ลิขิตรักในสายลม # จุฬามณี
รัก หวานๆ ขม ของสาวไทยกับหนุ่มมาเลย์
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 25. ตอนจบ

ตอนที่ 25

ขวัญชีวีที่สวมแว่นสีชานั่งอยู่ข้าง ๆ วรรณรดา มองภาพความหวานชื่นด้วยความรู้สึกเคลือบแคลง หญิงสาวไม่เชื่อว่าปวุฒิจะรักนิชกานต์จนกระทั่งขอแต่งงานโดยที่ยังไม่ได้แถลงข่าวว่าเลิกกับเธออย่างเป็นทางการ บอกรักกันผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตโดยการโพสต์รูประหว่างที่ท่องเที่ยวในเมืองมะละกา ซึ่งมันเป็นการตบหน้าขวัญชีวีชัด ๆ และเมื่อคืนพี่กนกอรก็บอกกับขวัญชีวีว่านักข่าวจะไปรอทำข่าวร้อน ๆ นี้ที่สนามบิน ซึ่งขวัญชีวีก็เตรียมตัวหาทางออกไว้แล้ว เธอจะยังไม่ปรากฏตัวพร้อมกับปวุฒิและณิชกานต์ เธอจะปล่อยให้คนทั้งคู่ออกไปรับหน้านักข่าวก่อน เธอจะพรางตัวและออกไปอีกทาง

และเมื่อเครื่องบินถึงเมืองไทยขวัญชีวีดึงผ้าพันคอขึ้นมาโพกหัว โดยหญิงสาวบอกกับวรรณรดาว่า

“ดาออกไปพร้อมกับคนอื่น ๆ ก็ได้ ขวัญขอตัวดูน้ำหอมหน่อย เดี๋ยวค่อยโทรคุยกัน”
วรรณรดาดูออกว่า ขวัญชีวีต้องการหนีการตอบคำถามของนักข่าว วรรณรดาเดินตามปวุฒิ ณิชกานต์ และทีมงานที่เดินนำหน้า กระทั่งผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าเดินทางและผ่านพิธีการทางศุลกากรแล้ว ตรงประตูทางออกวรรณรดาที่เข็นกระเป๋าอยู่ก็เห็นกองทัพนักข่าวยืนออกันอยู่เต็มไปหมด โดยเฉพาะกมลมาลย์นั้นดูกระเหี้ยนกระหือรือที่จะได้ข่าวนี้เป็นอย่างมาก...

และเมื่อปวุฒิเข็นรถเดินเคียงคู่กับณิชกานต์ออกมาแล้ว นักข่าวก็กรูกันเข้าไปหาทั้งสองคนในทันที...ไมค์ เทปบันทึกเสียง กล้อง พุ่งตรงไปหาทั้งคู่ แสงแฟลชวูบวาบถูกสาดใส่ผู้คนที่เดินกันไปมาต่างหยุดมองดูเพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ทราบมาว่าขวัญชีวีกลับมาจากมาเลเซียด้วย แล้วตอนนี้ไปไหนละคะ” คำถามแรกออกมาจากปาก ของกมลมาลย์

“น้องขวัญอยากให้ผมตอบคำถามนี้คนเดียวครับ เลยขอตัวก่อนครับ” ปวุฒิไม่อ้อมค้อม

“เห็นว่าโพสต์รูปขึ้นอินสตาแกรมว่าพบรักแท้ที่มะละกา มาเลเซีย แล้วรักก่อนหน้านั้นละคะเป็นอย่างไร ทำไม เกิดอะไรขึ้น”

“อันที่จริง ผมกับขวัญ มีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ กันมานานแล้วครับ แต่เรายังไม่ได้จังหวะกับโอกาสดี ๆ ที่จะบอกกับนักข่าว แต่ว่าตอนนี้ ได้โอกาสดี ๆ แล้วก็เลยต้องบอก”

“แล้วทำไมไม่บอกข่าวดีนี้ หลังเลิกกับน้องขวัญอย่างเป็นทางการคะ”

“ผมกับขวัญเข้าใจกันครับ”

“ไม่ใช่ปัญหามือที่สามนะคะ ถึงต้องทำให้เลิกกัน”

“ไม่ใช่ครับ เรามีปัญหากันมานานแล้วครับ แต่เรายังหาโอกาสดี ๆ บอกใคร ๆ ไม่ได้เท่านั้นเอง”

“ปัญหาอะไรพอบอกได้ไหมครับ”

“ก็เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนสองคนที่คบหากันมานานครับ คือพอถึงจุดหนึ่ง เมื่อเราโตแล้วเราก็มานั่งคุยกันว่า เราจะเอาอย่างไรกันดี สุดท้ายก็ต่างคนต่างมีชีวิตใหม่ดีกว่า...ก็คือเราจบกันก่อนหน้านั้นแล้วครับ เพียงแต่เรายังไม่ได้บอกนักข่าวเท่านั้นเอง” แม้จะตั้งสติมาแล้วแต่ปวุฒิก็ยังคงพูดวกไปวนมา

“แล้วคุณปุ้มตามขวัญชีวีไปทำงานที่มาเลเซียทำไม”

“เรายังเป็นพี่น้องกันครับ ยังมีผู้จัดการคนเดียวกัน ผมเองก็อยากไปเที่ยวมาเลเซียกับเพื่อน ๆ ด้วย แล้วพอนิดเขาว่าง เขาก็บินตามไป ตรงนี้ขวัญรู้เรื่องและเข้าใจดีครับ เพื่อนเรากลุ่มเดียวกันครับ”

“มีใครบ้างคะ”

“มีคุณวรรณรดา คุณวิศรุต ครับ”

“สรุปว่าจบกับขวัญชีวีแล้วแน่นอน”

“ตอนนี้ก็อย่างที่ผมประกาศไปก่อนหน้าแล้วไงครับว่าผมกับนิดกำลังดูใจกันอยู่ กับขวัญก็เป็นการบอกให้ทุกคนรู้ไปโดยปริยายไปเลยแล้วกันว่าเราจบกันแล้วครับ เป็นพี่น้องกันเท่านั้นครับ”

“เห็นบอกว่าพบรักแท้ แล้วก่อนหน้านั้นไม่ใช่รักแท้เหรอคะ”

