สนิมดอกรัก (ตีพิมพ์แล้ว - สนพ.อรุณ)
แพรวเพชร สิริณธรณ์ ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เมื่อเผ่าภาคินที่เธอเข้าใจว่าเสียชีวิตไปแล้วเกือบสี่ปี
จู่ๆจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
แถมยังมาในมาดมหาเศรษฐีหนุ่มรูปหล่อ ร่ำรวย
และโหดเหี้ยมเหมือนในนิยายเป๊ะ!
.
.
.
.
“เชิญกรอกข้อมูลส่วนตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะแนะนำรายละเอียดและขอบเขตการให้บริการให้ฟัง อ้อ...ต้องให้ดิฉันแจ้งค่าใช้จ่ายให้ทราบคร่าวๆก่อนไหมคะ เพราะค่าบริการของเราไม่แพงก็จริง แต่สำหรับคนกำลังเก็บเงินแต่งงาน มันก็...เป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลย”

“ดูเหมือนว่าเงินจะเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตคุณเสมอเลยนะ คุณแพรวเพชร” เผ่าภาคินหยัน

“พูดอย่างกับว่ามันไม่สำคัญสำหรับคุณงั้นแหละ” หญิงสาวบิดริมฝีปากนิดๆอย่างดูถูก จากนั้นเดินไปยังโต๊ะที่วางชิดผนัง ดึงเอกสารแผ่นหนึ่งจากแท่นใสทรงกระบอกถือมากางตรงหน้าชายหนุ่ม พลางอธิบายด้วยท่าทีเหมือนทองไม่รู้ร้อน ไม่สนใจแม้จะเห็นว่าสายตาที่จ้องเธอแทบจะแผดเผาลุกเป็นไฟ

“นี่ค่ะ อัตราค่าสมัครแรกเข้าสำหรับลงทะเบียนเป็นสมาชิกของคิวปิดฯ ส่วนคอร์สที่คุณจะเข้าใช้บริการแยกคิดเป็นรายครั้ง เรามีรายการให้คุณเลือกเยอะค่ะ ทั้งดำน้ำ วาดรูป อบรมบุคลิกภาพ เที่ยวพิพิธภัณฑ์ ทำบุญไหว้พระ ทำขนม อ้อ...แต่สุดท้ายนี่ฉันไม่แนะนำนะคะ เพราะคุณคงไม่อยากให้ครูคนนั้นรู้ว่ามาสมัครเป็นลูกค้าที่นี่”

“แล้วมีคอร์สสับรางไม่ให้รถไฟชนกันบ้างไหม หรือไม่ก็พวก...วิธีซ่อนชู้ ซ่อนกิ๊กอะไรแบบนี้น่ะ ผมสนใจเป็นพิเศษ และถ้าให้แนะนำ ผมว่าคุณน่ะเหมาะจะเป็นวิทยากรมาก ใช้ประสบการณ์ตรงมาสอนก็ได้ คงมีคนอยากเรียนกันเยอะแยะ”

แพรวเพชรหัวเราะขัน “แปลกนะคะ คุณพูดเองแท้ๆว่าฉันไม่ได้มีเกียรติ มีเสน่ห์ หรือว่ามีค่าพอให้คุณเสียดมเสียดายอะไรแล้ว แต่ไอ้ที่คุณพูดๆมาเนี่ย เหมือนว่า...คุณจะจำเรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉันได้แม่นยำจังเลย”

หญิงสาวดักคอและลอยหน้าเอ่ยประโยคต่อไปว่า “เอ...หรือว่าอันที่จริงแล้วคุณไม่ได้คิดอย่างที่พูด แต่กำลังเรียกร้องความสนใจจากฉัน หรือบางทีไอ้ที่บอกว่าจะแต่งงานกับคุณนวลนรีนั่นก็เป็นแค่การโกหก แกล้งทำเป็นโชว์ออฟ เพียงเพราะอยากให้ฉันรู้สึกรู้สาไปด้วยเท่านั้นเอง ประชด...อะไรทำนองนั้นน่ะเหรอคะ”

ปฏิกิริยาที่ไม่ได้คาดไว้ล่วงหน้าทำให้เผ่าภาคินค้นหาคำตอบโต้ไม่พบแม้แต่คำเดียว

แพรวเพชรแต้มยิ้มทำสีหน้าสมเพช จากนั้นก้าวเข้ามาใกล้ เอื้อมมือแตะแก้มอีกฝ่ายแผ่วเบาหยอกเย้า “โถ...น่ารักจริง แต่ขอโทษด้วยที่ต้องทำให้ผิดหวัง ฉันแต่งงานแล้ว และก็ไม่เคยคิดนอกใจสามี เพราะเขาเป็นคนดีมาก ยิ่งเขาดีเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งนึกเสียดายที่เคยไปเกลือกกลั้วกับของสกปรกมาก่อน โชคดีที่เขาไม่ถือสาอดีตของฉัน ไม่เช่นนั้นฉันคงไม่ได้เป็นผู้หญิงโชคดีอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”

