ฤๅพรหมอธิษฐาน[จบแล้ว]
จารจำ ความหลัง ฝังจิต จารจิต ความรัก ที่มาดหมาย จารจด ความผูกพัน มิเสื่อมคลาย ใจสลาย จำพราก รักนิรันดร์
Tags: โรแมนติก พีเรียด

ตอน: บทที่ ๓.๒

คืนนั้นพลอยรุ้งได้รู้ว่าขุนเทพไกรศรติดสอยห้อยตามเสด็จในกรมไปอยู่ที่พิษณุโลก ได้ถวายการรับใช้ใกล้ชิดและช่วยราชการอย่างตั้งอกตั้งใจ เมื่อพม่าเข้ามาตีเมืองเชียงใหม่ใน พ.ศ.๒๓๔๐ ชายหนุ่มก็จับดาบเข้าร่วมในการศึกครั้งนี้ด้วย กระทั่งศึกครั้งนั้นจบลงด้วยการที่กองทัพพม่าพ่ายแพ้กระจัดกระจายหนีไป เขาจึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหมื่น สามปีให้หลังจึงเลื่อนเป็นขุนจวบจนทุกวันนี้

ปีนี้เสด็จในกรมย้ายกลับมาพระนคร เขาจึงตามเสด็จกลับมาประจำการที่นี่ และคาดว่าคงไม่ต้องไปประจำการที่ไหนไกลๆอีกต่อไปแล้ว

“กรุงรัตนโกสินทร์ของเราเว้นศึกมาได้สี่ปีแล้ว น้องหวังเหลือเกินว่าจะไม่มีศึกใดๆมากล้ำกรายอีก” ท่านผู้หญิงหันไปสบตาสามีแล้วทอดถอนใจ ขณะที่ขุนเทพไกรศรเอ่ยต่อว่า

“ยังวางใจมิได้ดอกขอรับ แม้ว่าศึกครานั้นพม่าจักแพ้ แต่พวกมันหาได้ถอยทัพกลับบ้านเมืองมันไปจนหมดไม่” เสียงห้าวลึกดุดันขึ้นเล็กน้อย หน้าตาคมสันก็เคร่งขรึมหนักเข้าไปอีก จนพลอยรุ้งคิดว่าผู้ชายคนนี้ทั้งขี้เก๊ก ทั้งดุ ทั้งเคร่งขรึมจนน่ากริ่งเกรง “กองทหารส่วนหนึ่งของพวกมันยังตั้งมั่นอยู่ที่เชียงแสน แม้จักไม่ได้ยกทัพมาตีเรา หากก็สมควรระแวดระวังไว้ก่อนขอรับ”

“ดูท่า...พม่ากับสยามคงต้องกรำศึกกันอีกนานกระมัง”

พระยาสุรศักดิ์เสนาพร่ำรำพันกับตัวเองด้วยสีหน้าหม่นหมอง ไม่ผิดกับท่านผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเวลาจะผ่านล่วงเลยมาหลายสิบปี แต่ท่านทั้งสองก็ไม่เคยลืมเลือนวันที่ต้องระหกระเหินหนีหัวซุกหัวซุนจากกรุงเก่าที่ถูกพม่าเผาทำลายจนเหลือแต่ซาก ความเจ็บแค้นและเศร้าสลดในครั้งนั้นยังฝังรากลึกในหัวใจโดยไม่มีทางลบเลือนไปได้ง่ายๆ ดังนั้นไม่ว่าจะมีศึกอีกสักกี่ครั้ง จะศึกเล็ก ศึกใหญ่ ผู้คนชาวสยามก็อดตื่นตระหนกอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้เลย...

