บ้านนราธร (ภาคต่อของทรัพย์สิดีฯ)
ถ้าใครเคยอ่านทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก นี่คือภาคต่อ ที่มีตัวละครคือลูกๆทั้งสามค่ะ การแหกกฏของตระกูลนราธรได้เริ่มขึ้นในรุ่นนี้ มีตัวเอก 3 คน คือ นรนทร์ ลูกชายคนโต ที่ไม่ต้องการดูแลบริษัท นราธิป ลูกชายคนรองที่ไม่ได้เป็นที่คาดหวังของใคร และสิดาริน ลูกสาวคนเล็กของบ้านที่คุณย่าต้องการให้สวยสมบูรณ์แบบ แต่เธอกลับแก่นเซี้ยว ห่างไกลคำว่ากุลสตรี

แล้วบ้านนราธร รุ่นที่ 5 จะเป็นอย่างไร

ปฏิบัติการความเป็นแม่ของทรัพย์สิดี เริ่มขึ้นแล้ว
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: (8)ลาก่อน

ตอนที่ 8

8 มกราคม วันจันทร์
สมุดบันทึกที่รัก
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปสักนิดเดียวที่โรงเรียนของฉัน ถึงแม้จะขึ้นปีใหม่แล้วก็ตาม ฉันกับแพรวาและเพื่อนๆในกลุ่มยังคงต้องนั่งทำการบ้านมากมายมหาศาลเหมือนเดิม ต้องท่องบทอาขยาน ท่องสูตรเคมี ทำการบ้านเรื่องเซ็ทจนจะอาเจียนออกมาเป็นเซ็ทแล้วเนี่ย โชคดีหน่อยที่ฉันมีอัจฉริยะอยู่ในบ้าน นั่นก็คือพี่รนทร์นั่นเอง พี่รนทร์บอกว่า เรื่องเซ็ทเนี่ยง่ายที่สุดในบรรดาพีชคณิตแล้ว แต่เขาก็พูดได้สิ เขาเป็นเทพเจ้านี่
“ไม่ไหวๆ มัวแต่ทำการบ้านอย่างนี้ไม่ได้อ่านหนังสือสอบเข้ามหาวิทยาลัยแน่" แพรวาบ่น นานๆฉันจะเห็นเธอบ่นเสียที แต่ถ้าบ่นล่ะก็ยาว
“คิดถึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วเหรอ นี่เรา ม.4 เองนะ" ฉันท้วงพลางท่องบทอาขยานพึมพำต่อไป ไอ้ท่องบทอาขยานนี่ไม่เท่าไรหรอกนะ มันหนักหนาเรื่องที่ต้องนั่งพับเพียบแล้วประกบมือวางบนตักนี่ล่ะ ใครๆก็พูดกันเป็นเรื่องใหญ่โตว่า น้ำเสียง หรือการเอื้อนไม่มีส่วนสำคัญของการได้คะแนนดีเลย ท่านั่งสิของจริงสุด ขนาดยายจอยห้อง 1 ที่ว่าเก่งสุดของรุ่นยังได้คะแนนท่องอาขยาน 8/10เลย มีคนวิเคราะห์ว่าเพราะจอยลืมวางมือไว้บนตัก ฉันว่านี่มันก็ตลกเกินไปหน่อยละ
“ดาริน เราจะขึ้น ม.5 แล้วนะ นับเวลาจริงก็ไม่ถึงสองปีหรอกสำหรับสอบเข้ามหาวิทยาลัย เธอคงจะต้องมีเป้าหมายล่ะ ว่าอยากเรียนอะไร เรียนที่ไหน" แพรวาจ้องฉันหน้าตาเอาจริงเอาจังมาก ฉันเห็นท่าทางเธอขึงขังจริงจังแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็เริ่มเอะใจ
ฉันยิ้มแห้งๆ "มันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ คือฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจนะ ไอ้เรื่องเรียนสายวิทย์เนี่ย ฉันก็เรียนๆตามพี่ชาย มีอะไรจะได้ถามการบ้าน ถ้าจะไปสายศิลป์ ก็มีแต่พวกยายส้ม ที่ฉันไม่ชอบขี้หน้าเดินยั้วเยี้ยไปหมด ฉันคงจะไปร่วมสมาคมไม่ได้ ส่วนอยากเป็นอะไร ที่บ้านก็ไม่เคยบังคับ จะมีแต่พี่รนทร์นี่ล่ะที่คุณปู่อยากให้มารับช่วงต่อบริษัท ส่วนพี่ธิป ก็เห็นมุ่งมั่นทางบาส ฉันไม่เคยเห็นพี่ธิปพูดว่าอยากเป็นอะไรสักที ฉันคงไม่มีตัวอย่างที่ดีล่ะมั้ง บ้านฉันก็บ้าๆบอๆคนละแบบ" พูดเสร็จฉันก็ปิดหนังสือ รู้สึกขี้เกียจท่องเต็มทน "แต่ก็ไม่แน่นะ ฉันจะลอกพี่ธิปละกัน พี่ธิปเรียนอะไรฉันเรียนด้วย เวลาไปอยู่ที่เดียวกัน พี่ธิปจะได้เป็นลิ่วล้อฉัน ฮ่าๆๆๆๆ"
ฉันหัวเราะขำๆ ไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับเรืื่องนี้ ฉันแค่รู้สึกว่าฉันเด็กเกินไป ยังค้นหาตัวเองไม่เจอว่าอยากจะเป็นอะไร ทำไมเราจะต้องมารีีบจำกัดตัวเองตอนนี้ แค่การบ้านพีชคณิต กับท่องสูตรเคมี ฉันก็หมดเวลาแล้ว ไหนจะรบกับคุณย่าอีก
แต่เปล่า แพรวาไม่ขำด้วย "ดาริน เธอต้องมีเป้าหมายชีวิตที่แน่นอนนะ ถ้าเธอไม่ตั้งใจมุ่งมั่นตอนนี้ ไปรอใกล้สอบ ก็เตรียมตัวไม่ทันแล้ว" เธอปิดหนังสือคณิตศาสตร์ แล้วหลบสายตา "ว่าแต่พี่ธิปอยากเป็นอะไรล่ะ"