ประโยคสุดท้ายทิ่มแทงหัวใจคนฟังจนแทบทนไม่ไหว และเพียงเสี้ยววินาทีที่เผ่าภาคินปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความควบคุม อุ้งมือแข็งแรงก็ตวัดคว้าต้นแขนหญิงสาวพร้อมทั้งบีบรุนแรง กระแสบางอย่างที่แล่นปราดผ่านปลายนิ้วทำให้ชายหนุ่มเกือบจะปล่อยมือ แต่เขาก็ฝืนกำมือแน่น เค้นเสียงลอดไรฟันเอ่ยคำถัดมา

“ใช่ ฉันมันเลว ชั่ว แต่ก็สมกันดีแล้วไม่ใช่เหรอ ผู้ชายสกปรกกับผู้หญิงที่น่าขยะแขยงน่ะ แพรวเพชรคนอ่อนโยนไร้เดียงสาที่ฉันเคยรู้จัก มาวันนี้กลับกลายเป็นผู้หญิงกร้านโลก หลายใจ น่ารังเกียจไปแล้ว ทุเรศที่สุด”

“ในเมื่อพี่เผ่าคนที่ฉันเคยรู้จักตายไปแล้ว แพรวเพชรคนที่คุณเคยรู้จักก็สมควรจะตายไปได้แล้วเหมือนกัน ถือว่าเราเสมอกันไงคะ” หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างสะใจ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๕

“นี่มันอะไรกันน่ะเพชร” อิงอรุณวางเครื่องไอแพดลงบนโต๊ะรับแขกตรงหน้าหุ้นส่วนอีกคนหนึ่งของบริษัท ซึ่งกำลังขะมักเขม้นอ่านนิตยสารในมืออย่างตั้งใจ

“ไม่เห็นต้องถามเลย ก็...ผลคะแนนที่ลูกค้าทำแบบทดสอบกับผู้ช่วยกามเทพไง” คนตอบปรายตามองภาพบนหน้าจอเล็กน้อย แล้วตอบโดยแสร้งไขสือ ทำเป็นไม่เข้าใจนัยแห่งคำถามนั้นดื้อๆ

“ไม่ต้องมาเล่นลิ้นเลยนะ เพชรก็รู้ว่าอิงหมายความว่ายังไง”

เพราะรู้ว่าน้ำเสียงคาดคั้นนั้นเจือด้วยความห่วงใย แพรวเพชรจึงเงยขึ้นสบตาเพื่อนพลางยิ้มบางๆ “ถ้าอิงอยากได้ยินชัดๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไปเอง งั้นเราจะบอกให้มั่นใจอีกครั้งก็ได้ ว่าที่อิงรู้เห็นมาน่ะเป็นเรื่องจริง เมื่อวานพี่เผ่ามาสมัครเป็นลูกค้าของคิวปิดแอสซิสแทนซ์”

“แล้วเขาทำแบบนั้นเพื่ออะไร ในเมื่อเขาก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว”

“อิงมาถามเราได้ยังไง ไว้รอถามเขาเองสิ” แพรวเพชรเย็บปากสนิท สัญญากับตัวเองเป็นแม่นมั่นว่าจะไม่หลุดปากถึงบทสนทนาที่ตอบโต้กับเผ่าภาคินให้บุคคลที่สามได้ยินโดยเด็ดขาด แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นเพื่อนสนิทของเธอซึ่งรู้ ‘เรื่อง’ ที่เกิดขึ้นแทบทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบก็ตาม

อิงอรุณเบ้ปาก ชี้ข้อความหนึ่งบนหน้าจอ “แล้วนี่อะไร ใครคิดชื่อนามแฝงให้เขาเนี่ย จันทโครพ เชยสิ้นดี”

“ไม่มีใครคิดให้ เขาคิดของเขาเองทั้งนั้นแหละ”

“แล้วเพชรไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ นี่เขาคงจะตั้งใจจะใช้ชื่อนี้เพื่อเหน็บแนมเพชรว่าเป็นโมราน่ะสิ”

แพรวเพชรยิ้มขัน “อ้าว! ก็อิงบอกเราเองว่าพี่เผ่าจะพูด จะคิด หรือจะทำอะไร ไม่เกี่ยวกับเราทั้งนั้น เพราะเรื่องของเรากับเขามันจบลงไปหมดแล้ว ทำไมเราจะต้องรู้สึกอะไรด้วยล่ะ”

อิงอรุณเกาศีรษะ สีหน้าบอกชัดว่าจนด้วยคำโต้แย้ง ท่าที่เพื่อนหันรีหันขวางคล้ายกำลังมองหาเหตุผลดีๆมาคัดง้างกับเธอทำให้แพรวเพชรอดหัวเราะไม่ได้ จนต้องวางนิตยสารในมือลงบนโต๊ะ แล้วลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะรับแขกมากอดอีกฝ่ายไว้ด้วยความซาบซึ้ง

