กุหลาบลายมุก
“กุหลาบลายมุก” เป็นผลงานรวมเรื่องสั้นเรื่องแรกของรัน ภายใต้นามปากกาใหม่ว่า ’รมิดา’ เกิดขึ้นจากความอยากแต่ง 555555 โดยถ่ายทอดผ่านการเม้าท์มอยของสาวๆ ในกลุ่มตระกูลชื่อ ‘มุก’ ทั้งหมด 4 สาวด้วยกัน ภายในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง

เรื่องสั้นนี้ จึงเป็นการรวบรวมหลากหลายอารมณ์รักของตัวละคร ซึ่งความยาว สั้น ของแต่ละตอนนั้นจะแตกต่างกันไป รันไม่ได้ฟิกว่าตอนของใครจะมีทั้งหมดกี่ตอน ยาว สั้น ขึ้นอยู่กับขอบเขตของเนื้อเรื่องที่รันอยากนำเสนอจ้า ^O^


**************

เนื่องจากมีวางขายแบบอีบุ๊คแล้ว รันจึงลบเหลือเพียงแค่ 3 ตอนเท่านั้นจ้า

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: มุกตะวัน (2)

มุกตะวันสะดุ้งเฮือก รับรู้ได้ถึงการสั่นเตือนของโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า หล่อนหยิบขึ้นมาดูทั้งที่ยังสะลึมสะลือ ขยี้ตาตัวเอง จำได้ว่าครั้งสุดท้ายหลบมาหามุมสงบหลังเคาท์เตอร์ร้านเพื่อเขียนไดอารี่ ไม่รู้เผลอฟุบหลับไปตอนไหน

แต่แล้วพอเห็นข้อความแจ้งเตือนที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ มุกตะวันเป็นต้องตาสว่างพลัน เหลือบมองเวลาบนนาฬิกาฝาผนังร้าน หันรีหันขวามองหาเลิกลั่ก สมุดไดอารี่หายไปไหนเนี่ย เขียนค้างไว้ด้วย

“หานี่อยู่เหรอ”

เสียงทุ้มคุ้นหุที่ดังมาจากด้านหลัง เรียกความสนใจจากมุกตะวันหันขวับไปทางต้นเสียง

ภูผานั่นเอง เขากำลังชูสมุดไดอารี่สีชมพูหวานแหววของหล่อนให้เห็นเต็มสองตา มุกตะวันถึงกับเบิกตากว้างแทบถลน ตะปบสมุดไดอารี่จากมือ ภูผามาทันควัน

“มะ...มันอยู่กับนายได้ไง”

“ตอนเธอหลับ ฉันเห็นมันหล่นตกอยู่ข้างเก้าอี้เธอน่ะเลยเก็บไว้ให้”

“แล้วนาย...เอิ่ม...นายคงไม่ได้อ่านไดอารี่ของฉันหรอกนะ”

เขาไม่ได้ตอบคำถามหล่อน แต่กลับโคลงศีรษะไปมาอย่างอ่อนใจ “เธอนี่จริงๆ ว่างไม่ได้เป็นต้องหลับตลอด ลืมไปแล้วรึไงว่าร้านกาแฟนี้ไม่ได้เป็นของฉันแค่คนเดียว ถึงวันนี้จะไม่ค่อยมีลูกค้า แต่เธอก็ควรจะช่วยฉันดูแลร้าน”

“รู้แล้วเจ้าค่ะคุณภูผา แต่วันนี้ดิฉันขอลางานครึ่งวันนะเจ้าคะ เผอิญมีธุระที่บ้านนิดหน่อย ไปล่ะ”

“อ้าว! เดี๋ยวสิมุก มุก!”

