นางบำเรอตีทะเบียน By อัญจรี น้ำจันทร์
คำโปรยหน้า

บุพเพฤาชะตา ที่นำพามาพบเจอ

หน้าที่เมียบำเรอ เขาให้เธอจำขึ้นใจ

ฉากหน้าแสนโสภา ภรรยานิตินัย

ฉากหลังนั่งร้องไห้...นางบำเรอตีทะเบียน



คำโปรยหลัง

เมื่อความรักที่มีไม่ได้รับความเห็นชอบจากมารดาที่รัก

วาโย จึงต้องหาใครสักคนมาแก้แค้นผู้เป็นมารดาให้สมกับที่ท่านกีดกันเขาและสาวคนรักออกจากกัน

ละอองดาว คือผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุดในเวลานั้น เพราะหล่อนไม่ใช่ไฮโซ ไม่ใช่ลูกผู้ลาภมากดี

หล่อนเป็นเพียงแค่ โสเภณี ที่เขาบังเอิญถูกชะตา

วาโยไม่รอช้าจดทะเบียนตีตรากับหล่อนเพื่อประชดมารดาในทันที

โดยหารู้ไม่ว่าแม่โสเภณีที่เขาซื้อมาหล่อนยังไร้ ราคี!



สามปีให้หลังเมื่อสัญญานางบำเรอสิ้นสุดลง ละอองดาวดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธะสัญญาที่ไร้รัก

แต่ทว่าสามีผู้หลงใหลในเรือนร่างคุณภรรยา กลับไม่ยอมหย่าให้!



เวลาต่อมา

เมื่อสตรีที่วาโยรักนักรักหนากำลังจะดับดิ้นสิ้นลมหายใจ เขาจึงอยากจะได้ใบหย่าไปให้สาวเจ้าชื่นชม

แต่ทว่า ตอนที่เธออยากหย่าเขาไม่ยอมหย่าให้ ตอนนี้ก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะได้มันไป เช่นกัน!

ความเจ็บปวดใดๆ ที่สามีเคยทำไว้กับภรรยา นาทีนี้ก็เตรียมตัวรับความเจ็บปวดเช่นนั้นกลับไป สองเท่าตัว!




ชื่อเดิม โสเภณีตีทะเบียน -> คมทันฑ์สิเน่หา -> มาจบที่ นางบำเรอตีทะเบียน ค่า
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามมิให้ผู้ใดทำซ้ำหรือดัดแปลงแก้ไข ใครอุบอิบเอาของเขาขอให้แฟนทิ้งแฟนมีหญิงใหม่ สาธุ ^/\^

เตรียมใจตั้งแต่เนิ่นๆ นิยายอัพถึงบทที่ 15 นะคะ อาจจะแถมให้ถึง 16 ถ้าคนอ่านช่วยกระหน่ำไลค์ แต่เรื่องอัพจบคงไม่อัพจบค่าเพราะนิยายเรื่องนี้อัพมาหลายรอบแล้ว แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ยังให้กำลังใจกันด้วยดี ป,ล ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยจร้า นักเขียนตัวน้อยยังด้อยประสพการณ์ ^/\^
Tags: ตีพิมพ์สำนักพิมพ์ธราธร

