ลับลมคมรัก (สนพ.อรุณ)
เมื่อเรื่องลับลมคมใน กลับผลิดอกออกใบขึ้นเป็นความรัก ที่ต่างไม่กล้าเปิดเผยใจ

เขาและเธอจะจัดการกับปัญหาทั้งหมดนี้อย่างไรกัน

Tags: กานต์ญา วิมานใจใต้ม่านดาว วิมานแสงจันทร์ ลับลมคมรัก ชีวิน หมวดมะนาว แอ็คชั่น โรแมนติก คอมเมดี้

ตอน: บทที่ 2 : มะน๊าว มะนาว


ณ กองบัญชาการหน่วยปราบปรามพิเศษเฉพาะกิจ ชีวินกำลังยืนแลกบัตรประจำตัวประชาชนกับเจ้าหน้าที่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เพื่อลงทะเบียนก่อนเข้าไปสู่ชั้นในของตัวอาคาร วันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน กางเกงยีนส์สีเข้ม และรองเท้าหนังสีน้ำตาลอย่างสุภาพเรียบร้อย

“ผมมีนัดกับสารวัตรคเชนครับ”

ในระหว่างที่กำลังรอรับบัตรติดหน้าอก พลันชายหนุ่มสังเกตเห็นสายตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละนายที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นต่างก็กำลังจับจ้องไปยังทิศทางเดียวกันด้วยอาการตะลึงค้าง เขาจึงรีบหันมองตามด้วยความสนใจในทันที

ภาพที่ได้เห็นก็คือ หญิงสาวรูปร่างอรชรในชุดกางเกงยีนส์สีดำเข้ารูป ที่ทำให้ช่วงขาแลดูปราดเปรียวเรียวยาว สวมเสื้อยืดคอวีสีชมพูสด คลุมทับด้วยแจ็คเก็ตสีน้ำตาลเข้ม กำลังก้าวลงจากรถสปอร์ตสีขาวคันใหม่เอี่ยม

เส้นผมดำขลับยาวสลวยนั้น ปลิวสยายไปตามแรงลมอย่างมีชีวิตชีวา หล่อนถอดแว่นกันแดดสีดำออกจากใบหน้าคมสวย เกาะเข้ากับคอเสื้ออย่างง่ายๆ เดินมุ่งหน้าเข้าไปสู่กองบัญชาการด้วยความมั่นอกมั่นใจ ท่ามกลางสายตา และเสียงจุ๊ปากของนายตำรวจหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ที่กำลังจับจ้องอยู่ด้วยความชื่นชม

“อู้ฮู้…หมวดมะนาว”
“อื้อฮื้อ…คนนี้เหรอหมวดมะนาว”
“โอ้โฮ…ใช่หมวดมะนาวจริงๆ เหรอเนี่ย”
“อาฮะ คนนี้แหละหมวดมะนาวผู้โด่งดัง ที่คนเค้าลือกันให้แซ่ด ว่าใช้เส้นของพ่อเข้ามาทำงานไง”

เท่านั้นแหละ หญิงสาวผู้งดงามราวกับนางเอกภาพยนต์แอ็คชั่นของหนังฮอลลีวูด ก็เกิดอาการขาดความมั่นใจ สะดุดบันไดขั้นสุดท้ายเสียหลักจนเกือบล้มคะมำโชคดีที่ชีวินซึ่งกำลังจับจ้องหญิงสาวอยู่อย่างไม่คลาดสายตาวิ่งถลันเข้าไปรองรับร่างปราดเปรียวนั้นไว้ในอ้อมกอดได้อย่างทันท่วงที

ดวงตาคมของชายหนุ่มจับจ้องลึกเข้าไปค้นหาความจริงบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในดวงตาคู่หวานอย่างลึกซึ้ง แปลกเหลือเกิน...ทั้งที่เพิ่งจะเคยพบหน้ากันเป็นครั้งแรก แต่เขากลับรู้สึกเคยคุ้น เหมือนรู้จักกับหญิงสาวที่เอนกายอยู่ภายใต้วงแขนมานานแสนนาน

“ปล่อย...ปล่อยได้แล้ว” มติมากระซิบบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แต่ชายหนุ่มกลับยังคงนิ่งงัน ในขณะที่นายตำรวจในบริเวณนั้นต่างกำลังจับจ้องมาอย่างล้วงลึกเจาะประเด็น หญิงสาวจึงชักจะเสียหน้า “เอ๊ะ! ฉันบอกให้ปล่อยยังไงล่ะ”

ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นขึ้นจากภวังค์ ปลดปล่อยอ้อมแขนออกจากแผ่นหลังของเธออย่างถนอม แต่ก็ยังไม่ยอมละสายตาไปจากดวงหน้าคมสวยรูปไข่เบื้องหน้า

“มองอะไรนักหนา ไม่เคยเห็นตำรวจหกล้มหรือไง”

“เปล่า” ชายหนุ่มอมยิ้ม

“ยิ้มอะไร ไม่มีมารยาทเอาซะเลย”

“ก็…เปล่า…ครับ”

เมื่อได้ยินคำให้การว่า ‘เปล่า’ ซ้ำกันถึงสองครั้ง เลือดในกายผู้หมวดสาวก็แล่นพล่านในทันที

“จะเอายังไงก็ว่ามา”

“อะไรกัน คนเค้าอุตส่าห์ช่วยไว้แท้ๆ นอกจากจะไม่ได้รับคำขอบคุณแล้ว ยังโดนต่อว่าซะอีก” ชายหนุ่มแสร้งตัดพ้อ

หญิงสาวถึงกับนิ่งอั้น เหลียวมองตำรวจมุงซ้ายขวาแล้วถอนหายใจอย่างระงับอารมณ์ ก่อนตอบกลับอย่างเสียไม่ได้ “ขอบคุณ”

“ไม่เป็นไร ถ้าจะล้มอีกเมื่อไหร่บอกนะ จะตามไปรับ”

“เฮ้ย! ไอ้หมอนี่ จะเอายังไง!”

“ขออนุญาตครับผ้ม” ก่อนที่จะเกิดการวางมวยหน้ากองบัญชาการ เจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์จำต้องรีบแทรกขึ้น “เอ่อ คุณชีวินเป็นแขกรับเชิญของสารวัตรคเชนนะครับผ้ม”

“อ้าว!” ผู้หมวดสาวมีอาการสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อได้ยินชื่อของหัวหน้าคนใหม่ “แล้วก็ไม่รู้จักรีบบอกตั้งแต่แรก”

จากนั้นหญิงสาวก็ใช้สายตาจิกกัดชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนยอมหันหลังจากไปอย่างไว้เชิงและเพียงไม่ถึงห้านาทีผู้หมวดสาวก็เข้ามาอยู่ในห้องทำงานผู้บัญชาการด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

พล.ต.อ.เผด็จ ลุกขึ้นเดินตรวจแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจใหม่ทั้งสองนายที่กำลังยืนเรียงหน้ากระดานอยู่เบื้องหน้าด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ

“ขอแสดงความยินดีกับ ร.ต.ท.หญิงมติมา สรเดชขจรและจ.ส.ต.ยิ่งยง รักชาติยิ่งชีพ ที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาประจำการในหน่วยคิมหันต์ของเราด้วยอันดับคะแนนที่สูงสุดเป็นประวัติการ ผมรู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมงานกับท่านทั้งสองและต่อจากนี้ไปผมขอมอบหมายให้จ่ายิ่งยง เป็นผู้ช่วยของหมวดมติมาในการสืบสวนคดีต่างๆ เพื่อช่วยงานของราชการไม่ว่าจะเป็นการปราบปรามยาเสพติด การค้าอาวุธสงครามเถื่อน หรือการตามล่าฆาตกรต่อเนื่อง งานเหล่านี้ยังรอความช่วยเหลือจากท่านทั้งสองอยู่”

คู่หูใหม่ทั้งสองหันมาสบสายตากันด้วยความมุ่งมั่น แม้จะขนลุกชูชันกับชื่อภาระกิจที่ท่านผู้การเพิ่งเอ่ยเมื่อครู่ด้วยความสะเทือนขวัญอยู่เล็กๆ ก็ตาม

“แต่พูดแล้วก็หนักใจ” ท่านผู้การทอดถอนใจ “ไอ้หน่วยนี้มันมีอาถรรพ์ยังไงก็ไม่รู้นะ ไม่ว่าจะคัดเลือกตำรวจหญิงคนไหนมาประจำการ ไม่ทันไรก็เป็นอันว่าต้องพบรักระหว่างปฏิบัติภาระกิจกันซะทุกรายแล้วพอความรักสุกงอมถึงขั้นแต่งงานเมื่อไหร่ ก็ขอย้ายออกไปอยู่หน่วยอื่นทุกที”

