ปมร้าย หัวใจเสน่หา
รัชต์ วิศวกรหนุ่มออกตามหาความจริงเกี่ยวกับการตายของ ดวงดาว น้องสาวที่ตำรวจลงความเห็นว่าเธอฆ่าตัวตาย แต่อยู่ๆเขาก็ได้พบกับรักแรกอีกครั้งเธอเป็นคนช่วยเขาตามหาความจริง แต่ความจริงที่ว่ากลับทำให้เขาไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว!!
Tags: ปมร้ายหัวใจเสน่หา

ตอน: “ตอนที่ 6 ระยะทางของเรา”

เอลินนั่งเหม่อมองหน้าต่างห้องทำงานออกไปพลางคิดอะไรบางอย่างได้ ความเบื่อหน่ายมันทำให้เธออยากหลุดออกจากวงโคจรของโลกเสียจริง เอลินกดหมายเลขโทรศัพท์ตามที่พิมพ์ไว้ในกระดาษเล็กๆเมื่อหลายวันก่อนที่เธอได้มา

“สวัสดีครับ”ปลายสายรับเสียงนุ่มสุภาพ เอลินอมยิ้ม

“สวัสดีคะ เอลินนะคะคุณนัทจำได้ไหม เมื่อวันก่อนที่เราเจอกันที่สวน ที่ฉันแอบถ่ายรูปคุณไว้น่ะคะ”

“อ๋อ ครับผม”

“คือลินมีเรื่องรบกวนน่ะคะ ”อีกฝ่ายนิ่งรับฟังสิ่งที่เพื่อนใหม่จะรบกวน

“เสาร์อาทิตย์นี้คุณนัทว่างไหมคะ ลินอยากชวนไปเที่ยววัดคะ ลินเพิ่งมาอยู่ไม่รู้จักที่ไหนเลยลินว่าจะไปถ่ายรูปน่ะคะ”

“อ๋อ ให้ผมเป็นไกด์เหรอครับ”

“ค่ะ ต้องรบกวนหน่อยนะคะ ไม่รู้ได้ไหม”เสียงหัวเราะปลายสายพลอยทำให้เอลินไม่รู้สึกเกร็งอย่างที่คิด

“ได้ครับไม่มีปัญหา เอ่อ เราเจอกันที่ไหนดีครับ”เอลินบอกสถานที่นัดพบให้ชายหนุ่มรู้ก่อนจะวางสายไป หญิงสาวยิ้มจนแก้มปริแรกเริ่มเดิมทีเธอคิดลังเลใจอยู่นานว่าควรจะโทรศัพท์หาเขาดีหรือไม่ นัทธีเป็นผู้ชายอ่อนโยนเธอมองออกแล้วก็ตรงกับผู้ชายในฝันของเธอเลย ที่ผ่านมาเอลินเติบโตมากับผู้ชายที่ดูโหดและใจเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวแถมยังเห็นผู้หญิงเป็นแค่เครื่องระบายอารมณ์เท่านั้น คนที่มีลักษณะเหมือนพี่ชายเธอไม่มีเลยจนเมื่อมาเจอนัทธีเอลินบอกกับตัวเองทันทีว่าเขาคือ ผู้ชายในฝันของเธอ!!


นัทธีมาถึงสถานที่นัดหมายก่อนเวลาเกือบสิบนาทีแต่ก็ยังช้ากว่าเอลินที่มานั่งรอเขาอยู่แล้ว นัทธีโบกมือเมื่อเห็นว่าหญิงสาวหันมาทางเขา

“ขอโทษครับผมมาสาย”

“ไม่ได้สายนี่คะ ก่อนเวลาตั้งเยอะ ลินมาก่อนเองต่างหาก”เอลินหันไปเรียกเด็กเสิร์ฟเข้ามารับคำสั่งใหม่จากนัทธี ชายหนุ่มสั่งกาแฟร้อนแก้วหนึ่งก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้

“เอาวัดแถว ๆ นี้ก่อนดีไหมครับ ”

“คุณนัทไม่ต้องรีบค่ะ ลินมีเวลาทั้งวัน ลินอยากถ่ายเป็นอัลบั้มรูปวัดไทยค่ะ ลินถ่ายเก็บไว้ในบล็อก ว่าง ๆ ก็เข้าไปดูนะคะ”เอลินเขียนที่อยู่ของบล็อกตัวเองให้นัทธีสีหน้ายิ้มแย้ม นานแล้วที่เธอไม่ได้อยากให้ใครที่ไหนเข้าไปดูตัวตนของเธอที่นั่น นัทธีรับมาเก็บไว้ในกระเป๋า

“ครับ ผมเชื่อว่ารูปที่คุณลินถ่ายต้องสวยแน่ ๆ”

“แหม อย่าชมเลย ยังไงวันนี้ก็ต้องรบกวนด้วยนะคะ”นัทธียิ้มรับ เขาไม่รู้สึกว่าเป็นภาระเลยด้วยซ้ำ เขารู้สึกถูกชะตากับนิสัยง่าย ๆ สบาย ๆ ของเอลิน เมื่อดื่มกาแฟเสร็จนัทธีก็พาเอลินตระเวนตามวัดที่ไม่ได้ไกลกันนักเพื่อไม่ให้หญิงสาวเหนื่อยเกินไป เมื่อจวนค่ำซึ่งหมดเวลาของแสงเอลินจึงเป็นฝ่ายชวนชายหนุ่มกลับ