ตอน: บทที่ 7 ศัตรูตัวจริง 100%


วาโยอ้อมมาเปิดประตูให้มารดาท่านงัวเงียจนแทบหลงลืมว่ามานั่งอยู่ในรถตอนไหน ละอองดาวค่อยๆ ลงจากรถที่จอดสนิทที่หน้าตึกเช่นกัน หล่อนยังหิวตงิดๆ เลยขอเดินขึ้นตึกไปก่อนไม่รอสองแม่ลูกที่กำลังถกเถียงกันด้วยซ้ำ
“เห็นไหมตาโยเมียแกเดินขึ้นบ้านไปโน่นแล้ว รีบไปตามสิยะ ฉันไม่ได้แก่จนหลงนะจะได้จำทางขึ้นห้องตัวเองไม่ได้”
นางวิภาสวดบุตรชายที่ยืนยันว่าจะเดินไปส่งนางถึงห้อง นางอยากให้เขาไปดูละอองดาวมากกว่า เจ้าหล่อนไม่ได้เดินกลับที่เรือนไม้หอมแต่กลับเดินขึ้นตึกแสดงว่าถ้าไม่เหนื่อยจนเดินกลับเรือนตัวเองไม่ไหวก็คงจะหิวนั่นล่ะ คนกำลังท้องกำลังไส้กินไม่เป็นเวลาหรอกนางรู้ดี
วาโยไม่ฟังเสียงบ่นของมารดา เขาประคองท่านไปส่งถึงห้องนอน เมื่อส่งท่านเข้านอนเรียบร้อยจึงได้กลับลงมาเพื่อแลหาร่างละอองดาว เขาเดินหาที่ห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น และสุดท้ายห้องครัว และน่ายินดีที่เขาเจอหล่อนนั่งอยู่ในห้องนี้ ตรงหน้าหล่อนมีจานขนมเค้กที่ถูกตัดแบ่งเว้าแหว่งไปเกือบครึ่ง สงสัยละอองดาวจะเป็นเอามากปกติหล่อนเคยรับประทานของพวกนี้ที่ไหน คุณเธอรักษารูปทรงองค์เอวจะตายไป
“ฉันตาฝาดหรือเปล่าที่เห็นเธอกินเจ้านั่น” เขาเหล่ตามองขนมเค้กหน้าตาน่ารับประทาน ละอองดาวยิ้มเผล่ก่อนจะตอบอย่างเขินๆ ว่า
“ชัดเจนค่ะตาไม่ฝาด ดาวหิวค่ะ”
วาโยอมยิ้มเล็กน้อย เวลาหล่อนไม่โต้เถียงคอเป็นเอ็นหล่อนก็น่ารักน่าใคร่เสมอเขารู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร
“อร่อยไหม เจ้า...เค้กนี่?” เขาชี้มือลงที่ก้อนเค้กตรงหน้าหล่อน
ละอองดาวพยักหน้ายิ้มๆ วาโยเดินเข้าไปใกล้แล้วนั่งลงเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ หล่อน นั่งมองจนละอองดาวเริ่มอิ่มจึงได้เลื่อนมือไปเช็ดคราบวิปครีมที่ติดอยู่มุมปากให้
“ไม่มีความเป็นกุลสตรีเลย เลอะเทอะไปหมด” เขาว่าแล้วหยิบกระดาษเช็ดปากมาเช็ดให้หล่อนอีกรอบ และริมฝีปากนุ่มๆ ที่เรียวนิ้วแตะไปโดน มันก็ช่างนุ่มเต่งตึงน่าจูบเสียนี่กระไร
“เธอกินอิ่มหรือยังดาว”
ละอองดาวหน้าแดงซ่านเมื่อรู้ว่าวาโยต้องการสิ่งใด
“ยังค่ะ คุณโยขึ้นนอนเลยค่ะ ดาวกลับเองได้เรือนไม้หอมอยู่ใกล้แค่นี้เอง”
หญิงสาวนั่งเขี่ยขนมเค้กอยู่อย่างนั้นไม่แยแสว่าชายหนุ่มผู้เป็นสามีจะมองมาด้วยสายตาเร่าร้อนปานใด เธอยังละเลียดขนมรสหวานละมุนคำแล้วคำเล่าอย่างใจเย็น
“เลิกแกล้งฉันด้วยการทำเป็นว่าขนมนั่นมันอร่อยจนวางไม่ลงเสียที ฉันไม่อยากบังคับเมียขึ้นห้อง”
