คือสัญญา
เมื่อน้องสาวไม่พอใจเพื่อนของพี่ชายที่ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา เธอจึงคอยแกล้งเขาต่าง ๆ นา ๆ จนวันหนึ่งเขาได้ถามว่าเธอไม่ชอบอะไรเขานักหนา หากจะเป็นเพื่อนกับเธอต้องทำอย่างไร เธอจึงบอกเงื่อนไขที่เหมือนทำให้เขาต้องเปลี่ยนชีวิตของตัวเองทั้งชีวิตใหม่ ซึ่งได้พลั้งปากออกไปอย่างไม่ทันได้คิดว่า ถ้าเขาทำได้ต่อให้เป็นแฟนก็ยังไหว

เขาจึงถือว่าถ้าเขาทำทุกอย่างครบเงื่อนไขทั้งหมดแล้ว เธอต้องยอมรับเขาเป็นแฟนด้วย นั่นคือสัญญาระหว่างเขาและเธอ

เขาจะเอาชนะใจเธอได้รึเปล่า ติดตามได้เลยค่า...
Tags: คือสัญญา

ตอน: ตอนที่5

“ปริมชอบดูดาวมั้ย” เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า

“ชอบสิ” ปริมยกเข่าขึ้นมากอดไว้ สายตาจดจ้องอย่างหลงไหลในความงามของดวงดาว

“ชอบดาวอะไรหรอ”
“ดาวศุกร์” เธอมองไปยังดาวที่ส่องแสงสว่างสุกใสอยู่ใกล้พระจันทร์เสี้ยว
“ทำไมล่ะ”
“ก็ฉันเกิดวันศุกร์ไง อีกอย่างนะ ดาวศุกร์จะเป็นดาวที่ใสสว่างกว่าเพื่อนเสมอเลย มีหน้าที่คอยติดตามพระจันทร์ในบางคืนนะ” เธอยิ้มบาง ๆ ในสีหน้า สายตาไม่หนีห่างจากแสงระยิบระยับของดวงดาวนับร้อยพันบนผืนฟ้ากว้าง

ท้องฟ้าคืนนี้ปรอดโปร่ง ยิ่งนั่งดูอยู่บนยอดเขาเช่นนี้ ทำให้ได้สัมผัสกับความกว้างของท้องฟ้าอย่างแท้จริง และได้อยู่ใกล้ชิดอาณาจักรของดวงดาวอันงดงาม

“เหรอ โน่นดาวอะไรหรอปริม” เขาชี้ไปที่ดาวเรียงตัวกันสามดวง
เธอมองตามมือของเขาก่อนตอบ
“ดาวไถไง”
“นั่นดาวเต่านะ” เธอชี้ไปที่ดาวสี่ดวงเรียงกันเหมือนสี่เหลี่ยมผืนผ้า และมีดาวสามดวงเรียงกันอยู่ตรงกลาง
“อันโน้น ก็ไม่รู้ว่าเรียกว่าดาวอะไร แต่ฉันเรียกว่าดาวกระบวยนะ หน้าตามันเหมือนกระบวยดี” เธอหัวเราะตัวเองเบา ๆ

หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นและมีความสุขอย่างประหลาดที่ได้อยู่ใกล้ ๆ เธอคนนี้ เขามองเห็นดวงตาใสแจ๋วของเธอเป็นประกายเวลาจ้องมองดวงดาว ได้เห็นรอยยิ้มสดใสที่ซ่อนอยู่หลังหน้ากากแห่งความเฉยชาและเคร่งเครียดเสมอที่พบกัน เขารู้สึกว่าขณะนี้เธอกำลังอารมณ์ดีทีเดียว กำลังเพลินกับการพูดคุยกับดวงดาวงดงามบนท้องฟ้า เขาอยากรักษาความรู้สึกของเธอและเขาขณะนี้เอาไว้ ที่ได้มีโอกาศจูนคลื่นความถี่แห่งมิตรภาพให้ขยับเข้ามาใกล้กัน