“รักแท้พิสูจน์ได้ด้วยกาลเวลาครับ แล้วพอไม่ใช่ก็ต้องแยกจากกัน พอใช่ก็ต้องมาเจอกัน บอกรักกันครับ”

ช่วงที่ปวุฒิตอบคำถามที่รัวเข้ามาเหมือนปืนกลมือข้างซ้ายของเขานั้นจับมือข้างขวาของณิชกานต์อยู่ตลอดเวลา ณิชกานต์เองก็ยิ้มแย้มให้กล้องทุกตัว ตั้งสติกับคำถามที่ต้องมีมาหาตัวเองอย่างแน่นอน และบางคำถามอาจจะเป็นคำถามที่ฟังดูงี่เง่าด้วยซ้ำ

“คุณนิดคะ ก่อนหน้านั้นได้ยินมาว่าคุณนิดเป็นมือที่สามทำให้ความรักของปุ้มกับขวัญพัง ช่วยบอกหน่อยซิคะว่าจริงหรือเปล่า”

“พี่ปุ้มก็บอกไปแล้วนี่คะว่า ก่อนหน้านั้นว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร”

“แล้วคุณนิดตามไปมาเลเซียด้วยทำไมครับ”

“ขวัญ พี่ปุ้ม คุณดา บินไปก่อน ขวัญไปทำงาน ไปถ่ายโฆษณา นิดว่างทีหลังก็บินตามไป นิดบินไปพร้อมคุณรุตพี่ชายคุณดาค่ะ อยากไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาค่ะ ได้เที่ยวกับเพื่อน ๆ ประเทศเพื่อนบ้านใกล้ ๆ แค่นี้เองด้วย แต่ว่ายังไม่เคยไปเลย ก็อยากไปค่ะ มาเลเซียน่าไปเที่ยวนะคะ โดยเฉพาะที่มะละกาเมืองมรดกโลก มีเวลาหาโอกาสไปนะคะ นิดเชียร์เต็มที่เลย มะละกาสวยมากค่ะ เป็นเมืองมรดกโลกประวัติความเป็นมายาวนานมาก” ณิชกานต์พยายามเบี่ยงประเด็นไปสู่หัวข้ออื่น แต่ว่านักข่าวก็ยังไม่พ้นถามคำถามย้อนกลับมาที่เรื่องรักเก่ารักใหม่ในครั้งนี้

“แล้วรักแท้ในครั้งนี้จะลงเอยด้วยการแต่งงานกันหรือเปล่าคะ”

ณิชกานต์หันไปหาปวุฒิที่หันหน้าไปยิ้มกับณิชกานต์ ก่อนจะหันมาหานักข่าวแล้วตอบด้วยดวงตาเป็นประกายว่า “ถ้าผมจะบอกว่า เราจะแต่งงานกันในเร็ววันนี้จะถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์อีกหรือเปล่าครับ”


“ปุ้มมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยพี่งงไปหมดแล้ว” กนกอรที่รีบขับรถมาหา ปวุฒิที่บ้านของเขาเดินกลับไปกลับมาด้วยความร้อนรน เพราะข่าวรักร้าวของปวุฒิกับขวัญชีวีนี้ทำเอาคนทั้งประเทศงุนงง แม้เจ้าตัวจะตอบคำถามอย่างไร บางเว็บไซด์ก็มีการขุดคุ้ยถึงความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของทั้งสองคน บ้างก็กล่าวหาว่า ทั้งปวุฒิและขวัญชีวีนั้นหลอกลวงประชาชนให้เอาใจช่วยกับชีวิตรักของทั้งคู่มาเนิ่นนาน แล้วจู่ ๆ ก็กลับลำประกาศว่าจะแต่งงานกับดาราสาวอีกคน ซึ่งงานนี้มีกระแสข่าวว่า เกิดความผิดพลาดขึ้น ประมาณว่า ณิชกานต์ท้องก่อนแต่งด้วยหรือเปล่า

“จะงงอะไรพี่ พี่ก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ว่าผมกับขวัญไม่ได้รักกัน แล้วผมก็คิดว่า ผมไม่อยากหลอกลวงใครต่อไปแล้ว ผมก็ไม่อยากหลอกแม้กระทั่งตัวเองด้วย ผมรักนิด ผมก็บอกรักนิด และตั้งแต่ผมได้บอกรักเขาไป ผมรู้สึกมีความสุขมาก อะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไปผมไม่สนใจแล้ว”

“เมื่อก่อนเธออึดอัดมากเลยเหรอ”

“ผมเฝ้าทุ่มเท เฝ้าทนุถนอม แล้วสุดท้ายมันก็ว่างเปล่า...ผมไม่รู้จะเปรียบเทียบตัวผมเองกับอะไรครับ ผมรู้แต่ว่า ผมหลุดพ้นจากการเป็นทาสรักขวัญได้แล้ว ผมมีความสุข มันโล่ง มันเบาครับ”

“คิดถึงหัวอกของขวัญเขาบ้างหรือเปล่า ว่าการที่ถูกผู้ชายทิ้งน่ะมันจะเป็นอย่างไร”

“ผมทิ้งขวัญเหรอครับ”

“แบบนี้เรียกว่าถีบหัวส่งเลยด้วยซ้ำนะปุ้ม ไม่ได้ทิ้งเฉย ๆ หรอก รักกันอยู่ดี ๆ แล้วมาประกาศว่าพบรักแท้ที่มะละกา...แบบนี้จะให้คนอื่นเขาตีความกันว่าอย่างไรล่ะ” ใจจริงกนกอรอยากจะระบายตั้งแต่ตอนที่ปวุติอยู่ที่มะละกาแต่ว่าโทรไปปวุฒิก็ไม่ยอมรับสายเพราะเขาไม่อยากเสียเงินด้วยเปิดระบบโรมมิ่งถ้ารับสายจะมีค่าใช้จ่ายมาก พิมพ์ข้อความคุยกันมันก็ไม่สะใจ กนกอรจึงต้องตามมาระบายอารมณ์ถึงที่บ้าน เพราะแผนงานที่เตรียมไว้สำหรับคนทั้งคู่นั้นพังครืนลงมาอย่างไม่เป็นท่าไปด้วย
“นี่เธอรู้ไหมว่าตอนที่เธอสองคนไม่อยู่นะ มีบริษัทรถยนต์ติดต่อพี่มา เขาจะให้เธอกับขวัญเป็นพรีเซนเตอร์ รู้ไหมว่าค่าตัวสองคนน่ะเท่าไหร่”

