ลับลมคมรัก (สนพ.อรุณ)
เมื่อเรื่องลับลมคมใน กลับผลิดอกออกใบขึ้นเป็นความรัก ที่ต่างไม่กล้าเปิดเผยใจ

เขาและเธอจะจัดการกับปัญหาทั้งหมดนี้อย่างไรกัน

Tags: กานต์ญา วิมานใจใต้ม่านดาว วิมานแสงจันทร์ ลับลมคมรัก ชีวิน หมวดมะนาว แอ็คชั่น โรแมนติก คอมเมดี้

ตอน: บทที่ 1 : เธอคนนั้น ใครคนไหน



“หมวดมะนาวสู้ๆ หมวดมะนาวสู้ๆ”

ตำรวจหนุ่มนับยี่สิบชีวิตที่ยืนอยู่ริมชายป่า พร้อมใจกันส่งเสียงเชียร์ตัวเก็งประจำรายการ ในการทดสอบความสามารถของตำรวจหญิงมือปราบที่จะเข้าประจำการใน‘หน่วยคิมหันต์’หน่วยงานซึ่งถูกโจษขานว่า เป็นศูนย์รวมสุดยอดมือปราบชั้นแนวหน้าของเมืองไทย

ในจำนวนผู้เข้าแข่งขันทั้งห้าคนที่ผ่านการทดสอบภาคทฤษฎีมาด้วยคะแนนดีเยี่ยมตามลำดับ จะมีเพียงหนึ่งเดียวที่มีคะแนนผ่านเกณฑ์มาเป็นอันดับหนึ่งเท่านั้น ที่จะได้รับการคัดเลือกบรรจุเข้าร่วมทีม

สำหรับการทดสอบภาคปฏิบัติครั้งนี้ คือการจำลองภาระกิจด้านการสะกดรอย การจู่โจมจับกุม และบุกเข้าช่วยเหลือตัวประกันตามฐานที่ตั้งภายในป่า

และสุดท้ายคือการขี่ม้านำข้อมูลสำคัญมาส่งยังศูนย์บัญชาการท่ามกลางสภาวะคับขันในพื้นที่ทุรกันดาร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบททดสอบที่ พ.ต.ท.คเชน หัวหน้าหน่วยคิมหันต์กำหนดขึ้นเป็นการเฉพาะ เพื่อใช้คัดเลือกบุคคลที่จะเข้าร่วมทีม

ร.ต.ท.หญิง มติมา และร.ต.ท.หญิง คุลิกา วิ่งแซงแข่งกันออกมาจากป่าเป็นคู่แรกหลังเสร็จสิ้นภาระกิจช่วยเหลือตัวประกันก่อนผู้เข้าแข่งขันรายอื่น ทั้งสองคนมุ่งตรงมาถึงจุดที่ผูกม้าเอาไว้ ทั้งเจ้าลิลลี่และเจ้ากุหลาบกำลังส่งเสียงร้องกึกก้องขยับตัวไปมาด้วยความคึกคะนอง

“เด็กเส้น!” คุลิกา...เจ้าของใบหน้าเฉี่ยวคม กำลังควบอยู่บนหลังม้าสีน้ำตาลเข้มตัวหนึ่ง มีรอยเหยียดยิ้มบนริมฝีปากบาง ก่อนเอ่ยยั่วโทสะคู่แข่งซึ่งมีคะแนนข้อเขียนนำมาเป็นอันดับที่หนึ่ง “ใช้เส้นตั้งแต่สอบเข้าโรงเรียนนายร้อย แล้วยังจะใช้เส้นเข้าทำงานกับหน่วยคิมหันต์อีกเหรอ ช่างไม่ละอายแก่ใจซะบ้างเลยนะ หมวดมะนาว”

มติมา...ผู้มีดวงหน้าคมสวยรูปไข่ ผิวใสสะอาด สวมหมวกสีดำรัดสายใต้คาง กำลังมีรอยยิ้มยียวนที่มุมปาก ดวงตากลมโตคู่นั้นเพ่งมองไปยังจุดหมายด้านหน้าด้วยความมุ่งมั่น

“หมวดแคทเก็บกดมากนักหรือไง ที่ไม่เคยชนะฉันได้เลยสักครั้ง ถึงโจมตีแต่เรื่องนี้ไม่เลิก เดี๋ยวเธอก็รู้!”