เธอเปลี่ยนเรื่องเร็วจนฉันแอบงง "อืมม" ฉันกอดอก นึกทบทวน ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ เห็นพี่ธิปตอนเด็กๆก็เล่นตุ๊กกตายอดมนุษย์ ต่อเลโก้ เล่นบาส เทนนิส กีตาร์ ไม่เห็นเคยบ่นว่าอยากเป็นนู่นนี่ๆ แต่เอ....ล่าสุดที่เราสามคนนอนดูหนังเก่าๆของคุณพ่อที่ไปแอบค้นมา มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้พี่ธิปค้นพบตัวเองชัดเจน
“ไอ้เรื่องอยากเป็นนี่ไม่รู้นะ แต่ที่พี่ธิปไม่อยากเป็นอะไรแน่ๆล่ะพอรู้" ฉันทำหน้าจริงจังและหรี่ตามองเพื่อนรัก เสมือนว่าสำคัญสุดๆ แพรวาหน้าแดงนิดๆ ดูลุ้นมากทีเดียว
“อะไรเหรอ พี่ธิปไม่อยากเป็นอะไร" หล่อนตาโตมาก
“อืม...พี่ธิปไม่อยากเป็น...ตุ๊ด!” พูดเสร็จฉันก็หัวเราะกว้าง แพรวาที่ตอนแรกจริงจังเสียเหลือเกินก็หัวเราะออกมา ฉันชอบแบบนี้ต่างหาก ชอบเรื่องตลก ชอบเสียงหัวเราะ
“ฮ่าๆๆๆ ก็ล่าสุด ฉันกับพี่ชายทั้งสองไปค้นหนังเก่าของคุณพ่อ เป็นหนังเกย์น่ะ เอามานั่งดูกัน พี่ธิปนี่สะอิดสะเอียนตลอดเรื่อง แต่ก็ถ่างตาดูจนจบหรอกนะ ฉันไม่เข้าใจอย่างเดียว คำว่า "เข้าประตูหลัง" มันคืออะไรเหรอแพร นึกเรื่องนี้ได้แล้วคิดออก ตอนนั้นพี่รนทร์กับพี่ธิปพูดถึงเรื่องประตูหลังกันตลอดสัปดาห์ จนคุณแม่ต้องสั่งเลิกพูดเด็ดขาด จนตอนนี้ฉันยังไม่รู้ความหมายเลย"
แต่แพรวาไม่ได้ฟังฉันนิดเดียว เธอยังคงหัวเราะงอหาย จนเสียงเพลงโรงเรียนบอกเวลาพักหมดลงแล้วนั่นล่ะ เราสองคนจึงเดินขึ้นห้องเรียนกันไป แต่ปัญหาคือ ฉันเพิ่งนึกได้ว่าฉันน่ะเลี้ยงหมาตัวหนึ่งไว้ในโรงเรียน มันชื่อวิดเจี้ยน แปลว่าอะไรน่ะเหรอ ฉันก็ไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าเจ้าชายวิลเลี่ยมที่ฉันปลื้มน่ะ เคยมีหมาชื่อวิดเจี้ยน ฉันเลยตั้งตามนั้น ฉันเคยเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้พี่ๆฟัง พี่ธิปบอกว่า ถ้าเป็นหมาไทย ให้ชื่อ วิเชียร ดีกว่า เสียงใกล้ๆกัน คือเจ้าวิดเจี้ยนเนี่ยเป็นลูกกำพร้า แม่มันเป็นหมาของโรงเรียนนี่แหละ แต่ตายไปแล้ว คิดว่าเป็นพันธุ์ไทย ออกลูกมา 5 ตัว หน้าตาดูดีทั้งนั้น สีขาวปลอด มีจุด เพราะแม่มันสีขาว แต่ไม่แน่ใจว่าพ่อคือใคร แต่คิดว่าสีดำ เพราะเจ้าวิดเจี้ยนสีดำอยู่ตัวเดียว นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเหลือวิดเจี้ยนตัวเดียวที่ไม่มีใครรับไปเลี้ยง มีแต่ฉันนี่ละ ที่อยากเลี้ยงมัน แต่คุณพ่อคุณแม่ สำคัญสุดคือคุณย่า ไม่ยอมให้เลี้ยง ฉันเลยฝากพี่ภารโรงในโรงเรียนนี้ไว้ก่อน แล้วคอยส่งข้าวส่งน้ำและไปหาเท่าที่ทำได้
กลางวันนี้ฉันลืมซื้อข้าวไปให้มันน่ะ เพราะมัวแต่ท่องอาขยาน ฉันเลยบอกแพรวา ว่าขอตัวไปห้องน้ำ แต่จริงๆคือรีบแจ้นไปร้านอาหารซื้ออะไรก็ได้ที่เหลือแล้วรีบไปหาวิดเจี้ยน วิดเจี้ยนเจอฉันดีใจมาก มันกระโดดใหญ่ มันอยู่ในกล่องลังเก่าๆ ข้างบ้านพี่ภารโรงคนหนึ่ง เขาก็เลี้ยงมันตามมีตามเกิด เพราะไม่ได้ชอบหมานัก มีแต่ฉันนี่ละที่อ้อนวอน และส่งเงินให้เขาซื้อข้าวให้มัน แต่ไม่รู้เขาได้ซื้อหรือเปล่า เพราะวิดเจี้ยนดูหิวโหยทุกครั้งที่เจอฉัน ฉันอุ้มมันมากอด ตัวมันนิ่มมากกก ถึงจะเหม็นสาบก็เถอะ ตัวมันเริ่มใหญ่แล้วเพราะอายุจะ 2 เดือน ฉันคิดว่า 6 เดือนนี่ล่ะ มันจะใหญ่เต็มตัว ทีนี้จะทำอย่างไรกับมันดี ฉันเล่นกับมันสักพัก รอมันกินเสร็จ แล้วรีบไปขึ้นห้องเรียน ก็ตามคาดนะฉันเข้าห้องเรียนภาษาอังกฤษสาย วันนี้ไม่ใช่คาบอาจารย์ฝรั่ง แต่เป็นครูไหวใจร้าย ที่ปราดหางตามามองฉันทันที พร้อมสะบัดเสียง
“ทำไมมาสาย สิดาริน!” สายตาเพื่อนทั้งห้องจ้องฉัน เอาล่ะ จะแก้ตัวอย่างไรดี
