ดุจตะวัน ทอฝันรัก
“พี่อยากจะให้ฝันทำอย่างอื่นมากกว่านี่คะ”

อย่างอื่น อะไรกัน หรือว่าเขา อื้อ บ้าแล้วกลางวันแสกๆ

ตะวันรอยยิ้มผุดพรายขึ้นมาบนใบหน้าเมื่อสบตากับหญิงสาวในอ้อมแขนที่เขานึกรู้ว่าป่านนี้ความคิดของเธอคงเตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ

“ยิ้มอะไรหรือว่าจะแกล้งอะไรฝันอีก”

“เปล่า แค่คิดว่าฝันน่ารักจัง ไม่ได้คิดไกลเหมือนคนแถวนี้สักหน่อย”

“บ้า”

คนโดนชมซึ่งๆหน้าเมินหน้าหนีแต่คนชมก็ไม่ยอมให้เธอหลบสายตา รอคอยวันนี้มานาน ทรมานความกับรู้สึกของตัวเองเพราะคิดถึงเธอมาก็มาก พอๆกับเธอที่ยังมีเขาอยู่ในใจไม่เสื่อมคลายแล้วเขาจะรีรอไปทำไมอีก

“แต่งงานกันนะ”

“คะ?”

นี่เขาขอเธอแต่งงานงั้นหรือ ในห้องทำงาน ที่โรงพยาบาลเนี่ยนะ

“ค่ะฝันจะแต่งงานกับพี่ตะวัน”

แต่ทอฝันก็ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มสดใส ไม่ว่าเขาจะขอเธอแต่งงานที่ไหนหากเป็นผู้ชายคนนี้คำตอบของเธอก็คงมีแต่คำๆนี้เท่านั้น ขอแค่เขาได้มีโอกาสถามเธอ ที่ไหนเมื่อไหร่ คำตอบของเธอก็ยังคงเดิม

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 1


ตอนที่ 1......

“ไม่มีทางยังไงฝันก็ไม่เข้าร่วมการแข่งขันทักษะวิชาการของปีนี้หรอก”

ทอฝันเอ่ยบอกกับเพื่อนๆออกไปพลางส่ายหน้ายืนยันความตั้งใจของตนเองให้กับเพื่อนสนิททั้งสาม สโรชา จุฑารัตน์ และสุชาวดีรับรู้อีกครั้ง
เมื่อโดนคะยั้นคะยอให้รีบไปสมัครเข้าร่วมแข่งขันทักษะวิชาการที่ทางโรงเรียนกำลังเปิดรับสมัครและจะจัดการแข่งขันในงานวันวิชาการของโรงเรียนในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้านี้ ซึ่งทอฝันไม่เคยเลยที่จะพลาดหากรู้ว่าอาจารย์การินอาจารย์คนโปรดของเธอเป็นกรรมการร่วมตัดสินด้วย
เพราะเธออยากจะแสดงออกให้อาจารย์ของเธอเห็นและรู้ว่าเธอมีความสามารถทางด้านภาษาจริงๆและอยากให้อาจารย์ชื่นชมในตัวเธอ
แต่นั่นมันคือเมื่อสมัยที่เธอยังเรียนอยู่ในระดับชั้นมอต้นซึ่งตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว
เมื่อเธอกำลังอยู่ในระดับชั้นมอปลายเธอไม่มีความมั่นใจเลยสักนิดว่าเธอจะได้รับชัยชนะในการแข่งขันเพราะตัวเต็งอันดับหนึ่งของโรงเรียนยังมีอยู่และฝีมือของเธอก็ยังห่างไกลกับเขายิ่งนัก
เธอรู้ว่าเพื่อนสนิททั้งสามมองเธอด้วยความรู้สึกแปลกใจประหลาดใจแค่ไหน แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจก้มหน้าก้มตาแก้โจทย์วิชาฟิสิกส์ตรงหน้าต่อไป

“ทำไมล่ะปกติถ้ามีอาจารย์การินสุดหล่อของเธอเป็นหนึ่งในคณะกรรมการปุ้มไม่เคยเห็นเธอปฏิเสธที่จะเข้าร่วมแสดงความรู้ความสามารถให้อาจารย์สุดหล่อของเธอได้เห็นเลยนะฝัน”