“อิง...เราไม่ใช่แพรวเพชรคนเดิมแล้ว วางใจได้ การได้เจอพี่เผ่าอีกครั้ง ความจริงก็ดีเหมือนกันนะ เพราะทำให้เรารู้ใจตัวเองจริงๆว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาอีกแล้ว และเราคิดถูกที่เลือกพี่นราในวันนั้น การที่เขายินดีปล่อยให้เราเข้าใจว่าเขาตายไปแล้ว นั่นคงเป็นเพราะเขาไม่ได้รักเราอย่างที่เราเคยหวัง อีกอย่าง...ผู้ชายคนนี้น่ารังเกียจกว่าที่เราคิดไว้มาก บอกว่าจะแต่งงานกับคุณนวลนรี แต่กลับสั่งให้เราปิดเรื่องที่มาสมัครใช้บริการกับคิวปิดฯไว้เป็นความลับ ทั้งยังอ้างด้วยนะว่า ถ้าเรื่องที่เขามาที่นี่หลุดรอดไปถึงหูคุณนวล ก็จะโทษว่าเป็นความบกพร่องของคิวปิดฯที่ไม่สามารถรักษาความลับของลูกค้าไว้ได้น่ะ”

อิงอรุณแตะบ่าดันเธอออกห่าง แล้วสบตากันด้วยความแปลกใจ “นี่เพชรพูดจริงเหรอ”

“จริงสิ ผู้ชายมักมากอย่างนั้น น่าทุเรศ น่าขยะแขยงที่สุดเลย”

คนฟังถอนหายใจโล่งอก ยิ้มกว้าง “ดีแล้วละที่เพชรรู้เช่นเห็นชาติเขาเสียก่อน” แต่แล้วเหมือนนึกบางสิ่งได้จึงรีบถามต่อ “แล้วนี่พี่นรารู้เรื่องที่พี่เผ่ากลับมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆตัวเพชรหรือเปล่า”

เจ้าของเรื่องส่ายหน้า “เรียกว่ารู้ได้ไหมล่ะ เมื่อวานตอนพี่นราพาหนูกานมารับเรากลับบ้าน เขาเจอกันจังๆเลย แต่ดูเหมือนว่าพี่นราจะจำพี่เผ่าไม่ได้นะ”

“เฮ้ย! เป็นไปได้ยังไง ในเมื่อ...” อิงอรุณกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ “สองคนนั้นเกลียดขี้หน้ากันจะตาย แถมยังเกือบจะฟาดปากกันก็ตั้งหลายหน ศัตรูหัวใจหมายเลขหนึ่งขนาดนั้น มีหรือจะจำกันไม่ได้น่ะ”

แพรวเพชรส่ายหน้า “พี่นราจำไม่ได้จริงๆนะอิง แต่จะว่าไปก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ ในเมื่อพี่เผ่าเปลี่ยนไปมากขนาดนั้น เมื่อก่อนเขาแต่งตัวธรรมดา แค่เสื้อยืดกับยีนเหมือนนักศึกษาทั่วๆไป แต่เดี๋ยวนี้อิงก็เห็นว่าเขา...เอ้อ...ดูดีขึ้น ดูภูมิฐาน มีราศี แถมสายตาท่าทางก็ดูเจ้าชู้ มาดเพลย์บอย ท่าทาง...”

“เหลี่ยมจัด” อิงอรุณเติมคำสุดท้ายให้

แพรวเพชรตาโต “เออ!อิงใช้คำได้เป๊ะมาก เราว่าคำนี้แหละเหมาะกับพี่เผ่าเวอร์ชั่นใหม่ที่สุด เหลี่ยมจัด!”

“เนอะ เหลี่ยมจัด” คนบัญญัติศัพท์หัวเราะเขินๆ “เห็นเพชรแบบนี้ อิงก็สบายใจแล้ว บอกตรงๆนะว่าตอนที่เห็นใบสมัครของพี่เผ่า อิงใจไม่ดีเลย กลัว...ว่าเพชรจะไขว้เขว”

“บ้าน่า ผู้ชายอย่างนั้นไม่มีอะไรเทียบกับพี่นราได้เลย เราเคยหลงผิดไปแล้วครั้งนึง แต่เหตุการณ์แบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกแน่นอน”

“พี่นราได้ยินเข้าคงจะดีใจ” อิงอรุณเองก็ดีใจเช่นกัน

แพรวเพชรถอนหายใจ บางทีเธอก็เคยคิดว่า ถ้านราธิปรักเธอ ‘น้อย’ กว่าที่เป็นอยู่ อะไรๆอาจจะไม่ยากแก่หัวใจเธอเช่นนี้!
.
.
.
.
.
ห้องประชุมขนาดกลางแห่งนั้นเปิดเครื่องปรับอากาศไว้เย็นฉ่ำ ตรงกลางห้องวางโต๊ะไม้ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เก้าอี้หกตัวตรงปลายด้านหนึ่งของโต๊ะถูกจับจองโดยบุรุษแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตผูกเน็คไท แตกต่างกันเพียงสีสันและลวดลายเนื้อผ้า ใบหน้าทุกคนเคร่งเครียดจริงจัง บรรยากาศค่อนไปทางอึมครึมมากกว่าผ่อนคลาย ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรสักคำ มีเพียงความเงียบห้อมล้อมอยู่รอบๆระหว่างที่ผู้มีอำนาจสูงสุดในห้องกำลังอ่านเอกสารตรงหน้า

