รักหลัง...วันวิวาห์
หล่อนไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่ไม่ได้รักผู้ชาย และเกลียดเกย์ที่สุด
เขาไม่ชอบผู้ชาย แต่ไม่ได้รักผู้หญิง และไม่ปฏิเสธทอม
แล้วทั้งสองจะเป็นอย่างไรเมื่อต้องมาแต่งงานกัน
หากเป็นโลกนิยายรักหวานหยดคงปิดท้ายด้วยฉาก
ที่หล่อนกำลังเผชิญ แต่นี้ชีวิตจริงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมันแค่การเริ่มต้น ตอนจบจะงดงามตระการตา หรือโศกสลดยิ่งกว่านิยายฆาตรกรรม หล่อนคงได้แต่ปล่อยวาง แต่หญิงซันไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค อะไรจะมาก็เชิญ
ในเมื่อสวรรค์มีอำนาจกำหนดคู่ชีวิต หล่อนก็มีสิทธิสร้างสรรค์ส่วนที่เหลือด้วยกำลังสติปัญญา
“แล้วเจ้าสาวแกเป็นไง พอจะทำให้แกหันมาชอบผู้หญิงได้มั้งเปล่าวะ"
“รู้จักกันมาแต่เล็ก น่าจะรู้ว่าฉันไม่ได้ชอบผู้หญิง"
“แกนะเฮ้อ บ้าชัดๆ คนอย่างแกก็มีในโลกนี้ด้วย แล้วอย่างนี้น้องเขาไม่ตกนรกทั้งเป็นเหรอว่ะ แต่งกับคนอย่างแกนะ รู้ว่าไม่ชอบแต่ก็ยังไปรับหมั้น ทำตามคำขอของแม่ไม่ผิดหรอก แต่แกกำลังทำร้ายผู้หญิงไม่รู้อิโหน่อิเหน่อีกคนเลยนะ"
“พูดไปนายอาจหาว่าฉันแก้ตัว แต่จะบอกให้รู้ ว่าที่เจ้าสาวฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย"
“ว่าไรนะ"
“ได้ยินไม่ผิดหรอก"
“แล้วแกสองคนก็แต่งกันทั้งที่ทั้งคู่ไม่มีทางจะรักกันได้ บ้าพอกันเลยวะ อวยพรให้มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองเลย"
“ทำไมแกไม่คิดอีกอย่าง เพราะการที่ฉันได้แต่งกับคนที่ไม่สามารถรักผู้ชายได้ก็ดีออก อย่างน้อยเธอคนนั้นก็ไม่ไปแย่งผู้หญิงอีกคนที่อาจจะเป็นคนรักของนาย และการที่เขาไม่รักผู้ชายก็ยิ่งดี เพราะก็คงไม่มีทางมารักกันเชิงชู้สาวได้ แต่เราอาจอยู่ร่วมกันในรูปแบบของเพื่อนพี่น้อง ดูแลกันและกัน อยู่กันแบบนั้นอย่างมีความสุข
แม่ฉันแม่เขาก็มีความสุขที่จะเห็นเราแต่งงานกัน เหตุผลแค่นี้ไม่พอที่จะทำให้ฉันตกลงแต่งงานกับเขาอีกเหรอ อีกอย่างถ้าฉันไม่ยอม หม่อมแม่หาใครไม่รู้มา แล้วบังเอิญว่าเธอคนนั้นสามารถรักผู้ชายได้ ฉันไม่เรียกว่าทำร้ายผู้หญิงคนนั้นหรือ"
“ฉันนะอยากให้คนประหลาดอย่างแกตกหลุมรักว่าที่ภรรยาเหลือเกิน แล้วถ้าให้ดี ตอนนั้นขอเจ้าหล่อนยังชอบผู้หญิงอยู่นะ ฉันละจะสมนำ้หน้าแกเลย"
“ไม่หรอก ฉันทิ้งเรื่องความรักเชิงชู้สาวไปนานมากแล้ว มันอาจจะไม่เคยมีติดตัวฉันมาตั้งแต่เกิดก็ได้"
แม่เจ้า นี่เจ้าพี่รู้จักแต่รักเชิงชู้ชายตั้งแต่จำความได้ แล้วระหว่างที่เราแต่งงานกันเจ้าพี่จะไม่ไปหาเหยื่อนอกบ้านกินเหรอ
Love looks not with the eyes but with the wind ...
เกริ่นไปเยอะแยะมากมาย แต่ดูไม่บอกอะไรเนอะ แต่นี่กำลังจะบอกและ--->
คำเตือน 1 นิยายเรื่องนี้ปราศจากนางร้าย ไร้ฉากรุนแรงและสารตกค้าง อันพาให้จิตใจเศร้าหมอง
2 ชื่อบรรดาตัวละครมาจากจินตนาการอันไร้ทิศทาง แลสถานที่รวมถึงทฤษฎีบ้าบอที่ยกมาควรทำการศึกษาข้อมูลก่อนนำไปใช้
3 อาจได้ฮาเป็นระยะตามอัตภาพ พร้อมหมั่นไส้ตัวละครเป็นพักๆเพราะไม่ได้ดังใจ
สุดท้าย ระวัง...คุณอาจตกลงหลุมรัก...ถ้าคุณขุดมันลึกพอ (เกี่ยวไรกะนิยายปะ อันสุดท้าย...บอกเลยว่าไม่ แค่ทั่วๆไปแหละ )
ถ้าพร้อมแล้วก็...เชิญเลยจ้า
เขาไม่ชอบผู้ชาย แต่ไม่ได้รักผู้หญิง และไม่ปฏิเสธทอม
แล้วทั้งสองจะเป็นอย่างไรเมื่อต้องมาแต่งงานกัน
หากเป็นโลกนิยายรักหวานหยดคงปิดท้ายด้วยฉาก
ที่หล่อนกำลังเผชิญ แต่นี้ชีวิตจริงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมันแค่การเริ่มต้น ตอนจบจะงดงามตระการตา หรือโศกสลดยิ่งกว่านิยายฆาตรกรรม หล่อนคงได้แต่ปล่อยวาง แต่หญิงซันไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรค อะไรจะมาก็เชิญ
ในเมื่อสวรรค์มีอำนาจกำหนดคู่ชีวิต หล่อนก็มีสิทธิสร้างสรรค์ส่วนที่เหลือด้วยกำลังสติปัญญา
“แล้วเจ้าสาวแกเป็นไง พอจะทำให้แกหันมาชอบผู้หญิงได้มั้งเปล่าวะ"
“รู้จักกันมาแต่เล็ก น่าจะรู้ว่าฉันไม่ได้ชอบผู้หญิง"
“แกนะเฮ้อ บ้าชัดๆ คนอย่างแกก็มีในโลกนี้ด้วย แล้วอย่างนี้น้องเขาไม่ตกนรกทั้งเป็นเหรอว่ะ แต่งกับคนอย่างแกนะ รู้ว่าไม่ชอบแต่ก็ยังไปรับหมั้น ทำตามคำขอของแม่ไม่ผิดหรอก แต่แกกำลังทำร้ายผู้หญิงไม่รู้อิโหน่อิเหน่อีกคนเลยนะ"
“พูดไปนายอาจหาว่าฉันแก้ตัว แต่จะบอกให้รู้ ว่าที่เจ้าสาวฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย"
“ว่าไรนะ"
“ได้ยินไม่ผิดหรอก"
“แล้วแกสองคนก็แต่งกันทั้งที่ทั้งคู่ไม่มีทางจะรักกันได้ บ้าพอกันเลยวะ อวยพรให้มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองเลย"
“ทำไมแกไม่คิดอีกอย่าง เพราะการที่ฉันได้แต่งกับคนที่ไม่สามารถรักผู้ชายได้ก็ดีออก อย่างน้อยเธอคนนั้นก็ไม่ไปแย่งผู้หญิงอีกคนที่อาจจะเป็นคนรักของนาย และการที่เขาไม่รักผู้ชายก็ยิ่งดี เพราะก็คงไม่มีทางมารักกันเชิงชู้สาวได้ แต่เราอาจอยู่ร่วมกันในรูปแบบของเพื่อนพี่น้อง ดูแลกันและกัน อยู่กันแบบนั้นอย่างมีความสุข
แม่ฉันแม่เขาก็มีความสุขที่จะเห็นเราแต่งงานกัน เหตุผลแค่นี้ไม่พอที่จะทำให้ฉันตกลงแต่งงานกับเขาอีกเหรอ อีกอย่างถ้าฉันไม่ยอม หม่อมแม่หาใครไม่รู้มา แล้วบังเอิญว่าเธอคนนั้นสามารถรักผู้ชายได้ ฉันไม่เรียกว่าทำร้ายผู้หญิงคนนั้นหรือ"
“ฉันนะอยากให้คนประหลาดอย่างแกตกหลุมรักว่าที่ภรรยาเหลือเกิน แล้วถ้าให้ดี ตอนนั้นขอเจ้าหล่อนยังชอบผู้หญิงอยู่นะ ฉันละจะสมนำ้หน้าแกเลย"
“ไม่หรอก ฉันทิ้งเรื่องความรักเชิงชู้สาวไปนานมากแล้ว มันอาจจะไม่เคยมีติดตัวฉันมาตั้งแต่เกิดก็ได้"
แม่เจ้า นี่เจ้าพี่รู้จักแต่รักเชิงชู้ชายตั้งแต่จำความได้ แล้วระหว่างที่เราแต่งงานกันเจ้าพี่จะไม่ไปหาเหยื่อนอกบ้านกินเหรอ
Love looks not with the eyes but with the wind ...