ไม่ฟังเสียงเขา มุกตะวันก็คว้าย่ามสะพายสีสันแสบตาของหล่อนพร้อมไดอารี่ ก้าวฉับๆ ออกมาจากร้าน

พ้นสายตาภูผามาได้แล้วนั่นแหละ หล่อนถึงกับพ่นลมหายใจออกมาดังพรืดโล่งออกอย่างบอกไม่ถูก

มุกตะวันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลากับข้อความแจ้งเตือนนั้นให้แน่ชัดอีกครั้ง ที่จริงแล้วหล่อนไม่ได้มีธุระด่วนที่ไหนหรอก แต่หล่อนตั้งใจไว้ว่าวันนี้จะออกไปหาซื้อวัตถุดิบมาลองทำช็อกโกแลตเค้กให้ภูผา เพื่อเตรียมเป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์ให้เขาต่างหากเล่า เย็นพรุ่งนี้แล้วด้วย ไม่อย่างนั้นเมื่อคืนหล่อนไม่มัวแต่นั่งงมหาสูตรขนมตามเว็บไซต์ต่างๆ ให้เสียเวลานอนหรอก ดูสิ เช้านี้ตื่นมาหน้าตาหมองคล้ำ ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้าเลย แถมยังมานั่งหลับสัปหงกในเวลางานให้ภูผาเทศนาจนหูชาอีก

ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ยัยมุก !

มุกตะวันโบกรถมอเตอร์ไซค์แถวนั้น ลงจอดหน้าซูเปอร์มาร์เก็ตระหว่างทาง ก่อนหอบของพะรุงพะรังกลับบ้าน มุ่งตรงเข้าครัวเป็นอันดับแรก จัดแจงแยกไข่ไก่ ผงโกโก้ โยเกิร์ตรสธรรมชาติ น้ำตาลทราย น้ำมันพืช ผงฟู แป้งเค้ก และนมสด ใส่ลงในถ้วยตามสัดส่วนที่จดไว้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นส่วนผสมสำหรับทำช็อกโกแลตเค้กทั้งสิ้น

คว้าตะกร้อตีไข่กับชามผสมมาวางบนเคาท์เตอร์ครัว หันไปเปิดคลิปสาธิตทำช็อกโกแลตเค้กในโทรศัพท์มือถือ หล่อนโหลดเก็บไว้พร้อมตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ก่อนทำตามอย่างคล่องแคล่ว เริ่มจากตีไข่ในชามให้พอแตก ค่อยๆ ใส่น้ำมันลงไปเป็นระยะๆ คล้ายทำน้ำสลัด พอสีออกมาข้นกำลังดีแล้วก็ตามด้วยน้ำตาลทราย โยเกิร์ต นมสด คอยคนให้เข้ากันสม่ำเสมอ จากนั้นมุกตะวันก็ร่อนของแห้งจำพวกผงโกโก้ ผงฟู แป้งเค้ก รวมกันทั้งหมดลงไปในชามผสมนั้น

ปกติหล่อนชอบทำขนมเบเกอรี่ง่ายๆ ให้คนที่บ้านทานเล่นกันอยู่แล้ว ช็อกโกแลตเค้กแค่นี้จึงไม่ใช่เรื่องยาก

พอคนจนกระทั่งเนื้อเค้กสีช็อกโกแลตละเอียด เหนียวข้น น่าทานแล้ว มุกตะวันก็จับเทลงบนพิมพ์รูปหัวใจ ซึ่งกรุด้วยกระดาษไขไว้แล้วเรียบร้อย ก่อนส่งเข้าเตาอบด้วยความมาดมั่น






************************




“ออกมาจากบ้านรึยังมุก ฉันมารอที่ร้านแล้วนะ”

ภูผากรอกเสียงผ่านสายโทรศัพท์มาหามุกตะวันในช่วงเย็นของวันถัดมา

สาวที่เพิ่งกดรับสายเขานั้น กำลังตาลีตาเหลือกวิ่งกึ่งกระโดดลงบันไดบ้านมาพร้อมชุดกระโปรงน่ารักๆ ด้วยเสื้อถักนิดติ้งตัวยาวสีครีม จับคู่อย่างลงตัวกับสร้อยคอเส้นยาวสีทอง เกล้าผมเป็นมวยหลวมๆ ไว้บนศีรษะ หล่อนตอบคนในสายเสียงปนหอบเล็กๆ เพราะรีบให้ทันนัดเขาอยู่เหมือนกัน

