ปมร้าย หัวใจเสน่หา
รัชต์ วิศวกรหนุ่มออกตามหาความจริงเกี่ยวกับการตายของ ดวงดาว น้องสาวที่ตำรวจลงความเห็นว่าเธอฆ่าตัวตาย แต่อยู่ๆเขาก็ได้พบกับรักแรกอีกครั้งเธอเป็นคนช่วยเขาตามหาความจริง แต่ความจริงที่ว่ากลับทำให้เขาไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว!!
Tags: ปมร้ายหัวใจเสน่หา

ตอน: “ตอนที่ 5 คุก ”



กีหัวเราะในลำคอมองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาเจ็บปวดและเข้าใจ เธอเข้าใจดีถ้าเขาจะเลิกรักเธอเพราะสิ่งที่เธอพูดออกไป

“เห็นไหม นายทำไม่ได้หรอก เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงไม่เหมาะกับใครเจ็ดปีที่พวกนายถามหากันอยากรู้กันนักหนาว่าฉันหายไปไหน ฉันอยู่ในคุก ฉันฆ่าคนตาย พอใจหรือยังละ ความรักของนายมันสามารถรับอดีตของฉันได้ไหมละ? ”รัชต์เข้าไปสวมกอดหญิงสาวโดยที่เธอไม่ตั้งตัวทำให้เธอตกใจ กีรู้สึกได้ถึงน้ำใส ๆหยดลงที่บ่าตัวเอง

“ ไม่ว่าเธอจะเป็นอะไรฉันก็ยังรักเธอ ให้ฉันเข้าไปอยู่ในโลกของเธอเถอะนะกีรติ”น้ำเสียงทุ้มนั้นทำให้หญิงสาวนิ่งไป เธอได้แต่ยกมือขึ้นลูบหลังเขาเบา ๆ

กีหันไปมองผู้ชายที่นอนอยู่บนโซฟาแล้วก็แล้วหันกลับมาอ่านเอกสารตรงหน้าอีกครั้ง เธอหยุดชะงักเมื่อนึกไปถึงคำพูดของลุงจ่าธวัชชัยที่เคยพูดไว้เมื่อเจ็ดปีก่อน

“เมื่อไหร่ที่เธอจับปืนแล้วรู้สึกว่ามันคือเพื่อนคนเดียวของเธอ นั่นคือ เรื่องจริง โลกนี้ไม่มีความรักแท้และไม่มีเพื่อนแท้หรอกกี ”กีถอนหายใจยาวแม้เธอจะไม่เคยเชื่อในคำพูดนี้แต่ที่ผ่านมาทุกอย่างก็ได้ทำให้เธอรู้สึก ปานใจคือหนึ่งในคนที่ตอกย้ำคำพูดนี้อยู่เสมอ เธอไม่เคยโกรธที่ปานใจจะทำอะไรเพื่อให้ได้เรียนในสิ่งที่เธอคาดหวังมาตลอดแต่ที่เธอไม่เคยให้อภัยปานใจก็คือ การดูถูกความเป็นเพื่อน หนึ่งปีที่เธอทุกข์กับการตายของน้องชายและสี่ปีในรั้วที่เธอเรียกมันว่าคุก และสองปีกับการอยู่ในที่ ๆใครต่างเรียกมันว่านรก กียิ้มที่มุมปากเธอได้ทำทุกอย่างที่พ่อห้าม มันคือสิ่งที่เธออยากแก้แค้น คนที่ทำให้ครอบครัวของเธอสูญสิ้นไป เมื่อไม่มีแม่เธอก็หวังที่จะพึ่งพาพ่อ แต่แล้ว มันกลับกลายเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ พ่อแค่โกหก เพื่อให้ได้มาซึ่งยศ-ตำแหน่งที่สูงขึ้น แต่เธอกลับหนีวังวนของเรื่องสกปรกนี้ไม่ได้เลย เธอเองก็ทำเรื่องที่ตัวเองบอกว่ามันผิดเช่นเดียวกัน การทนทุกข์ในความผิดที่เคยทำไว้มันคือ คุก สำหรับเธอ

