน ไม่มีอะไรในตัวหนูเล็กเปลี่ยนไปมากนัก อาจจะเพราะส่วนหนึ่งเราเจอกันเสมอ แต่ครั้งนี้ ฉันจับสังเกตได้ว่า รอยย่นตามกาลเวลาเริ่มชัดเจนขึ้น แววตาที่เคยสดใสแก่นแก้ว กลับดูหมองลงพิกล

“ไงสิดี ฉันเพิ่งมา หิวจะแย่ สั่งอาหารกันก่อนเถอะ" ไม่นานนักอาหารก็จัดวางเต็มโต๊ะ เราเริ่มต้นคุยกันเรื่อยๆ ถึงเรื่องงานของหนูเล็กที่ตอนนี้รับออเดอร์จากต่างประเทศมากกว่าครึ่ง และได้ไปแสดงงานระดับอินเตอร์เสมอ แล้วก็ย้อนไปคุยถึงเรื่องวันวาน ที่ตลกและบ้าบอของเราสองคน ก่อนฉันจะถามเข้าเรื่อง

“อยากเล่าอะไรก็เล่ามาเถอะ" แล้วหนูเล็กก็หลบตามองต่ำ เธอคนคนหลอดในแก้วน้ำเล่นอย่างใจลอย ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาๆเหมือนคนกำลังเศร้านักหนา อาการแบบนี้ ถ้าสมัยยังสาว ฉันก็เดาได้ไม่ยากว่าเป็นเรื่องความรัก

“ฉันว่าคุณจิทัศน์เปลี่ยนไป" หล่อนเอ่ยตรงๆ และทำเอาฉันใจหาย

“ยังไง" ฉันถาม บางทีหนูเล็กอาจจะคิดมากฝ่ายเดียว

เธอถอนหายใจยาว "ไม่รู้สิ เขากลับบ้านดึกๆดื่นๆมาเกือบเดือนแล้ว ชอบบอกว่ามีประชุม แต่จริงๆช่วงนี้ก็ไม่ได้วางแผนทำโครงการใหม่อะไร ปกติวันหยุดจะต้องไปเที่ยวกันบ้าง แต่อยู่ดีดีเขาก็บอกไม่ว่างแล้วหายไปตั้งแต่บ่าย กลับมาเสียมืด โทรไปก็รีบคุยบอกว่าประชุมอยู่ แต่นั่นมันตอนสี่ทุ่มนะ แล้ว...” แล้วหนูเล็กก็เริ่มเบะปาก "แล้วเขาก็บอกรักฉันน้อยลงด้วย ฮืออออออ" หนูเล็กโผกอดเข้าหาฉันเหมือนเด็กๆ

ฉันถอนหายใจ แล้วยิ้มออกมา คิดในใจว่าโถ่เอ๋ย ไม่มีอะไรหรอก แล้วตบหลังเธอเบาๆ "โถหนูเล็ก ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก คุณนรินทร์ก็เป็นเหมือนกัน ชอบกลับบ้านดึกๆดื่นๆ ปกติวันหยุดชอบอยู่บ้านก็หายตัวไปเฉย ทั้งๆที่ไม่มีโครงการใหม่อะไร อีกอย่าง.....” แล้วฉันก็นิ่ง ก่อนจะฉุกคิดอะไรได้ เอ...ทำไมสองคนนี้ นี่มัน... แล้วฉันก็อุทานเสียงดัง “นี่มัน...เป็นเหมือนกันเลยนี่นา! หนูเล็ก เธอบอกว่าคุณจิทัศน์กลับบ้านดึกมานานเท่าไรนะ" ฉันผลักตัวเธอออกจากอ้อมกอดให้เงยหน้ามาคุยกัน หนูเล็กมองฉันด้วยนำตานองหน้า ก่อนจะพูดเสียงสั่นเครือ

"ประมาณเดือนนึง"

แล้วฉันก็ขมวดคิ้ว คิดนับวันเดือนปีในใจ ชวด ฉลู ขาน เถาะ ไม่ใช่สิ...17 18 19 คุณนรินทร์ก็ทำตัวแปลกๆมาเดือนนึงเหมือนกัน คิดได้ดังนั้นฉันก็ตาโตเท่าไข่ห่าน ในใจรุ่มร้อนไปหมด ก่อนจะเขย่าตัวเพื่อนรักที่กำลังมองว่าฉันเหมือนคนบ้า ทั้งๆที่สภาพหล่อนก็ไม่ต่างกันเลย

“ไม่ได้การละ หนูเล็ก หรือว่าแฟนเราสองคนจะมีอะไรปิดบัง"

หนูเล็กร้องโอ๊ย สงสัยฉันบีบเนื้อเธอแรงไป "เดี๋ยวๆสิดี หยุดเขย่าฉันก่อน อีกอย่าง เราต้องเรียกสองคนนนั้นว่า สามี ไม่ใช่แฟน สามีต่างหาก!"

หนูเล็กเหมือนเรียกสติฉันกลับคืนมา ฉันเลยเอามือไปประคองใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาของเธอ จนหน้าเธอถูกบีบให้ปากจู๋ "ใช่ หนูเล็ก เธอพูดถูก สามี! ทีนี้ สามีของเราทำไมมีอาการเหมือนกันเลยล่ะ"

หนูเล็กคงทนไม่ไหว แต่ฉันตื่นเต้นและตกใจจริงๆ เมื่อพบว่าสิ่งที่ฉันกำลังสงสัย ก็มีอีกคนมีปัญหาเหมือนกัน แถมเป็นสามีของเราทั้งสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกันเสียด้วย หนูเล็กปัดมือฉันออก แล้วเริ่มมีแววตาโมโห

“นั่นสิ สิดี ทำไมล่ะ เกิดอะไรขึ้น! คุณนรินทร์ก็เป็นเหมือนกันเหรอนี่ แล้วเขาทำตัวแปลกๆหรือเปล่า"

ฉันหรี่ตามองหน้าเพื่อนสาว ใช่เลยถูกเผ็ง "ใช่เขาทำตัวแปลก เขาอี๋อ๋อ และหวานกับฉันมากขึ้น"

“ห๊า อะไรนะ นั่นมันเปลี่ยนไปในทางที่ดีต่างหาก ฉันหมายถึง เฉยชา หรือมีรอยลิปสติกติดที่ปกเสื้อแบบนั้น มีหรือเปล่า!”