เกริ่นไปเยอะแยะมากมาย แต่ดูไม่บอกอะไรเนอะ แต่นี่กำลังจะบอกและ--->
คำเตือน 1 นิยายเรื่องนี้ปราศจากนางร้าย ไร้ฉากรุนแรงและสารตกค้าง อันพาให้จิตใจเศร้าหมอง
2 ชื่อบรรดาตัวละครมาจากจินตนาการอันไร้ทิศทาง แลสถานที่รวมถึงทฤษฎีบ้าบอที่ยกมาควรทำการศึกษาข้อมูลก่อนนำไปใช้
3 อาจได้ฮาเป็นระยะตามอัตภาพ พร้อมหมั่นไส้ตัวละครเป็นพักๆเพราะไม่ได้ดังใจ
สุดท้าย ระวัง...คุณอาจตกลงหลุมรัก...ถ้าคุณขุดมันลึกพอ (เกี่ยวไรกะนิยายปะ อันสุดท้าย...บอกเลยว่าไม่ แค่ทั่วๆไปแหละ )
ถ้าพร้อมแล้วก็...เชิญเลยจ้า
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 3 Tiger Herbal 1/2
บทที่ 3 Tiger Herbal
“แหม ยังไม่ทันจะแต่งงานกัน ก็ถือวิสาสะจับต้องข้าวของของพี่เสียแล้วหรือครับ
คิดถึงกันมากขนาดมาหาพี่ถึงที่เชียวนะ น้องซัน"
พอกลับมาคืนนั้น หม่อมแม่ก็จัดกัณฑ์เทศน์ให้ฟังแบบไม่ยั้ง ด้วยความยาวสามชั่วโมงไม่ขั้นโฆษณา คุณนายเธอบ่นจนเสียงหายนั่นแหละ จึงพักยกให้หล่อนได้ชิ่งหนีไปอาบนำ้อาบท่า และซุกตัวใต้ผ้าห่มบนเตียงนอน
ซันคิดถึงพ่อจ๋าจัง ถ้าบิดายังอยู่ไม่มีวันที่มารดาจะมาบังคับกันได้เลย ในที่สุดความอัดอั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นนำ้ตาอาบสองข้างแก้ม
เช้าแล้วแต่เมฆลงจนฟ้าขมุกขมัว ขนาดแสงอาทิตย์ยังส่องมาเพียงบางเบา ไม่ต่างจากชิวิตของอาทิตยาที่เต็มไปด้วยทางหม่นๆมองอะไรไม่ค่อยเห็น
“ซัน มาหาแม่หน่อยมา" หญิงซันหัวฟู ตาแดง ค่อยๆเดินต้วมเตี้ยมไปหาคุณเพชรา
“ทำไมไปทำพี่เขาแบบนั้น" นำ้เสียงอ่อนโยนที่เอ่ยให้ได้ยิน ทำให้หล่อนใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง นี่แหละ ข้อดีของคุณแม่ อย่างน้อยก็ฟังเหตุผล
"ก็เขา" สาวเจ้านำ้ตาเงียบไปพักใหญ่ พยายามนึกหาคำพูดมาอธิบาย นั่นซิเจ้าพี่มันพูดไม่ดีตรงไหนในมุมมองของหม่อมแม่ ก็ทุกถ้อยคำนี่ถ้าท่านได้ยินคงปลื้มใจมาก เพราะว่าที่ว่าที่ลูกเขยจะมีหลานให้เฉยชมเป็นโหลสองโหล
ใบ้กินค่ะ เอาไงดีเนี่ย เมื่อวานก็มัวเศร้าเลยลืมโทรปรึกษาคุณยาพิษ เอาเถอะ ใช้สีข้างเเถเอาแล้วกัน
“ก็เจ้าพี่หาว่าซันชอบผู้หญิง เกย์ กระเทย กวาง" บุตรสาวคนเดียวว่าเบาๆเหมือนอยู่ในโหมดโศกา โดยเลือกไม่เล่าต่อว่า สุดท้ายแล้ว สิ่งที่สามีในอนาคตหมายถึง คือหล่อน ชอบเขาไม่ว่าจะเป็นแบบไหนต่างหาก
“แค่นี้หนูถึงกับต่อยพี่เขาเชียวหรือ" หญิงซันพยักหน้าหงึกหงัก ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่อไป
“ถ้าแม่ถูกกล่าวหาจากว่าสามีในอนาคตว่าชอบผู้หญิง แม่ไม่เสียใจเหรอ"
“จ๊ะๆ" จบคำเห็นด้วยของมารดา อาทิตยาถึงกับก้มหน้าลงตำ่เหมือนคนทุกข์ใจ แต่รอยยิ้มร้ายกาจกลับปรากฏขึ้นมาโดยไม่มีใครรู้ เย้รางวัลออสก้าปีนี้เป็นของ ซันนี่ หม่อมแม่เห็นใจแล้ว นำ้ขึ้นก็ต้องรีบตัก
“อีกอย่างซันเจอเจ้าพี่แค่ไม่กี่ครั้งเอง ถ้าเลื่อนงานแต่งออกไปหน่อยให้เราได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นจะไม่ดีกว่าหรือคะ" นำ้เสียงเศร้าๆเอ่ยออกไป ก่อนร่างบางของหญิงซันตัวน้อยจะโผเข้าไปซบอกหม่อมแม่ออดอ้อนเต็มที่
คุณเพชราที่กำลังจะเสียรู้กอดตอบลูกสาวอย่างรักใคร่ แต่เวลาของหล่อนมันเหลือไม่มาก หากเจ้าตัวเล็กแสนเอาแต่ใจเกิดตกอยู่ในมือคนเลวขึ้นมา หล่อนจะตายตาหลับไปพบหน้าสามีอย่างเป็นสุขได้อย่างไร
“ก็เหลือตั้งเกือบยี่สิบวัน เราก็ไปดูแลพี่เขาที่บ้านซิ ใช้ข้ออ้างเรื่องชกหน้าเมื่อวานก็ได้ สมเหตุสมผลดีด้วย แม่อนุญาติ" หม่อมแม่หันมายิ้มให้ หญิงซันได้แต่ฝืนอวดฟันสวยบนสีหน้าเศร้าใจ เวรนี่เราต้องไปรับกรรมที่ก่อไว้แล้วซินะ จะปฏิเสธก็ใช่ที่ ซวยจริง...หม่อมแม่ใจร้าย
“งั้นก็ไปอาบนำ้เเต่งตัวไป จะได้ไปเยี่ยมจันทรมาศกัน แม่จะได้เลยไปคุยเรื่องของชำร่วยแล้วก็สถานที่จัดงานกับคุณแสงด้วย" หญิงซันได้แต่เดินคอตกกลับขึ้นมาบนห้องส่วนตัว ระหว่างห้องพระเฉียงกับกันห้องมือบางยกมือไหว้พระประธานที่อยู่ด้านใน จริงดังพระท่านว่าจริงๆ เวรใดใครก่อ คนนั้นต้องรับ เฮ้อแล้วที่จะต้องแต่งงานตั้งแต่เพิ่งเรียนจบนี่ มันกรรมอะไรนะ ไหนจะเรื่องที่เขาเป็นพวกรักเพศเดียวกันอีก ชาติก่อนหล่อนเป็นสัตวแพทย์เที่ยวตอนตัวนู้นตัวนี้หรือไง ชาตินี้ถึงเจอแบบนี้
คิดไปก็พาแต่ทุกข์ จึงหยุดคิด แล้วรีบอาบนำ้จัดแจงก่อนที่มารดาจะโกรธา
อาทิตยาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตากลมโตทอดไปตามเส้นทางเบื้องหน้าที่นำไปสู่จุดหมายปลายทาง สองฝั่งถนนเต็มไปด้วยไม้ยืนต้นแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปไกลๆ เป็นร่มเงาให้กับคนใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างดี ตำ่ลงมาก็มีไม้พุ่มทรงเตี้ยปลูกไว้ อวดดอกสีแดงน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม
“คุณเพชรจะให้ผมไปเอารถไปจอดรอรับเลย หรือกลับไปก่อนแล้วค่อยมาตอนเย็นอีกทีครับ" ลุงชิดคนขับรถคนเก่งเอ่ยถามเมื่อพาผู้โดยสารมาถึงที่หมาย อาทิตยาตาโตมองคุณลุงหลังพวงมาลัยก่อนจะหันขวับหามารดา
