นางบำเรอตีทะเบียน By อัญจรี น้ำจันทร์
คำโปรยหน้า

บุพเพฤาชะตา ที่นำพามาพบเจอ

หน้าที่เมียบำเรอ เขาให้เธอจำขึ้นใจ

ฉากหน้าแสนโสภา ภรรยานิตินัย

ฉากหลังนั่งร้องไห้...นางบำเรอตีทะเบียน



คำโปรยหลัง

เมื่อความรักที่มีไม่ได้รับความเห็นชอบจากมารดาที่รัก

วาโย จึงต้องหาใครสักคนมาแก้แค้นผู้เป็นมารดาให้สมกับที่ท่านกีดกันเขาและสาวคนรักออกจากกัน

ละอองดาว คือผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุดในเวลานั้น เพราะหล่อนไม่ใช่ไฮโซ ไม่ใช่ลูกผู้ลาภมากดี

หล่อนเป็นเพียงแค่ โสเภณี ที่เขาบังเอิญถูกชะตา

วาโยไม่รอช้าจดทะเบียนตีตรากับหล่อนเพื่อประชดมารดาในทันที

โดยหารู้ไม่ว่าแม่โสเภณีที่เขาซื้อมาหล่อนยังไร้ ราคี!



สามปีให้หลังเมื่อสัญญานางบำเรอสิ้นสุดลง ละอองดาวดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธะสัญญาที่ไร้รัก

แต่ทว่าสามีผู้หลงใหลในเรือนร่างคุณภรรยา กลับไม่ยอมหย่าให้!



เวลาต่อมา

เมื่อสตรีที่วาโยรักนักรักหนากำลังจะดับดิ้นสิ้นลมหายใจ เขาจึงอยากจะได้ใบหย่าไปให้สาวเจ้าชื่นชม

แต่ทว่า ตอนที่เธออยากหย่าเขาไม่ยอมหย่าให้ ตอนนี้ก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะได้มันไป เช่นกัน!

ความเจ็บปวดใดๆ ที่สามีเคยทำไว้กับภรรยา นาทีนี้ก็เตรียมตัวรับความเจ็บปวดเช่นนั้นกลับไป สองเท่าตัว!




ชื่อเดิม โสเภณีตีทะเบียน -> คมทันฑ์สิเน่หา -> มาจบที่ นางบำเรอตีทะเบียน ค่า
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามมิให้ผู้ใดทำซ้ำหรือดัดแปลงแก้ไข ใครอุบอิบเอาของเขาขอให้แฟนทิ้งแฟนมีหญิงใหม่ สาธุ ^/\^

เตรียมใจตั้งแต่เนิ่นๆ นิยายอัพถึงบทที่ 15 นะคะ อาจจะแถมให้ถึง 16 ถ้าคนอ่านช่วยกระหน่ำไลค์ แต่เรื่องอัพจบคงไม่อัพจบค่าเพราะนิยายเรื่องนี้อัพมาหลายรอบแล้ว แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ยังให้กำลังใจกันด้วยดี ป,ล ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยจร้า นักเขียนตัวน้อยยังด้อยประสพการณ์ ^/\^
Tags: ตีพิมพ์สำนักพิมพ์ธราธร