ฉันนิ่งคิด "ไม่มีนะ เขากลับดึก ชอบบอกว่าประชุม โทรศัพท์ก็รับช้าแถมหลุกหลิก แต่เขาหวานกับฉันมากขึ้น แปลว่าอะไรกัน"

หนูเล็กมองกลับมาที่ฉันอย่างมีเลศนัย ก่อนจะเอื้อมมือขาวผ่องที่ผ่านการทำสปามาเกือบนับครั้งไม่ถ้วนแล้วจับไหล่ฉันไว้แน่น

“เปลี่ยนไป คุณนรินทร์เปลี่ยนไป เหมือนจะดีก็จริงนะ แต่...” แล้วเธอก็ส่ายศีรษะแบบเหนื่อยใจ

“แต่อะไร!” ฉันเร่งเร้า น้ำเสียงกรีดร้อง ใบหน้าเริ่มถอดสีและรู้สึกอยากร้องไห้ แล้วฉันก็โพล่งออกมา "เธอคิดว่าคุณนรินทร์กำลังจะลาตายเหรอ!”

ทีนี้หนูเล็กผงะ ก่อนจะทำเสียงจิ๊จ๊ะ แล้วลดมือลงจากไหล่ฉัน ทำท่าหน้าชื่นอกตรมเหมือนฮิิลลารีสมัยคลินตันมีชู้

“เขากำลังจะนอกใจต่างหาก ทั้งคู่น่ะแหละ!” หนูเล็กประกาศกร้าวเสียงดัง ทำหน้าขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน จนคนโต๊ะข้างๆหันมามอง แต่หนูเล็กยังไม่สนใจ หล่อนทุบโต๊ะดังปังจนฉันสะดุ้ง "เราต้องมาสร้างกลุ่ม สิดี!"

ฉันยังคงตกใจ คุณนรินทร์เนี่ยนะนอกใจฉัน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง...ฉัน...ฉันทำใจไม่ได้ ฉันไม่สามารถทนนึกภาพผู้ชายที่อยู่กินกันมาจะยี่สิบปี รักครอบครัว ไม่เคยออกนอกลู่นอกทางกับฉัน แถมตามใจฉันเสียส่วนมาก อีกอย่าง กลิ่นตัวของเขาที่อบอุ่นอย่างนั้น ฉันไม่สามารถทนให้ผู้หญิงอื่นมาดอมดมได้หรอก ไม่จริง!

“สิดี เธอไหวหรือเปล่า" หนูเล็กที่แววตายังหม่่นเศร้าและคราบน้ำตาจับเต็มใบหน้ามองฉันด้วยความเป็นห่วง เพราะคงเห็นว่าฉันทำท่าหมดอาลัยตายอยากแค่ไหน

“คุณ..คุณ นรินทร์จะนอกใจจริงเหรอ ตลอดเวลาเกือบ 20 ปี ฉันไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้ในหัวเลย แล้ว...” แล้วฉันก็ร้องไห้ นึกภาพชายผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี ตกไปเป็นของเด็กสาวรุ่นลูก ฉันไม่มีวันรับได้ แล้วหนูเล็กก็สวมกอดฉันแน่น ก่อนจะกระซิบข้างหูฉันเบาๆ แต่เฉียบขาด

“ใจเย็นๆ เราต้องพิสูจน์อย่างแนบเนียน เราไม่รู้ว่าสองคนนั้นสมคบคิดกันหรือเปล่า แต่เราต้องตั้งกลุ่ม!” หนูเล็กพูดเรื่องกลุ่มอะไรนี่แหละเป็นครั้งที่สอง จนฉันงงเป็นกำลัง

“กลุ่มอะไรเหรอหนูเล็ก" แล้วเพื่อนสนิทที่สุดตั้งแต่เด็กจนแก่ก็มองฉันราวกับเราเป็นผู้ชนะบรรดาเมียทั้งโลก

“กลุ่มเมียหลวงไง แบบหนังเรื่อง The first wife club น่ะ! ฉันเป็นประธาน เธอเป็นรอง จบนะ” มันเหมือนจะจบนะตอนหนูเล็กพูดอย่างนั้น แต่หัวสมองฉันตื้อไปหมด นอกใจอย่างนั้นเหรอ นอกใจ นอกใจ นอกใจ ไม่!!!!


“นรนทร์ หลานเป็นหลานคนโตของบ้านนราธร หลานมีหน้าที่สืบทอดกิจการของครอบครัว เข้าใจไหม ปู่อยากให้หลานตั้งใจเรียนแล้วปู่จะส่งไปเรียนไฮสกูลที่อเมริกา จากนั้นหลานต้องเรียนต่อวิศวะหรือบริหาร ของมหาวิทยาลัยไอวี่ลีก ไม่เห็นจะมีอะไรแย่ ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ" นรินทร์ นราธร ผู้เป็นปู่พูดกับหลานชายคนโตในวัย 9 ขวบอย่างขึงขัง ราวกับว่าร่างกาย พัฒนาการ และความนึกคิด ของเด็กชายพร้อมแล้วสำหรับการก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ เด็กชาย นรนทร์ นราธร ตัดผมทรงกะลาครอบนั่งจ้องชายวัยแก่เฒ่าผมสีดอกเลา ใบหน้าที่เคยใจดี ตอนนี้กลับเคร่มขรึม ด้วยดวงตาใสแจ๋ว ตอนนั้นเขาไม่ค่อยเข้าใจหรอก ว่า กิจการ อเมริกา ไอวี่ลีก คืออะไร เขาได้แต่เออออไปอย่างนั้น ไม่รู้ว่ามีความสำคัญมากขนาดไหนด้วยซ้ำ แต่คุณปู่ซึ่งเคยใจดี พาเข่าขี่คอเล่น และตามใจซื้อของเล่นให้เสมอๆ วันนี้กลับพามานั่งคุยเรื่องที่เข้าใจยากในห้องสมุดทึบๆทำไมไม่รู้