เขาแจ้งความประสงค์ด้วยเสียงทุ้มต่ำอย่างต้องการระงับอารมณ์บางอย่างที่พุ่งขึ้นมาจากใจกลางร่าง ปลายลิ้นสีชมพูเล็กๆ ของหล่อนแลบไล้เลียครีมเค้กที่มุมปากเหมือนกำลังเชิญชวนเขาทางอ้อม หล่อนยั่วเขาโดยไม่รู้ตัว
สามีหนุ่มไม่รอช้าลุกไปช้อนร่างแม่ภรรยาขึ้นสู่วงแขนแกร่งท่ามกลางเสียงหวีดร้องน้อยๆ เพราะความตกใจของหล่อน ละอองดาวใช้สองแขนเรียวเกี่ยวรอบลำคอสามีไว้แน่น เธอไม่อยากคิดสภาพตอนตกลงไปบนพื้นหรอกว่ามันจะน่าดูชมสักเพียงไร
“ดาวจะกลับเรือนไม้หอม” ละอองดาวบอกเมื่อเขาอุ้มเธอพาเดินขึ้นชั้นบน
“ดึกแล้วนอนด้วยกันบนตึกนี่ล่ะ” เขาสั่งเสียงนุ่มลึกไม่แสดงอารมณ์ ละอองดาวไม่คัดค้านหล่อนรู้ดีว่าไม่มีทางรอดพ้นเงื้อมมือจอมอสูรเช่นเขาไปได้หากเขาปรารถนาในตัวเธอ และต่อให้เขาไม่บังคับเธอก็อยากหลับใหลแล้วตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของสามีคนนี้อยู่ดี
วาโยเปิดประตูห้องนอนด้วยมือที่ช้อนใต้แผ่นหลังของภรรยาสาว เขาผลักมันเข้าไปด้านในเบาๆ แล้วปิดลงเบาๆ เช่นกัน แน่นอนว่าไม่ลืมลงกลอนให้เรียบร้อย
ที่นอนขนาดใหญ่รองรับแผ่นหลังบางของละอองดาวได้อย่างนุ่มนวล คราวนี้วาโยมิได้กระทำรุนแรงต่อร่างในอ้อมแขน เพราะสำนึกอยู่เสมอว่าเจ้าหล่อนเพิ่งสร่างไข้แต่จะให้ละเลยไม่แตะต้องหล่อนคงเป็นไปไม่ได้ เดือนที่แล้วเขาขลุกอยู่ที่บ้านของวีนุตตราเกือบตลอดเวลา มันทำให้เขาห่างหายจากบ่วงสวาทจนแทบอับเฉา แต่เชื่อหรือไม่เพียงแค่ได้เห็นหน้าละอองดาวบางอย่างที่มันอับเฉาก็พลันสดชื่นเพียงข้ามวัน
มือหนาเริ่มต้นด้วยการปลดเปลื้องอาภรณ์ที่ขวางกั้น เขาโยนมันทิ้งไปไม่แยแส ชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลที่ละอองดาวสวมอยู่ มันช่างน่ารักเสียจริงเพราะข้างในนั้นหล่อนไม่ได้สวมชุดชั้นในเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
“ฉันต้องการเธอ” เสียงกระซิบแหบพร่าดังขึ้นชิดริมกกหู สองมือของวาโยลากไล้ไปทั่วสรรพางค์นวลผ่อง ละอองดาวขนลุกชันประหนึ่งว่าผิวกายต้องลมหนาวทั้งยังหอบสะท้านประหนึ่งไปวิ่งวนรอบเขาวงกตมาสักพันรอบ
“คุณโยขา...ดาว...”
วาโยไม่ปล่อยให้เสียงครวญครางทำร้ายร่างกายเขาไปมากกว่านี้ เมื่อเสียงครวญจากละอองดาวดังขึ้นแสดงว่าความต้องการของหล่อนก็พร้อมแล้วเหมือนกัน แต่ยังก่อน เขาจะไม่ผลีผลามเห็นแก่ตัว เขาจะไปช้าๆ ไปพร้อมๆ กับหล่อนให้สมกับความต้องการที่ทรมานสุดพรรณนาครานี้

