พิศวาสปรารถนา Sweet Trip in Sevilla
ความรักอันเร่าร้อนในสเปน...ดินแดนแห่งความสนุกสนาน
นตานรีหนีความเจ็บช้ำมาสเปน ก่อนจะได้มาพบสัตว์ร้ายผู้งามสง่า ชายหนุ่มที่จะทำให้โลกของเธอเปลี่ยนไปชั่วนิรันดร์
เขาคือ ลอเรนโซ ผู้ชายที่มาพร้อมกับเพลิงพิศวาสซึ่งจะแผดเผาเธอจนมอดไหม้!
Tags: เซบียา,ลอเรนโซ,นตานรี,สเปน

ตอน: 5: อัศวินกับราชา

5: อัศวินกับราชา


นตานรีแทบจะตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติให้กลับคืนร่าง เธอหนักหัวไปหมดแล้ว เหมือนจะไข้ขึ้นนิดๆ ด้วยเถอะ หญิงสาวมองหน้าซีดๆ ของตัวเองในกระจกก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

ตอนนี้เธออยากได้นางฟ้าใจดีสักองค์มาเสกให้เธอหายตัวไปจากเกสต์เฮ้าส์แห่งนี้ พาเธอไปส่งยังสนามบินแล้วกลับไทยในทันทีที่หาตั๋วได้ แต่แน่นอนว่าในที่นี้ไม่มีนางฟ้า มีแต่ราชาตัวร้ายที่รอเธออยู่ด้านนอกนั่นโดยไม่รู้จุดมุ่งหมาย แต่สายตาที่มองตามไม่ห่างนั่นคล้ายสิงโตเล็งเหยื่อไม่มีผิด ทำเอาเธออยู่ไม่สุข ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ตลอดเวลา

หรือเธอจะป่วยการเมืองดี? ยกเลิกการทานมื้อค่ำและระบำฟลาเมงโกแสนวิเศษนั่นไป...

เสียมารยาทตายเลย! นตานรีรู้ว่าตัวเองไม่ควรราญน้ำใจของมารีอา ถึงเธอจะมีปัญหากับลอเรนโซ แต่มารีอาอุตส่าห์จะต้อนรับเธอทั้งที แล้วก็รับปากไปแล้วด้วยจะมากลับคำทีหลังแกล้งป่วยเมือง มันก็ออกจะเกินไปหน่อย

...ตะ แต่เธอไม่อยากเจอหน้าลอเรนโซนี่นา! ฮือ จะทำไงดีเนี่ย

หญิงสาวเสยผมปรกหน้าอย่างกลัดกลุ้มเต็มที

โอ๊ย! ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอซวย! และความซวยยังคงเกาะติดเธออยู่แบบนี้ ต่อให้เธออยู่ในห้องน้ำตลอดไปทั้งชาติก็ไม่สามารถสลัดเจ้าความซวยนี่ไปได้

ว่าแต่ลอเรนโซต้องการอะไรจากเธอ ตามปกติแล้วพวกที่นอนกันคืนเดียวนั้น ตอนเช้าก็จำหน้าคนที่พามานอนด้วยไม่ได้แล้วไม่ใช่เหรอ? หรือเขาต้องการต่อรอบสองกับเธออีก?

บ้าจริง! เธอทำผิดไปครั้งหนึ่งแล้ว จะไม่ยอมให้ตัวเองทำผิดซ้ำสองเด็ดขาด!

นตานรีตัดสินใจอย่างแน่วแน่ จะทำเหมือนลอเรนโซคือคนที่เธอเพิ่งรู้จัก และถ้าเขามีท่าทีมากไปกว่านี้เธอก็จะต้องปฏิเสธเขาไป หญิงสาวเข้าใจว่า ผู้ชายอย่างลอเรนโซไม่น่าขาดแคลนอะไร ถ้าเธอไม่ต้องการ เขาคงไม่แบล็กเมล์หรือประจานอะไรเธอ คนแบบเขาน่าจะรักศักดิ์ศรีมาก ถ้าผู้หญิงไม่ต้องการก็คงไม่บังคับ แล้วหลังจากนี้เธอกับลอเรนโซก็จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น

เธออยู่สเปนก็อีกแค่ 2-3 วัน ไม่สิ เธออยู่เซบียาแค่วันพรุ่งนี้เท่านั้นเอง แล้วเธอก็จะไม่เจอหน้าลอเรนโซอีกเลย มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะไม่เจอหน้ากันตลอดชีวิตก็ว่าได้ แล้วเธอจะไปกลัวตานั่นทำไมกัน อีกอย่างเมื่ออยู่ที่เซบียานี่ ไงๆ ก็พอมีมารีอาอยู่ด้วย ลอเรนโซต้องไม่กล้าจะทำอะไรเธอแน่ๆ เมื่อรู้จักผู้ปกครองของลอเรนโซแล้ว เธอยังจะกลัวอะไรอีก?