“รู้อะไร! อย่าเพิ่งทระนงตัวไปหน่อยเลย ถึงแม้ที่ผ่านมาฉันจะเคยแพ้เธอ แต่มันก็เป็นแค่การทดสอบด้านวิชาการเท่านั้น แต่ภาคปฏิบัติเธออย่าหวังเลย”

“อย่างนั้นเหรอ…”

ม้าของทั้งสองคนวิ่งหายลับเข้าไปในป่า ห่างจากจุดปล่อยตัวที่มีกองเชียร์ยืนลุ้นอยู่ ไปตามเส้นทางที่กำหนดไว้ ก่อนจะหวนกลับมาเข้าเส้นชัย ณ จุดเดิม เสียงของกองเชียร์หนุ่มๆ ยังแว่วตามมาด้านหลังไม่ขาดสาย

“หมวดมะนาวสู้ๆ”

“กองเชียร์เยอะเหลือเกินนะแก” คุลิกาพึมพัมด้วยความเจ็บแค้นใจ เมื่อใครๆ ต่างก็ส่งกำลังใจไปให้ลูกสาวคนเก่งของ พล.ต.ท.มติพลแค่เพียงคนเดียว “ไอ้พวกสอพลอ! ประจบสอพลอด้วยกันทั้งนั้น”

เพราะมัวโฟกัสอยู่ที่คู่แข่งด้านข้างมากเกินไปจนลืมเป้าหมายสำคัญที่รออยู่ด้านหน้า คุลิกาจึงพลาดท่าเสียที ทำเจ้ากุหลาบหลุดออกจากวงโค้ง ส่งผลให้ลิลลี่ทิ้งห่างออกไปหลายช่วงตัว

“กุหลาบเร็วเข้า!”

ทว่ายิ่งวิ่งติดตามไปก็เหมือนจะถูกคู่ต่อสู้ทิ้งห่างมากขึ้นทุกที พลันสายตาเหลือบเห็นทางลัดตัดเข้าป่าไม้ข้างทาง จากเนินเขาตรงนี้มุ่งตรงลงไปด้านล่างสามารถบรรจบกับเส้นทางที่กำหนดเอาไว้ได้ โดยไม่ต้องวิ่งตามวงโค้งตามลูกศรที่กำหนด

คุลิกาชะเง้อมองให้แน่ใจว่ามติมานำหน้าไปไกลเกินกว่าจะทันสังเกตเห็นเหตุการณ์เบื้องหลัง ก่อนกลับหลังหันมองคู่แข่งที่เหลือซึ่งยังไม่พบแม้เงาว่ากำลังติดตามมา จึงตัดสินใจหันหัวม้าเลี้ยวเข้าไปในดงป่าทันที

แล้วก็ได้ผล เมื่อหญิงสาวใช้ความพยายามบุกป่าฝ่าดงโผล่พ้นออกมาจากเงาไม้ด้วยเวลาที่เร็วกว่าที่ควรมาก จึงต้องหยุดพักรออยู่สักครู่หนึ่ง กระทั่งแว่วได้ยินเสียงฝีเท้าของเจ้าลิลลี่ที่วิ่งลงมาจากเนินเขา ถึงได้บังคับเจ้ากุหลาบออกวิ่งนำหน้า แล้วนำโด่งมาถึงเส้นชัยเป็นคนแรก
หญิงสาววิ่งลงจากหลังม้า ตรงเข้าไปมอบจดหมายลับให้กับสารวัตรคเชนในซุ้มตัดสินของคณะกรรมการด้วยรอยยิ้มกระหยิ่ม ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มของผู้คนรอบบริเวณ

ครู่หนึ่ง มติมาที่เพิ่งตามหลังเข้าเส้นชัยมาด้วยเนื้อตัวเปียกปอน รีบถือจดหมายลับเข้าไปนำส่งให้หัวหน้าหน่วยกับมือเช่นกัน และนั่นก็ทำให้คุลิกาหัวใจหล่นวูบลงทันที