จุฑารัตน์คะยั้นคะยอเพราะรู้ว่ามันคือความสุขของเพื่อนสนิท

“ก็คราวนี้ไงละจ๊ะ”

“อาจารย์การินเชียวนะไม่สนใจจริงๆอ่ะ”

สโรชาย้ำถามอีกคนเมื่อเจอท่าทีแปลกๆของเพื่อนสนิท ที่ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกับชื่อของอาจารย์การินเลยสักนิดทั้งๆที่ปกติเพื่อนของเธอออกจะปลื้มและปลื้มอาจารย์การินออกนอกหน้าชนิดที่เรียกว่าแค่ได้ยินชื่อเธอก็เหลียวมองหา ทำให้เพื่อนๆของเธอมักแกล้งเธอบ่อยๆ

“มันไม่เหมือนเดิมแล้วนี่พวกเธอก็รู้ดี”

ทอฝันตอบออกไปน้ำเสียงเอื่อยคล้ายกับท้อแท้สิ้นหวังกับความฝันของตัวเองทำให้เพื่อนๆยิ่งแปลกใจไปกันใหญ่ เพราะท่าทีแบบนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นกับทอฝัน ทำให้พวกเธอรู้สึกอึ้งระคนสงสัยไปตามๆกัน

“ใครไม่เหมือนเดิม อาจารย์การินก็ยังน่ารักและหล่อเหมือนเดิมนี่ไม่เห็นจะผิดปกติหรือไม่เหมือนเดิมตรงไหมจริงไหมแอน”

“นั่นสิจะมีก็แต่เธอนั่นแหละฝัน ทำไมคราวนี้ไม่กระตือรือร้นอยากจะเข้าแข่งขันอะไรกับใครเขาเลยมันน่าแปลกที่สุด”

ทอฝันเงยหน้าขึ้นยิ้มบางๆให้กับเพื่อนทั้งสามอีกครั้งแต่ก็ไร้คำพูดแก้ตัวหรือแก้ไขความคลางแคลงใจของเพื่อนออกมาจากปากของเธอ
ก่อนจะเสแกล้งมองไปยังรอบๆลานนั่งเล่นของโรงเรียนที่ตอนนี้มีนักเรียนทั้งหญิงและชายมาจับจองโต๊ะว่างนั่งทำการบ้านหรือบ้างก็นั่งคุยเล่นกัน

...เพราะเขานั่นไง เธอถึงไม่อยากจะเข้าแข่งขันทักษะวิชาการในปีนี้...

ทอฝันมองไปยังโต๊ะของรุ่นพี่มอหกที่นั่งถัดไปไม่ไกลกันเท่าไหร่ด้วยสายตาที่ทำให้หัวใจของตะวันกระตุกวูบ
อาจจะเป็นเพราะเขากำลังนั่งมองเธอเพลินอยู่ก่อนเป็นนานก็เป็นได้
เมื่อเธอมองมายังโต๊ะของกลุ่มของตนเลยทำให้ตัวเองรู้สึกมีพิรุธในใจ
แต่ทำไมนะเขารู้สึกได้ว่าแววตาของเธอที่มองมายังเขาดูไม่ค่อยจะมีความสุขนักทั้งๆที่ปกติเขามักจะพบเห็นเธอร่าเริงสดใสอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนๆของเธออยู่เสมอ
ตะวันยิ้มบางๆให้กับเธอแต่กลับพบว่าทอฝันก้มหน้างุดไม่ยอมเงยหน้าจากสมุดตรงหน้าของเธออีกเลย

...แปลกเธอเป็นอะไรของเธอไปนะ...

