Switch
ฉันหลงคุณ ฉันรักคุณ และฉันอยากจะเจอคุณเหลือเกิน

ผมรักคุณ แต่ผมทำให้คุณเกลียด ผมอยากจะรักคุณ แต่ผมทำไม่ได้ ผมบอกคุณไม่ได้ว่าคนคนนั้นคือผมเอง

ผมได้แต่มองพวกคุณจากตรงนี้ แต่ผมช่วยใครไม่ได้ ผมยื่นมือออกไปไม่ได้ ผมอยากจะทำ แต่ตัวผมเป็นได้แค่เงา

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทนำ

บทนำ
ท่ามกลางสวนสาธารณะที่มีผู้คนมากมาย ต้นไม้สูงหลากพันธุ์ถูกนำมาปลูกรอบๆ ตรงกลางมีน้ำพุฐานเป็นวงกลมตั้งอยู่

ที่ด้านหนึ่งของสวนสาธารณะแห่งนี้เด็กหญิงวัยสิบสองปีนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ยาว ใบหน้าของเธอแหงนมองท้องฟ้าด้านบนอย่างไร้จุดหมายและปล่อยให้สายฝนหลั่งรินผ่านใบหน้าไป

"เธอ! คนที่นั่งอยู่นั่นแหละ ฉันเรียกเธออยู่นะ”ชายหนุ่มผู้ใส่ชุดสูทดูภูมิฐานยื่นร่มมาบังสายฝนให้

"คุณ" เด็กหญิงเงยหน้ามองคนที่ยื่นร่มมาให้จนตัวเองต้องเปียก "ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไร"

เธอดันร่มคันนั้นกลับคืนไป มือสัมผัสกับอีกฝ่ายโดยไม่ได้ตั้งใจ ในขณะที่ตัดสินใจชักมือกลับมันก็ไม่ทันเสียแล้ว ชายหนุ่มยึดมือของเธอเอาไว้

"มือ...เย็นมากเลยนะ บ้านอยู่ที่ไหนล่ะ ฉันจะไปส่ง" เด็กหญิงขืนมือออก
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้"

"อย่าดื้อน่า" ชายหนุ่มว่าพลางเข้าใกล้เธออีกก้าวแต่เด็กหญิงกลับล้มลง เขายื่นมือสองข้างออกไปอัตโนมัติรับร่างของเธอเอาไว้โดยไม่สนใจร่มในมืออีกต่อไป ร่างน้อยสลบไสลไม่ได้สติในอ้อมกอดของเขา

"เฮ้อ แล้วอย่างนี้จะพากลับอย่างไรล่ะเนี่ย" ชายหนุ่มก้มหน้ามองก่อนจะตัดสินใจอุ้มร่างในอ้อมกอดขึ้นมาและพาเดินไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล "หาเรื่องใส่ตัวจริงๆนะเราเนี่ย" เขาถอนหายใจก่อนจะยิ้มที่มุมปากเพียงเล็กน้อย

"จะกลับเลยไหมครับนายน้อย" คนขับรถเอ่ยถามทันทีที่เดินมาถึง ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะวางร่างในอ้อมกอดไว้บนเบาะหลังก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งตาม

"รีบไปเถอะ ก่อนที่สาวน้อยคนนี้จะเป็นปอดบวมไปเสียก่อน" ชายหนุ่มเอ่ยพลางกระชับอ้อมกอดเมื่อเห็นร่างที่สลบอยู่เกิดอาการสั่น

ทันทีที่กลับถึงบ้านเขาก็ตะโกนสั่งคนรับใช้ให้รีบทำข้าวต้มร้อนๆมา ในขณะที่ตนเองก็โทรตามหมอชายหนุ่มอุ้มร่างน้อยไปวางบนเตียงของตนก่อนจะสั่งคนรับใช้ทีเดินตามขึ้นมาให้เปลี่ยนชุดของเด็กหญิงด้วย