“เดี๋ยววันนี้ลินพาไปเลี้ยงมื้อค่ำนะคะ ”นัทธีหัวเราะ

“ไม่มีปัญหาครับ ”นัทธีว่าพลางหันไปมองหญิงสาวเอลินคิดอะไรได้จึงหันไปเรียกเด็กที่เดินอยู่แถวนั้น

“น้องคะ รอบกวนหน่อย ถ่ายรูปให้พี่ที นะ ”ว่าจบเด็กน้อยพยักหน้าเอลินจึงวิ่งกลับมาหานัทธีสะกิดให้เขามายืนใกล้ๆ

“ถ่ายรูปด้วยกันซักใบนะคะ ลินชอบถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ มันเป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกดีมากเวลาเรากลับไปดู นะคะ หรือว่าไม่อยากมีเพื่อนแบบลิน”

“ไม่ ๆ ครับ ยินดีมากด้วย คุณลินน่ารักออกผมอยู่ด้วยแล้วสนุกดี เหมือนเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งเลย”เอลินยิ้มหวานจนประโยคท้าย ๆ นี่แหละเธอหุบยิ้มนิดหน่อยก่อนจะตีหน้าแช่มชื่นควงแขนชายหนุ่มหันไปหากล้องชูสองนิ้วพร้อมกันทั้งคู่


เมื่อกลับมาถึงห้องเอลินรีบถ่ายข้อมูลจากกล้องไปที่คอมพิวเตอร์ทันทีไม่ใช่ภาพวัดหรอกที่เธอต้องการจะดูแต่เป็นภาพคู่ระหว่างเธอกับนัทธีต่างหาก เมื่อเห็นแล้วก็ยิ้มออก

“ขอโทษนะกีเพื่อนรัก ฉันแอบกิ๊กเพื่อนแกวะ น่ารักดีออกจะตาย ใครว่านายเป็นตาเฉยกันนะ ”พูดพลางจัดการลดขนาดภาพลงเพื่ออับโหลดขึ้นบล็อกของตัวเอง เธอเขียนบรรยายง่าย ๆ ถึงสถานที่ต่าง ๆที่เดินทางไปและคนที่ถ่ายรูปด้วย

อีกด้านหนึ่งนัทธีลองเปิดเข้าไปดูในบล็อกของหญิงสาวที่เขาพาทัวร์วัดทั้งวัน ภาพที่ถ่ายวันนี้ได้ขึ้นเว็บแล้ว ฝีมือเธอดีจริง ๆ อย่างที่เขาคิด เธออธิบายเป็นภาษาอังกฤษกับรูปภาพต่าง ๆ และจบลงที่ภาพของเขาและเอลิน บรรยายง่าย ๆ ว่า

“เพื่อนใหม่ที่แสนดีของฉัน ขอบคุณที่พาเที่ยว”นัทธีอมยิ้ม เอลินเป็นผู้หญิงหรืออะไรก็ตามแต่เขาก็รู้สึกดีเวลาได้อยู่กับเธอ มิตรภาพของเพื่อนใหม่คนนี้ทำให้เขาสนุก เอลินไม่มีเรื่องทุกข์ใจเลยซักนิด เธอยิ้มได้กับทุกเรื่องเอาจริง ๆ เขาเหลือบมองหัวข้ออื่น ๆ มากมาย ที่เอลินเดินทางไปไม่ว่าจะเป็น ฑิเบต,เอธิโอเปีย ,จีน ล้วนแล้วแต่เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่ทั้งนั้น เพราะการเดินทางนี้ด้วยกระมังทำให้เธอเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ ถ้าหากเอลินเป็นผู้หญิงแท้ ๆ ก็คงจะดี


การเดินทางตั้งแต่ช่วงเย็นรัชต์เป็นคนขับรถ เขาจอดพักเป็นระยะเพื่อไม่ให้ง่วงจนเกินไป แม้ว่ากีรติจะบอกว่าผลัดกันขับได้แต่เขาก็ไม่ยอมอยู่ดี เสียงรถที่แล่นผ่านสวนไปมาหน้าร้านเซเว่นในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งทำให้กีรติรู้สึกเหนื่อยใจการเดินทางครั้งนี้เธออาจจะไม่ได้อะไรเลยกลับไปแต่อย่างน้อยมันก็จะมีหลักฐานเพิ่มมากขึ้น

“จริง ๆ แล้ว แค่นายยื่นคำร้องให้ทางนิติเวชพิสูจน์แค่นั้น ถ้าน้องสาวนายไม่ได้ฆ่าตัวตายเขาก็ต้องสืบหาให้ นายไม่ต้องมาหาเองก็ได้”กีเอ่ยเมื่อรัชต์เดินเข้ามา

“แล้วเธอละ ทำไมถึงช่วยฉัน”

“ฉันถามนายก่อนนะ”

“ฉันก็แค่ถาม เพราะน้อยคนนักจะเชื่อที่ฉันพูดแม้แต่พ่อของฉันเอง ที่ฉันพยายามตามหาความจริงก็เพราะ ฉันอยากรู้ให้แน่ชัดในความจริงของดาว เพราะดาวคือน้องสาวของฉัน น้องสาวคนเดียวที่ฉันมี ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอฉันก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งเหล่านั้น เมื่อก่อน ฉันแค่พูดคำว่ารัก แต่ไม่ได้ทำอย่างที่ปากพูด แต่ตอนนี้ฉันต้องการที่จะทำมันอย่างจริงจัง แม้ว่ามันจะสายไปแล้ว ”กีมองหน้าคนพูดที่แม้จะเศร้าแต่ก็ยังหันมายิ้มให้เธอได้