“ผมก็นึกว่าพี่เครียดเรื่องอะไร”

“แล้วณิชกานต์เองก็ไม่ได้โด่งดังเท่าขวัญ แฟนคลับน้อยจะตาย คนที่แอนตี้ก็มีไม่น้อย รายได้ที่เธอจะเสียไปน่ะมหาศาลเลยนะ รู้ไว้ด้วย”

ปวุฒินิ่งฟังไม่โต้ตอบและเขาก็ไม่ได้คิดคล้อยตามความคิดของกนกอร

“ทำอะไรน่าจะปรึกษาพี่บ้าง น่าจะใจเย็นกว่านี้สักนิด”

“อย่างไรกลับมาจากมาเลเซีย ขวัญก็จะแถลงข่าวว่าเลิกกับผมอยู่ดี พี่ไม่ได้ไปด้วยพี่ไม่รู้หรอกว่าเขากับไอ้คุณมาร์คน่ะ ทำหวานใส่กันแค่ไหน คนในกองถ่ายทุกคนรู้เห็นเป็นอย่างดี ผมเองนั่นแหละจะถูกเรียกว่าไอ้โง่ โง่ที่ปล่อยให้แฟนตัวเองไปควงกับนายทุน แล้วตัวเองก็ทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว ถึงผมไม่ทำอย่างนี้ มันก็ไม่ได้มีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นหรอกครับ บริษัทรถยนต์มารู้ตอนหลังก็อาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”

“ช้ากว่านี้อีกสักนิด มันก็ไม่เป็นอย่างนี้หรอกน่า อ้อยจะเข้าปากช้างอยู่แล้วเชียว ชวดแน่ ๆ งานนี้”

“ผมไม่คุยกับพี่เรื่องนี้แล้ว มันจบแล้ว ต่อไปผมกับขวัญต่างคนต่างเป็นอิสระต่อกัน ผมจะทำอะไรก็ได้ ขวัญจะทำอะไรก็เรื่องของเขา และต่อไปผมจะเป็นอย่างไรผมก็ไม่สนใจแล้ว ผมขอเอาความสุขของผมเป็นที่ตั้งดีกว่า ชื่อเสียงที่ผมสั่งสมมาผมคิดว่ามันมากพอที่จะทำให้อยู่ในวงการนี้แล้ว”


เดินออกจากบ้านของปวุฒิมาขึ้นรถ หลังจากที่สตาร์ทรถเปิดเครื่องปรับอากาศลดความร้อนใจ กนกอรก็โทรศัพท์หาขวัญชีวีทันที

“มีอะไรคะพี่อร”

“ขวัญจะเอาอย่างไรกับเรื่องของปุ้มกับนิด นักข่าวรอถามขวัญอยู่นะ”

“พี่อรอยากให้ขวัญเล่นบทอะไรล่ะ”

ให้ขวัญชีวีเล่นบทว่าถูกแย่งแฟน ทำให้ประชาชนเกลียดปวุฒิผู้ชายจิตใจโลเลและณิชกานต์ซึ่งกลายเป็นมือที่สาม ปวุฒิก็เป็นดาราในสังกัดซะอีก เจอคำถามของขวัญชีวีเข้าไปกนกอรจึงนิ่งคิด

“ขวัญยังไม่รู้ว่าพี่ปุ้มเขาตอบคำถามนักข่าวว่าอย่างไรบ้าง”

“ฟังนะ” แล้วกนกอรก็บอกเล่าคำสัมภาษณ์ของปวุฒิจากนักข่าวที่รู้จักกันให้ขวัญชีวีฟังคร่าว ๆ

“พี่ปุ้มเขาก็ตอบได้ดีนี่ค่ะ แล้วอันที่จริง เรื่องนี้ขวัญก็เป็นคนผิดด้วย”

“ผิดอย่างไร”

“ขวัญพยายามยัดเยียดวรรณรดาให้พี่ปุ้มโดยไม่ได้สนใจความรู้สึกของพี่เขา พี่ปุ้มตอบโต้ขวัญแบบนี้ก็ดีแล้วค่ะ”

“ขวัญไม่มีปัญหาอะไรจริง ๆ เหรอ เรื่องนี้ถ้าจะเล่นกันจริง ๆ พี่คิดว่าขวัญสามารถพลิกสถาณการณ์ทำให้คนเห็นใจเพิ่มขึ้นก็ได้นะ”

“เพื่ออะไรละคะ จบกันสวย ๆ ดีกว่าพี่อร พี่ปุ้มมีความสุขกับคนที่พี่ปุ้มรักจริง ๆ ขวัญก็ควรจะยินดีกับพี่ชายของขวัญนะคะพี่อร พี่ปุ้มดีกับขวัญมาตลอด อดทนกับขวัญมาโดยตลอด และพี่ปุ้มก็ไม่เคยทำให้ขวัญมีความทุกข์ใจอะไรเลย มีแต่ขวัญเท่านั้นที่ไม่ได้แคร์ความรู้สึกของพี่ปุ้ม...เราควรยินดีกับความรักของคนทั้งคู่นะคะ หรือพี่อรกลัวจะเสียพี่ปุ้มไปให้พี่บุษยา”

สัญญาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของปวุติกับกนกอรเหลืออีกไม่ถึงปีเท่านั้น และถ้าปวุฒิเป็นคู่รักกับ ณิชกานต์ ณิชกานต์ก็มีโอกาสหว่านล้อมให้ปวุฒิทำงานกับบุษยาแทนตัวเองก็ได้

“ไม่กลัวหรอก ปุ้ม ไม่มีวันทรยศพี่หรอก”

“งั้นพี่อรก็ไม่ต้องทุกข์ร้อนอะไร เดี๋ยวอีกวันสองวัน ขวัญก็จะให้สัมภาษณ์ค่ะ ขอเวลาขวัญตั้งสติก่อน ดีไม่ดี ขวัญอาจจะประกาศแต่งงานช็อคคนทั้งประเทศบ้างก็ได้นะคะ”

“ยังแต่งไม่ได้นะขวัญ” ถ้าแต่งงานแล้วงานของขวัญชีวีจะต้องซาลงอย่างแน่นอนและนั่นก็หมายถึงรายได้ของกนกอรด้วย

“เด็กในสังกัดพี่ตั้งกี่คน ไม่มีขวัญสักคน พี่ก็อยู่ได้สบายค่ะ”

“เรื่องจริงใช่ไหม” น้ำเสียงของกนกอรอ่อนแรงลง

“ขวัญล้อเล่นค่ะ แต่ว่า หมอดูบอกกับขวัญว่าขวัญมีดวงจะแต่งงานเร็ว ๆ นี้นะคะ ขวัญกลัวจะฝืนดวงไม่ไหวก็เลยต้องบอกให้พี่อรทำใจไว้ก่อนค่ะ...”