ตอน: บทที่ 5 แม่ผัวตัวแสบ 70%

นางบำเรอตีทะเบียน

รถยนต์คันงามมุ่งหน้าสู่อำเภอที่ครั้งหนึ่งละอองดาวกับวาโยเคยมาจดทะเบียนสมรส ระหว่างที่รถยังเคลื่อนตัวไปตามถนนที่มั่งคั่งด้วยยวดยานพาหนะสองสามีภรรยามิได้เอ่ยวาจาตอบโต้กันแต่อย่างใด ได้แต่ปล่อยให้ความเงียบงันผูกขาดการสนทนาในครานี้ ทว่ายี่สิบนาทีถัดมาละอองดาวก็ทนไม่ไหวเอ่ยถามถึงสิ่งที่อยากรู้เพื่อความแน่ใจ
“คุณโย...เปิดกล่องของขวัญดูหรือเปล่าคะ” น้ำเสียงแหบพร่าเพราะประหม่าในคำตอบของคนถามทำให้วาโยละสายตาจากถนนเบื้องหน้ามามองละอองดาวชั่วครู่ ก่อนจะหันกลับไปมองการจราจรเบื้องหน้าเช่นเดิม
“เปิดแล้ว” เขาตอบสั้นๆ อย่างต้องการตัดปัญหา ไม่ว่าอะไรจะอยู่ในนั้นมันก็ไม่อาจทำให้เขาล้มเลิกสิ่งที่ตั้งใจได้หรอก
“แล้ว...คิดยังไงคะ ชอบมันหรือเปล่า” ริมฝีปากแดงระเรื่อเพราะลิปสติกสีสวยคลี่ยิ้มเล็กน้อย ใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่อย่างน้อยเขาก็รู้แล้วว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ เธอยอมรับเลยล่ะว่าพอแม่สามีเอ่ยให้คิด เธอก็เริ่มคิดจริงๆ มันสองจิตสองใจทั้งอยากหย่าและไม่อยากหย่า
วาโยถอนหายใจแรงๆ อย่างอึดอัด หล่อนจะถามหาสวรรค์วิมานอะไร
“ฟังนะละอองดาว ไม่ว่าเธอจะเอาอะไรใส่ลงไปในนั้น มันก็ไม่ทำให้ฉันเปลี่ยนใจได้ ยังไงซะวันนี้ฉันก็จะหย่าและฉันก็จะเอาใบหย่าไปให้คนรักของฉันทันที”
เสมือนประกาศิตจากเจ้านายผู้สูงศักดิ์ที่ไพร่สามัญเช่นละอองดาวไม่อาจทักท้วงได้อีกต่อไป หัวใจแห้งเหี่ยวพลันบวมเป่งเพราะความเจ็บมันพอกพูนจวนจะปริแตก รอยเสน่หาที่เคยมีถูกกระทำย่ำยีให้ป่นปี้ด้วยคำมั่นจากวาจาสามีที่รัก
“ค่ะ...หย่า...ก็หย่า” เธอตอบออกไปแล้วหัวใจเหมือนหยุดเต้น สองฝ่ามือรีบทาบบนหน้าท้องอย่างแหนหวงก่อนจะรีบตักตวงอากาศเข้าปอดเพื่อผ่อนคลายความอึดอัดข้างในหัวอก
“ก็ดี พูดง่ายๆ อย่างนี้ก็ดีแล้ว เธอจะฝืนให้มันได้อะไรขึ้นมาในเมื่อวันนี้มันต้องเกิดขึ้นสักวัน”
“แต่มันไม่น่าจะ...” เธอหยุดยั้งคำพูดได้ทันก่อนที่จะเอ่ยบางอย่างออกไป ในเมื่อลูก ไม่ได้มีความหมายใดๆ ต่อเขา ฉะนั้น นับจากวินาทีข้างหน้าคำว่า เรา ก็คงไม่จำเป็นอีกต่อไป
รถยนต์คันงามแล่นฝ่าการจราจรมาจนถึงตัวอำเภอ วาโยจอดรถนิ่งสนิทแล้วรีบลงจากรถโดยไว ขณะที่ละอองดาวพยุงสังขารที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยลงจากรถด้วยความทุลักทุเล
“เธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า”
วาโยเอ่ยถามเพราะเห็นท่าทางไม่ค่อยสู้ดีของภรรยา ฉับพลันหัวใจแข็งแกร่งก็ไหวโยกแกว่งไกวเพียงเพราะแลเห็นนัยน์ตาซาบซึ้งของละอองดาวที่จ้องตอบกลับมา
“ปะ...เปล่า เปล่านี่คะ ดาวแค่เวียนหัวนิดหน่อย”
เธอปฏิเสธความห่วงใยที่ส่งมาเพียงวินาที ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรับไว้ในเมื่อมันเป็นเพียงความห่วงใยตามมารยาท มิใช่ห่วงใยห่วงหาดังเช่นคนรักพึงปฏิบัติต่อกัน
วาโยแสดงน้ำใจด้วยการพยุงร่างอ่อนแรงนั้นขึ้นไปบนอำเภอ เส้นขนทั้งร่างของละอองดาวลุกชูชันเพียงเพราะแลเห็นป้ายหน้าห้องของนายทะเบียน