“ฉันเพิ่งแต่งตัวเสร็จน่ะภู แต่ไม่ต้องห่วงนะ อีกสิบนาทีเท่านั้นนายจะเห็นฉันโผล่ไปที่ร้านแน่นอน”

“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ ฉันแค่โทร.มาบอกให้รู้เฉยๆ ไม่ได้เร่ง...เธอแน่ใจนะว่ามาไหว” ประโยคท้ายภูผามีแววกังวลระคนห่วงใยอยู่ในที

ได้ยินเขาถามกลับมาเช่นนั้น คนฟังมีหรือจะไม่ยิ้มแก้มปริ

เมื่อเช้า มุกตะวันโทรศัพท์ไปบอกภูผาเองว่าไม่สบายเลยไม่ได้ไปทำงานทั้งวัน เขาคงเป็นห่วงหล่อนสินะ แต่หารู้ไม่ว่าสาวเจ้าไม่ได้เป็นอะไรสักนิด อาการป่วยก็แค่ข้ออ้างเพื่อที่จะได้มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจ ก่อนมาออกเดทกับเขาเย็นนี้ต่างหาก รวมถึงทำช็อกโกแลตเค้กแสนอร่อยใส่กล่องอย่างดีไปให้เขาด้วย หล่อนลงทุนทำเองชิมเองตั้งหลายครั้งกว่าจะออกมาสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้หล่อนเคยทำขนมมาเลยล่ะ เพื่อหวังว่าช็อกโกแลตเค้กรูปหัวใจนี้ จะทำให้เขารับรู้ความนัยในใจหล่อนได้บ้าง...สักนิดก็ยังดี

ลอบดีใจที่เขาก็เป็นห่วงหล่อนเหมือนกัน จึงตอบยิ้มๆ กลับไปให้เขาสบายใจว่า “ฉันหายดีแล้ว นายสบายใจได้”

ร้านที่ภูผานัดมุกตะวันมาทานข้าวเย็นในคืนวันวาเลนไทน์ด้วยกันนั้น เป็นสวนอาหารขนาดเล็ก ลักษณะเหมือนเจ้าของดัดแปลงบ้านพักอาศัยของตัวเองมาเป็นสวนอาหารเสียมากกว่า เห็นได้จากประตูทางเข้าซึ่งเป็นประตูรั้วบ้านธรรมดา เปิดโล่งต้อนรับคนด้านนอก

มุกตะวันเดินเข้ามาแล้วต้องตั้งหลักเล็กน้อย กวาดตามองหาภูผาท่ามกลางกลุ่มคนตรงหน้า

ด้วยความที่ร้านแบ่งสัดส่วนรับประทานอาหารเป็นภายในบ้านและสวนนอกบ้าน หล่อนต้องเพ่งสายตามากเป็นพิเศษ อาศัยแสงจากโคมประดับสวนมองฝ่าความมืดรอบกายไปตามโต๊ะอาหารทั้งหลาย เสียงจอแจของลูกค้าภายในสวนอาหาร ไม่ได้อยู่ในความสนใจของมุกตะวันแต่อย่างใด ยามนี้หล่อนใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก ตื่นเต้นที่จะได้มีคืนพิเศษในวันพิเศษกับภูผา เขาจะรู้บ้างมั้ยว่าหล่อนรอวันนี้มานานแค่ไหนแล้ว

ไม่นานมุกตะวันก็สะดุดตากับชายที่นัดหล่อนไว้ เขานั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งขวาของร้าน

ภูผาเห็นมุกตะวันเช่นกัน เขาโบกมือไหวๆ บอกให้รู้ว่าอยู่ตรงนั้น สาวเจ้าจึงไม่รอช้า สาวเท้าไวตรงดิ่งไปหาเขาพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวราวกับจะทะลุออกมาจากอกให้ได้ หัวใจของหล่อนพองโตตั้งแต่เห็นหน้าเขาแล้ว