“คนเรามักจะรู้อะไรเมื่อมันสายไปแล้วเสมอละรัชต์ แต่ก่อนที่เราจะสายไปกว่านี้ขึ้นรถกันเถอะ”แม้จะมีคติอะไรออกมาจากปากของกี รัชต์ก็ยังได้ยินมุกตลกจากเธอเสมอ

“จริง ๆไม่ต้องรีบก็ได้นะ”

“รีบแหละดี ฉันไม่มีเวลาแล้ว”คำตอบของกี พลอยทำให้หน้าตาของรัชต์แปลกใจกับคำพูดนั้น

“ทำไมเหรอ”

“เอ่อ เพราะฉันลางานได้ไม่นานน่ะสิ” กีพูดพร้อมทั้งดันตัวของชายหนุ่มเข้าไปในรถ

“นี่ถ้านายไม่ไหวให้ฉันขับแทนก็ได้นะ”เธอบอกอย่างนั้นแต่กลับหันไปค้นในถุงอาหารที่ชายหนุ่มซื้อมาเมื่อซักครู่ หาอะไรกิน

“คงถึงที่โน่นสาย ๆ หน่อย เราแวะบ่อยแต่ก็ดีกว่าขับรีบ ๆ กลัวอุบัติเหตุ ปกติฉันขับรถเร็วนะแต่พอเห็นว่ามีกีด้วยก็เลยไม่อยากรีบเท่าไหร่”

“นี่นายน่ะ ค่อย ๆ หยอดได้ป่ะ อย่าหยอดบ่อยมันเลี่ยนเข้าใจป่ะ”กีพูดเป็นสำเนียงวัยรุ่นทำให้รัชต์อดหัวเราะไม่ได้ เขาขับรถต่อไปเรื่อย ๆ

“หลับได้นะ ”รัชต์บอกเพราะเห็นกีพยายามชวนเขาคุยตลอดเส้นทาง

“ไม่หรอก ไม่ไว้ใจนายขับรถ จะเป็นอะไรก็ขอให้เห็นเหตุการณ์หน่อยเถอะ ”รัชต์หัวเราะอีกครั้ง แม้ระยะทางหรือการควบคุมรถจะทำให้เขาหงุดหงิดแต่เมื่อได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของคนข้าง ๆ ความรู้สึกเหล่านั้นกลับหายไปหมด


เมื่อไปถึงตัวจังหวัดเชียงใหม่เขาก็ต้องตามหาบ้านของเด็กหนุ่มอาร์มอีกเพราะพื้นที่กว้างใหญ่อย่างเชียงใหม่การจะหาใครซักคนหนึ่งก็คงจะเป็นเรื่องยากอยู่เช่นกัน เมื่อเจอบ้านเลขที่นั้นทั้งคู่ต่างก็ยืนนิ่งด้วยความงวยงง สภาพบ้านไม้อยู่ในซอยลึกส่วนคนที่อยู่ในบ้านก็มีแต่ยายแก่ ๆคนหนึ่งเท่านั้น

“มาหาไอ้อาร์มมันทำไมละพ่อหนุ่ม”ยายถามซื่อๆ กีมองสำรวจบ้านเห็นเสื้อผ้าวัยรุ่นตากไว้ที่ราวข้างบ้าน รองเท้าผ้าใบก็วางไว้บนชั้นหน้าบ้านล

“คือผมเป็นพี่ชายของเพื่อนอาร์มน่ะครับมีเรื่องอยากจะถามเขาหน่อยนะฮะ” ยายมองหน้าคนทั้งคู่ด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจเท่าไหร่นัก

“มันไม่อยู่หรอก หายหัวไปตั้งแต่เย็นวานเห็นว่าจะออกไปหาเพื่อน มันเป็นอย่างนี้แหละตั้งแต่กลับมาอยู่บ้าน เรียนก็ไม่ยอมเรียนเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง แม่มันรึอุตส่าห์ส่งให้เรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯแต่ก็ไม่จบกลับมานอนกินบ้านกินเมืองที่นี่ งานการก็ไม่ยอมทำ ”เสียงบ่นของยายแม้ออกจะน่ารำคาญซักหน่อยแต่กีรติกลับรู้สึกว่าได้อะไรมากขึ้น อย่างน้อยก็รู้ว่าเด็กคนนี้กลับมาอยู่บ้านแล้ว

“แล้วพอจะรู้ไหมค่ะว่าบ้านเพื่อนอาร์มอยู่ที่ไหนคะ”กีถามพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ยาย ยายมองสายตาของกีรติแล้วก็ยิ้มกลับคืนให้

“ไอ้โป้งน่ะเหรอ อยู่ในตลาดมันขายของอยู่ที่นั่นถามหามันใคร ๆ ก็รู้จักหรอกแม่หนู แล้วตกลงมีเรื่องอะไรกับมันเหรอ”ยายถามสีหน้าสงสัยเต็มที่

“คือ พอดีน้องสาวเราหายน่ะคะเรามาตามหาเห็นว่าน้องอาร์มสนิทกันเลยมาถามน่ะคะเผื่อจะได้เบาะแส”กีพูดน้ำเสียงเศร้าจนทำให้รัชต์มองเพื่อนด้วยความทึ่ง

