กุหลาบลายมุก
“กุหลาบลายมุก” เป็นผลงานรวมเรื่องสั้นเรื่องแรกของรัน ภายใต้นามปากกาใหม่ว่า ’รมิดา’ เกิดขึ้นจากความอยากแต่ง 555555 โดยถ่ายทอดผ่านการเม้าท์มอยของสาวๆ ในกลุ่มตระกูลชื่อ ‘มุก’ ทั้งหมด 4 สาวด้วยกัน ภายในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง

เรื่องสั้นนี้ จึงเป็นการรวบรวมหลากหลายอารมณ์รักของตัวละคร ซึ่งความยาว สั้น ของแต่ละตอนนั้นจะแตกต่างกันไป รันไม่ได้ฟิกว่าตอนของใครจะมีทั้งหมดกี่ตอน ยาว สั้น ขึ้นอยู่กับขอบเขตของเนื้อเรื่องที่รันอยากนำเสนอจ้า ^O^


**************

เนื่องจากมีวางขายแบบอีบุ๊คแล้ว รันจึงลบเหลือเพียงแค่ 3 ตอนเท่านั้นจ้า

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: มุกตะวัน (1)



มุกตะวัน
****************




เท่ห์ชะมัด

แหม ก็ดูผู้ชายมาดเซอร์หลังเคาท์เตอร์บาร์คนนั้นสิ เขาชื่อภูผา เป็นเพื่อนสนิทของฉันเอง เราร่วมหุ้นกันเปิดร้านกาแฟใกล้ปากหมู่บ้านเขา มันเป็นความใฝ่ฝันของ...เอิ่ม...ของใครน่ะเหรอ จะเป็นความฝันของใครอื่นไปได้อีกล่ะถ้าไม่ใช่ของภูผา มีอะไรฉันก็ตามใจเขาตลอดนั่นแหละ ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ด้วยความที่เรียนคณะเดียวกัน ชอบอะไรหลายๆ อย่างคล้ายกัน จึงไม่ยากนักที่ฉันจะทำความสนิทสนมเข้ากลุ่มเขาได้ในเวลาอันรวดเร็ว ก็ฉันแอบปลื้มนายภูผามาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นา ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ ไม่ว่าจะหยิบจะจับอะไรก็ดูเทห์ไปซะหมด โครงหน้าเขาออกไปทางลูกครึ่งตะวันออกตามกระแสเทรนด์เกาหลีนิดๆ รับกับทรงผมหยิกหยักศกยาวประบ่า รูปร่างสูงโปร่ง หุ่นฟิต แน่นเปรี๊ยะ นี่ขนาดแค่ชงกาแฟให้ลูกค้านะ หน้านิ่งๆ ขรึมๆ ของเขายังบาดใจฉันขนาดนี้

แน่ล่ะ ฉันปิ๊งนายภูผาตั้งแต่แรกเห็น แต่เขาคงไม่รู้หรอกว่าตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน จนถึงวันนี้ ห้าปีได้แล้วมั้ง ความรู้สึกที่ฉันมีต่อเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยสักวินาทีเดียว หายใจเข้าก็เป็นนายภูผา หายใจออกก็เป็นนายภูผา...เฮ้อ

“มุก มุก...เจ้ามุก !”

มุกตะวันสะดุ้ง ทิ้งปากกกาในมือพลัน รีบปิดสมุดไดอารี่ที่กำลังจรดปากกาอยู่ก่อนหน้านั้นดังฉับ อารามตระหนกตกใจหันขวับไปทางเสียงผู้หญิงออกห้าวๆ ที่ร้องเรียกดังมาจากปากประตูร้าน

“เหม่ออะไรของแกอยู่เจ้ามุก มาช่วยฉันหอบของพวกนี้ที” อีกฝ่ายเรียกซ้ำ

มุกตะวันกะพริบตาปริบๆ เรียกสติตัวเองกลับคืน ที่แท้ก็เป็นหฤทัยเพื่อนรุ่นพี่ข้างบ้านของภูผานั่นเอง วันนี้หล่อนมาในชุดทะมัดทะแมง แวะมาหาภูผาเช่นเคย หากไม่ได้มาตัวเปล่า มือทั้งสองข้างอุ้มกล่องลังกระดาษใบโตเข้ามาในร้าน