แสงเดือนสาดส่องเข้ามาทางช่องหน้าต่างผ่านกระจกบานใส วาโยพิจารณาร่างที่เขากำลังกกกอดตาไม่กะพริบ ผิวเนื้อนวลเนียนไร้อาภรณ์หุ้มห่อของละอองดาวช่างนุ่มหยุ่นหอมกรุ่นสูดดมเท่าไหร่ก็ไม่มีเหม็นเบื่อ ยิ่งพวงแก้มอมชมพูระเรื่อนั้นคงเป็นสีเข้มจัดในตอนที่เขาส่งหล่อนขึ้นสู่วิมานฉิมพลี
ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มที่มุมปากชั่วครู่ก่อนจะเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึมเช่นเดิม สมองอันชาญฉลาดของนักธุรกิจมาดเข้มกำลังวาดภาพละอองดาวเอียงแก้มบางใสของเจ้าหล่อนให้ชายอื่นที่ไม่ใช่เขาเชยชม และเพียงแค่จินตนาการเท่านั้น ความโกรธอันแรงฤทธิ์ก็คุกรุ่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ มันตรงดิ่งมาพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เจ้าของใจหายวาบ เขากำลังหึงหวงละอองดาว
“ทำไมฉันรู้สึก หวง เธอเหลือเกินนะ ละอองดาว ทำไม?”
เมื่อหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้วาโยก็ค่อยๆ โอบกระชับร่างน้อยเข้าหาตัว กกกอดหล่อนไว้ในอ้อมแขนอย่างแหนหวง เขาทำไปเพราะใจปรารถนาให้เป็นเช่นนั้น และทำไปเพราะคิดว่าคนที่หลับอยู่ในอ้อมแขนกำลังเข้าสู่นิทรารมย์อันแสนสุข หารู้ไม่ว่าละอองดาวมิได้หลับแต่อย่างใด
รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏที่มุมปากของภรรยาช่วยแต่งแต้มใบหน้างามพริ้งเพราให้สุขสดใสเพียงข้ามคืน อ้อมแขนสามีหนุ่มช่างอุ่นกายเหลือคณานับทว่าไม่อาจดับความหนาวเหน็บที่อยู่ในใจได้ แต่ไม่เป็นไรเธอยังทนไหว แค่เพียงให้วันพรุ่งนี้ได้ลืมตาตื่นในอ้อมแขนแสนอุ่นของสายลมแสนเย็นชาที่ชื่อ... วาโย ก็เพียงพอ...

