นางบำเรอตีทะเบียน By อัญจรี น้ำจันทร์
คำโปรยหน้า

บุพเพฤาชะตา ที่นำพามาพบเจอ

หน้าที่เมียบำเรอ เขาให้เธอจำขึ้นใจ

ฉากหน้าแสนโสภา ภรรยานิตินัย

ฉากหลังนั่งร้องไห้...นางบำเรอตีทะเบียน



คำโปรยหลัง

เมื่อความรักที่มีไม่ได้รับความเห็นชอบจากมารดาที่รัก

วาโย จึงต้องหาใครสักคนมาแก้แค้นผู้เป็นมารดาให้สมกับที่ท่านกีดกันเขาและสาวคนรักออกจากกัน

ละอองดาว คือผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุดในเวลานั้น เพราะหล่อนไม่ใช่ไฮโซ ไม่ใช่ลูกผู้ลาภมากดี

หล่อนเป็นเพียงแค่ โสเภณี ที่เขาบังเอิญถูกชะตา

วาโยไม่รอช้าจดทะเบียนตีตรากับหล่อนเพื่อประชดมารดาในทันที

โดยหารู้ไม่ว่าแม่โสเภณีที่เขาซื้อมาหล่อนยังไร้ ราคี!



สามปีให้หลังเมื่อสัญญานางบำเรอสิ้นสุดลง ละอองดาวดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธะสัญญาที่ไร้รัก

แต่ทว่าสามีผู้หลงใหลในเรือนร่างคุณภรรยา กลับไม่ยอมหย่าให้!



เวลาต่อมา

เมื่อสตรีที่วาโยรักนักรักหนากำลังจะดับดิ้นสิ้นลมหายใจ เขาจึงอยากจะได้ใบหย่าไปให้สาวเจ้าชื่นชม

แต่ทว่า ตอนที่เธออยากหย่าเขาไม่ยอมหย่าให้ ตอนนี้ก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะได้มันไป เช่นกัน!

ความเจ็บปวดใดๆ ที่สามีเคยทำไว้กับภรรยา นาทีนี้ก็เตรียมตัวรับความเจ็บปวดเช่นนั้นกลับไป สองเท่าตัว!




ชื่อเดิม โสเภณีตีทะเบียน -> คมทันฑ์สิเน่หา -> มาจบที่ นางบำเรอตีทะเบียน ค่า
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามมิให้ผู้ใดทำซ้ำหรือดัดแปลงแก้ไข ใครอุบอิบเอาของเขาขอให้แฟนทิ้งแฟนมีหญิงใหม่ สาธุ ^/\^

เตรียมใจตั้งแต่เนิ่นๆ นิยายอัพถึงบทที่ 15 นะคะ อาจจะแถมให้ถึง 16 ถ้าคนอ่านช่วยกระหน่ำไลค์ แต่เรื่องอัพจบคงไม่อัพจบค่าเพราะนิยายเรื่องนี้อัพมาหลายรอบแล้ว แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ยังให้กำลังใจกันด้วยดี ป,ล ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยจร้า นักเขียนตัวน้อยยังด้อยประสพการณ์ ^/\^
Tags: ตีพิมพ์สำนักพิมพ์ธราธร