ทนๆ เอาหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวก็ข้ามวัน เดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว เธอจะต้องไม่แคร์อะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ลืมเรื่องเมื่อคืนไปได้แล้ว นตานรี! ผู้ชายคนนั้นเขายังไม่แคร์อะไรเลย เธอจะแคร์ทำไม เลิกคร่ำครวญแล้วออกไปเจอหน้าผู้ชายคนนั้นได้แล้ว นตานรี!

‘คิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นทิชชู่ที่เธอสั่งขี้มูกแล้วทิ้งไปสิ! เป็นแค่กระดาษชำระที่ไม่มีความหมายอะไร...’

เมื่อเดินออกมาหญิงสาวก็เห็นมารีอายืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์แล้วพร้อมกับลอเรนโซ เมื่อสบสายตากับลอเรนโซ นตานรีก็ทราบว่า ลอเรนโซไม่ใช่ ‘ไม่มีความหมายอะไร’ กับเธอ หญิงสาวรีบดึงสายตากลับไปที่มารีอาคนเดียวเท่านั้น

“หนูนัทมาพอดีเลย เดี๋ยวป้าจะต้องออกไปดูบูทที่งานเฟเรีย เด อะบริลแล้ว หนูจะไปกับป้าไหม เดี๋ยวแวะส่งที่ปาร์เก มาเรีย ลุยซาให้ก่อนจ้ะ ทางผ่านพอดี”

นตานรีพอเห็นมารีอายืนคู่กับลอเรนโซก็เข้าใจว่า ลอเรนโซจะไปด้วย เธอจึงรีบตอบไปว่า

“เอ่อ หนูอยากเดินเล่นชมเมืองมากกว่า แล้วก็มีที่อื่นที่อยากแวะระหว่างทางด้วย ไม่รบกวนมารีอาจะดีกว่าค่ะ”

“อ้าวเหรอ งั้นก็ตามใจนะ อย่าลืมนัดตอนสามทุ่มครึ่งของเรานะจ๊ะ”

“ไม่ลืมแน่นอนค่ะ” หญิงสาวถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นมารีอากับลอเรนโซเดินออกไปจากที่ตรงนี้ ที่เก๊กเข้มแข็งไว้เลยหลุดออกไปทางลมหายใจหมด

“เป็นอะไรไปครับ นัท” ลาซาโรเดินมาพร้อมกับจานเปลใหญ่ใส่อาหารว่างมาสองจาน นตานรีพอจะรู้สึกดีๆ กับคนน้องอยู่ไม่น้อย เธอเลยตอบกลับไปอย่างสบายๆ

“มีไข้นิดๆ น่ะค่ะแต่คาดว่าน่าจะใกล้หายแล้ว” สายตาของหญิงสาวมองไปที่จานแล้ววกกลับขึ้นมาหาคนถือ

“ก็ดีแล้วครับที่ใกล้หาย...อ๊ะ อย่าคิดว่าผมกินเองหมดสองจานสิครับ ผมเอามาเผื่อคุณต่างหากล่ะ รองท้องสักนิดเถอะครับ กว่าจะถึงสามทุ่มครึ่งยังอีกนานเลย ไม่ต้องกลัวอ้วนด้วยนะเพราะว่าเดี๋ยวคุณก็จะออกไปข้างนอกนี่ครับ เดินย่อยพอดี”

ลูกชายคนรองของมารีอายกเหตุผลต่างๆ นานาขึ้นมาประกอบการตัดสินใจ ขณะที่เดินกลับไปที่โต๊ะเพื่อวางจานอาหาร จากนั้นเขาก็ถือโอกาสดันจานหนึ่งซึ่งน้อยกว่าจานของเขาเองไปด้านหน้านตานรี

หญิงสาวจับจ้องอาหารว่างอย่างง่ายๆ ในจานอันได้แก่ ไข่ดาว ชีส ขนมปัง แฮม หมึกทอดและไส้กรอกที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำ อย่างละชิ้นสองชิ้น แล้วขมวดคิ้วทันควัน เธอเงยหน้าขึ้นมาพูดกับลาซาโร