แต่แล้วฝีเท้าเล็กๆ ต้องชะงัก

ช่วงเวลานั้นมีหญิงสาวอีกคนร้องทักหล่อนมาเช่นกัน หฤทัยนั่นเองที่เป็นเจ้าของเสียง เหมือนก่อนหน้านี้เจ้าหล่อนจะลุกไปไหนมาครู่แล้วเพิ่งเดินกลับมาที่โต๊ะขณะเดียวกับที่ภูผาเห็นมุกตะวันพอดี

หญิงสาวมาใหม่จากที่ฉีกยิ้มกว้าง ใจโผไปหาเขาแล้วจึงสะดุดกึก ไม่นึกว่าภูผาจะชวนเพื่อนรุ่นพี่มาด้วย เท้าที่ควรจะก้าวเดินจึงหยุดนิ่งเหมือนมีใครมาตรึงร่างทั้งร่างของหล่อนไว้ให้อยู่กับที่

“มุก ! มุก !”

มุกตะวันสะดุ้งคราเดียวกับรอยยิ้มสดใสเมื่อครู่เลือนหายพริบตา

ตั้งสติได้ถึงเห็นว่าภูผายังคงกวักมือเรียก ถ้าไม่มีเสียงเขาเรียกซ้ำหล่อนคงยังยืนค้างอยู่อย่างนั้น

หฤทัยซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วบนชิงช้าเบาะนุ่มดัดแปลงเป็นเก้าอี้สำหรับรับประทานอาหาร ตบเบาะข้างๆ เป็นทำนองชวนให้มุกตะวันมานั่งด้วยกัน สาวมาใหม่จึงยิ้มแห้ง ก้าวอย่างไม่ค่อยมั่นคงนักมาหาทั้งสอง ความหวังที่จะได้อยู่กับภูผาสองต่อสองพังทลายตั้งแต่เห็นหฤทัยโผล่หน้ามาแล้ว

มุกตะวันสบตาเพื่อนรุ่นพี่ของภูผาแล้วรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว ต้องผลุบสายตาหนียอมนั่งลงข้างหฤทัยอย่างว่าง่าย แม้ยังคงมึนงงกับภาพที่เห็น

“เห็นภูบอกว่ามุกไม่สบาย เป็นอะไรมากรึเปล่า”

“เอ่อ...มุก” พอหฤทัยไถ่ถามมาด้วยความเป็นห่วง คนมึนงงเลยพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากหัวสมอง “มุกแค่ปวดหัวนิดหน่อยค่ะ เอิ่ม...มุกไม่รู้ว่าเจ๊อ้นมาด้วย ขอโทษนะคะที่ให้รอ”

ไม่รู้หล่อนคิดมากไปเองรึเปล่าถึงรู้สึกเหมือนหฤทัยหันไปมองยิ้มๆ กับภูผา รอยยิ้มนั้นหมายความว่ายังไงกัน

“วันวาเลนไทน์ทั้งทีจะนอนเฉาอยู่บ้านไปทำไม ออกมาฉลองความโสดกันน่ะดีแล้ว พี่เองโสดจนชิน ก็ตั้งแต่โดนหนุ่มแถวนี้หักอกนั่นแหละ”

ภูผาถึงกับสำลักน้ำไอแค่กๆ หน้าดำหน้าแดง ต้องกระแอมเสียงเป็นเชิงขู่รุ่นพี่สาวอยู่ในที

“จริงสิ ลืมไปเสียสนิทเลย ฉันซื้อปากกามาให้ เห็นบ่นๆ อยู่ไม่ใช่เหรอว่าอยากได้”

“หือ เจ๊เนี่ยนะซื้อของให้ผม”

หฤทัยแยกเขี้ยวใส่ ก่อนหยิบของสิ่งนั้นในกระเป๋าสะพายส่งให้ภูผา มันเป็นปากกาตัดเส้นมียี่ห้อราคาแพง คนให้อุตส่าห์ติดโบว์เล็กๆ ไว้ที่ปลายด้าม ดูก็รู้ว่าตั้งใจซื้อมาเป็นของขวัญวาเลนไทน์ให้ภูผา