“เป็นอะไร” รัชต์ถามขึ้น แม้ว่าเขาอยากจะถามอย่างอื่นมากกว่าเพราะสายตาของกีเมื่อครู่ทำให้เขารู้สึกกลัว

“เปล่า ”

“เอ่อ ”สีหน้าหนักใจของรัชต์ทำให้กีรติเข้าใจดี

“นายอยากถามใช่ไหมว่า ฉันฆ่าคนตายจริงหรือเปล่า”

“ใช่”

“ฉัน ฆ่าเด็กคนหนึ่งเมื่อเจ็ดปีที่แล้วเพราะ เด็กคนนั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ขับรถชน น้องชายฉัน ”เธออธิบายง่าย ๆ แต่คนฟังได้แต่นิ่งอึ้ง เขานอนตะแคงมองหน้าขาวใสนั้นด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ กีรติตั้งใจที่จะปิดเรื่องบางเรื่องไว้ บอกเขาไปแค่นั้นรัชต์ยังตกใจถ้าพูดความจริงทั้งหมดเขาคงจะหวาดกลัวและรู้สึก มากว่านี้

“ฉันขอโทษที่ไม่ได้อยู่ด้วยในตอนนั้น ถ้าเธอบอกฉันซักนิด ”

“ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกรัชต์ สุดท้ายแล้ว ฉันก็ต้องสู้กับมันคนเดียว นายได้เบาะแสอะไรบ้างไหมเรื่องของดาว” เธอจงใจเปลี่ยนเรื่องรัชต์จึงหันไปหยิบเอาเอกสารในกระเป๋ายื่นให้ กีรับเอกสารมาอ่านคร่าว ๆ

“นายคนนี้คือเพื่อนสนิทของดาวเหรอ”

“ใช่ อีกอย่างเมื่อคืนฉันเจอนี่ด้วย” รัชต์ยื่นสมุดเลคเชอร์ให้กับกี เธอรับไปอ่านดูแล้วพยักหน้ารับ

“มันก็แค่เรื่องสันนิษฐาน ฉันไม่อยากให้นายหวังอะไรมากไปนะรัชต์” รัชต์ทำหน้าซึมลงไป แน่ละ เขาหวังกับเรื่องนี้ไว้มากเพราะความรู้สึกผิดมันทำให้เขาต้องการอะไรบางอย่างมาทดแทนความรู้สึกนั้น

“บางอย่าง เราก็ไม่สามารถทดแทนอะไรได้อีกแล้ว รู้เมื่อมันสายไปแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรื้อฟื้นเพื่อทำให้ตัวเองบริสุทธิ์”คำพูดที่เรียบๆนั้นบาดลึกเข้าไปในหัวใจของคนฟัง แน่ละ นั่นคือสิ่งที่รัชต์กำลังเป็นอยู่ เขากำลังหาความชอบธรรมให้กับตัวเอง

“ฉันขอโทษนะที่พูดตรงๆแต่ ฉันไม่อยากให้นายทำตัวอย่างนั้นเลย ถ้านายต้องการจะหาความจริงเพื่อช่วยเหลือน้องจริง ๆฉันก็จะช่วยแต่ถ้านายทำเพื่อแก้ต่างความรู้สึกของตัวเองแล้วละก็ หยุดเถอะเพราะมันคือการหลอกตัวเอง ” รัชต์นิ่งไปไม่ปริปากพูดอะไรออกมา กีจึงลุกไปชงกาแฟ เธอคิดถึงที่อยู่ของเด็กหนุ่มคนนั้น อาร์มชื่อดันมาตรงกับเด็กเสิร์ฟในร้านบลูเสียด้วย แต่ดูในรูปไม่ใช่คนเดียวกัน ที่อยู่บ้านเกิดอยู่ที่เชียงใหม่ บางทีเด็กคนนี้อาจจะกลับบ้าน

“พรุ่งนี้เธอลางานได้ไหม เราจะไปเชียงใหม่กัน”คำพูดประโยคนั้นทำให้กีมองชายหนุ่มที่นอนโซฟานิ่งตั้งแต่เธอเตือนสติไป