“นราธิป หลานเป็นหลานชายคนรอง ปู่ไม่จำเป็นต้องบังคับอะไรเรามาก เราไม่ได้มีความสำคัญเท่าพี่ชาย เพราะฉะนั้น หลานอยากเรียนอะไรก็เรียนได้ เพียงแต่ถ้านรนทร์ไม่สามารถมีทายาทมาสืบต่อได้ หลานน่ะแหละที่ต้องมาเป็นตัวแทน เพราะฉะนั้น เราก็ควรจะประพฤติตัวดี เรียนให้ดี แบบนรนทร์ด้วย เข้าใจไหม อีกอย่าง จิตริน ลูกชายจิทัศน์น่ะ ก็รุ่นราวคราวเดียวกันไม่ใช่หรือ อย่าให้เรียนหรือทำอะไรน้อยหน้าเขาก็แล้วกัน" คนเป็นปู่พูดนิ่งๆ มองจ้องหลานชายคนรองที่เขาเพิ่งบอกไปหยกๆว่ามีความสำคัญน้อยกว่า อาจจะเพราะด้วยความเป็นเด็ก หรือนิสัยที่ติดตัวมาแต่เกิดก็ไม่ทราบได้ ทำให้วันนั้น นราธิป นราธร เก็บคำพูดนี้ไว้ในใจเป็นอย่างดี และคิดว่านี่คือหน้าที่ และสิ่งที่เขาควรปฏิบัติ เพื่อครอบครัวและพี่ชาย เขาไม่เคยคิดน้อยใจ ไม่เคยเสียใจ หรืออาจจะเด็กเกินไปที่จะเอาคำพูดเหล่านั้นมาคิดมากก็เป็นได้ แต่ตั้งแต่นั้นมา ไม่มีสักครั้งไหนเลยที่เขาจะนึกอิจฉาพี่ชาย หรือน้อยเนื้อต่ำใจ เขามีแต่คิดเพียงว่า เขาต้องเป็นเด็กดี ต้องเชื่อคุณปู่ และเตรียมตัวให้พร้อม

“ธิปสุดหล่อของแม่ ไม่ว่าคุณปู่จะพูดอะไร แม่ขอย้ำว่า สำหรับแม่ ธิปมีความสำคัญในหัวใจแม่ พอๆกับลูกๆคนอื่นนะจ๊ะ" หรืออาจจะเพราะคำพูดนี้ของมารดาด้วยกระมัง ที่ทำให้เขาเติบโตมาด้วยความรู้สึกว่าได้รับความรักและความสนใจ ไม่น้อยไปกว่าพี่ชายเลย

“ครับ" นราธิป ตอบผู้เป็นปู่ไปสั้นๆ

หมดเรื่องพูดกับหลานชายทั้งสอง คุณปู่ในวัยหกสิบกลางๆ หันมาหาหลานสาวคนเล็กสุดของบ้านในวัยเจ็ดขวบ เด็กหญิงสิดาริน นราธร ที่ขณะนั้นไว้ผมแกละสองข้าง หน้าตาจิ้มลิ้มราวกับตุ๊กตา ในชุดกระโปรงฟูฟ่องที่คุณย่าเลือกให้ กำลังนั่งจับหุ่นจำลองแบทแมน กับยอดมนุษย์มดเอ็กซ์ของพี่ชายต่อสู้กันอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

“แล้วหลาน สิดาริน" เสียงเข้มๆของคุณปู่ ทำเอาหลานสาวหันมามองด้วยดวงตากลมแจ๋ว ทำเอาผู้เป็นปู่รู้สึกใจละลาย ไม่อยากตีหน้าเข้ม เพราะกลัวหลานสาวจะไม่ติดตน แต่ไม่ได้ ในเมื่อเขาทำปอคอ กับเด็กชายทั้งสองไปแล้ว หลานสาวก็ควรจะได้รับสิ่งเท่าเทียมกัน

“คะคุณปู่ ดูนี่สิคะ มดเอ็กซ์ใส่กางเกงในสีเขียวเหมือนรินเลย" ความเจื้อยแจ้วอย่างไร้เดียงสาทำเอาคุณปู่หัวเราะพรืดในใจ แต่เจ้าหลานชายทั้งสองกลับนั่งตัวแข็งกลัวคุณปู่ระเบิด จนนราธิป ต้องทำท่าบุ้ยใบ้ให้ยายตัวแสบเงียบ แต่สิดารินก็เด็กเกินกว่าจะเข้าใจอะไรทุกอย่างจริงๆ

“ถ้ารินโตขึ้น รินจะเป็นแฟนกับแบทแมนค่ะ หล่อกว่ามดเอ็กซ์ตั้งเยอะ" สิดารินน้อย ยังพูดไม่หยุดปาก

“ดาริน ฟังปู่นะ" คนเป็นปู่พยายามทำหน้าเคร่งขรึม แม้ภายในใจจะนึกอยากหอมแก้มบริสุทธิ์ของหลานสาวคนนี้เต็มทน "หลานต้องเป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบ คุณย่าพูดอะไรหลานต้องเชื่อฟังเข้าใจไหม เพราะเราก็มีอนาคตที่ปู่วางไว้ หลานต้องแต่งงานกับคนที่เหมาะสม"

เด็กน้อยอายุเจ็ดขวบ จะไปรับรู้อะไร มากไปกว่า...”ค่ะได้เลยค่ะ รินจะแต่งกับแบทแมนค่ะ พี่รนทร์รินขอตัวนี้ไว้นะคะ"

คุณปู่ทำท่าจะพูดอะไรต่อ แต่ว่า "ไม่ได้ริน ตัวนี้ไม่ใ่ช่ของพี่ แล้วดูสิ แขนมันจะหักแล้ว เอามานี่" นรนทร์ ถลาตัวเข้าไปดึงหุ่นจำลองแบทแมนจากมือน้องสาว แต่เด็กหญิงก็ยึดไว้เต็มที่

“ไม่ได้ รินจะเอา พี่รนทร์ซื้อใหม่สิ โอ๊ยพี่ธิปช่วยด้วย" แล้วสองพี่น้องก็ยื้อยุดหุ่นจำลองกัน จนนราธิปต้องเป็นฝ่ายเข้าไปห้าม แต่กลายเป็นว่าเป็นการตะลุมบอนของเด็กสามคนแทน

“มันไม่ใช่ของพี่ เอามานี่ ธิป ช่วยพี่สิ ไม่ใช่ไปช่วยน้อง โอ๊ย!” แล้วนรนทร์ก็ร้องลั่น เมื่อสิดารินใช้ฟันซี่เล็กๆงับที่ข้อมือเขาเต็มๆ

“รินทำไมทำแบบนี้ หยุดนะ!!!” นราธิปตะโกนดัง

“ไม่เอา รินอยากได้!!” แล้วสงครามของเด็กๆก็เกิดขึ้น จนคุณปู่ทนไม่ไหวต้องตะโกนเสียงแข็งกร้าว

“หยุด ปู่บอกให้หยุด!” คุณปู่หน้าแดง ตั่วสั้นเทิ้ม เมื่อหลานทั้งสามจ้องมองเขาราวกับเขาเป็นคนบ้า แล้วหลานชายทั้งสอง ก็ถอนตัวออกมาจากการยื่้อยุด นรนทร์กระชากแบทแมนออกมาจากแขนน้องสาวได้สำเร็จ แต่ทว่าแขนของมันข้างหนึ่งยังอยู่ที่สิดาริน

“สิดาริน ที่ปู่พูด ได้ยินไหม!”