มุกตะวันเห็นแล้วหน้าเจื่อนสนิท อดไม่ได้ที่จะก้มมองของขวัญที่ตัวเองอุตส่าห์เตรียมมาเสียดิบดี มันยังคงหมกอยู่ในกระเป๋าย่ามสีสันแสบตา เมื่อเทียบกับของขวัญราคาแพงของหฤทัยแล้ว ช็อกโกแลตเค้กของหล่อนดูด้อยค่าไปเลย

อาหารเสิร์ฟลงโต๊ะบ้างแล้ว มุกตะวันจึงเบนความสนใจไปที่อาหารแทน ตักกับข้าวจานนั้นจานนี้ แต่หล่อนคอตีบตันทานอะไรไม่ลงสักอย่าง พานแต่จะเหลือบมองภูผากับสาวข้างกายอยู่ร่ำไป

หฤทัยไม่รู้ตัวหรอก เพราะมัวแต่ตักอาหารให้ภูผา ป้อนกันบ้าง หยิกแก้มกันบ้าง เอ่ยแซวหัวเราะกันมีความสุขเสียเต็มประดาราวกับโลกใบนี้มีกันอยู่แค่สองคน

ภาพเหล่านั้นทำให้มุกตะวันต้องเบือนหน้าหนี ก้มมองจานข้าวตัวเอง กำช้อนส้อมในมือแน่น

ลำพังแค่ต้องมารับรู้ว่าภูผาพาหฤทัยมาด้วยก็มากเกินพอแล้ว นี่หล่อนยังต้องมาจำทนเห็นทั้งสองเอาอกเอาใจกันอีกเหรอ ถ้าอยากมาสวีทหวานในคืนวันวาเลนไทน์กันมากนักจะชวนหล่อนให้มาเป็นก้างขวางคอทำไม ชวนหล่อนมาทำไม !

จู่ๆ มุกตะวันก็ลุกพรวด เล่นเอาหนุ่มสาวที่กำลังสวีทหวานกันอยู่ชะงักงัน

“อ้าวเจ้ามุก นั่นจะไปไหน”

มุกตะวันรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณขอบตา รู้ตัวดีว่าน้ำตากำลังจะไหล แต่ต้องพยายามกดมันไว้ ไม่อยากทำลายบรรยากาศทั้งสอง ฝืนยิ้มออกมา “มะ...มุกรู้สึกปวดหัวน่ะค่ะเจ๊อ้น ฉันขอตัวไปล้างหน้าในห้องน้ำนะภู”

ก้มหน้าก้มตาบอกเพื่อนเรียบร้อยก็จ้ำอ้าวออกมาจากตรงนั้น ตรงดิ่งไปยังห้องน้ำ

ภูผานั้นคงจับความผิดปกติของเพื่อนได้จึงทำท่าจะลุกตามออกไปแต่กลับถูกหฤทัยรั้งไว้ จึงมีเพียงเสียงภูผาเรียกดังตามหลังมา หากยามนี้มุกตะวันหูอื้ออึง ไม่ได้ยินเสียงใดทั้งนั้น นอกจากเสียงหัวใจของตัวเองที่กำลังร่ำไห้

พอหลบเข้ามาในห้องน้ำได้ มุกตะวันก็ขังตัวเองในห้อง น้ำตาไหลพรากอย่างยากที่จะควบคุม

ภายใต้ความเงียบงัน ภาพสวีทหวานของภูผากับหฤทัยบนโต๊ะอาหารฉายวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวสมอง ภาพเหล่านั้นคล้ายกับต้องการตอกย้ำหัวใจที่เจ็บปวดของหญิงสาว





************************



มุกตะวันปาดน้ำตาทิ้ง ก้มหน้าก้มตาตักช็อกโกแลตเค้กเข้าปาก ไม่สนใจว่าจะมีสายตาของลูกค้าในร้านกาแฟตัวเองมองมากี่คู่สายตา ขณะเดียวกันหล่อนไม่ได้รู้สึกเอร็ดอร่อยกับของหวานตรงหน้าสักนิด หล่อนแค่อยากกินให้หายแค้น

‘ฉันกับเจ๊อ้น เราเคยเป็นแฟนกัน’