"แต่บ้านเราไม่มีชุดของผู้หญิงนะคะนายน้อย" หญิงรับใช้แย้งขึ้นในทันที

"งั้นก็เอาชุดของผมไปใช้ก่อน ผมจะไปรอด้านนอกเสร็จแล้วเรียกผมด้วยนะครับ"
"ค่ะ นายน้อย"

ชายหนุ่มเดินออกไปจากห้องและยืนพิงกำแพงข้างประตูจนกระทั่งสาวใช้เปิดประตูออกมา เขาก้าวเข้าไปในห้องนอนของตนเองก่อนจะสำรวจร่างกายของเธอที่ซีดเซียวจากการตากฝน ข้างกันมีกระเป๋าถือใบหนึ่งวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียง เขาถือวิสาสะเปิดออกมาดูของข้างในเผื่อจะบอกตัวตนของหญิงสาวได้

ด้านในมีโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งวางอยู่ เขาหยิบมันขึ้นมาเปิดไล่หาเบอร์โทรศัพท์ จนในที่สุดเขาก็เจอเบอร์แม่ของเธอ เสียงรอสายดังอยู่ไม่นานก็มีคนรับด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“หนูกานต์ หนูอยู่ไหนลูก” เสียงหญิงวัยกลางคนดังมาทันที

“คือเธอสลบไปครับตอนนี้อยู่ที่บ้านของผม จะลำบากไหมถ้าคุณจะมา บ้านผมอยู่ที่...” เขาเอ่ยบอกชื่อถนนที่ตัดผ่านหน้าบ้านทันที อีกฝ่ายรับคำก่อนจะได้ยินเสียงปิดประตูอย่างดังและวิ่งออกมา

ชายหนุ่มรับหน้าที่คุยกับคนขับรถแท็กซีจนกระทั่งได้ยินเสียงรถจอดอยู่หน้าบ้าน เขาเดินลงไปรออยู่ที่หน้าประตู สายตาของอีกฝ่ายสำรวจเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แต่ก็คงไม่แปลกอะไรสำหรับคนแปลกหน้า

“เธออยู่ข้างบนครับผมจะพาไป” เขาเดินนำไปที่ห้องนอนของตนเองที่ตอนนี้แพทย์ที่โทรเรียกมาก็เดินออกมาจากห้องพอดี

“แค่ไข้หวัดธรรมดาครับ อย่าลืมกำชับเธอให้ทานยาด้วยนะครับจะได้หาย”

“ทราบแล้วครับขอบคุณคุณหมอมาก” เขาเรียกสาวใช้ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องให้ไปส่งคุณหมอที่หน้าบ้านและเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน เด็กหญิงยังคงนอนหลับไม่ได้สติ

“กานต์...”เสียงเรียกนั้นทำให้ชายหนุ่มอดลอบมองไม่ได้ มันเป็นการแสดงความรักที่รักอย่างหมดใจของคนเป็นแม่...รัก ที่รักมากจริงๆ

แล้วตัวเขาเล่าห่างหายจากความรักเช่นนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ กี่วัน กี่เดือน กี่ปี...ไม่รู้เลย มันนานและห่างหายออกไป ไกลกว่าห้วงคำนึง

“จะพาเธอกลับตอนนี้หรือจะให้พักที่นี่ก่อนก็ได้นะครับ ผมไม่ว่าอะไร” ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้เตียงอีกฝั่งที่ไม่มีใครยืนอยู่

“ถ้าจะขอรบกวนที่นี่คืนหนึ่งจะเป็นไรไหมคะ” อีกฝ่ายถามอย่างเกรงใจ เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อย

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะไปบอกแม่บ้านให้ว่าคุณจะพักที่นี่ จะได้เตรียมที่นอนไว้ให้”