เพิ่งรู้ตัวว่ามัวแต่นั่งเพ้ออยู่คนเดียว คนเพ้อจึงรีบเก็บสมุดไดอารี่สีชมพูหวานเล่มเล็กไว้ในกระเป๋าย่ามสีสันแสบตาของตัวเอง ราวกับกลัวใครมาเห็น ก่อนกระวีกระวาดลุกไปช่วยหฤทัยอีกแรง

“นึกว่าเจ๊ติดหล่มที่ไหนเสียแล้ว ร้านยังไม่ทันปิดเลย”

“น้อยๆ หน่อยนายภู ใช้ฉันแล้วยังมีหน้ามากวนประสาทกันอีก ฉันมีงานมีการทำนะยะ พอเลิกงานปุ๊บก็รีบบึ่งรถกลับไปเอาของที่บ้านนายมาให้เลย” พอเห็นภูผาละมือจากงานหลังเคาท์เตอร์ หันมาแขวะทันทีที่เห็นหล่อนย่างก้าวเข้ามา หฤทัยเลยบ่นเสียยาวเหยียด หล่อนเรียกเพื่อนรุ่นน้องข้างบ้านด้วยชื่อเล่นเสมอตามวิสัยของคนที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กจนโต เช่นเดียวกับภูผาที่เรียกหฤทัยว่า ‘เจ๊อ้น’

“นายนี่ตลกจริง ร้านมีกันอยู่ตั้งสองคน ถ้าอยากกลับไปเอาของที่บ้านนักก็ทิ้งร้านให้มุกดูคนเดียวแป๊บก็ยังได้ หรือไม่ นายวานให้มุกไปเอาของพวกนี้ที่บ้านนายก็ไม่เห็นจะยาก บ้านออกใกล้”

เสียงบ่นถึงเพื่อนอีกคน ภูผาจึงเหลือบมองมาที่มุกตะวัน

รายนั้นกำลังยืนเหม่อฟังสาวข้างกายบ่นเลยไม่ทันได้เห็น แต่แค่เพียงแวบเดียวเท่านั้นเขาก็กลับมาสนใจของในลังตามเดิม ไม่มีคำอธิบายใดนอกจากยักไหล่ให้รุ่นพี่อย่างไม่ยี่หระ

“บ่นมากจริงเจ๊ ใกล้ปิดร้านแล้ว เจ๊มาช่วยผมตกแต่งร้านดีกว่า” ว่าแล้วภูผาก็จูงมือกึ่งลากเพื่อนรุ่นพี่ให้แยกตัวออกไป

แต่แล้วเหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออกจึงชะงักฝีเท้า หันกลับมาบอกมุกตะวัน “ฝากดูแลลูกค้าที่เหลือแทนฉันด้วยนะมุก”

“ฉันเหรอ ?” มุกตะวันชี้มาที่ตัวเองอย่างงงๆ ตั้งหลักไม่ทันที่จู่ๆ อีกฝ่ายก็หันมาพูดด้วย แต่ยังไม่ทันได้รับปากภูผาก็พาหฤทัยนำลิ่วหายไปหลังร้านด้วยกันแล้ว




*************************


หลังจากปิดร้านเรียบร้อย ทั้งสามก็ช่วยกันรื้อของในลังมาตกแต่งร้าน

มุกตะวันนั้นอาสาจัดแจกันดอกไม้ประดับโต๊ะกับลูกโป่งสีๆ รอบร้าน ส่วนภูผาและหฤทัยแยกไปช่วยกันแขวนภาพวาดบนฝาผนัง ภูผาวานหฤทัยไปเอาของตกแต่งพวกนี้มาจากที่บ้านเขา เพราะต้องการแต่งร้านใหม่ต้อนรับเทศกาลแห่งความรัก จึงไม่แปลกที่ของแต่ละอย่างจะมีสีสันสดใส หวานแหววสะดุดตา

มุกตะวันเหลือบมองไปยังหนุ่มสาวใกล้ๆ ภูผากับหฤทัยกำลังเถียงกันเรื่องตำแหน่งภาพวาดที่ทั้งสองจะแขวนประดับตามฝาผนังห้อง และไม่นานทั้งสองก็หัวเราะออกมาเสียงสดใส

หลายครั้งไปที่หล่อนได้แต่มองภาพตรงหน้าแววตาละห้อย รู้สึกน้อยใจที่ผู้หญิงคนนั้น...ไม่ใช่หล่อน