เสียงฟันแข็งๆ กัดกันดังกรอดๆ ประหนึ่งว่าเจ้าตัวไปโกรธใครมาสักสิบชาติทำเอาคนที่กำลังพิจารณาสัญญาซื้อขายต้องหน้านิ่วคิ้วขมวด มันจะน่ารำคาญไหมล่ะในเมื่อเขากำลังตั้งใจทำงานแต่ว่าคุณแม่บ้านพยายามแต่จะกวนประสาทอยู่ร่ำไป
“เธอปวดฟันหรือกวาง” เสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยถามอย่างห่วงใย เจ้าหล่อนกัดฟันกรอดๆ ขณะถูพื้นในห้องไปด้วย
“เปล่าปวดฟัน...ฉันปวดขา” คุณแม่บ้านคนสวยร้องบอก สองมือยังมั่นคงอยู่กับไม้ม็อบที่ใช้ทำความสะอาดพื้นห้อง ใจคอเขาจะให้เธอถูจนกระเบื้องสีนวลมันหลุดติดไม้ม็อบขึ้นมาหรืออย่างไร
“ปวดขา? ทำไงดีล่ะกวาง หึๆ” เสียงทุ้มอ่อนโยเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเย้ยหยันเล็กน้อย มันมาพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคออย่างเจ้าเล่ห์
“ก็ไม่ทำไงหรอกค่ะบอส แค่ได้เตะบอสสักทีคงจะหายเมื่อยไปหลายปี”
เสียงยียวนตอบกลับอย่างไม่นึกเกรงกลัว หล่อนยังตั้งหน้าตั้งตาถูพื้นต่อไปแม้ว่าคนที่เธอเรียกว่าบอสจะถลึงตาใส่ด้วยความเคืองโกรธก็ตาม
“กวาง” เขาเรียก
“ขา...บอส บอสมีอะไรจะให้อิฉันรับใช้คะ” สิมันตรารับคำประชดประชันเล็กน้อย ชุดพนักงานออฟฟิศมันไม่เหมาะสำหรับการถูพื้นเลยให้ตายสิ วันนี้เธอดันสวมกระโปรงมาซะด้วยนี่ถ้าเมื่อเช้าหน้าปากซอยน้ำไม่ท่วมล่ะก็เธอจะไม่ใส่กระโปรงมาทำงานที่นี่เด็ดขาด!
“เลิกประชดฉันซะทีแล้วไปหาข้าวมากินทีเร็วเข้า วันนี้เธอยังไม่ได้เตือนฉันเลยนะเรื่องนัดตอนค่ำน่ะ”
บอสหนุ่มเป็นฝ่ายเตือนคุณแม่บ้านเพราะคุณแม่บ้านเอาแต่ถูพื้นไม่สนใจงานอื่นเลย
“นัด? นัดอะไร?”
สิมันตรายืนงงชั่วครู่ มือข้างหนึ่งยกขึ้นปาดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบริเวณโคนผมตรงหน้าผาก สงสัยว่าเธอจะลืมนัดที่ว่านั่นเสียแล้ว
“วันนี้ฉันจะไปดินเนอร์บนเรือสำราญกับ คุณติ๋ว อย่าบอกนะว่าเธอลืมนัดหล่อนให้ฉัน” ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งขึ้นทันตา ดูท่าว่าคุณแม่บ้านจะลืมนัดสำคัญของเขาเสียแล้วกระมัง
“อ่า...แหะๆ ขอโทษค่ะบอส ฉัน...ลืม แหะๆ” แม่บ้านสาวหัวเราะแก้เก้อเธอลืมจริงๆ นั่นล่ะ แต่ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจนี่นา
ดวงตาสุกใสของแม่บ้านสาวฉายชัดแววสำนึกผิดจนกุมภัณฑ์ไม่อาจใจร้ายถือโทษโกรธเคือง ได้แต่ปลงกับความขี้ลืมเล็กๆ น้อยๆ ของหล่อน
“ไปหาข้าวมากินทีเถอะ นี่มันจะบ่ายโมงแล้วเธอไม่หิวหรือไง?”
สิมันตรามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะให้เธอบอกอย่างไรดีล่ะ ก็แบบว่าพี่ๆ ที่ชั้นข้างล่างเขาชวนเธอไปกินข้าวเหนียวส้มตำตั้งแต่ตอนสิบเอ็ดโมงแล้วนี่นา ก็ตอนนั้นเขาไม่อยู่ไปพบลูกค้าข้างนอกเธอก็เลย...
“มัวยืนทำอะไร? ฉันจะกินข้าว!”
กวางน้อยสะดุ้งโหยงเมื่อยักษ์ใหญ่กุมภัณฑ์ตวาดเสียงกร้าว หล่อนรีบทิ้งไม้ม็อบในมือแล้ววิ่งลงไปชั้นล่างเพื่ออุ่นอาหารในตู้เย็นซึ่งป้าเจรียงใส่ปิ่นโตมาให้ตั้งแต่เมื่อเช้า
สิบนาทีต่อมา
เสียงครวญครางของกระเพาะใหญ่ช่างทรมานเจ้าของสิ้นดี กุมภัณฑ์ไม่อาจหลีกหนีความหิวไปได้ ตอนนี้เขามีงานสุมหัวมากเกินกว่าจะได้ปลีกตัวออกไปหาอะไรรับประทานข้างนอกเลยจำต้องรอคอยแม่กวางน้อยเอาอาหารเข้ามาเสิร์ฟ นาทีนี้เขาเริ่มเข้าใจคำว่าโมโหหิวแล้วล่ะว่ามันรุนแรงแค่ไหน เขาฆ่าสิมันตราได้เลยถ้าหล่อนไม่สามารถหาอาหารเที่ยงมาให้เขารับประทานได้