ความสงสัยภายในใจของตะวันได้รับคำตอบในเที่ยงของวันรุ่งขึ้นเมื่อเขาและกลุ่มเพื่อนมานั่งรอเพื่อจะเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ห้องใกล้กันกับห้องที่ทอฝันเรียนวิชาเคมี ความจริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังอะไรแต่เพราะบังเอิญได้ยินชื่อของตนที่เอ่ยดังออกมาจากในห้องเรียน ทำให้ตะวันหยุดยืนนิ่งหน้าประตูห้องเรียนอยู่ตรงนั้น

“ฝันวันจันทร์นี้แล้วนะที่อาจารย์เค้าจะปิดรับสมัคร นี่เธอไม่อยากจะเข้าแข่งขันกับเค้าจริงๆหรือ”

“จริงๆสิ ฝันไม่อยากจะเสียเวลาไปกับมันนี่นาแข่งขันไปก็เท่านั้นยังไงปีนี้ฝันก็ไม่มีรางวัลมาให้พวกเธอได้ชื่นใจหรอกนะ”

“ยังไม่ได้สมัครเลยนะแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองจะไม่ได้รับรางวัล” จุฑารัตน์ท้วงขึ้นไม่เห็นด้วยกับเหตุผลของทอฝัน

“พวกเธอลืมไปแล้วหรือไงว่าปีนี้เราเรียนมอปลายแล้วนะไม่ใช่มอต้นอย่างปีที่แล้ว”

“ใครจะไปลืมได้ลง นี่ไงการบ้านเคมีวิชาสุดเลิฟของแอนยังทำไม่เสร็จเลยนี่”

สุชาวดียิ้มร่าแต่ทว่าขะมักเขม้นลอกการบ้านวิชาเคมีตรงหน้าให้ทันเสร็จส่งอาจารย์ก่อนถึงเวลาเรียนซึ่งเหลืออีกเพียงแค่ไม่กี่นาที

“นั่นไง แล้วฝันจะไปสู้อะไรกับพี่ๆสายศิลป์เขาได้ล่ะ อีกอย่างตัวเต็งก็มีอยู่ทั้งคนยังไงฝันก็สู้พี่เค้าไม่ได้หรอก”

“ตัวเต็ง?”

จุฑารัตน์มองเธอด้วยสายตาเป็นคำถามเพราะไม่เข้าใจว่าทอฝันหมายถึงใคร

“ก็พี่ตะวันไงพวกเธอลืมไปแล้วหรือไงกัน”

ตะวันแน่ใจน้ำเสียงที่เธอเอ่ยชื่อเขาออกมาไม่ได้น้อยอกหรือน้อยใจอะไร แต่มันช่างแฝงไปด้วยความไม่มั่นอกมั่นใจในตัวเองยิ่งนัก

...เขากลายเป็นบุคคลอันตรายที่เธอไม่กล้าจะต่อกรด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...

“ท่าทางจะยากมากเลยนะ”

ตะวันส่งยิ้มให้กับเธอแล้วนั่งลงตรงกันข้ามกับม้าหินอ่อนตัวที่เธอนั่ง ทอฝันเงยหน้าสบตาเขาด้วยใบหน้าที่มากไปด้วยคำถามทำให้ตะวันยิ้มออกมาอีกครั้ง

“ถ้ามันยากมากนักทำไมไม่เรียนสายศิลป์อย่างที่ตัวเองถนัดล่ะ”

อีกครั้งที่คำถามจากเขาดังขึ้นยิ่งทำให้คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาสู้กับการแก้โจทย์ปัญหาวิชาฟิสิกส์ช้อนสายตามองเขาด้วยสายตาที่ตะวันมองดูก็รู้ว่าเธอกำลังไม่พอใจที่เขามากวนเธอในตอนนี้

“เป็นใบ้หรือ เอ...แต่ทุกทีก็เห็นคุยจ้อกับพี่พิชญ์อยู่เลยนี่ หรือว่าไม่สบายกล่องเสียงอักเสบ”

“เปล่าค่ะ สบายดี”

“ก็พูดได้นี่นึกว่าใบ้รับประทานซะอีก”