ตอน: บทที่ 9 หนามตำใจ 50% บีบอารมณ์สุดติ่ง Y^Y

นางบำเรอตีทะเบียน

คนที่เพิ่งหาวหวอดๆ พอกลับมาถึงห้องของผู้เป็นป้ากลับตาสว่าง สิมันตราเอนหลังราบไปบนฟูกหนาๆ ในห้องนอนของคุณแม่บ้านที่เธอมักมาค้างกับคนเป็นป้าเสมอหากว่ามาเยี่ยมนางที่นี่
กวางสาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวเมื่อยกสองฝ่ามือที่มีผ้าพันแผลพันโดยรอบขึ้นมาพิจารณา
“ป้าจ๋า คุณยักษ์เธอก็ใจดีนะ เมื่อวานเธอช่วยทำแผลให้ฉันด้วยล่ะ” คนสวยเปรยกับคุณป้าที่รักซึ่งกำลังควานหาผ้าเช็ดตัวในตู้ให้หลานสาวได้ใช้ ห้องสี่เหลี่ยมติดแอร์เย็นฉ่ำไม่ได้กว้างนักแต่ก็มีเครื่องอำนวยความสะดวกพร้อมสรรพนับว่าเป็นความเมตตาของคุณนายวิภาที่มีให้กับนางเจรียงคุณแม่บ้านผู้รู้ใจ
“ใจดีแล้วเราดีใจรึแม่กวาง” นางเจรียงดักคอหลานสาว
สิมันตราลุกมานั่งพร้อมหัวคิ้วมนๆ สีน้ำตาลเข้มขมวดเข้าหากัน หัวใจข้างในอกเกิดอาการหวิวๆ ระคนประหม่าประหนึ่งว่ากำลังทำความผิดแล้วถูกจับได้ คำถามแปลกๆ ของคนเป็นป้าทำเอาเส้นประสาททุกเส้นในร่างตื่นตัว
“กวางคิดยังไงกับคุณยักษ์?” นางเจรียงรุกไล่ด้วยคำถามตรงๆ
“หือ...ป้าถามหนูทำไมจ๊ะ หนูเปล่านี่ ก็...ปกติเหมือนกับเจ้านายคนอื่นๆ ของป้านั่นล่ะ” สิมันตราแก้ต่างแต่ไม่กล้าสบสายตากับคุณป้าที่รักได้แต่ก้มมองฝ่ามือที่มีผ้าสีขาวพันไว้ มันยังร้อนผ่าวเพราะพิษของแผลที่พุพองแต่เชื่อไหมว่านาทีนี้หัวใจเธอเจ็บกว่าฝ่ามือทั้งสองหลายเท่า เธอรู้ความหมายของประโยคนั้นของป้าเจรียงดี จู่ๆ นางคงไม่ถามหรอกถ้าไม่ได้เห็นอะไรผิดสังเกต
“ขอให้จริงเถอะ แล้วนี่เมื่อคืนใครช่วยอาบน้ำ” นางถามต่ออย่างจับผิด ช่วยไม่ได้ในเมื่อนางอยากรู้จริงๆ
“อาบเองสิป้า” คนหัวไวรีบตอบทันที ใบหน้าหวานที่จืดเจื่อนเล็กน้อยรีบยกยิ้มแก้เก้อเมื่อนางเจรียงจ้องตอบกลับมาตาไม่กะพริบ
“แล้วไป...อย่าให้รู้นะแม่กวางว่าไปทำอะไรไม่ดีไม่งามโดยที่ป้าไม่รู้ ตัวเองเป็นผู้หญิงมีแต่เสียกับเสีย ถ้าไม่รักนวลสงวนตัวระวังไว้เถอะวันข้างหน้าจะเสียใจ” นางเจรียงอบรมหลานสาวเพียงคนเดียว นางรู้ล่ะว่าอะไรเป็นอะไร ความรักที่ต่างกันทางฐานะทางสังคมนั้นอุปสรรคมันรอท่าตั้งแต่คนจนเกิดมาบนโลกใบนี้แล้ว
“ฉันไม่ทำอะไรให้ตัวเองเสียใจหรอกน่า” คนที่ไม่เคยเหลวไหลออกนอกลู่นอกทางเอ่ยตอบคนเป็นป้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแม้ว่าลึกๆ แล้วจะรู้สึกเหมือนวัวสันหลังหวะได้แต่ระแวงว่าคนเป็นป้าจะจับผิดได้เมื่อใด
สิมันตราคลานไปหาคุณป้าที่รักซึ่งหย่อนกายลงนั่งยังอีกฟากของเตียง กวางน้อยเข้าไปกอดนางแน่นๆ ก่อนซบหน้าลงกับตักเช่นที่เคย
“แน่ใจนะกวาง เรามันอยู่ละชนชั้นอย่าได้ตีตนเสมอท่านเข้าเชียว เข้าใจที่ป้าพูดใช่ไหม”
“เข้าใจจ้ะป้า ฉัน...เข้าใจดี...”
หลานสาวตอบคนเป็นป้าเบาๆ ราวกับว่าเป็นเสียงละเมอ หล่อนรู้เสมอว่าตัวเองเป็นใครไม่อาจเอื้อมไปตีตนเสมอท่านอย่างที่ป้ากล่าวหาหรอก เธอรู้ตัวดี...รู้ดีทีเดียว