“เฮ้ย! ยังไงล่ะเนี่ย” ผู้คนรอบสนามวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเซ็งแซ่ ในระหว่างที่รอฟังผลรับรองคำตัดสินจากคณะกรรมการอยู่ด้านนอกซุ้ม “ทำไมหมวดมะนาวถึงเปียกโชกอย่างนั้น แต่หมวดแคทถึงตัวแห้งสนิทเลย ตกลงไปทางเดียวกันหรือเปล่าเนี่ย”

สารวัตรคเชนมีใบหน้าเครียดขรึม สำรวจสภาพของจดหมาย และหญิงสาวทั้งสองคนที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานอยู่เบื้องหน้า แล้วเอ่ยกับคุลิกาเสียงเข้ม

“รู้แล้วใช่มั้ย ว่าทำอะไรผิดไปจะพูดเอง หรือให้ผมเป็นคนพูด”

“ฉัน...” หญิงสาวอ้ำอึ้ง

“หมวดมติมา คุณอยู่ในเหตุการณ์ด้วย คุณจะว่ายังไง” สารวัตรหนุ่มตวัดสายตามายังผู้หมวดสาวที่ยืนนิ่งขึงอยู่ หล่อนถอนหายใจเพียงน้อย แล้วรายงานเสียงเรียบ

“ฉันยืนยันได้เพียงว่า เส้นทางที่กำหนดให้เราขี่ม้าผ่าน มีถ้ำน้ำตกอยู่กลางทาง ส่วนหมวดแคทจะใช้เส้นทางไหน ฉันไม่ขอรับรองในสิ่งที่ไม่เห็นเองกับตาค่ะ”

“ดีมากหมวด!” สารวัตรคเชนหันมองกลับมาที่คุลิกาอีกครั้ง “คราวนี้คุณจะพูดได้หรือยัง ว่าคุณผ่านน้ำตกมาได้ยังไง ถึงไม่เปียกทั้งคน ม้า แล้วก็จดหมาย”

“ฉันนึกอยู่แล้ว ว่ามันต้องเป็นแบบนี้” คุลิกาก้มหน้านิ่ง ค่อนขอดขึ้นด้วยความเจ็บแค้นใจ

“คุณหมายถึงเรื่องอะไร” พ.ต.ท.คเชน หัวหน้าหน่วยคิมหันต์ขมวดคิ้วเข้ม

“เป็นเพราะหมวดมติมา รู้ล่วงหน้ามาก่อนว่าจะมีฐานน้ำตกข้างหน้าถึงไม่ใช้เส้นทางลัด ไม่อย่างนั้นทุกคนก็ต้องใช้ทางลัดเหมือนกันหมด”

“ขออนุญาตค่ะ” มติมาเอ่ยขึ้นด้วยความเหลืออด สารวัตรหนุ่มพยักหน้าเพียงนิดเป็นการให้โอกาส “ฉันไม่เคยคิดที่จะทำผิดกติกา ต่อให้ต้องเป็นคนแพ้ ฉันก็จะไปตามเส้นทางที่ฝ่ายจัดการแข่งขันกำหนดขึ้น ไม่ใช้ทางลัดให้เสียเกียรติหรอกค่ะ”

“ชิ!” คุลิกาพ่นลมหายใจ พลันตำรวจหญิงอีกสามคนที่เพิ่งผ่านเข้าเส้นชัยมาด้วยเนื้อตัวเปียกโชก ก็นำจดหมายอันเปียกชื้นมามอบให้สารวัตรหนุ่ม ก่อนจะถูกเชิญตัวให้ออกไปรอด้านนอกซุ้มการตัดสิน

คุลิกาก้มหน้านิ่งกับภาพที่เห็นเมื่อครู่ สารวัตรคเชนจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันดังก้อง