ตลอดเจ็ดวันหลังกลับมาจากมาเลเซีย ข่าวปวุฒิเลิกกับขวัญชีวีแล้วประกาศว่าจะแต่งงานกับ ณิชกานต์ในอีกสามเดือนข้างหน้าดังเป็นพลุแตก หนังสือพิมพ์หน้าบันเทิง นิตยสารดาราทุกเล่มต้องมีรูปมีเรื่องรักอลวนอลเวงของทั้งสามคนในเล่ม และที่สำคัญบริษัทรถยนต์ที่ติดต่อกนกอรมาก่อนหน้านั้น ขออิงกระแสคู่รักดาราคู่ใหม่ ขอเปลี่ยนตัวขวัญชีวี เป็นณิชกานต์

และพอดาราในสังกัดทำงานร่วมกันกนกอรกับบุษยาก็เลยต้องคุยกับบริษัทรถยนต์และบริษัทโฆษณาพร้อมกัน และบุษยาก็สัญญากับกนกอรว่าจะไม่ดึงปวุฒิมาเป็นเด็กในสังกัดอย่างเด็ดขาด กนกอรเองก็ต้องให้สัญญากับทางบุษยาเช่นกัน

ส่วนขวัญชีวีนั้นแม้จะพลาดงานใหญ่ แต่ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้ทางสถานีโทรทัศน์เห็นใจส่งบทละครมาให้ดูพร้อมกันถึงห้าเรื่อง และขวัญชีวีก็รับเล่นถึงสามเรื่อง เป็นข่าวครึกโครมไม่แพ้ข่าวคู่รักหวานแหวว ที่ขยันออกงานด้วยกันขยันโพสต์รูปด้วยกัน

และความรักอันชื่นมื่นจริงใจจริงจังระหว่างของปวุฒิกับณิชกานต์ ทำให้ขวัญชีวีได้เห็นถึงความแตกต่าง ระหว่างความรักหลอก ๆ ของตนกับปวุฒิเมื่อก่อนหน้า กับความรักจริง ๆ มันเป็นอย่างไร

ปวุฒินั้นขยันโพสต์รูปกิจกรรมที่ทำร่วมกับณิชกานต์ และรูปหลาย ๆ รูป สื่อก็นำออกมาเผยแพร่ช่วยทำให้ปวุฒิและณิชกานต์มีแฟนคลับเพิ่มมากขึ้น ละครเล่ห์รักวิวาห์ลวงที่ทั้งคู่เล่นเป็นพี่น้องกันก็ถูกเลื่อนคิวออกอากาศเข้ามาเพื่ออิงกระแสคู่รักสายฟ้าแลบและเมื่อละครออนแอร์ งานอีเวนท์ งานถ่ายแบบ และงานโฆษณาชิ้นอื่น ๆ ก็ไหลเข้ามาอีก กนกอรที่หวั่นใจว่าชื่อเสียงของ ปวุฒิจะตกเพราะณิชกานต์นั้นยิ้มหน้าบานสดชื่นสามัคคีปรองดองกับบุษยาช่วยกันหางานรับทรัพย์สนุกสนาน

ฝ่ายขวัญชีวีเองหลังจากที่หลินฮันหมิงบินมางานเปิดตัวโฆษณาตัวใหม่ของเวอร์ซาดีโก้แล้วบินกลับไปอยู่ปีนังตามเดิม แม้หลินฮันหมิงจะข้อความมาหา หรือโทรมาคุยด้วยทุกวัน แต่ด้วยตนเองนั้นต้องถ่ายละครเจ็ดวันรวด ไม่รวมงานอีเวนท์งานเดินแบบที่ต้องวิ่งรอก ทำให้เธอกับเขาดูเหมือนจะห่าง ๆ กันไป เพราะบ่อยครั้งที่เขาโทรเข้ามาในเวลาที่คิดว่าขวัญชีวีว่าง แต่ขวัญชีวีกลับทำงาน หรือเขาฝากข้อความไว้ ขวัญชีวีก็ไม่ได้ตอบกลับเพราะเหนื่อยจากการทำงาน ส่วนหลินฮันหมิงจะบินมาหาขวัญชีวีที่เมืองไทยอย่างที่ใจปรารถนา แผนงานในเดือนนั้นของเขาก็อยู่ที่อินโดนีเซีย ประกอบกับพ่อของเขาเข้าโรงพยาบาลบ่อยขึ้น เขาจึงต้องไป ๆ กลับ ๆ ระหว่างอินโดนีเซียกับปีนังแทนเมืองไทย แต่สิ่งหนึ่งที่เขาทำตามที่เคยได้บอกกับขวัญชีวีไว้ นั่นก็คือ เขาซื้อมันฝรั่งทอดกรอบแบบบรรจุกระป๋อง ช็อคโกแลต อินทผาลัมแห้ง มาให้ขวัญชีวีไว้เป็นจำนวนมาก

และที่ข้างกระป๋อง ข้างซองขนม ที่เป็นของเฉพาะขวัญชีวี เขาก็มีกระดาษลงลายมือแปะไว้ว่า

‘แทนความคิดถึง’ บ้าง

‘แทนความหวงใย’ บ้าง

วาดเป็นรูปดอกไม้ รอยยิ้ม พระอาทิตย์ ดวงจันทร์ ก้อนเมฆติดไว้บ้าง จนขวัญชีวีรู้สึกว่า แม้ตัวเขาจะอยู่ไกลแต่ใช่ว่า ใจของเขานั้นไม่ได้ไกลเหมือนกับตัว เสียงแปร่ง ๆ ของเขาก้องอยู่หัวยามเมื่อขวัญชีวีอ่อนล้า