บุคคลภายนอกส่วนใหญ่รับรู้แค่ว่าเผ่าภาคินเปิดบริษัทรับวางระบบคอลเซ็นเตอร์ แต่ในความเป็นจริงแล้วธุรกิจหลักของเขาในออสเตรเลียคือการรับจ้างผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ โดยเขาส่งตัวอย่างสินค้าที่ต้องการมาสั่งผลิตในประเทศไทยเพื่อให้ได้ต้นทุนถูกกว่าค่าแรงงานในออสเตรเลีย ซึ่งมีฝีมือการผลิตที่ค่อนข้างทัดเทียมกัน ชายหนุ่มแค่สั่งของที่เมืองไทยไปขายผ่านมือที่ออสเตรเลีย แต่สามารถทำกำไรได้มหาศาล

ดังนั้นเมื่อมาดำเนินธุรกิจในเมืองไทยเต็มตัว เผ่าภาคินจึงเริ่มกว้านซื้อโรงงานผลิตวัตถุดิบสำหรับการทำแผงวงจรไว้เกือบสิบแห่ง อันประกอบไปด้วยบริษัทผลิตแผงพีซีบี ตัวต้านทาน ชิป ไดโอด ฯลฯ โดยเขาเสนอเงินอีกหนึ่งเท่าตัวเข้าร่วมทุน พร้อมทั้งโน้มน้าวให้เจ้าของโรงงานเหล่านั้นใช้เงินทุนที่เขาใส่ลงไปในระบบลงทุนเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์

จากนั้นเผ่าภาคินก็แนะนำให้บริษัทผู้ประกอบแผงอิเล็กทรอนิกส์ สั่งซื้อวัตถุดิบจากโรงงานที่เขาถือหุ้นอยู่ เพียงเท่านี้ยอดขายของโรงงานเหล่านั้นก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นมีแหล่งรองรับสินค้าไปในตัว ซึ่งเขาสามารถทำกำไรได้ถึงสองทอด

หลายเดือนก่อน ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ในออสเตรเลียประสบความสำเร็จในการคิดค้นโทรศัพท์บ้านรูปแบบใหม่ กล่าวคือ...นำเทคโนโลยีที่ใช้ในมือถือมาติดตั้งกับโทรศัพท์บ้าน แม้มิใช่ของใหม่ล่าสุดในโลก แต่จุดเด่นที่สินค้าของเขามีก็คือ...ราคา! โดยโทรศัพท์ตั้งโต๊ะในอนาคตจะใช้หน้าจอสไลด์ สามารถคุยโทรศัพท์พร้อมกับเห็นหน้าคู่สนทนาได้ ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ส่งข้อความ หรือแม้กระทั่งเล่นไลน์หรือวอตส์แอป ก็ยังได้ เพียงแค่เสียบสายสัญญาณโทรศัพท์เข้าที่หลังเครื่องเท่านั้นเอง และราคาก็ย่อมเยากว่าการลงทุนกับโทรศัพท์เคลื่อนที่เกินกว่าครึ่ง

ตอนนี้แผงวงจรต้นแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว เผ่าภาคินกำลังมองหาโรงงานประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งไปประกอบกับเครื่องโทรศัพท์ที่ออสเตรเลียและส่งขายทั่วโลก

ทว่าเทคโนโลยีนี้เป็นของใหม่ ชายหนุ่มลงทุนกับการพัฒนาและวิจัยไปมหาศาล และเขาต้องการทำกำไรจากสินค้าตัวนี้ให้คุ้มก่อน ไม่อยากถูกใครลอกเลียนออกมาขายแข่งกันก่อนเวลาอันควร ซึ่งวิธีเดียวที่เทคโนโลยีจะไม่หลุดไปไหน เขาควรจะสร้างโรงงานขึ้นมาผลิตเอง และนั่นคือเหตุผลของการประชุมในวันนี้

เผ่าภาคินเปิดแฟ้มกวาดสายตาผ่านรายละเอียดต่างๆไปยังบรรทัดสุดท้ายของเอกสาร คิ้วคู่นั้นขมวดมุ่นเมื่อโยนมันลงบนโต๊ะอย่างไม่ไยดี เลื่อนตั้งเอกสารออกห่างตัว“กองโน้นใช้ไม่ได้ ที่เข้าตามีอยู่สองสามแห่ง โดยเฉพาะโรงงานที่คุณพงษ์ชัยเสนอ ผมชอบมากกว่าที่อื่น กำลังการผลิตดีมาก เทคโนโลยีที่ใช้ก็ไม่เก่าจนเกินไป และที่สำคัญ...” ชายหนุ่มเอื้อมไปพลิกเอกสารที่แฟ้มแรก ชี้ในหน้าที่ต้องการ “เขากำลังมีปัญหาทางการเงิน น่าจะเป็นโอกาสอันดีที่เราจะเจรจาขอร่วมทุนได้ง่ายขึ้น”