แม้ภูผากับหฤทัยชอบมีปากเสียงกันบ่อยๆ ให้เห็นจนเป็นเรื่องชินตา แต่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องไร้สาระทั้งเพ เหมือนทั้งสองคนพยายามหาเรื่องมาทะเลาะกันไปอย่างนั้นมากกว่า

มุกตะวันคิดแล้วต้องส่ายหน้าหวือ ไล่ความคิดฟุ้งซ่านนั้นออกจากหัวสมอง

ความคิดนั้นทำให้หล่อนต้องรวบรวมสติ สูดลมหายใจเข้าออก พยายามไม่คิดมากถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง ณ ตอนนี้ เวลานี้ หล่อนต้องมีสมาธิกับงานตรงหน้าถึงจะถูก !

สาวเจ้ายิ้มน้อยๆ ให้กับลายดอกกุหลาบดอกเล็กๆ ที่พันเกี่ยวกันเป็นเถาวัลย์เลื้อยน่ารักๆ บนแจกันดอกไม้สีชมพูหวาน ของทุกชิ้นล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือการเพ้นท์ของภูผาทั้งนั้น เขยิบแจกันไปทางซ้ายทีขวาทีจนลงตัวก็หันไปแต่งลูกโป่งตามมุมห้องต่อ หล่อนคว้าริบบิ้นสีชมพูแถวนั้น ก้าวขึ้นเก้าอี้สูงเขย่งเอื้อมมือพยายามจะผูกโบว์ริบบิ้นตกแต่งตรงมุมเพดานห้อง หากทว่าเก้าอี้เจ้ากรรมดันขยับเล่นเอาสาวเจ้าทำท่าจะถลาตกจากเก้าอี้เสียดื้อๆ ถ้าไม่มีแรงมหาศาลของใครบางคนรับไว้ทันจากด้านล่าง

“ภู...!”

มุกตะวันร้องเสียงหลงตกใจที่เห็นภูผาโผล่มา

เขาเป็นคนรับหล่อนไว้เอง มุกตะวันสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากกายเขา ตาสบตาในระยะประชิด เท่านั้นหัวใจของหล่อนถึงกับเต้นรัวในอก รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนอยู่รอบตัว มีเพียงหล่อนกับเขาที่เป็นศูนย์กลางของจักรวาล...ไม่รู้ว่าหล่อนคิดมากไปเองรึเปล่าถึงได้รู้สึกว่านัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นมีแววห่วงใยเจืออยู่ในนั้น

อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่พอใจเท่าไหร่ที่เห็นสาวเจ้ามาปีนเก้าอี้เล่น มีสีหน้ายุ่ง มองตำหนิมากรายๆ มุกตะวันถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังตกอยู่ในอ้อมแขนเขา ยิ่งรู้ตัวว่ากำลังถูกอีกฝ่ายกอดรัดไว้แน่นก็พาลหน้าแดงหูแดงให้เขาเห็น ขยับกายคล้ายบอกเป็นนัยให้ปล่อย นั่นแหละภูผาถึงยอมวางสาวเจ้าลงนั่งบนเก้าอี้ตัวนั้น

“ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่างานพวกนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง ขืนเธอตกลงมาแข้งขาหัก ฉันไม่มีคนช่วยดูแลร้านกันพอดี”

“ก็ที่นายให้ฉันทำ ฉันทำเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว” มุกตะวันอ้อมแอ้มตอบในลำคอ ไม่ยอมสบตา

“แล้วทำไมยังไม่กลับบ้าน” ภูผายังคงดุหล่อนเสียงเข้ม พลางมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ แต่ท่าทางเข็มนาฬิกาที่เดินหน้าอย่างไม่รีรอทำให้อีกฝ่ายกลุ้มใจอยู่ในทีถึงได้ถอนใจออกมา

“นี่ก็เย็นมากแล้วด้วย ฉันว่าเดี๋ยวฉันไปส่งเธอที่บ้านเอง”

“อ้าว แล้วเจ๊อ้น...”