“ได้สิ ก็นายอยากก้าวเข้ามาในโลกของฉันเอง โลกของฉันก็คือความเป็นจริง ไม่มีการถอยหลังกลับ ถ้าพลาดก็คือพลาด ” รัชต์มองกี เธอยิ้มเหมือนกับครั้งแรกที่เจอกัน ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ว่าเบื้องหลังที่ผ่านมาไม่ได้สวยงามนัก แต่มันก็ต้องสู้กับความจริงที่เกิดอยู่ดี

ปานใจนั่งเหม่ออยู่ในห้องพัก เธอคิดถึงเรื่องในอดีตที่สืบเนื่องให้เกิดเรื่องในค่ำคืนที่ผ่านมาถ้าไม่มีกีรติซักคนเรื่องก็คงไม่เป็นอย่างนี้ เพราะกีคนเดียว กีแย่งทุกอย่างไปตั้งแต่วันที่เข้าเรียนม.ปลายเธอก็ชอบรัชต์แล้ว เขาป๊อปมากในหมู่สาว ๆเพราะทั้งเรียนเก่งและหน้าตาดี เธอยอมเข้าร่วมสภานักเรียนก็เพื่อได้ใกล้ชิดกับรัชต์บ้างแต่สุดท้ายเธอกลับพบว่ามันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยจนมาเจอเขาอีกครั้งเธอดีใจแค่ไหนที่เขายังคงไม่มีใครแต่กีรติก็กลับมาทำให้เรื่องมันพังลงอีกจนได้

“คุณหมอค่ะ” เสียงพยาบาลทำให้ปานใจหันไปมอง

“เอ่อ คุณหมอมีแผลน่ะคะ”สีหน้าตกใจของพยาบาลทำให้เธอก้มลงมองที่มือตัวเองซึ่งเลือดกำลังไหล สาเหตุก็มาจากปากกาที่อยู่ในมือหักโดยไม่รู้ตัว เธอกำมันตั้งแต่เมื่อไหร่? นางพยาบาลรีบเข้ามาช่วยทำแผลให้ทันที

นัทเดินเรื่อยเข้าไปในสวนสาธารณะเขาสำรวจสถานที่ในการทำโฆษณาตัวใหม่ด้วยความสนใจแต่บางเรื่องเมื่อคืนก่อนหน้านี้ทำให้เขาไม่ค่อยมีสมาธินัก มันเป็นเรื่องที่เขาเองก็สงสัยมานานเรื่องของปานใจและกีรติ เขาจำได้ว่าช่วงนั้นมีข่าวการจับกุมยาเสพติดและมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์และเสียชีวิตลงหลังจากเกิดเหตุไม่นาน ที่เขาสนใจข่าวนี้เป็นพิเศษเพราะพ่อของเขาเป็นคนดูแลคดีนี้ร่วมกับเพื่อนนายตำรวจอีกหนึ่งนายซึ่งก็เพราะคดีนี้ทำให้ทั้งสองได้เลื่อนตำแหน่งใหญ่ในสำนักงานตำรวจ วันหนึ่งเขาและครอบครัวไปเยี่ยมเด็กผู้ชายคนนั้นที่เป็นเหยื่อในเหตุการณ์การยิงต่อสู้กันของตำรวจในคดีดังนั้น

เด็กคนนั้นอยู่ในอาการโคม่าระหว่างทางเขาเจอปานใจ เธอดูแปลก ๆแต่วันนั้นเขาไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก เมื่อไปถึงหน้าห้องพักคนป่วยกลับได้รับข่าวร้ายว่าเด็กคนนั้นเสียชีวิตแล้ว นัทและครอบครัวก็เลยเดินทางกลับ พ่อของเขามักจะพูดเสมอว่าเป็นหนี้บุญคุณเด็กคนนั้นซึ่งเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจ บางทีเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกัน
เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นทำให้เขาหันกับมาสนใจเรื่องในปัจจุบันทันที หน้าจอขึ้นตัวอักษรบอกชื่อคนโทร.มาทำเอาชายหนุ่มยิ้มกว้าง พ่อเป็นคนที่เขาคิดถึงและก็โทร.มาหาพอดี