อ้าวนี่เราจะมาอยู่ทั้งวันเชียวหรือ หม่อมแม่ล้อเล่นใช่ไหม
“อืม กลับไปก่อนดีกว่า เย็นๆเดี๋ยวฉันโทรตาม" ลุงชิดพยักหน้าเข้าใจ
“เราจะอยู่นานขนาดนั้นเลยเหรอค่ะ" สาวหมวยถามเสียงเบา
“ไม่ดีหรือ ซันจะได้ทำความรู้จักกับเจ้าจันทรมาศมากขึ้นไง" ผู้สูงวัยตอบกลับมา จนหล่อนแอบเบะปากอยากจะร้องให้ ซันรู้จักพอแล้วค่ะมากกว่านี้อาจจะไม่ได้แต่งกันแล้ว
“ไป ลงได้เเล้ว ลุงชิดจะได้เอารถกลับไปเก็บบ้าน"
“แล้วพวกบอดี้การ์ดละค่ะ" อาทิตยาว่าออกไปอย่างมีความหวัง ทิ้งไว้ซักสองคนรอบตัวหญิงซันหน่อยนะค่ะหม่อมแม่ เผื่อเจ้าพี่จันทรุปราคาอยากแก้แค้นขึ้นมา ลูกสาวแม่จะได้ไม่ตาย
“ก็ให้กลับไปให้หมดนั่นแหละนี่มันวังจันทรานะลูกใครจะทำอะไรเราได้" หญิงสาวเงยหน้ามองคนพูดอย่างขัดใจ ก็อีคนที่ซันเพิ่งจะประเคนหมัดไปไงค่ะหม่อมแม่
“ไปกันๆ คุณแสงเดินมานู้นแล้ว " อาทิตยามองตามคำพูดของมารดาแข่งขาก็ก้าวไม่ออกขึ้นมาเสียอย่างนั้น ตาย จบกัน แม่เขาคงปลื้มตายละ ว่าที่ลูกสะใภ้ไปตะบันหน้าลูกชายเขาซะหมดหล่อ
“ไหว้พระเถอะลูก" คนมีชะนักติดหลังยกมือพนมไหว้มารดาสามีในอนาคตด้วยกิริยาอันงดงาม ก่อนจะเอาแต่ก้มหน้างุดๆ จึงไม่ทันเห็นหม่อมเจ้าจันทร์จรัสแสงที่รับไหว้ไว้ด้วยรอยยิ้มทั้งที่ปากและดวงตา
หล่อนทราบดี...ว่าความผิดที่ก่อขึ้นใหญ่หลวงเอาการ จึงไม่อาจสู้หน้าได้ แต่หม่อมท่านกลับไม่ได้ถือโทษอะไรแถมดีใจด้วยซำ้ที่ได้สะใภ้เป็นหญิงแกร่งใจเกินร้อย
“แม่ดีใจนะ ที่หนูมาเป็นลูกสะใภ้" คนฟังตาโต หา...หญิงแม่ชอบซันเข้าไปได้ไง โดยเฉพาะคนที่ทำร้ายลูกชายตัวเองเนี่ยนะ สมเหตุสมผลจริงๆ
“ซันขอโทษค่ะ" หญิงสาวกล่าว สีหน้าสำนึกผิดในเรื่องที่ก่อไว้
“แม่ไม่โกรธหรอกลูก เพราะถ้าเป็นแม่นะจะจัดการเสียสองทีด้วยซำ้ หนูนะจัดว่าใจดี" ฟังมารดาของเขาว่าจบ ลูกสาวคนใหม่อย่างเธอถึงกับคิ้วผูกโบว์ นี่แน่ใจนะค่ะ ว่าคุณแสงเป็นแม่แท้ๆของเจ้าพี่จันทรุปราคา สงสัยว่าหล่อนจะแสดงสีหน้ามากเกินไปหญิงแม่จึงว่าต่อ
“ตาแป๋วเชียวลูก แม่รู้จักลูกชายตัวเองดี ถึงกล้าพูดได้เต็มปากว่า...หนูนะใจดีแล้ว" อาทิตยาได้แต่ยิ้มรับแกนๆ คุณแม่ชั่งน่ารักเสียจริงไม่น่ามีลูกเป็นสัตว์สงวนเปิดฟาร์มเลี้ยงสุนัขเลย
“เข้าไปคุยกับพี่เขาก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่กับแม่ของหนูจะต้องไปทำธุระ ฝากดูแลพี่เขาด้วยนะจ๊ะ" คุณแสงของหม่อมแม่น่ารักขนาดนี่แล้วหญิงซันจะใจจืดใจดำปฏิเสธกลับไปได้อย่างไรกัน
“ค่ะ ซันจะพยายาม"
คุณหญิงแม่และหม่อมแม่หันมายิ้มให้ก่อนจะก้าวขึ้นรถออกไป ทีนี้ในบ้านคงเหลือแต่ศัตรูตัวร้ายของเธอซินะ
อาทิตยาเดินหาเจ้าพี่จันทรทรุปราคาจนทั่วบ้าน ไม่พบแม้แต่เงาของเป้าหมาย นี่เจ้าพี่จันทร์อับโดนราหูอมเข้าไปหรือไง หรือจะอยู่ในสวนหนังสือ
หล่อนเดินไปที่ประตูหลังบ้านเข้าทางเชื่อมทอดยาวสู่ห้องหนังสือทรงหกเหลี่ยมที่สร้างไว้กลางสวนกล้วยไม้หายากหลายพันธุ์
ตำรับตำราหลายเล่มวางเรียงรายบนชั้นไม้เต็มไปหมด หล่อนเดินเพลินจนลืมตัวหยิบหนังสือขึ้นสำรวจหลายเล่ม อันไหนถูกใจก็อุ้มไว้ในอ้อมแขน กะจะเอาไปอ่านทีเดียวบนโซฟาตัวเก่าที่เคยนั่งเล่นตอนมาเยี่ยมหม่อมเจ้าจันทร์แสงหรือคุณแสงของหม่อมแม่ตอนเด็กๆ
"ยังไม่ทันจะแต่งงานกัน ก็ถือวิสาสะจับต้องข้าวของของพี่เสียแล้วหรือครับ คิดถึงกันมากขนาดมาหาพี่ถึงที่เชียวนะ น้องซัน" นี่ยังไม่เลิกปากสุนัขอีก อยากโดนอีกข้างใช่ไหม หล่อนนะจัดให้ได้นะ รับรองคราวนี้นอนโรงพยาบาลอย่างน้อยสามวันแน่ๆ
คนถูกกล่าวหาว่าบุกรุกหันขวับไปเอาเรื่อง เกิดปะทะกับร่างสูงจนอีกฝ่ายล้มหงายหลังตูดจำ้เบ้าจากแรงกระแทกของเจ้าหล่อนเสียงดังตุ้บ หญิงซันตกใจรีบวางหนังสือ ก่อนจะย่อตัวลงพยุงคนเจ็บขึ้นมา
“ขอบคุณครับ" นำ้เสียงทุ้มว่าเบาๆก่อนจะลูบบั้นท้ายสองสามที หล่อนเห็นก็อยากขำแต่ก็เกรงใจจึงกลั้นไว้เต็มที่ แต่ตาคมนิ่งที่มองมาก็ทำให้แขกสาวถึงกับหุบยิ้ม พร้อมกับย้อนคิดถึงเรื่องเมื่อครู่ เขา...พูดดีๆก็เป็นแต่ไม่ค่อยพูด คนเรานี่ก็เเปลก ต้องให้เจ็บเนื้อเจ็บตัวก่อน
“วันนี้น้องซันมาทำอะไร" นัยน์ตาชายหนุ่มเจือแววประหลาดสักพักก็เลือนหายยามที่หล่อนประสานสายตา ถ้ามองไม่ผิด...มันเหมือนอดีต ตอนที่เด็กหญิงอาทิตยาพบเขาเป็นครั้งแรก
“มาดูแลพี่จันทร์ ตามคำสั่งคุณแม่ค่ะ" เมื่อเจ้าพี่ดีมาก็ไม่มีเหตุให้หล่อนต้องร้ายตอบ อีกอย่างบนใบหน้าคมหวานของเขายังปรากฏร่องรอยวีรกรรมของหญิงซันประดับอยู่เด่นชัด จนอดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้
“ครับ ตามสบาย พี่ไม่กวนแล้วกันนะ ขอตัวไปเขียนงานต่อก่อน อ๋อ พอดีวันนี้พี่ใช้ห้องนี้ทำงาน ยังไงน้องซันเอาหนังสือพวกนี้ไปอ่านในบ้านนะครับ"