น้ำเสียงขันจากเขาทำให้คนซึ่งกำลังคิดแก้โจทย์วิชาฟิสิกส์ตรงหน้าไม่ออกยิ่งมีอารมณ์หงุดหงิดมากกว่าเดิม เห็นหน้ากันมาตั้งเกือบสามปีทำไมวันนี้นึกอยากจะมาตีสนิทคุยด้วย ทั้งๆที่ปกติยามที่เธอทักทายกับพี่พิชญ์หรือพี่วิธานเพื่อนสนิทของเขาตะวันกลับนิ่งเงียบมองใบหน้าเธอแค่ผ่านๆหรือบางทีก็ทำเป็นไม่สนใจไม่ใส่ใจเธอเลยด้วยซ้ำไป คิดจะแกล้งกันหรือไงนะ

“ขอโทษนะคะจะทำการบ้านอย่ามากวนได้ไหม”

“กวนอะไรที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร”

“พี่ตะวัน”

เผลอเรียกชื่อของเขาออกไปเสียงดังด้วยความหงุดหงิด ใช่เธอหงุดหงิดเพราะเพื่อนๆของเธอที่เฝ้าตอแยอยากจะให้เธอเข้าร่วมแข่งขันทักษะวิชาการโดยที่รู้ทั้งรู้ว่าเธอไม่มีทางที่จะได้รับรางวัลเพราะเขา ยิ่งตะวันเข้ามาพูดจากวนใจเธอยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดเข้าไปอีก เธอโทษเขาเต็มๆว่าเป็นสาเหตุทำให้เธอทำการบ้านไม่ได้คิดอะไรไม่ออกในตอนนี้

“พี่ทำอะไรให้โกรธหรือคะ”

แทนที่เขาจะโกรธเธอที่เผลอขึ้นเสียงเข้าใส่กลับกลายเป็นว่าตะวันเอ่ยถามเธอออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มลึกที่ชวนให้เธอใจอ่อนและรู้สึกผิดขึ้นมาที่ทำตัวไม่น่ารักใส่รุ่นพี่ทั้งๆที่เขาเองแค่ชวนเธอคุยดีๆไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร

“เปล่าค่ะ ขอโทษนะคะที่ฝันเสียมารยาท”

“ทอฝัน ทินราช”

“???”

ทอฝันเชื่อว่าใบหน้าของเธอคงมีเครื่องหมายคำถามอยู่มากมายเมื่อมองไปยังเขา เรื่องที่เขาจะรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเธอมันไม่แปลกหรอกเพราะเธอเองก็รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขาดี ก็เพราะโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมายเป็นเพียงโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอธรรมดาๆโรงเรียนหนึ่งซึ่งมีจำนวนนักเรียนอยู่ในหลักพันต้นๆแต่เขาเรียกชื่อเธอทำไมเต็มยศขนาดนั้นนั่นต่างหากที่เธอประหลาดใจ

“ชื่อทอฝันใช่ไหม แล้วทำไมยอมทิ้งฝันของตัวเองเสียละคะ”

“พี่ตะวันพูดอะไรฝันไม่เข้าใจ”

เอาล่ะในเมื่อเขาอยากจะมานั่งชวนเธอคุยในเรื่องที่เธอกำลังงุนงงพอๆกับโจทย์การบ้านวิชาฟิสิกส์ตรงหน้า ทอฝันเลยวางปากกาในมือลงเอ่ยถามเขาออกไป แต่ถ้าเขายังทำให้เธองงและงงไปกว่าเดิมอีกละก็มีเรื่องแน่ๆ แววตาดื้อรั้นมองส่งไปให้เขาทันทีทำให้ตะวันรีบบอกเธอขึ้น

“นี่อย่าทำหน้าบึ้งแบบนั้นใส่พี่สิคะ”

“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดหวานๆใส่ฝันเลยนะ ตกลงพี่ตะวันมีเรื่องอะไรจะคุยก็พูดมาเสียตรงๆเลยดีกว่า”

“แบบนี้ค่อยเป็นทอฝันคนเดิมหน่อย”

“เรารู้จักกันด้วยหรือคะ”

ทอฝันย้อนถามกลับไปแต่แทนที่ตะวันจะโกรธที่เธอเสียมารยาทกับเขาอีกแล้ว กลับเปล่าเลยตะวันเพียงยิ้มและมองเธอขณะส่ายหน้าเบาๆเป็นการยอมรับว่าเขาเองก็ไม่ได้รู้จักเธอสนิทสนมกับเธอมากพอที่เขาจะมานั่งวิเคราะห์ได้ว่าเธอเป็นคนเช่นไร