พงษ์ชัยมีสีหน้าเรียบเฉย ตั้งคำถามแบบคนที่เหลือในห้องได้แต่พยักหน้า “ผมไม่เห็นด้วยเลยที่คุณจะเข้าไปร่วมทุนในโรงงานประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เล็กๆแบบนี้ ยิ่งเป็นแค่การร่วมทุน จะขยับทำอะไรก็ยาก เพราะต้องรอให้เจ้าของอีกครึ่งเห็นชอบด้วย สู้ลงทุนสร้างโรงงานของเราเองน่าจะดีกว่า”

“การสร้างโรงงานน่ะใช้ทุนสูง กว่าจะคืนทุนก็ต้องสามปีห้าปี แถมกว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จเริ่มต้นทำการผลิตได้...ก็เสียเวลา สู้ซื้อโรงงานที่มีอยู่แล้วง่ายกว่าเยอะ ทำงานได้เลย” เผ่าภาคินอธิบายเสียงเรียบ

“ถ้าเขาบริหารกันแล้วมันยังจะเจ๊งมิเจ๊งแหล่ แปลว่าโรงงานนั้นไม่ไหวแล้วนะ” พงษ์ชัยให้เหตุผลเพิ่ม

“แปลว่าผู้บริหารเขาไม่เก่งต่างหาก ผมมั่นใจว่าทีมที่ปรึกษาการเงินและนักบริหารอย่างพวกคุณน่าจะเข้าไปตรวจสอบและมองเห็นข้อดีข้อด้อยพวกนี้ แล้วนำมาบริหารให้มันไปรอดได้”

คนฟังทั้งห้องได้แต่มองหน้ากัน จะค้านก็จนด้วยเหตุผล ส่วนจะสนับสนุน เจ้านายก็ไม่ชอบ เพราะรู้กันอยู่ว่าเผ่าภาคินเกลียดการสอพลอ เขาต้องการเสียงคัดค้านเพื่อนำไปพิจารณาว่าตนเองอาจจะมองพลาดไปในบางจุดต่างหาก ไม่เคยมีใครถูกไล่ออกจากการขัดแย้งกับเผ่าภาคิน...อย่างน้อยก็จนถึงตอนนี้!

เผ่าภาคินเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังแล้วตัดสินใจ “คุณพงษ์ชัยกับทีมลองหาโรงงานประกอบมาให้ผมเลือกอีกสี่ห้าบริษัทละกัน ผมอยากจะมั่นใจว่าสองแห่งที่เราตั้งธงจะเข้าเจรจาเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่มีแล้วจริงๆ”

เขาสั่งแล้วหันไปทางเลขาฯส่วนตัว “คุณนิดเช็กกับซาร่าด้วยว่าออฟฟิศที่ซิดนีย์ส่งโทรศัพท์ต้นแบบไปให้เซลส์ของเราที่ยุโรปหรือยัง ก่อนสิ้นไตรมาสนี้ ผมต้องได้เห็นยอดขายเบื้องต้นที่เราจะทำได้ในการเปิดตัวสินค้าล็อตแรกนะ”

ชายหนุ่มเหลือบตามองรอบห้องว่ามีคำถามใดเพิ่มเติมจากทีมงานหรือไม่ เมื่อทุกคนนั่งหลังตรงไม่เอ่ยสิ่งใด เขาจึงประกาศ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นปิดประชุม อาทิตย์หน้ามาอัพเดตกันใหม่”

เผ่าภาคินมองนาฬิกาอีกครั้ง แล้วออกจากห้องประชุม ใบหน้ามีร่องรอยหมาดมาดเมื่อกำหนดไว้ในใจว่าจะกระทำสิ่งใดเป็นลำดับต่อไป
.
.
.
.
.
ไม่ถึงสิบนาทีถัดมา เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นที่บริษัทคิวปิดแอสซิสแทนซ์

“คุณบอกว่าที่บริษัทมีบริการจัดหาคู่นัดแบบสองต่อสองด้วย” ปลายสายไม่ทักทายหรือแนะนำตัวด้วยซ้ำ แต่ตั้งคำถามทันทีที่แพรวเพชรหยิบกระบอกโทรศัพท์แนบหู ราวกับมั่นใจว่าเธอจะต้องรู้ว่าเขาคือใคร “คุณจะเลือกคู่นัดให้ผมยังไง”

“ให้โปรแกรมผู้ช่วยกามเทพเอาคะแนนจากแบบทดสอบที่คุณทำไว้ไปเทียบกับคะแนนของสุภาพสตรีในระบบฐานข้อมูล แล้วเลือกจากคนที่มีเปอร์เซ็นต์ความเข้ากันได้สูงสุดค่ะ ด้วยวิธีนี้คอมพิวเตอร์จะต้องตรวจคะแนนและเทียบคะแนนละเอียด ระบบต้องใช้เวลาในการจับคู่นานกว่าปกติ ดิฉันต้องเรียนให้ทราบก่อนว่าค่าบริการจะสูงนะคะ”

ทั้งที่รู้ว่าคนฟังจะต้องฉุนเฉียว แต่แพรวเพชรก็จงใจทิ้งท้ายเช่นนั้น กระทั่งเธอเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจึงสะใจนักที่จะได้หยิบประเด็นนี้ขึ้นมาจุดเพลิงพิโรธของอีกฝ่าย

“ไม่ต้องห่วงหรอก ผมมีปัญญาจ่ายแน่ๆ” และเขาก็ทำเสียงเย็นชากลับมาสมใจ!