“โอ ตายจริง น่าสงสารนะ แต่ไอ้อาร์มมันกลับมาคนเดียวไม่มีผู้หญิงมาด้วยหรอกนะ”กียิ้มกว้างเข้าใจเจตนาของยายแม้ปากจะบ่นหลานชายไปอย่างนั้นแต่ใจจริงก็รักอยู่เช่นกัน

“งั้นผมออกไปก่อนนะครับยาย”รัชต์ยกมือไหว้กล่าวลาคุณยายอย่างนอบน้อม กีรติจึงทำตามแล้วเดินตามเขาไป

“เธอนี่เล่นละครเก่งใช่ย่อยนะเนี่ย”

“จะถือว่าเป็นคำชมนะ”เธอหันมาบอกยิ้มๆ

“ก็ชมจริง ๆ ไม่ได้ล้อเล่นซักหน่อย ”รัชต์บอกพร้อมกับสตาร์ทรถขับออกไป กีรติหันไปมองคลองข้างทาง คลองรอบเมืองมันก็สวยดีอยู่หรอกถ้าเป็นช่วงสงกรานต์ก็คงจะน่าสนุกเหมือนกัน สงกรานต์ครั้งสุดท้ายก็คือที่ร้านบลู ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยฉลองอะไรนอกจากนั่งมองคนที่เจ็บปวดอยู่ตรงหน้า ไม่มีร่องรอยของความสุข มีแต่ความเจ็บปวด และรอยน้ำตา เมื่อไปถึงตลาดการตามหาคนที่ชื่อโป้งไม่ใช่เรื่องยาก เด็กหนุ่มคนนั้นขายกางเกงยีนส์อยู่ในห้องเช่าในตลาดท่าทางเป็นเด็กแนวกวนประสาทพอสมควร

“ห๊า ไอ้อาร์มน่ะเหรอ มันกลับไปตั้งแต่เย็นวานแล้ว มายืมหนังผมแล้วก็ไปลองไปหาที่บ้านมันสิ ”คำตอบของโป้งทำให้ทั้งคู่ได้แต่ยืนนิ่ง

“ช่วงนี้เป็นอะไรวะมีแต่คนตามหามัน”โป้งบ่นเบา ๆ หันกลับไปจัดร้านต่อ

“มีคนตามหาอาร์มนอกจากเราอย่างนั้นเหรอ”กีรติถามน้ำเสียงแปลกใจ

“ใช่ ผู้ชายคนหนึ่งท่าทางดีเห็นว่าเป็นเพื่อนมันที่กรุงเทพฯแล้วพวกพี่เป็นใคร”โป้งถามคืนบ้าง

“อ้อ พี่สองคนเป็นพี่ของเพื่อนอาร์มที่กรุงเทพฯน่ะพอดีมาถามอะไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง”รัชต์บอก

“ขอบใจนะ”รัชต์บอกขอบคุณก่อนจะดึงกีที่ยืนนิ่งคิดอะไรอยู่นั้นออกมาด้วย

“มันชักจะแปลก ๆ แล้วนะ ”กีพูดพร้อมกับเดินเป็นหุ่น

“รีบกลับไปที่บ้านของอาร์มกันดีกว่าเผื่อว่าจะได้เบาะแสอะไร ”รัชต์พยักหน้ารับก่อนจะขึ้นรถขับกลับไป แต่ระหว่างทางเหมือนกับมีอุบัติเหตุด้านหน้าทำให้รถติดขัดเล็กน้อย กีรติมองกลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างคูเมืองนั้นด้วยความสนใจ รถของกู้ชีพเปิดไฟวิบแวบบ่งบอกว่าต้องมีเรื่องอะไรที่เกี่ยวแก่ชีวิตคนแน่ ๆ

“หยุดรถก่อน ”กีรติบอก รัชต์ทำสีหน้าแปลกใจเพราะเมื่อกี้เธอยังเร่งให้เขารีบกลับไปที่บ้านอาร์มอยู่เลยเมื่อหยุรถได้กีรติก็รีบกระโดดลงจากรถวิ่งไปที่เกิดเหตุทันที ภาพตรงหน้าของเธอคือ ตำรวจกำลังตรวจดูสภาพศพของผู้ชายคนหนึ่ง กีเดินนิ่งไปยังจุดที่ศพอยู่แต่ตำรวจนายหนึ่งดึงแขนเธอไว้

“เข้าไม่ได้นะครับ ”เขาบอก กีพยายามจ้องมองสภาพศพให้ชัดก่อนจะหยิบรูปในกระเป๋าเสื้อออกมาดูเทียบกับศพที่อยู่ตรงหน้า ใช่อาร์มจริง ๆ คนที่เธอตามหาอยู่ หน้าตาที่บวมอืดขึ้นนั้นไม่ได้ทำให้เสียเค้าโครงหน้าตาเดิมซักเท่าไหร่ มือของศพกำแน่น หน้าคล้ำไม่ซีดอย่างที่ควรจะเป็น เสียงหวีดร้องของยายดังมาแต่ไกลจนเมื่อมาเห็นศพกลับเป็นลมไปกองกับพื้นทำให้คนที่มุงอยู่รีบช่วยกันพยุงยายเอาไว้ กีมองภาพตรงหน้านั้นด้วยแววตาสลด แม้แต่รัชต์ที่เพิ่งมาถึงก็ได้แต่นิ่งอึ้งไป