‘สู้ ๆ นะครับที่รัก ถ้าสู้ไม่ไหวก็พักบ้าง เหนื่อยมากไปจะล้มได้’

‘ถ้าขวัญจะไม่ทำงานเลย ผมก็เลี้ยงขวัญได้ครับ’

นอกจากนั้นเขายังถ่ายคลิปตอนเขาเล่นเปียโนส่งมาให้ขวัญชีวีได้ดูได้ฟัง...หรือถ้าขวัญชีวีมีเวลาว่าง

พอเขาก็จะเล่นผ่านกล้องให้ดูสด ๆ ให้ได้ยินในขณะนั้น และเพลงที่ทำให้เอาขวัญชีวียิ้มชื่นก็คือเพลง‘บุพเพสันนิวาส’ ที่ขวัญชีวีตั้งค่าเป็นเสียงรอสาย เขาทั้งเล่นเปียโนและทั้งร้องอัดคลิปส่งมาให้ดู

... ขวัญชีวีถามเขาว่า เขาร้องได้อย่างไร เขาก็บอกว่า ดูจากยูทูป และถามย่าเล็กว่าเพลงนี้มีความหมายอย่างไร พอย่าเล็กได้ฟังและบอกว่าเป็นเพลงเก่าแต่เอามาร้องใหม่ เขาก็เลยหัดร้องตาม และพอวิศรุตส่งโน้ตมาให้ เขาก็หัดเล่น เพราะมั่นใจว่า งานนี้จะทำให้ขวัญชีวีมีความสุขได้แน่ ๆ และการกระทำของเขานี้ก็ทำให้ขวัญชีวีรู้ใจตัวเองดีว่า ใจที่มีความรักเกิดขึ้นจริง ๆ เป็นอย่างไร หลังจากว่างเว้นจากจากงาน ขวัญชีวีหาปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ เครื่องมือสื่อสารหลาย ๆ ช่องทางจึงต้องถูกใช้เพื่อย่อโลกเพื่อให้ใจสองดวงใกล้กันยิ่งขึ้น เพราะความรักของคนที่อยู่ไกลกันนั้น มันเป็นรักที่จับต้องไม่ได้ มันเป็นรักลอยลม เป็นความรู้สึกอบอุ่นที่อบอวลหัวใจและความรักของขวัญชีวีกับหลินฮันหมิงก็เป็นอย่างนั้น


หลังกลับมาจากมาเลเซียชีวิตของวรรณรดาก็เข้าสู่อีหรอบเดิมคือ ตื่นแต่เช้าไปทำงาน ตอนค่ำออกงานสังคมกับพ่อกับแม่บ้าง ในนามของบริษัทบ้าง ไปงานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนร่วมรุ่นบ้าง หรือไม่ก็ออกไปกินข้าวเที่ยวพักผ่อนกับวิศรุต และพอกลับมาถึงบ้านไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน วรรณรดาก็จะอ่านหนังสือ ทั้งนิตยสารที่รับเป็นสมาชิก บางทีก็เป็นนิยายเรื่องยาวของนักเขียนไทย บางครั้งก็เป็นเรื่องแปล และถ้าอยากได้อรรถรสวรรณรดาก็จะหยิบงานต้นฉบับมาอ่านเพื่อมาทบทวนภาษา เกือบหนึ่งเดือนที่วรรณรดาใช้ชีวิตเหมือนเครื่องจักร ปล่อยตัวให้พ่อแม่เข้ามามีบทบาทควบคุมทิศทาง

จุดประสงค์ก็เพราะวรรณรดาอยากให้ใครสักคนมารักษารอยแผลอันเกิดจากความผิดหวังจากปวุฒิ

หนังสือนิตยสารที่วรรณรดาเคยซื้อมาเก็บสะสมไว้ ถูกจับใส่กล่องผูกเชือกให้แม่บ้านนำไปไว้ในห้องเก็บของ และในนิตยสารที่รับเป็นสมาชิกมีเรื่องราวของคนทั้งคู่ณิชกานต์ก็เปิดข้าม ไม่ยอมอ่านเนื้อความใด ๆ ทั้งสิ้น รวมถึงละครที่ทั้งคู่เล่นและกำลังออกอากาศวรรณรดาก็จะไม่เปิดดู ไม่สนใจไม่ใส่ใจอย่างที่เคยทำ
ซึ่งการแบบนี้ ตัวตนของปวุฒก็ค่อย ๆ จางหายไปจากหัวใจวรรณรดา แม้จะยังไม่ทั้งหมด แต่มันก็ทำให้วรรณรดามีความสุขสดชื่นได้ในทุกวัน ๆ

ส่วน พจน์ สุขมโนรมย์ คนที่วรรณรดาพยายามปฏิเสธการจับคู่กลับดูจะเพียรทำคะแนนเพิ่มมากขึ้น ๆ เมื่อเขารู้ว่าวรรณรดาชอบอ่านหนังสือ และอ่านหนังสือได้ทุกชนิดทุกประเภท

‘หนังสือ’ จึงเป็น ‘สื่อ’ ที่เขาใช้ยามเมื่อได้พบกับวรรณรดาตามงานสังคม

พจน์ สุขมโนรมย์จะเดินยิ้มเพียงแย้มเข้ามาหาวรรณรดา และเขาก็จะพูดเสียงเบา ๆ ว่า

“สวัสดีครับคุณดา”

วรรณรดานั้นด้วยเคยเล่นบทปฏิเสธผู้ชายคนที่แม่ของตนภูมิใจนำเสนอไปแล้ว ประกอบกับที่ไม่รู้สึกพึงใจในรูปร่างหน้าตาของเขาในเบื้องต้น วรรณรดาจึงไม่ได้แสดงสีหน้ายินดีเต็มทีที่ได้เจอกับเขา แต่ว่า เมื่อเจอกันตามงานสังคมบ่อยครั้งขึ้น ทั้งคู่ก็สนิทสนมกันไปโดยปริยาย

เขามีเบอร์โทร มีเฟสบุ๊ค มีทวิตเตอร์ มีการแลกไลน์ เพื่อง่ายในการติดต่อสื่อสาร และเขาก็ใช้ช่องทางเหล่านั้นติดต่อกับวรรณรดา และเมื่อมีโอกาสพบกันบ่อยครั้งเข้า วรรณรดาจึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับพจน์ สุขมโมรมย์ จนกระทั่งคิดว่าชีวิตของตนนั้นคงจะหนีลิขิตจากพระพรหมไม่ได้แน่ ๆ