เรือนไม้หอม เวลาเดียวกัน
ร่างสูงใหญ่ในชุดคลุมผ้าแพรสีน้ำเงินเข้มเดินลัดเลาะมาตามสวนดอกไม้เข้าสู่รั้วของเรือนไม้หอม ละอองดาวที่กำลังจะเข้านอนต้องลุกขึ้นมาเปิดประตูให้ผู้มาเยือนในยามวิกาล ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครที่กำลังเคาะประตูอยู่ด้านนอก
“ยังไม่นอนหรือ”
วาโยถามคนตรงหน้าทั้งๆ ที่เห็นว่าหล่อนยังลืมตาอยู่
“ค่ะ คุณมีอะไรจะใช้ดาวหรือเปล่าคะ”
ละอองดาวถามกลับไม่ได้เชิญเขาเข้ามาในห้อง แต่วาโยก็ดันร่างเธอให้ถอยหลังจนในที่สุดก็เป็นเขาที่เป็นฝ่ายปิดประตูลงกลอนให้เจ้าของห้อง
ยี่สิบนาทีผ่านไปคนทั้งสองนอนเคียงกันบนเตียงกว้างแต่ห่างกันคนละฟากฝั่ง ฝ่ายภรรยาได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกๆ ของสามีก็เริ่มจะรู้ในจุดมุ่งหมายที่เขามาในคืนนี้ เลยเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเสียก่อนจะได้ไม่ต้องทนฟังเสียงถอนหายใจให้ระคายรูหู
“อยากคุยเรื่องใบหย่าหรือคะ”
วาโยหันมาทางที่ภรรยานอนอยู่แม้ในห้องจะปิดไฟแล้วแต่แสงสว่างจากดวงไฟด้านนอกก็ส่องเข้ามาพอให้มองเห็นร่างอวบอิ่มที่นอนอยู่อีกฝั่ง
“ฉัน...ความจริงฉันไม่ได้อยากหย่านะดาวฉันพูดจริงๆ แต่วีนุตตราเธอสำคัญกับฉันมาก ฉันรักวีนุตตราเธอเข้าใจหรือเปล่า”
“เข้าใจ...เข้าใจดีเลยล่ะ แต่คุณก็น่าจะเข้าใจนี่นา ฉันบอกคุณไปแล้วว่าฉันไม่หย่าถ้าคุณอยากหย่าก็ไปฟ้องหย่าเอาเอง”
เสียงถอนหายใจเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหายใจเข้าออกแรงๆ อย่างคนที่ต้องการระงับความโกรธที่กำลังปะทุ เขาต้องการมาเจรจากับหล่อนดีๆ แต่จนแล้วจนรอดแม่ศรีภรรยาก็ยังเล่นตัวไม่ยอมหย่าให้
“ทำไม!?”
“ไม่ทำไมหรอกค่ะ แค่...ไม่ต้องการเห็นผู้หญิงคนนั้นมีความสุขก็เท่านั้นเอง”
น้ำเสียงเยาะหยันดังแทรกความมืดสลัว วาโยตาเบิกโพลงเพราะไม่คาดคิดว่าจะได้ยินมันออกมาจากปากของละอองดาว เจ้าหล่อนมีหัวใจหรือเปล่าถึงได้กล้าพูดออกมา ทำไมใจร้ายได้แม้แต่กับคนที่กำลังจะสิ้นใจเช่นนี้
“เธอมีหัวใจหรือเปล่าห๊ะ! ผู้หญิงใจร้าย!” สองมือของสามีคว้าร่างภรรยามาเขย่าจนหล่อนหัวสั่นหัวคลอน ละอองดาวเจ็บจุกในหัวใจจนไม่อาจเทียบได้ เขามาหาว่าเธอใจร้ายทั้งๆ ที่เขาทำกับเธอร้ายแรงกว่าหลายเท่าตัวนัก
หญิงสาวพยายามลุกนั่งให้ตรงก่อนจะสาดซัดวาจาใส่หน้าเขา
“ใจร้ายรึคุณโย แล้วคนที่กล้าบอกรักผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าเมียตัวเองนี่เขาไม่เรียกว่าใจร้ายหรือไงห๊ะ!”
นัยน์ตากลมโตเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตาแต่บังคับสุดชีวิตมิให้มันไหลหยด เขาไม่มีสิทธิ์มาว่าเธอในเมื่อสิ่งที่เขาทำก็ไม่ได้ต่างไปจากเธอสักเท่าไหร่ ร้ายแรงกว่าด้วยซ้ำ
“ก็ฉันพูดเรื่องจริง ฉันรักวีนุตตรา! ได้ยินไหมว่าฉันรักวีนุตตรา!”
เผียะ!!!
เสียงมือบางฟาดกระทบแก้มสากแรงๆ ช่างบาดหัวใจเจ้าของยิ่งนัก ละอองดาวอาศัยทีเผลอสลัดสองมือของวาโยให้พ้นตัวก่อนจะออกแรงฟาดแก้มเขาไปเต็มรัก