“แหม น่ากินจังเลยนะคะ ฉันเองก็อยากลองชิมอยู่นะแต่คุณใส่มาเยอะมากเลย ฉันกินไม่หมดแน่นอนค่ะ เสียดายของออก”

“งั้นอะไรที่คุณไม่กิน จิ้มใส่จานผมได้เลยครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง” ลาซาโรรับจัดการปัญหาให้

“งั้นไม่เกรงใจแล้วนะคะ” หญิงสาวยกจานขึ้นมาตั้งท่าจะเทอาหารใส่จานของลาซาโร แต่มีเสียงริงโทนดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน นตานรีเลยรีบวางแล้วหยิบโทรศัพท์มากดรับ

“ยังไม่นอนอีกเหรอ ยายเน็ต”

“แหะๆ ดูซีรีส์เพลินไปหน่อย ไงๆ ก็ช่วงวันหยุดนี่นะ ตื่นสายก็ไม่มีปัญหาหรอกเจ๊ เอ้อนี่ แล้วหาเกสต์เฮ้าส์หลังนั้นเจอไหมอ่ะ ไม่เห็นโทรมารายงานเลย หรือว่าหลงทาง” ได้ยินน้องสาวปรามาส นตานรีก็ค้อนใส่โทรศัพท์แทน

“ฉันไม่ได้หลงทางย่ะ ก็ว่าจะโทรไปบอกพอดีว่า ฉันได้เจอคุณมารีอาตัวเป็นๆ ด้วยแหละ แต่เพิ่งเจอเมื่อกี้เลยไม่ได้โทรไปหาแม่เขา นี่มันตั้งเท่าไหร่แล้ว สี่ทุ่มครึ่ง? จะห้าทุ่มที่ไทยแล้วใช่ไหมล่ะ ไม่อยากรบกวนเวลานอนแม่เขาน่ะ”

“กรี๊ด! เจ๊หาคุณมารีอาเจอจริงๆ เหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อเลย!” ปลายสายกรี๊ดกร๊าดอย่างไม่สำรวมกิริยาแม้แต่น้อย

“อื้อ พี่ว่าจะให้แม่เขาได้เจอหน้ากับคุณมารีอาเสียหน่อย เอ้อเดี๋ยวนัดกันดีกว่า รอสายแป๊บนะ” นตานรีหันมาถามลาซาโร

“ลาซาโรคะ ฉันอยากให้ป้ามารีอาได้คุยกับแม่ฉันผ่านโปรแกรมสไกป์น่ะค่ะ จะได้เห็นหน้ากันได้ด้วย แต่ฉันไม่ได้พกแล็ปท็อปมาคงต้องขอยืมทางฝั่งคุณน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าคุณพอจะรู้กำหนดการของมารีอาไหมคะว่า พรุ่งนี้ตอนเช้าๆ เธอจะว่างตอนไหนน่ะค่ะ”

“อ้อ พรุ่งนี้เหรอครับ...อืม ตอนประมาณสักเก้าโมงแม่ผมจะพอมีเวลาว่างสักชั่วโมงได้น่ะครับ เดี๋ยวผมจัดการเรื่องแล็ปท็อปให้เองครับ” ลาซาโรทบทวนตารางกิจวัตรประจำวันของแม่อยู่เล็กน้อยค่อยตอบไป นตานรีพยักหน้าให้พลางนับนิ้วคำนวณเวลาที่ไทยไปด้วย

“โอเคค่ะ ยายเน็ตพรุ่งนี้ตอนประมาณซักบ่ายสอง เดี๋ยวพี่โทรไปหา แล้วแกก็เข้าสไกป์ให้แม่เขาได้เห็นหน้าคุณมารีอา โอเคไหม?”

“โอเคค่ะเจ๊ ว่าแต่...ฮั่นแน่ เสียงผู้ชายใครอ่ะ บอกมานะ” น้องสุดท้องของบ้านทำเสียงเจ้าเล่ห์

“คุณลาซาโร ลูกชายคนที่สองของมารีอาน่ะ” นตานรีย่นคิ้วใส่น้องที่คิดจะแซวเธอ

“อั๊ยย่ะ มีลูกชายด้วย เสียงทุ้มแบบนี้หล่อแหงๆ เลยใช่ไหมเจ๊”

“อือ ก็หล่ออยู่นะ”

“โอ๊ยๆๆๆ ขอคุยหน่อยได้ป่ะ ไหนๆ ก็เสียค่าโทรทางไกลมาละ ขอคุยกับหนุ่มสเปนตัวเป็นๆ หน่อยเร้ว”