“เห็นแล้วใช่มั้ย ว่าไม่มีใครคิดที่จะทำแบบคุณ ผมเสียดายความรู้ความสามารถของคุณเหลือเกินและผมขอยืนยันตรงนี้เลยนะ ว่าเรามีความบริสุทธิ์ยุติธรรมในทุกๆขั้นตอนของการจัดการแข่งขัน เพราะหน่วยคิมหันต์มีสโลแกนว่า ซื่อสัตย์ สามัคคี และยึดมั่นในอุดมการณ์ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำงานร่วมกัน ถ้าบุคคลใดในหน่วยมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนทั้งสามข้อนี้ ถือว่าไม่มีความเหมาะสมที่จะทำงานร่วมกับทีมได้ ที่สำคัญก็คือ ถ้าใครไม่มีความศรัทธาในองค์กร ผมก็ไม่ต้องการที่จะร่วมงานกับคนคนนั้นเหมือนกัน”

“หมายความว่า...” คุลิกาอ้ำอึ้ง

“คุณไม่ซื่อสัตย์ ทำผิดกติกา และไม่ยอมรับความผิดที่ก่อขึ้น ผมลำบากใจนะที่จะต้องบอกกับคุณว่า คุณถูกปรับตกในทุกๆ วิชา และถูกขึ้นบัญชีดำไม่ให้กลับมาสมัครสอบคัดเลือกเข้าประจำการที่หน่วยคิมหันต์อีกตลอดชีวิต เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับเจ้าหน้าที่รายอื่น”

“แค่ใช้ทางลัดนี่นะคะ” คุลิกาแค่นยิ้ม

“ใช่ ขึ้นชื่อว่าทุจริตแล้วไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ มันก็คือการทุจริตทั้งนั้น ซึ่งผมรับไม่ได้”

“รับทราบและเข้าใจดีค่ะ ขออนุญาตนะคะ” สิ้นคำคุลิกาก็ยืนตรงทำความเคารพเพื่อขอตัวลากลับ หญิงสาวกลับออกไปจูงเจ้ากุหลาบเข้าไปเก็บในคอกอย่างเงียบๆ ดวงตาคมกล้าคู่นั้นฉายแสงแห่งความเคียดแค้นชิงชังวาววับขึ้นอย่างน่ากลัว

“ฮาโหลๆ เทสต์” เสียงห้าวใหญ่ที่ประกาศก้องผ่านทางโทรโข่ง ทำให้หญิงสาวหยุดชะงักลง “ในนามของคณะกรรมการตัดสิน ขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ผู้ที่ได้คะแนนรวมสูงสุดในการแข่งขันภาคปฏิบัติในครั้งนี้คือ ร้อยตำรวจโทหญิง มติมา สรเดชขจร”

“นังเด็กเส้น ฝากไว้ก่อนเถอะ” คุลิกาเบ้ปาก แล้วรีบเดินออกจากสนามแข่งขันอย่างรวดเร็ว

“ฉันทำได้แล้ว” มติมารำพึงกับตัวเองเบาๆ พลางหันไปส่งจูบให้กองเชียร์ที่คอยเป็นกำลังใจอยู่ด้านนอกซุ้มด้วยสีหน้าทะเล้นตามประสาคนขี้เล่นอารมณ์ดี

“ยินดีด้วยนะหมวด ขอต้อนรับเข้าสู่หน่วยคิมหันต์ของเรา”

“ขอบคุณมากค่ะ สารวัตร”

หัวหน้าหน่วยคิมหันต์ ส่งยิ้มให้ลูกน้องสาวคนใหม่ บรรยากาศที่กำลังตึงเครียดจึงผ่อนคลายลงทันที หลังจากนั้นมติมาก็เดินเข้าไปขอบคุณกองเชียร์หนุ่มๆ ที่อยู่ริมสนามด้วยความเป็นกันเอง สร้างความเฮฮา และความมีชีวิตชีวาให้กับทีมงานของหน่วยคิมหันต์เป็นอย่างมาก