“ค่ะ" แม่เจ้า บอกทีเถอะว่านี้พี่ชายจันทรุปราคาจริงๆ ทำไมสองวินาที ถึงเปลี่ยนนิสัยได้รวดเร็วว่องไวนักนะ ถ้าเป็นแบบนี้ตอนอยู่กับหม่อมแม่ละก็ ไม่แปลกใจเลยทำไมมารดาถึงได้พยายามยัดเยียดลูกสาวให้อีคุณชายเกย์นัก
ก็แน่ซิ...คนอะไรนิสัยก็ได้ ฐานะก็มีอันจะกิน แถมฉลาดอีกต่างหาก
เจ้าพี่จันทรมาศรับปริญญาสองใบในปีเดียวจากหมาวิทยาลัยชื่อดังในต่างประเทศ และที่มหัศจรรย์กว่านั้นคือเกียรตินิยมทั้งคู่ คู่ที่ไม่น่ามาเรียนร่วมกัน บริหารกับออกแแบบหรือที่เรียกกันให้สวยๆก็ดีไซน์เนอร์
ตอนนี้เจ้าพี่นั่งตำแหน่งผู้บริหารธุรกิจโรงแรมของครอบครัว มีเงินสะสมเป็นเลขสิบหลัก มันมากจนหล่อนเห็นเจ้าพี่เอามาพลาญเล่นบ่อยๆ ไปกับรถยนต์สวยๆ และไวน์ชั้นดี
นอกจากงานบริหารที่ทำกำไรจนไม่มีที่จะเก็บเงินเจ้าพี่ยังรับออกแบบอัญมณีและเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้กับแบรน์ดังในต่างประเทศ ร้านของหม่อมแม่เป็นหนึ่งในนั้น แต่ชายหนุ่มกลับไม่เคยเก็บเงินกับร้านซักครั้ง อ้างว่าเป็นงานอดิเรกตลอด แต่กับร้านอื่นที่หญิงซันทราบมา พวกเขาจ่ายเจ้าพี่งานชิ้นหนึ่งเรือนแสน
หญิงสาวออกมานอนอ่านหนังสือที่หยิบมา บนโซฟาตัวยาวในห้องรับแขกอย่างสบายอารมณ์ สักพักก็หวนไปคิดถึงว่าที่สามีแสนประหลาด ตกลงเขาเป็นคนอย่างไรกันแน่นะ ปวดหัวจริงๆ เกย์ เก้ง กวาง ตุ๊ด แล้วมันก็อดคิดไปถึงอนาคตไม่ได้...อีกยี่สิบวันข้างหน้าคงต้องแต่งงานจริงๆเสียแล้ว เพราะต่อให้เจ๋งอย่างไร พิชชาภรณ์คงเตรียมอะไรไม่ทันภายในสามอาทิตย์เป็นแน่ กลุ้มๆ
“หนูซัน มาตั้งแต่เมื่อไรไม่เห็นบอกป้าก่อนเลย" หล่อนเงยหน้าจากนิยายที่หยิบมาอ่าน เห็นหญิงสาวร่างท้วมคนสนิทของคุณหญิงแม่ คนที่หล่อนแสนคุ้นเคยกำลังก้าวเข้ามา ก่อนจะนั่งลงข้างๆ
ป้ากล่อมไม่แก่ไปจากเมื่อสิบปีที่แล้วเลยซักนิด อาทิตยาลุกขึ้นกางแขนสองข้างก่อนเข้าไปซุกอกคุณป้าเหมือนเด็กเล็กๆ แขนเรียวบางโอบรัดร่างป้อมๆไว้แน่น
“ซันเพิ่งมาถึงเองค่ะป้ากล่อม" มืออูมหยาบจากการกรำงานหนักแต่อายุน้อย ค่อยๆปัดปอยผมที่ลงมาระใบหน้านวลของหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน
“จะออกเย้าออกเรือนแล้วนะเรา อย่าทำตัวเป็นเด็กเล็กๆละ" ประโยคสั้นๆแต่ทำเอา คนฟังหน้ามุ่ย หล่อนอยากระบายความอัดอั้นตันใจ แต่ก็กลัวว่าผู้สูงวัยจะไม่เชื่อกัน
“มีอะไรบอกได้นะคะ อยากบ่นอะไรป้าคอยฟังอยู่เสมอ"
“ซันเหนื่อยจังค่ะ ซันไม่อยากแต่งงาน เราไม่ได้รักกัน แต่งไปก็มีแต่ทุกข์" อาทิตยาว่าเบาๆ ป้ากล่อมได้แต่มองเด็กสาวที่ครั้งหนึ่งหล่อนเคยดูแลช่วงสั้นๆตอนเจ้าหล่อนตัวเล็กเกิดใหม่ๆอย่างจนใจ
“รู้ได้ไงกันค่ะ ว่าเจ้าจันทรมาศไม่พอใจหนูซัน ฮึ" นำ้เสียงอ่อนโยนเอ่ยเป็นเชิงถาม อยู่เหนือศีรษะเด็กไม่ยอมโต ง่ายมากค่ะ หญิงซันเป็นผู้หญิงแค่นี้เจ้าพี่ก็ไม่ชอบแล้วค่ะ บอกไปป้ากล่อมก็ไม่เชื่อ ทำไมไม่มีใครเชื่อซันซักคนว่าเจ้าพี่เป็นแต๋ว
“ป้าจะบอกอะไรให้ ไม่มีใครยอมแต่งกับคนที่ไม่รักหรอกลูก" ซันไงคะป้า ไม่ใช่แค่ไม่รักไม่ชอบ แต่เกลียดเลยด้วยซำ้
“เอาเถอะใครๆ เขาก็ว่าหนูเป็นพระอาทิตย์กันทั้งนั้น ยังไงก็ลองช่วยส่องแสงให้บ้านนี้มันอบอุ่นหน่อยเถอะลูก ที่นี้มันมืดมิด มีแต่แสงสลัวของเจ้าจันทรจรัสแสง ที่อ่อนแรงไปโขแล้ว" หล่อนมองคนพูดตาแป๋ว ถ้าป้ากล่อมไม่คิดจะเล่าอะไรให้กระจ่างก็อย่ามาสร้างปัญหาเพิ่มซิ แค่เรื่องของตัวเองซันก็แทบหมดเเรง ต้องคลานขึ้นเตียงตั้งแต่วันที่รู้ว่าโดนจับแต่งงานแล้ว
จวนได้เวลามื้อเที่ยงแต่หม่อมเจ้าจันทรมาศก็ยังไม่ปรากฏกายที่ห้องอาหาร ร้อนถึงป้ากล่อมที่ต้องยกสำรับไปให้ถึงที่ เพราะต้องอยู่เป็นเพื่อนคุยกันสักพัก ด้วยความสงสารคนแก่ อาทิตยาจึงอาสาทำแทนเสียเอง
ป้ากล่อมตักข้าวคลุกกะปิใส่จาน ตามด้วยเครื่องเคียงต่างๆ ตามสูตรตำรับชาววัง ก่อนจะยกวางในถาดใบใหญ่ที่มีแก้วใสทรงสูงใส่นำ้สีเขียวแก่ ข้างๆกันมีถ้วยเล็กๆใส่ขนมกล้วยบวชชี
“ตั้งแต่เล็กจนโตคุณจันทร์ไม่เคยร้องขออะไรเลยนะ มีอย่างไรก็กินอย่างนั้น เรียบง่ายจริงๆ" ก็ป้ากล่อมทำอร่อยจะตายไป ใครบ่นก็บ้าแล้ว เอาเถอะเขาดูแลกันมาแต่อ้อนแต่ออก ป้าแกคงรักเจ้าพี่เหมือนลูกนั่นแหละ
อาทิตยายกอาหารไปให้คนบ้างานที่สวนหนังสือ หล่อนมองเขายามที่หน้าหวานๆอย่างผู้หญิงเวลาทำงานกลับดูจริงจังจนน่าเกรงขาม ชั่งน่าเสียดายแทนสาวๆจัง
“ขอบคุณครับ วางไว้ตรงนั่นแหละ" ชายหนุ่มยังคงก้มหน้าแม้ปากจะขยับพูดกับหล่อน จะยังไม่กินข้าวกินปลาเอาแต่นั่งทำงานแบบนั้นไม่ได้นะ แม้คุณพ่อเธอเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรวดเร็วไม่เจ็บปวดมากนักแต่ระหว่างมีชีวิตอยู่ก็ทรมานกับโรคกระเพาะ ดังนั้นไม่ว่าใครก็ห้ามเป็นโรคนี้อีกทั้งนั้น
หล่อนถือวิสาสะเข้ามาแย่งปากกาและเอกสารในมือหนาออกไป ก่อนจะมองอย่างท้าทายระหว่างใบหน้าหวานๆของเขากับถาดอาหารในมือตัวเอง แต่ชายหนุ่มกลับเมินเอาแต่นั่งนิ่ง จนเธอต้องเอามันมาวางบนโต๊ะทำงาน นั่นแหละคนเรื่องมากถึงขยับมือเอื้อมหยิบแก้วนำ้ขึ้นมาจิบ
