นางบำเรอตีทะเบียน By อัญจรี น้ำจันทร์
คำโปรยหน้า

บุพเพฤาชะตา ที่นำพามาพบเจอ

หน้าที่เมียบำเรอ เขาให้เธอจำขึ้นใจ

ฉากหน้าแสนโสภา ภรรยานิตินัย

ฉากหลังนั่งร้องไห้...นางบำเรอตีทะเบียน



คำโปรยหลัง

เมื่อความรักที่มีไม่ได้รับความเห็นชอบจากมารดาที่รัก

วาโย จึงต้องหาใครสักคนมาแก้แค้นผู้เป็นมารดาให้สมกับที่ท่านกีดกันเขาและสาวคนรักออกจากกัน

ละอองดาว คือผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุดในเวลานั้น เพราะหล่อนไม่ใช่ไฮโซ ไม่ใช่ลูกผู้ลาภมากดี

หล่อนเป็นเพียงแค่ โสเภณี ที่เขาบังเอิญถูกชะตา

วาโยไม่รอช้าจดทะเบียนตีตรากับหล่อนเพื่อประชดมารดาในทันที

โดยหารู้ไม่ว่าแม่โสเภณีที่เขาซื้อมาหล่อนยังไร้ ราคี!



สามปีให้หลังเมื่อสัญญานางบำเรอสิ้นสุดลง ละอองดาวดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธะสัญญาที่ไร้รัก

แต่ทว่าสามีผู้หลงใหลในเรือนร่างคุณภรรยา กลับไม่ยอมหย่าให้!



เวลาต่อมา

เมื่อสตรีที่วาโยรักนักรักหนากำลังจะดับดิ้นสิ้นลมหายใจ เขาจึงอยากจะได้ใบหย่าไปให้สาวเจ้าชื่นชม

แต่ทว่า ตอนที่เธออยากหย่าเขาไม่ยอมหย่าให้ ตอนนี้ก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะได้มันไป เช่นกัน!

ความเจ็บปวดใดๆ ที่สามีเคยทำไว้กับภรรยา นาทีนี้ก็เตรียมตัวรับความเจ็บปวดเช่นนั้นกลับไป สองเท่าตัว!




ชื่อเดิม โสเภณีตีทะเบียน -> คมทันฑ์สิเน่หา -> มาจบที่ นางบำเรอตีทะเบียน ค่า
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามมิให้ผู้ใดทำซ้ำหรือดัดแปลงแก้ไข ใครอุบอิบเอาของเขาขอให้แฟนทิ้งแฟนมีหญิงใหม่ สาธุ ^/\^

เตรียมใจตั้งแต่เนิ่นๆ นิยายอัพถึงบทที่ 15 นะคะ อาจจะแถมให้ถึง 16 ถ้าคนอ่านช่วยกระหน่ำไลค์ แต่เรื่องอัพจบคงไม่อัพจบค่าเพราะนิยายเรื่องนี้อัพมาหลายรอบแล้ว แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ยังให้กำลังใจกันด้วยดี ป,ล ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยจร้า นักเขียนตัวน้อยยังด้อยประสพการณ์ ^/\^
Tags: ตีพิมพ์สำนักพิมพ์ธราธร