“ทำไมถึงได้จมน้ำ ได้”เสียงร้องไห้ของยายซึ่งเพ้อไป ทำให้คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุต่างเศร้าสลดใจตาม ๆ กัน กีก้มลงช่วยบีบนวดยายอีกแรงหนึ่ง

“ทำไมละคะ อาร์มว่ายน้ำไม่เป็นเหรอคะ”

“มันว่ายน้ำเป็นทำไมถึงจมน้ำได้ ”คำตอบของยายย้ำความคิดบางอย่างของเธอได้เป็นอย่างดี กีรติลุกขึ้นหันไปมองด้านที่เป็นบ้านพัก คำนวณระยะทางจากตลาดมายังบ้าน หันไปมองจักรยานที่กู้ชีพเพิ่งงมขึ้นมาได้ เธอเดินไปตามถนนมองร่องรอยที่พอจะเหลืออยู่ให้เห็นพื้นดินที่แฉะนั้นทำให้เธอหันไปมองริมคลองที่เหลือพื้นดินไว้เล็กน้อยก่อนจะฉาบพื้นซีเมนต์ไว้ตรงคลอง กีรติหันไปหารัชต์ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้กลับ

“เราคงต้องหาที่พักกันซักคืนก่อนที่จะกลับ เพราะท่าทางเรื่องจะต้องดูกันอีก”รัชต์พยักหน้ารับเดินนำหญิงสาวไปขึ้นรถ กีรติหันไปมองรอบ ๆ เพราะมีความรู้สึกเหมือนคนจ้องมองเธออยู่แต่ก็ไม่เห็นใคร เธอขึ้นไปนั่งก็คิดอะไรบางอย่างได้

“เดี๋ยว!! ไปที่บ้านอาร์มก่อน ”เธอคว้ามือเขาไว้ก่อนที่หมุนพวงมาลัยกลับ รัชต์ทำหน้าแปลกใจแต่ก็ทำตามกีรติบอก ขับตรงไปยังบ้านของอาร์มซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลย อาจจะเป็นเพราะอยู่ที่เกิดเหตุกันหมด กีรติสวมถุงมือที่พกมาด้วยก่อนจะกระโดดข้ามรั้วเข้าไปในตัวบ้าน

“นั่นเธอจะทำอะไรน่ะกี จะบ้าหรือไง”กีรติหันมามองเพื่อนหนุ่มเล็กน้อย

“ไม่เข้าถ้ำเสือจะได้ลูกเสือเหรอ ”เธอหันไปบอก

“นายอยู่นี่แหละ ดูต้นทางละกัน”เธอพูดจบก็เข้าไปในบ้านไม่รอที่จะฟังเสียงบ่นจากคนต้นทางเลยแม้แต่น้อย

“ยัยบ้าเอ๊ย ”เขาพูดได้แค่นั้นเอง ได้แต่ยืนมองต้นทางให้อย่างที่เพื่อนสาวสั่งการไว้ กีรติเมื่อเข้ามาในบ้านได้แล้วเธอก็สำรวจอย่างละเอียดค้นในห้องที่คิดว่าจะเป็นห้องของอาร์มเธอเจาะจงหารูปภาพระหว่างเด็กหนุ่มกับดาวแต่กลับกลายเป็นว่า ภาพบางส่วนหายไป เพราะเหมือนกับมีร่องรอยการฉีกออกไป อาจจะด้วยความรีบร้อนมากกว่าการกลัวที่จะทิ้งร่องรอยไว้ ความเกี่ยวข้องตอนนี้เริ่มชัดเจนแล้วว่ามีบุคคลที่สาม และที่สำคัญเขารู้เรื่องเธอและรัชต์ในการตามหาข้อเท็จจริง คนที่รู้เรื่องการตายของดาวดีอาจจะเป็นอาร์มซึ่งตอนนี้ถูกปิดปากไปสนิทแล้ว กีรติเดินออกมาสีหน้าเครียดๆนั้นทำให้รัชต์สงสัย

“เป็นไงบ้าง”

“ก็ พอได้ รีบไปก่อนที่คนอื่นจะมาเห็นดีกว่า”เธอปัดรีบกระโดดออกมาจากรั้ววิ่งไปที่รถ รัชต์ขับวนหาโรงแรมใกล้ ๆ แถวนั้น เขาจัดการเช็คอินห้องสองห้อง

“ขอโทษนะคะ พอดีว่าห้องเต็มถ้าพรุ่งนี้อาจจะมีอีกห้องได้ ตอนนี้เรามีห้องเหลือแค่ห้องเดียวต้องขอโทษจริง ๆนะคะ”รัชต์หันมามองกีรติเหมือนจะขอความเห็น

“ไม่เป็นไร เตียงคู่ไหมคะ”เธอถามพนักงานสีหน้าเป็นปกติรัชต์เป็นฝ่ายเงียบแทน

“คะ ”

“งั้นพักห้องนั้นแหละคะ”

“คะ”พนักงานสาวก้มลงเตรียมเอกสารไว้ให้รัชต์เป็นคนเซ้นต์เอกสารก่อนจะยื่นกุญแจให้ พนักงานถือกระเป๋าเดินนำไปที่ลิฟท์ รัชต์ก้มลงกระซิบที่หูเพื่อนสาว

“ไม่เป็นไรแน่นะ”