“นำ้ใบบัวบกหรือ" แก้ชำ้ใน ป้ากล่อมแกเข้าใจหานำ้หวานได้เข้ากับสภาพร่างกายชายหนุ่มจริงๆ
ผ่านไปไม่นาน หม่อมเจ้าจันทรมาศก็จัดการอาหารคาวจนเกลี้ยงจาน ตามด้วยของหวานที่หมดไม่เหลือซากเศษเช่นกัน
“ทานเสร็จแล้ว ของานคืนด้วย" ตาคมๆส่งมาให้ จนอาทิตยาผงะถอยหลังไปสองก้าวเพราะมันชวนให้นึกถึงเรื่องราวในผับ สายตาเขาแบบนี้มันน่ากลัวให้ความรู้สึกถึงสิงโตกระหายเลือดอย่างไรก็ไม่รู้ แต่เดี๋ยวเธอไม่ใช้เก้งกวางคู่ขาของเขาไม่เห็นต้องกลัวเลยนิ
“ป้ากล่อมบอกว่า พี่จันทร์ต้องคุยกันหลังกินข้าวด้วย" ชายหนุ่มยังรักษาสายตาแบบเดิมมองหล่อนอย่างพิจารณา
“เธอเป็นป้ากล่อมรึไง" แม่เจ้าโว้ย ปากกลับมาเปิดฟาร์มสุนัขอีกแล้ว ดีงั้นก็นั่งอยู่ไปคนเดียวมันเนี่ยแหละ ขนาดถือมายังไม่อยากจะทำเลยนะ ดีเท่าไหร่แล้วที่จะอยู่คุยเป็นเพื่อนมันน่าจริงๆ
อาทิตยากลับมานั่งเอกเขนกที่ห้องรับแขกดูรายการต่างๆ ทางสถานีโทรศัพท์อยู่พักใหญ่ก็เริ่มเบื่อ เพราะตามปกติยามนี้หญิงสาวต้องนั่งตรวจบัญชีที่ร้านและสาขาอื่นๆที่กระจายออกไปต่างจังหวัด บางครั้งก็เดินทางไปเยี่ยมเยียนสาขาต่างๆด้วยตัวเอง แต่วันนี้ดันต้องมานั่งหายใจทิ้งซะนี่ อุวะ คันไม้คันมือจริงๆทำอะไรดี...ไปหาป้ากล่อมดีกว่า
ตอนเด็กๆที่หล่อนติดสอยห้อยตามหม่อมแม่มาเยี่ยมคุณป้าแสง ก็เที่ยวซนวิ่งเล่นจนหลงเข้าไปในห้องครัว จนเจอกับป้ากล่อมเข้า แม้หญิงซันจะโตขึ้นกว่าเดิมนักจากแรกเกิด แต่มีหรือที่คนเก่าคนแก่จะไม่รู้ว่าหนูน้อยเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ในเมื่อโครงหน้าถอดแบบมาตรงกับคุณเพชราสหายคนสนิทของหม่อมเจ้าจันทร์จรัสแสง จะมีก็แต่เครื่องหน้าที่น่าจะได้มาจากบิดา
ผิดกับอาทิตยาที่จำไม่ได้ด้วยซำ้ว่าหญิงชราตรงหน้าเป็นใคร แต่ด้วยร่วงอวบๆตาหวานๆของป้ากล่อม หญิงซันจึงกล้าเข้าไปขอเป็นลูกศิษย์ทำบัวลอยไข่หวานของโปรด ป้ากล่อมแกคงเห็นว่าเด็กหญิงควรจะมีฝีมือทำอาหารเอาไว้บ้าง เพราะเป็นถึงลูกสาวร้านเพชร การบ้านเรือนไม่ประสีประสาคงไม่เข้าที อีกอย่างถ้าจำไม่ผิดเจ้าคนตัวเล็กข้างหน้าก็คงจะก้าวมาเป็นภรรยาของคุณจันทร์ หรือคุณชายตัวน้อยที่ตนดูแลมากับมือ
ตั้งแต่วันนั้นอาทิตยาก็ฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ป้ากล่อม และขึ้นแท่นศิษย์รักในเวลารวดเร็ว
ไหนๆวันนี้ก็ไม่มีอะไรทำ ไปให้ป้ากล่อมฝึกวิทยายุทธ์ทำกับข้าวดีกว่า ป่านนี้ฝีมือตกไปแล้วแน่เลย ไม่ได้เข้าครัวมาสี่ปีแล้ว
“หอมจังป้ากล่อมทำอะไรค่ะ" อาทิตยาเดินตามกลิ่นจนมาถึงห้องครัว ท่าทางป้าแกคงทำหมูทอดนำ้ปลาแน่เชียว กลิ่นเค็มๆแบบนี้
ปล.ขอบคุณสำหรับทุกๆเม้นนะคะ...
“แหม ยังไม่ทันจะแต่งงานกัน ก็ถือวิสาสะจับต้องข้าวของของพี่เสียแล้วหรือครับ
คิดถึงกันมากขนาดมาหาพี่ถึงที่เชียวนะ น้องซัน"
พอกลับมาคืนนั้น หม่อมแม่ก็จัดกัณฑ์เทศน์ให้ฟังแบบไม่ยั้ง ด้วยความยาวสามชั่วโมงไม่ขั้นโฆษณา คุณนายเธอบ่นจนเสียงหายนั่นแหละ จึงพักยกให้หล่อนได้ชิ่งหนีไปอาบนำ้อาบท่า และซุกตัวใต้ผ้าห่มบนเตียงนอน
ซันคิดถึงพ่อจ๋าจัง ถ้าบิดายังอยู่ไม่มีวันที่มารดาจะมาบังคับกันได้เลย ในที่สุดความอัดอั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นนำ้ตาอาบสองข้างแก้ม
เช้าแล้วแต่เมฆลงจนฟ้าขมุกขมัว ขนาดแสงอาทิตย์ยังส่องมาเพียงบางเบา ไม่ต่างจากชิวิตของอาทิตยาที่เต็มไปด้วยทางหม่นๆมองอะไรไม่ค่อยเห็น
“ซัน มาหาแม่หน่อยมา" หญิงซันหัวฟู ตาแดง ค่อยๆเดินต้วมเตี้ยมไปหาคุณเพชรา
“ทำไมไปทำพี่เขาแบบนั้น" นำ้เสียงอ่อนโยนที่เอ่ยให้ได้ยิน ทำให้หล่อนใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง นี่แหละ ข้อดีของคุณแม่ อย่างน้อยก็ฟังเหตุผล
"ก็เขา" สาวเจ้านำ้ตาเงียบไปพักใหญ่ พยายามนึกหาคำพูดมาอธิบาย นั่นซิเจ้าพี่มันพูดไม่ดีตรงไหนในมุมมองของหม่อมแม่ ก็ทุกถ้อยคำนี่ถ้าท่านได้ยินคงปลื้มใจมาก เพราะว่าที่ว่าที่ลูกเขยจะมีหลานให้เฉยชมเป็นโหลสองโหล
ใบ้กินค่ะ เอาไงดีเนี่ย เมื่อวานก็มัวเศร้าเลยลืมโทรปรึกษาคุณยาพิษ เอาเถอะ ใช้สีข้างเเถเอาแล้วกัน
“ก็เจ้าพี่หาว่าซันชอบผู้หญิง เกย์ กระเทย กวาง" บุตรสาวคนเดียวว่าเบาๆเหมือนอยู่ในโหมดโศกา โดยเลือกไม่เล่าต่อว่า สุดท้ายแล้ว สิ่งที่สามีในอนาคตหมายถึง คือหล่อน ชอบเขาไม่ว่าจะเป็นแบบไหนต่างหาก
“แค่นี้หนูถึงกับต่อยพี่เขาเชียวหรือ" หญิงซันพยักหน้าหงึกหงัก ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่อไป
“ถ้าแม่ถูกกล่าวหาจากว่าสามีในอนาคตว่าชอบผู้หญิง แม่ไม่เสียใจเหรอ"
“จ๊ะๆ" จบคำเห็นด้วยของมารดา อาทิตยาถึงกับก้มหน้าลงตำ่เหมือนคนทุกข์ใจ แต่รอยยิ้มร้ายกาจกลับปรากฏขึ้นมาโดยไม่มีใครรู้ เย้รางวัลออสก้าปีนี้เป็นของ ซันนี่ หม่อมแม่เห็นใจแล้ว นำ้ขึ้นก็ต้องรีบตัก
“อีกอย่างซันเจอเจ้าพี่แค่ไม่กี่ครั้งเอง ถ้าเลื่อนงานแต่งออกไปหน่อยให้เราได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นจะไม่ดีกว่าหรือคะ" นำ้เสียงเศร้าๆเอ่ยออกไป ก่อนร่างบางของหญิงซันตัวน้อยจะโผเข้าไปซบอกหม่อมแม่ออดอ้อนเต็มที่