เธอรู้ว่าเขาคงเจ็บแต่เธอก็เจ็บเช่นกัน และหากว่าแสงสว่างด้านนอกสาดส่องเข้ามามากกว่านี้สักหน่อยคงได้เห็นซีกแก้มของสามีเกิดรอยแดงชัดเจนไปแล้ว เพราะเธอไม่ได้ออมแรงเลยกับการฟาดฝ่ามือลงทัณฑ์เขาในคราวนี้
“ขอ...โทษ...ดาวขอโทษ...” เธอรีบบอกด้วยความเสียใจอย่างที่สุด หวังว่าวาโยคงไม่ลุกมาบีบคอเธอหรอกนะ
“ฉันเกลียดเธอที่สุดเลย ยัยโสเภณี!”
คราวนี้หยาดน้ำตาของละอองดาวร่วงกราวบนฟูกหนา เขาช่างกล้าเอาภูมิหลังอันเป็นปมด้อยมาฟื้นฝอยหารอยตะเข็บให้เธอได้เจ็บได้อาย เขาตราหน้าว่าเธอเป็นโสเภณีทั้งๆ ที่เธอไม่เคยรับแขกคนไหนเลยนอกจากเขาคนเดียวเท่านั้น วาโยเองก็รู้ดีในข้อนี้แล้วจะว่าเธอให้ได้เจ็บช้ำน้ำใจไปทำไม หรือเพราะเขารู้ว่าหากเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมามันจะทำให้เธอเจ็บได้ เขาก็เลยทำ!
“หึๆ งั้นก็ภูมิใจไว้เลยคุณโย เพราะภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณหล่อนเป็นโสเภณี ต้องให้ฉันไปบอกนักข่าวไหมห๊ะ! จะได้รู้กันทั้งประเทศ คราวนี้ล่ะนามสกุลจตุรศิลป์ได้ถูกขุดขึ้นมาประจานชาวบ้านแน่ๆ”
ละอองดาวหัวเราะในลำคออย่างเจ้าเล่ห์ เธอไม่เคยคิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ หรอกแค่อยากตอกกลับเขาเอาคืนที่ทำให้เธอกับ...ลูก ต้องเสียใจ
“ฉันไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าเธอดีละอองดาว จำไว้เลยว่าฉันไม่มีวันให้อะไรๆ ก็ตามที่เธอร้องขอ ไม่ว่าจะเป็นเรือนไม้หอมหรือว่าความรักของฉัน ฉันไม่มีวันให้เธอจำเอาไว้!”
วาโยตะคอกใส่หน้าคนที่สาดซัดวาจาเข้าใส่เขา เจ้าหล่อนช่างใจทมิฬหินชาติกล้าเอานามสกุลของบรรพบุรุษมาต่อรอง เขาไม่ได้กลัวเลยหากมารดาจะไม่ได้ภาคภูมิใจในนามสกุลนี้ บิดาที่ล่วงลับไปแล้วก็เช่นกัน ท่านคงทุกข์ใจอยู่บนสวรรค์หากเขาทำให้จตุรศิลป์ต้องด่างพร้อยหมองมัว
“ฉันก็ไม่เคยหวังว่าคุณจะให้นี่คะ ฉันอยู่ตรงนี้ก็มีความสุขดีแล้วนี่ แค่ได้เห็นคนที่ฉันรักยังอยู่ดีมีสุขฉันก็มีความสุขแล้ว”
“ละอองดาว! เธอนี่มันดื้อด้านจริงๆ”
วาโยไม่รู้จะสรรหาคำใดมาต่อว่าต่อขานกับภรรยา เขาหันไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียงเพื่อจะได้มองใบหน้าคนดื้อรั้นให้ชัดๆ เขาอุตส่าห์บอกอยู่ปาวๆ ว่าไม่ได้พิศวาสหล่อนจนอยากจะมอบความรักให้ แต่เจ้าหล่อนกลับพูดเป็นนัยออกมาได้ว่าไม่แคร์ขอแค่ได้รักเขาได้เห็นเขามีสุขใจก็พอ หน้าด้านเสียจริงแม่โสเภณี
สามีหนุ่มหัวใจวูบไหวเมื่อเปิดไฟขึ้นมาแล้วแสงที่กระทบใบหน้าของภรรยามิได้เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ เขาคาดว่าจะได้เห็นสีหน้าท่าทางที่อวดดีของศรีภรรยาแต่กลับกลายเป็นว่าได้เห็นเพียงหยาดน้ำตาอาบใบหน้าเศร้าหมอง
“เรามีสัญญาต่อกันอยู่เธอลืมแล้วหรือ” สามีหนุ่มเริ่มต้นเอ่ยช้าๆ ไม่มีการประชดประชันด้วยคำพูดไม่มีแรงกระแทกกระทั้นในน้ำเสียง หัวใจอันแข็งกระด้างดุจแท่นศิลาพลันไหวยวบด้วยหยาดน้ำตาของภรรยา
“ไม่ลืม...คุณต่างหากที่ลืม มันเลยกำหนดมาแล้ว คุณต่างหากที่ผิดสัญญา” ละอองดาวปาดน้ำตาช้าๆ หากเขาพูดดีๆ กับเธอบ้างไม่ใช้อารมณ์สาดซัดเข้าหาแล้วเธอจะกราดเกรี้ยวไปทำไม