“รายนั้นชิ่งกลับไปตั้งแต่ก่อนที่ฉันจะหันมาเห็นเธอตกบันไดแล้ว”

ได้ยินเขาตอบกลับมาแบบนั้นมุกตะวันจากที่เหลือบซ้ายแลขวามองหาเพื่อนรุ่นพี่เลยสะดุดกึก หันกลับมามองภูผาหน้าบูด ที่แท้ก็ถูกทิ้งแล้วนี่เองถึงได้มาสนใจเรา ชิ




***********************




ภูผาพาหล่อนมาทานอาหารเย็นด้วยกันก่อนกลับบ้าน ร้านที่เขาเลือกไม่พ้นร้านข้าวต้มข้างทาง หล่อนกับเขามักมาฝากท้องที่ร้านนี้เป็นประจำอยู่แล้วเพราะอยู่ไม่ไกลจากร้านกาแฟ และทุกครั้งไปที่มุกตะวันจะเป็นคนสั่งกับข้าวแทนเขา หล่อนจดจำอาหารจานโปรดของภูผาได้หมดทุกอย่างแหละ พออาหารเสิร์ฟลงโต๊ะ อีกฝ่ายจึงเอาแต่ตักอาหารจานนั้นจานนี้เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย คนสั่งเห็นแล้วชื่นใจยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง

“เอ้า กินซะ จะได้มีน้ำมีนวลกับเขาบ้าง ช่วงนี้เธอผอมเกินไปแล้วรู้ตัวรึเปล่า” ภูผาตักยำไข่เค็มใส่ขามข้าวต้มให้หล่อน ก่อนใช้ตะเกียบคีบผัดผักบุ้งไฟแดงเข้าปากตัวเอง

“ค่อยๆ กินก็ได้ภู ไปอดอยากมาจากไหน เดี๋ยวได้ติดคอตายกันพอดี”

“จะไม่ให้ฉันหิวได้ไง พ้นมื้อเที่ยงมาฉันไม่ได้พักเลยสักนิดแถมตกเย็นยังต้องมาแต่งร้านต่ออีก”

“แล้วทำไมนายไม่ชวนเจ๊อ้นมากินข้าวต้มด้วยกันล่ะ อุตส่าห์มาช่วยเราสองคนแต่งร้าน น่าจะหิวเหมือนกัน”

“เจ๊เขาไม่ชอบกินข้าวต้ม” ภูผาตอบเร็วโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด

คำตอบสั้นๆ นั้นทำให้มุกตะวันเงียบไปชั่วขณะ ต่างจากภูผาที่ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาคิดเขารู้มายังไงก็ตอบไปอย่างนั้น และนั่นทำให้ความรู้สึกน้อยใจที่ตกตะกอนไปแล้วกลับถูกกวนให้ขุ่นขึ้นมาอีกครั้ง

“ท่าทางนายจะรู้ใจเจ๊อ้นดีจังนะ หรือว่า...นายกับเจ๊อ้นแอบกิ๊กกั๊กกันโดยที่ไม่ได้บอกฉันรึเปล่า”

ภูผาตักข้าวต้มเข้าปากอยู่ดีๆ ถึงกับสำลักแทบพ่นออกมาเสียเดี๋ยวนั้น สาวตรงหน้าที่อุตส่าห์กัดฟันพูดออกมาสะดุ้งโหยง อารามตกใจรีบส่งกระดาษทิชชูให้อีกฝ่าย

ภูผาไอแค่กๆ รีบจิบน้ำไล่เม็ดข้าวลงคอ “อะไร แค่ก แค่ก ทำให้เธอคิดอย่างนั้น”

“ก็...เอ่อ...ฉัน...” มุกตะวันหน้าถอดสี อ้ำอึ้งพูดไม่ออก

หล่อนแค่ลองถามอยากดูปฏิกิริยาเขาเท่านั้น ไม่นึกว่าจะถูกเขาย้อนถามกลับมาตรงๆ เสียเองเลยทำทีเป็นเสมองไปทางอื่น ตะกุกกักเอ่ยว่า “ฉะ...ฉันแค่เห็นนายกับเจ๊อ้นดู...เอิ่ม...สนิทสนมกันดี แต่คือฉันรู้ว่านายกับเจ๊อ้นอยู่บ้านติดกัน รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ แถมเจ๊อ้นก็เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี ขนาดฉันเพิ่งรู้จักเจ๊แกไม่นานยังชอบแกเลย แต่...เอ่อ...ที่ฉันพูด หมายถึงคนข้างนอกเขามองมาแล้วอาจคิดมากกว่านั้น แบบ...นายกับเจ๊อ้นอาจเป็น....เอิ่ม...เป็น...เป็นแฟนกันน่ะ”

พูดไปแล้วก็หน้าเหยเก รีบโบกปัดไปมาในอากาศราวกับเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดี “ช่างเถอะ ฉันก็พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย นายกับเจ๊อ้นชอบทะเลาะกันออกบ่อยจะตาย จะเป็นไปได้ไงเนอะ นายอย่าสนใจเลย”

“ฉันกับเจ๊อ้น เราเคยเป็นแฟนกัน”

“หา ?”