พลอยรุ้งนั่งมองหน้าคนทั้งสามสลับไปมา เห็นความหม่นมัวอึดอัดในบรรยากาศจึงคิดหาเรื่องคุยเรื่องอื่นเสีย

“คุณแม่เจ้าขา ตกลงว่าพลอยไปงานลอยเรือเล่นสักวากับขุนเทพได้ใช่ไหมเจ้าคะ”

คำถามเรียกรอยยิ้มของผู้เป็นพ่อและแม่ได้เป็นอย่างดี ขณะที่บุรุษหนุ่มอีกคนกลับเพียงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น

“แม่พลอยเอ๋ย ปกติเจ้าไม่ค่อยชอบไปเที่ยวที่ไหนนี่นะ เหตุไฉนเดี๋ยวนี้จึงรบเร้าอยากไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่นักเล่า”

“พลอยโตแล้วเจ้าค่ะ อยากเปิดหูเปิดตาบ้าง”

“นั่นแน่ะ!” พระยาสุรศักดิ์เสนาหัวเราะก้องอย่างชอบใจ ก่อนเอ่ยชมว่า “เจ้านี่พูดเก่งขึ้นมากโขจริงๆ ลูกพ่อ”

หลังจากนั้นทั้งสามก็คุยกันไป หัวเราะกันไปสมใจพลอยรุ้ง บรรยากาศทึมเทาค่อยจางหายกลายเป็นรื่นรมย์ในเวลาอันรวดเร็ว สักพักใหญ่ๆขุนเทพไกรศรก็ขอตัวไปไหว้คุณเพ็ญที่เรือนเล็ก โดยเดินไปพร้อมกับพระยาสุรศักดิ์เสนาที่ต้องการไปสนทนากับภรรยารองและลูกสาวอีกคนหนึ่ง

ก่อนเข้านอน พลอยรุ้งอดคิดไม่ได้ว่า...ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปเพียงใด ผู้ชายไทยก็ล้วนแล้วแต่หลายใจไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ!



หลังจากหลับไปพักใหญ่ๆพลอยรุ้งก็ฝัน...ที่จำได้แม่นคือฝันเห็นคุณยายมุก น้าเพชร และแม่นิ่มกอดกันร้องห่มร้องไห้อย่างน่าสงสาร ฝันเห็นแม่ของเธอเอื้อมมือมาหา แต่เธอคว้าไว้ไม่ได้...ทำได้เพียงร้องเรียกหาเสียงสะอื้น ภาพนั้นแปรเปลี่ยนเป็นภาพของพ่อที่อ้าแขนจะโอบกอดเธอไว้ แต่เธอกลับลอยห่างออกมาทุกทีๆจนท่านลับหายไปจากสายตา รอบกายพลันมืดสนิท ก่อนใครคนหนึ่งจะปรากฏกายตรงหน้า...ก้องภพในชุดนักศึกษากำลังยื่นดอกกุหลาบให้เธอในวันที่ขอเธอเป็นแฟนวันแรก ตอนนั้นหญิงสาวจำได้ว่าใจเต้นแรงจนแทบจะปะทุออกมานอกอก ดีใจจนแทบตัวลอยเพราะแอบชอบเขามานาน

ก้องภพในเวลานั้นเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลประจำมหาวิทยาลัย มีสาวๆมาชื่นชอบกรี๊ดกร๊าดมากมาย แต่เขาก็เลือกเธอ...ผู้หญิงธรรมดาๆอย่างเธอที่ไม่ได้เป็นดาวคณะ ไม่ได้สวยเลิศเลอเพอร์เฟ็คแต่อย่างใด นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกอันดูสะอาดสะอ้านหล่อเหลาแล้ว พลอยรุ้งเห็นว่าผู้ชายคนนี้เป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว เขาไม่เคยแตะต้องเนื้อตัวเธอเกินความจำเป็น มากที่สุดก็แค่โอบกอดเท่านั้น สามปีที่ผ่านมาเขาสวมหน้ากากแห่งความเป็นสุภาพบุรุษไว้ได้อย่างไร เธอนึกสงสัยนัก...บางทีที่เขาทนมาได้นานขนาดนี้ คงเพราะยังหวังว่าเธอจะยินยอมทอดกายให้เขาในสักวันหนึ่งก็เป็นได้ หรือเขาอาจจะรักเธอจริงๆจึงไม่คิดหักหาญน้ำใจ ทว่า...หัวใจของเขานั้นแบ่งปันให้ผู้หญิงคนอื่นได้อีกหลายคน