ตอน: บทที่ 6 ลูกสะใภ้ข้า อย่าแตะ! 50%

บทที่ 6 ลูกสะใภ้ข้า อย่าแตะ! 50%
ละอองดาวนั่งมองอาหารในจานมากกว่าที่จะกินมัน มื้อเย็นของเธอคงงอนเธอแล้วล่ะที่ไม่กลืนมันลงท้องเสียที สิบนาทีที่แล้วสามีทางพฤตินัยเข้ามาไถ่ถามอาการอีกหนแล้วกลับออกไปอีกครั้ง เธอไม่ได้เหนี่ยวรั้งให้เขาอยู่ แม้รู้ว่าเขากำลังจะไปที่ใดก็ตาม บางครั้งเธอก็อยากไปเผชิญหน้ากับวีนุตตรา เธอไม่อยากเชื่อว่าคนที่สวยคมขำเช่นวีนุตตราจะป่วยเป็นไข้ร้ายแรงจนนอนแบ็บอยู่ในโรงพยาบาลเช่นนี้ บางทีเจ้าหล่อนอาจจะแสร้งเล่นละครเพื่อจะได้รั้งวาโยให้อยู่กับตัวนานๆ
“ไม่หรอกน่า วีนุตตราจะรั้งสามีเธอทำไม ในเมื่อวาโยไม่เคยตีจากเจ้าหล่อนสักที”
ละอองดาวเอ่ยแย้งเสียงที่กำลังโต้กับเธอในมโนจิต เธอคิดดีแล้วว่าต้องหาทางไปพูดคุยกับวีนุตตราให้ได้สักหน และสักหนที่ว่านั้นควรจะเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ความเงียบของห้องผู้ป่วยถูกรบกวนอีกครั้งด้วยเสียงของนางวิภา แม่สามีที่ไม่เคยชอบหน้าลูกสะใภ้กลับมาเยี่ยมละอองดาวอีกครั้งหลังจากกลับไปไม่กี่ชั่วโมง คราวนี้นางมีกับข้าวใส่ปิ่นโตมาด้วย
“สามีไม่อยู่กลืนข้าวไม่ลงหรือยะแม่ดาว” แม่สามีค่อนแคะตามนิสัย ปกตินางจะจีบปากจีบคอประชดประชันจนสะใจโน่นล่ะถึงจะนอนหลับ ถ้าวันไหนไม่ได้ปะทะฝีปากกับลูกสะใภ้นางก็เหมือนขาดอะไรไปมันจะหงุดหงิดกินไม่ได้ทีเดียวเชียว
“คุณแม่...มาทำไมอีกคะ” ละอองดาวเอ่ยถามอย่างงงๆ นางวิภากลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับมาหาเธออีกครั้ง
พยาบาลเฝ้าไข้แจ้งแก่ละอองดาวว่าจะกลับมาอีกทีเมื่อเธอจะเข้านอน เจ้าหล่อนสั่งว่าให้ละอองดาวทานยาหลังอาหารด้วยห้ามลืม
“ขอบคุณนะคะคุณพยาบาล” แม่สามีขอบอกขอบใจพยาบาลเฝ้าไข้ที่คอยดูแลลูกสะใภ้มาตลอดครึ่งวันนี้ ถ้าปกติคนที่เป็นสามีควรจะมาดูแลหล่อนมากกว่า
“ไม่เป็นไรค่ะมันเป็นหน้าที่ของอิฉัน ขอตัวนะคะ”
พยาบาลสาวร่างอวบเดินหายออกประตูไป นางวิภาวางกระเป๋ายี่ห้อหรูลงบนโซฟาที่นางพยาบาลเฝ้าไข้นั่งอยู่เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว ก่อนจะนำปิ่นโตอาหารไปจัดลงจานอย่างคล่องแคล่วไม่มีหลงเหลือมาดคุณนายสักนิด พริบตาเดียวอาหารสามสี่อย่างก็มาวางแทนที่อาหารของโรงพยาบาลที่ละอองดาวเอาแต่นั่งจ้องมัน มิหนำซ้ำนางยังถือวิสาสะปีนขึ้นไปนั่งบนเตียงคนไข้ตรงข้ามกับคนป่วย ละอองดาวรีบกระเถิบท่อนขาเบี่ยงไปโดยเร็วก่อนที่แม่สามีจะนั่งทับ
“ฉันไม่นั่งทับขาหล่อนหรอกย่ะ ตาฉันยังดีอยู่ เลี้ยงหลานสิบคนยังไหว” นางวิภาออกตัว
“โธ่ คุณแม่ก็ ดาวแค่กลัวคุณแม่นั่งไม่สบาย แล้วนี่...คุณแม่จะทานข้าวกับดาวหรือคะ?”