“ไปเข้าห้องน้ำค่ะ" แล้วยิ้มแฉ่งสุดๆ
“ไปเข้าห้องน้ำอะไรตั้งครึ่งชั่วโมง หือ!”
ตอนนี้ฉันยืนอยู่หน้าห้องตัวเปล่า ในมือถือแค่หนังสือภาษาไทย เพื่อนๆทั้งห้องจ้องฉัน บางคนเอาใจช่วย บางคนเฉยๆ บางคนขำ บางคนหลับไปแล้ว ส่วนแพรวาส่ายศีรษะละเหี่ยใจ
“คือหนู...” ในหัวกำลังประมวนความคิด
“ถ้าเธอไม่มีคำตอบดีดีให้ ครูจะหักจิตพิสัย 20 คะแนน"
ครูไหวใจร้ายมาแบบเดิม จริงๆคุณครูสอนภาษาอังกฤษคนนี้ไม่ได้ชื่อไหวหรอก นี่คือฉายาของคุณครูที่ฉันมอบให้เวลานินทาจะได้สะดวกปาก วลีเด็ดของครูไหวคือ "หักจิตพิสัย" หักมันอยู่นั่นล่ะตั้งแต่ต้นปียันปลายปี คือถ้าหักได้จริงๆฉันคงโดนไล่ออกนานแล้ว เพราะครูหักฉันตลอดเวลา ฉันหาวในห้อง ครูยังหักเลย ฉันเลยไม่เชื่อเรื่องจิตพิสัยเท่าไรนัก ตอนนี้ที่ตอบคำถามไปก็เพื่อรักษามารยาทหรอก แล้วครูเคยขู่ไว้ว่าจะเรียกผู้ปกครองมาพบถ้าจิตพิสัยฉันติดลบ
“หนูไปเข้าห้องน้ำจริงๆค่ะ" ไหนๆโกหกไปแล้ว ก็จงทำต่อไปอย่าให้เสีย แล้วค่อยสวดมนต์คืนนี้ละกัน ไม่แน่ใจว่าคุณปู ่สอนไว้หรือเป็นอารันนี่ล่ะ "แต่ที่หนูมาช้าเพราะขัดห้องน้ำอยู่ค่ะ คืออย่างนี้ค่ะ มันค่อนข้างจะสะอิดะเอียน แต่ถ้าครูอยากให้หนูเล่า ก็ได้นะคะ คือนหนูปวดถ่ายหนักค่ะ แล้ว..." ฉันตั้งหน้าตั้งตาเล่ามาก จนเพื่อนๆเริ่มขำแล้วครูไหวก็เริ่มทำหน้ามึน
“พอๆมาเข้าเรียนได้แล้ว!” ฉันเลยรีบวิ่งเข้าไปนั่งข้างแพรวาดังเดิม
ตกเย็นแพรวาขอตัวไปเรียนพิเศษ เธอพยายามชักชวนฉันให้ไปสมัครเรียนวิชาเคมีเพิ่ม แต่ฉันขอปฏิเสธ ฉันไม่ชอบวิชานี้ ทำไมต้องเรียนเสริมอีก ถ้าไม่เข้าใจ ฉันถามพี่รนทร์ดีกว่าไม่เปลืองด้วย ระหว่างรอลุงชมมารับ ฉันเลยเดินไปหลังโรงเรียน ไปหาวิดเจี้ยน พร้อมถุงขนมและข้าวเย็นสำหรับมันอีก พอไปถึงก็พบว่าไม่มีกล่องลังเก่าๆที่วิดเจี้ยนเคยอยู่แล้ว ฉันเจอก็แต่พี่ภารโรงที่ชื่อจอร์จกำลังฉีดน้ำล้างทำความสะอาดบริเวณนั้นอยู่
“พี่จอร์จ วิดเจี้ยนล่ะคะ อยู่ทีไ่หน" สิ้นเสียงฉัน พี่จอร์จเงยหน้าขึ้นมาจากพื้นด้วยแววตาเบื่อหน่ายสุดขีด
“ขอโทษนะ แต่พี่เอามันไปปล่อยวัดเมื่อกี้เองล่ะ พี่ไม่มีเวลาดูมันนักหรอก ไอ้วิเชียรเนี่ยร้องหงิงๆทั้งคืน ไหนจะอึจะฉี่อีก พี่ต้องเสียเวลามาทำความสะอาดเนี่ย เวลาพี่ก็ไมไ่ด้มีเยอะหรอกนะ ทำไมน้องไม่เอามันไปเลี้ยงเองล่ะ”
ฉันหน้าซีดเผือด “พี่ว่าอะไรนะ พี่เอาวิดเจี้ยนไปทิ้งที่ไหน” ถามเขากลับเสียเสียงดัง
“วัดไงล่ะ วัดหลังโรงเรียนเรา เดินไปแค่นี้เอง นี่ถ้าไม่มีปัญญาเลี้ยง ก็อย่ามาฝากคนอื่นเลยนะ” เขาพูดไม่เหลือเยื่อใย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ พอฉันให้เงินเขาไป เขาก็รับปากว่าจะดูแลอย่างดี แล้วดูที่เขาทำสิ
“พี่รับเงินหนูไปแล้วนะ แล้วตอนนั้นพี่ก็บอกเองว่าสบายมาก ทำไมเอาหมาหนูไปทิ้งยังงี้ ใจร้ายที่สุด มันจะโดนหมาใหญ่กัดหรือเปล่าไม่รู้ นึกว่าถ้าเป็นตัวเองบ้างล่ะ จะทำยังไง" ฉันโมโหเขาไปชุดใหญ่ แล้วป้าของที่ซื้อใส่เขา ฉันรู้มันไม่ดีที่ทำอย่างนั้น แต่เขาควรได้รับการลงโทษอะไรสักอย่าง จิตใจแย่ที่สุด ฉันกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกจากตรงนั้น ในใจพลางคิดว่า วิดเจี้ยนมันยังตัวเล็ก แถมหากินเองไม่ได้ ไปอยู่วัดที่มีแต่หมาใหญ่ๆทั้งนั้น ไม่โดนรุมทึ้งตายแย่เหรอ คิดดังนั้นน้ำตาฉันก็เอ่อออกมา แล้วฉันก็วิ่งเร็วขึ้นๆ จนถึงหน้าโรงเรียนก็ได้ยินเสียงคนสองคนเรียกฉันอยู่ แต่ฉันก็ไม่ได้หันไปเพราะคิดว่าคงเป็นเพื่อนๆแถวนี้นี่แหละ แต่แล้วมีคนมาดึงข้อศอกฉันขากด้านหลัง
“น้องรินจะวิ่งไปไหน" ฉันเลยสะดุดกึกเกือบจะล้มเซไป แต่พอหันมามองว่าเสียงนี้เป็นของใครฉันก็ตกใจ