พลอยรุ้งสะอื้นไห้ทั้งที่ยังหลับตา ความเจ็บปวดทิ่มแทงหัวใจจนกลั้นไว้ไม่ได้ จนกระทั่งนางพุดมาเขย่าตัวแล้วเรียกเสียงร้อนรน

“คุณหนู คุณหนูเจ้าขา เป็นอะไรไปเจ้าคะ”

หญิงสาวสะดุ้งตื่น ดวงตากลมโตแดงก่ำ คราบน้ำตาเกาะอยู่บนแก้มใส

“คุณหนูของบ่าว...ร้องไห้ทำไมเจ้าคะ”

แม่พลอยยกหลังมือเช็ดน้ำตาของตนแล้วสลัดศีรษะลบภาพใบหน้าหล่อเหลาของก้องภพไปเสีย ก่อนจะตอบว่า

“ฝันร้ายน่ะ พี่พุด ไม่มีอะไรหรอก” ว่าพลางเบือนสายตาไปนอกหน้าต่าง...ฟ้ายังไม่สาง แต่จะให้หลับต่อก็คงหลับไม่ลง จึงตัดสินใจฉวยผ้าแพรคลุมไหล่ เดินออกมานอกห้องแล้วบอกนางพุดว่าจะแปรงฟัน

ไม่นานนักนางพุดก็เตรียมขันน้ำกับกิ่งข่อยมาให้ เพราะพลอยรุ้งสนใจประวัติศาสตร์อยู่แล้ว จึงไม่ได้ตื่นตระหนกกับวิธีการแปรงฟันของคนสมัยก่อนนัก เพียงแต่หวั่นใจเรื่องรสชาติเท่านั้น

อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับแปรงฟันนั้นไม่มีอะไรมาก เพียงแค่ชันน้ำหนึ่งขัน กิ่งข่อยขนาดประมาณ ๔-๕ นิ้วทุบปลายด้านหนึ่งให้นิ่มใช้สำหรับขัดฟัน และเกลือสะตุ

พลอยรุ้งเคยอ่านเกี่ยวกับสรรพคุณของต้นข่อยมาหลายครั้ง และเธอยังจำได้ว่าต้นไม้ชนิดนี้มีประโยชน์มากมาย...ใบข่อยเมื่อนำไปปิ้งให้กรอบ ใช้ชงกับน้ำ รับประทานเป็นยาระบายอ่อน ๆ หรือนำไปคั่วแล้วชงกับน้ำแก้ปวดประจำเดือนได้ เปลือกข่อยนำมารักษาแผล แก้ท้องร่วงและโรคผิวหนัง รากข่อยนำมารักษาแผลได้เช่นกัน ส่วนเมล็ดข่อยช่วยเพิ่มการเจริญอาหารได้ นอกจากนี้ คนสมัยก่อนยังเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นข่อยไว้ประจำบ้าน จะทำให้เกิดความมั่นคงและช่วยป้องกันศัตรูจากภายนอกได้ เพราะต้นข่อยเป็นต้นไม้ที่มีโครงร่างแข็งแรงคงทนและใบยังช่วยขจัดป้องกันพิษภัยได้อีกด้วย


พลอยรุ้งแปรงฟันเพียงครู่เดียวเท่านั้น ก่อนจะรีบบ้วนน้ำ รู้สึกว่าฟันยังไม่สะอาด แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อหลงมาอยู่ในยุคสมัยนี้แล้ว จะไปหาแปรงสีฟันกับยาสีฟันมาใช้คงไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน ร่างเล็กทอดถอนใจเดินกลับไปนั่งเท้าคางตรงกลางเรือน ตอนนั้นบ่าวไพร่เริ่มตื่นและลุกขึ้นมาทำงานกันแล้ว เช่นเดียวกับแม่ของเธอ พลอยรุ้งได้ยินเสียงแว่วๆดังมาจากโรงครัวทางด้านหลัง จึงเดินไปหา เห็นท่านกำลังสั่งการกับพวกบ่าวไพร่เรื่องหุงหาอาหารอยู่ เมื่อหันมาเห็นเธอจึงเอ่ยทัก