‘...พี่เองโสดจนชิน ก็ตั้งแต่โดนหนุ่มแถวนี้หักอกนั่นแหละ’

เสียงภูผากับหฤทัยที่ต่างพูดถึงความสัมพันธ์ครั้งก่อนระหว่างกันและกัน ทำให้น้ำตามุกตะวันยิ่งไหลริน

หล่อนโง่เองที่หวังลมๆ แล้งๆ มาตลอดว่าภูผาจะหันมามองหล่อนบ้าง ทั้งที่สองคนนั้นแสดงให้เห็นชัดเจนขนาดนั้นว่ายังมีใจให้กัน ไม่อย่างนั้นคืน วาเลนไทน์นี้นายภูผาจะชวนหล่อนมาดูภาพสวีทหวานระหว่างเขากับหฤทัยทำไม

แล้วยังจะวันที่หฤทัยหอบของมาช่วยตกแต่งร้านอีกล่ะ

วันนั้น รุ่นพี่สาวพูดถูก ถ้าภูผาอยากได้ของพวกนั้นมาตกแต่งร้านด่วนเขาไปเอามาเองก็ได้ หรือไม่ก็วานให้หล่อนไปเอาที่บ้านเขา ไม่เห็นจำเป็นต้องรบเร้าให้หฤทัยหอบมาให้ถึงที่ร้านเลย นอกเสียจากเหตุผลเดียวคือเขาอยากเจอหน้ารุ่นพี่สาว ซึ่งเป็นเรื่องที่เดาได้ไม่ยากอยู่แล้ว แต่หล่อนเองที่กลับมัวแต่ปิดหูปิดตาตัวเอง เอาแต่เพ้อรำพันวาดฝันความรักอันสวยหรู แล้วหล่อนยังมีหน้ามาหลงคิดเข้าข้างตัวเองอีกนะว่าเขาชวนออกเดท เหอะ ช่างงี่เง่าสิ้นดี !

“สามสิบห้าบาทค่ะ”

คิดเงินลูกค้าทั้งที่ปากยังเคี้ยวตุ้ยๆ ทั้งน้ำตา ทอนเงินเสร็จก็กลับมาจ้วงช็อกโกแลตเค้กต่อ วันนี้ภูผาลางาน หล่อนอยู่เฝ้าร้านคนเดียว จะทำตัวน่าเกลียดแค่ไหนก็ไม่เห็นต้องแคร์

“ขอซื้อเค้กแบบเดียวกับที่เจ้าของร้านกำลังกินอยู่ได้มั้ยคะ”

“ชิ้นนี้ไม่มีขะ...ขาย...เจ๊อ้น”

มุกตะวันตาโตเมื่อลูกค้าอีกรายที่โผล่หน้าเข้ามาเป็นหฤทัย

เพื่อนรุ่นพี่ของภูผาหัวเราะร่วนให้กับความตะกละค่อนไปทางมูมมามของสาวตรงหน้า ไม่วายชี้นิดๆ ที่มุมปาก บอกเป็นนัยว่ามีช็อกโกแลตเลอะติดอยู่

มุกตะวันกลืนเค้กลงคอแทบไม่ทัน ก่อนใช้หลังมือปาดเช็ดคราบช็อกโกแลตนั้น ส่งยิ้มให้รุ่นพี่แม้แห้งแล้งไปหน่อยก็ตาม

“เจ๊อ้นมาหาภูเหรอคะ วันนี้ภูไม่สบาย เจ๊อ้นไปเยี่ยมภูที่บ้านได้นะคะ”

“เรื่องนั้นพี่รู้จากภูแล้ว”

คำตอบเจ๊อ้นไม่ได้สร้างความประหลาดใจแก่มุกตะวันสักนิด คนเป็นแฟนกันแถมยังอยู่บ้านติดกัน ทุกข์สุขอย่างไรก็คงบอกกล่าวกันอยู่แล้ว หล่อนก็แค่บอกไปตามมารยาทเท่านั้น