“พี่ซัน!” ตอนนั้นฉันน้ำตานองหน้า แล้วพี่ดีน่าผมเปียยาวสวยเดินมาจากไหนไม่รู้ มาถึงก็ตกใจใหญ่
“น้องริน ร้องไห้ทำไมจ๊ะ เกิดอะไรขึ้น" ฉันมองหน้าที่ทั้งสองคนไปมา ไม่รู้จะอธิบายอะไร คิดแต่ว่าตอนนี้วิดเจี้ยนคงนอนจมกองเลือดไปแล้ว ฉันสลัดแขนออกจาพี่ซัน แล้ววิ่งออกจากหน้าโรงเรียนไปเลย ตอนนั้นไม่ได้คิดถึงอะไรทั้งนั้น ฉันวิ่งมาเรื่อยๆ น้ำตาก็ไหล เหงื่อก็เต็มตัว ผมเปียที่ถักไว้สองข้างก็เริ่มคลาย แล้วฉันก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยมาก หายใจไม่ออก เลยค่อยๆชะลอฝีเท้าจนหยุดอยู่กับที่ ฉันยืนหอบมองซ้ายมองขวา ไหนล่ะวัด นี่ฉันวิ่งมาที่ไหนเนี่ย แต่แล้วก็มีรถซีดานคันใหญ่บีบแตรดังลั่นมาจอดเทียบ กระจกฝั่งคนขับถูกลดลง ฉันจำได้น่า พี่ซันในกรอบแว่นสีดำ ใบหน้าตึงเครียดเล็กน้อย เขาทำท่าจะอ้าปากพูด แล้วฉันก็ไม่รออะไรทั้งนั้น ฉันรีบวิ่งอ้อมไปเปิดประตูรถขึ้นนั่งทันที พี่ซันมองฉันพักหนึ่งขณะฉันหายใจถี่
“อย่าบ่นรินเลยค่ะ พารินไปวัดหลังโรงเรียนหน่อยค่ะ" แล้วเขาก็ทำตามฉันว่าจริงๆ
"จะไปวัด? แล้วนี่วิ่งมาทางไหนเนี่ย วัดนี่เลี้ยวขวานะ น้องรินดันวิ่งมาทางซ้าย" เขายังบ่นขำๆ แต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรเพิ่มแล้วก็พาฉันมาถึงวัดจนได้ วัดนี้ห่างจากโรงเรียนฉันไม่ไกลนัก แต่เดินมาคงไม่ไหวจริงๆ ฉันลงมาจากรถ สอดส่ายสายตาหาวิดเจี้ยน แต่ก็ไม่พบ เจอแต่หมาใหญ่อยู่เต็มไปหมด แลบลิ้น น้ำลายย้อยกันทั้งนั้น พี่ซันเดินมาขนาบข้างฉัน แต่ฉันเดินห่างออกไป วัดนี้ร่มรื่นสงบก็จริง แต่ใจฉันรุ่นร้อนมาก
“วิดเจี้ยน!” ฉันจะโกนเสียงดัง ตะโกนแล้วตะโกนเล่า พี่ซันก็เดินตามฉันมาตลอด ถึงแม้เขาจะไม่รู้อะไรเลย
ฉันเดินตะโกนมาเรื่อย หลังๆพี่ซันเริ่มตะโกนด้วย เดินมาจนถึงกุฏิเก่าๆหลังหนึ่ง
“วิดเจี้ยนๆๆๆๆ"
และแล้วเสียงงี้ดๆ ก็ดังมาไม่ไกลนัก แล้วฉันก็ได้เห็น เจ้าวิดเจี้ยนตัวดำเมี่ยม วิ่งมาหาฉัน หางของมันกระดิกแบบเหมือนจะขาดเสียให้ได้ ฉันดีใจมาก วิดเจี้ยนก็คงดีใจมากเช่นกัน ฉันตะโกนเรียกมันเสียงดังแล้ววิ่งไปอุ้มมันมากอดหอมอย่างชื่นใจ น้ำตานองหน้าไม่สนใจพี่ซันที่จ้องดูอยุ่เลย
“หมาของโยมเหรอ" ฉันเงยหน้าจากน้องหมาขึ้นมา ก็พบว่ามีพระรูปหนึ่งยืนอยู่บนกุฏิมองลงมา
“มีคนเอามาปล่อยไว้ไม่กี่ชั่วโมงนี่เอง อาตมากลัวจะเสร็จหมาใหญ่เลยเอามาเลี้ยงไว้ใกล้กุฏิ ถ้ารักมันจริง ก็เลี้ยงมันให้ได้นะ อย่าเอามาปล่อยเลย" ท่านพูดเสร็จก็เดินหันหลังกลับเข้ากุฏิไป ฉันจึงยกมือประนมไหว้ตามหลังท่าน
“น้องรินเลี้ยงหมาอย่างนั้นเหรอ เลี้ยงที่ไหน นานหรือยัง" พี่ซันที่คงจะมีคำถามมากมายเต็มอยู่แล้ว จึงเอ่ยขึ้นในที่สุด
ฉันมองเจ้าวิดเจี้ยนที่พยายามจะเลียหน้าฉันตลอดเวลา แววตามันดูเศร้ามากเลย ไหนจะแม่ตาย ไม่มีใครเกก็บไปเลี้ยง แล้วยังจะมาโดนทิ้งให้หมาใหญ่ฟัดอีก ฉันเลยเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พี่ซันฟัง เราคุยกันพักใหญ่ที่ใต้ร่มไม้แถวกุฏิเดิม
พี่ซันไม่ได้ว่าอะไรแค่ยื่นผ้าเช็ดหน้าของเขาให้ฉันซับน้ำตา
“เอาน่า ตอนนี้มันปลอดภัยแล้ว แล้วจะเอาอย่างไรต่อ ที่บ้านจะยอมให้เอาไปเลี้ยงเหรอ"
“นั่นสิคะ เดี๋ยวก็โดนเอ็ดอีก แต่บ้านรินก็ออกจะใหญ่ ทำไมแค่หมาตัวเล็กๆตัวเดียวถึงเอาไปเลี้ยงไม่ได้"
“มันไม่ได้ตัวเล็กตลอดไปน่ะสิ เดี๋ยวหกเดือนมันก็ตัวโตเต็มที่แล้ว จากที่ดู พี่เดาว่าเป็นพันธุ์ไทยผสม ตัวใหญ่แน่"
ฉันนิ่งเงียบ นั่นสิถ้าต่อไปตัวใหญ่เบ้อเร่อ แถมถ้าเกิดนิสัยไม่ดีอีกจะทำอย่างไร
“แล้วนี่พี่ซันมาทำอะไรที่โรงเรียนรินคะ ว้ายนี่กี่โมงละคะ ลุงชมมาคอยเก้อแย่" ฉันรีบดูนาฬิกาช้อมือก็พบว่าเป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว
พี่ซันถอนหายใจเบาๆ "พี่นัดรินไว้แล้วไง ว่าจะพาไปทานข้าวเย็น เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ก็ต้องบินกลับแล้วนะ ลืมไปเหรอ ส่วนลุงชมเขาไม่มาหรอก เพราะพี่โ?รไปแจ้งกับที่บ้านรินไว้แล้ว"
ฉันหันขวับไปมองเขาด้วยความตกใจ "นั่นสิคะ! รินลืมไปเลย แต่เราจะไปทานกันยังไงล่ะคะ เจ้าวิดเจี้ยนล่ะจะทำยังไง"
ฉันมองมันด้วยความเศร้าสร้อย แล้วพี่ซันก็เขยิบตัวเข้ามาใกล้ฉันก่อนจะลูบหัววิดเจี้ยน
“เอาน่าไปกินกับพี่ก่อน เอาวิดเจี้ยนไปด้วยนี่ล่ะ เดี๋ยวพี่จะบอกทางแก้ให้"
แล้วฉันก้ขึ้นรถมากับเขา มีเจ้าวิดเจี้ยนนั่งอยู่บนตัก เหมือนว่าวิดเจี้ยนจะเมารถนะ เพราะมันไม่ร่าเริงอีกเลย เอาแต่นอนคุดคู้บนตักฉัน แล้วฉันก็นึกได้ว่าก่อนหน้านี้เจอพี่ดีน่าด้วย แล้วทำไมเธอไม่มาด้วยล่ะ พอฉันถามพี่ซันเขาก็ตอบแค่ว่า
“ก็พี่นัดกับรินไว้แล้วไง" เขาตอบแบบนี้ เอาเป็นว่าฉันไม่เข้าใจละกัน
ขณะรถติดไฟแดงฉันเลยถามเขาเรื่องกลับไปเรียนต่อ เขาบอกว่าคงเรียนอีก 1-2 ปี จบโททางนั้นแล้วคงกลับมาทำงานที่นี่
“แล้วทำไมวันนี้พี่ซันไม่ไปสังสรรค์กับเพื่อนล่ะคะ มาพารินไปกินข้าวทำไม"
เขานิ่งเงียบ ไม่ตอบ ยังคงใส่แว่นดำอยู่เลยไม่รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร คือฉันก็ถามไปอย่างนั้นล่ะ แค่สงสัย เขาคงเอ็นดูฉันในฐานะ น้องมากจริงๆ
“รินคิดว่าไงล่ะ" มีถามกลับซ้ำแน่ะ
ฉันหันไปมองเขา ใบหน้าด้านข้างของพี่ซันนี่มีพลังจริงๆ จมูกโด่งสวย คอยาว ไหล่ก็กว้างอีก จริงๆแล้วในวัน 16 ปี ของฉัน ฮอร์โมนน่าจะพลุ่งพล่านมากกว่านี้นะ ฉันน่าจะปลื้มพี่ซัน หรือปลื้มผู้ชายในทีวีสักคนที่ดูดี เพราะเพื่อนๆฉันก็เป็นกันหมด แต่ฉันยังไม่มีความรู้สึกนั้นกับใครจริงๆ ถ้ามีมันจะเป็นอย่างไร คงสนุกดี
“รินคิดว่า พี่ซันชอบรินม้ังคะ รินเป็นน้องสาวที่น่ารักของพี่ซันเหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง รินก็ขอบคุณค่ะ" ฉันคิดตามที่พูดจริงๆ มันใช่ไหมล่ะ ผูชายอย่างเขาอยู่ดีดีจะมารับฉันไปทานข้าวทำไม แถมสองคนอีก แต่ฉันเด็กเกินไป แถมไม่ได้สะสวยอะไร เขาก็คงไม่ได้ชอบฉันแบบชู้สาวหรอก คงรักฉันแบบน้องสาวน่ะแหละ เพราะเขาก็เป็นลูกชายคนเดียว
พี่ซันสะดุ้งหลังจากฉันพูดจบ "ก็...คงประมาณนั้นล่ะมั้ง" เขาตอบเบาๆ แต่ฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรหรอก ฉันเริ่มหิวข้าวละ แล้วกลิ่นเหม็นสาบของวิดเจี้ยนก็เพิ่มขึ้นทุกที
ไม่นานนักเราก็มาถึงร้านอาหารของพี่ซัน พี่ซันบอกว่านี่เป็นร้านของเพื่อน เขาจัดแบบเปิดลานกว้างของหน้าบ้านทำเป็นร้านอาหาร ประดับด้วยไฟเชอรี่ตามต้นไม้และเสาไฟเสียสวยงาม บรรยาาศดูสบายๆดี ฉันชอบ พอเราเข้าไปถึงร้านฉันก้จำได้ทันทีว่าเพื่อนพี่ซันที่เป็นเจ้าของร้านคือคนเดียวกับคนที่สั่งน้ำให้พี่ดีน่าที่ร้านไอศกรีมที่พวกเราเจอกันโดยบังเอิญ เขาเป็นชายร่างบึ้ก ใส่แว่น ดูห้าวและตลก เขาเดินมาถึงก้กอดคอพี่ซันแล้วจ้องฉัน
“อะไรวะ นี่เอ็งกินเด็กเหรอ เด็กไปมากเลยนะ...” เขาพุดอะไรไม่รู้แต่ดูพิเรนทร์ชอบกล จนพี่ซันต้องเอามืออุดปากเขา แล้วลากตัวเขาออกไปพูดอะไรกันสองคนไม่รู้ พอคุยกันเสร็จ พี่ซันก็เดินมาอุ้มเจ้าวิดเจี้ยนไปจากมือฉัน เขาบอกว่าจะเอาไปให้คนครัวหลังบ้านเพื่อนเขาอาบน้ำและให้อาหารมัน จนกว่าเราจะกินกันเสร็จ ซึ่งฉันรู้สึกยินดีมาก
“กินเด็กคืออะไรเหรอคะ ทำไมเพื่อนพี่ซันพูดแล้วจ้องรินแบบนั้น" ฉันโพล่งถามเขาขึ้นขณะอาหารจานแรกมาเสิร์ฟ
พี่ซันถอดแว่นออกแล้ว ฉันจึงได้เห็นว่าเขาทำหน้าแบบกลืนไม่เข้า คายไม่ออก