“ไม่เป็นไรค่ะฉันพักกับลูกสาวได้” แม่ของเด็กหญิงที่หลับอยู่รีบปฏิเสธ

“ไม่เป็นไรครับ อย่างไรก็ต้องมีหมอนกับผ้าห่มเพิ่ม” เขายิ้มที่มุมปากนิดหนึ่งก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้อง แต่ยังไม่ทันที่จะผลักบานประตูออกไปก็ถูกเรียกไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวค่ะ ฉันยังไม่ทราบชื่อของคุณเลย”

“ปกรณ์ครับ ปกรณ์ ลี้สุทธิพรชัย” ชายหนุ่มหันกลับมาพูดก่อนจะก้าวออกไปจากห้องแล้วปิดประตูอย่างแผ่วเบา เดินลงไปชั้นล่างและเคาะประตูห้องพักของแม่บ้าน
“มีเรื่องอะไรคะคุณหนู” หญิงวัยกลางคนเปิดประตูออกมาและสอบถามในทันที

“ผมขอผ้าห่มสองผืนกับหมอนสองใบครับ เอาไปให้ที่ห้องผมชุดหนึ่งและที่ห้องทำงานของผมชุดหนึ่งนะครับ” พูดจบชายหนุ่มก็เดินไปที่ห้องทำงานของตนบนชั้นสองข้างๆกับห้องนอนของตน เอกสารรออนุมัติยังมีอีกมากมายที่ยังไม่ได้อ่านทวน ชายหนุ่มนวดศีรษะเล็กน้อยขณะที่โทรศัพท์ดังขึ้น

“ปกรณ์ครับ” ทั้งๆที่เวลาก็เกือบจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว ใครกันนะ

“ผมเองครับคุณพีท จะโทรมารายงานข่าวล่าสุดที่คุณให้ไปหามา” ชายหนุ่มยิ้มนิดหนึ่งก่อนจะพูดตอบกลับปลายสาย

“นายนั่นเอง ว่ามาสิฉันรอฟังอยู่”


ยามเช้าที่สดใสราวกับว่าเมื่อวานไม่ได้มีฝนตกหนักอย่างไรอย่างนั้น เด็กหญิงที่ตื่นขึ้นมาบนเตียงนุ่มปรับโฟกัสของสายตากับแสงแดดที่สาดส่องก่อนจะตกใจสะดุ้งขึ้นนั่ง

“ที่นี่...ที่ไหน” สายตาของเธอกวาดมองรอบๆก่อนจะตกใจเมื่อเห็นคนที่นอนอยู่ข้างๆเตียง มีหมอนใบหนึ่งรองใบหน้าเอาไว้ที่ด้านหลังมีผ้าห่มคลุมไว้ "แม่..." เธอครางออกมาแผ่วเบา

เด็กสาวตกใจกับภาพตรงหน้าก่อนจะลุกออกจากเตียงในทันที แต่สภาพของเธอทำให้ต้องรีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาปิด

"อ้าว ตื่นแล้วหรออาการเป็นอย่างไรบ้างล่ะ" ชายหนุ่มเจ้าของห้องเดินมาเปิดลิ้นชักที่ตู้ข้างเตียงแล้วหยิบสมุดเล่มหนึ่งออกมา

"ก็ไม่เป็นไรแล้ว ขอบคุณค่ะ" เด็กสาวตอบก่อนจะดึงผ้าห่มให้สูงขึ้นอีก
"นี่แม่ตัวน้อยฉันไม่คิดจะทำอะไรเธอหรอกนะ ไม่ต้องดึงผ้าห่มขึ้นขนาดนั้นก็ได้ นอนให้สบายเถอะฉันไม่กวนแล้ว" ชายหนุ่มกำลังจะเดินออกจากห้องก็ถูกสาวน้อยเรียกไว้

"เอ่อ เดี๋ยวค่ะ คุณเปลี่ยนชุดให้ฉันหรือคะ" ปกรณ์ยิ้มนิดหนึ่งก่อนจะส่ายศีรษะปฏิเสธ เด็กหญิงถอนหายใจอย่างโล่งอก