“จริงอยู่เราไม่ได้รู้จักกัน ไม่เคยพูดกันมาก่อนตลอดเวลาที่เจอหน้ากัน แต่เราก็ไม่ได้ไม่รู้จักกันเสียทีเดียวนี่ แล้วจากที่พี่สังเกตทอฝันก็ไม่ใช่คนที่จะยอมทิ้งความฝันของตัวเองไปง่ายๆ”

“พี่ตะวันย้ำเรื่องทิ้งความฝันมาสองครั้งแล้วนะคะพี่อยากจะบอกอะไรกับฝันกันแน่”

“ไปสมัครเข้าร่วมแข่งขันทักษะวิชาการนะคะ”

“ฝันเนี่ยนะ ฮึ...ไม่เอาหรอก”

“กลัวอะไรพี่นักหนา”

คำถามจากตะวันทำให้ทอฝันก้มหน้าหลบสายตาที่มองจ้องเขม็งของเขา ทอฝันรู้ตัวว่าออกจะเป็นเหตุผลที่ไม่เข้าท่าที่เธอไม่ยอมสมัครเข้าร่วมแข่งขันทักษะวิชาการทางด้านภาษาไทยซึ่งเธอถนัดและชื่นชอบมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เหตุผลเธอมีเธอรู้ดีอยู่แก่ใจตัวเอง

เพราะไม่อยากจะลงแข่งขันเวทีเดียวกันกับเขา...ใช่เขาต้องมาเป็นที่หนึ่งและพี่มอหกสายศิลป์คนอื่นก็รอมาเป็นที่สองที่สามตามลำดับซึ่งเธอที่เป็นรุ่นน้องแถมยังเรียนสายวิทย์-คณิตจะไปสู้อะไรได้

“ฝันไม่อยากจะเสียเวลากับมันแข่งขันไปฝันก็ไม่ติดอันดับได้รับรางวัลกับเค้าหรอก สู้ฝันเอาเวลามานั่งทบทวนเนื้อหาวิชาที่ฝันเรียนไม่ดีกว่าหรือคะ”

“แบบนี้ก็ไม่แน่จริงสิ”

ดูถูกกันชัดๆ ใครว่าเธอไม่แน่จริงเธอเพียงแค่ไม่อยากจะเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องต่างหาก

ใช่...ทอฝันคิดหาคำแก้ตัวให้กับตัวเองเพราะความจริงแล้วที่เขาพูดถูกต้องที่สุดแต่เธอไม่ยอมรับให้เสียชื่อ(อันน้อยนิด)ของเธอหรอก

...เขาจะคิดยังไงก็เชิญเลย…

“ก็แล้วแต่พี่ตะวันจะคิดก็แล้วกัน แต่ยังไงฝันก็ไม่ร่วมเข้าแข่งขันแน่ๆ”

“เพราะว่าพี่เป็นตัวเต็งที่ฝันไม่อยากจะลงสนามแข่งด้วยเพราะกลัวแพ้งั้นสินะ”

ทำไมเขาต้องทำเสียงคล้ายกับไม่พอใจเธอขนาดนั้นด้วยล่ะ ในเมื่อสิ่งที่เขาพูดออกมามันก็ถูกต้องแล้ว

“ก็จริงๆนี่คะ”

“งั้นพี่จะไปถอนตัวไม่ลงแข่งขัน ฝันจะได้เข้าร่วมแข่งขันดีไหม”

“ไม่ได้นะคะ ถ้าพี่ตะวันไม่เข้าแข่งขันแล้วใครจะเป็นตัวแทนของโรงเรียนของเราไปแข่งขันระดับจังหวัดละคะ พี่ตะวันเป็นคนสำคัญของโรงเรียนนะคะ”

รีบบอกออกไปด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากเขา หากตะวันถอนตัวไปจริงๆคนที่จะไปแข่งขันกับโรงเรียนอื่นๆในจังหวัดก็คงไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะคว้ารางวัลมาให้กับโรงเรียนได้หรอก