“อย่าไปสนใจมันเลย ไอ้นี่พูดไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว กินเถอะน้องริน อร่อยนะ จานนี้" ว่าแล้วเขาก็จักอาหารใส่จานฉัน แล้วเราก็คุยสัพเพเหระกันไปเรื่อยๆ ฉันยอมรับ ฉันรู้สึกดีนะ พี่ซันเป็พี่ชายที่ใจดีมาก และตลกบางครั้ง
แล้วฉันก็นึกอะไรออก เกี่ยวกับเจ้าวิดเจี้ยน "สรุปว่าเราจะทำอย่างไรต่อกับวิดเจี้ยนดีคะ"
เขายิ้มจางๆ อีกแล้ว ฉันชอบรอยยิ้มนี้ "ก็เอาไว้บ้านน้องรินล่ะดีที่สุด"
“หือ จะเลี้ยงไว้ที่บ้านรินได้ยังไง รินโดนเอ็ดตาย คุณย่าไม่ชอบหมาด้วย"
“เอาน่าพี่ มีวิธี กินต่อเถอะ มาพี่ตักอันนี้ให้"
แล้วเขาก็ตักอาหารใส่จานฉันเรื่อยๆ เติมน้ำแข็งใส่แก้วให้ฉัน จนฉันแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ฉันรู้สึกดีนะ พี่ชายสองคนของฉันไม่เคยทำอะไรอย่างนี้ให้ เขาดีกับฉันมากไป หลายเรื่อง ตอนนี้ฉันเริ่มมีความรู้สึกแปลกๆละ มันเริ่มแปลกทุกที จนฉันทนไม่ไหว มันแน่นอก แต่เอาเถอะ ฉันไม่ใช่ใบเตย แต่ถ้าใช่ก็อาจเป็นดาริน อาร์สยองแทน
พอถึงเวลาที่ของหวานมาเสิร์ฟ พี่ซันก็เริ่มทำตัวแปลกๆ เขาดูอยากพูดอะไรสักอย่าง
“น้องรินรู้เหตุผลไหมว่าทำไมพี่ถึงพามาทานข้าววันนี้" แล้วก็หลบตาฉัน
“อ้าวก็พี่ซันบอกแล้วนี่คะว่าจะพามาเลี้ยงเพราะพี่ซันจะกลับไปเรียนต่อแล้ว"
เขามองฉันด้วยแววตาจริงจัง หน้าแดงจนถึงใบหู "ที่จริง เรื่องนี้พี่จะคุยตั้งแต่วันที่รินมาบ้านพี่แล้วล่ะ คือ...”
แล้วฉันก็โดนยุงกัด "โอ๊ย ยุงเยอะนะคะ รินว่าพี่ซันรีบพูดดกีว่าค่ะ อุ๊ย โดนอีกแล้ว"
พี่ซันถอนหายใจยาว "เอาเถอะ คิดเงินเลยดีกว่า รินไปรอพี่ที่รถแล้วกัน พี่จะไปอุ้มวิดเจี้ยนมา ว่าแต่หมานี่ชื่อเหมือนหมาพันธ์ูลาบราดอร์ของเจ้าชายวิลเลี่ยมเลยนะ" อะไรนะพี่ซันรู้ด้วยเหรอ ไม่น่าเชื่อ แล้วเขาก็ลุกออกไปจ่ายเงิน ส่วนฉันไปยืนรอที่รถ เมื่อกี้พี่ซันจะพูดอะไรนะ
แล้วพี่ซันในร่างสูงโปร่งก็เดินเข้ามาในมืออุ้มเจ้าวิดเจี้ยน ที่ดูสะอาดและมีความสุข มันกระดิกห่างให้ฉันขณะที่พี่ซันส่งวิดเจี้ยนให้ฉันอุ้มต่อ พอเราสองคนขึ้นมาในรถ ฉันที่มัวแต่เล่นและหอมเจ้าวิดเจี้ยนไม่หยุดก็ลืมไปว่าพี่ซันยังม่ได้ขับรถออกไปสักที
“อ้าวทำไมไม่ออกรถล่ะคะ" ฉันถามแต่ยังคนเล่นกับวิดเจี้ยนต่อ
“พี่ยังพูดไม่จบเลยเรื่องเมื่อกี้ รินพร้อมจะฟังหรือเปล่า ในรถนี้ไม่มียุงแล้ว น่าจะตั้งใจฟังได้" น้ำเสียงจริงจังมาอีกแล้ว
“ค่ะพูดมาเลยค่ะ"
“พี่พามาทานข้าววันนี้ก็เพราะว่า...พี่จะบอกว่า...พี่...ไม่ได้อยากเป็นแค่พี่ชายไปตลอดหรอกนะ" สิ้นประโยคนี้ทำเอาฉันหันขวับ พี่ซันหน้าแดง และเริ่มพูดติดอ่าง "คือ...คือพี่ พี่หมายความว่า...เอาเถอะ น้องรินยังเด็ก แต่รินต้องรับรู้ไว้ รินรู้ใช่ไหมว่า ...ว่าบ้านเราสองคนอยากให้เรา..เอ้อ..ลงเอยกัน"
ฉันนิ่ง สมองตื้อ นี่เขาพูดเรื่องอะไรนะ ทำไมไม่พูดง่ายๆตรงๆ ฉันไม่อยากแปลผิด
ฉันคงนิ่งนานไปหน่อย จ้องเขาจนพี่ซันทำตัวไม่ถูก
“คือ คบกัน เป็นแฟนกันนั่นล่ะ เข้าใจไหม ฟอ แอ นอ แฟน ที่ไม่ใช่ฮิตาชิ ไม่ใช่ พัดลม เข้าใจหรือยังน้องริน"
ชัดเลยทีนี้ แฟนเนี่ยนะ บ้านเราทั้งสองคนอยากให้ฉันกับพี่ซันเป็นแฟนกันเนี่ยนะ เป็นแฟนกับฉันที่ถักเปียสองข้าง งงกับพีชคณิต ต้องสอบท่องอาขยานสัปดาห์หน้า เนี่ยนะ!!!!
“รินอายุ 16 นะคะรินยังตื่นสาย ถักเปียไปโรงเรียนทุกวัน ไม่เข้าใจว่าการมีแฟนเป็นยังไง พี่ซันจะคบกับรินเนี่ยนะคะ พี่ซันจะเหมือนเลี้ยงลูกมากกว่า หรือพี่ซันจะให้รินเลี้ยงพี่ซัน เอ้ยไม่ใช่ โอ๊ย งง คือ รินร่างกายไม่พร้อมค่ะ ฮอร์โมนไม่เข้าที่ แล้วพี่ซันชอบรินเหรอคะ หรือถูกบังคับให้ชอบไม่ต้องชอบรินก็ได้นะคะ รินไม่ถือ" ฉันพล่ามอะไรไปไม่รู้ เอาเป็นว่าฉันไม่รู้ตัว พี่ซันก็ทำหน้าลำบากใจ