ละอองดาวถามเมื่อเห็นจานข้าวอีกใบในสำรับ
“อ้าว! ฉันเป็นคนเอามาฉันก็จะกินนะสิ หล่อนอย่าถามมากฉันอุตส่าห์หิ้วขึ้นแท็กซี่มานะเนี่ย”
ละอองดาวตื้นตันจนน้ำตาคลอ สามปีที่ผ่านมาเธอไม่ค่อยได้ร่วมโต๊ะกับนางวิภาด้วยซ้ำ เธอจะรับประทานอาหารที่เรือนไม้หอมซึ่งเด็กรับใช้จะยกมาให้ตลอด แต่นาทีนี้แม่สามีกลับนำอาหารมาให้พร้อมกับยืนยันว่าจะร่วมรับประทานอาหารกับเธอ...น่าปลื้มใจแทนลูกในท้องจริงๆ เธอขอเหมาเอาว่าสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นนี้เป็นผลพวงของชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะเกิดมา อย่างน้อยคนเป็นย่าก็ยังเอ็นดูยัยหนูหรือตาหนูของเธอ แม้ว่าพ่อของแกจะไม่รักใคร่ใยดีก็ตาม
“ทานสิยะ มาทำหน้าละห้อยอยู่ได้ฉันไม่เจริญอาหารพอดี”
นางวิภานั่งพับเพียบบนเตียงแคบๆ อย่างน่าเอ็นดูในความรู้สึกของละอองดาว เธอรู้ว่าแม่สามีทำเช่นนี้เพราะรู้แก่ใจว่าบุตรชายจะไม่อยู่ดูแลลูกสะใภ้ นางพยายามหาสิ่งมาทดแทนความอ้างว้างเปลี่ยวเหงาที่เกิดขึ้นในใจของเธอนั่นเอง
“ค่ะๆ คุณแม่ก็..ทาน เยอะๆ นะคะ” ละอองดาวรีบปาดน้ำตาที่หลั่งมาเมื่อใดมิอาจรู้ แล้วเริ่มรับประทานอาหารมื้อที่อร่อยที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้
“แกงอะไรคะคุณแม่ อร่อยดี” ละอองดาวตาโตรีบชมอาหารที่ตนเพิ่งตักเข้าปาก นางวิภายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนเอ่ยว่า
“บ้านนอกจริงๆ หล่อนนี่ แกงหัวปลีไม่รู้จักหรือยะ คนท้องคนไส้กินแล้วน้ำนมดีนัก หล่อนก็ทานเข้าไปเยอะๆ แล้วกัน ฉันอุตส่าห์ให้พี่เจรียงสอนทำนะเนี่ย” แม่สามีหลุดปากเผยความลับ ละอองดาวเงยหน้าจากจานข้าวขึ้นมามองด้วยความสงสัยใคร่รู้แต่นางก็ทำทีเป็นว่าไม่รู้ไม่ชี้ประหนึ่งว่าประโยคท้ายๆ นางไม่ได้เอ่ยออกมา
“คุณแม่ทำเองหรือคะ” ลูกสะใภ้ถามออกไปใจก็เต้นโครมคราม แม่สามีที่ว่าร้ายๆ ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะเนี่ย
นางวิภาทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจก่อนจะเอ่ยปรามลูกสะใภ้ว่า
“กินๆ ไปเถอะน่าใครทำก็เหมือนกันแหละ หล่อนจะซักอะไรนักหนายะ เอ้านี่ผัดฟักทองของโปรดหล่อน..พี่เจรียงบอกมานะฉันจำไม่ได้หรอกย่ะว่าหล่อนชอบกินอะไร”
นางวิภารีบออกตัวทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริง ละอองดาวรู้ทันหล่อนได้แต่อมยิ้มให้กับจานข้าวตรงหน้าก่อนจะรีบกินกับข้าวกับปลาที่นางวิภาตักส่งให้
“นี่ก็แกงเลียงกินเยอะๆ ลูกจะได้แข็งแรง” นางวิภายังตักกับข้าวให้ลูกสะใภ้ไปเรื่อยๆ จนลืมจานข้าวตัวเองไปแล้วนางมัวแต่ปลื้มใจที่เห็นคนป่วยรับประทานอาหารฝีมือตนเองด้วยความเอร็ดอร่อย