“ถ้าเป็นเหตุผลนั้น ท่านผู้การวางใจได้ค่ะ” มติมาตอบเสียงเข้ม “เพราะท่าทางดิฉันจะอยู่นาน”

ผู้บังคับบัญชาเลิกคิ้วขึ้น ปลายสายตาชำเลืองมองท่าทางมั่นอกมั่นใจของลูกน้องสาวด้วยความประหลาดใจ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถ้างั้นก็เห็นจะเป็นข่าวดีของหน่วยคิมหันต์ เอาละ เดี๋ยวเราไปพบกับทีมงานและหัวหน้าทีมด้วยกัน”

“ขอประทานโทษครับท่าน” นายตำรวจต้นห้องเดินเข้าไปกระซิบกระซาบที่ข้างหูผู้การเผด็จ“สารวัตรคเชนยังไม่เข้ามาครับท่าน หลังจากที่ทลายยาบ้าล็อตใหญ่เสร็จสิ้นเมื่อวาน ภรรยาก็เก็บข้าวของหนีออกจากบ้านไปแล้วครับ”

“ห๊ะ” ท่านผู้การพึมเพาเบาๆ “อีกแล้วเหรอ”

นายตำรวจคนสนิทพยักหน้าเพียงนิด พล.ต.อ.เผด็จก็เหมือนจะเข้าใจอะไรๆได้ในทันที ท่านผู้การจึงได้พาเจ้าหน้าที่ใหม่ทั้งสองเข้าไปแนะนำให้รู้จักกับทีมงานของหน่วยคิมหันต์ด้วยความเป็นกันเอง

แค่เพียงไม่เท่าไหร่ มติมาก็เข้ากับทีมงานใหม่ได้อย่างกลมกลืน นั่นเป็นเพราะความห่ามที่มีเหมือนๆกันทั้งหน่วย ซึ่งแตกต่างกับหน่วยพิรุณที่หล่อนเพิ่งย้ายออกมา ที่นั่นหญิงสาวดูเหมือนจะเป็นตัวประหลาดอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น และบัดนี้หมวดคุลิกา ก็ได้ย้ายเข้าไปประจำการที่หน่วยพิรุณแทนมติมาเรียบร้อยแล้ว

“ทำไมหมวดถึงบอกท่านผู้การ…ว่าจะไม่แต่งงานล่ะครับ” จ่ายิ่งยงถามขึ้นระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินเข้าไปในโต๊ะทำงาน“หมวดไม่อยากแต่งงานจริงๆเหรอครับ”

“ไม่รู้สิ” ผู้หมวดสาวตอบกลับด้วยท่าทางสบายๆ “ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องแต่งงาน มัน…เฉยๆน่ะ”

“โธ่! อย่างนี้ผมก็อดอุ้มหลานน่ะสิครับ”

พลันสายตาของคนทั้งคู่ก็เหลือบไปเห็นสารวัตรคเชนที่สวมแจ็คเก็ตยีน และแว่นกันแดดอันใหญ่ เดินจ้ำเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่าผ่าเผยพร้อมกับนายชีวินจอมกวนประสาทคนนั้น ทั้งสองคนจึงหยุดยืนทำความเคารพสารวัตรหนุ่ม แล้วหลีกทางให้หัวหน้าเดินผ่านไปอย่างสะดวกสบาย

“อ้าว! หมวดมะนาว จ่ายิ่งยง” สารวัตรหนุ่มทักทายขึ้นด้วยน้ำเสียงก้องกังวาน “ต้องขอโทษด้วยนะที่ผมมาช้า เริ่มงานวันแรกเป็นไงบ้าง”

“เรียบร้อยดีครับ / เรียบร้อยดีค่ะ” ทั้งสองคนประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน ยืนเชิดหน้า ตัวตรงเป๊ะ

“ดีมาก! งั้นเดี๋ยวผมขอตัวสักครู่ แล้วจะออกมาคุยด้วย”