สิดารินน้อยเห็นคุณปู่ทำท่าขึงขัง ประกอบกับเพิ่งโดนพี่ชายทั้งสองรุม เลยทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ร้องไห้ หล่อนแผดเสียงดังลั่น

"ฮือออ รินจะเอาแบทแมน!" ว่าแล้วก็ร้องไห้ ไม่ได้สนใจในคำพูดของผู้เป็นใหญ่ หล่อนปาแขนแบทแมนไปที่พี่ชายทั้งสองแล้ววิ่งออกจากห้องไป นับแต่นั้นมา เรื่องความเป็นผู้หญิงที่เพรียบพร้อม ต้องฟังคุณย่า หรือแต่งงานกับคนที่เหมาะสม ก็ไม่เคยอยู่ในหัวสมองเธอเลย

ปึ้ก! “โอ๊ย" เสียงเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งร้องขึ้นหจากหน้าห้องสมุด ทำเอาคนเป็นปู่และหลานชายทั้งสองหันไปมองว่านั่นเสียงอะไร ก่อนจะได้พบว่า มีเด็กผู้ชายรูปร่างเริ่มมีเค้าว่ากำลังอยู่ในวัยยืดตัว นั่งลงกองกับพื้น มือหนึ่งกุมท้องไว้ สีหน้าแสดงออกว่าเจ็บ เขาไม่บ่นอะไร แค่มองตามเด็กหญิงกระโปรงพองที่ชนเขาเข้าอย่างจัง ก่อนจะมองหน้าเขาแล้วร้องไห้ดังสุดๆผ่านไปแบบไม่สนใจ

นรินทร์ นราธร เห็นเด็กหนุ่มคนนี้ก็ฉีกยิ้มออกกว้างอย่างยินดีปรีดาเป็นล้นพ้น ส่วนนรนทร์กับนราธิปเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ดีใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทั้งสองตะโกนลั่น

“พี่ซันมาแล้ว!”


7 มกราคม วันอาทิตย์
สมุดบันทึกที่รัก

เมื่อคืนฉันฝันออกจะประหลาด ฉันฝันว่าอยากได้หุ่นจำลองแบทแมนของพี่รนทร์มาก แต่พี่รนทร์ไม่ให้ เราเลยแย่งและทะเลาะกัน สุดท้ายฉันได้มาแต่แขนและร้องไห้ใหญ่ พอตื่นขึ้นมาฉันก็ไม่เข้าใจ และนึกไม่ออกว่า ความฝันนี้ต้องการจะสื่ออะไร หรือฉันมีความหลังอะไรกับแบทแมนหรือ ยกเว้นเสียแต่ว่าใช่ ฉันชอบบรูซ เวย์น แต่ก็ไม่ได้คลั่งไคล้ขนาดนั้น แต่ฉันก็รู้สึกได้อย่างหนึ่งว่าหุ่นจำลองตัวนั้นคุ้นๆ เหมือนจะมีอยู่จริง แต่สุดท้ายฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร จนเมื่ออาบน้ำแต่งตัวในตอนเช้าเสร็จและลงมาข้างล่าง ตั้งใจว่าจะช่วยน้าๆในครัวทำขนมที่คุณย่าจะฝากไปให้ครอบครัวพี่ซัน แต่นั่นแหละ ทำให้ฉันได้รู้ว่า ฉันฝันถึงแบทแมนทำไม

“ดาริน เสร็จแล้วหรือลูก กงศุลเขามารอนานแล้ว"

ฉันที่คราวนี้เดินลงบันไดมาอย่างสุขุมนุ่มนวล จริงๆคือมันยังเช้าอยู่สำหรับฉัน และฉันยังไม่ค่อยตื่น พอคุณแม่บอกว่าใครมา ฉันจึงค่อยๆเงยหน้ามองและพบว่า...อีตาแบทแมนมาจริงๆ...ฉันหมายถึงพี่ซันน่ะ ใครสั่งให้เขามารับฉันเหรอ

ฉันยกมือไหว้อย่างสะลึมะลือ เขารับไหว้แบบขันๆ แล้วหันไปคุยกับพี่รนทร์ต่อ

“ดารินมาช่วยย่าขนสิจ๊ะ" เสียงคุณย่าดังมาจากในครัว แล้วท่านก็เดินออกมาในกระโปรงยาวกรอมเท้าสีแดงสด ต้อนรับวันอาทิตย์ ทำเอาสมองเบลอๆของฉันตื่นทันที ฉันรีบเข้าไปช่วย พร้อมคุณแม่ แล้วพี่กงศุลพอหันมาเห็นก็เข้ามาประคองของจากคุณแม่ฉันทันที นี่คุณย่าทำขนมไทยเยอะขนาดนี้ จะเอาไปขายหรือไปแจก

“คุณย่าทำเยอะจังนะคะ บ้านพี่ซันคงไม่ได้ทานยเยอะขนาดนี้หรอกจริงไหมคะ"

“ใครบอกล่ะจ๊ะ จำเนียรเขาทำไปเผื่อพวกคนครัวและคนสวนของที่นั่นด้วย เขารู้จักกันมาก่อน คนเก่าแก่น่ะ แม่ประภายังอยู่ไหมหลานกงศุล" คุณย่าพูดเจื้อยแจ้ว ดูออกทันทีว่า ยินดีแค่ไหนที่ได้คุยกับพี่ซัน

พี่ซันในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน พับแขนขึ้นมาอย่างสบายๆ กับกางเกงยีนสีเข้ม ฉันก็คงปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่ามันส่งเสริมให้เขาดูดี "ครับ ยังอยู่และแข็งแรงดีครับ"

คุณย่าฉันยิ้มตอบ "ดีจ้ะหลาน เอาละ ชุดนี้สำหรับคุณปู่คุณย่านะ ชุดนี้สำหรับคุณพ่อคุณแม่ และนี่ของหลานเอาไว้ไปทานที่นู่น และตะกร้านี้ของคนครัว ยายฝากสวัสดีทุกคนด้วยนะกงศุล"

พี่ซันมองตะกร้าขนาดใหญ่สองใบที่บรรจุขนมไทยไว้เต็มอย่างเกรงใจ "ขอบพระคุณมากครับ เยอะแยะเลย แล้วผมจะบอกทุกคนให้นะครับ ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ" แล้วเขาก็หันมามองฉันทำนองว่าพร้อมหรือยัง