“อื่อ คิดอะไรเล่า ฉันไม่คิดอะไรเพราะยังคิดไม่ออก ตอนนี้ง่วงเต็มทีแล้ว”เหตุผลของกีทำให้รัชต์หัวเราะ

‘ไม่กลัวอะไรเลยหรือไง ฉันก็ผู้ชายนะ ’ รัชต์บ่นในใจจนเมื่อถึงห้องกีเข้าไปล้างหน้าก่อนจะทิ้งตัวลงนอนที่เตียงไม่ฟังเสียงอะไรจากใครทั้งสิ้น รัชต์อมยิ้มกับท่าทางอย่างนั้น

“นี่จะไม่อาบน้ำเลยหรือไง”ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่ายทำให้เขาเป็นฝ่ายเลิกพูดเอง

หันไปรื้อเสื้อผ้าเข้าตู้ทั้งของตัวเองและของกีรติ เขาจัดเตรียมไว้ให้หญิงสาวอย่างเรียบร้อยก่อนจะเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อออกมาจากห้องน้ำเขาก็ยังเห็นกีรตินอนหลับสนิทเขาจึงออกไปข้างนอกเพื่อหาอะไรกินบ้าง เขาเดินเรื่อยมาจนถึงห้องอาหารในโรงแรมสั่งกับข้าวง่าย ๆ ให้ตัวเองแค่อย่างเดียวเท่านั้น เมื่อทานข้าวเสร็จก็เดินไปหาซื้อขนมในร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆโรงแรมเขาหยิบแปรงสีฟันสีฟ้าและสีชมพูมาคู่หนึ่งในใจก็นึกถึงคนที่นอนหลับอุตุอยู่ในห้อง


นัทนั่งมองนาฬิกาข้อมืออยู่นานแม้ในที่ประชุมจะไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญแต่กระนั้นเพื่อนร่วมงานของเขาก็ยังมาสาย เจ้านายที่ชอบบ่นเรื่องงานที่ผ่านมาซึ่งแพ้คู่แข่งไม่เป็นท่าเลย

“อ้อ งานเลี้ยงเปิดสาขานิตยสารอีสนัทไปกับผมน่ะ”เสียงเจ้านายเอ่ยทิ้งท้าย นัทชี้หน้าตัวเองงง ๆ

“เออ นายนั่นแหละ เป็นหัวหน้างานโฆษณาให้เขาด้วย เพราะโปรเจคนี้ใหญ่ถ้าเราได้งานนี้มาก็เยี่ยมเลย”นัทเกาหัวนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้ารับ เจ้านายเขามักจะเป็นอย่างนี้ประจำ คิดได้ค่อยบอก? พอลืมก็หาว่าลูกน้องลืม จนเป็นคำอุทานว่า เจ้านายถูกเสมอ!!

“ครับผม”เขารับคำเดินตามเจ้านายออกไปตามที่สั่งไว้

“ไปกันคนละคันนะเพราะผมต้องไปทำธุระก่อน เจอกันในงานนะ”เจ้านายหันมาสั่ง นัทอมยิ้ม .ดีไม่เดินตามจนถึงลานจอดรถเสียก่อน นัทหันหลังกับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองเก็บของใส่กระเป๋าพร้อมกับหากุญแจรถ

“แล้วงานนี้จัดที่ไหนเนี่ย?”เขาบ่นขึ้นมา

“อ้อ ผมลืมบอก อยู่ที่โรงแรม นะ”เสียงเจ้านายเขาดังขึ้นด้านหลัง นัทสะดุ้งโหยง ทุกทีสิน่า

“ครับพี่โอ ”เขารับคำอีกครั้งแล้วเก็บของต่อ เมื่อเดินออกไปจากสำนักงานที่ลานจอดรถก็คิดถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่เจอกันล่าสุด เธอบอกว่าทำงานในนิตยสารอีส คงได้เจอกันอีกครั้ง ท่าทางเธอเป็นมิตรดีแม้ว่าจะเป็นทอมก็ตาม เมื่อไปถึงโรงแรมนัทก็มองหาเครื่องดื่มก่อนตามประสาผู้ชาย

“อ้าว!!คุณนัท มากับใครครับ”เสียงทักทายนั้นทำเอาเขาสะดุ้งหันไปยิ้มให้คนทัก คือ นุชิต เจ้าของบริษัทบ้านและที่ดินที่เขาเป็นคนทำโฆษณาให้

“สวัสดีครับคุณนุชิต”นัทยกมือไหว้

“มากับคุณโอฬารครับแต่ว่าตอนนี้ไม่รู้อยู่ที่ไหนพอดีต่างคนต่างมาน่ะครับ”

“อ้อ เป็นไงสบายดีไหมครับหลังจากที่โฆษณาตัวนั้นออกไปคนแห่มาจองโครงการเยอะทีเดียวนะ ”

“เป็นเพราะบ้านสวยด้วยแหละครับ”นัทตอบ พอดีกับมีเลขาคนสวยเดินเข้ามาเชิญนายนุชิตออกไปหากลุ่มนักธุรกิจอีกด้าน เขาก็เลยถือโอกาสปลีกตัวไปหาเครื่องดื่ม เอลินเอียงคอมองคนที่หาเครื่องดื่มนั้นอย่างสนใจ