“ปริม…เราเป็นเพื่อนกันนะ”

“ฮื่อ…ได้สิ”

“ฉันไม่ต้องตัดผมได้มั้ย” เขาจำได้ว่าข้อแม้ในการเป็นเพื่อนกับเธอข้อหนึ่งต้องตัดผมสั้นด้วย

“ได้” เธอหลุดปากพูดออกไปอย่างกำลังเพลิน ๆ ไม่ได้ตั้งใจ

“จริงนะ เธอรับปากแล้วนะ” เขาหันมาจ้องหน้าเธออย่างดีใจ
“เธอยอมรับฉันแล้วใช่ไหม”
“ก็…เป็นเพื่อนไง นายก็เป็นคนดีแล้วหนิ” เธอหันมายิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก

“นายเห็นรึเปล่าว่า นายทุกข์กับปัญหาครอบครัวไปก็เปล่าประโยชน์ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี อะไร ๆ มันก็จะดีเอง ที่สำคัญนายจะได้เป็นกำลังใจให้กับคนในบ้านนายได้ ไม่ใช่สร้างปัญหาขึ้นมาอีกให้มันยิ่งย่ำแย่กว่าเดิมนะ”

“ขอบใจ…ปริมมาก ๆ นะ” เขามองเธออย่างชื่นชม ทุกถ้อยคำของเธอมันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เหมือนที่เขาได้พิสูจน์ตามคำพูดของเธอด้วยตัวเองแล้ว

“แล้ว…”

เขาไม่แน่ใจว่าควรจะพูดต่อหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจถามต่อ

“แล้วถ้า…เป็นมากกว่านั้นล่ะ”

“ได้สิ อยากเป็นอะไรล่ะ พูดให้ชัด ๆ นะ”

“ฟอ แอ นอ แฟน” เสียงนั้นเบาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่คนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ก็ยังได้ยินชัดเจนทุกคำ มันเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ได้พูดอะไรอย่างนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าพูดออกไปได้ยังไง แต่ก็พูดออกไปแล้ว

“ได้” ปริมแอบซ่อนยิ้มเอาไว้

“จริงหรอ” น้ำเสียงของเขาดีใจเป็นพิเศษ แต่เอะใจ ทำไมมันง่ายผิดปกตินะ!

“แต่…กับคนอื่นนะ ไม่ใช่แฟนฉัน” ปริมหัวเราะเสียงดังอย่างสะใจ

สายลมเย็นพัดมาต้องกายทั้งคู่อย่างอ่อนโยน แต่หัวใจของคนฟังคำตอบกลับหนักอึ้ง ทำให้ต้องนิ่งเงียบอย่างงุนงงไปเป็นนาที

“นี่!! นายถอยออกไปหน่อย เดี๋ยวผมนายกับฉันก็พันกันแย่หรอก” เธอหันมามองเขา และแปลกใจตัวเอง ปล่อยให้เขาเข้ามานั่งใกล้ขนาดนี้ได้อย่างไร

อารมณ์ที่พุ่งขึ้นด้วยความดีใจสุด ๆ ลดลงดิ่งพสุธา ยิ่งกว่าความผันผวนของตลาดหุ้นเสียอีก พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ นึกโกรธเธอขึ้นมาตะหงิด ๆ ทำไมเธอเอาความรู้สึกของเขามาล้อเล่นอย่างนี้นะ ไม่สนใจประโยคต่อมาของเธอ เพราะจริง ๆ แล้วเขานั่งห่างจากเธอตั้งหลายคืบ

“ทำไม!! ผมของฉันมันมีความผิดตรงไหน มันเกี่ยวอะไรกับผมด้วยล่ะ”

“เก๊าะ!! ไม่เกี่ยวหรอก” ปริมยักไหล่ พลางลอยหน้าลอยตาอย่างยียวน เหมือนมันไม่สำคัญอะไรนักหนาจริง ๆ