“ฉันขอโทษในเรื่องนั้นด้วยนะดาว แต่ขอร้องล่ะ หย่าให้ฉันเถิดนะคนดี”
วาโยใช้น้ำเย็นเข้าลูบ เขาเอื้อมมือไปรั้งร่างอวบอิ่มเข้ามากอด นึกดีใจที่ละอองดาวไม่ขัดขืน บางทีถ้าเขาพูดกับหล่อนดีๆ ตั้งแต่แรกอาจไม่ต้องเสียเวลาโต้เถียงให้เจ็บใจเจ็บกายอย่างนี้
“คุณโยใจร้าย...ทั้งๆ ที่รู้ว่าดาว...”
มือบางของภรรยาวางแนบบนหน้าท้อง เขารู้แล้วมิใช่หรือว่ามีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ในนี้แล้วทำไมถึงใจร้ายกับลูกได้ลงคอเขาไม่รักเด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนี้บ้างเลยหรืออย่างไร คิดบ้างหรือไม่ว่าลูกต้องเป็นเด็กกำพร้ามีปมด้อยติดตัว เขาคิดบ้างไหม...
“ฉันรู้ดาว...ฉันรู้ว่าเธอคิดยังไงกับฉัน แต่เธอก็รู้ว่าฉันรักคนอื่น ฉันมอบ ความรัก ให้เธอไม่ได้จริงๆ”
“ไม่จริง...คุณโยอาจจะรักดาวแล้วก็ได้ แต่คุณยังไม่รู้ใจตัวเอง”
วาโยเวทนาละอองดาวยิ่งนัก หล่อนยังหลอกตัวเองไปวันๆ ว่าเขาอาจจะรักหล่อน นี่เขาทำอะไรผิดไปตรงไหน อุตส่าห์ทำตัวไร้หัวใจเวลาเข้าใกล้หล่อนแล้วนะ แต่สุดท้ายแม่ศรีภรรยาก็หลงรักเขาจนได้
“เราแต่งงานเพราะเงื่อนไขในสัญญาเธอน่าจะหักห้ามใจบ้าง” เขาเจรจาด้วยน้ำเสียงที่ใช้กับวีนุตตรา เสียงสะอื้นผะแผ่วของคนในอ้อมแขนกระทบหัวใจอันแข็งแกร่งของเขาจนแกว่งไกวไหวสั่น
“แต่ในสัญญาไม่ได้บอกว่าห้ามรักคุณนี่นา...ดาวขอโทษ...ฮึกๆ ดาวขอโทษค่ะคุณโย”
สามีที่หัวใจไหวยวบโอบแขนรัดร่างภรรยาแนบแน่นก่อนจะเอนหลังลากรั้งให้คนในอ้อมแขนล้มตัวลงนอนพร้อมๆ กัน เขากอดรัดร่างอวบอิ่มที่สะอื้นไห้จนกายสะท้านแล้วลูบหลังลูบไหล่เพื่อปลอบประโลมให้บรรเทาความช้ำชอกในหัวใจของภรรยา
วาโยรอจนเสียงสะอื้นเงียบหายจึงได้เอ่ยเบาๆ แทรกความเงียบสงัดของยามราตรี
“ฉันขอโทษ...ขอโทษที่ไม่ได้เขียนลงไปในสัญญา ขอโทษที่ไม่ได้บอกว่าห้ามรักสามีคนนี้ ฉันขอโทษละอองดาว”
เสียงสะอื้นที่เงียบหายชั่วนาทีมาบัดนี้กลับกลายเป็นเสียงร้องไห้โฮ ละอองดาวเจ็บช้ำเกินทน สามีที่รักช่างใจร้ายพูดออกมาได้ว่าห้ามรักเขา ใจคอเขาจะห้ามแม้กระทั่งหัวใจของเธอหรืออย่างไรเธอขอรักเขาไปอย่างนี้มันไม่ได้เชียวหรือ จะทำร้ายจิตใจกันไปถึงไหน
“ดาว..ฮึกๆ ดาว...เจ็บตรงนี้เหลือเกินคุณโย เจ็บเหลือเกิน ฮือๆๆ”
ละอองดาวจับมือของสามีมาวางทาบตรงตำแหน่งหัวใจ เธอไม่หวังให้เขารักเธอกลับมาแค่หวังให้เขารู้ว่าเธอรักและจะขอรักเขาตลอดไปก็พอ
สองร่างยังคงตระกองกอดกันบนเตียงกว้าง ความอ้างว้างในหัวใจของผู้เป็นภรรยามันมากมายเกินกว่าชายผู้เป็นสามีจะใช้ความเมตตาถมทับให้เต็มได้ วาโยหวังลึกๆ ว่าหากวันใดที่ละอองดาวไปจากเขาหล่อนจะได้พบผู้ชายที่รักหล่อนจริงๆ รักด้วยหัวใจที่ต้องการเห็นหล่อนเป็นสุข สามารถเติมเต็มไออุ่นแห่งรักถมทับแทนที่ความอ้างว้างหนนี้ที่เขาเผลอกระทำโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าเสียงหนึ่งที่อยู่ในซอกลึกสุดขั้วหัวใจจะกระซิบบอกว่าเมื่อถึงวันนั้นคนที่จะชอกช้ำระกำทรวงมากที่สุดคือตัวเขาเอง