เสียงหลงๆ ของมุกตะวันเรียกรอยยิ้มขันจากภูผาเล็กน้อย เป็นมุกตะวันที่กลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อกรู้สึกฝืดคอพิกล “นะ...นายกับเจ๊อ้น...เคยเป็นแฟนกันเหรอ”

ภูผาเอนกายพิงพนักเก้าอี้กอดอกอย่างสบายอารมณ์ อมยิ้มให้กับสีหน้าเหรอหราของสาวตรงหน้า “ก็แค่ความรักสมัยเด็กๆ เรื่องมันนานมาแล้ว มุกอย่าไปสนใจมันเลย”

“แต่ฉันอยาก...”

“คืนวาเลนไทน์ เธอนัดหนุ่มที่ไหนไว้รึเปล่า”

จู่ๆ ภูผาก็เปลี่ยนเรื่อง เล่นเอาสาวที่กำลังจะอ้าปากถามชะงัก

ใจยังครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งรับรู้จากเขา “นายว่าไงนะ คืนวาเลนไทน์ ? อ๋อ พูดเป็นเล่นไปได้ภู นายก็รู้ว่าฉันมีใครเสียที่ไหน” ในใจฉันมีแต่นายคนเดียว

ภูผายักไหล่ “ฉันก็ว่างั้น”

“ภู !”

สีหน้าเอาเรื่องของมุกตะวันเรียกเสียงหัวเราะจากภูผาเล็กน้อย

หล่อนทำท่าจะค้อนเขาให้วงใหญ่นั่นแหละคนแซวเลยรีบเข้าเรื่อง “ฉันเห็นว่าไหนๆ คืนวันวาเลนไทน์เราสองคนต้องอยู่เฝ้าร้านด้วยกันอยู่แล้ว พอปิดร้านเราไปหาอาหารอร่อยๆ กินกันดีมั้ย ฉลองให้กับความโสดเสียหน่อย”

“เอาสิ” มุกตะวันตอบรับทันทีทันใด หล่อนไม่ต้องเสียเวลาคิดหรอกเพราะใจนั้นเต้นตึกตักตั้งแต่ได้ยินเขาถามถึงคืนวาเลนไทน์แล้ว นี่นายภูผากำลังชวนหล่อนออกเดทใช่มั้ยเนี่ย

ทว่าพอเห็นเขาเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถามซ้ำให้แน่ใจ สาวเจ้าจากยิ้มหน้าบานตอบไปแล้วเลยรีบหุบยิ้มพลัน เพิ่งรู้ตัวว่าดีใจออกนอกหน้าให้เขาเห็น แกล้งกระแอมปรับระดับเสียงเป็นปกติ

“ที่จริง เอ่อ ก่อนหน้านี้ฉันก็มีนัดกับคนที่บ้านไว้เหมือนกันแหละ แต่เผอิญฉันคิดว่าคืนนั้นเราจะปิดร้านกันดึกเลยไม่ได้ตอบตกลงอะไร...นายชวนฉันแล้วห้ามกลับคำล่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเผาร้านกาแฟสุดที่รักของนายให้วอดเป็นจุนเลยคอยดู !”



สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มี.ค. 2556, 17:06:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มี.ค. 2556, 17:06:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 1431





<< บทนำ   มุกตะวัน (2) >>
lovemuay 18 มี.ค. 2556, 19:20:18 น.
นายภูผาอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับเจ๊อ้นแล้วก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายไม่คิดนา..


สรัน 19 มี.ค. 2556, 09:25:49 น.
หมวยน่ารักที่ซู๊ดดดด ตามอ่านตลอดเลย >< เจ๊อ้นอาจมีอะไรมากกว่าที่เห็นจริงๆค่ะ อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account