“ครับพ่อ”

“เออ นัทจะกลับเร็วไหมลูก พอดีลุงเอกจะมาทานข้าวด้วย ”

“ครับพ่อ ลุงเอกลงกลับมาจากต่างประเทศเมื่อไหร่ครับ”

“เมื่อคืนนี้เอง มาถึงก็อยากคุยกับเราเลยนะ เห็นว่าจะพาลูกสาวมาด้วย” นัทฟังถึงแค่นั้นก็ยิ้มที่มุมปากเข้าใจประเด็นของเรื่องทันที

“เอ่อ พ่อครับผมมีงานด่วนแล้วค่อยคุยกันนะฮะ” นัทตัดสายแล้วถอนหายใจยาวเขาปดไปก็เพราะไม่อยากเป็นหมากที่พ่อจะเอาเข้าไปพัวพันด้วยแม้ว่าเขาจะรักพ่อแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องทำตามที่พ่อต้องการเสมอไป ช่วงนี้พ่อพยายามให้เขาอยู่ใกล้ครอบครัวของลุงเอกเพราะต้องการให้ได้รู้จักกับลูกสาวของลุงเอก นัทธีก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพ่อต้องทำอย่างนั้น สมัยนี้ใครจะชอบเรื่องคลุมถุงชน มันล้าสมัยแล้วแต่กลับยังมีให้เห็นและใกล้ตัวเขาเหลือเกิน เสียงเดินที่อยู่ด้านหลังทำให้เขาหันไปมอง หญิงสาวผมสั้นลองทรงใบหน้าเรียวท่าทางทะมัดทะแมงเดินเข้ามายกกล้องในมือชูไปมาให้เขาเห็น

“ขอโทษคะที่ทำให้ตกใจ ”เธอบอกพร้อมกับส่งยิ้มให้

“เอ่อ ไม่ฮะ ”

“คือแอบถ่ายรูปคุณไว้ โดยไม่ได้รับอนุญาตพอดีแสงกับบรรยากาศสวยมากอดใจไว้ไม่อยู่จริง ๆค่ะ”เธอบอกพร้อมทั้งจับผมตัวเองก้มหัวลงนิดหน่อยเป็นท่าทางการขอโทษที่เขาแอบอมยิ้มได้เลย เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มตัดกับกางเกงยีนส์สีซีด ท่าทางเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงแท้ ๆ

“ครับ ไม่เป็นไรแค่ไม่ตัดต่อเป็นภาพนู๊ดก็พอฮะ พอดีผมยังมีเพื่อนอยู่ในวงการบันเทิงเยอะเลยไม่อยากเป็นข่าวเท่าไหร่ ”เธอหัวเราะขึ้นมาพร้อมกันกับนัท

“เอ่อ ชื่อลินค่ะ เป็นช่างภาพนิตยสารอีสเพิ่งมาประจำที่ประเทศไทยเมื่อสองวันก่อนยินดีที่ได้รู้จักคุณ.”

“นัทครับ ผมทำงานในบริษัทโฆษณา” นัทเคยได้ยินชื่อนิตยสารนี้เช่นกัน เป็นนิตยสารประเภทสารคดีต่างประเทศซึ่งก็นำเสนอเรื่องของอารยธรรมในประเทศต่าง ๆ

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ บางทีเราอาจจะได้ร่วมงานกันก็ได้”

“ไม่ถึงขั้นร่วมงานได้ไหม เป็นเพื่อนกันเฉย ๆ ก็ได้ ลินเป็นคนไทยก็จริงแต่ไม่ได้โตที่นี่ดังนั้นจึงไม่มีเพื่อนหรือรู้จักใครซักคนเลย วันนี้มาเดินเล่นเพราะลินพักอยู่คอนโดติดกับสวนนี้นะคะ เลยมาเจอคุณเข้า .ถ้าเอารูปออกมาจะส่งให้ดูละกันคะ ”