“อ้าว...แม่พลอย วันนี้ตื่นเช้าจริงเทียว”

“ไม่ดีหรือเจ้าคะ” เจ้าตัวว่าพลางยิ้มกว้างจนเห็นฟันเรียงเป็นระเบียบ ขณะที่ท่านกลับส่ายหน้า

“ยิ้มกว้างเห็นฟันแบบนี้ไม่งามหนา”

แม่พลอยหัวเราะเสียงใส ก่อนจะเข้าไปชะโงกดูบ่าวไพร่ทำอาหาร เพียงไม่นานสำรับอาหารเช้าก็เตรียมพร้อมเสร็จสรรพ และถูกนำมาวางตรงกลางเรือนเพื่อรอให้ท่านเจ้าคุณรับประทาน เช้าวันนี้เป็นเช้าแรกที่พลอยรุ้งได้รับประทานอาหารเช้ากับท่าน แต่มันคงไม่แปลกอะไร ถ้าภรรยาทองของท่านกับแม่หนูทับทิมจะไม่ได้หิ้วปื่นโตมาให้ถึงเรือนใหญ่

“อ้าว...แม่เพ็ญ มาทำไมแต่เช้ารึ”

“พอดีน้องกับทับทิมเข้าครัวทำของโปรดให้คุณพี่เป็นพิเศษน่ะเจ้าค่ะ”

คุณเพ็ญนั้นเป็นสาวใหญ่ร่างสูง อวบนิดๆ อายุน่าจะน้อยกว่าท่านผู้หญิงลำดวนไม่กี่ปี หากสง่าราศีเทียบเท่าไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ยามมองผู้หญิงคนนี้พลอยรุ้งมักคิดถึงนักแสดงที่ได้รับบทบาทเป็นสาวใจกล้าบ้าบิ่น หรือไม่ก็ตัวอิจฉาอยู่ร่ำไป

คุณเพ็ญวางปิ่นโตลงบนพื้น นั่งพับเพียบแล้วยกมือไหว้อย่างชดช้อย ก่อนจะสั่งให้บ่าวไพร่ของตนนำไปใส่ถ้วย เมื่อบ่าวคนนั้นกลับมา พลอยรุ้งก็ได้เห็นว่าฝีมือทำอาหารของคุณเพ็ญไม่ได้น้อยหน้าท่านผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย

“ของโปรดคุณพี่ แกงมัสมั่นไก่อย่างไรเจ้าคะ ส่วนของหวาน...ขนมลูกชุบ แม่ทับทิมช่วยน้องทำตั้งแต่เมื่อวานแล้วเจ้าค่ะ”

“ขอบใจมาก แม่เพ็ญ แม่ทับทิม...มาๆ มาทานด้วยกันเถิด”

พระยาสุรศักดิ์เสนาชักชวน หากคุณเพ็ญปฏิเสธ ให้เหตุผลว่าเกรงท่านผู้หญิงจักลำบากใจ จากนั้นจึงขอตัวกลับเรือนหลังเล็ก พลอยรุ้งหันมามองท่านผู้หญิง เห็นสีหน้าของท่านยังเรียบเฉย กระทั่งท่านเจ้าคุณเอ่ยว่า

“เมื่อไหร่เจ้าสองคนจักดีกันเสียที”

“น้องก็ไม่ได้มีปัญหาอันใดนี่เจ้าคะ เชิญทานเถิดเจ้าค่ะคุณพี่”