“ฝากยายรินด้วยนะ ไม่ต้องรีบพากลับมาก็ได้ โฮะๆ" คุณย่าหัวเราะเสียงดัง ฉันงง ว่าเรื่องนี้ตลกตรงไหน

“อ้าว ยายรินไม่ไปกับพวกเราเหรอ" พี่ธิปที่นั่งอ่านข่าวกีฬาอยู่ไม่ห่างทักขึ้น และทำเอาฉันคิ้วขมวด

“ไปไหนกัน" ฉันพูดแล้วมองคุณย่า แล้วท่านก็ทำท่าหลุกหลิก จนคุณแม่พูดขึ้นมา

“อ้าวก็วันนี้เราจะพานราธิปไปเลี้ยงฉลองที่ได้รับเลือกเข้าทีมบาสโรงเรียนไงจ๊ะ แม่คิดว่ารินจำได้แล้วไม่ไป"

หาอะไรนะ อ้อใช้ ฉันคุ้นๆนะ แต่ฉันลืมน่ะสิ ฉันจำไมไ่ด้ โอ๊ยพลาด แล้วพี่ชายตัวดีของฉันสองคนก็จะได้ส่วนแบ่งในการทารอาหารมากขึ้นน่ะสิ เชอะ

“รินลืมค่ะ แต่รินอยากไป!...” ฉันตะโกนออกมา แล้วเหลือบมองคุณย่า ท่านทำหน้าดุ และส่ายหน้าเบาๆ เป็นการทวงสัญญาได้อย่างแนบเนียน แล้วฉันก็คิดไตร่ตรอง แค่ฉันยอมไปบ้านพี่ซันวันนี้ แลกกับไม่ต้องไปงานกับคุณย่าทั้งชาติ ฉันยอมนะ แล้วฉันก็ฉีกยิ้มกว้างกลบเกลื่อนทันที ก่อนจะหันไปพูดกับพี่ซัน

“รินอยากไปบ้านพี่ซันม้ากมากค่ะ รินไปก่อนนะคะทุกคน สวัสดีค่ะ พี่รนทร์พี่ธิป ทานเผื่อรินบ้างนะคะ" ประโยคสุดท้ายฉันประชดหรอก แล้วพี่ชายทั้งสองก็คงจะเข้าใจ เพราะพวกเขาหัวเราะลั่นแล้วบอกว่าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เป็นหน้าที่ของพี่ชายอยู่แล้ว ดูพี่ฉันสิ! พี่ซันหัวเราะ ก่อนจะยกมือไหว้ลาทุกคน แล้วรอให้ฉันเดินนำไปก่อน แล้วเราก็ช่วยกันขนขนมใส่รถ

“รินอยากไปบ้านพี่ขนาดนั้นเลย เป็นเพราะอะไรน้า" พี่ซันทำมาถามแหย่ฉัน

ฉันอมยิ้ม "ไม่บอกค่ะ แต่รินอยากมากจริงๆ เรารีบไปกันเลยดีกว่าไหมคะ" ดูคำตอบฉันจะทำเอาเขางงไปสักครู่ ก่อนจะขับรถออกไปไกล

บ้านของพี่ซันอยู่ไกลไปอีกฝั่งของบ้านฉันจริงๆ ทำให้ฉันนึกถึงวันนั้นที่เขาขับรถผ่านมาเจอฉันที่ไม่ยอมกลับบ้าน แล้วบอกว่านั่นคือทางผ่าน ใช้เวลาเกือบชั่วโมงพี่ซันก็ขับมาถึงบ้านของตัวเอง บ้านของเขามีบริเวณกว้างขวางพอสมควร เพราะในนั้นมีบ้านของอาพี่ซันอยู่ด้วย บ้านของเขาไม่ได้ใหญ่โตหรูหรา แต่เป็นทรงปั้นหยาที่หาดูได้ยาก มีต้นไม่ครึ้มเต็มไปหมด บรรยากาศดีทีเดียว พอฉันลงมาจากรถ ลมเย็นๆที่พัดใบ้ไม้ให้เสียดสีน่าฟัง แล้วกลิ่นหอมๆของต้นมุกดาที่ปลูกสูงตระหง่านอยู่หน้าบ้านทรงปั้นหยาสีเขียวอ่อนก็ทำให้แันต้องเอ่ยปากชม

“บ้านพี่ซันน่าอยู่จังค่ะ อากาศดี๊ดี" ฉันหันไปยิ้มให้เขา พี่ซันยิ้มกว้างตอบ แววตาเขาดูยินดี

“เหรอ แล้วอยากมาอยู่หรือเปล่า" เขาถามน้ำเสียงเรื่อยๆ

“แหม รินจะมาอยู่ได้ไงคะ ไม่ใช่บ้านของรินสักที" ฉันตอบ แล้วเขาก็หัวเราะหึหึ "รินขอให้ลุงชมซื้อต้นไม้มาปลูกเยอะๆบ้างดีกว่า" แล้วเราก็ช่วยกันขนขนมเข้าไปในบ้าน ภายในบ้านก็ตกแต่งเรียบง่าย สะอาดสะอ้าน มีโซฟาน่านั่งอยู่เกือบทุกมุม และที่สำคัญผนังรอบบ้านประดับไปด้วยภาพวาดฝีมือดี บางมุมก็เป็นรูปตอนเด็กๆของพี่ซันกับครอบครัว

“เอ หายไปไหนกันหมด อ้าวนั่นไง น้าจุ่นครับมาช่วยผมขนที นี่สำหรับคนในครัว บ้านนราธรเขาฝากมาครับ" หญิงคนใช้หน้าตาสะอาดสะอ้าน อายุในวัยกลางคน เดินเข้ามารับของแต่โดยดี เธอมองฉัน ฉันเลยยิ้มแล้วยกมือไหว้ หล่อนแทบจะรับไหว้ฉันไม่ทัน แล้วมองฉันพิจารณา

“อูย ไม่ต้องไหว้จุ่นก็ได้ค่ะ คุณหนูรินเหรอคะ โตขึ้นมาแล้วสวยนะคะ" หล่อนพูดสั้นๆ แต่ประโยคสุดท้ายหันไปยิ้มให้พี่ซัน เมื่อสาวใช้ชื่อน้าจุ่นหายไป ฉันก็ถามพี่ซันทันที

“เขารู้จักรินได้ไงคะ"

พี่ซันอมยิ้มอย่างมีเลศนัยตามเดิม แววตากลมโตของเขาเหมือนจะคอยเย้าแหย่ฉันตลอดเวลา บางทีฉันก็ชอบ และบางทีก็รู้สึกขนลุก ฉันแปลไม่ออก ฉันไม่ค่อยเข้าใจ