“ยินดีครับ ถ้าไม่มีเพื่อนก็โทร.หาผมได้”นัทควักเอานามบัตรในกระเป๋าส่งให้หญิงสาว

“โอ จริงด้วย”เธอรับมาพร้อมกับหันซ้ายขวาไปค้นเอานามบัตรในกระเป๋ากล้องของตัวเองยื่นคืนให้ นัทรับนามบัตรเธอมาดู เอลิน ทานากะ ลูกครึ่งญี่ปุ่นอย่างนั้นหรือ? เขามองหน้าหญิงสาวอีกครั้ง เธอไม่มีแววความเป็นเชื้อญี่ปุ่นอย่างนามสกุลเลย

“ลืมเสียสนิท ลินมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งตอนที่ไปทำงานที่เอธิโอเปีย แต่เราห่างกันไปเมื่อปีที่แล้วเพราะเธอกลับเมืองไทยส่วนลินเองก็ติดไปทิเบตก็เลยไม่ได้คุยกันอีกเลย ตอนนี้ก็ติดต่อเธอไม่ได้เสียด้วยคะ”

“ครับ น่าเสียดายนะฮะ ”

“ค่ะ เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกันลินเลยรู้สึกดีที่เธอเป็นเพื่อนด้วย แต่การใช้ชีวิตที่นั่นออกจะเครียด ๆ เลยทำให้เราไม่สดชื่นกันเท่าไหร่ เอ่อ ลินคงรบกวนคุณนัทพอสมควรแล้ว ขอตัวนะคะ”

“อ่อ อะ ครับ ”นัทบอกลาหญิงสาวที่รู้จักใหม่ เขายิ้มเมื่อเห็นเธอเดินเรื่อยออกไปอีกทาง

โต้นั่งมองตึกที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็ถอนหายใจยาวเขาไม่อยากเข้ามาบริหารงานในมหาวิทยาลัยนี้เลยแต่เพราะพ่อทำให้เขาต้องทำ โต้โดนส่งตัวไปเรียนต่อต่างประเทศก็เพราะคำสัญญา เขาสัญญาไว้แล้ว ก็ต้องทำตามนั้น วันนั้นเขาต้องการแค่จะช่วยเพื่อนแม้ต้องแลกกับอนาคตของตัวเองก็ยอม ตลอดเวลาเจ็ดปีที่ผ่านมาโต้และกีรติทนทรมานเหมือนกับติดคุกเพราะการฝืนหัวใจตัวเอง โต้เรียนรู้งานจากพ่อตั้งแต่เช้าจนกลางวันเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากรัชต์ชวนกินข้าว โต้รับปากและเดินทางไปหาเพื่อนหนุ่มที่ร้านอาหารเขาคิดว่าจะได้เจอกีรติด้วยแต่ก็ไม่เห็นเธอเลย

“นึกว่ากีจะมาด้วย”โต้ทักเพื่อนเป็นประโยคแรก รัชต์มองโต้นิดหนึ่งมีคำพูดแวบหนึ่งของปานใจเข้ามาในหัวของเขาโดยไม่ตั้งใจ

“เปล่า เขาไปสะสางงานที่ร้านน่ะพรุ่งนี้เราจะไปเชียงใหม่กัน”

“งั้นหรอกเหรอ แล้วเป็นไงคืบหน้าหรือยังเรื่องของนาย”

“ก็ยังมองไม่เห็นแสงสว่างเท่าไหร่ ”คำตอบของรัชต์ทำให้โต้นิ่งไป

“ฉัน ไม่อยากให้นายติดอยู่กับความรู้สึกและอดีตของตัวเองเลยวะรัชต์ การที่เราติดอยู่กับอดีตมันก็มีแต่เจ็บปวด ลุกขึ้นสู้กับอนาคตดีกว่านะ ” รัชต์หัวเราะในลำคอ

“แปลกนะ นายกับกีพูดคล้าย ๆ กัน แต่พวกนายก็ยังช่วยฉันอยู่”

“เพราะเราเป็นเพื่อนกันไงวะ เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”โต้พูดพร้อมเอื้อมมือไปตบบ่าเพื่อนเบา ๆ