"แต่นั่นชุดของฉัน" พูดทิ้งไว้เพียงเท่านั้นเขาก็เดินออกจากห้องไป แต่เด็กสาวที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียงนั้นใบหน้าซับสีเลือดไปแล้วเรียบร้อย


“ขอโทษที่มารบกวนในเวลานี้ครับคุณปกรณ์” ผู้ที่ก้าวเข้ามาในห้องทำงานของชายหนุ่มค้อมศีรษะลงต่ำก่อนจะวางเอกสารที่จะใช้ลงบนโต๊ะทำงาน

“ขอบใจมาก” เขาหยิบซองเอกสารออกมาเปิดอ่าน

“จากการสำรวจตลาดการค้านั้นผมมองว่าทางบริษัทของเรายังตีตลาดได้ไม่ครอบคลุมนัก” ชายหนุ่มหยิบปากกาไฮไลท์จากกระเป๋าเสื้อสูทมาวงในเอกสารที่เจ้านายถืออยู่ “และก็ผมคิดว่าเราควรปรับปรุงแผนการตลาดด้วยครับ”

“อืม...แล้วฉันจะพิจารณาอีกที วันนี้ฉันยังไม่มีธุระอะไรเพิ่ม นายไปพักเถอะ...จิง” เขาหมุนเก้าอี้เข้าหาหน้าต่างและนั่งอ่านเอกสารอย่างเงียบๆ

“ครับ” อีกฝ่ายก้าวออกจากห้องอย่างเงียบเชียบและปิดประตูอย่างแผ่วเบา



“กานต์...กานต์ลูกเป็นอย่างไรบ้าง” เสียงเรียกดังขึ้นทำให้เด็กหญิงที่ยังคงนั่งนิ่งหันมามองแม่ของตนที่นั่งอยู่ข้างเตียง

“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ...ขอบคุณ แล้วก็ขอโทษค่ะแม่” กานต์ร้องไห้ซบอยู่กับมารดาก่อนจะหลับไปอีกครั้ง

“กานต์!” เสียงเรียกชื่ออย่างตกใจนั้นทำให้คนที่อยู่ในห้องทำงานข้างกันเปิดประตูออกมาด้วยความรวดเร็ว

“เกิดอะไรขึ้นครับ” ชายหนุ่มมองร่างน้อยที่หลับซบอกมารดาแล้วก็ยิ้มนิดหนึ่ง “เธอคงเพลียครับ ผมจะไม่ได้อยู่คอยดูแลพวกคุณนะครับเพราะได้เวลาที่ผมต้องไปบริษัทแล้ว แต่จะให้แม่บ้านคอยรับใช้คุณนะครับ ถ้าจะไปแล้วบอกแม่บ้านได้นะครับผมจะได้ให้คนขับรถไปส่ง”

“ขอบคุณมากค่ะ ทั้งๆที่เราไม่ได้รู้จักกันแท้ๆ”

“รู้จักกันแล้วสิครับ เมื่อวานนี้” ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะปิดประตูและกดอินเตอร์คอมในห้องทำงานเรียกแม่บ้านและคนขับรถเอาไว้

“ถ้ามีปัญหาอะไรโทรไปหาผมที่ที่ทำงานได้เลยนะครับ”

“รับทราบค่ะคุณหนู” แม่บ้านน้อมรับก่อนจะเดินขึ้นไปด้านบนทิ้งคนขับรถให้อยู่กับเจ้านาย

“วันนี้นายไม่ต้องไปส่งฉัน อยู่คอยรับใช้แม่ลูกคู่นี้ก็พอ เดี๋ยวฉันขับรถไปเอง” ชายหนุ่มสั่งเสร็จก็คว้ากระเป๋าทำงานมาถือเอาไว้และเดินไปหยิบกุญแจที่หน้าบ้าน “อย่าให้ขาดตกบกพร่องล่ะ เดี๋ยวเขาจะหาว่าบ้านเราต้อนรับแขกไม่ดี”