ตอนนี้ในสมองของละอองดาวขาวโพลน โสตประสาทไม่ได้ยินเสียงใดๆ นอกจากเสียงสามีที่รักเอ่ยแจ้งความประสงค์กับเจ้าหน้าที่สูงวัย แว่วเสียงท่านถามกลับมาว่าแน่ใจหรือไม่ว่าจะจดทะเบียนหย่า และเมื่อสามีบอกว่า...แน่ใจ! หยาดน้ำตาของภรรยาก็ร่วงกราวลงบนสองฝ่ามือที่วางประสานไว้บนตัก
“เอ่อ...แน่ใจไหมครับว่าจะจดทะเบียนหย่าจริงๆ ผมว่าคุณผู้หญิงดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่” เจ้าหน้าที่วัยใกล้เกษียณท้วงถามคนเป็นสามี ขณะเดียวกันเอกสารสองแผ่นก็ถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมๆ กับปากกาหนึ่งแท่ง
เสียงลากเส้นเป็นลายเซ็นคุ้นตาปรากฏบนส่วนท้ายของหน้ากระดาษ วาโยวาดชื่อตนบนใบหย่าอย่างสวยงามและว่องไว แม้ว่าลึกๆ แล้วจะรู้สึกวูบโหวงในอกกับการกระทำของตัวเองก็ตาม
“ฉัน...ฉัน...” น้ำเสียงสั่นขาดห้วงหลุดลอดจากริมฝีปากที่เคลือบสีชาดเสียดิบดี
วาโยจ้องใบหน้าที่กลบไว้ด้วยเครื่องสำอางราคาแพงอย่างไม่อยากเชื่อว่ามาถึงขนาดนี้เจ้าหล่อนยังจะอิดออด แค่เซ็นชื่อลงไปแกรกเดียวเขาก็จะได้นำมันไปให้สตรีที่เขาปรารถนาแล้ว
“อะไรอีกล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอจะไม่เซ็น!” เขาคุกคามภรรยาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างกระด้าง เจ้าหน้าสูงวัยจำต้องกระแอมไอเพื่อเตือนสติคนเป็นสามี
“ดาว ดาวไม่หย่าแล้ว! ดาว...ดาวอยากเข้าห้องน้ำ” เสียงที่ร้องบอกแฝงไว้ด้วยอาการร้อนรน อาการคลื่นเหียนพุ่งโจมตีเธออีกแล้ว
“ไม่ได้! เซ็นเดี๋ยวนี้นะ!”
วาโยเปล่งเสียงอันดังสั่งความภรรยาแต่ละอองดาวไม่อาจรอช้าด้วยว่าสิ่งที่อยู่ในท้องกำลังตีวนขึ้นมาหมายจะพุ่งออกมาทางเก่า เจ้าหล่อนรีบออกไปจากห้องนั้นแม้ว่าจะต้องใช้มือพยุงยันผนังห้องไปตลอดทางเพื่อหาห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด ขณะเดียวกันวาโยก็ลุกมากำหมัดแน่นอยู่หน้าห้องเพื่อจ้องมองแผ่นหลังของภรรยาเคลื่อนห่างออกไปช้าๆ เขาเก็บกลืนความโมโหโกรธาไว้ในหมัดที่กำจนเส้นเลือดปูดโปน
สามีหนุ่มยืนนิ่งรออยู่เช่นนั้นไม่หวั่นต่อสายตาอยากรู้อยากเห็นของใครหลายคนที่เดินผ่านไปมา และเมื่อผ่านไปราวสิบนาทีแต่ละอองดาวยังไม่ยอมกลับมาเขาก็ย้ายร่างสูงใหญ่ไปจากสถานที่นี้ ไม่มีไปตามหาแม่ภรรยาจอมปลิ้นปล้อนที่ผิดสัญญาให้เหนื่อยกาย
ละอองดาวโก่งคออาเจียนอยู่ในห้องน้ำจนแทบหมดเรี่ยวแรง วูบหนึ่งที่หัวใจบางๆ เพรียกหาสามีที่รัก เขาทำไมไม่มาตามเธอนะ จะเป็นห่วงเป็นใยกันบ้างไม่ได้หรืออย่างไร
มือเรียววักน้ำขึ้นมาล้างปากก่อนที่จะพยุงร่างออกไปทางเก่า ยังดีที่เจ้าหน้าที่นางหนึ่งซึ่งพบกันในห้องน้ำช่วยประคองเธอมาส่งจนถึงที่หมายไม่อย่างนั้นคงได้เป็นลมล้มพับอยู่หน้าห้องน้ำ
สิบนาทีให้หลัง
ละอองดาวลุกขึ้นช้าๆ สองมือกอดซองเอกสารที่นายทะเบียนส่งคืนให้ ทว่าเดินไปไม่ถึงสามก้าวร่างทั้งร่างก็เซซวนจวนจะล้ม เดือดร้อนนายทะเบียนสูงวัยต้องมาช่วยประคองให้วุ่นวาย
เสียงอุทานด้วยความตกใจของผู้คนที่อยู่ใกล้ในเหตุการณ์แทรกเข้ามาในโสตประสาทของละอองดาวก่อนจะค่อยๆ จางหายไป ร่างทั้งร่างเบาหวิวหูอื้อตาพร่า เธอรู้สึกเหมือนว่าถูกหลุมอากาศอันมหึมาดูดกลืนสู่ความมืดมิดไร้แสงและเสียง แต่เชื่อไหมว่านาทีนั้น เธอกลับได้ยินเสียงหัวใจดวงน้อยร่ำไห้อยู่ในอก...อย่างชัดเจน