ที่ริมชายป่าติดกับเทือกเขาดงพญาเย็น ชายหนุ่มสองคนกำลังควบม้าแข่งกันด้วยความเร็วสูง ลัดเลาะผ่านชายป่าที่เต็มไปด้วยร่มไม้สีเขียวครึ้ม มุ่งหน้าเข้าสู่ทุ่งหญ้าสีเหลืองทองผ่องอำไพ ที่ตัดด้วยเส้นขอบฟ้าสีครามในยามบ่าย ณ อีกมุมหนึ่งแลเห็นทิวเขาสีเขียวเข้มเป็นกำแพงสูงใหญ่จรดปลายขอบฟ้าสุดสายตา

ม้าหนุ่มสีดำขลับวิ่งผ่านเข้าสู่เขตรั้วของไร่ชาตรีเป็นอันดับที่หนึ่ง แล้วตามด้วยม้าหนุ่มสีน้ำตาลเข้มที่เข้ามาเป็นอันดับที่สอง
ชายหนุ่มเจ้าของรูปร่างสูงใหญ่ มีผิวพรรณค่อนไปทางสีแทนตามแบบฉบับชายไทยแท้ แต่หากแลดูนวลเนียนสะอาดสะอ้าน สวมหมวกคาวบอยคู่ใจปิดใบหน้าไว้กว่าครึ่ง คงเหลือริมฝีปากแดงอย่างคนมีสุขภาพดีและปลายคางเรียวให้แลเห็น

ทันทีที่เขาถอดหมวกขึ้นโบกสะบัดกับชัยชนะเผยให้เห็นใบหน้าคมสันที่มีดวงตาคมเป็นประกายเจิดจ้า รับกับจมูกโด่งคมได้รูป กำลังส่งรอยยิ้มอบอุ่นราวกับแสงตะวันในยามเช้า ที่สามารถกระชากใจได้ทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ในทุ่งระบือรัก

“ไชโย! ปลานิลชนะอีกแล้ว”

“เอาละ พี่ยอมแพ้แล้ว ถึงยังไงก็สู้นายไม่ได้สักที ชีวิน” ชายหนุ่มผู้พี่มีผิวค่อนไปทางสีแทนเช่นเดียวกับน้องชาย แต่กลับมีใบหน้าหวานละม้ายคล้ายมารดาเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มที่แสนใจดี “บ้าพลังกันทั้งม้าทั้งคน ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนเยอะแยะ”

“โธ่! พี่วัฒน์ ไหงยอมแพ้กันง่ายๆแบบนี้ล่ะครับ จะแก้ตัวใหม่คราวหน้าผมก็ยังยินดีรับคำท้าชิงนะ”

“ไม่ไหวแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนพี่ยังพอไหว แต่ตอนนี้ต้องยกให้คนหนุ่มอย่างนายชนะไปแบบขอบายละ”

ชัยวัฒน์ส่ายหน้า กระโดดลงจากหลังของเจ้าน้ำตาล แล้วจูงมันเข้าไปเก็บในโรงเลี้ยงม้า ซึ่งเป็นตัวอาคารแบบโปร่ง มีทางเดินเชื่อมตรงกลางระหว่างสองฝั่ง ที่มีคอกม้าหันหน้าเข้าหากัน ฝั่งละห้าช่อง ทั้งลางอาหาร กองฟางที่ปูอยู่บนพื้น ล้วนแล้วแต่แลดูสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบ เพราะเจ้าของไร่ควบคุมดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี

ในฝั่งหนึ่งมีม้าประจำอยู่แล้วครบทั้งห้าตัว คงเหลือคอกเปล่าอยู่ฝั่งตรงข้ามอีกสองช่อง ที่รอการกลับมาของเจ้าน้ำตาล และเจ้าปลานิล…
เจ้าปลานิลตัวนี้ เดิมตอนที่มันคลอดออกมาชีวินให้ชื่อว่าสีนิล แต่ทุกครั้งที่เรียกชื่อของมัน เจ้าม้าแสนรู้จะไม่ค่อยยอมทำตามคำสั่งเท่าไหร่ เพราะเบื่อการที่ต้องเรียนรู้ฝึกฝน แต่พอหลอกว่าจะพาไปเที่ยว ‘ป่ะ นิล’ เท่านั้น ให้ทำอะไรมันยอมหมดทุกอย่าง มันจึงถูกเรียกว่าปลานิลนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