“คุณคงไม่ว่าอะไร ถ้าหากคิวปิดฯจะต้องรบกวนขอหมายเลขบัตรเครดิตไว้ก่อนที่จะเริ่มจับคู่ให้ และไม่ว่าผลการออกไปรับประทานอาหารด้วยกันจะเป็นอย่างไร ทางบริษัทไม่คืนเงินให้นะคะ”

“ตกลง เย็นนี้ผมจะเข้าไปรูดบัตรไว้ก่อนตามที่คุณต้องการ อ้อ...อย่างที่ย้ำนะว่า ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าใช้บริการที่บริษัทของคุณอยู่ มีทางไหนที่จะเข้าไปที่สำนักงานโดยไม่มีใครเห็นไหม”

“ช่วงเย็นลูกค้าจะแวะเข้ามาทำกิจกรรมที่ออฟฟิศค่อนข้างหนาตา คุณเข้ามาช่วงบ่ายๆน่าจะดีกว่าค่ะ”

“คุณ...ให้คนมารับเช็คเงินสดที่บริษัทผมได้ไหมล่ะ” เขายื่นข้อเสนอ

“ฉันจะให้เมสเซนเจอร์หรือไม่ก็อิงเข้าไปรับเช็คมาละกัน” แพรวเพชรถอนใจ

“ตกลง จะพนักงานรับเอกสารหรือใครก็ได้ อ้อ...คงไม่ต้องให้บอกใช่ไหมว่าสำนักงานผมไม่ต้อนรับคุณน่ะ”

คนฟังกัดริมฝีปากทันควัน ไม่เช่นนั้นเธอคงกรีดร้องใส่กระบอกโทรศัพท์ไปแล้วแน่นอน “ค่ะ...ฉันก็ไม่อยากไปเหยียบที่นั่นเหมือนกัน”

“น่าดีใจเนอะ ที่อะไรต่อมิอะไรเปลี่ยนไปทั้งหมดแล้ว แต่อย่างน้อยเราก็ยังมีทัศนคติตรงกันในเรื่องนี้” เขาเอ่ยปนหัวเราะ

“ค่ะ คงจะเป็นเรื่องเดียวที่ฉันไม่รังเกียจที่จะคิดเห็นตรงกับคุณ แล้วคนของฉันจะโทร.เข้าไปสอบถามที่ตั้งบริษัทก่อนแวะเข้าไปสำนักงานของคุณละกัน” เธอใช้ทั้งน้ำเสียงและถ้อยคำเป็นทางการ เพื่อหมายย้ำให้ตัวเองกีดกั้นผู้ชายคนนี้ไว้นอกกำแพงแห่งความเกลียดชัง

“ตกลง” เขารับคำสั้นๆและทำท่าจะวางสาย แต่ก็ช้ากว่า...

“คุณนวลชอบคุณมาก ถ้าคิดจะแต่งงานกับเธอ คุณก็ไม่ควรทำเรื่องแบบนี้ลับหลังเธอ” แพรวเพชรแทบจะกัดริมฝีปากตัวเอง เมื่อเธอโพล่งสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกไปโดยไม่ทันควบคุม

“ขอบคุณที่เป็นห่วงแทนนวลนะ ที่ทำแบบนี้ก็เพราะผมอยากจะมั่นใจเท่านั้นเอง ว่าต่อให้เจอใครอีกกี่สิบกี่ร้อยคน นวลก็จะเป็นคนที่ใช่เพียงคนเดียวสำหรับผมอยู่ดี” นั่นน่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ไม่มีร่องรอยประชดประชันดังที่ผ่านมา

แพรวเพชรอึ้งไปนาน บอกไม่ถูกว่าเพราะตะลึงกับน้ำเสียงนุ่มนวลคุ้นหูนั้น หรือเพราะรอยริษยาที่แล่นจี๊ดขึ้นมาเมื่อได้ยินเขาบอกว่า นวลนรีคือผู้หญิงคนที่ ‘ใช่’!

ผู้หญิงคนที่ใช่ เหมือนที่เธอก็เคยเป็นมาก่อน แต่บัดนี้เธอ ‘ไม่ใช่’ อีกต่อแล้ว!