ภายในห้องพักของคนไข้ที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง นางวิภากำลังเฝ้าดูอาการของลูกสะใภ้อย่างห่วงใย นัยน์ตาที่เริ่มพร่ามัวด้วยอายุที่มากขึ้นมีหยาดน้ำตามาขังคลอ เหตุใดหนอบุตรชายที่รักถึงได้ใจร้ายทิ้งขว้างละอองดาวได้ลงคอ อยู่กินกันมาก็หลายปีดีดัก แม้จะไม่มีความรักแต่ความเอื้ออาทรนั้นเล่าไม่มีเหลือเผื่อแผ่มาให้เจ้าหล่อนบ้างหรืออย่างไร
คนป่วยที่นอนแบ็บอยู่บนเตียงเริ่มขยับเนื้อตัว หญิงสาวลืมตาขึ้นมองเพดานที่มีหลอดนีออนส่องแสงสว่างจ้าจนนัยน์ตาพร่ามัว หล่อนต้องรีบหุบเปลือกตาลงไปชั่วครู่เพื่อให้ดวงตาได้ปรับสภาพให้คุ้นชินกับแสงสว่าง
“คุณแม่?” ละอองดาวเอ่ยเรียกมารดาของสามีด้วยความงุนงง เหตุเพราะตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหน้านางเป็นคนแรก
“ย่ะ...ฉันเอง หล่อนฟื้นแล้วรึ แล้วเป็นไงบ้างล่ะเจ็บปวดตรงไหนหรือเปล่า” น้ำเสียงประชดประชันแต่ดวงตากลับฉายแววเอื้ออาทรจนลูกสะใภ้อยากลุกไปกราบงามๆ แทบเท้า แต่เมื่อทำไม่ได้ก็จึงยกมือไหว้ตอบแทน
“ขอบคุณนะคะคุณแม่ ดาวไม่ได้เจ็บปวดอะไรค่ะ ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่คนนั้นที่มาช่วยดาวไว้ทันไม่อย่างนั้นคงได้ล้มไปกองบนพื้นแน่ๆ” หล่อนพูดแล้วนิ่งไปชั่วอึดใจ สามีที่รักใคร่หายไปไหนกันหนอเหตุใดจึงไม่มาดูดำดูดีเธอบ้างเลย
“เฮ้อ! หล่อนนี่นะแม่ดาว ไม่ใช่ตัวเปล่าแล้วนะจะทำอะไรก็คิดถึงลูกไว้บ้างสิ”
นางวิภาติติงเรื่องการดูแลตัวเองของคนที่อ่อนวัยกว่า ละอองดาวทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับไม่กล้าท้วงติงใดๆ
“ดาวขอโทษค่ะ ดาว...ดาวรีบลุกไปหน่อย ก็คุณโยไม่รอดาวนี่นา” เธอตอบตามจริง ในตอนนั้นคิดแต่ว่าจะรีบไปให้ทันวาโยที่ลุกออกมาก่อน แต่ร่างกายมันไม่ตอบสนองอีกทั้งเนื้อตัวแขนขาก็พลันอ่อนแรงขึ้นมาดื้อๆ
“เลิกพูดเรื่องเมื่อเช้าเสียที ฟังแล้วมันแสลงใจ” นางวิภาเบะปากอย่างรังเกียจ นางไม่อยากรู้สักนิดว่าบุตรชายและลูกสะใภ้ไปทำอะไรที่ไหนกันมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้
“โธ่...คุณแม่คะ คนเราไม่ได้รักกันอยู่กันไปยังไงก็ต้องหย่าอยู่ดี คุณแม่อย่าเก็บมาเป็นอารมณ์เลยค่ะ มันดีแล้วไม่ใช่หรือคะ คราวนี้คุณแม่จะได้พาสาวๆ มาให้คุณโยเลือกได้ไม่เว้นวัน”
ละอองดาวแขวะนางวิภาเล็กน้อยเหมือนที่หล่อนเคยปฏิบัติอยู่เป็นนิจ แต่คราวนี้นางวิภาไม่ได้เล่นด้วย ใบหน้านางเศร้าหมองลงทันใดแต่ปากก็ยังกล่าววาจาแดกดันลูกสะใภ้ไปเรื่อย
“ไม่ต้องมาแขวะฉันหรอกย่ะ ถึงฉันจะหาผู้หญิงมาให้ลูกฉันสักร้อยคน เขาก็ไม่เอาอยู่ดีนั่นล่ะ แต่ว่า...หล่อนก็ยังไม่ได้เซ็นนี่นาใบหย่าเนี่ย” นางวิภาหยิบซองเอกสารซึ่งวางอยู่บนโต๊ะมาแกะออกดู นางยิ้มอย่างพออกพอใจที่ยังไม่เห็นลายเซ็นของละอองดาวอยู่บนนั้น
ละอองดาวพยุงกายลุกขึ้นนั่งช้าๆ โดยมีมือข้างหนึ่งของแม่สามีคอยช่วยเหลือ
นางวิภาหย่อนกายลงนั่งบ้าง