“คุณแม่ก็ทานบ้างสิคะ ตักให้ดาวกินคนเดียวเดี๋ยวก็ไม่มีแรงอุ้มหลานหรอก” ละอองดาวเอ่ยขึ้นนางวิภาเบะปากเล็กน้อยก่อนจะจีบปากจีบคอโต้กลับไป
“ร้อยปียังน้อยย่ะแม่ดาว ฉันยังแข็งแรงด่าหล่อนน้ำไหลไฟดับได้วันล่ะสามเวลา อย่าว่าแต่อุ้มหลานเลย หล่อนจะมีลูกแฝดให้ฉันอุ้มพร้อมกันสองคนฉันก็ยังไหวย่ะ”
ละอองดาวหัวเราะคิกๆ กับการไม่ยอมคนของแม่สามี เอาเป็นว่ารอบนี้แม่สามีชนะไปตามระเบียบ เธอจะไม่ขอออกความเห็นใดๆ จะตั้งหน้าตั้งตารับประทานอาหารค่ำอย่างเดียวก็แล้วกัน
มื้อค่ำที่แสนเอร็ดอร่อยผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง กระนั้นริมฝีปากน้อยๆ ของละอองดาวก็ยังมิได้เว้นว่าง หล่อนยังเคี้ยวผลไม้คำโตที่นางวิภานั่งปอกนั่งหั่นให้ไม่ยอมหมดเสียที
“คุณแม่คะ ท้องดาวจะแตกแล้วค่ะ”
“อะไรกันแม่คนนี้ กินเข้าไปนิดเดียวเองทำเป็นบ่นไปได้”
นางวิภาที่ตอนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงเปรยอย่างงอนๆ มือซ้ายนั้นยังครอบครองผลแอปเปิลที่ยังปอกเปลือกไม่เสร็จ ส่วนมือขวาถือมีดเล็กๆ ไว้มั่น
“ดาวจุกแล้วอ่า คุณแม่ทานเถอะค่ะ กินเยอะๆ ดาวจะอ้วก”
ละอองดาวบอกตามจริง เธอคงได้อาเจียนแน่ๆ หากว่าแม่สามียังคะยั้นคะยอให้เธอรับประทานไม่เลิก ขนาดมื้อค่ำเธอก็ทานไปมากกว่าปกติแล้วเพื่อเอาใจนางนั่นล่ะ
“เฮ้อ!...ก็ได้ๆ แล้วหล่อนง่วงหรือยังล่ะยะ” นางวิภาถาม
“โธ่ คุณแม่ก็ใจคอจะให้ดาวกินแล้วก็นอนอย่างเดียวใช่ไหมคะ อย่างนี้ดาวก็อ้วนพอดี” หล่อนยิ้มแหยๆ ส่งให้มารดาของสามี นานๆ ทีจะได้พูดคุยดีๆ คุณนายวิภาบ้างรู้สึกดีจริงๆ
“ย่ะ แม่คนกลัวไม่สวย อย่างหล่อนน่ะอ้วนกว่านี้สักสิบกิโลฯ ฉันยังว่าผอมแห้งอยู่ดี สมัยฉันสาวๆ นี่อวบอึ๋มเชียวนะจะบอกให้ หนุ่มๆ นี่ติดกันเกรียวหัวกระไดบ้านไม่เคยแห้งเชียวล่ะ” นางวิภาคุยโวโอ้อวดเรื่องราวที่นางออกจะภูมิใจอยู่ลึกๆ นางเป็นคนสวยคนหนึ่งในแวดวงสังคมไฮโซในขณะนั้นเลยก็ว่าได้
ละอองดาวยิ้มให้เมื่อเห็นแม่สามีพูดพลางยิ้มพลางอย่างมีความสุข ความจริงเธอไม่เคยเห็นนางวิภายิ้มได้อย่างนี้มานานมากแล้ว อาจจะตั้งแต่ที่เธอแต่งงานกับบุตรชายของนางเลยก็ว่าได้
“เออ...แล้วตาโยว่ายังไงล่ะเรื่องใบหย่านั่นน่ะ”
หญิงสาวหน้าเจื่อนลงไปทันทีที่ถูกถาม เธอยังไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะยังหาคำตอบให้นางวิภาไม่ได้ แต่เพราะเธอปวดใจที่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังต้องการหย่า
“ก็...ก็คงต้องหย่ากระมังคะ แต่ดาวคิดว่าดาวจะไม่หย่าให้คุณโยง่ายๆ หรอกค่ะ อย่างน้อยคุณโยต้องให้อะไรดาวบ้าง ดาวไม่กลัวลำบากหรอกค่ะถ้าดาวยังตัวเปล่าเล่าเปลือย”