หากสิ่งที่หล่อนแปลกใจคือหฤทัยรู้แล้วแล้วยังมาที่ร้านกาแฟอีกทำไม แต่มุกตะวันทำทีเป็นไม่สนใจ หันไปจัดตู้เบเกอรี่ให้ดูวุ่นไปอย่างนั้นประหนึ่งไม่เห็นหฤทัยอยู่ในสายตา

รายนั้นลอบมองช็อกโกแลตเค้กด้านหลังมุกตะวันยิ้มๆ

“เค้กดูน่าอร่อยดีนะ ถ้าภูได้กินก็คงดี”

หฤทัยแกล้งพูดขึ้นมาลอยๆ และได้ผล

คนทำเป็นไม่สนใจชะงักเล็กน้อย เป็นหฤทัยที่เอ่ยต่อ “พี่ว่าจะเข้าออฟฟิศบ่ายๆ น่ะเลยแวะมาหาก่อน เมื่อคืน ทำไมเราถึงรีบกลับนักล่ะ น่าจะแวะมาบอกที่โต๊ะกันก่อนก็ยังดี”

“เผอิญมุกเห็นแท็กซี่วิ่งผ่านมาพอดีน่ะค่ะเลยไม่ทันได้ลา”

“พี่ก็ว่างั้นว่ามุกต้องมีเหตุผล นายภูน่ะสิห่วงมุกไม่เข้าเรื่อง รู้มั้ย พอเราหายกลับบ้านไปคน รายนั้นไม่มีอารมณ์กินข้าวเลย ดื้อจะมาตามเราที่บ้านให้ได้กลัวว่าเราจะเป็นอะไรไปนั่นแหละ”

สิ่งที่หฤทัยเล่าเรียกความสนใจจากมุกตะวันสบมองให้แน่ใจว่าไม่ได้หูฝาด

เมื่อคืน หลังจากลุกหนีมาเข้าห้องน้ำ ไม่นานหล่อนก็โทรศัพท์ไปบอกภูผาว่ากลับบ้านแล้วทั้งที่จริงหล่อนยังคงร้องไห้ตาบวมอยู่ในห้องน้ำ หล่อนไม่กล้ากลับไปเผชิญหน้าหฤทัยกับภูผาที่โต๊ะอาหารแล้วต่างหาก พอสบโอกาสเหมาะเห็นทั้งสองเผลอจึงแอบย่องออกมาขึ้นรถแท็กซี่หน้าสวนอาหาร

ไม่นึกว่าภูผาจะเป็นห่วงหล่อนด้วย นึกว่าเขาจะสวีทหวานกับหฤทัยจนลืมหล่อนไปแล้วเสียอีก

หฤทัยอ่านท่าทางสาวตรงหน้าออก แต่ยังคงทำเป็นเล่าแกมบ่นไปตามเรื่อง “สงสัยเมื่อคืนนายภูคงเครียดๆ นั่งตากลมมากไปหน่อย ก็เลยจับไข้เอาดื้อๆ แถมช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาได้พักผ่อน ยังไงปิดร้านแล้วเราไปเยี่ยมภูหน่อยแล้วกัน พี่เห็นสภาพภูเมื่อเช้าแล้ว...เฮ้อ”

บ่นจบ หฤทัยทำท่าจะหันหลังออกจากร้านไปง่ายๆ เสียอย่างนั้น ร้อนถึงมุกตะวันต้องร้องถาม

“ภูป่วยหนักมากเลยเหรอคะเจ๊อ้น”

“อืม ก็เอาการอยู่ เห็นว่านอนซมตั้งแต่เมื่อคืน”

“งั้นมุกฝากเจ๊อ้นดูร้านเดี๋ยวเดียวได้มั้ยคะ มุกอยากไปดูอาการภูนิดนึง ภูชอบดื้อไม่ไปหาหมออยู่ด้วย” เหมือนเป็นประโยคบอกเล่ามากกว่าคำถาม เพราะไม่ทันที่สาวข้างบ้านภูผาจะตอบรับ มุกตะวันก็เดินพ้นร้านกาแฟมาแล้ว




สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มี.ค. 2556, 16:33:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มี.ค. 2556, 16:33:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1349





<< มุกตะวัน (1)   มุกตะวัน (3) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account