“ครับ / ค่ะ” คู่หูทั้งสองขยับเท้าหลบให้พ้นทางหัวหน้าคนใหม่อีกครั้ง

และนั่นก็ทำให้ชีวินมีประกายกายตาวิบวับๆอย่างพึงพอใจ ที่ผู้หมวดสาวจำต้องเคารพนบนอบและยอมเปิดทางให้เขาเดินเข้าไปด้วย หลังจากที่เมื่อช่วงเช้าหล่อนยังทำท่าทางข่มขู่กรรโชกเขาที่หน้าบันไดราวกับว่าเขาเป็นผู้ร้ายราวกับว่าชายหนุ่มเป็นผู้ต้องหาคดีสะเทือนขวัญสังคมเสียอย่างนั้น

“หมวดมะนาวเหรอ” ชีวินพึมพำด้วยรอยยิ้ม




ตกเย็น มติมาบึ่งรถสปอร์ตคันโก้กลับไปยังบ้านสรเดชขจรด้วยความหงุดหงิดใจ ทั้งที่วันนี้เป็นวันเริ่มต้นการทำงานในองค์กรที่หล่อนใฝ่ฝันเป็นวันแรก เพื่อนร่วมงานแต่ละคนก็น่ารัก อัธยาศัยดี แต่ความรู้สึกกลับหงุดหงิดตะหงิดคับข้องใจทุกทีที่หวนนึกถึงรอยยิ้มยั่วอย่างผู้มีชัยของนายชีวินในยามที่เขาเดินผ่านมาพร้อมกับสารวัตรคเชน

หญิงสาวจอดรถคู่ใจไว้ในโรงรถของบ้านแล้วเดินเข้าไปในอาคารหลังใหญ่ที่สร้างด้วยสไตล์ทันสมัย เน้นความโปร่งสบาย ใกล้ชิดกับธรรมชาติ มีลมเย็นพัดผ่านให้ความชุ่มชื้นตลอดวัน เพราะด้านหลังติดกับทะเสสาบของหมู่บ้าน แถมยังมีสวนสวยงามและต้นไม้ร่มครึ้มชวนเพลิดเพลินเย็นตาจึงทำให้ตัวบ้านที่ดูใหญ่โตโอ่อ่าไม่ได้ใช้พลังงานสิ้นเปลืองมากนัก

และถ้าจะให้พูดกันตรงๆ ก็คงต้องบอกว่าคนบ้านนี้รวย แต่รวยแบบมีที่มาที่ไป ไม่ใช่ทำงานรับราชการ ใช้อัตราเงินเดือนเดียวกับข้าราชการคนอื่นทั่วประเทศ แต่มีฐานะความเป็นอยู่ดีผิดหูผิดตาราวกับว่าเป็นเศรษฐีร้อยล้าน ซึ่งมาจากเงินรับสินบนและคอร์รัปชั่นอะไรอย่างนั้น

แต่เป็นเพราะต้นตระกูลของคุณนายเพ็ญลักษณ์…ภรรยาของพล.ต.ท.มติพล มีธุรกิจปั๊มน้ำมัน และอพาร์ตเมนต์ให้เช่าอยู่ในใจกลางกรุงเทพฯหลายแห่ง หล่อนจึงมีรายได้ที่เป็นมรดกตกทอดให้สามารถเก็บกินไปจนชั่วลูกชั่วหลานได้อย่างสุขสบาย

ส่วนทางฝ่ายผู้การมติพลก็เป็นครอบครัวข้าราชการตำรวจซึ่งกันมาตั้งแต่สมัยเจ้าคุณทวด ที่มีตำแหน่งเป็นถึงพระยาสรเดชขจรพิทักษ์ มีทรัพย์สมบัติเป็นเรือกสวนไร่นาที่ตกทอดมาจากเจ้าคุณทวดอยู่มาก และเพราะความที่เป็นคนสมถะใช้ชีวิตเรียบง่ายมาตั้งแต่ยังหนุ่ม รายได้พิเศษจากการให้เช่าที่ดินเพาะปลูกเหล่านั้นจึงพอกพูนเหลือใช้มาจนถึงทุกวันนี้

ทั้งสองคนแต่งงานอยู่กินกันมานานหลายปี แต่ก็ไม่มีทายาทสืบสกุลสักคน แม้จะพยายามทำทุกวิถีทางตามที่ใครๆแนะนำแล้ว แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จสักที