อินเลิฟ http://www.inlove-book.com/n_novel_detail.php?ide=8481
สิรินดา http://home.love-stories.net/lovestories/room/Lilly Goodmanttp
ห้องสมุด ://www.hongsamut.com/readniyai.php?niyaiid=2797
เด็กดี http://writer.dek-d.com/valalee601/story/view.php?id=911052
ธันวลัยhttp://www.tunwalai.com/chapter/9194
ไลต์ออฟเลิฟhttp://www.lightoflovebooks.com/fiction.php?id=316



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 มี.ค. 2556, 07:57:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 มี.ค. 2556, 08:05:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 89302





<< บทที่ 8 ความยุ่งยากที่น่ารัก 100%   บทที่ 9 หนามตำใจ 50+70% บีบอารมณ์สุดติ่ง Y^Y >>
Lilly 15 มี.ค. 2556, 08:11:18 น.
มารอคอยเม้น Y^Y


kaelek 15 มี.ค. 2556, 09:34:12 น.
เมื่อไหร่พระเอกจะรู้ว่านางเอกท้องซะที สงสารอ่า


มะเหมี่ยว 15 มี.ค. 2556, 10:41:27 น.
นางเอกน่าจะมีหนุ่มมาติดพันจักคน
อยากรู้จังพระเอกจะทาอย่างไง


ลิลลี่ 15 มี.ค. 2556, 11:09:38 น.
หาหนุ่มนิสัยดีมาอยู่ข้างดาวซักคนเถอะ
วาโยใจร้ายมากอนู่กันมา3ปี แถมยังเป็น3ปีที่เอาเวลาไปดูคนรักของตัวเอง อยากเมื่อไหร่ก็มาหาดาว แล้วพอมาตอนนี้อยากจะหย่า ทำร้ายจิตใจด้วยคำพูด !!! เอะอะพอสู้ไม่ได้ก็เอาปมด้อยเรื่องโสเภณีมาพูด เป็นผชที่ไม่น่าเอาชีวิตมาฝากด้วยจริงๆ เพราะไม่รุ้ว่าอยู่กันต่อไปพอไม่พอใจฝ่ายก็จะเอาเรื่องนี้มาพูดให้ฝ่ายญเจ็บช้ำทุกครั้งไป


Lilly 15 มี.ค. 2556, 13:48:38 น.
อินจาดดดดดดดดดดดดดดดดด ^__________________^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account