“รับทราบครับนายน้อย ผมจะทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด” คนขับรถก้มศีรษะรอจนกระทั่งเจ้านายเดินออกจากบ้านไปแล้วจึงได้เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งและออกไปเตรียมรถให้พร้อมตลอดเวลา


แม่ของเด็กหญิงยิ้มอย่างยินดีก่อนจะกอดลูกสาวแน่นขึ้นอีก หยดน้ำคลออยู่ที่หน่วยตาทั้งสองข้าง เธอวางลูกสาวลงบนเตียงอย่างถนอมแล้วเดินออกจากห้องมา

“มีอะไรจะให้ดิฉันรับใช้ไหมคะ” แม่บ้านเอ่ยถามทันทีที่แขกเปิดประตูออกมาจากห้องนอนของคุณหนู นางค้อมกายลงต่ำทำความเคารพ

“ไม่ค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ ฉันแค่ต้องการให้ลูกพักอย่างสบายๆเท่านั้นเอง” เธอว่าก่อนจะหันมองห้องโถงกว้างหาที่นั่ง

“ถ้าอย่างนั้นก็มาพักที่ห้องนั่งเล่นก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวคุณหนูที่พักอยู่ดิฉันจะคนคอยดูแลให้”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ไม่เป็นไร” เธอรีบปฏิเสธทันที แต่แม่บ้านก็ยังยิ้มอยู่เช่นนั้น

“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณเป็นแขก เราต้องต้อนรับอย่างดีที่สุดค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ” เธอรับก่อนจะเดินตามแม่บ้านไปยังห้องนั่งเล่นชั้นล่าง แม่บ้านทุกคนบริการอย่างดีทั้งนำน้ำมาเสิร์ฟให้และคอยคุยเล่นคั่นเวลาจนกระทั่งลูกสาวเดินลงมาในสภาพที่เปลี่ยนกลับเป็นชุดเมื่อวานแล้ว

“แม่คะ...” เด็กหญิงเอ่ยเรียกแม่ของตนที่นั่งหันหน้ามามองและยิ้มรับน้อยๆ

“กลับบ้านของเรากันเถอะกานต์ รบกวนคนที่นี่มามากแล้ว” เธอว่าก่อนจะเดินมาช่วยพยุงลูกสาวให้ก้าวเดินออกไป

“เดี๋ยวค่ะ” แม่บ้านคนหนึ่งเรียกไว้และรีบวิ่งลงมาจากชั้นบน “ลืมยาเอาไว้น่ะค่ะ” นางว่าก่อนจะยื่นถุงยามาให้ เด็กหญิงรับไว้ก่อนจะเอ่ยขอบคุณเสียงแผ่ว

“จะกลับแล้วสินะครับ” คนขับรถเดินมารอถึงหน้าบ้าน ค้อมศีรษะลงเล็กน้อยและผายมือไปทางด้านซ้าย “เชิญทางนี้ครับรถรออยู่แล้ว”

“ขอบคุณค่ะ” แม่ของกานต์กล่าวก่อนที่คนทั้งคู่จะเดินตามคนขับรถไป

สองแม่ลูกก้าวขึ้นรถโดยมีคนขับคอยเปิดปิดประตูให้ เด็กหญิงหลับไปอีกครั้งหลังขึ้นรถได้ไม่นาน โดยที่ไม่รู้เลยว่าชีวิตต่อจากนี้จะต้องวุ่นวายเพราะคนสกุลลี้ที่คอยต้อนรับอยู่ ณ ที่แห่งนี้



Netisia
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 มี.ค. 2556, 17:38:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 มี.ค. 2556, 17:40:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 1804





   บทที่ 1 ก้าวแรกสู่เบื้องหลัง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account