วีรกรรมของมันยังไม่หมดแค่นั้น เพราะมันได้ขึ้นชื่อว่าเป็นม้าที่มีพละกำลังล้นเหลือ ค่อนข้างจะเรื่องมากและเล่นตัวเก่งอยู่ไม่ใช่น้อย มันไม่ค่อยยอมให้ผู้ใดขึ้นขี่หลังได้อย่างง่ายๆ แล้วยิ่งถ้าหากว่ามันไม่ถูกชะตาหรือไม่พอใจใครคนไหนด้วยแล้วละก็ อย่าหวังไปเลยว่าชาตินี้จะได้อาศัยไหว้วาน หรือใช้งานอะไรมันได้

และนั่นก็ทำให้มันกลายมาเป็นม้าตัวโปรดของชีวิน ผู้ซึ่งสามารถสื่อสารกับปลานิลได้อย่างเข้าใจเพราะต่างก็มีนิสัยที่คล้ายคลึงกันมากเสียราวกับว่าแยกร่างออกมาจากคนคนเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงสามารถขับขี่เจ้าม้าหนุ่มตัวนี้ไปไหนมาไหนได้ราวกับว่า มันเป็นแขนและขาของเขาเสียเอง

ชีวินลูบผมแผงที่มีขนเส้นบางอย่างม้าตระกูลดีของเจ้าปลานิลด้วยความรักใคร่ ก่อนที่จะเดินออกจากคอกนั้นไปพร้อมกับพี่ชาย แล้วบ่นขึ้น
“หิวจังเลยครับไม่รู้ว่าวันนี้ คุณป้าจะทำกับข้าวอะไรไว้ให้พวกเรากินบ้าง”

คุณป้าที่ชีวินพูดถึงก็คือ ยี่สุ่น…แม่บ้านวัยชรา ที่เป็นญาติห่างๆข้างมารดา เธอเลี้ยงดูชายหนุ่มด้วยนมจากอกของตัวเอง เพราะลูกชายแท้ๆของเธอ เสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจหลังจากที่เพิ่งคลอดได้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ ชาตรีและธารา…บิดากับมารดาของชีวินถูกลอบสังหารด้วยอาวุธปืน เพราะไปขัดผลประโยชน์ของคู่แข่งทางการเมืองท้องถิ่นเข้า

ดังนั้นยี่สุ่นที่เพิ่งเข้ามาเป็นแม่บ้านคนใหม่ของไร่ชาตรีเมื่อสามสิบปีก่อน จึงได้เลี้ยงดูชีวินเสมือนกับเป็นลูกแท้ๆของตน เพราะไม่สามารถมีลูกใหม่ได้อีก เนื่องจากสุขภาพไม่สู้จะแข็งแรงนัก ส่วนชีวินเองก็รัก และเทิดทูนยี่สุ่นราวกับเป็นแม่แท้ๆ ของตนเองเช่นกัน

แม้ชัยวัฒน์จะเติบโตเกินกว่าที่ต้องดื่มนมจากอกของยี่สุ่น แต่เขาก็ได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากคุณป้ามาเป็นอย่างดี ไม่มีการแบ่งแยก นักการเมืองหนุ่มรายนี้จึงเทิดทูนคุณป้าไม่ต่างจากบุพการีแท้ๆด้วยอีกคน

“เห็นพี่บุษว่า เย็นนี้จะทำข้าวผัดปูกับไข่พะโล้ของโปรดนายด้วยนะ”

“โอ้โฮ! พี่สะใภ้ของผมน่ารักจัง”

“ก็น่ารักพอๆ กันกับพี่ชายของนายนั่นแหละ”