“ใจเย็นใจเย็นน้องริน พี่หมายความว่า ตอนนี้พี่ก็เป็นแค่พี่ชายล่ะ แต่อนาคตพี่ไม่รู้ พี่แค่บอกเฉยๆว่าทั้งสองครอบครัวของเราคิดอย่างไร พี่ก็แค่...แค่... อยากให้รินรอพี่สักสองปีได้ไหม อย่าเพิ่งเป็นสาว อย่าเพิ่งชอบใคร แต่...แต่...ตอนนี้เราก็เป็นแค่พี่น้องกันไง ตกลงไหม"
หา!!! อะไรนะ อย่าเพิ่งเป็นสาว อะไรเนี่ย ขนาดคุณยุ้ย ญาติเยอะเวลาเขาเป็นสาวเขายังห้ามไม่ได้ต้องประกาศออกมาเป็นอัลบั้มเลย แล้วฉันจะห้ามตัวเองได้เหรอ
“รินงงค่ะ บอกตามตรง คือพี่ซันจะยอมให้ที่บ้านคลุมถุงชนเหรอคะ"
พี่ซันกุมขมับ "เปล่าๆ พี่...เอาเถอะ...ตอนนี้พี่เป็นพี่ชายของรินจบไหม แต่...อนาคตพี่อาจจะเป็นมากกว่านั้น"
“เป็นลุงเหรอคะ" ฉันถามติดตลก ฉันงง งงไปหมด
พี่ซันเลิกคิ้วสูงแล้วหันกลับไปสตาร์ตรถ "เอาเถอะ พี่พารินกลับบ้านดีกว่า ส่วนเจ้าวิดเจี้ยนเนี่ยพี่จะบอกคุณย่าว่าพี่ให้รินเป็นของที่ระลึก คุณย่าน่าจะยอม" พี่ซันคิดได้มีเหตุผล
แล้วตลอดทางเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ในหัวฉันมีแต่คำว่า "อนาคตพี่อาจจะป็นมากกว่านั้น" อะไรล่ะ เขาหมายถึงอะไร ฉันยอมรับ ฉันขนบุกไปทั้งตัว
พอมาถึงบ้านคุณย่าและคุณแม่ออกมารับ พอเห็นหมาท่านทั้งสองก็ตกอกตกใจ จนพี่ซันต้องอธิบายจนคุณย่ายิ้มอย่างปราบปลื้ม คือพี่ซันก็อธิบายตามที่เราตกลงกันนั่นล่ะ พอพี่ซันจะกลับ คุณย่าก็ไล่ให้ฉันไปส่งเขาที่รถ
พี่ซันยืนพิงประตูแล้วจ้องฉันนิ่งๆ ทำเอาฉันสั่นสะท้านชอบกล คำพูดของเขายังลอยในหัว และฉันไม่อยากถามให้ขยายความอีก ฉันเหมือนจะเข้าใจนะ แต่สุดท้าย ฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
“อีกสองปี พี่จะมาหา หวังว่าตอนนั้นรินจะโตเป็นสาว และ...อย่าลืมที่พี่บอกล่ะ...รอพี่ก่อน ได้ไหม"
โอย อย่าพูดแบบนี้ อย่าใช้น้ำเสียงและทำหน้าแบบนี้ ฉันรู้สึก ตัวเองจะละลาย
ฉันหน้าแดง ก้มหน้ามองพื้น จะให้ตอบว่าอะไรล่ะเนี่ย เขาชอบฉันเหรอ ทั้งๆที่ฉันแก่นกะโหลกยังงี้ แต่เอ๊ะ ไหนเขาบอกขอเป็นพี่ชายไปก่อน โอ๊ยยย สับสน
แล้วเขาก็เอื้อมมือมาเชยคางฉัน แล้วเราก็สบตากัน แปลกฉันรู้สึกตัวอ่อน ขยับไปไหนไม่ได้
“แต่ตอนนี้พี่จะเป็นพี่ชายของน้องริน พี่ชายที่ดีที่สุดอีกคนหนึ่ง มีอะไรปรึกษาพี่ได้นะ เราเมล์หากันได้ ตกลงไหม แล้วพี่จะเมล์มาหารินทุกวัน....นะครับ" แล้วก็ลดมือลง แต่ฉันยังคงตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก
ปรึกษาได้ ถามได้ ทุกอย่างเลยเหรอ
เขาเอืื้อมสองมือมา เหมือนจะโอบกอดฉัน แต่เปล่า เขาแค่จับแขนสองข้างฉันไว้แน่น
“พี่...ไปก่อนนะ...แล้วพี่จะกลับมาหาให้เร็วที่สุด" แล้วเขากยิ้มกว้างบาดใจ เราสบตากันทั้งสุดท้าย ฉันเหมือนถูกแช่แข็ง แล้วพี่ซันก็ปิดประตูรถ แต่ฉันเพิ่งนึกอะไรได้เลยเคาะกระจกรถเขา
พี่ซันลดกระจกลงมา ส่งยิ้มหล่อๆให้ "มีอะไรเหรอครับ"
“พี่ซันว่า รินถามอะไรก้ได้หมดเลยเหรอคะ"
“ครับ"
แล้วฉันก็ยิ้มออก อาการเขินอายค่อยๆหายไป ก็เขาบอกเองนี่ว่าตอนนี้เป็นพี่ชาย จะถามอะไรก็ได้
“รินอยากรู้เรื่องหนึ่งมานานแล้ว พี่รนทร์กับพี่ธิป ไม่ยอมบอกเลย พี่ซันบอกรินนะคะ" ฉันออดอ้อนเล็กน้อย
เขายิ้มแล้วยื่นมืออกมาลูบผมฉัน ซึ่งปกติ ฉันจะสะบัดหนี แต่หนีฉันยอมไปก่อน
“ถามมาสิครับ"
ฉันยิ้มอย่างอ่อนหวานสุด แล้วเอ่ยว่า "เข้าทางประตูหลังแปลว่าอะไรคะ"
พี่ซันอึ้งไปเล็กน้อย มือที่กำลังลูบผมฉันหยุดกึก ก่อนเขาจะหัวเราะกว้างเป็นนาน "รนทร์กับธิปเปิดหนังเกย์ให้ดูล่ะสิ ฮ่าๆๆๆ เอาเป็นว่า อีกสองปีพี่จะกลับมาตอบนะ พี่ไปก่อน แล้ว...เจอกันครับ" พี่ซันมองฉันแวบสุดท้ายก่อจะปิดกระจกแล้วขับรถออกไปโดยเร็ว ปล่อยให้ฉันยืนงง
ในที่สุดก็ไม่มีใครตอบคำถามฉันสักที
สิดาริน