บทสนทนาจบลงเพียงแค่นั้น ทั้งสองต่างรับประทานอาหารอย่างเงียบๆ ส่วนพลอยรุ้งมองซ้ายทีขวาที...แล้วนึกอยากให้ท่านเจ้าคุณมีภรรยาเพียงคนเดียวเหลือเกิน หญิงสาวปัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากใจ ก่อนก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารต่อไป เมื่ออิ่มแล้วจึงลองชิมลูกชุบสีสวย ทันทีที่กัดไปหนึ่งคำก็พบว่าลูกชุบนั้นไม่ได้ทำจากถั่วกวนเหมือนปัจจุบัน

“คุณแม่เจ้าขา ข้างในลูกชุบคือทำมาจากอะไรเจ้าคะ”

“เมล็ดแตงโมกะเทาะเปลือกแล้วเอามากวนจ้ะ”

พลอยรุ้งพยักหน้ารับ ก่อนรับประทานอีกสองสามชิ้น เมื่อรับประทานจนอิ่มแล้ว หญิงสาวจึงเดินไปส่งท่านเจ้าคุณที่ท่าน้ำพร้อมผู้เป็นแม่ จากนั้นทั้งวันเธอก็ได้แต่จับเจ่าอยู่กับบ้าน เดินเล่นไปทั่วเรือน เห็นทับทิมนั่งเล่นอยู่คนเดียว ตั้งใจจะเข้าไปชวนคุย แต่เด็กคนนั้นกลับรีบเดินกลับขึ้นเรือนไปเสียอย่างนั้น ท่าทางคุณเพ็ญคงห้ามไม่ให้พูดกับเธอกระมัง



ล่วงเข้าเดือนที่ ๑๑ พ.ศ.๒๓๔๔ พลอยรุ้งไม่ได้เห็นหน้าขุนบวรฤทธิเดช หรือขุนเทพไกรศรอีกเลย ท่าทางทั้งสองคงงานยุ่งจึงไม่ได้แวะเวียนมาหา ส่วนเธอได้แต่จับเจ่าอยู่กับบ้าน เดินดูบ่าวไพร่ทำงานหรือไม่ก็ไปนั่งเล่นที่ท่าน้ำกับนางพุด ตอนนี้เธอเริ่มชินกับการใช้ชีวิตที่นี่แล้ว มีหลายครั้งครั้งที่คิดถึงบ้านจนน้ำตารื้น บางครั้งก็นึกถึงก้องภพจนหัวใจเจ็บปวด แต่เธอก็บอกตัวเองให้เข้มแข็งเข้าไว้ อีกไม่นานบาดแผลในหัวใจจะจางหายไป ยิ่งเมื่อไม่ได้พบหน้าไม่ได้คุยกันเช่นนี้ เธอคงลืมเขาได้ง่ายดายนัก

ส่วนเรื่องกลับบ้าน...พลอยรุ้งเฝ้ารออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ทุกครั้งที่ตื่นมา เธอจะอยู่ในร่างเด็กคนนี้เสมอ กระนั้นเจ้าตัวก็พร่ำบอกตัวเองให้อดทนรอวันที่จะได้กลับไปสู่ร่างที่แท้จริง

ระหว่างนี้...พลอยรุ้งก็คอยวันที่จะได้ชมการเล่นสักวาทุกลมหายใจเข้าออกเช่นกัน จนกระทั่งเย็นวันหนึ่ง ขุนเทพไกรศรก็มาเพื่อขออนุญาตพาเธอไปงานลอยเรือสักวาที่คลองมหานาคอย่างที่ได้รับปากไว้

พลอยรุ้งตื่นเต้นและดีใจมาก แทบจะโผเข้ากอดเขาอย่างลืมตัว ยังดีที่นึกได้ว่าตัวเธอโตแล้ว มิใช่เด็กวัยแปดขวบอย่างแม่พลอย จึงเปลี่ยนเป็นการยกมือไหว้ขอบคุณอย่างนอบน้อม

“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ”