“มาแล้วค่า กำลังร้อนๆ เลย” สิมันตราประคองถาดสำรับกับข้าวเข้ามา พร้อมส่งเสียงร้องบอกเจ้าของห้องมันฟังแล้วอู้อี้ชอบกลแต่กุมภัณฑ์ไม่ทันได้ใส่ใจ พอหล่อนวางสำรับลงบนโต๊ะที่จัดไว้เขาก็ลุกจากโต๊ะทำงานเพื่อมาจัดการกับมื้อเที่ยงทันที
“เธอไม่กินหรือกวาง” เขาถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากปลากะพงทอดราดน้ำปลาจานโปรดที่ป้าเจรียงทำได้รสชาติกลมกล่อมมากๆ แถมปลาที่ทอดยังกรอบนุ่มอยู่เลย สงสัยเมื่อเช้ายัยกวางจะไม่ได้เอาปลาทอดเข้าตู้เย็นพร้อมกับกับข้าวอย่างอื่น ไม่อย่างนั้นเนื้อปลาคงไม่กรอบขนาดนี้
“เออ...กวาง ฉะ...ฉันทานแล้วค่ะ ตอนคุณออกไปข้างนอกฉันลงไปหาอะไรกินที่ร้านข้างๆ บริษัทแล้วค่ะ”
กวางสาวตอบยักษ์ใหญ่ผู้เป็นนายก่อนจะหันหลังไปเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดแล้วพามันลงไปไว้ในห้องเก็บของซึ่งอยู่ติดกับบันไดดาดฟ้า
ระหว่างที่ปิดประตูห้องเก็บของ หญิงสาวก็เบะปากให้กับฝ่ามือทั้งสองข้างเป็นระยะก่อนจะปล่อยเสียงสะอื้นออกมาเมื่อแลเห็นผิวเนื้อบางส่วนเริ่มพุพองและบวมใสขึ้นมาเป็นลูกกลมๆ
“ทำไมฉันถึงได้โชคร้ายอย่างนี้เนี่ย ฮือๆๆ”
แม่บ้านสาวร้องไห้คร่ำครวญอยู่หน้าห้องเก็บของซึ่งไร้ผู้คนเพ่นพ่าน หล่อนนั่งจุมปุกอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งแน่ใจว่าผู้เป็นนายรับประทานอาหารเสร็จแล้วจึงได้ปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้นเดินกลับขึ้นไปชั้นบน
กุมภัณฑ์ผิดสังเกตเล็กน้อยที่ไม่เห็นร่างของสิมันตราวนเวียนอยู่ใกล้ๆ แต่พอจะยกโทรศัพท์มาต่อสายหา เจ้าหล่อนก็โผล่หน้าเข้ามาพอดี
“เก็บสำรับเลยกวาง ฉันอิ่มแล้ว” เขาสั่งเสียงเรียบแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะลุกไปนั่งยังโต๊ะทำงานที่มีเอกสารรออนุมัติอีกบานตะไท
ร่างอรชรทำตามอย่างว่าง่ายหล่อนพยายามยกจานชามขึ้นวางบนถาดใบเดิม แต่ว่าคราวนี้มันยากยิ่งกว่าตอนยกเข้ามาเป็นสองเท่า นั่นเพราะฝ่ามือที่ถูกความร้อนของชามแกงลวกเอามันพุพองจนเริ่มเจ็บแสบ หยิบจับอะไรเลยเป็นอุปสรรคอย่างล้นเหลือ
เพล้ง!!!
จานกระเบื้องเนื้อดีแตกเกลื่อนอยู่บนพื้นเงาวับ สิมันตราหน้าเสีย หล่อนจะแก้ต่างอย่างไรดี มาทำงานยังไม่ถึงอาทิตย์แต่ดันทำจานแตกไปหกใบแล้ว อ้อ...เจ็ดใบนี้ล่ะ
“...ขอโทษค่ะบอส” หญิงสาวยกมือไว้น้อยๆ พยายามซ่อนความเจ็บปวดของฝ่ามือไว้ใต้สีหน้าจืดเจื่อนนั้น หล่อนจะไม่บอกเขาหรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับฝ่ามือบางๆ ตอนยกชามแกงเลียงออกจากไมโครเวฟ มันร้อนจัดตอนที่เธอทะเล่อทะล่าเอื้อมมือไปยกมันออกมา แต่จะให้ปล่อยร่วงลงพื้นก็คงได้เท้าพุพองเป็นของแถมมิหนำซ้ำอาจถูกยักษ์ใหญ่จับกินแทนกับข้าวที่หกไป เลยต้องจำใจกัดฟันพาชามร้อนๆ ไปวางบนโต๊ะได้สำเร็จ ส่วนผลของมันนั้นหรือก็คือมือพองๆ นี่ยังไง คิดแล้วก็อยากจะร้องไห้ โฮๆๆๆ ป้าเจรียงจ๋าช่วยหนูกวางด้วย....
“ซุ่มซ่ามจริงๆ แค่เก็บจานชามแค่นี้ก็ไม่มีปัญญาแล้วชาตินี้จะไปทำอะไรฮะกวาง”
ชายหนุ่มประชดประชันแต่ไม่ได้นึกให้เป็นดังปากว่า ความจริงเขาต้องการเพียงล้อเลียนเจ้าหล่อนเท่านั้น หารู้ไม่ว่าคนที่โดนดูถูกถึงกับหลั่งน้ำตาเพราะว่าเจ็บใจและเจ็บกายในคราวเดียว