คุณเพชราที่กำลังจะเสียรู้กอดตอบลูกสาวอย่างรักใคร่ แต่เวลาของหล่อนมันเหลือไม่มาก หากเจ้าตัวเล็กแสนเอาแต่ใจเกิดตกอยู่ในมือคนเลวขึ้นมา หล่อนจะตายตาหลับไปพบหน้าสามีอย่างเป็นสุขได้อย่างไร
“ก็เหลือตั้งเกือบยี่สิบวัน เราก็ไปดูแลพี่เขาที่บ้านซิ ใช้ข้ออ้างเรื่องชกหน้าเมื่อวานก็ได้ สมเหตุสมผลดีด้วย แม่อนุญาติ" หม่อมแม่หันมายิ้มให้ หญิงซันได้แต่ฝืนอวดฟันสวยบนสีหน้าเศร้าใจ เวรนี่เราต้องไปรับกรรมที่ก่อไว้แล้วซินะ จะปฏิเสธก็ใช่ที่ ซวยจริง...หม่อมแม่ใจร้าย
“งั้นก็ไปอาบนำ้เเต่งตัวไป จะได้ไปเยี่ยมจันทรมาศกัน แม่จะได้เลยไปคุยเรื่องของชำร่วยแล้วก็สถานที่จัดงานกับคุณแสงด้วย" หญิงซันได้แต่เดินคอตกกลับขึ้นมาบนห้องส่วนตัว ระหว่างห้องพระเฉียงกับกันห้องมือบางยกมือไหว้พระประธานที่อยู่ด้านใน จริงดังพระท่านว่าจริงๆ เวรใดใครก่อ คนนั้นต้องรับ เฮ้อแล้วที่จะต้องแต่งงานตั้งแต่เพิ่งเรียนจบนี่ มันกรรมอะไรนะ ไหนจะเรื่องที่เขาเป็นพวกรักเพศเดียวกันอีก ชาติก่อนหล่อนเป็นสัตวแพทย์เที่ยวตอนตัวนู้นตัวนี้หรือไง ชาตินี้ถึงเจอแบบนี้
คิดไปก็พาแต่ทุกข์ จึงหยุดคิด แล้วรีบอาบนำ้จัดแจงก่อนที่มารดาจะโกรธา
อาทิตยาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตากลมโตทอดไปตามเส้นทางเบื้องหน้าที่นำไปสู่จุดหมายปลายทาง สองฝั่งถนนเต็มไปด้วยไม้ยืนต้นแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปไกลๆ เป็นร่มเงาให้กับคนใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างดี ตำ่ลงมาก็มีไม้พุ่มทรงเตี้ยปลูกไว้ อวดดอกสีแดงน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม
“คุณเพชรจะให้ผมไปเอารถไปจอดรอรับเลย หรือกลับไปก่อนแล้วค่อยมาตอนเย็นอีกทีครับ" ลุงชิดคนขับรถคนเก่งเอ่ยถามเมื่อพาผู้โดยสารมาถึงที่หมาย อาทิตยาตาโตมองคุณลุงหลังพวงมาลัยก่อนจะหันขวับหามารดา
อ้าวนี่เราจะมาอยู่ทั้งวันเชียวหรือ หม่อมแม่ล้อเล่นใช่ไหม
“อืม กลับไปก่อนดีกว่า เย็นๆเดี๋ยวฉันโทรตาม" ลุงชิดพยักหน้าเข้าใจ
“เราจะอยู่นานขนาดนั้นเลยเหรอค่ะ" สาวหมวยถามเสียงเบา
“ไม่ดีหรือ ซันจะได้ทำความรู้จักกับเจ้าจันทรมาศมากขึ้นไง" ผู้สูงวัยตอบกลับมา จนหล่อนแอบเบะปากอยากจะร้องให้ ซันรู้จักพอแล้วค่ะมากกว่านี้อาจจะไม่ได้แต่งกันแล้ว
“ไป ลงได้เเล้ว ลุงชิดจะได้เอารถกลับไปเก็บบ้าน"
“แล้วพวกบอดี้การ์ดละค่ะ" อาทิตยาว่าออกไปอย่างมีความหวัง ทิ้งไว้ซักสองคนรอบตัวหญิงซันหน่อยนะค่ะหม่อมแม่ เผื่อเจ้าพี่จันทรุปราคาอยากแก้แค้นขึ้นมา ลูกสาวแม่จะได้ไม่ตาย
“ก็ให้กลับไปให้หมดนั่นแหละนี่มันวังจันทรานะลูกใครจะทำอะไรเราได้" หญิงสาวเงยหน้ามองคนพูดอย่างขัดใจ ก็อีคนที่ซันเพิ่งจะประเคนหมัดไปไงค่ะหม่อมแม่
“ไปกันๆ คุณแสงเดินมานู้นแล้ว " อาทิตยามองตามคำพูดของมารดาแข่งขาก็ก้าวไม่ออกขึ้นมาเสียอย่างนั้น ตาย จบกัน แม่เขาคงปลื้มตายละ ว่าที่ลูกสะใภ้ไปตะบันหน้าลูกชายเขาซะหมดหล่อ
“ไหว้พระเถอะลูก" คนมีชะนักติดหลังยกมือพนมไหว้มารดาสามีในอนาคตด้วยกิริยาอันงดงาม ก่อนจะเอาแต่ก้มหน้างุดๆ จึงไม่ทันเห็นหม่อมเจ้าจันทร์จรัสแสงที่รับไหว้ไว้ด้วยรอยยิ้มทั้งที่ปากและดวงตา
หล่อนทราบดี...ว่าความผิดที่ก่อขึ้นใหญ่หลวงเอาการ จึงไม่อาจสู้หน้าได้ แต่หม่อมท่านกลับไม่ได้ถือโทษอะไรแถมดีใจด้วยซำ้ที่ได้สะใภ้เป็นหญิงแกร่งใจเกินร้อย
“แม่ดีใจนะ ที่หนูมาเป็นลูกสะใภ้" คนฟังตาโต หา...หญิงแม่ชอบซันเข้าไปได้ไง โดยเฉพาะคนที่ทำร้ายลูกชายตัวเองเนี่ยนะ สมเหตุสมผลจริงๆ
“ซันขอโทษค่ะ" หญิงสาวกล่าว สีหน้าสำนึกผิดในเรื่องที่ก่อไว้
“แม่ไม่โกรธหรอกลูก เพราะถ้าเป็นแม่นะจะจัดการเสียสองทีด้วยซำ้ หนูนะจัดว่าใจดี" ฟังมารดาของเขาว่าจบ ลูกสาวคนใหม่อย่างเธอถึงกับคิ้วผูกโบว์ นี่แน่ใจนะค่ะ ว่าคุณแสงเป็นแม่แท้ๆของเจ้าพี่จันทรุปราคา สงสัยว่าหล่อนจะแสดงสีหน้ามากเกินไปหญิงแม่จึงว่าต่อ
“ตาแป๋วเชียวลูก แม่รู้จักลูกชายตัวเองดี ถึงกล้าพูดได้เต็มปากว่า...หนูนะใจดีแล้ว" อาทิตยาได้แต่ยิ้มรับแกนๆ คุณแม่ชั่งน่ารักเสียจริงไม่น่ามีลูกเป็นสัตว์สงวนเปิดฟาร์มเลี้ยงสุนัขเลย
“เข้าไปคุยกับพี่เขาก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่กับแม่ของหนูจะต้องไปทำธุระ ฝากดูแลพี่เขาด้วยนะจ๊ะ" คุณแสงของหม่อมแม่น่ารักขนาดนี่แล้วหญิงซันจะใจจืดใจดำปฏิเสธกลับไปได้อย่างไรกัน
“ค่ะ ซันจะพยายาม"
คุณหญิงแม่และหม่อมแม่หันมายิ้มให้ก่อนจะก้าวขึ้นรถออกไป ทีนี้ในบ้านคงเหลือแต่ศัตรูตัวร้ายของเธอซินะ
อาทิตยาเดินหาเจ้าพี่จันทรทรุปราคาจนทั่วบ้าน ไม่พบแม้แต่เงาของเป้าหมาย นี่เจ้าพี่จันทร์อับโดนราหูอมเข้าไปหรือไง หรือจะอยู่ในสวนหนังสือ
หล่อนเดินไปที่ประตูหลังบ้านเข้าทางเชื่อมทอดยาวสู่ห้องหนังสือทรงหกเหลี่ยมที่สร้างไว้กลางสวนกล้วยไม้หายากหลายพันธุ์