จากท่าน้ำบ้านพระยาสุรศักดิ์เสนา เรือลำน้อยที่ประกอบด้วยขุนเทพไกรศรผู้ทำหน้าที่พายเรือด้วยตนเอง แม่พลอยซึ่งนั่งพับเพียบเรียบร้อยหันหลังให้ชายหนุ่ม และนางพุดซึ่งกำลังชะแง้แลมอง หันซ้ายหันขวาอย่างตื่นเต้น บ่ายหน้าตรงไปยังคลองรอบพระนครที่ซึ่งคลาคล่ำด้วยเรือใหญ่น้อย และเรือสำปั้นมุ่งหน้าไปทิศทางเดียวกัน คือคลองมหานาคนั่นเอง เสียงพูดคุยดังไม่ขาดสาย บ้างก็ตะโกนทักกันหากรู้จักเคยคุ้นกันมาก่อน บ้างก็ส่งยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร ท่าทางเช่นนี้หาได้น้อยนักในยุคที่เธอจากมา...ชาวกรุงสมัยเธอนั้นหากยิ้มให้คนแปลกหน้าอาจจะถูกทักว่าเป็นบ้าได้ ที่แย่กว่านั้น ความจริงใจยิ่งหาได้ยากนัก เพราะต่างคนต่างสวมหน้ากากกันแทบทุกคน อย่างเช่นก้องภพเองก็สวมหน้ากากความเป็นสุภาพบุรุษ รักเดียวใจเดียว แล้วซ่อนความเน่าเฟะของตนเองไว้ภายในอย่างมิดเม้น

พลอยรุ้งระบายลมหายใจยาว หลังไหล่ตั้งตรงงองุ้มเล็กน้อย จึงทำให้คนที่นั่งอยู่ด้านหลังเอ่ยถามว่า

“ไม่สนุกหรือ หนูพลอย”

ร่างเล็กรีบนั่งหลังตรง แล้วหันไปตอบว่า

“เปล่าเจ้าค่ะ”

“อีกประเดี๋ยวก็จะถึงแล้ว ทนรอหน่อยเถิด”

แม่พลอยหันหน้ากลับไปทางเดิม กวาดตามองผู้คนทั้งชายหญิง ฝ่ายชายนั้นห่มผ้าสีสันดอกดวงคล้องสองไหล่ ส่วนฝ่ายหญิงนุ่งโจงและห่มผ้าสีสันสดใสเช่นเดียวกัน หญิงสาวได้ยินเสียงมโหรีแว่วมาให้ได้ยินก่อนถึงทางแยกออกสู่คลองมหานาค เมื่อเลี้ยวโค้งเข้ามาจนถึงวัดสระเกศ พลอยรุ้งก็ถึงกับนั่งคุกเข่าอย่างตื่นตาตื่นใจเมื่อเห็นเรือจำนวนมาก ในวัดและบริเวณโดยรอบก็มีผู้คนยืนเบียดเสียดกันพอสมควร

เมื่อเรือสักวาลำหนึ่งเริ่มร้องเพลง หญิงสาวก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี ดวงตากลมโตจับจ้องหนุ่มใหญ่ที่เรียกว่าพ่อเพลง กับสาวใหญ่ที่เรียกว่าแม่เพลงโต้ตอบกันอย่างสนุก ลูกคู่ที่อยู่ในเรือก็พากันส่งเสียงฮ้าไฮ้ เชี้ยบๆกันเป็นระยะๆ

พลอยรุ้งพยายามมองหน้าคนร้องให้ชัดๆ จึงยืดตัวขึ้น ความที่ไม่ชินกับการนั่งเรือทำให้เจ้าตัวโงนเงนไปมา เกือบจะล้มคว่ำตกน้ำแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะขุนเทพคว้าตัวเธอไว้ได้เสียก่อน หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกรัดเอว แถมตัวเองยังเซถลาหงายหลังซบลงบนอกกว้างอีกด้วย แม้เธอจะเคยมีแฟน แต่ก็ไม่เคยโอบกอดแนบชิดกันถึงขนาดนี้ ก้องภพนั้นเคยมากสุดแค่โอบไหล่เท่านั้นเอง ผลคือ...แก้มนวลปลั่งแดงเป็นลูกตำลึงสุกเลยทีเดียว