จนกระทั่งวันหนึ่งอาเหล่าม่าของมติมานอนกลางวันแล้วฝันว่า ตนเองได้เข้าไปเดินชมสวนผักและผลไม้ขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้ แล้วพระองค์ก็ทรงเมตตาประทานผลมะนาวทิพย์มาให้หนึ่งลูก หล่อนจึงเอามาฝากให้เพ็ญลักษณ์ได้ดื่มกิน หลังจากนั้นไม่นาน เพ็ญลักษณ์ก็ตั้งครรภ์ และให้กำเนิดลูกสาวตัวน้อยๆขึ้น จึงตั้งชื่อว่ามะนาว

การเลี้ยงดูเด็กหญิงมะนาวค่อนข้างผิดแผนไปเป็นอย่างมาก เพราะแทนที่หนูน้อยจะเลือกเรียนการทำคัพเค้ก เล่นเปียโน หรือเต้นบัลเล่ย์เหมือนคุณหนูผู้น่ารักทั้งหลาย แต่เด็กหญิงกลับหลงรักการเรียนว่ายน้ำ เทควันโด ขี่ม้า และพัฒนามาจนกระทั่ง…เรียนยิงปืน

ทั้งหมดนั้นคุณนายเพ็ญลักษณ์โทษว่าเป็นความผิดของผู้การมติพลแค่เพียงคนเดียว ที่เห่อลูกสาวมากเสียจนพาติดรถไปไหนมาไหนด้วยทุกแห่งหน คลุกคลีอยู่กับวงการตำรวจทุกวัน จนสายเลือดความเป็นตำรวจเกิดการออสโมซิสเข้าสู่จิตวิญญาณของลูกโดยไม่รู้ตัว

“เซอร์ไพร้ส!”

ทันทีที่ผู้หมวดสาวก้าวขาเข้าไปในบ้านอันมืดมิด และเงียบเชียบ แสงไฟก็สว่างพรึ่บขึ้นพร้อมกันทั้งหลัง ตามด้วยเสียงดัง ปัง! ติดต่อกันหลายครั้ง พร้อมๆกับที่สายรุ้งหลากสีสันระเบิดออกมาเต็มศีรษะของหล่อนจากทุกทิศทาง

“ยินดีด้วยนะมะนาว”

“แป้ง! บัว!” มติมาอุทานลั่นด้วยความดีใจ เมื่อได้พบกับเพื่อนรักตั้งแต่สมัยประถมทั้งสองคน ที่มายืนรอต้อนรับการกลับบ้านของหล่อนเช่นนี้“นี่มันอะไรกันคะ คุณพ่อ คุณแม่”

“ก็แป้งกับบัวน่ะสิลูก” ท่านผู้การอธิบายด้วยรอยยิ้ม“มาทำกับข้าว เตรียมฉลองให้หนู ที่สอบเข้าร่วมทีมกับหน่วยคิมหันต์ได้”

“ทำไมคุณถึงไม่รู้จักใช้เส้นบ้างนะ” เพ็ญลักษณ์เอ่ยขึ้นด้วยความขัดใจ

“จะได้ยังไงล่ะคุณ”ผู้การมติพลส่ายศีรษะเล็กน้อย “เราเป็นผู้ผดุงคุณธรรม จะมาทำลายความชอบธรรมเสียเองได้ยังไงกัน”

“ก็เพราะอย่างนี้ใช่มั้ยคะ ลูกถึงต้องไปทำงานเสี่ยงอันตราย แทนที่จะใช้เส้นไม่ให้ลูกสอบได้ แล้วให้เข้าไปทำงานในห้องแอร์เย็นๆแทน” คุณนายเพ็ญลักษณ์ทอดถอนใจด้วยความเป็นห่วงลูกสาวคนเดียว

“คุณแม่ขา” แป้งแทรกขึ้น “ถ้าคุณแม่ให้มะนาวไปนั่งทำงานในห้องแอร์เย็นๆทั้งวันนะคะ มีหวังมะนาวของเราคงหาทางกลับบ้านไม่ถูกแน่ๆเลยค่ะ”

เพ็ญลักษณ์เองก็รู้จักนิสัยของลูกสาวตัวเองดี เมื่อปภาวีเอ่ยย้ำข้อนี้ หล่อนจึงจำต้องยอมรับในการตัดสินใจของมติมา แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“เอาเถอะ ถ้าอะไรเป็นความสุขของลูก แม่ก็จะยอมตามใจทั้งนั้นจ้ะ”