“คุณนัท ”นัทหันไปมองตามเสียงเรียกเมื่อเห็นเป็นเอลินเขาจึงยิ้มให้

“สวัสดีครับคุณลิน”เอลินยิ้มให้เขาแฉ่งเหมือนเด็ก ๆ ยิ่งหน้าตาเธอก็เหมือนเด็กอยู่แล้วแม้จะเป็นเด็กผู้ชายก็ตามที วันนี้เธอสวมเชิ๊ตสีดำกับกางเกงยีนส์แม้จะไม่ค่อยเข้ากับงานเท่าไหร่นักแต่ก็ดูดีเช่นกัน

“สวัสดีคะ ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณนะเนี่ย ”

“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้มางานนี้”

“มันออกจะยิ่งใหญ่ไปหน่อยลินว่า แต่ก็เป็นที่คนจัดงานเขาอยากให้เป็นอย่างนี้”

“อย่างนี้แหละครับ ชอบยิ่งใหญ่ไว้ก่อน ”นัทเสริม เอลินเลยอมยิ้ม

“เดี๋ยวเลิกงานไปหาอะไรกินให้อิ่มท้องกว่านี้ไหม”เธอยักคิ้วให้เป็นนัย นัทเลยหัวเราะ

“โอเคฮะ ให้เปิดงานก่อนคุณเป็นเจ้าของงานไม่ใช่เหรอ”

“โอย ลินเป็นแค่พนักงานต๊อกต๋อย ไม่เด่นพอจะขึ้นแท่นประกาศบนเวทีหรอกคะ”คำตอบของเอลินทำให้เขาหัวเราะอีกครั้ง เธอเป็นผู้หญิงที่เข้ากับคนง่ายแถมมนุษยสัมพันธ์ดีจริงๆ

“พอดีผมอาจจะได้ทำโฆษณาให้นิตยสารอีส ไม่รู้คุณลินรู้เรื่องหรือเปล่า”

“อ้อ รู้ค่ะ หัวหน้าสั่งให้ลินนี่แหละเป็นคนดูเรื่องนี้ช่วยเพราะการตลาดเขาเพิ่งออก
ไปรอคนใหม่อยู่ค่ะ”

“งั้นก็พอดีเลยสิฮะ”

“ฮ่า ๆแปลกแต่จริงค่ะ ”คำพูดของเอลินทำให้นัทหัวเราะอีกครั้ง

รัชต์เดินเข้ามาในห้องพักพอดีกับเสียงโทรศัพท์มือถือดังเขาก้มลงมองหาตามเสียงซึ่งมือถือเครื่องที่ดังนั้นเป็นของกีรติ เขาชั่งใจนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง ชื่อที่อยู่บนหน้าจอนั้นบอกชื่อว่า จิตรา เขาจึงกดรับ

“พี่สาว ทำอะไรอยู่”เสียงที่สะท้อนมานั้นทำให้เขาต้องดึงมือถือออกมาดูชื่ออีกครั้ง

“เอ่อ กีไม่สะดวกรับโทรศัพท์น่ะครับ”รัชต์ตอบเสียงเรียบ

“แล้วคุณเป็นใคร”เสียงผู้ชายคนนั้นออกจะห้วน ๆ เมื่อรู้ว่าไม่ใช่เจ้าของเครื่อง

“ผมเป็นเพื่อนเธอฮะ แล้วคุณละเป็นใคร”

“ผมเป็นน้องชาย ”คำตอบนั้นทำเอารัชต์อึ้งไป น้องชาย!!! ไหนว่าน้องชายกีรติเสียชีวิตแล้ว?

“พ่อให้โทร.หาอยากให้พี่กีกลับบ้านเสียที ”ไม่ทันที่เด็กคนนั้นจะพูดต่อโทรศัพท์ก็โดนแย่งออกไป

“รับโทรศัพท์คนอื่นมันเสียมารยาทนะ”เสียงนั้นเรียบและเข้มจนรัชต์รู้สึกเสียวสันหลัง กีรติเดินเลี่ยงออกไปคุยด้านนอกห้อง รัชต์ได้แต่ถอนหายใจยาว

“หมายความว่ายังไง น้องชาย ? ”ไม่นานกีรติก็เดินกลับเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มกอดอกมองหญิงสาวนิ่งท่าทางเอาเรื่อง

“มองฉันอย่างนี้หมายความว่ายังไง?”เธอถามเสียงเข้มแววตาของรัชต์ก็เข้มไม่แพ้กัน

“ไหนว่าน้องชายเธอตายแล้วไง”

“ใช่ ”

“แล้วเมื่อกี้ใคร”

“น้องชายคนละแม่ .”

“เธอโกหกอะไรอยู่กี ทำไมต้องโกหกฉัน”

“แล้วทีนายละเสียมารยาทรับโทรศัพท์คนอื่นเขา”

“ถ้าไม่รับก็ไม่รู้หรอกว่าเธอโกหก”

“นี่นายจะหาเรื่องฉันทำไมเนี่ย”

“ฉันไม่ได้หาเรื่องแต่เธอทำให้มันเป็นเรื่องต่างหาก”