หายไปนาน กลับมาแล้น ยังเหลือคนอ่านไหม ยู้ฮู คิดถึงทุกคนจังค่า



ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ต.ค. 2556, 23:30:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ต.ค. 2556, 23:31:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1561





<< (7)ฝันเป็นจริง   (9)ก็ไม่รู้สินะ >>
oolong 13 ต.ค. 2556, 03:05:54 น.
ดีใจที่กลับมาค่ะ คิดถึงครอบครัวนี้(รวมถึงคนเขียนด้วยน้า)จัง อ่านแล้วยิ้มไปทั้งวัน


จิงโกะ 13 ต.ค. 2556, 08:28:06 น.
สิดาริน หายไปนานเลยค่ะ แต่กลับมาก็ทำให้ยิ้มค้างอยู่เหมือนเดิม


เคสิยาห์ 13 ต.ค. 2556, 10:40:54 น.
โห...นึกว่าเด็กๆ จบ ดร. มีครอบครัว แต่งงานกันไปหมดแล้วนะเนี่ย กลับมาคราวนี้ ยินดี ยินดี


ใบบัวน่ารัก 13 ต.ค. 2556, 11:46:48 น.
ใสซื่อมากกกกกกก
น้องรินอาร์สยอง เด็กม.4
16ปี
กินเด็กแท้ๆๆ อีก2ปี น้องเค้ายังไม่จบม.ปลายนะค้า


Kapoh 13 ต.ค. 2556, 15:42:21 น.
หายไปนาน แต่ความฮาและน่ารักไม่เปลี่ยนเลย


ลายเส้น 13 ต.ค. 2556, 16:30:25 น.
สวัสดีทุกคนค่าาา


konhin 13 ต.ค. 2556, 20:05:45 น.
ฮ่าา พี่ซัน กินเด็ก ฮ่าๆๆ


yayee62 14 ต.ค. 2556, 23:09:03 น.
คอยอยู่ค่ะ แฮ่ๆๆๆ


ณิณ 4 พ.ย. 2556, 13:34:48 น.
คิดถึงรินกับพี่ซันเรยค่ะ


ลายเส้น 25 พ.ย. 2556, 12:40:03 น.
รออีกแปปนะคะ อีกตอนกำลังปั่น


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account