แม่พลอยรีบผละออกห่าง นั่งพับเพียบตามเดิม โดยไม่ลืมไหว้ขอบคุณคนช่วยตามมารยาทเสียก่อน ขณะขุนเทพก้มหน้ามากระซิบเสียงดุ

“ระวังหน่อยเถิด หากตกน้ำตกท่าไปอีกจะว่าอย่างไร เจ้าว่ายน้ำไม่เป็นไม่ใช่รึ”

พลอยรุ้งนั้นว่ายเป็นแน่ล่ะ แต่แม่พลอยคงว่ายไม่เป็นแน่แท้...จริงๆเด็กสมัยนี้น่าจะว่ายน้ำเป็นกันหมด หากสำหรับแม่พลอยแล้ว คงเพราะป่วยบ่อย ทั้งท่านเจ้าคุณและท่านผู้หญิงจึงไม่เคยปล่อยให้ลูกสาวลงน้ำเลยกระมัง

“เจ้าอยากเข้าไปใกล้กว่านี้หรือไม่”

คำถามถัดมาค่อยลดเสียงดุลง ดูอ่อนโยนขึ้น

“เจ้าค่ะ”

ขุนเทพไกรศรทำตามความต้องการของเธอ พายเรือแทรกผ่านเรือลำอื่นเข้าไปใกล้อีกนิด ตอนนั้นเองที่มีมือของใครบางคนมาวางลงบนศีรษะของเธอ ตอนแรกพลอยรุ้งคิดว่าเป็นมือของคนข้างหลัง แต่เปล่าเรือ...เมื่อหันไปมองเธอจึงเห็นว่าคนคนนั้นคือขุนบวรฤทธิเดช

“มาเที่ยวเหมือนกันหรือเจ้า”

เธอยกมือไหว้ แล้วตอบรับ...บังเกิดความรู้สึกแปร่งแปลกขึ้นมาในใจอีกคราเมื่อได้เห็นคนที่มีใบหน้าเหมือนก้องภพราวกับพิมพ์เดียวกันเช่นนี้ หญิงสาวกวาดตามองเรือของขุนบวรฤทธิเดชก็พบว่าเขามากับเพื่อนอีกสองสามคน ท่าทางคงแอบมาเหล่สาวๆเป็นแน่แท้

“ไว้ปีหน้า พี่จะพาเจ้ามาเอง...ดีไหม”

คนถูกชวนเลิกคิ้ว กะพริบตามองคนชวนปริบๆ

“มากับคนเคร่งขรึมเช่นนั้นจักสนุกได้เช่นไรเล่า แม่พลอย”

ขุนบวรฤทธิเดชแอบนินทาชายหนุ่มอีกคนที่ยามนี้นั่งหลังตรง ตัวตรง ทอดสายตามองมาโดยไม่เอ่ยปากอะไร เป็นพลอยรุ้งเองเสียอีกที่รู้สึกหงุดหงิดกับถ้อยคำนั้น จึงตอบไปว่า

“ไม่เจ้าค่ะ พลอยชอบมากับพี่เทพ”

คนถูกปฏิเสธส่ายหน้าน้อยๆ แล้วเอ่ยว่า

“ถ้าเช่นนั้นก็ตามใจเจ้าเถิด...แต่ถ้าวันไหนเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา บอกพี่ได้หนา พี่จักพาเจ้ามาเอง”เขาบูบศีรษะเธออีกครั้ง ก่อนเอ่ยลา “พี่มาตั้งแต่บ่าย ต้องกลับแล้วหนา เที่ยวให้สนุกเถิด ”ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนหันไปผงกศีรษะลาขุนทเพไกรศร แล้วสั่งให้ฝีพายพายเรือออกจากคลองนั้น มุ่งหน้ากลับบ้านทันที

คล้อยหลังขุนบวรฤทธิเดชจากไปไม่นาน ขุนเทพไกรศรก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า

“เจ้าชอบมากับพี่จริงๆน่ะรึ”