“คุณวีนุตตราเธอสวยนะคะ ดาวเคยเห็นเธออยู่กับคุณโยสองสามครั้ง”
นางวิภามุ่นคิ้ว ละอองดาวบอกว่าวีนุตตรานี่นะสวย หล่อนชักเพี้ยนขึ้นทุกทีแล้ว
“หล่อนไปเห็นแม่นุตที่ไหนกันยะถึงได้บอกว่าสวย ฉันมองไม่เห็นความสวยของแม่วีนุตตรามาหลายปีแล้วนา?”
ละอองดาวเองก็งุนงงที่แม่สามีเอ่ยเช่นนั้นในเมื่อก่อนไปสิงคโปร์เธอก็ยังเห็นทั้งสองอยู่ด้วยกัน และวีนุตตราคนนั้นก็สะสวยมิใช่น้อย สวยแบบคมขำไม่ใช่ขาวจนซีดเหมือนเธอ
“ก็เคยเห็นสองสามครั้งที่ห้างค่ะ” เธอตอบเลี่ยงๆ จะให้บอกได้อย่างไรล่ะว่าเห็นจากรูปที่จ้างวานนักสืบถ่ายมาให้
“ที่ห้างเนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้!” นางวิภายืนยันเสียงแข็ง มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อวีนุตตราป่วยหนักมาหลายปีแล้ว และที่เดียวที่เจ้าหล่อนจะอยู่ได้นอกจากบ้านก็คือโรงพยาบาลนั่นล่ะ
“ก็...ช่างมันเถอะค่ะ บางทีดาวอาจจะตาฝาด ว่าแต่..คุณโยยังไม่มาหรือคะ” ถามพลางมองไปที่ประตูด้วยหวังว่าจะได้เห็นหน้าสามีสักที
“โอย...อย่าไปถามเล้ย โน่น! ไปเฝ้าไข้แม่นุตอยู่ตึกโน้นโน่น”
หัวคิ้วของลูกสะใภ้ย่นเข้าหากันด้วยความประหลาดใจ เมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วหล่อนหูเฝื่อนไปหรือเปล่า แม่สามีบอกว่าคุณวีนุตตราเป็นผู้ป่วยอย่างนั้นหรือ!?
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังแทรกเข้ามาในมโนจิตของว่าที่คุณแม่ ละอองดาวอยากถามนางวิภาต่อสักนิด แต่ถูกขัดด้วยเสียงเคาะประตูและร่างสูงใหญ่ที่ก้าวพรวดๆ เข้ามา
“คุณแม่ยังไม่กลับหรือครับ” วาโยเอ่ยถามมารดาที่ยังนั่งหลังตรงไม่ยอมห่างเตียงคนไข้
“ถ้ากลับแล้วจะเห็นหัวหงอกๆ ของฉันไหมล่ะ?”
นางวิภาตั้งใจรวนบุตรชายเต็มที่ นางจะถือว่าที่ละอองดาวถูกหามส่งโรงพยาบาลคราวนี้เป็นเพราะพ่อลูกชายตัวดีคนนี้ มันน่าจับตีก้นเหมือนตอนเด็กๆ นักเชียว
วาโยถอนหายใจอย่างต้องการระงับอารมณ์โกรธ เขาไม่อยากต่อปากต่อคำกับมารดาหรอกมันจะบาปเสียเปล่าๆ
“เธอหายดีเมื่อไหร่โทรไปบอกฉันด้วย ฉันจะไปรอที่อำเภอ”
ละอองดาวอ้าปากเตรียมจะแย้งว่าเธอไม่หย่าแล้วถ้าเขาอยากหย่าให้เขาฟ้องหย่าเอาเอง เพราะอย่างน้อยหากฟ้องหย่าจริงๆ เธอก็จะได้มีเงินทองเก็บไว้ให้ลูกได้เรียนหนังสือบ้าง หรือบางทีเขาอาจจะช่วยส่งเสียเลี้ยงดูแกถึงแม้จะไม่ได้รักใคร่ใยดีก็ตาม
“อะแฮ่มๆ ใจคอจะลากเมียที่ยังป่วยไม่หายไปหย่าให้ได้เลยรึ! แกจะใจดำไปถึงไหนฮึตาโย แกไม่รู้รึไงว่ายัยดาว...”
“คุณแม่คะ อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยค่ะ เดี๋ยวดาวจะคุยกับคุณโยเอง...นะคะคุณแม่ดาวขอ” ละอองดาวรีบทักท้วงก่อนที่นางวิภาจะเอ่ยถึงหลาน เธอไม่อยากให้เขาคิดว่าเธอเอาลูกมาเป็นเครื่องมือเพื่อปฏิเสธการหย่าในคราวนี้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม
“เลิกพล่ามซะทีแม่ดาว ฟังแล้วระคายรูหู ไม่พูดก็ไม่พูดน่ารำคาญจริงๆ ฉันไม่อยากยุ่งกับเรื่องของหล่อนแล้วล่ะ ถ้าจะเป็นตายร้ายดียังไงก็อย่ามามีน้ำหูน้ำตากับฉันก็แล้วกัน” นางวิภาประชดประชันด้วยความน้อยใจ นางคิดว่าบุตรชายคงยังไม่รู้เรื่องที่เมียตั้งท้องหรอก และดูเหมือนว่าแม่เมียตัวดีก็ไม่ต้องการให้รู้เสียด้วย หล่อนมันแน่จริงๆ ละอองดาว
“ดาวเป็นอะไรหรือครับคุณแม่” คนที่สะกิดใจรีบท้วงถามมารดา
“จะเป็นอะไรได้ ก็เป็นไข้หวัดใหญ่นั่นไง” นางวิภาเล่นตามเกมที่ละอองดาวร้องขอทางสายตา ในเมื่อไม่อยากให้พูดเรื่องนี้นางก็จะไม่พูดมันอีก...จนกว่าจะถึงเวลา
“แน่ใจนะครับคุณแม่” บุตรชายที่ยังแคลงใจในท่าทีของมารดาเอ่ยถามอีกระลอกเพื่อความสบายใจของตนเอง เขาเพียงแค่อยากมั่นใจว่าละอองดาวจะไม่ได้ป่วยร้ายแรงดังเช่นวีนุตตราอีกคน
“แน่ใจสิยะ เอ๊ะ แกจะเอาอะไรกับฉันรึตาโย จะซักไซ้ให้มันได้อะไรขึ้นมาเนี่ย รีบมาดูแลเมียแกไม่ดีกว่ารึ ฉันจะได้กลับบ้านไปเอนหลังเสียที ได้กลิ่นโรงพยาบาลแล้วขนมันลุก ขืนอยู่นานกว่านี้ฉันคงได้ชักตาย” นางวิภาแช่งตัวเองเสร็จสรรพยังผลให้บุตรชายมองใบหน้านางอย่างปลงๆ
“คุณแม่อย่าเพิ่งแช่งตัวเองสิครับ รอส่งตัวเจ้ายักษ์เข้าหอก่อน”
“แน่นอนย่ะฉันพูดไปอย่างนั้นเอง ฉันจะอยู่เป็นมารผจญพวกแกจนกว่าจะได้รับขวัญหลานคนแรกโน่นล่ะ เชอะ!”
นางวิภาจีบปากโต้คารมกับบุตรชายพอหอมปากหอมคอ และเมื่อนาฬิกาบอกเวลาจวนเที่ยงนางก็คว้ากระเป๋าถือก้าวฉับๆ ออกจากห้องไป
“คุณโยคะ คือ...” ละอองดาวกำลังจะพูดเรื่องใบหย่าแต่วาโยกลับโบกมือห้าม
“ช่างมันเถอะ ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ เธอกำลังป่วย ฉันเองต่างหากที่ผิด ฉันควรอยู่กับเธอด้วยตอนที่เธอเป็นลม เอาเป็นว่าฉันจะไม่เร่งรัดเธอจนกว่าเธอจะยอมไปหย่าเองก็แล้วกัน”
หญิงสาวที่นั่งไหล่ตกอยู่บนเตียงกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ความตื้นตันในถ้อยคำตอนต้นประโยคถูกถ้อยคำของเขาในตอนท้ายบดบังจนมองไม่เห็นแม้เงา คนอะไรช่างใจร้ายพูดตอกย้ำอยู่ได้ เธอไม่ลืมหรอกน่า
“ดาว...อยากขออะไรสักอย่างตอนหย่า ถ้าพอจะเป็นไปได้”
ในเมื่ออนาคตไม่แน่นอน ละอองดาวจึงยอมหน้าด้านร้องขออะไรๆ เพื่อชีวิตของตัวเองกับลูกที่จะเกิดมาบ้าง อย่างน้อยๆ ลูกก็ควรมีที่ซุกหัวนอนที่ไม่ใช่สลัม
“อะไร” เขาเดินมานั่งข้างเตียง จดจ้องละอองดาวอย่างไม่เชื่อว่าหล่อนจะกล้าขอ ตั้งแต่แต่งงานกันมาข้าวของเงินทองทั้งหลายหากเขาไม่หยิบยื่นให้หล่อนก็ไม่เคยปริปาก นั่นเพราะสัญญาเมียตีทะเบียนที่เขาร่างเอาไว้มันครอบคลุมในส่วนนี้ด้วย
“ถ้าเห็นแก่ที่แต่งงานกันมา และคุณก็ไม่ได้แต่งงานกับดาวแค่ในนาม ดาวขอ...เรือนไม้หอม ได้ไหมคะ”
ริมฝีปากสีซีดจางขบเม้มเข้าหากันอย่างต้องการลดทอนความประหม่า เธอรู้ว่าขอมากไปแต่ถ้าไม่มีบ้านเธอคงต้องลำบากแน่ๆ คงไม่มีใครจ้างผู้หญิงตั้งท้องให้ทำงานหรอก และถ้าไม่มีงานเธอจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเช่าบ้าน ถึงแม้ว่าเงินทองที่เขาเคยให้มันจะมากโขแต่เธออยากเก็บส่วนนั้นไว้ให้ลูกในท้องได้เรียนหนังสือมากกว่า และถ้าเขาไม่ให้เธอก็จะไม่หย่า ให้เขาไปฟ้องหย่าเอาเองแล้วกัน