“นี่คุณต้องสอดแส่เข้ามาในเรื่องส่วนตัวของลูกค้าอย่างนี้ทุกคนด้วยหรือ” เสียงนุ่มๆเมื่อครู่คงเป็นแค่ความฝัน หรือไม่เขาก็ทอดเสียงอ่อนแบบนั้นจนเคยชินเสียแล้วยามเอ่ยถึงสตรีผู้เป็นที่รัก เพราะบัดนี้ชายหนุ่มกลับมาสู่โหมดปากร้าย ช่างประชดประชันดังเดิมได้อย่างรวดเร็ว

“คงเป็นเพราะปกติแล้วลูกค้าที่มาสมัครใช้บริการที่นี่เป็นคนแปลกหน้ามังคะ ดิฉันเลยไม่รู้เรื่องราวส่วนตัวของใครจนต้องตั้งคำถามอย่างนี้ ต้องขออภัยด้วยที่รุกล้ำก้าวก่ายเข้าไปในเรื่องที่ไม่ใช่ธุระของตัวเอง ดิฉันรับประกันว่าจะไม่เกิดขึ้นอีกแน่นอน”

“ขอบคุณ” เขาตอกหน้าเธอแค่นั้น แล้วสัญญาณว่าสายโทรศัพท์ถูกตัดสายไปแล้วก็ดังลอดออกมาแทน แพรวเพชรมองกระบอกโทรศัพท์ในมือด้วยสีหน้างวยงงปะปนเหนื่อยใจ

เมื่อวางโทรศัพท์คืนที่ จึงเห็นว่าไฟบนหน้าปัดเครื่องรับโทรศัพท์กะพริบวาบ บอกให้รู้ว่าโอเปอเรเตอร์โอนสายจากภายนอกเข้ามาหา จึงกดปุ่มนั้นแล้วรับสายอีกครั้ง แปลกใจเล็กน้อยที่ได้ยินเสียงคลิกเบาๆนำมาก่อน แต่ก็ปัดข้อสังเกตนั้นออกจากใจทันที “แพรวเพชรค่ะ”

“พี่เองนะเพชร พี่ไปส่งหนูกานที่บ้านคุณแม่เรียบร้อยแล้วจ้ะ ยายหนูกรี๊ดกร๊าดฉอเลาะคุณย่าน่าดูเลย ไหนๆสุดสัปดาห์นี้เราก็เป็นคนตัวเปล่าชั่วคราว เพชรอยากไปเที่ยวที่ไหนเป็นพิเศษไหม”

“พี่นราอยากไปเที่ยวหรือคะ” แพรวเพชรย้อนถามอย่างเอาใจโดยไม่รู้ตัวเช่นเดียวกับที่กระทำตลอดช่วงสองสามวันที่ผ่านมา

“ก็...ตอนเราแต่งงานกันมีแต่เรื่องวุ่นจนไม่ได้ไปฮันนีมูนกันเลยนี่นา พี่เลยอยากจะถือโอกาสนี้ไปปล่อยแก่ ทำตัวเป็นหนุ่มเป็นสาวบ้างน่ะสิ”

แพรวเพชรทำท่าจะถอนหายใจ แต่เมื่อนึกได้ก็รีบเม้มริมฝีปากแน่น เธอฝืนแต้มยิ้มนิดๆเพื่อให้น้ำเสียงฟังดูสดใสตามที่ควรเป็น “ถ้าพี่นราตั้งใจจะไปฮันนีมูน เพชรว่าไว้ให้งานที่คิวปิดฯอยู่ตัวแล้วเราไปฮันนีมูนไกลๆกันดีกว่า จะไปฝรั่งเศสหรือญี่ปุ่นที่พี่นราชอบก็ได้นะคะ นี่มันหยุดแค่สองวันเอง เพชร...”

“เพชร...ไม่ต้องอธิบายแล้ว พี่เข้าใจ” คนพูดทำเสียงอ่อนโยน ไม่มีวี่แววประชดประชันสักนิด ทั้งที่ความจริงแล้วเขาน่าจะกำลังน้อยใจอยู่แท้ๆ ขนาดเธอเองยังรู้เลยว่าที่พูดบ่ายเบี่ยงไปเช่นนั้น กึ่งหนึ่งเพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะ ‘ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์’ อย่างที่เขาต้องการ ไม่พร้อมเลย...โดยเฉพาะในช่วงเวลาแบบนี้!

ยิ่งสามีดีกับเธอเท่าไร แพรวเพชรก็ยิ่งรู้สึกผิดที่เอาเปรียบความรักของเขามาโดยตลอด เธอจึงรีบประโลมเสียงหวาน “เอาอย่างนี้ พี่นราอยากไปไหน เพชรไปได้หมดเลย อืม...หาที่พักที่เป็นพูลวิลล่าก็ดีนะคะ เพชรอยากเล่นน้ำ” เธอรู้...วิธีนี้จะทำให้นราธิปกุลีกุจอหาที่พักแบบที่เธอต้องการอย่างมีความสุข

สี่ปีแล้วที่ผู้ชายคนนี้แสดงออกอย่างสม่ำเสมอ ว่าความสุขของเธอคือสิ่งสำคัญลำดับแรกในชีวิตของเขา การได้รับความรักที่เปี่ยมล้นเรื่อยมาคงเป็นเรื่องน่าปลาบปลื้มสำหรับผู้หญิงทุกคน แต่สำหรับแพรวเพชรกลับไม่ใช่ เพราะเธอรู้สึกอยู่เสมอว่าตัวเองไม่ได้มีค่ามากมายขนาดนั้น!