“แต่ไม่ชอบ! คำเดียว เข้าใจมั้ย ถ้าจะคุยเรื่องนี้ ฉันไปนอนก่อนนะ” ประโยคสุดท้ายเน้นคำ แข็งห้วนขึ้นมาทันที ปริมลุกขึ้นเดินอ้าว ๆ หนีไปเฉยเลย

ปฏิการรีบลุกขึ้นตามไป
“เดี๋ยวสิ! ปริม ผมของฉันมันไม่มีความผิดนะ อย่าเพิ่งไป”

“อะแฮ่ม!!” ปรามส่งเสียงกระแอมไอ แล้วคว้าแขนเพื่อนหนุ่มเอาไว้
“น้องข้าควรจะนอนได้แล้ว ดึกมากแล้วนะ” แล้วดึงแขนเพื่อนหนุ่มให้นั่งลง
“นี่แก หยุดมองตามตาละห้อยได้แล้ว หันมาคุยกันหน่อย” ปรามตบบ่าเพื่อนแรง ๆ ทีหนึ่งเป็นการเตือนสติ แล้วหันหน้าเพื่อนซี้ให้หันมาทางตนเอง

“แกชอบปริมจริงหรอวะ คิดดี ๆ นะ” ปรามถามด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน

“ฉันไม่รู้ แต่ฉันรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ ๆ ปริม”

“ปริมดื้อและเอาแต่ใจนะ จะบอกให้ แกไม่เคยเห็นฤทธิ์หรือไง โดนอะไรมาตั้งเยอะแยะไม่ใช่หรอ ไม่เข็ดหรอ” แล้วเอนตัวพิงกองฟางอย่างสบายใจ สายตาจับเพชรสุกใสที่กำลังส่องแสงเจิดจรัสบนท้องฟ้า

“ตกลงแกจะมาให้กำลังใจฉันหรือว่ายังไงกันแน่วะ”

“แกจะเล่น ๆ กับน้องข้าไม่ได้นะเว้ย” เขาหันมาจ้องหน้าเพื่อนสนิทอย่างจริงจัง “ถ้าแกทำให้น้องข้าเสียใจล่ะก้อ น่าดู!!” ปรามเน้นเสียงเข้ม

“แล้วฉันเคยจีบใครเล่น ๆ หรือเปล่าวะ” ปฏิการพูดเสียงเครียดขึ้นมาทันที

ปรามเงียบเสียงลง ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา เขาไม่เคยเห็นเพื่อนคนนี้สนใจผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษเลย และไม่เคยมีเรื่องเสียหายเกี่ยวกับผู้หญิงแม้แต่ครั้งเดียว

“แล้วปริมเขาเคยถามอะไรถึงฉันบ้างมั้ย”
ปรามยิ้ม “ไม่เคยเลยว่ะ”

สีหน้าเพื่อนหนุ่มหงอยลงทันที

“เฮ้ย! อย่าทำเป็นหงอย เหมือนไก่คอตกอย่างงั้นสิวะการ หรือว่าแกเป็นไข้หวัดนกวะ ตอนนี้กำลังระบาดนะ แบบนี้แกต้องอยู่ห่าง ๆ น้องข้านะเว้ย“

“ปราม! อย่าเพิ่งเล่นมุกสิวะ คนยิ่งจ๋อย ๆ อยู่”

ปรามตบต้นแขนเพื่อนป้าบใหญ่ “ปริมเขาเป็นคนเก็บความรู้สึกนะ แต่ก็มีมาแอบถามถึงนายบ้างเหมือนกัน”

“แล้ว…ถามอะไรถึงฉันบ้างล่ะ” สีหน้าแจ่มใสขึ้นมาอย่างออกนอกหน้าออกตาทันที เขย่าแขนเพื่อนจนหัวสั่นหัวคลอน
“ก็เวลาแกหายหน้าไปนาน ๆ ปริมก็มาเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามถึงแกแหละ แต่ไม่ถามตรง ๆ หรอก ลีลาเยอะจะตายไป แต่ข้ารู้ ถามถึงแกแหละ”