เกิดเสียงหัวเราะหึๆ ในลำคอของวาโย ชนิดที่ใครฟังก็รู้ว่าคนหัวเราะนั้นกำลังเยาะหยันในบางสิ่งด้วยความพอใจยิ่ง วาโยเหยียดยิ้มดูแคลนละอองดาวเมื่อทนฟังหล่อนพล่ามจนจบ
“ในที่สุดเธอก็เผยธาตุแท้ออกมาจนได้ อยากได้อะไรอีกล่ะ แม่โสเภณี”
“วาโย!”
ละอองดาวขานชื่อสามีด้วยเสียงอันดัง เขาจะดูถูกเธอให้มันได้อะไรขึ้นมาเล่า เธอไม่เคยลืมหรอกว่าเป็นใครมาจากไหนและถ้าย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายใจร้ายที่ชื่อวาโย เธอสาบานเลย
“ทำไมล่ะ ฉันพูดผิดตรงไหนในเมื่อเธอเป็นโสเภณีที่ฉันซื้อมาจากซ่องแท้ๆ” เขายืนยันความจริงเพื่อกรีดหัวใจบางๆ ของภรรยาอีกครั้ง
“แต่คุณก็รู้ดีว่าฉันไม่เคยขายตัวให้ใครนอกจากคุณ ช่วยระลึกไว้ด้วย” ละอองดาวโต้ออกไปอย่างเจ็บปวด ในหัวใจเขาคงมีแต่ผู้หญิงที่ชื่อวีนุตตราคนนั้น เมื่อไหร่หล่อนจะตายๆ ไปเสียทีนะ วาโยจะได้เลิกรักใคร่เจ้าหล่อนเสียที
ละอองดาวคิดในใจอย่างเห็นแก่ตัว ความเจ็บจนจุกระคนน้อยเนื้อต่ำใจส่งผลให้หัวใจบางๆ เกิดกิเลสอันมืดดำ หล่อนต้องการให้อีกฝ่ายที่ไม่ได้มีความผิดดับดิ้นสิ้นลมหายใจ ทว่า พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอไผลมีความคิดชั่วร้ายก็รีบภาวนาขอให้คุณพระคุณเจ้าให้อภัยในความคิดสกปรกครานี้ด้วย
‘คุณพระคุณเจ้าเจ้าขาได้โปรดให้อภัยลูกผู้โง่เขลา อย่าให้บาปหนักหนามาเกาะกินตัวลูกเลย ขอให้ความคิดผิดบาปเมื่อครู่นี้สูญสลายไปจากหัวใจลูกในเร็ววันด้วยเถิด สาธุ’
“นั่นเพราะฉันเลือกได้ดีต่างหาก” วาโยยกความดีความชอบเรื่องพรหมจรรย์ของแม่โสเภณีตีตราว่าเป็นสิ่งที่คนฉลาดเช่นเขาพึงได้รับ ละอองดาวน้ำตารินเงียบๆ หล่อนไม่รู้จะสรรหาคำใดมาอธิบายความเจ็บความแค้นที่มันซึมแทรกอยู่ในทรวง บางครั้งที่เขาห่วงหวงความเจ็บปวดก็เหมือนจะเบาบาง แต่พอเขาปริปากว่าพร้อมจะทิ้งขว้างความขื่นขมระทมอ้างว้างก็เข้าเล่นงานหัวใจจนยับเยิน
นัยน์ตาสีสนิมจดจ้องร่างบางตรงหน้าอย่างค้นคว้า หล่อนคงห่างการลงทัณฑ์ไปนานกระมังถึงได้โหยหามันแล้วเรียกร้องด้วยการตัดพ้อทางสายตาเช่นนี้
“เธอกำลังด่าฉันอยู่ใช่ไหม! อยากลองดีกับฉันหรือไงห๊ะ!”
วาโยปราดเข้าไปรวบร่างอ่อนแรงมาเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน
“ฉันป่วยอยู่นะคุณโย” ละอองดาวโต้กลับในสิ่งที่เขาควรรับรู้ เธอไม่สบายนอนแบ็บอยู่อย่างนี้เขายังมีแก่ใจคิดถึงเรื่องอย่างว่าอีกหรือ
“ฉันไม่สน ถ้านั่นจะทำให้เธอรู้สำนึกฉันก็จะทำ” วาโยจับแขนสองข้างของภรรยาตัวดีรั้งเข้าตัวก่อนจะก้มลงมอบจุมพิตอันเร่าร้อนมาให้
ละอองดาวดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่ง เขาเลื่อนแขนกอดรัดเธอแน่นหนึบประดุจร้อยรัดด้วยโซ่เหล็กหนักหนา