“เพื่อน เพราะเราเป็นเพื่อนกัน กีก็คงจะหมายความอย่างนี้เหมือนกันสินะ”คำตัดพ้อของรัชต์ทำให้โต้มองเพื่อนด้วยความสงสาร

“โต้ นายรู้เรื่องที่กีฆ่าคนตายไหม”คำถามนั้นทำให้โต้ชะงัก

“กีบอกนายอย่างนั้นเหรอ”

“อืม”

“เฮ่อ ฉันก็ไม่รู้เรื่องนี้เท่าไหร่หรอกแต่หลังจากที่น้องชายกีตายกีก็หายตัวไปเลย เรื่องหลังจากนั้น..ฉันรู้แค่นั้น”โต้กลืนคำพูดบางคำลงไปในลำคอ รัชต์มองเพื่อนหนุ่มสีหน้าไม่เชื่อว่าจะรู้แค่นั้น

“คุกที่ฉันเคยอยู่คือความรู้สึกเจ็บปวดในสิ่งที่ตัวเองเลือกแต่สำหรับกีฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”เหมือนโต้พยายามใบ้คำพูดออกไปแต่คนฟังก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

“ซักวันกีก็คงจะบอกนายเอง อย่ากังวลเรื่องของฉันหรือใคร ๆ ทำอย่างที่นายอยากจะทำก็พอ คนเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอดีตได้มีแต่ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่านั้นเองนะรัชต์”โต้บอกอย่างนั้นแต่เขาก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี โต้เจ็บที่ไม่สามารถทำอย่างที่อยากจะทำได้ รัชต์นั่งถอนใจทำไมเขาถึงได้รู้สึกอย่างนี้ หวงเพื่อน มันเป็นความรู้สึกที่ไม่อยากให้โต้กับกีได้เจอกัน ความอิจฉาอย่างนั้นหรือ หรือว่า ความหึงหวง เขาจะทนกับความรู้สึกแบบนี้ไปได้นานแค่ไหนกัน มันคือคำถามที่เขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้

โต้มองเพื่อนเก่าพลางคิดถึงเหตุผลของกีรติ เธอก้าวออกมาจากโลกของเธอก็เพราะรัชต์ เขาหวังว่าความรักครั้งนี้จะดำเนินไปด้วยดี สัญญาแล้วว่าจะเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์ของกีรติตลอดไป เขาต้องทำให้ได้

กีเก็บของใส่กระเป๋าไปไม่กี่ตัวเพราะเธอเชื่อว่าการตามหาเด็กหนุ่มที่ชื่ออาร์มนี้คงไม่ได้ยุ่งยากเท่าไหร่นอกเสียจากจะมีอะไรที่ไม่คาดคิดเท่านั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะความคิดและการกระทำของเธอ กีรติหันไปมองชื่อที่ขึ้นอยู่หน้าจอมือถือนั้นด้วยสายตาเหนื่อยหน่ายใจที่จะรับแต่เหมือนกับเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งที่เธอต้องจำใจรับมัน

“สวัสดีค่ะ”

“กี เย็นนี้ช่วยมาที่บ้านหน่อยได้ไหม ”เสียงนุ่มนั้นอ่อนหวานและอ่อนโยนแต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกชอบขึ้นมาได้เลย นานมาแล้วที่เธอพยายามที่จะเข้าใจ แต่ก็ทำได้แต่เพียงทำใจที่จะยอมรับเท่านั้นเอง

“เย็นนี้หนูไม่ว่างค่ะน้ามีอะไรหรือเปล่าค่ะ”

“พ่อ เขาอยากเจอ ”คำตอบนั้นกีรติเข้าใจดีว่ามันหมายความอย่างไรบ้าง คงไม่สามารถพูดออกมาได้ว่าคืออะไร แต่เวลาของเธอนั้นใกล้จะหมดลงแล้ว