บ้านไม้หลังใหญ่ขนาดสองชั้น ตั้งโดดเด่นตระการตา ท่ามกลางต้นไม้สีเขียวครึ้ม และสวนดอกกุหลาบหลากสีสันที่รายล้อมรอบบริเวณบ้านอยู่อย่างสวยงาม ภายในตัวบ้านถูกออกแบบ และตกแต่งด้วยเครื่องไม้สีน้ำตาลเข้มมันวาว เข้าชุดกันกับสีของไม้ท่อนที่ใช้เป็นโครงมุงหลังคา พื้น และฝาผนัง

ชัยวัฒน์ บุษบา ชีวิน และยี่สุ่น กำลังนั่งรับประทานมื้อค่ำด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย ชีวินเอ่ยปากชมฝีมือการทำอาหารของพี่สะใภ้ และยี่สุ่นอยู่ไม่ขาดปาก จนกระทั่งยี่สุ่นเอ่ยปากขึ้นด้วยความห่วงใย

“คุณวินคะ เมื่อไหร่จะมีครอบมีครัวกับเค้าสักทีล่ะคะ ป้าจะได้หายห่วง เหมือนกับที่คุณชัยวัฒน์ มีคุณบุษบาไงคะ”

“ผมก็พยายามหาอยู่แล้วนี่ครับ คุณป้าก็เห็น” ชายหนุ่มทำน้ำเสียงออดอ้อนและสีหน้าท้อแท้ “แต่มันก็ยังไม่เจอคนที่ใช่สักที”

“แล้วนายหาสาวแบบไหนอยู่ล่ะ เผื่อพี่จะแนะนำใครให้ได้บ้าง”

“นั่นสิคะน้องวิน ระดับสจ.ชัยวัฒน์ซะอย่าง กว้างขวางอยู่แล้ว” บุษบาเสนอขึ้นด้วยความตื่นเต้น

“ผู้หญิงที่ผมมองหาอยู่เหรอครับ อืม...สเปคผมก็ไม่มีอะไรมากมาย” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยประกายตาวาววับ“ก็แค่…สวย คม ขาว ผมยาว หุ่นดี เป็นแม่ศรีเรือน พูดจาไพเราะ เรียบร้อย อ่อนหวาน ช่างเอาอกเอาใจ…”

แต่ไม่ทันที่ชีวินจะได้บรรยายถึงหญิงสาวในฝันจนจบ ชัยวัฒน์ก็ขัดขึ้นเสียก่อน

“พอเลยๆ นายวิน สาบานว่านั่นคน ไม่ใช่นางฟ้า พี่ว่านะ หาให้ได้แค่ครึ่งเดียวที่นายพูดมา ก็ดูดีมากพอแล้ว”

“อะไรกันน่ะพี่วัฒน์ จะเอาครึ่งไหนล่ะครับ”

“สำหรับป้านะคะ ขอแค่ท่อนที่เป็นแม่ศรีเรือน พูดจาไพเราะ อ่อนหวาน ก็ถือว่าผ่านมาตรฐานของป้าแล้วค่ะ”

“ถ้างั้น พี่เสริมให้อีกสองข้อละกัน จะได้เป็นครึ่งนึงพอดี” ชัยวัฒน์ทำท่าครุ่นคิด “พี่อยากให้น้องสะใภ้ของพี่ มีผิวขาว แล้วก็สวย เผื่อหลานของพี่จะได้ขาวๆ หล่อๆ ไง ดีมั้ย”

“พากันเลือกให้เสร็จสรรพเลยนะครับ” ชีวินค่อนขอด “ปลูกเรือนมันต้องตามใจผู้อยู่สิครับ”

“ก็คนจะอยู่ ไม่คิดจะปลูกสักทีน่ะสิคะ ป้าถึงได้เป็นห่วงอยู่อย่างนี้นี่ไง”

“ไม่รู้สิครับ” ชีวินเอ่ยด้วยท่าทางเพ้อฝัน “ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่า ใครคนนั้นเค้าอยู่ไม่ไกลจากผมเลย และเราสองคนก็กำลังจะได้อยู่ด้วยกันเร็วๆนี้ด้วย”