สามีหนุ่มเลือดร้อนกำลังมุ่งมั่นอยู่กับการตักตวงความหอมหวานในโพรงปากอย่างหนักหน่วง นาทีนี้เขาสำนึกแล้วว่ามิใช่ละอองดาวกระมังที่โหยหาการลงทัณฑ์ แต่เป็นเขาต่างหากที่โหยหาต้องการลงทัณฑ์หล่อนเสียเอง
“อื้อ...ปะ ปล่อย คุณโย...ปล่อย...ดาวก่อน แฮ่กๆ”
เสียงหวานขาดเป็นห้วงๆ เพราะต้องเร่งสูบอากาศเข้าปอดและต้องทนกับแรงสวาทที่เกิดขึ้นจากการรุกไล่ด้วยฝ่ามือร้อนๆ ของเขา
“ฉันต้องการเธอ” เขาบอกหล่อนเสียงแหบพร่าแล้วกดหล่อนลงไปบนเตียงอีกครั้ง
“มะ...ไม่ ไม่! ปล่อยนะ!”
ละอองดาวดิ้นรนจนเวียนศีรษะ หล่อนผลักไสเขาออกห่างเพื่อจะได้หาที่ทางสำหรับ...
“อุ้บส์...แหวะ! โอ้ก...อุ้บส์...”
ริมฝีปากที่กำลังขบเม้มซอกคอขาวหยุดชะงักในทันที วาโยรอจนละอองดาวหยุดอาเจียนจึงค่อยขยับออกห่าง เขาไม่มีอะไรจะพูดในเมื่อหล่อนลงโทษทัณฑ์คนป่าเถื่อนเช่นเขาด้วยการอาเจียนท่วมแผ่นหลังอย่างนี้
ร่างสูงใหญ่ตรงเข้าห้องน้ำในทันทีและเสื้อนั้นก็ได้ย้ายจากเรือนกายลงไปนอนสงบนิ่งอยู่ในถังขยะ วาโยเช็ดเนื้อตัวพอไม่ให้กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ติดร่างมากนัก เขาสวมเพียงเสื้อกล้ามขณะกลับไปที่รถเพื่อเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่ พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยเขาก็กลับมาเผชิญหน้ากับคู่กรณีอีกครั้งและพบว่าพยาบาลทำหน้างอเพียงไรตอนที่เขาจะปลุกคนไข้เจ้าหล่อนให้ตื่น
“คนไข้อ่อนเพลียมากนะคะ อย่ารบกวนเวลาของเธอจะดีกว่าค่ะ เธอจะตื่นอีกทีราวๆ บ่ายโมง คุณจะนั่งเฝ้าหรือไปทำธุระอื่นก่อนก็ได้นะคะ”
พยาบาลแสนดีในชุดสีสะอาดตาชี้แจงแก่ญาติคนไข้ วาโยได้แต่ยืนนิ่งรับฟังไม่อาจขัดขืน รอบนี้เขาคงต้องฝากไว้ก่อน เอาไว้หล่อนหายป่วยเมื่อไหร่เขาจะคิดบัญชีเรื่องนี้อีกทีก็แล้วกัน
“งั้นผมฝากด้วยนะครับ ไม่ทราบว่าคุณคือพยาบาลเฝ้าไข้ของภรรยาผมใช่ไหม” เขาถามหล่อนบ้าง
“ใช่ค่ะ อิฉันจะดูแลเธอเองค่ะ”
พยาบาลสาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มให้กับญาติคนไข้ เธอยิ้มทั้งตาทั้งปากเมื่อหลงใหลกับรูปโฉมอันหล่อแบบเคร่งขรึมของบุรุษตรงหน้า
“แล้วผมจะกลับมาอีกที”
“ตามสบายค่ะ ดิฉันจะดูแลคนไข้อย่างสุดความสามารถเลยค่ะ”
นางพยาบาลสาวหุ่นอวบอั๋นเผยยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปส่งเขาที่หน้าประตูแล้วกลับมานั่งเฝ้าคนไข้ตามหน้าที่ ในใจก็นึกอิจฉาผู้หญิงที่นอนแบ็บอยู่บนนั้น เจ้าหล่อนมีสามีที่หล่อ รวย และน่ากอดไปทั้งตัวอย่างคุณวาโยคนดัง น่าอิจฉาจริงๆ




Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 มี.ค. 2556, 00:07:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 มี.ค. 2556, 00:07:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 5732





<< บทที่ 3 สาวใช้ของนายยักษ์ 100%   บทที่ 5 แม่ผัวตัวแสบ 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account