“เขาก็รู้จักน้องรินกันหมดแหละ คนเก่าแก่ของที่นี่ มีแต่เราที่จำอะไรไม่ได้เลย เอาละ รอพี่ตรงนี้แล้วกัน พี่ไปตามหาคนอื่นก่อน ตามสบายนะ เดี๋ยวน้าจุ่นคงเอาน้ำมาให้"

แล้วฉันก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย แต่ใครมันจะนุ่งอยู่เฉยๆให้โง่ล่ะ ฉันก็ขอเดินสำรวจบ้างสิ ระดับสิดารินทั้งที แต่ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหายนะ แค่เดินดูรูปภาพซึ่งสวยงามมากเหลือเกิน ส่วนมากเป็นภาพสีน้ำของริมแม่น้ำเจ้าพระยา และมีภาพสีน้ำมันบ้างประปราย บ้านฉันไม่มีภาพวาดสวยๆอย่างนี้มากหรอก ฉันยอมรับว่ารูปภาพทำให้เราผ่อนคลายและสดชื่นขึ้นจริงๆ จากนั้นฉันก็ได้เห็นรูปตั้งตามโต๊ะ เป็นรูปของพี่ซันวัยเด็ก หน้าตาเขาไม่ต่างจากนี้มากนัก และฉันยอมรับว่าตอนเด็กเขาหล่อกว่าตอนนี้ ดูใสใส แต่ตอนนี้ บางทีเขาก็ดูเจ้าชู้ ถึงจะไม่เคยเจ้าชู้กับฉันก็เถอะ คุณพ่อคุณแม่ของพี่ซัน ตอนนี้อยู่ต่างประเทศในฐานะเอกอัครราชทูต บางทีคุณพ่อของพี่ซันก็คงจะเหมือนคุณพ่อของฉันที่ต้องเป็นตัวแทนของพ่อตัวเอง และพี่ซันก็คงจะเหมือนพี่รนทร์ที่เป็นตัวแทนของพ่อตัวเองอีกที และแล้วฉันก็ได้เห็นภาพหนึ่ง อยู่ในกรอบขนาดกลาง ไม่ได้สะดุดตา แต่เหมือนเจ้าของก็จงใจจัดวางให้เป็นที่อยู่เหมือนกัน มันเป็นรูปของเด็กชายสามคน ตัดผมทรงกะลาครอบเหมือนกัน ยิ้มให้กับกล้องอย่างมีความสุข ถัดไปข้างๆมีเด็กหญิงหน้าทะเล้น กำลังเล่นหุ่นจำลองแบทแมนแขนขาดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ฉันจำได้ทันที และกรีดร้องในใจ นั่นมันพี่รนทร์ พี่ธิป พี่ซัน และเด็กผู้หญิงคนนั้นคือฉันต่างหาก! แต่...แต่ หุ่นจำลองแบทแมนในฝันของฉัน ทำไมมันเหมือนในรูปนัก แถม แขนขาดเหมือนกันอีกต่างหาก แต่ความตกใจของฉันยังไม่ได้หยุดที่ตรงนั้น เมื่อมีเสียงผู้ชายคนหนึ่งกระแอมขึ้นมาจากข้างหลัง จนฉันต้องหันไปดู แล้วก็เห็นว่าเป็นชายวัยกลางคน ใส่เสื้อเชิ้ตสีเข้ม ชายเสื้อเก็บเข้ากางเกงแสล็คสีเข้มเสียเรียบร้อย เขาดูภูมิฐานและดวงหน้าคลับคล้ายกับรูปหนึ่งว่าเหมือนคุณพ่อพี่ซัน ฉันเลยรีบยกมือไหว้ แล้วคิดในใจว่า อ้าว พ่อพี่ซันกลับมาตั้งแต่เมื่อไร

“สวัสดีค่ะคุณลุง สิดาริน หลานสาวคุณปู่นรินทร์ นราธรค่ะ วันนี้คุณย่าฝากขนมมาให้บ้านคุณลุงค่ะ คุณลุงสบายดีนะคะ รินนึกว่าคุณลุงยังประจำอยู่ที่ต่างประเทศเสียอีก ตอนนี้พี่ซันกำลังไปตามหาทุกคนน่ะค่ะ" ฉันยิ้มแย้มทักทายอย่างยาวนาน คุณพ่อพี่รินมองฉันแล้วยิ้มค้างๆ ฉันคิดว่ามันทำให้เขาเสียบุคลิก แต่พอคิดอีกที หรือนี่จะเป็นท่าทางของคนเป็นทูตพึงกระทำหรือเปล่านะ

“เอ่อคุณหนูริน...” เขาทำท่าจะพูดอไรสักอย่าง

“อุ้ยคุณลุงคะ อย่าเรียกรินว่าคุณหนูเลยค่ะ คุณลุงนั่งก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวพี่ซันคงมา หรือคุณลุงมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ไม่ต้องห่วงรินนะคะ รินอยู่คนเดียวได้" ฉันทำท่านอบน้อมเชิญคุณพ่อพี่รินนั่ง แต่ทำไมเขาทำท่าลำบากใจเหมือนที่นี่ไม่ใช่บ้านตัวเองเลยล่ะ แล้วพี่ซันก็เดินเข้ามาพร้อมคุณปู่ของเขา ฉันรีบยกมือไหว้คุณปู่สุรยุทธทันที แล้วพูดเจื้อยแจ้วตามประสา
“สวัสดีค่ะคุณปู่ คุณย่าฝากขนมมาให้ค่ะ รินพบคุณพ่อของพี่ซันพอดีเลยค่ะ"

ท่านสุรยุทธรับไหว้ แล้วทั้งสองก็มองฉันอย่างฉงน

“คุณพ่อพี่? ไหนล่ะริน ท่านไม่ได้มาด้วยสักหน่อย" สิ้นเสียงพี่ซัน ฉันมองชายที่ยืนอยู่ไม่ไกลกันนัก ด้วยแววตาสงสัย ปากกำลังจะพูด แต่มือไวชี้ไปก่อน แล้วคนที่ฉันคิดว่าเป็นพ่อพี่ซันก็ก้มโค้งเดินผ่านพี่ซันกับท่านสุรยุทธไป

“ผมขอตัวไปตัดต้นไม้ข้างหลังก่อนนะครับท่าน ขอตัวก่อนนะครับคุณหนูสิดาริน"
สิ้นประโยคนี้ฉันเหวอ ไปต่อไม่ถูก ได้แต่ทำตาโตค้างไว้อย่างนั้น ทำไมคนสวนบ้านนี้แต่งตัวดูดีจังเลยล่ะ แล้วพี่ซันกับท่านสุรยุทธก็หัวเราะกันครื้นเครง