“แล้วนี่อะไร นายเป็นอะไรกับฉันถึงได้มาซักกันอยู่ได้ จะเป็นใครยังไงมันก็เรื่องของฉัน”ประโยคนื้ทำเอารัชต์ถอนหายใจหันหลังกลับเปิดประตูห้องเดินออกไป กีรติมองตามสายตาขุ่นเคืองนั่งลงอย่างหมดแรง พอดีกับเหลือบไปเห็นเสื้อผ้าที่พับไว้บนโต๊ะเรียบร้อย เหมือนกับถูกเตรียมไว้ให้เธอ ถุงขนมที่มีเบเกอรี่และแปรงสีฟัน รัชต์เตรียมไว้ให้เธออย่างนั้นหรือ? กีรติถอนหายใจยาวก่อนจะลุกขึ้นวิ่งตามชายหนุ่มออกไป เขาเดินไปได้ไม่ไกลนักเพราะกำลังเข้าไปในลิฟท์ กีรติรีบวิ่งไปกดลิฟท์เอาไว้ เดินเข้าไป รัชต์เสมองไปทางอื่นไม่สนใจหญิงสาวที่เดินเข้ามาอยู่ห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆนั้นด้วย

“ฉันไม่ได้โกหก เขาเป็นน้องชายคนละแม่จริง ๆ”เธอเอ่ยขึ้นเสียงเบา

“แล้วเธอจะกลับบ้านเมื่อไหร่ ”รัชต์ถามเสียงเรียบ

“ ”กีเงียบเสียงไป เธอไม่กล้าตอบ
เมื่อลิฟท์เปิดรัชต์คว้ามือกีรติมากุมไว้ก่อนจะจูงออกไปด้านนอกเขาผลักเธอเข้าไปในซอกมุมหนึ่งที่พอจะหลบสายตาคนได้ก่อนจะก้มหน้าลงมาใกล้จูบประทับไว้ที่ริมฝีปากสีชมพูนั้นเหมือนกับจะบอกว่าใครคือเจ้าของมันกันแน่ มือที่ล็อคอย่างแน่นหนานั้นไม่มีโอกาสออกมาทำอะไรได้เลยความโกรธที่แสดงออกมากับรอยจูบตั้งแต่แรกนั้นเริ่มลดลงไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นความอ่อนหวาน รัชต์เริ่มรู้สึกตัวจึงค่อย ๆปล่อยให้ปากอีกฝ่ายเป็นอิสระ เสียงหอบของทั้งคู่ทำให้เขาต้องหันไปมองรอบ ๆเพิ่งคิดได้ว่ามันล่อแหลมกับการที่จะมีคนเห็น

“ขอโทษ ”รัชต์พูดเสียงเบาแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือ

“ฉัน ”รัชต์ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไรดี เพราะความโกรธมันทำให้เขาทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัว

“อย่าพูดอีกเลย ยิ่งพูดฉันก็ยิ่งรู้สึกแย่”กีรติบอกพร้อมกับสะบัดแขนแต่ก็ไม่มียอมหลุด

“ฉันขอโทษที่จูบด้วยความโกรธ แต่เรื่องเมื่อครู่เรายังไม่เครีย กลับกรุงเทพฯคราวนี้เธอพาฉันไปที่บ้านด้วย ฉันอยากรู้เรื่องทุกอย่างของเธอ”

“ทำไมนายต้องทำอย่างนี้ด้วย”สีหน้าของกีรตินั้นสงสัยในสิ่งที่พูดจริง ๆ

“เธอไม่รู้เลยงั้นเหรอกี ”คำถามนั้นทำเอากีรติอึ้งไป

“เธอไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงได้ชวนเธอมาสืบเรื่องน้องสาว ถ้าเธอแกล้งไม่รู้มันก็ยังคงไม่แนบเนียนหรอกนะกี ทำไมทุกครั้งที่ฉันเข้าไปถึงหัวใจเธอทีไรเธอก็ปิดประตูมันเสียอย่างนั้น เธอกลัวอะไรอย่างนั้นเหรอกี เธอกลัวหัวใจตัวเองหรือเปล่า” กีสะบัดแขนออกอย่าสุดกำลังแต่รัชต์กำมันไว้แน่เหลือเกิน

“ไม่ ”

“เธอกลัว ”

“ไม่ใช่”กียังตอบเสียงแข็ง รัชต์ยิ้มมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่เริ่มเข้าใจมากขึ้น

“เธอกลัวที่จะพูดความจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเธอเองหรือเรื่องของหัวใจของเธอ
”กีกัดริมฝีปากแน่นด้วยความรีบสึกที่เริ่มบีบคั้น รัชต์ทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้น

“อย่ามามั่วนะรัชต์”

“แล้วอย่างนั้นหมายความว่าไง ฉันจริงใจกับเธอยอมเล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอฟังแต่เธอกลับปิดบังฉันทุกเรื่อง ”

“ถึงเราเป็นเพื่อนกันมันก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องรู้เรื่องทุกเรื่องของกันนี่”

“ก็เพราะเราไม่ใช่เพื่อนไงกี”คราวนี้กีเป็นฝ่ายอึ้งตาโตที่เขากล้าพูดออกมา
รัชต์ยิ้มเนื่องจากบางอย่างทำให้เขาเริ่มมั่นใจ เขามั่นใจว่ากีกำลังหนีเขา หนีที่จะตอบความจริง ความจริงที่เขารอมาเจ็ดปีเต็ม !!





ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 มิ.ย. 2554, 01:14:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ส.ค. 2554, 14:48:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 1842





<< “ตอนที่ 5 คุก ”   ตอนที่ 7 สถานะที่เปลี่ยนไปแค่ข้ามคืน >>
lovemuay 1 มิ.ย. 2554, 19:24:01 น.
เอ? ลินไปอะไร นัทถึงคิดว่าลินเป็นสาวประเภทสองหว่า?


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account