“ถ้าการที่พี่เป็นคนสำคัญของโรงเรียนแล้วทำให้ฝันกดตัวเองลงต่ำแบบนี้พี่ก็ไม่อยากจะเป็นหรอกนะ พี่ขอคำตอบเย็นนี้ว่าฝันจะไปสมัครแข่งขันลงเวทีเดียวกันกับพี่ แต่ถ้าไม่ละก็...สมุดการบ้านนี่ก็อย่าหวังว่าพี่จะคืนให้ก่อนคาบเรียนวิชาฟิสิกส์วันจันทร์นี้”

ทอฝันมองสมุดการบ้านวิชาฟิสิกส์ที่ตนทำไปได้ยังไม่ถึงครึ่งของจำนวนการบ้านที่อาจารย์ให้มาด้วยความตะหนก นายตะวันคนที่เธอเคยเจอเคยมองว่าเป็นคนนิ่งๆไม่ค่อยพูดค่อยจาเป็นบ้าอะไรของเขานะ

“หลังเลิกเรียนเย็นนี้พี่จะมาเอาคำตอบนะคะ”

ตะวันลุกจากม้าหินอ่อนตัวตรงกันข้ามกับเธอเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม ยิ้มให้ใครงั้นหรือทอฝันมองไปรอบๆโต๊ะหินอ่อนที่วางเรียงรายอยู่ด้วยความหงุดหงิด เพราะทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องต่างก็ยิ้มให้กับเขานายตะวัน ศตคุณ รุ่นพี่ซึ่งมีความสามารถทางด้านภาษาไทยและเป็นที่รักของครูบาอาจารย์กันทั้งนั้น เว้นแต่เธอในตอนนี้ที่หงุดหงิดขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อโดนฉกสมุดการบ้านไป

ตะวันมองหญิงสาวรุ่นน้องซึ่งนั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ที่ม้าหินอ่อนของลานนั่งเล่นหน้าอาคารเรียนด้วยรอยยิ้ม อยากจะรู้นักว่าเมื่อเขาเดินลงไปหาเธอๆจะมองเขาด้วยใบหน้าบึ้งตึงอย่างที่เห็นหรือมันจะยิ่งบึ้งตึงมากกว่าเดิม

“ยิ้มอะไรของแกตะวัน”

พิชญ์เดินออกมาจากห้องเรียนพลางถามเพื่อนขึ้นเมื่อเห็นตะวันมองไปยังด้านล่างด้วยรอยยิ้มเมื่อมองตามลงไปก็พบว่าสายตาของตะวันที่กำลังมองนั้นมีจุดหมายอยู่ที่ทอฝันรุ่นน้องที่เขาเองรู้จักสนิทสนมดีเลยตบไหล่เพื่อนจนทำให้ตะวันซึ่งไม่ทันตั้งตัวเซไปเลยทีเดียว

“มาตบไหล่ฉันทำไมวะ”

“สนใจน้องเค้าเหรอ มองพลางยิ้มกริ่มเชียวนะแก”

“สนใจทอฝันเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ ก็เห็นเอาแต่มองทอฝันแล้วยิ้มเอาๆถ้าไม่ให้คิดว่าแกชอบทอฝันแล้วจะให้คิดว่ายังไงฮะไอ้เพื่อนรัก”

“ฉันจะไปชอบอะไรทอฝันได้ อนาคตตัวเองยังไม่รู้เลยว่าจะเดินไปทางไหน”

รอยยิ้มที่เคยมีเกลื่อนใบหน้าของตะวันจางหายไปจากใบหน้าและดวงตาของเขาเมื่อเอ่ยบอกกับเพื่อนออกไป ทำให้พิชญ์อยากจะตบปากตัวเองยิ่งนักที่ทำให้ตะวันรู้สึกแย่กับคำพูดของตนขึ้นมา

ในความสดใสของตะวันมีเพียงไม่กี่คนนักหรอกที่จะรู้ว่าความรู้สึกของเขามันไม่ได้สดใสสวยงามอย่างที่เห็น มันออกจะข่มขื่นและปวดร้าวกับสิ่งที่เขาได้สูญเสียไปและพิชญ์ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนเหล่านั้นที่ตะวันเล่าถึงความหลังเมื่อตอนที่เขายังไม่ได้มาเรียนที่นี่ให้รับรู้