“ฮ่าๆ น้องริน นั่นคือลงอ้น คนสวนบ้านพี่เอง น้องรินคุยอะไรกับลุงอ้นไปบ้างล่ะ ฮ่าๆ" พี่ซันหัวเราะงอหายไม่หยุด ทำเอาฉันชักสีหน้า

“แหมก็รินไม่รู้นี่คะ" แล้วก็พอดีที่น้าจุ่นนำขนมที่คุณย่าฝากมาให้ออกมาเสิร์ฟ พร้อมน้ำมะตูมที่ทำกันเองในบ้าน อร่อย หวาน ชื่นใจ ดีจริง

“ปกติปู่ก็อยู่คนเดียวนี่แหละ บางทีก็ไปเล่นกับหลานบ้านนู่นบ้าง ไปตีกอล์ฟกับปู่ของหลานบ้างอย่างไรล่ะ นี่ซันกลับมาปู่ก็ครึกครื้นดี หลานคนนี้ชวนปู่ทำกิจกรรมเรื่อย แล้วหนูรินจำซันเขาได้บ้างหรือยัง ตอนเด็กๆก็เคยเล่นกันอยู่นะ นี่ไงมีรูปด้วย" แล้วท่านก็เอื้อมไปหยิบรูปที่ฉันกำลังตะลึงอยู่เมื่อกี้ออกมาให้ดูอีกครั้ง แต่พี่ซันมือไว คว้าไว้ได้ก่อน

“ดูสิครับคุณปู่ แบทแมนของซันแขนหักเลย ตัวนี้รักที่สุด แถมยังมีคนขโมยไปอีก" เขาพูดแล้วเหล่มาทางฉัน อะไรนะ! นี่มันเรื่องจริงเหรอ หรือมันเดจาวู จะบ้าไปแล้วเหรอ ฉันไม่เป็นแดนเซล วอชิงตัน หรอกนะ

“คะ?” ฉันมองรูปนั้นอย่างสงสัย "รินเป็นคนอาไปเหรอคะ...ทำไม..." คือฉันงงน่ะ มันเหมือนฝันเกินไป แล้วฝันนี้จะสื่ออะไรเหรอ
พี่ซันหัวเราะกว้าง "เห็นไหมครับคุณปู่ น้องรินจำไม่ได้จริงๆ ผมจนปัญญา"

“เอาน่า ตอนนั้นน้องยังเด็ก ก็ค่อยๆสานสัมพันธ์กันไปละกันนะ เดี๋ยวก็จำได้ เออหนูริน เห็นซันบอกว่าหนูชอบบรรยากาศรอบบ้านมากเหรอ ให้ซันพาไปเดินเล่นสิ พาไปหาเด็กๆบ้านอาทิตย์ด้วยคงดี เดี๋ยวปู่ไปดูตาอ้นตดต้นไม้ก่อน รายนั้นชอบตัดขาดๆเกินๆ" ​แล้วท่านก็หันมายิ้มให้ฉัน "แล้วตอนเย็นอยู่ทานข้าวกับปู่นะจ๊ะ" ฉันก็พยักหน้ายิ้มรับ แต่ให้ตายเหอะ นี่มันยังไม่เที่ยงเลย ฉันต้องอยู่ที่นี่ทั้งวันเหรอ แล้วฉันควรทำอะไรบ้าง นอกจากรำลึกความหลังเรื่องแบทแมน

พี่ซันพาฉันเดินไปรอบๆ แนะนำต้นไม้นู่นนี่ เขาก็ดูรู้เยอะเหมือนกันนะ แล้วฉันก็พูดเข้าประเด็น

“เรามีความหลังเรื่องแบทแมนกันเหรอคะ" แล้วเขาก็นิ่ง หันมามองฉันแววตาจริงจัง

“จำได้หรือจะให้พี่เล่าล่ะ" แล้วฉันก็บอกว่าให้พี่ซันเล่า แล้วเขาก็เล่า ตรงกับในความฝันไม่มีผิดเพี้ยน ยิ่งเล่าฉันยิ่งทำตาโต แล้วพี่ซันก็ขำ

“ตาโตเท่าไข่ห่านแล้ว ตกใจทำไม พี่ล่ะงง แล้วยังเก็บหุ่นแบมแมนไว้อยู่หรือเปล่า"

ฉันหยุดเดินแล้วหันตัวมาจ้องตาเขาเขม็ง ทำหน้าเหมือนโดนผีหลอกจนพี่ซันตกใจ "มีอะไรหรือเปล่าน้องริน" เขาถามดูเป็นห่วง

“พี่ซัน!” ฉันตะโกนออกมาแต่เสียงแหบแห้ง โชคดีที่ละแวกนั้นเป็นดงกล้วยไม้ และไม่มีใคร "รินฝัน ฝันเรื่องหุ่นจำลองแบทแมน แล้ว...แล้วมันเกิดขึ้นจริง เหมือนที่พี่ซันเล่าหมดเลย มัน...แปลว่าอะไรเนี่ย"

พี่ซันก็เลิกคิ้วทำหน้าสงสัยเช่นกัน "ฝัน...เหรอ...ฝันทำไม"

“รินก็ไม่รู้ เอ...” ฉันยังพูดไม่จบ เขาก็เสริมขึ้นมา

“แล้วฝันอะไรเพิ่มหรือเปล่า จะได้ทำให้มันเป็นจริงอีก" เขาพูดกำกวม

“ก็ไม่มีนี่คะ ก็แค่นั้น แปลกดี ช่างเถอะ คิดมากก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดี" แล้วฉันก็เดินนำหน้าเขาไป เรื่องฝันอะไรนี่ บ้าบอดี แต่คิดไปก็เท่านั้น มันคงเป็นเรื่องบังเอิญสุดๆ แต่พี่ซันจับแขนฉันรั้งไว้เฉยฉันเลยเซไปเหยียบอะไรนิ่มๆ

“เดี๋ยวน้องริน พี่มีอะไรจะบอก ตอนแรกพี่คิดว่าจะบอกดีไหม อาจจะรอเวลาสักหน่อย แต่พี่คิดดูแล้วถ้าไม่บอกตอนนี้ พี่กลัวว่า...”