นางวิภาพยักหน้าเข้าใจ นางยกจานผลไม้ไปวางบนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะกลับมาเอ่ยต่อ
“คิดได้อย่างนั้นก็ดี แล้วถ้าตาโยเอาเรื่องสัญญามาอ้างล่ะ”
“คุณโยก็ผิดสัญญาเหมือนกันเพราะมันเลยกำหนดที่ต้องหย่าให้ดาวมานานแล้ว และถ้าเขาอยากหย่าตอนนี้ ดาวจะให้เขาฟ้องหย่าเอาเอง”
ละอองดาวตอบไม่เต็มเสียงนักเพราะอย่างน้อยๆ คนที่เธอเอ่ยถึงก็เป็นบุตรชายของสตรีสูงวัยที่นั่งอยู่ข้างเตียงเธอในขณะนี้
“ให้มันได้อย่างนี้สิแม่ดาว อย่าไปยอมอะไรง่ายๆ แล้วนี่ตาโยรู้หรือยังว่าหล่อนตั้งท้อง”
“คิดว่าทราบแล้วค่ะ แต่ว่าคุณโยก็ยังยืนยันว่าจะหย่าอยู่ดี ดาวก็ไม่รู้จะทำยังไง เอาไว้จะลองคุยกับคุณโยอีกทีค่ะ”
แม่สามีที่ผันตัวเองมาเชียร์ลูกสะใภ้ถอนหายใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างหาทางออกมิได้ นางคงไม่มีปัญญาไปห้ามปรามหากว่าบุตรชายต้องการหย่า คงทำได้เพียงคอยหนุนละอองดาวมิให้หล่อนยอมหย่าโดยง่ายเท่านั้น
“แม่นุตก็กระไร ทำไมจะมาอยากแต่งงานเอาตอนนี้ก็ไม่รู้” ละอองดาวเงยหน้าจากการจ้องมองฝ่ามือตัวเองไปจดจ้องนางวิภาอีกครั้ง ชื่อเล่นของวีนุตตราเรียกความสนใจของเธอได้มากมายเหลือเกิน
“คุณนุตกับคุณโยรักกันนะคะคุณแม่” ละอองดาวเอ่ยถึงความจริงในข้อนี้เลยถูกนางวิภาแดกดันกลับมา
“หล่อนก็หย่าเสียสิ เขาจะได้ไปตบแต่งอยู่กินกัน ส่วนหล่อนก็ตั้งหน้าตั้งตาหาเงินเลี้ยงลูกไปเถอะย่ะ”
ลูกสะใภ้เงียบเสียงลงในบัดดลเมื่อถูกวาจาของนางวิภาจี้ตรงหัวใจในจุดที่มืดมิดพอสมควร จะว่าเธอใจดำเธอก็ยอมล่ะหากว่าจะทำให้ได้ในสิ่งที่ปรารถนา ในเมื่อสามีไม่เคยมอบความรักดังเช่นสามีภรรยาพึงมีต่อกันมาให้ เธอก็จะไม่ขวนขวายแต่จะตักตวงเอาสิ่งที่ควรจะเป็นของเธอในตำแหน่งภรรยาที่ค้ำคออยู่นี้ เธอจะเรียกร้องจากเขาชนิดที่ว่าชาตินี้ไม่ต้องทำมาหาเลี้ยงชีพก็สามารถมีกินจนเหลือรับประทานทีเดียว
สตรีสองนางนั่งสนทนาไปเรื่อยเปื่อยในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องข้างต้น กระทั่งนางพยาบาลเฝ้าไข้คนเดิมกลับเข้ามาและตรวจวัดไข้ละอองดาวอีกเล็กน้อยแล้วให้หล่อนนอนพัก
หลายชั่วโมงผ่านไป เมื่อฤทธิ์ยาแก้ไข้จางหาย ละอองดาวก็ตื่นขึ้นมากลางดึกราวๆ ห้าทุ่ม เป็นเวลาเดียวกับที่มีพยาบาลเฝ้าไข้อีกคนมาเปลี่ยนกะพอดี หล่อนลุกขึ้นเมื่อเห็นพยาบาลอีกคนเดินเข้ามาในห้อง
“อิฉันมีธุระด่วนค่ะ เลยให้พยาบาลอีกคนมาเปลี่ยน คุณจะว่าอะไรไหมคะ” นางพยาบาลร่างท้วมเอ่ยอย่างเกรงใจ เจ้าหล่อนมีท่าทางร้อนรนจนปิดไม่มิด
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตามสบาย” ละอองดาวมีน้ำใจด้วยการบอกกล่าวให้เจ้าหล่อนสบายใจ และยังสั่งด้วยว่าไม่ต้องเฝ้าไข้เธอแล้ว ถ้ามีธุระก็ให้ไปจัดการ เธอคิดว่าพรุ่งนี้เช้าก็จะขอคุณหมอกลับบ้านแล้วล่ะ