ตำรับตำราหลายเล่มวางเรียงรายบนชั้นไม้เต็มไปหมด หล่อนเดินเพลินจนลืมตัวหยิบหนังสือขึ้นสำรวจหลายเล่ม อันไหนถูกใจก็อุ้มไว้ในอ้อมแขน กะจะเอาไปอ่านทีเดียวบนโซฟาตัวเก่าที่เคยนั่งเล่นตอนมาเยี่ยมหม่อมเจ้าจันทร์แสงหรือคุณแสงของหม่อมแม่ตอนเด็กๆ
"ยังไม่ทันจะแต่งงานกัน ก็ถือวิสาสะจับต้องข้าวของของพี่เสียแล้วหรือครับ คิดถึงกันมากขนาดมาหาพี่ถึงที่เชียวนะ น้องซัน" นี่ยังไม่เลิกปากสุนัขอีก อยากโดนอีกข้างใช่ไหม หล่อนนะจัดให้ได้นะ รับรองคราวนี้นอนโรงพยาบาลอย่างน้อยสามวันแน่ๆ
คนถูกกล่าวหาว่าบุกรุกหันขวับไปเอาเรื่อง เกิดปะทะกับร่างสูงจนอีกฝ่ายล้มหงายหลังตูดจำ้เบ้าจากแรงกระแทกของเจ้าหล่อนเสียงดังตุ้บ หญิงซันตกใจรีบวางหนังสือ ก่อนจะย่อตัวลงพยุงคนเจ็บขึ้นมา
“ขอบคุณครับ" นำ้เสียงทุ้มว่าเบาๆก่อนจะลูบบั้นท้ายสองสามที หล่อนเห็นก็อยากขำแต่ก็เกรงใจจึงกลั้นไว้เต็มที่ แต่ตาคมนิ่งที่มองมาก็ทำให้แขกสาวถึงกับหุบยิ้ม พร้อมกับย้อนคิดถึงเรื่องเมื่อครู่ เขา...พูดดีๆก็เป็นแต่ไม่ค่อยพูด คนเรานี่ก็เเปลก ต้องให้เจ็บเนื้อเจ็บตัวก่อน
“วันนี้น้องซันมาทำอะไร" นัยน์ตาชายหนุ่มเจือแววประหลาดสักพักก็เลือนหายยามที่หล่อนประสานสายตา ถ้ามองไม่ผิด...มันเหมือนอดีต ตอนที่เด็กหญิงอาทิตยาพบเขาเป็นครั้งแรก
“มาดูแลพี่จันทร์ ตามคำสั่งคุณแม่ค่ะ" เมื่อเจ้าพี่ดีมาก็ไม่มีเหตุให้หล่อนต้องร้ายตอบ อีกอย่างบนใบหน้าคมหวานของเขายังปรากฏร่องรอยวีรกรรมของหญิงซันประดับอยู่เด่นชัด จนอดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้
“ครับ ตามสบาย พี่ไม่กวนแล้วกันนะ ขอตัวไปเขียนงานต่อก่อน อ๋อ พอดีวันนี้พี่ใช้ห้องนี้ทำงาน ยังไงน้องซันเอาหนังสือพวกนี้ไปอ่านในบ้านนะครับ"
“ค่ะ" แม่เจ้า บอกทีเถอะว่านี้พี่ชายจันทรุปราคาจริงๆ ทำไมสองวินาที ถึงเปลี่ยนนิสัยได้รวดเร็วว่องไวนักนะ ถ้าเป็นแบบนี้ตอนอยู่กับหม่อมแม่ละก็ ไม่แปลกใจเลยทำไมมารดาถึงได้พยายามยัดเยียดลูกสาวให้อีคุณชายเกย์นัก
ก็แน่ซิ...คนอะไรนิสัยก็ได้ ฐานะก็มีอันจะกิน แถมฉลาดอีกต่างหาก
เจ้าพี่จันทรมาศรับปริญญาสองใบในปีเดียวจากหมาวิทยาลัยชื่อดังในต่างประเทศ และที่มหัศจรรย์กว่านั้นคือเกียรตินิยมทั้งคู่ คู่ที่ไม่น่ามาเรียนร่วมกัน บริหารกับออกแแบบหรือที่เรียกกันให้สวยๆก็ดีไซน์เนอร์
ตอนนี้เจ้าพี่นั่งตำแหน่งผู้บริหารธุรกิจโรงแรมของครอบครัว มีเงินสะสมเป็นเลขสิบหลัก มันมากจนหล่อนเห็นเจ้าพี่เอามาพลาญเล่นบ่อยๆ ไปกับรถยนต์สวยๆ และไวน์ชั้นดี
นอกจากงานบริหารที่ทำกำไรจนไม่มีที่จะเก็บเงินเจ้าพี่ยังรับออกแบบอัญมณีและเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้กับแบรน์ดังในต่างประเทศ ร้านของหม่อมแม่เป็นหนึ่งในนั้น แต่ชายหนุ่มกลับไม่เคยเก็บเงินกับร้านซักครั้ง อ้างว่าเป็นงานอดิเรกตลอด แต่กับร้านอื่นที่หญิงซันทราบมา พวกเขาจ่ายเจ้าพี่งานชิ้นหนึ่งเรือนแสน
หญิงสาวออกมานอนอ่านหนังสือที่หยิบมา บนโซฟาตัวยาวในห้องรับแขกอย่างสบายอารมณ์ สักพักก็หวนไปคิดถึงว่าที่สามีแสนประหลาด ตกลงเขาเป็นคนอย่างไรกันแน่นะ ปวดหัวจริงๆ เกย์ เก้ง กวาง ตุ๊ด แล้วมันก็อดคิดไปถึงอนาคตไม่ได้...อีกยี่สิบวันข้างหน้าคงต้องแต่งงานจริงๆเสียแล้ว เพราะต่อให้เจ๋งอย่างไร พิชชาภรณ์คงเตรียมอะไรไม่ทันภายในสามอาทิตย์เป็นแน่ กลุ้มๆ
“หนูซัน มาตั้งแต่เมื่อไรไม่เห็นบอกป้าก่อนเลย" หล่อนเงยหน้าจากนิยายที่หยิบมาอ่าน เห็นหญิงสาวร่างท้วมคนสนิทของคุณหญิงแม่ คนที่หล่อนแสนคุ้นเคยกำลังก้าวเข้ามา ก่อนจะนั่งลงข้างๆ
ป้ากล่อมไม่แก่ไปจากเมื่อสิบปีที่แล้วเลยซักนิด อาทิตยาลุกขึ้นกางแขนสองข้างก่อนเข้าไปซุกอกคุณป้าเหมือนเด็กเล็กๆ แขนเรียวบางโอบรัดร่างป้อมๆไว้แน่น
“ซันเพิ่งมาถึงเองค่ะป้ากล่อม" มืออูมหยาบจากการกรำงานหนักแต่อายุน้อย ค่อยๆปัดปอยผมที่ลงมาระใบหน้านวลของหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน
“จะออกเย้าออกเรือนแล้วนะเรา อย่าทำตัวเป็นเด็กเล็กๆละ" ประโยคสั้นๆแต่ทำเอา คนฟังหน้ามุ่ย หล่อนอยากระบายความอัดอั้นตันใจ แต่ก็กลัวว่าผู้สูงวัยจะไม่เชื่อกัน
“มีอะไรบอกได้นะคะ อยากบ่นอะไรป้าคอยฟังอยู่เสมอ"
“ซันเหนื่อยจังค่ะ ซันไม่อยากแต่งงาน เราไม่ได้รักกัน แต่งไปก็มีแต่ทุกข์" อาทิตยาว่าเบาๆ ป้ากล่อมได้แต่มองเด็กสาวที่ครั้งหนึ่งหล่อนเคยดูแลช่วงสั้นๆตอนเจ้าหล่อนตัวเล็กเกิดใหม่ๆอย่างจนใจ
“รู้ได้ไงกันค่ะ ว่าเจ้าจันทรมาศไม่พอใจหนูซัน ฮึ" นำ้เสียงอ่อนโยนเอ่ยเป็นเชิงถาม อยู่เหนือศีรษะเด็กไม่ยอมโต ง่ายมากค่ะ หญิงซันเป็นผู้หญิงแค่นี้เจ้าพี่ก็ไม่ชอบแล้วค่ะ บอกไปป้ากล่อมก็ไม่เชื่อ ทำไมไม่มีใครเชื่อซันซักคนว่าเจ้าพี่เป็นแต๋ว
“ป้าจะบอกอะไรให้ ไม่มีใครยอมแต่งกับคนที่ไม่รักหรอกลูก" ซันไงคะป้า ไม่ใช่แค่ไม่รักไม่ชอบ แต่เกลียดเลยด้วยซำ้