และคืนข้ามปีที่ผ่านมา พจน์ ก็ทำเซอร์ไพรส์วรรณรดา..โดยการขอวรรณรดาแต่งงานในขณะที่ทั้งคู่ไปเคาน์ดาวน์ด้วยกันที่แยกราชประสงค์ วรรณรดาอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสายตาของเขาที่มีความรักอยู่เต็มเปี่ยม วรรณรดาจึงพยักหน้าตกลง พจน์ แสดงความดีใจออกมาเป็นอย่างมาก และงานแต่งของวรรณรดาก็ถูกกำหนดขึ้นก่อนงานแต่งของปวุฒิกับณิชกานต์เสียอีก เพราะว่าผู้ใหญ่นั้นเห็นดีเห็นงามอยู่ก่อนแล้ว งานหมั้นงานฉลองมงคลสมรสจึงจัดเสียวันเดียวกันเพื่อรวบรัดขั้นตอนตามความต้องการของทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว

“ทำไมมันเร็วอย่างนั้นละดา” เมื่อขวัญชีวีได้รับการ์ดเชิญจากมือของวรรณรดา หญิงสาวก็ถึงกับเงยหน้าขึ้นมองหน้าเพื่อนรักที่หลังจากกลับมาจากมาเลเซียก็ได้ห่าง ๆ กันไป เพราะต่างคนก็ต่างมีงานรัดตัว

“ไม่เร็วหรอกขวัญ ดา จะ 28 แล้ว คุณพจน์เขาก็จะสามสิบแล้ว ควรที่จะมีลูกเต้าสืบทอดสกุลกันได้แล้ว”

“ดีใจด้วยนะดา..แต่ดารักคุณพจน์เต็มหัวใจนะ ไม่ใช่เพราะว่าพี่ปุ้มกับนิด” ด้วยนั่งอยู่กันตามลำพังขวัญชีวีจึงต้องถามถึงอารมณ์ลึก ๆ ของวรรณรดา เพราะอยากรู้ว่าความรักที่มันเกิดขึ้นเพียงไม่นานนั้นมันเป็นอย่างไร

“ดารักคุณพจน์ รักมาก รักมากกว่าตอนที่รักพี่ปุ้มอีกนะ แล้วดาก็มาถามตัวเองว่าทำไมเป็นอย่างนั้น”

“ทำไม”

“เพราะตั้งแต่ดารู้จักกับเขา ดาก็รู้สึกว่า เขารักดา และต้องการตัวดาจริง ๆ ไม่ใช่เป็นการรักเขาข้างเดียวเหมือนกับตอนที่ดาหลงรักพี่ปุ้ม และเมื่อเขาทำให้เรามีค่าขึ้นมา ความรักมันก็ไหลมาเองอย่างท่วมท้น ถ้าจะพูดอีกที เขาคือคนที่พระเจ้าส่งมาให้เรา เราจึงหนีกันไม่พ้น ดายืนยันว่าดารักคุณพจน์ และพร้อมจะฝากชีวิตที่เหลืออยู่ไว้กับเขา”

“ดีใจกับดาจริง ๆ นะ”

“ขวัญต้องไปงานของดาให้ได้นะ และงานนี้ ดาจะสั่งผ้ามาจากอิตาลีหลายพับเลย เดี๋ยวจะให้ร้านเสื้อติดต่อขวัญมานะ อยากให้เพื่อนเจ้าสาวของดา ใส่เสื้อผ้าจากพับเดียวกัน”

“เก๋ดีนะ”

“แล้วขวัญล่ะ คุณมาร์คเป็นอยางไรบ้าง”

“เขาก็ดี เสมอต้นเสมอปลาย” พูดถึงคนที่อยู่แดนไกลแล้วดวงตาของขวัญชีวีก็เป็นประกายขึ้นมา

ความรักต้องพิสูจน์ด้วยกาลเวลา และวันเวลาที่หมุนเปลี่ยนก็ทำให้ขวัญชีวียิ่งเชื่อมั่นว่า คำทำนายของหมอดูนั้นแม่นยำแค่ไหน หลินฮันหมิงรู้เรื่องที่วรรณรดาจะแต่งงานจากวิศรุตก่อนขวัญชีวีเสียอีก เขาจึงโอดครวญว่า เมื่อ วรรณรดาแต่งงาน ปวุฒิกับณิชกานต์แต่งงานแล้ว เมื่อไหร่จะถึงคิวของเขากับเธอ ขวัญชีวีจึงต้องอ้างไปหาวิศรุตที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะลงเอยที่ใครออกไป

‘รอให้วิศรุตแต่งก่อนผมแก่แน่ ๆ เลย’

‘หรือรอไม่ได้’

‘รอได้ซิครับ นานเท่าไหร่ผมก็รอ’

นอกจากจะรอให้ขวัญชีวีพร้อมแล้ว เขาเองก็มีข่าวดีมาบอกกับขวัญชีวีเรื่องงานของเขา ซึ่งเธอได้ไปสร้างเงื่อนไขไว้ว่า ถ้าต้องแต่งงานก็อยากแต่งงานกับคนที่มีเวลาอยู่เมืองไทยไปตลอดชีวิต

ดังนั้น เวอซาดีโก้มาเลเซียจึงต้องขยับขยายงานเพิ่มงานใหม่ให้กับเขา นั่นก็คือ ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายวิจัยและพัฒนาธุรกิจ(R&D/Research and Development Manager) ซึ่งเขาจะมานั่งแท่นทำงานโดยเช่าพื้นที่หนึ่งชั้นในอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท แอลวีอาร์ มาร์เก็ตติ้ง (มหาชน) จำกัด เป็นสำนักงานชั่วคราว นอกจากนั้นเขายังให้ขวัญชีวีช่วยมองหาที่อยู่ให้กับเขา

เมื่อเห็นว่าเขาจะมาอยู่เมืองไทยเป็นการถาวรเพื่อลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวใหม่ด้วยกัน ขวัญชีวีจึงได้เสนอห้องชุดของตัวเองที่อยู่บนถนนสุขุมวิทและอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานให้กับเขา เพราะผู้เช่าชาวญี่ปุ่นจะบินกลับไปทำงานที่บริษัทแม่ หลินฮันหมิงตอบตกลงทันที และในตอนเย็นวันศุกร์ที่จะถึงนี้ เขาก็จะบินมาดูที่พักว่ามีสภาพเป็นอย่างไรบ้าง

“แล้วจะแต่งกันเมื่อไหร่”

“ขวัญรับละครไว้สามเรื่อง กว่าจะถ่ายทำเสร็จปิดกล้องเลี้ยงฉลองก็เกือบสิ้นปี แล้วอีกอย่างอยากดูใจกันไปนาน ๆ ด้วย...”