“คุณไม่เป็นไรแน่นะคะ สามีคุณย้ำว่าให้ดูแลคุณให้ดี ฉันเลยเกรงว่า...”
ละอองดาวเห็นท่าทีนางพยาบาลกังวลปนเกรงใจเลยรีบออกตัวไปว่า
“ไว้ฉันจะบอกเขาเอง พวกคุณรีบไปเถอะค่ะ ฉันอยู่ได้” ละอองดาวยิ้มให้อีกครั้ง และนางพยาบาลก็ยิ้มรับก่อนจะกล่าวขอบคุณเบาๆ แล้วก้าวออกไปพร้อมกัน ความจริงละอองดาวคิดว่าตนเองมิได้เป็นอะไรมาก ทำไมวาโยต้องให้พยาบาลมาเฝ้าไข้ด้วยก็ไม่รู้
หญิงสาวถอนหายใจอย่างปลงๆ เมื่อคิดถึงวาโย ป่านนี้เขาคงจะอยู่กับวีนุตตราคนรักของเขากระมัง และคงคอยเอาใจใส่ดูแลในยามที่เจ้าหล่อนป่วยไข้ น่าอิจฉาวีนุตตราเหลือเกิน สองมือดึงผ้าห่มขึ้นมาชิดอกแล้วหันตะแคงร่างไปอีกทางด้วยหวังว่าการเปลี่ยนท่าจะทำให้หล่อนนอนหลับได้ดีขึ้น ทว่า พอสองหน่วยตาแลเห็นร่างที่นอนขดอยู่บนโซฟาก็ต้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
“คุณแม่...”
ละอองดาวเปล่งเสียงอุทานแต่ไม่ดังมากนัก เธอลองเรียกแม่สามีอีกสองสามครั้ง เมื่อนางยังไม่ตื่นเธอก็ต้องหาตัวช่วย มือเรียวเปิดลิ้นชักตรงตัวเตียงเพื่อหาโทรศัพท์มือถือ เมื่อเจอก็ลองต่อสายไปหาสามีเผื่อว่าเขายังไม่กลับบ้านจะได้ให้แวะมารับมารดาเขากลับไปด้วย
เสียงรอสายดังอยู่ชั่วครู่ก่อนจะมีคนรับ ทว่ามิใช่คนที่เธอโทรหาแต่ว่าเป็น...
‘ตอนนี้พี่โยไม่ว่างคุยด้วย แค่นี้นะ’
ปลายสายส่งน้ำเสียงห้วนสั้นไม่มีหางเสียงโต้ตอบออกมาก่อน และพอเอ่ยจบก็ตัดสายทิ้งอย่างเสียมารยาท ละอองดาวเอาโทรศัพท์ที่แนบหูอยู่ออกมาเพ่งดูราวกับมันเป็นสัตว์ประหลาดนอกโลก นี่เบอร์สามีเธอนี่นาเธอจำได้ แถมปลายสายยังบอกอีกว่าพี่โยไม่ว่าง เสียงนั่นไม่มีแววของคนเจ็บไข้ได้ป่วยเลยแม้แต่น้อย หรือว่าเขาจะอยู่กับผู้หญิงคนอื่นที่มิใช่วีนุตตรา
ว่าที่คุณแม่ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะต่อสายอีกครั้ง คราวนี้เป็นเสียงของผู้หญิงเช่นกัน ทว่า ไม่ใช่คนเดิม
‘สวัสดีค่ะ โยเข้าห้องน้ำอยู่ เดี๋ยวอิฉันจะบอกให้โทรกลับนะคะ’ เสียงค่อนข้างแหบเบาเอ่ยมาตามสาย เธอเงี่ยหูฟังจนเจ้าหล่อนเอ่ยจบประโยคแล้วก็นึกเคืองสามีอยู่ลึกๆ เขาจะมีผู้หญิงเป็นร้อยเป็นพันเธอไม่ว่า แต่ทำไมต้องให้ผู้หญิงเหล่านั้นมาแสดงตัวให้เธอรับรู้อยู่เรื่อย ที่ผ่านมายังไม่พอหรืออย่างไร
“ค่ะ รบกวนบอกสามีฉันด้วยว่า ภรรยา ที่บ้านโทรมา ขอบคุณนะคะ”
คราวนี้เป็นละอองดาวที่ชิงวางสาย หล่อนสะใจเล็กน้อยที่ได้เอาคืนฝ่ายโน้นด้วยการแสดงตัวว่าเป็นภรรยาของเขา โดยไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดดังกล่าวจะทำให้ตัวเองเดือดร้อน

อีกฝากของโรงพยาบาลซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารผู้ป่วยโรคมะเร็ง วีนุตตราจ้องมองโทรศัพท์ในมือด้วยใบหน้าซีดเผือด นิลอรเข้าไปคว้ามันออกมาจากมือบางของพี่สาวก่อนจะเอากลับไปวางบนโต๊ะตามเดิม
“อรบอกแล้วว่าอย่ารับ ยัยนั่นร้ายจะตายต้องอรนี่ถึงจะเอาอยู่ อย่างพี่นุตก็โดนหล่อนฉีกอกอยู่ร่ำไปนั่นแหละ”
น้องน้อยออกอาการเดือดร้อนแทนพี่ทั้งเบะปากและส่งสายตาดุกร้าวออกไปนอกหน้าต่างประหนึ่งว่าจะให้นัยน์ตาที่ฉายแววคาดโทษส่งถึงคนที่ถูกกล่าวถึง
“เขามีสิทธิ์ของเขานะอร อรนั่นแหละจะเดือดร้อนอะไรนักหนาฮึ พี่ยังไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย”
พี่สาวที่อาบน้ำร้อนมาก่อนเอ่ยติงท่าทีของน้องรัก แม้ว่าไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมาแต่เธอก็รักใคร่เอ็นดูนิลอรคนนี้ประหนึ่งน้องสาวร่วมสายเลือด เธอพอจะมองออกว่านิลอรหลงใหลวาโย เธอจะดีใจด้วยหากว่าวาโยรักเจ้าหล่อน แต่ในเมื่อมันไม่ใช่ เธอก็ไม่อยากให้น้องสาวหวังสูงเกินไป อย่างไรเสียวาโยก็แต่งงานแล้ว ไม่ใช่ชายโสดตัวเปล่าไร้พันธะ
นิลอรสะบัดแขนที่กอดอกอย่างขัดใจออกจากกัน ก่อนจะทรุดกายลงนั่งข้างเตียงด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“อรก็แค่...แค่ไม่อยากให้ใครมารังแกพี่สาวอร” นิลอรแก้ต่างกลบเกลื่อนความจริง เธอฉวยเอามือข้างหนึ่งของพี่สาวมาแนบแก้มสีน้ำผึ้งของตนเองด้วยอยากให้คนที่สูงวัยกว่านึกเอ็นดู
“พี่รู้จ้ะ น้องสาวของพี่น่ารักที่สุด พี่รู้ดี” นิลอรยิ้มกว้างก่อนจะเลื่อนมือไปโอบเอวคนป่วยหลวมๆ “อรกลับก่อนนะคะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า”
“จ้าจ้ะ ให้พี่โยไปส่งไหมเดี๋ยวพี่บอกให้ นั่งแท็กซี่กลางคืนมันอันตราย”
นิลอรพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่รอยยิ้มน้อยๆ จะผุดพรายที่มุมปากอย่างพออกพอใจ
“คุยอะไรกันอยู่จ๊ะสาวๆ” วาโยที่เดินออกมาจากห้องน้ำเอ่ยถามสองศรีพี่น้องที่เหมือนว่ากำลังสนทนาด้วยเรื่องบางอย่างอยู่
“เปล่าค่ะ แค่จะบอกให้โยช่วยไปส่งยัยอรที่บ้านที ดึกแล้วนั่งรถแท็กซี่คนเดียวมันอันตราย” วีนุตตราบอกกล่าวชายคนรัก วาโยรับคำแล้วเดินเข้าไปหาร่างที่นอนอยู่บนเตียง วันนี้เขาอยู่คุยกับหล่อนจนดึกเกินไปแล้ว