“ขอบคุณค่ะ คุณแม่ มะนาวรักแม่ที่สุดเลย” ผู้หมวดสาวโผเข้าสวมกอดมารดาและบิดาแน่น ก่อนถลาเข้าไปสวมกอดเพื่อนทั้งสองด้วยความคิดถึง “ขอบใจนะแป้ง บัว ที่อุตส่าห์มา ดูแกสิแป้ง จะแต่งงานอาทิตย์หน้าอยู่แล้ว ยังจะไม่รีบไปเตรียมตัวอีก”

“มะนาวไม่รู้อะไร” ชโลบลเอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล ตามประสาของครูอนุบาลผู้อ่อนหวาน เยือกเย็น “ถึงอยู่ที่นี่ ว่าที่เจ้าสาวของเราก็ไม่ทำให้เสียชื่ออดีตผู้จัดการฝ่ายจัดเลี้ยงได้หรอกนะ เพราะว่ายังสามารถโทร.ไปสั่งงานว่าที่เจ้าบ่าวให้เตรียมงานได้ทั้งวัน รับรองจัดงานทันแน่นอนจ้ะ”

“มันเป็นความสามารถเฉพาะตัวจ้ะ” ปภาวียักคิ้วอย่างอารมณ์ดี “ว่าแต่ มะนาว แกเพิ่งเข้าทำงานใหม่ๆ ฉันได้ยินมาว่าหน่วยนี้มันทำงานไม่มีวันหยุดเลยไม่ใช่เหรอ แกแน่ใจนะว่าจะไปงานแต่งงานของฉันที่ทุ่งระบือยิ้มได้”

“แน่ใจสิ ฉันจะพลาดงานสำคัญที่สุดในชีวิตของเพื่อนได้ยังไง ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน เรื่องของพ่อกับแม่ และแกทั้งสองคนจะต้องมาก่อนสิ่งอื่นใดเสมอ”

“ถ้างั้นเราทุกคนก็ไปฉลองกันเลยดีมั้ยจ๊ะ” เพ็ญลักษณ์แนะนำ “วันนี้บัวอุตส่าห์ลงทุนมาตุ๋นไข่พะโล้ของโปรดลูกให้ตั้งแต่เช้าเลยนะ”

“ใช่จ้ะ มะนาวชอบไข่แข็งๆดำๆใช่มั้ย” ชโลบลเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน เรียบร้อย “วันนี้รับรองว่าถูกใจแน่นอน เพราะฉันเคี่ยวจนไข่ทั้งดำ และทั้งเด้งเลยจ้ะ”

“แล้วแม่ยังทำข้าวผัดปูของโปรดหนูเอาไว้ด้วยน้า”

“ส่วนฉันก็ซื้อพิชซ่า กับขนมของโปรดของแกมาฝากเยอะแยะเลย” อดีตผู้จัดการสาวเอ่ยอย่างคล่องแคล่ว

“ดีมาก ฉันจะกินทุกอย่างให้หมดเกลี้ยงภายในพริบตาเลย” มติมามีประกายตาวาววับขึ้นทันที

“กินเก่งแบบนี้ หนุ่มคนไหนจะเลี้ยงลูกของแม่ไหวล่ะเนี่ย”

“ช่างปะไร ใครเลี้ยงไม่ไหวก็ไม่ต้องเลี้ยง ลูกสาวคนเดียวพ่อเลี้ยงได้อยู่แล้ว” ท่านผู้การเอ่ยด้วยสีหน้าขึงขัง“อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องพรรค์นั้นเลยนะลูก ไร้สาระ ไปกินข้าวกับพ่อก่อนดีกว่า”

แล้วท่านผู้การก็พะเน้าพะนอ กอดคอลูกสาวเดินไปยังโต๊ะกินข้าวด้วยความรักใคร่ ชโลบลจึงโอบรอบเอวของเพ็ญลักษณ์ แล้วพาเดินตามหลังไปด้วยรอยยิ้มขบขัน ในขณะที่ปภาวีได้แต่ยืนส่ายหน้าด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสาว จนอดเปรยขึ้นมาไม่ได้

“มะนาวเอ้ย! เป็นผู้หญิงถือปืน ก็หาแฟนยากแล้ว ยังจะมีพ่อมาคอยคุมยังกับจงอางหวงไข่อีก ผู้ชายแบบไหนกันนะถึงจะเป็นเนื้อคู่ของแก ฉันอยากเห็นหน้าคนๆนั้นจัง”