“เขาก็พิสูจน์ให้เห็นขนาดนี้แล้วว่ารักขวัญมากแค่ไหนนะ” วรรณรดานั้นรู้เรื่องที่หลินฮันหมิงจะมานั่งทำงานในเมืองไทยจากวิศรุต วรรณรดาจึงต้องทำหน้าที่กล่อมเพื่อนเพื่อช่วยให้หลินฮันหมิงนั้นสมปรารถนาเร็วขึ้น

“ก็ต้องรอไปก่อน ให้ครบปีก่อนค่อยว่ากัน”
“อยากมีลูกพร้อม ๆ กับขวัญจังเลย นะ แต่งปีเดียวกัน ลูกจะได้รุ่นเดียวกัน แล้วก็ถ้าลูกของเราเป็นผู้หญิงกับผู้ชาย เราก็หมั้นหมายลูกของเราไว้”

พอวรรณรดาพูดแบบนี้ขวัญชีวีก็นึกถึงสัญญาของคุณยายหลินซิ่วอินกับคุณยายแน่งน้อยทันที อาจจะเป็นเพราะผู้ใหญ่เคยพูดแบบนี้ จึงทำให้เธอกับเขาต้องเกิดมาเพื่อกันและกัน...

“เอาอย่างนั้นหรือ อย่าเลย ไม่ดีหรอก”

“ไม่ดีอย่างไรละดา ดูแม่ของดากับแม่ของคุณพจน์ซิ เพราะว่าท่านทั้งสองคนสนิทสนมกันมาก่อน ดากับคุณพจน์ก็เลยไม่มีปัญหาเรื่องบ้านเค้าบ้านเรา เพราะผู้ใหญ่รู้จักกันดีอยู่แล้ว”

“เรื่องอีกตั้งนานนะ ปล่อยให้มันเป็นไปตามวิธีทางของรักเถอะ อย่าไปลิขิตอะไรไว้ล่วงหน้าเลย”

“แหม วันเวลาหมุนไปเดี๋ยวเดียวเท่านั้นแหละขวัญ”

“แล้วนี่จะไปฮันนีมูนกันที่ไหน” ขวัญชีวีรีบเปลี่ยนเรื่องคุย

“บินลงปีนัง นั่งรถไปคาเมร่อน ไปกัวลาลัมเปอร์ ไปเกนติ้ง แล้วก็ไปปีนัง ข้ามไปสิงคโปร์ แล้วก็ไปอินโดนีเซีย ไปดูภูเขาไฟ แล้วก็ไปบาหลี”

“เยอะไปไหมอ่ะ”

“ก็ย้อนรอยหนังสือแบกเป้เที่ยวของน้องออเขาเลยแหละ ดูมีสีสันดี แล้วคุณพจน์เขาก็ไม่เคยไป มาเลย์กับอินโดนีเซียด้วย ใกล้ ๆ แค่นี้แหละ แต่กะจะไปกันสักครึ่งเดือน รอนแรมกันไปเรื่อย ๆ ใช้ชีวิตให้เป็นอิสระสมกับที่อยู่ในกรงกันมานานแล้ว”

“กรงทองฝังเพชร”

“ดาก็เปรียบไปอย่างนั้นเอง ชีวิตของดากับคุณพจน์มีแต่คนอิจฉาทั้งนั้นแหละ” พูดถึงพจน์ ดวงตาของวรรณรดาก็เป็นประกายเจิดจ้าขึ้นมา

“แล้วจะเขียนหนังสือแข่งกับน้องออไหม”

“น่าสนใจเหมือนกันนะ ตั้งชื่อหนังสือว่าไงดี”

“ปรึกษาคุณพจน์เขาแล้วกัน...”

และพอถูกพูดถึงอยู่บ่อย ๆ โทรศัพท์ของวรรณรดาก็ดังขึ้น วรรณรดามองหน้าจอแล้วก็บอกกับขวัญชีวีว่าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “ตาคนนี้นินทาไม่ได้เลย ขอตัวรับสายก่อนนะ”


ด้วยทนรบเร้าจากหลินฮันหมิงไม่ไหว ช่วงวันวาเลนไทน์ตั้งแต่วันที่ 12-14 กุมภาพันธ์ ขวัญชีวีจึงต้องพาพ่อแม่ และหลินเล่อเจินพี่สาวของหลินฮันหมิง คุณยายหลินซิ่วอิน ไปเที่ยวภาคเหนือเพราะว่าอากาศยังหนาวเย็น กำหนดการนั้น คณะของเขาจะเดินทางมาถึงเมืองไทยด้วยสายการบินแอร์เอเชีย บินลงที่สนามบินดอนเมืองแล้วต่อเครื่องของสายการบินเดียวกันไปยังเชียงใหม่ โดยมีขวัญชีวี คุณยายแน่งน้อย ป้าสนาม เพียงออที่ขวัญชีวีจ้างมาเป็นไกด์นำเที่ยวขึ้นเครื่องไปเที่ยวบินเดียวกัน

เมื่อถึงสนามบินเชียงใหม่ รถตู้เก้าที่นั่งที่เพียงออประสานงานไว้ให้ก็มารับไปยังอำเภอปาย ระหว่างทางนั้นเพียงออนั่งหน้าคู่กับคนขับ มีพ่อแม่ของหลินและพี่สาวนั่งอยู่เบาะแถวหน้า เบาะแถวกลางนั้น เป็นคนป้าสนาม คุณยายหลินซิ่วอิน คุณยายแน่งน้อยนั่งคู่กัน ส่วนเบาะท้ายเป็นหลินฮันหมิงกับขวัญชีวี....