“เอาเถอะใครๆ เขาก็ว่าหนูเป็นพระอาทิตย์กันทั้งนั้น ยังไงก็ลองช่วยส่องแสงให้บ้านนี้มันอบอุ่นหน่อยเถอะลูก ที่นี้มันมืดมิด มีแต่แสงสลัวของเจ้าจันทรจรัสแสง ที่อ่อนแรงไปโขแล้ว" หล่อนมองคนพูดตาแป๋ว ถ้าป้ากล่อมไม่คิดจะเล่าอะไรให้กระจ่างก็อย่ามาสร้างปัญหาเพิ่มซิ แค่เรื่องของตัวเองซันก็แทบหมดเเรง ต้องคลานขึ้นเตียงตั้งแต่วันที่รู้ว่าโดนจับแต่งงานแล้ว
จวนได้เวลามื้อเที่ยงแต่หม่อมเจ้าจันทรมาศก็ยังไม่ปรากฏกายที่ห้องอาหาร ร้อนถึงป้ากล่อมที่ต้องยกสำรับไปให้ถึงที่ เพราะต้องอยู่เป็นเพื่อนคุยกันสักพัก ด้วยความสงสารคนแก่ อาทิตยาจึงอาสาทำแทนเสียเอง
ป้ากล่อมตักข้าวคลุกกะปิใส่จาน ตามด้วยเครื่องเคียงต่างๆ ตามสูตรตำรับชาววัง ก่อนจะยกวางในถาดใบใหญ่ที่มีแก้วใสทรงสูงใส่นำ้สีเขียวแก่ ข้างๆกันมีถ้วยเล็กๆใส่ขนมกล้วยบวชชี
“ตั้งแต่เล็กจนโตคุณจันทร์ไม่เคยร้องขออะไรเลยนะ มีอย่างไรก็กินอย่างนั้น เรียบง่ายจริงๆ" ก็ป้ากล่อมทำอร่อยจะตายไป ใครบ่นก็บ้าแล้ว เอาเถอะเขาดูแลกันมาแต่อ้อนแต่ออก ป้าแกคงรักเจ้าพี่เหมือนลูกนั่นแหละ
อาทิตยายกอาหารไปให้คนบ้างานที่สวนหนังสือ หล่อนมองเขายามที่หน้าหวานๆอย่างผู้หญิงเวลาทำงานกลับดูจริงจังจนน่าเกรงขาม ชั่งน่าเสียดายแทนสาวๆจัง
“ขอบคุณครับ วางไว้ตรงนั่นแหละ" ชายหนุ่มยังคงก้มหน้าแม้ปากจะขยับพูดกับหล่อน จะยังไม่กินข้าวกินปลาเอาแต่นั่งทำงานแบบนั้นไม่ได้นะ แม้คุณพ่อเธอเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรวดเร็วไม่เจ็บปวดมากนักแต่ระหว่างมีชีวิตอยู่ก็ทรมานกับโรคกระเพาะ ดังนั้นไม่ว่าใครก็ห้ามเป็นโรคนี้อีกทั้งนั้น
หล่อนถือวิสาสะเข้ามาแย่งปากกาและเอกสารในมือหนาออกไป ก่อนจะมองอย่างท้าทายระหว่างใบหน้าหวานๆของเขากับถาดอาหารในมือตัวเอง แต่ชายหนุ่มกลับเมินเอาแต่นั่งนิ่ง จนเธอต้องเอามันมาวางบนโต๊ะทำงาน นั่นแหละคนเรื่องมากถึงขยับมือเอื้อมหยิบแก้วนำ้ขึ้นมาจิบ
“นำ้ใบบัวบกหรือ" แก้ชำ้ใน ป้ากล่อมแกเข้าใจหานำ้หวานได้เข้ากับสภาพร่างกายชายหนุ่มจริงๆ
ผ่านไปไม่นาน หม่อมเจ้าจันทรมาศก็จัดการอาหารคาวจนเกลี้ยงจาน ตามด้วยของหวานที่หมดไม่เหลือซากเศษเช่นกัน
“ทานเสร็จแล้ว ของานคืนด้วย" ตาคมๆส่งมาให้ จนอาทิตยาผงะถอยหลังไปสองก้าวเพราะมันชวนให้นึกถึงเรื่องราวในผับ สายตาเขาแบบนี้มันน่ากลัวให้ความรู้สึกถึงสิงโตกระหายเลือดอย่างไรก็ไม่รู้ แต่เดี๋ยวเธอไม่ใช้เก้งกวางคู่ขาของเขาไม่เห็นต้องกลัวเลยนิ
“ป้ากล่อมบอกว่า พี่จันทร์ต้องคุยกันหลังกินข้าวด้วย" ชายหนุ่มยังรักษาสายตาแบบเดิมมองหล่อนอย่างพิจารณา
“เธอเป็นป้ากล่อมรึไง" แม่เจ้าโว้ย ปากกลับมาเปิดฟาร์มสุนัขอีกแล้ว ดีงั้นก็นั่งอยู่ไปคนเดียวมันเนี่ยแหละ ขนาดถือมายังไม่อยากจะทำเลยนะ ดีเท่าไหร่แล้วที่จะอยู่คุยเป็นเพื่อนมันน่าจริงๆ
อาทิตยากลับมานั่งเอกเขนกที่ห้องรับแขกดูรายการต่างๆ ทางสถานีโทรศัพท์อยู่พักใหญ่ก็เริ่มเบื่อ เพราะตามปกติยามนี้หญิงสาวต้องนั่งตรวจบัญชีที่ร้านและสาขาอื่นๆที่กระจายออกไปต่างจังหวัด บางครั้งก็เดินทางไปเยี่ยมเยียนสาขาต่างๆด้วยตัวเอง แต่วันนี้ดันต้องมานั่งหายใจทิ้งซะนี่ อุวะ คันไม้คันมือจริงๆทำอะไรดี...ไปหาป้ากล่อมดีกว่า
ตอนเด็กๆที่หล่อนติดสอยห้อยตามหม่อมแม่มาเยี่ยมคุณป้าแสง ก็เที่ยวซนวิ่งเล่นจนหลงเข้าไปในห้องครัว จนเจอกับป้ากล่อมเข้า แม้หญิงซันจะโตขึ้นกว่าเดิมนักจากแรกเกิด แต่มีหรือที่คนเก่าคนแก่จะไม่รู้ว่าหนูน้อยเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ในเมื่อโครงหน้าถอดแบบมาตรงกับคุณเพชราสหายคนสนิทของหม่อมเจ้าจันทร์จรัสแสง จะมีก็แต่เครื่องหน้าที่น่าจะได้มาจากบิดา
ผิดกับอาทิตยาที่จำไม่ได้ด้วยซำ้ว่าหญิงชราตรงหน้าเป็นใคร แต่ด้วยร่วงอวบๆตาหวานๆของป้ากล่อม หญิงซันจึงกล้าเข้าไปขอเป็นลูกศิษย์ทำบัวลอยไข่หวานของโปรด ป้ากล่อมแกคงเห็นว่าเด็กหญิงควรจะมีฝีมือทำอาหารเอาไว้บ้าง เพราะเป็นถึงลูกสาวร้านเพชร การบ้านเรือนไม่ประสีประสาคงไม่เข้าที อีกอย่างถ้าจำไม่ผิดเจ้าคนตัวเล็กข้างหน้าก็คงจะก้าวมาเป็นภรรยาของคุณจันทร์ หรือคุณชายตัวน้อยที่ตนดูแลมากับมือ
ตั้งแต่วันนั้นอาทิตยาก็ฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ป้ากล่อม และขึ้นแท่นศิษย์รักในเวลารวดเร็ว
ไหนๆวันนี้ก็ไม่มีอะไรทำ ไปให้ป้ากล่อมฝึกวิทยายุทธ์ทำกับข้าวดีกว่า ป่านนี้ฝีมือตกไปแล้วแน่เลย ไม่ได้เข้าครัวมาสี่ปีแล้ว
“หอมจังป้ากล่อมทำอะไรค่ะ" อาทิตยาเดินตามกลิ่นจนมาถึงห้องครัว ท่าทางป้าแกคงทำหมูทอดนำ้ปลาแน่เชียว กลิ่นเค็มๆแบบนี้
ปล.ขอบคุณสำหรับทุกๆเม้นนะคะ...
เด่นเดือน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 มี.ค. 2556, 08:25:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 มี.ค. 2556, 08:25:00 น.
จำนวนการเข้าชม : 1912
<< บทที่ 2 Romanee-Conti 2 |
Sukhumvit66 3 มี.ค. 2556, 01:04:47 น.
มาลุ้นตอนต่อไป
มาลุ้นตอนต่อไป