&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ขอบคุณมากๆสำหรับทุกการกดไลค์ คอมเม้นท์ และการติดตาม เราจะพบกันอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งนะคะ สัญญา จะได้ไม่ลืมกันไปซะก่อน ฮ่าๆๆ

ตอบคอมเม้นท์

คุณภาวิน : ชื่อปลานิลมีที่มาที่ไปค่ะ เป็นม้า แต่ชื่อปลา เอากับเค้าสินั่น ฮ่าๆๆ ดีใจมากค่ะที่มาช่วยเจิมเอาฤกษ์เอาชัย

คุณดังปัณณ์ : ขอบคุณที่มาช่วยเจิมจ้า อบอุ่นๆ กอดแน่นๆ

คุณบุลินทร : ฮิ้วววว นลินา เจอ มติมา ญาติที่พลัดพรากแร้วววว ก๊ากๆๆ (ก็คิดได้น้อคุณบุลินทร)

คุณหมีสีชมพู : โอ้ย! ดีใจๆได้คุยกันในหน้านิยายอีกครั้งแล้วนะคะ รู้สึกว่าชีวิตค่อยมีชีวาขึ้นมาหน่อย เอ่อ ส่วนเรื่องสเปคนั้น...แป่ว!

คุณ Auuuu : เย้ๆ คึกคักๆ หลังจากไม่มีนิยายมาลงไปพักหนึ่ง ดีใจที่ได้พบกันอีกค่ะ

คุณใบบัวน่ารัก : หมวดแคทถูกเก็บเข้าหน่วยทับทิมไปแล้วค่ะ ต้องคอยดูกันว่าชีจะยังมาสร้างความปั่นป่วนอะไรให้หมวดมะนาวได้อีกมั้ยนะคะ ^ ^

คุณ Pat : ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ ความป่วนเพิ่งจะเริ่มต้น ขอฝากผลงานด้วยนะคะ ^ ^

คุณ Wane : ข้าพเจ้ารับรองด้วยเกียรติเนตรนารี ว่าจะไม่มาทำให้อยาก แล้วจากไปแน่นอนค่ะ ขอบคุณมากๆ ที่ติดตามนะคะ ซึ้ง...

คุณ ดารานิล : ฉากพบกันครั้งแรก อาจจะเอ่อ... นะ ฮ่าๆๆ มามะ เราจะจบแรลลี่ 14 นี้ด้วยกัน (เหรอ)




พันธุ์แตงกวา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 มี.ค. 2556, 08:34:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ม.ค. 2558, 08:03:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 2053





<< บทที่ 1 : เธอคนนั้น ใครคนไหน   บทที่ 3 : มะกอกชีวจิต >>
หมีสีชมพู 13 มี.ค. 2556, 08:54:00 น.
มาจองที่นั่งเชียร์หมวดมะนาวค่ะ


ดังปัณณ์ 13 มี.ค. 2556, 10:46:39 น.
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยกอดพี่แตงกลับๆๆๆๆๆๆ 555+


ดารานิล 13 มี.ค. 2556, 11:25:00 น.
ชีวินท่าทางกวนพระบาทดีนะคะพี่ 555
ปล. เราจะจบพร้อมกันค่ะ สัญญา (เหรอ) อิอิ


Auuuu 13 มี.ค. 2556, 22:38:44 น.
ดีใจเช่นกันค่า ที่ได้พบกันอีกครั้ง
หมวดมะนาวโดนหาว่าใช้เส้นตลอดเลยยย


Pat 13 มี.ค. 2556, 23:41:00 น.
ท่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงแฮะคู่นี้


กาซะลองพลัดถิ่น 14 มี.ค. 2556, 01:27:02 น.
ื่ท่าทางจะต้องแย่งกันทานข้าวผัดปูกับไข่พะโล้ แน่ ๆ......น่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงนะค่ะพระนางคู่นี้ มันส์ตั้งแต่เริ่มเลย


wane 14 มี.ค. 2556, 01:54:36 น.
คุณพระเอกไม่น่ารักเอาซะเลย มาหัวเราะเยาะนู๋มะนาวได้งัย นิสัยไม่ดีอย่างแรง ชิ!


tik 19 เม.ย. 2556, 12:53:03 น.
555 ขำที่มาของชื่อมะนาว มั่นไส้พระเอก ตาชีวินนี่พระเอกน่ะ นิสัยไม่ดีเลยอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account