หลังจากรถตู้เคลื่อนตัวออกมาจากสนามบินแล้ว มือของขวัญชีวีก็ถูกดึงไปจับกุมไว้ แม้ว่าอยากจะดึงออกแต่เขาก็แข็งขืน ใช้สายตาขอร้อง บอกความในใจให้รู้ว่า เขานั้นมีความเสน่หารักและคิดถึงขวัญชีวีมากเพียงใด...

เมื่ออยู่ในรถตู้คับแคบที่มีผู้ใหญ่คอยเงี่ยหูฟัง เรื่องที่คุยกันนั้นจึงเป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป กระทั่งรถวิ่งไต่ไปบนถนนคดโค้งขึ้นลงภูเขาลูกแล้วลูกเล่า หลินฮันหมิงก็วิงเวียนศีรษะกระทั่งอาเจียนออกมาทำเสียบรรยากาศโรแมนติก...

หลังเช็คอินเข้าห้องพักที่แม่ของขวัญชีวีติดต่อประสานงานไว้แล้ว เขาก็รีบขอตัวเข้าห้องไปพักผ่อนโดยมีคุณยายหลินซิ่วอินกับหลินเล่อเจินตามไปดูแล และเมื่อเขาพักผ่อนจนร่างกายหายเป็นปกติ เขาก็รีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากห้องพักมายังส่วนจัดเลี้ยงอาหารค่ำ โดยทริปพาครอบครัวมาเที่ยวเมืองไทยในครั้งนี้เขาต้องการให้ผู้ใหญ่ฝ่ายของตนนั้นรู้จักกับพ่อแม่ของขวัญชีวี คุณยายแน่งน้อย ด้วย วิศรุตเป็นคนแนะนำให้กับเขาได้รับรู้ว่าธรรมเนียมของเมืองไทย การที่ชายหญิงจะแต่งงานกันได้ จะต้องให้พ่อแม่ของฝ่ายชายมาทาบทามหรือมาสู่ขอกับพ่อแม่ผู้ปกครองของฝ่ายหญิง เพราะว่าพ่อแม่ของฝ่ายหญิงจะสามารถพูดเกลี่ยกล่อมให้ฝ่ายหญิงหรือเห็นดีเห็นงามรับหมั้นไว้ก่อนก็ได้...

ซึ่งพ่อแม่ของเขาก็เต็มใจทำหน้าที่นี้เป็นอย่างยิ่ง...


และช่วงที่รออาหารลำเลียงมาขึ้นโต๊ะ หลินฮันหมิงก็เดินเกร่ไปยังแกรนด์เปียโนที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้องจัดเลี้ยง หลังจากขออนุญาตเจ้าของรีสอร์ตเขาก็ทรุดตัวลงนั่งพรมนิ้วลงไปบนคีย์บอร์ด

ขวัญชีวีที่เดินตามมาทีหลังชะงักเท้าเมื่อเห็นเขานั่งอยู่ที่เปียโน โดยคนอื่น ๆ นั้นก็ตั้งใจฟังเพลงที่เขาเล่นโดยไม่ยอมพูดยอมจา กระทั่งทำนองเพลง ฤดูที่แตกต่าง ของบอย โกสิยพงษ์ ซึ่งคุ้นหูคนไทยเป็นอย่างดีจบลง เสียงปรบมือจาก พ่อแม่ คุณย่าเล็ก ยายแน่งน้อย พ่อแม่ของขวัญชีวี พี่สาวของเขา รวมถึงป้าสนามและเจ้าของรีสอร์ทที่มาคอยอำนวยความสะดวกก็ดังเกรียวกราว เขาเงยหน้าจากโน๊ตเพลงตรงหน้าผงกศีรษะและยิ้มให้กับทุกคน ขวัญชีวี ก้าวเข้าไปในห้องโถงใหญ่ หลินฮันหมิงยืนขึ้นก่อนจะพูดว่า

“ก่อนที่เราจะจัดการกับมื้อค่ำบนโต๊ะ ผมขอเล่นเพลงไทยที่ผมซุ่มซ้อมอีกเพลงหนึ่งนะครับ และเพลงนี้ ผมขอมอบเป็นพิเศษให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่ทุกท่านก็คงรู้ดีว่า เป็นใคร...”

ใบหน้าของขวัญชีวีแดงระเรื่อขึ้นมา หญิงสาวส่งสายตาปราม ๆ เขิน ๆ ไปให้เขาก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงนั่งข้างกายผู้เป็นมารดา

“เพลงนี้ชื่อเพลง บุพเพสันนิวาส ครับ ผมขอมอบเป็นพิเศษให้คุณขวัญชีวี วัชระประสิทธิ์ ผู้หญิงไทยที่ผมจะต้องขอเธอแต่งงานให้ได้ในคืนนี้ครับ”
เสียงปรบมือพร้อมเสียงโห่ฮิ้วด้วยความดีใจดังขึ้นอย่างยาวนาน

แม้จะหน้าแดงระเรื่อแต่หลินฮันหมิงก็เล่นเพลงบุพเพสันนิวาสโดยมีคุณยายแน่งน้อย พ่อแม่ของขวัญชีวี ป้าสนามช่วยกันร้องเพลงคลอ ๆ ไปจนจบ ส่วนขวัญชีวีนั้นหญิงสาวกอดแขนของแม่ร้องไห้สะอึกสะอื้นดีใจที่เซอร์ไพรส์ของเขาในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ...

(ติดตามตอนพิเศษได้ในแบบรูปเล่มหนังสือที่พิมพ์กับ สนพ.มายดรีมนะครับราคาเล่มละ 240 บาท ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ...)



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 เม.ย. 2556, 06:12:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 เม.ย. 2556, 06:12:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 2672





<< 24.   
nateetip 1 เม.ย. 2556, 08:08:30 น.
ยินดีด้วยค่ะ สำหรับนิยายเรื่องนี้ .. รอติดตามผลงานชิ้นต่อไปค่ะ


mhengjhy 1 เม.ย. 2556, 09:48:59 น.
โอ้ยย กรี๊ดด หวานเกินไปปปป


หมีสีชมพู 1 เม.ย. 2556, 11:40:06 น.


Zephyr 8 เม.ย. 2556, 01:19:07 น.
จบหวานมากค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account