“บอก เขา ว่า ขอเวลากีอีกเดือนก็แล้วกันค่ะ กีต้องสะสางเรื่องบางอย่างก่อนแล้วกีจะกลับไปค่ะ”แค่นั้นกีรติก็เป็นฝ่ายวางสายเอง
อีกไม่นานแล้วสินะที่เธอต้องกลับไปในที่ ๆเธอจากมา เธอเดินออกมาจากมุมมืดก็เพราะหน้าที่นี่คือสิ่งที่เธอพยายามบอกตัวเองอย่างนั้นแต่จริง ๆ แล้วกลับไม่ใช่อย่างนั้น เอกสารบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะทำให้เธอต้องถอนหายใจยาวเธออีกแค่เดือนเดียวเท่านั้นสำหรับเวลาที่เธอจะช่วยรัชต์สะสางเรื่องนี้ซึ่งอาจจะได้เบาะแสเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เมื่อคืนเธอนั่งเช็คอีเมล์จดหมายที่เอลินส่งมาให้หลังพิสูจน์หลักฐานที่ปานใจทำให้รัชต์ หมอที่เชี่ยวชาญด้านนิติเวชส่งข่าวถึงกันและเข้าไปตรวจสภาพศพดวงดาวอีกครั้ง ก่อนจะส่งเรื่องกลับมาหาเอลิน เอลินส่งต่อให้เธอ ข้อความบ่งบอกว่า ดวงดาวไม่มีคราบอสุจิในร่างกาย ปานใจโกหก โกหกไปเพื่ออะไรหวังอยากให้รัชต์สนใจเธอมากกว่าอย่างนั้นเหรอ?คิดได้ตรงนี้กีรติก็เหน็ดเหนื่อยใจที่จะคิดต่อปานใจเดินทางมาไกลเกินจะหยุดทุกอย่างไว้ ที่เล็บของศพมีคราบเลือดติดอยู่ รอยคล้ำที่คอมีสองรอย บ่งชี้ให้เห็นว่าเธอถูกฆ่าก่อนที่จะนำมาแขวนไว้ เสียงเคาะประตูทำให้กีรติรีบเก็บเอกสารเหล่านั้นเข้าไว้ในลิ้นชัก เดินไปดูในช่องมองเล็ก ๆ เมื่อเห็นว่าเป็นรัชต์จึงเปิดประตูออกไป

“ไปกันเถอะ”เขาพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ กียิ้มรับ

“เดี๋ยวเอากระเป๋าก่อน ”เธอว่าไปพร้อมกับเดินกลับมาสะพายเป้แต่รัชต์แย่งไปจากมือเสียก่อน

“ไม่เป็นไร เราแบกเองได้ของนายเองก็ออกจะเยอะ”

“ไม่หรอกไม่หนักซักนิด ”คำตอบของรัชต์ทำให้กีรติอมยิ้ม

“อย่างนี้แหละผู้ชาย แรก ๆ น่ะถือให้แต่พอซักพักนะ เดินนำหน้าลิ่วเชียว ”รัชต์หัวเราะกับคำพูดของเพื่อนสาว

“มันก็ใช่นะ เพราะความคุ้นเคยไงแต่จริง ๆ เขาไม่ได้ลืมหรอกนะ ”

“งั้นเหรอ ผู้ชายกับผู้หญิงนี่แตกต่างกันนะ ผู้หญิงจะเต็มร้อยและสม่ำเสมอแต่ทำไมผู้ชายถึงไม่ละ”คำถามของกีรติทำให้อีกฝ่ายขมวดคิ้วพยายามหาคำตอบให้

“เอ่อ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่ถ้าเป็นฉัน รักยังไงก็คือรัก ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”สายตาที่พูดออกมาเหมือนปากนั้นพลอยทำให้กีรติคิดได้ว่าพลาดไปเสียแล้ว

“อืม อย่าฝังใจอะไรนักเลย ซักวันต้องมีเรื่องที่ต้องเปลี่ยนแปลง ”