ปฏิการจึงยิ้มแก้มปริออกมาได้

“ข้าจะบอกให้ว่า ปริมรักใครยากนะ และคนที่มีความเพียรพยายามอย่างแท้จริงเท่านั้นที่จะเอาชนะหัวใจของปริมได้ ที่สำคัญความรักบังคับกันไม่ได้นะ ข้ากลัวแกจะทุ่มเทเปล่าประโยชน์ ปริมป็นคนใจแข็งนะ”

“ฉันรู้…ฉันไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก ฉันไม่ได้ต้องการบังคับปริมนะ เพียงแค่จะทำให้รู้ว่า ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ และจะทำเพื่อปริมอย่างดีที่สุดแล้วเท่านั้น” เขาหันไปยิ้มให้เพื่อน

เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมถึงรู้สึกอยากทุ่มเทเพื่อเธอขนาดนี้ ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม เหมือนมีสิ่งหนึ่งคอยบอกตัวเขาเองมาตลอดว่า หัวใจของเธอมีค่ามากพอที่เขาจะต้องฝ่าฟันเอามาครอบครองให้ได้ และรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ที่เธอจะยอมรับใครในฐานะคนพิเศษของหัวใจสักคน เพราะนั่นหมายถึง คน ๆ นั้นจะเป็นคนที่เธอแคร์ที่สุด คน ๆ นั้นจะเป็นคนที่เธอใส่ใจที่สุด และได้รับความพิเศษที่สุดจากเธอ เป็นคนแรกที่เธอจะคิดถึงก่อนใคร เหมือนที่เขาเคยเห็นปริมคอยดูแลเอาใจใส่พี่ชายคนเดียวของเธอมาตลอดเป็นอย่างดีเสมอ

“ไม่ว่าปริมจะยอมรับฉันฐานะไหน ฉันก็พร้อมจะยอมรับทั้งนั้นแหละ ฉันจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ได้ทุ่มเทลงไปเพื่อปริมแน่นอน”

“งั้นต่อไป ข้าก็จะได้เห็นแกตัดผมสั้นซักทีสิวะ” ปรามพูดพลางหัวเราะร่วน แกล้งเย้าเพื่อนเล่น เพราะรู้ดีว่าปฏิการรักผมยาว ๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“ฉันก็กำลังหนักใจอยู่เหมือนกัน ผมฉันมันเกี่ยวอะไรด้วยวะ” คิ้วเข้มขมวดย่นขึ้นมาทันทีกับคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้นี้
“แต่ถ้าฉันแน่ใจว่า ฉันรักเขาจริง ๆ เมื่อไหร่ เมื่อนั้นฉันจะยอมตัดผม” ประกายสายตานั้นดูจริงจังเป็นพิเศษ

เรื่องเดียวที่เขารู้สึกอึดอัดใจหากจะต้องตัดผมทิ้ง เขาคงรู้สึกเสียดาย และคงต้องทำใจอีกสักระยะหนึ่ง

ปรามมองหน้าเพื่อนพลางยิ้มอย่างให้กำลังใจ เขารู้สึกดีใจที่เห็นเพื่อนเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ความรักมีพลังและอนุภาพขนาดนี้เชียวหรือ ที่ทำให้คน ๆ หนึ่งเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนี้ อดรู้สึกขำและแปลกใจไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาและเพื่อนทุกคนเฝ้าบอกปฏิการ ให้หยุดใส่ใจเรื่องทางบ้านของเขาเสียทีมาตลอด ให้หันมาทำตามหน้าที่ของตัวเอง แต่เขาก็ไม่เคยเชื่อถ้อยคำของเขาและเพื่อน ๆ เลย แต่กลับมาเชื่อคำพูดไม่กี่คำของเด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้นเอง


==================



ริเศรษฐ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มี.ค. 2556, 23:38:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มี.ค. 2556, 23:38:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 1298





<< ตอนที่4   ตอนที่6 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account