อดีตที่มากไปด้วยความเจ็บปวดกับการสูญเสียพ่อแม่ผู้เป็นที่รัก จนทำให้เขาต้องย้ายจากถิ่นฐานบ้านเกิดทางภาคเหนือมาอาศัยพึ่งใบบุญน้าสาวซึ่งเป็นญาติเพียงคนเดียวที่ยังมีเหลืออยู่ยังจังหวัดแห่งนี้

จากฐานะที่เคยพออยู่ได้สบายๆเขากลับไม่เหลืออะไรอีกเมื่อจำเป็นต้องขายทั้งบ้านและที่ดินอันน้อยนิดทิ้งไปเพราะไม่สามารถกลับไปดูแลได้ยามเมื่อต้องย้ายมาอาศัยอยู่กับน้าสาว ตอนนี้ชีวิตของตะวันเหมือนไม่มีอะไรเหลืออีกแล้วนอกจากเงินเก็บอันน้อยนิดที่ยังจำเป็นต้องใช้ในการศึกษาหาความรู้

“ฉันขอโทษนะที่ทำให้นายคิดมากอีกแล้ว”

“ฉันไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้แหละต้องดิ้นรนต่อสู้กันไป แต่ทอฝันนี่สิทำไมนะคนที่ไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆกลับคิดที่จะยอมแพ้ขึ้นมาฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ”

“มีอะไรงั้นหรือ”

“ก็ยัยดื้อทอฝันน่ะสิไม่ยอมที่จะเข้าร่วมแข่งขันทักษะวิชาการเวทีเดียวกันกับเรา”

“ก็ไม่เห็นจะแปลกอะไรนี่ ทอฝันอาจจะเป็นตัวแทนลงแข่งขันทักษะวิชาการทางด้านสายวิทย์ไปแล้วเลยไม่อยากจะมาแข่งขันทางด้านสายศิลป์อีก คงอยากจะทุ่มเทเวลาฝึกซ้อมให้เต็มที่เลยไม่อยากจะเข้าแข่งขันหลายรายการก็ได้”

“ไม่ใช่หรอกตามที่ฉันรู้ทอฝันไม่ได้สมัครแข่งขันอะไรเลย”
“แล้วทำไมนายต้องโกรธยัยทอฝันขนาดนี้ด้วยล่ะ”

พิชญ์ถามออกไปเมื่อจับน้ำเสียงเพื่อนได้ว่าไม่พอใจนักที่ทอฝันไม่ยอมเข้าร่วมแข่งขันทักษะวิชาการเวทีเดียวกันกับเขา ซึ่งพิชญ์ไม่คิดว่าจะแปลกอะไรตรงไหนที่ทอฝันจะทำเช่นนั้น

“ฉันไม่ได้โกรธสักหน่อย”

“ไม่จริงมั้ง”

ก็ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของตะวันมันออกจะฟ้องว่าเขาโกรธไม่พอใจทอฝันชัดเสียขนาดนั้นแล้วตนจะเชื่อได้ยังไงว่าตะวันไม่ได้โกรธทอฝัน

“บอกว่าไม่ก็ไม่สิ ฉันขอตัวก่อนนะวันนี้คงไม่กลับบ้านพร้อมกับพวกนาย ยังไงก็บอกต้นมันด้วยก็แล้วกันวันนี้ฉันมีนัด”

“กับยัยทอฝันเนี่ยนะ”

ตะวันไม่ตอบคำถามพิชญ์แต่รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขาก่อนที่จะโบกมือลาเพื่อนแล้วก้าวลงบันไดหน้าห้องเรียนไปโดยที่พิชญ์ยังมองด้วยความงงงวยกับท่าทีของเพื่อนที่มี ตกลงชอบหรือไม่ชอบกันแน่ไอ้เพื่อนรัก






อัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มี.ค. 2556, 16:30:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มี.ค. 2556, 16:30:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1129





   ตอนที่ 2 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account