“ไม่เปลี่ยนหรอก ”เขาพูดได้แค่นั้นก็เดินแก้มแดงนำลิ่วไปที่บันได กีรติได้แต่รู้สึกเจ็บปวดอยู่ลึก ๆ เรื่องราวมันยากกว่านั้น ยากเกินกว่าจะเดินกลับไปยืนอยู่ที่จุดเดิม หากวันนั้นไม่เกิดเรื่องกับน้องชายของเธอ คำตอบที่เธอจะตอบเขา อาจจะทำให้เขามีความสุขกว่านี้ เธอรู้ความเป็นไปของเขาดีระหว่างที่เธอหายไป เธอรู้เพราะโต้เป็นคนส่งข่าวให้เธอเสมอ โต้รู้เรื่องทุกอย่างดีและพยายามทำให้มันดีที่สุดแม้ว่าเขาเองก็ไม่สามารถจัดการได้ทุกเรื่องก็ตาม

เอกพลนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ในห้องนั่งเล่น เสียงเดินเข้ามาในบ้านทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาบนผนังห้อง เวลาล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่แล้วหลายชั่วโมง คนที่เดินเข้ามานั้นก็คือ หนึ่งเดียว ลูกชายที่เคยเป็นความหวังของเขาแต่เมื่อหลายปีก่อนหนึ่งเดียวประสบอุบัติเหตุทำให้กระดูกเคลื่อนไม่สามารถสอบเข้านายร้อยตำรวจได้ หนึ่งเดียวก็เปลี่ยนไป

“นี่กลับเช้าเลยนะหนึ่ง”หนึ่งเดียวชะงักเมื่อได้ยินเสียง เด็กหนุ่มหันไปมองพ่อที่นั่งอยู่บนโซฟายาวห้องนั่งเล่น

“พ่อ นี่พ่อนั่งรอจับผิดผมเลยหรือครับ”เอกพลถอนหายใจ เขาไม่ได้ตั้งใจจับผิดใครเพียงแต่เพิ่งทำงานเสร็จเลยเดินลงมาหาน้ำดื่มเท่านั้นเอง

“ฉันไม่เคยคิดจะจับผิดอะไรแกนะหนึ่ง แต่การที่แกทำตัวแบบนี้มันดีนักหรือไง ฉันเป็นพ่อแก มีตำแหน่งหน้าที่ที่คนในสังคมเขายอมรับแต่แกทำให้มันเสีย ตลอดสี่ปีนี่แกทำอะไรให้ฉันชื่นใจได้บ้างไหม ”

“ใช่สิ ผมไม่ใช่สองนี่ที่ทำให้พ่อชื่นใจได้ทุกอย่าง ผมผิดหรือไงที่ทำไม่ได้อย่างที่พ่อต้องการ”หนึ่งเดียววิ่งขึ้นไปบนห้องไม่สนใจพ่อที่ยืนมองด้วยความเหน็ดเหนื่อยหัวใจเต็มที

เอกพลยอมรับว่าหนึ่งเดียวเป็นลูกชายที่เขาหวังไว้ว่าจะสืบทอดการเป็นตำรวจแต่แล้วก็พลาดทำให้เขาต้องหันไปบีบบังคับลูกสาวคนเดียวให้ทำแทน เขารู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นก็เพื่ออนาคตของลูก ๆ แต่สิ่งที่ทำลงไปกลับเป็นดาบสองคมทำร้ายพวกเขาด้วย สหรัถยืนมองเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่บนระเบียง พ่อเป็นคนเข้มงวดแทบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องครอบครัว เขาเองก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่พ่อต้องกำหนดกรอบเพียง เพียงแต่เขาต่างจากพี่น้องทั้งสองคน ที่เขาสามารถทำให้พ่อได้ แต่เขากลับพลาดในเรื่องอื่นแทน การยืนอยู่ในที่สูงใช่ว่าจะดีไปหมดเสียทุกอย่าง มันกลับเหน็บหนาวมากกว่าที่เห็นว่าสง่างาม





ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 พ.ค. 2554, 08:44:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 พ.ค. 2554, 08:44:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1786





<< “ตอนที่ 4 โลกของเธอ”   “ตอนที่ 6 ระยะทางของเรา” >>
lovemuay 28 พ.ค. 2554, 10:14:53 น.
สนุกดีค่ะ มาต่อเร็วๆนะคะ


ปูสีน้ำเงิน 29 พ.ค. 2554, 13:40:18 น.
ตัวละครเครียดทุกตัวเลย น่าสงสารนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account