“งั้นพี่จองที่พักเลยนะ เลือกที่นี่...ก็แล้วกัน” เขาออกชื่อรีสอร์ตชื่อดังในอำเภอหัวหิน “จำได้ว่าคราวก่อนที่พาหนูกานไปด้วย เพชรบอกว่าโรแมนติก”

“ค่ะ ที่นั่นก็ดี เพชรชอบ” แพรวเพชรรีบแสดงความเห็นด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นเอาอกเอาใจ

“โอเคจ้ะ งั้นเดี๋ยวพี่วางสายก่อน จะได้ให้เลขาฯจัดการเรื่องที่พักให้เรียบร้อย”

“ตกลงค่ะ” แพรวเพชรรับคำง่ายๆ ชะงักไปเล็กน้อยก่อนเอ่ยคำถัดมาจากใจ “ขอบคุณพี่นรามากนะคะสำหรับทุกอย่างที่พี่ทำเพื่อเพชร”

“พี่ทำด้วยความเต็มใจจ้ะ พี่...รักเพชรนะ”

“เพชรก็รักพี่นราค่ะ” แพรวเพชรเอ่ยเป็นคำสุดท้ายก่อนวางกระบอกโทรศัพท์คืนบนแคร่ทันที หญิงสาวจึงไม่มีโอกาสรู้เลยว่า หลังจากนั้น 'ใครบางคน' ซึ่งคอยจนเสียงสัญญาณตัดไปแล้วจึงวางสายลงบ้าง รอยยิ้มแต้มบนใบหน้าคล้ามคมช้าๆขณะน้ำเสียงห้าวรำพึงเลือดเย็น

“รักงั้นเหรอ...ใครเชื่อผู้หญิงอย่างเธอก็โง่เต็มทีแล้ว!”



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 มี.ค. 2556, 00:13:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 มี.ค. 2556, 04:19:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1850





<< ตอนที่ ๔   ตอนที่ ๖ >>
สิริณ 2 มี.ค. 2556, 00:16:08 น.
ตอนที่ ๕ มาเสิร์ฟอย่างรวดเร็วค่า

อ่านจบแล้ว หากถูกใจความแซ่บของพระนาง
ก็ขอแรงกดไล้ค์ให้คนละหนึ่งทีด้วยนะค้า
คนเขียนจะได้โล่งใจบ้าง
่ว่ายังมีคนอ่านชอบอยู่บ้าง ^^

ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าคับพ้ม


Auuuu 2 มี.ค. 2556, 00:41:55 น.
อ้าววววววว เฮ้ยยยยย อะไรกันนนนนน


หยองตอด 2 มี.ค. 2556, 01:05:23 น.
คนร้ายเริ่มแสดงตัวแล้ว 555


พันธุ์แตงกวา 2 มี.ค. 2556, 02:13:00 น.
อ้าว! ทำไมเป็นคนแบบนี้ละคะ พี่นรา


Pampam 2 มี.ค. 2556, 02:46:47 น.
พี่นรานี่โรคจิตรึเปล่าเนี่ย


goldensun 2 มี.ค. 2556, 04:38:39 น.
พี่เผ่าดักฟังโทรศัพท์ของเพชรได้ด้วยหรือคะ
แล้วทำไมพี่นราจำพี่เผ่าไม่ได้


คุณแม่ลูกสอง 2 มี.ค. 2556, 04:40:47 น.
พี่เผ่ามาแอบติดเครื่องดักฟังอะไรไว้เปล่าคะ....~_~


ใบบัวน่ารัก 2 มี.ค. 2556, 07:54:20 น.
แล้วมันเป็นอะไรอย่างไรต่อ


ปอปลาตากลม 2 มี.ค. 2556, 10:46:57 น.
ต่อๆๆ จร้า


mickey 2 มี.ค. 2556, 13:33:31 น.
รอตอนต่อไปค่ะ ลุ้นๆ


nunoi 2 มี.ค. 2556, 13:41:23 น.
พี่เผ่า จะไปป่วนเปล่า


supayalak 2 มี.ค. 2556, 14:14:15 น.
อัยยะ มาล้ำเหนือเมฆมากเลยนะคะพี่เผ่า งานนี้เค้าเรียกเสือซุ่มนะค้าคุณ


ทราย 14 มี.ค. 2556, 18:59:09 น.
อ้าววว มีหักมุมซะงั้น

สนุกมากๆค่ะ


lromchat 23 มี.ค. 2556, 10:52:56 น.
เพิ่งมาเริ่มอ่านแต่ติดใจมาก อ่านจบรวดเดียว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account