“ใครคนนั้น…” ชัยวัฒน์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“ครับ ใครคนนั้น ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใคร มันเป็นแค่ความรู้สึกน่ะครับ” ชายหนุ่มทำหน้าฝันหวาน ประกายตาเปี่ยมสุข “ผมเคยฝันถึงเธออยู่บ่อยๆเธอไว้ผมยาวปล่อยสลวย มีรูปร่างบอบบาง ขี่ม้าเข้ามาหาผมด้วยท่วงท่าสง่างาม แต่ไม่ทันที่จะได้เห็นหน้าชัดๆเลยสักครั้ง ผมก็ตื่นก่อนทุกที”

“อืม...ท่าทางจะเป็นเอามากนะนาย” ชัยวัฒน์เอ่ยแซวน้องชาย แล้วส่ายศีรษะด้วยความเอ็นดู

“ไม่รู้ละค่ะ จะเป็นใครมาจากไหน ป้าก็รับได้ทั้งนั้น แต่ขอแค่อย่างเดียว อย่าให้เป็นประเภทที่หอบข้าวหอบของหนีตามกันมาก็พอนะคะ คนแก่หัวโบราณแบบป้ารับเรื่องพรรค์นั้นไม่ได้จริงๆค่ะ แล้วถ้าคุณวินไม่เชื่อฟังกันละก็รับรองว่าจะได้เห็นฤทธิ์เดชของป้าก็คราวนี้ละค่ะ”

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะป้า” บุษบาที่นั่งฟังอยู่นานแล้วเอ่ยขึ้นบ้าง “ถ้าผู้หญิงที่น้องวินหามา มีคุณสมบัติครบถ้วนเหมือนอย่างที่ต้องการ รับรองว่าคุณป้าจะไม่ปวดหัวแน่นอนค่ะ”

คำกล่าวของสะใภ้คนโต ทำให้ยี่สุ่นยิ้มออกมาได้ด้วยความหวังเปี่ยมล้นในใจ ที่จะมีลูกสะใภ้คนเล็กสวย เรียบร้อย อ่อนหวาน น่ารักเหมือนดั่งบุษบาทุกประการ

ในขณะที่ชีวินยังคงนั่งอมยิ้มอยู่ด้วยความรู้สึกซาบซ่านในหัวใจ กับลางสังหรณ์บางอย่างที่ผุดขึ้นในความรู้สึก...ลางสังหรณ์ซึ่งมักจะแม่นยำอยู่เสมอ



**************************************



พันธุ์แตงกวา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 มี.ค. 2556, 07:22:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ม.ค. 2558, 07:52:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 2779





   บทที่ 2 : มะน๊าว มะนาว >>
ภาวิน 7 มี.ค. 2556, 08:03:41 น.
มาให้กำลังใจชีวินค่ะ ^_^ ชอบปลานิล ชื่อแปลกดี ปกติม้าดำจะชื่อสีนิล


ดังปัณณ์ 7 มี.ค. 2556, 08:21:39 น.
พี่แตงมาแว้ววววววววววววววว ^O^


บุลินทร 7 มี.ค. 2556, 09:20:25 น.
มาเชียร์หมวดมะนาวด้วยยยย


หมีสีชมพู 7 มี.ค. 2556, 10:32:34 น.
เจอหมวดมะนาวเข้าไป จะตรงสเปคบ้างมั้ยเนี่ย


Auuuu 7 มี.ค. 2556, 15:32:03 น.
น่าสนใจมากกกค่าาา


ใบบัวน่ารัก 7 มี.ค. 2556, 18:57:22 น.
อิจฉาอะไรกันนักนะ
เดี๋ยวก็ต้องไปแย่งผู้ชายในเรื่องกันอีก
แย่


Pat 7 มี.ค. 2556, 22:38:52 น.
น่าสนุก


wane 7 มี.ค. 2556, 23:34:03 น.
แค่เริ่มต้นก็สนุกมากแล้ว ...ขอตอนต่อไปเลยนะค๊าาาาา


ดารานิล 12 มี.ค. 2556, 13:48:26 น.
อยากเห็นตอนสองคนนี้เจอกันค่ะพี่


tik 19 เม.ย. 2556, 12:36:54 น.
น่าสนุก ๆ น่าติดตามอีกแล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account