พี่ซันพูดอะไรไม่รู้ ฉันไม่ได้ใส่ใจ เพราะตั้งแต่ฉันเหยียบอะไรนิ่มๆ ก็ได้กลิ่นเหม็น ทันที ฉันเลยกล้มไปมองเท้าตัวเองตอนพี่ซันพล่าม แล้วก็พบว่า

“กรี๊ดดดดดด รินเหยียบอึหมาค่ะ" พี่ซันมองเท้าฉันแล้วส่ายหน้าเนหื่อยหน่าย เขาบ่นอะไรเบาๆ ไม่รู้ ก่อนจะพาฉันไปล้างรองเท้าที่ก๊อกน้ำใกล้ๆ จากนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรเรื่องความฝันอีก เขาพาฉันไปบ้านคุณอา อาทิตย์ผู้มีสักเป็นน้องชายคุณพ่อพี่ซัน คุณอาอาทิตย์เป็นสถาปินิก และมีลูกเล็กสองคนเป็นหญิงและชาย น่ารักมาก ฉันเล่นกับน้องๆสักพัก แล้วก็ถึงเวลาทานอาหารเย็น ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาที่ผ่านไปอย่างสบายๆ พี่ซันตักอาหารให้ฉันเรื่อย ฉันยอมรับว่าประทับใจ แล้วเขาก็พาฉันมาส่งบ้าน แค่นั้น ดีหน่อยที่่คราวนี้ฉันไม่ได้หลับเลย เมื่อรถของเขามาจอดเทียบหน้าทางเข้าห้องโถงใหญ่ของบ้าน ฉันกล่าวขอบคุฯและเตรียมตัวลงจากรถ แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้

“พี่ซันจะบอกอะไรรินหรือเปล่าคะ ตอนรินเหยีบ...เอ่อ นั่นล่ะค่ะ"

พี่ซันทำหน้าประมาณว่าช่างเถอะแล้วยักไหล่ "ไม่มีอะไรหรอก รินไปพักเถอะ"

ฉันพยักหน้าตกลงแล้วลงรถไป แต่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้เหมือนกัน "พี่ซันคะ รินลืมไปเลย รินขอบคุณพี่ซันมากนะ
คะสำหรับเรื่องวันที่รินหนีออกจากบ้าน ถ้าไม่ได้พี่ซันรินคงแย่"

พี่ซันมองฉันหน้าแดง แววตาดูเขินถ้าฉันอ่านไม่ผิด แล้วยิ้มกว้าง ซึ่งเป็นยิ้มที่ฉันชอบนะ "อ่า ยินดีครับ แต่พี่ไม่อยากได้คำขอบคุณอย่างเดียว"
ฉันทำหน้าสงสัย "แล้วพี่ซันอยากได้อะไรคะ แบทแมนเหรอคะ แล้วรินจะไปค้นมาให้นะคะ"

เขายิ้มเย็นๆ "ไม่เป็นไรหรอก พี่แค่...ขอทานข้าวเย็นกับรินพรุ่งนี้แล้วกัน แล้วพี่จะไปรับที่โรงเรียนนะ"

พูดเสร็จเขาก็ขับรถออกไปเฉย ปล่อยให้ฉันยืนทำตัวไม่ถูก และยอมรับว่าอยู่ดีดีใจก็เต้นแรง ความรู้สึกนี้มันคืออะไร

สมุดบันทึกจ๋า พี่ซันชวนฉันไปทานข้าวอย่างนั้นเหรอ นี่มันเป็นเรื่องปกติหรือเปล่าที่ชายหนุ่มอย่างเขามาชวนฉัน ฉันเป็นแค่น้องสาว ฉันหวังว่าฉันคงไม่ได้คิดมากไปกว่านั้น และหวังว่าเขาก็จะเป็นแค่พี่ชายเช่นกัน
สิดาริน


ช่วงนี้ไม่มีอารมณ์ขัน นิายเลยเรื่อยๆ คนอ่านสบายกันดีไหมคะ เล่าเรื่องตลกให้ฟังคนละเรื่องสิคะ จะไก้จุดประกายอารมณ์ขันของเราบ้าง




ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.พ. 2556, 22:53:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.พ. 2556, 22:53:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 2096





<< (6) ผิดที่   (8)ลาก่อน >>
ใบบัวน่ารัก 25 ก.พ. 2556, 23:28:23 น.
2คุณพ่อมีอะไรแปลกๆ หรือคิดได้ว่า
จริงๆแล้วเป็นเกย์ ที่แอบๆรักกัน555
หนูรินยังเด็ก หลอกเด็กไม่ดีนัคะ พี่ซัน


เคสิยาห์ 25 ก.พ. 2556, 23:30:01 น.
รอนานมากเลย แต่ก็เข้าใจได้ นิยายของคุณต้องใช้อารมณ์ขันเป็นตัวบิ้ว ไอ้เราก็อยู่สายหุ้น ตลาดทอง นักลงทุน ไม่ค่อยมีอะไรขำๆ นักหรอกค่ะ จนปัญญาช่วยจริงๆ


แว่นใส 25 ก.พ. 2556, 23:31:46 น.
สามีแอบทำอะไรหรือเปล่า


konhin 26 ก.พ. 2556, 01:04:01 น.
เข้ามาเชียรคนเขียนค่ะ สู้ๆ วันก่อนไปไปรษณีย์(อยู่เมกา) จะส่งของกลับไทย เค้ามีให้เขียนว่าส่งอะไรแบบละเอียด เอาไงดี บอกแค่ toy ไม่ได้ งั้น เขียนเลยว่าเรียกอะไร พอเอาไปส่งที่เจ้าหน้าที่ เค้าก็อ่านแล้วถามว่า They do have "Furby" in Thailand? อายมากค่ะ มีแต่คนมอง


ผักหวาน 26 ก.พ. 2556, 11:21:02 น.
555 ขำคุณภรรยาของคุณจิทัศน์กับคุณนรินทร์ จะตั้งชมรมเมียหลวงซะงั้น
เอาล่ะ เป็นหน้าที่ต้องพิทักษ์สามีไว้ให้รักเราแค่คนเดียว โอเคแล้วจ้า ว่าแต่จะเริ่มงานกันเมื่อไหร่อ่ะ
ส่วนแบทแมนกับความฝันของหนูรินนี่สิคะ ชักจะมีกลิ่นอายแห่งความรักเข้ามาซะทุกทีๆ หุหุ


kaze 3 มี.ค. 2556, 03:21:58 น.
แค่ชื่อกลุ่มเมียหลวง ก็ลางไม่ดีแล้วจ๊ะหนูเล็ก....
แห้ม...ไม่ใช่คนตลกซะด้วยสิคะ เลยไม่มีมุกเล่า

มุกตลกบังคับกันไม่ได้นะคะ ของมันจะมาเดี๋ยวก็มาค่ะ :)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account