“ก็เกิดมาฉันทำอะไรไม่เป็นนี่! มีแต่หน้าสวยๆ เนี่ย หันไปทางไหนก็มีแต่คำป้อยอ เจอเจ้านายก็มีแต่จะหาเศษหาเลยหาความจริงใจกับใครก็ไม่เคยมี แล้วไงล่ะ อยากไล่ออกเหรอ ก็เอาเลยสิ ฉันไม่ได้อยากโดนกดขี่เป็นทาสอยู่แล้ว เชิญเอาเงินของนายไปจ้างแม่บ้านคนอื่นเลยไป๊!”
กวางน้อยตวาดเสียงกร้าวน้ำตานองสองคลองจักษุ หล่อนวิ่งเข้าไปในห้องนอนเล็กของเขาเพราะจำได้ว่ามียาสีฟันอยู่ในห้องน้ำเล็กๆ ด้านใน มันคงช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนของฝ่ามือเธอได้บ้างกระมัง
กุมภัณฑ์นั่งอึ้งอ้าปากหวอ นึกในใจว่าอะไรกันนี่ เขาทำผิดอะไร ก็เคยล้อเล่นกับหล่อนแรงกว่านี้หล่อนยังเชิดหน้าเถียงกลับด้วยซ้ำ คราวนี้สงสัยจะกินยาผิดกระมังถึงได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้วหนีเข้าห้องอย่างนั้น
นายยักษ์พาร่างสูงใหญ่เคลื่อนเข้าไปในห้องนอนน้อย เขาแลหากวางน้อยแต่ไร้แววเจ้าของร่าง
“กวาง...เธออยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า ฉันล้อเล่นหรอกน่าอย่าโกรธฉันเลยนะ ออกมามะกวางเดี๋ยวหายใจไม่ออก” กุมภัณฑ์ยังใช้วิธีด้านได้อายอด ก็บทเขาจะอ้อนอ่านะ สาวใจแข็งที่ไหนก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้หรอก แพ้ความออดอ้อนกับคารมและน้ำเสียงหวานๆ ของเขาทุกรายไป ไม่เชื่อคอยดูสิ
ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกในเวลาต่อมา กุมภัณฑ์ยิ้มกริ่มในหน้าเมื่อพบว่าเสียงอ้อนของตนได้ผล มันสามารถพาร่างอ้อนแอ้นอรชรออกมาจากห้องน้ำได้ เจ้าหล่อนมีน้ำหูน้ำตาเต็มกรอบหน้าสวย ผมเผ้าหลุดลุ่ยไม่เป็นทรงโดยรวมแล้วหล่อนดูดีกว่าคำว่ากระเซอะกระเซิงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“เป็นอาราย...” เขาถามเสียงยานคาง ขณะยืนเท้าสะเอวมองคนที่ยืนสองมือไขว้หลังพร้อมสะอึกสะอื้นเหมือนเด็กน้อยถูกแม่ตี
“ฉัน...ฮึกๆ ฉัน...อึก ฮือๆๆ”
กุมภัณฑ์รีบยกมือห้ามทัพ เขาคงต้องยืนฟังเสียงสะอื้นจนแก่ตายกระมังถึงจะรู้แจ้งกระจ่างจิต
“พอแล้วๆ ถ้าเธอไม่หยุดร้องไห้ฉันจะเปลี่ยนเสียงสะอื้นเป็นเสียง...คราง”
“........?........”
สิมันตราค้อนขวับหล่อนเม้มปากแน่นไม่ยอมให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกจากปาก ความพยายามกลั้นก้อนสะอื้นลงคอต้องกระทำด้วยความรวดเร็วก่อนที่นายยักษ์จะเปลี่ยนใจจับเธอกินเป็นของหวานล้างปาก
“เอาล่ะ ทีนี้บอกฉันได้หรือยังว่าเธอร้องไห้ทำไม ถ้าเป็นเพราะที่ฉันว่าเธอล่ะก็ฉันขอโทษนะกวาง เลิกร้องไห้ได้แล้วยัยเด็กโข่ง” สิมันตราจ้องใบหน้านายยักษ์จอมเพลย์บอยตาไม่กะพริบ หล่อนอยากถามเขาเหลือเกินว่าทำไมขอโทษเร็วจังกะว่าจะงอนนานๆ แล้วพาลขอลาออกเสียหน่อย
หญิงสาวขยับปากขมุบขมิบด้วยอยากพูดแต่มันพูดไม่ถนัด
“อะไรอีกล่ะ อยากพูดอะไรก็พูดมา” กุมภัณฑ์ชักเริ่มรำคาญ สิมันตราเล่นตัวอยู่นั่น จะพูดออกมาดังๆ มันจะเป็นไรไป
“คิมุ...” หล่อนกระซิบอ้าปากส่งเสียงเพียงเล็กน้อยมันเลยฟังไม่เป็นคำสักเท่าไหร่
“อะไรนะ?”
กุมภัณฑ์ไม่เข้าใจ หล่อนจะอ้าปากพูดแบบกว้างๆ เหมือนตอนนั่งกินไก่ทอดกับเขาเมื่อวานแล้วดอกพิกุลมันจะร่วงหรืออย่างไร
“...คี่มู่...” หล่อนเอ่ยซ้ำเริ่มชัดเจนขึ้นมาอีกระดับเพราะอ้าปากกว้างขึ้นอีกเล็กน้อย