คนตัวเล็กหน้าร้อนผ่าว คิดหาคำตอบเป็นพัลวัน

“ไม่ทราบเจ้าค่ะ”

“ก็เจ้าเพิ่งพูดอยู่หยกๆ”

“พูดไปอย่างนั้นเองเจ้าค่ะ”

คนตัวโตเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพายเรือให้เข้าไปใกล้เรือสักวาอีกนิด ก่อนถามว่า

“ปีหน้า เจ้าจักมากับพี่อีกไหม”

“ปีหน้าพลอยต้องเข้าวังเจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าจะได้ออกมาหรือเปล่า”

“อ้อ...ถึงเวลาต้องเข้าวังแล้วรึ”

“คุณแม่บอกว่าจะพาไปถวายตัวกับเสด็จปีหน้าเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นพี่คงไม่ได้เห็นหน้าเจ้าอีกนานกระมัง”

ทั้งสองต่างคนต่างเงียบ นั่งฟังสักวาต่อไปอย่างเพลิดเพลินอีกสักพัก จากนั้นขุนเทพไกรศรจึงพาแม่พลอยกลับเมื่อเห็นว่าดึกแล้ว ใช้เวลาพอสมควรกว่าเรือลำน้อยจะมาเทียบท่า...นางพุดก้าวลงเรือก่อน ตามาด้วยแม่พลอย ร่างเล็กยกมือไหว้ขอบคุณ แทบจะไม่ได้เงยหน้ามองหน้าตาดุๆของคนพาเที่ยวเลยด้วยซ้ำ

“วันใดที่เจ้าจักต้องเข้าวัง แวะมาหาพี่หน่อยหนา พี่มีของจักมอบให้”

เขาทิ้งท้ายไว้เช่นนั้น ก่อนพายเรือกลับไปยังท่าน้ำบ้านของตน


################################################

พอหนูพลอยอายุ ๑๕ ก็ถือว่าโตเป็นสาวแล้วเจ้าค่ะ อิอิ ^___^

ขอบคุณที่ตามอ่านนะคะ
ขอให้มีความสุขเช่นเคยค่ะ
ศศิภา



ศศิภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 มี.ค. 2556, 14:39:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 มี.ค. 2556, 19:52:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 2397





<< บทที่ ๓.๑   เปิดจองค่าา >>
เคสิยาห์ 19 มี.ค. 2556, 15:17:12 น.
หนูพลอย 15 ขุนเทพ ก็ใกล้ 30ละ ถ้าผู้เขียนจะชอบ สว นิ


Auuuu 19 มี.ค. 2556, 15:58:43 น.
ฮิ้ววววววว


แว่นใส 19 มี.ค. 2556, 16:09:02 น.
จะฝากของแทนใจไว้เหรอจ๊ะพ่อเทพ


คิมหันตุ์ 19 มี.ค. 2556, 18:06:15 น.
แอร๊....สองหนุ่มรุมล้อม


mhengjhy 19 มี.ค. 2556, 18:13:13 น.
โอ้ย เขิลลลล 555


Pat 19 มี.ค. 2556, 19:30:27 น.
พี่เทพ 'หมาย' น้องพลอยแต่เด็กเลยนะคะ


ใบบัวน่ารัก 19 มี.ค. 2556, 21:00:59 น.
เซงกะการเป็นเด็กเรียบร้อย


หมูอ้วน 19 มี.ค. 2556, 23:23:28 น.
ใจหายแทนพี่เทพ หนูพลอยต้องเข้าวังซะแล้ว


kaelek 20 มี.ค. 2556, 00:11:34 น.
ยิ่งอ่านยิ่งฟินอ่า


icewinter 21 มี.ค. 2556, 21:50:11 น.
ว้าวรอคอยแม่พลอยอายุสิบห้า


Zephyr 25 มี.ค. 2556, 23:09:46 น.
ป๋าเทพเริ่มหลอกเด็กละนะ อิอิ
จะให้อะไรน้า ของแทนใจอ่ะเปล่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account