“ได้จ้ะ นุตรีบนอนนะคะคนดี เดี๋ยวพรุ่งนี้โยมาหาใหม่นะ” วีนุตตรายิ้มน้อยๆ รับคำอย่างเคยก่อนจะหลับตาพริ้มเมื่อคนรักจุมพิตพวงแก้มแห้งซีดเซียวทั้งสองข้าง
นิลอรมองภาพนั้นแล้วได้แต่เวทนาฝ่ายชายอยู่ลึกๆ วาโยคงมีความสุขกว่านี้หากว่าพวงแก้มทั้งสองจะเป็นพวงแก้มอิ่มเต็มตึงของเธอแทน
“ไปเร็วยัยอร มัวแต่ฝันหวานอะไรอยู่เนี่ย” วาโยล้อเลียนเมื่อเห็นน้องสาวของหญิงคนรักตาลอยชอบกล เจ้าหล่อนเหมือนตกอยู่ในภวังค์บางอย่าง และเขาก็ทำลายภวังค์นั้นจนย่อยยับ
“โธ่ พี่โยล่ะก็คนกำลังคิดอะไรเพลินๆ ชอบขัดใจอยู่เรื่อย” หญิงสาวทำหน้าบึ้งอย่างเด็กถูกขัดใจ พี่ชายที่ตนหลงใหลทำลายภวังค์สั้นๆ อันแสนสุขระหว่างเธอและเขาจนหมดสิ้น ดูเอาเถิดแม้แต่ในห้วงคำนึงสวรรค์ก็ยังกลั่นแกล้งเธอ
วีนุตตรามองตามร่างน้องสาวที่ฉวยกระเป๋าถือแล้วสะบัดก้นงอนๆ ออกไปจากห้อง ว่าโยหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องตลกกับกิริยาของสาวเจ้า เขากลับมาฝังรอยจูบบนหน้าผากวีนุตตราอีกครั้งเพื่ออำลาก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงแล้วเดินตามนิลอรออกจากห้องไป
เพียงชั่วอึดใจนางพยาบาลเฝ้าไข้ก็เข้ามาทำหน้าที่ วีนุตตราเลยถูกสั่งให้นอนพักผ่อนทั้งที่ไม่ง่วงสักนิด ตอนนี้คนที่เธอนึกห่วงใยมิใช่ชายคนรักอีกแล้ว แต่เป็นนิลอรต่างหาก จะเป็นเช่นไรหากวันข้างหน้าไม่มีเธอคอยปราม เธอกลัวเหลือเกินว่านิลอรจะทำผิดต่อวาโย น้องสาวคนนี้นิสัยขี้อ้อนน่ารักก็จริง แต่พอบทจะเอาแต่ใจ หล่อนก็โมโหร้ายจนน่ากลัวทีเดียว



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มี.ค. 2556, 07:35:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มี.ค. 2556, 07:35:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 6983





<< บทที่ 5 แม่ผัวตัวแสบ 100%   บทที่ 6 ลูกสะใภ้ข้า! อย่าแตะ 100% >>
มะเหมี่ยว 8 มี.ค. 2556, 12:08:03 น.
อยากให้ละอองดาวหย่ากับวาโย
แล้ววาโยจะเป็นอย่างไร
สามีที่ไม่สนใจภรรยามันต้องทำ................


ลิลลี่ 8 มี.ค. 2556, 15:40:22 น.
สงสารนางเอกนะ ต้องทนเจออะไรแบบนี้มาหลายปี
หย่ากันเถอะ


Lilly 12 มี.ค. 2556, 09:15:56 น.
รู้สึกว่าดาวจะหย่ายาก!!! ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account