กุมภัณฑ์หน้านิ่วคิ้วขมวด เจ้าหล่อนตรงหน้านี้ใบหน้าชุ่มไปด้วยน้ำตาดูไม่จืดเลย แต่ทำไมเขายังยืนมองหล่อนอยู่ได้นะ ให้ตายสิ!
“อะไรของเธอฮะกวาง จะพูดอะไรก็พูดมาอ้ำอึ้งอยู่นั่นล่ะดอกพิกุลมันจะร่วงรึไง!?”
“ฉันบอกว่า ขี้มูก มันจะไหลเข้าปากฉันแล้ว!”
สิ้นเสียงของกวางสาวกุมภัณฑ์ก็ยืนนิ่งตาโตเป็นไข่ห่าน เขายืนมองหน้าหล่อนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะก๊ากออกมาจนท้องคัดท้องแข็ง สองมือก็ควานหาผ้าเช็ดหน้าจะส่งให้หล่อน แต่ทว่าคนที่ถูกหัวเราะเยาะไม่อยากรอผ้าเช็ดหน้าจึงขยับกายเข้าหาร่างสูงใหญ่แล้วซุกปลายจมูกลงกับแผงอกที่มีสูทอาร์มานี่เนื้อดีหุ้มห่ออยู่ ก่อนจะ...
พรืด!!!
เสียงสั่งน้ำมูกแรงๆ ทำเอาคนฟังหูอื้อตาลาย ไม่ใช่เพราะเห็นใจกับอาการที่หล่อนเป็น แต่เพราะเจ้าหล่อนมาปล่อยของเหลวสีใสบนสูทตัวสวยของเขาต่างหาก ไม่พอนะยังถูไถปลายจมูกแดงๆ ของหล่อนจนสะอาดเอี่ยมอ่องชนิดที่ว่าผ้าเช็ดหน้าไม่ต้องใช้เลยล่ะ
“อี๋!!! ยัยกวาง! เธอมาสั่งขี้มูกใส่สูทฉันทำไมเนี่ย!?”
สิมันตรายิ้มจืดๆ ส่งให้ก่อนจะกล่าวว่า
“ก็ฉันรอผ้าเช็ดหน้าไม่ไหวนี่นา” หล่อนเถียงข้างๆ คูๆ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาต้องรู้ล่ะว่าเธออยากแกล้ง
ช่ายหนุ่มรีบถอดเสื้อเปื้อนน้ำมูกใสๆ ของสิมันตราออกไปจากตัวพลางนึกค่อนขอดเจ้าหล่อนในใจว่ายัยนี่สวยแต่หน้าแต่นิสัยซกมกจริงๆ เลย
“ยัยซกมก” เขาว่า
“ขอบคุณ ฉันฟังจนชินแล้วล่ะ” หล่อนยิ้มที่มุมปากข้างหนึ่งอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินไปนั่งยังปลายเตียง สองมือเลื่อนมาวางบนหน้าตัก
กุมภัณฑ์โยนสูทใส่ตะกร้ารอให้แม่บ้านคนสวยเอาไปจัดการต่อ ช่วยไม่ได้ หล่อนมาทำให้มันเปื้อนหล่อนก็ต้องจัดการซักรีดให้เขาล่ะ
“ซักให้เรียบร้อยด้วยไม่งั้นฉันจะหักเงินเดือน” เขาขู่
คนไม่ค่อยจะงกเงยหน้าตูมๆ ขึ้นจ้องมองคนพูดทันใด
“อีโธ่เอ๊ย สองมาตรฐานทีอีตอนแลกลิ้นนัวเนียไม่เห็นจะรังเกียจ” กวางสาวพูดเองก็หน้าแดงเองแต่ช่วยไม่ได้มันเป็นความจริงนี่นา “อย่าหวังว่าจะได้หักเงินยัยกวางนะ! ฝันไปเถอะย่ะ อูย...ฟู่ๆๆ ” หล่อนโต้กลับแล้วต้องยกสองมือขึ้นมาเป่าลมฟู่ๆ เข้าใส่ระบายความแสบร้อน
“แล้วนั่นเป็นอะไรอีกล่ะ นอกจากจะซกมกแล้วยังซุ่มซ่ามอีก ไหนดูซิ”
“โอ๊ย! เจ็บนะตายักษ์บ้า! โฮๆๆ เค้าจะฟ้องป้าเจรียง ฮือๆๆ ป้าจ๋า...นายยักษ์แกล้งหนูกวาง โฮๆๆ”
สิมันตราหลับตานิ่งแล้วแหกปากร้อง แน่นอนว่าไร้ซึ่งหยดน้ำตา กุมภัณฑ์รีบขู่อีกรอบว่าถ้าหล่อนไม่หยุดร้องเขาจะเปลี่ยนเสียงร้องหล่อนเป็นเสียงอะไร
“ฉันไม่ร้องก็ได้ เชอะ!” หญิงสาวสะบัดหน้าหนีจากสายตาเอือมระอาของนายยักษ์ เขากำลังติติงเธอด้วยสายตา จะว่าเธอเป็นเด็กไม่รู้จักโตกระมัง เขาไม่มาโดนความร้อนรุนแรงประหนึ่งถูกหน้าเตารีดทาบทับฝ่ามือบ้างให้มันรู้ไป



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มี.ค. 2556, 11:11:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มี.ค. 2556, 11:11:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 6884





<< บทที่ 7 ศัตรูตัวจริง 50%   บทที่ 8 ความยุ่งยากที่น่ารัก 40% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account