“กล้านะยะ หล่อน ทำอะไรรบกวนชาวบ้านชาวช่องเขาน่ะ”

“น่า นิดเดียวน่ะเจ๊ อยากคุยกับหนุ่มสเปนมานานละ นะ นะ นะ” พอน้องสาวอ้อนมา คนเป็นพี่เลยได้แต่ถอนหายใจนิดๆ แล้วหันไปพูดกับหนุ่มสเปนว่า

“คุณลาซาโรคะ ขอโทษนะคะ คือว่าน้องสาวฉัน..เอ่อ อยากคุยด้วยน่ะค่ะ แกค่อนข้างจะบ๊องนิดนึง เซี้ยวไปหน่อย แต่ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ”

“เจ๊! หนูได้ยินนะ” ปลายสายโวยวายเสียงแหลมประท้วงคำพูดพี่สาว

ลาซาโรอมยิ้มนิดๆ ก่อนจะรับโทรศัพท์มาจากนตานรี “โอลา...สวัสดีครับ ผมลาซาโรพูดครับ”

“สวัสดีค่า ฉันชื่อเน็ตค่ะ เป็นน้องสาวคนเล็กสุดของที่บ้านค่ะ ที่ขอคุยด้วยนี่ก็ไม่มีอะไรหรอกนะคะ คือถ้าเกิดพี่สาวหนูแกป้ำๆ เป๋อๆ ลืมโน่นลืมนี่ ยังไงก็ฝากดูพี่หนูหน่อยนะคะ กลัวไปหลงทางที่สเปนแล้วหาทางกลับไม่ได้น่ะค่ะ”

ได้ฟังน้องสาวแนะนำตัวและเผาพี่สาวเสียงเจื้อยแจ้วแล้ว ลาซาโรก็หลุดขำออกมานิดๆ ก่อนตอบว่า “ได้ครับ จะดูแลให้ครับ”

“ขอบคุณมากนะคะ คุณใจดีจัง แค่นี้ล่ะค่ะ เดี๋ยวพี่สาวหนูเขาจะค้อนจนตากลับ ขอคุยกับพี่สาวต่อหน่อยค่า” พอโทรศัพท์เปลี่ยนกลับมาสู่เจ้าของอีกครั้ง น้องสาวก็รีบพูดต่อทันที

“กรี๊ด! คุณลาซาโรเสียงหล่อมากเลยอ่ะเจ๊ ห่อกลับบ้านเป็นของฝากให้หนูได้ไหม”

“พอเลยแก เห็นคนหล่อเป็นไม่ได้ แค่นี้นะจะได้ไม่เปลือง”

“เอ้อ เดี๋ยวๆ มีเรื่องมาบอก...อีตานั่นมาที่บ้านแหละ แต่พ่อเขาบอกปัดไปว่าพี่ไม่อยู่ แต่ไม่ได้บอกนะว่าอยู่ไหน ตานั่นดูจะขี้ตื๊อไงไม่รู้นะพี่ ระวังมันตามไปถึงสเปนล่ะ” น้องสาวรีบรายงานปัญหาที่รออยู่ที่เมืองไทย

‘อีตานั่น’ ในตอนนี้ก็มีอยู่แค่คนเดียว ไม่ต้องเอ่ยชื่อต่อ นตานรีก็รู้ว่าหมายถึงใคร ใบหน้าที่กลับมาสดใสกลายเป็นอ่อนอกอ่อนใจในทันใด

“โอย ถ้าจะง้อ คงเป็นช่วงกลับไปไทยนั่นแหละ เจตน์ไม่มีทางตามพี่มาสเปนได้หรอก”

“อย่าประมาทเจ๊ ถ้ามันตามไปถึงที่โน่นน่ะ อย่าให้มันเข้าใกล้เลยนะ เดี๋ยวจะใจอ่อน” น้องสาวเตือน

“ไม่ใจอ่อนหรอก พี่กินข้าวไม่ได้กินหญ้า แต่เอาเป็นว่าจะระวังละกัน”

“เอ้อ ถ่ายรูปคุณลาซาโรมาให้ดูหน่อยนะ อยากรู้ว่าหล่อจริงอย่างที่คิดไว้ไหม”

“ได้ย่ะ เดี๋ยวจะถ่ายรูปไปทั้งครอบครัวของมารีอาเลย ดีไหม?”

“ได้งั้นก็ดีสิคะ มีใครหล่อถ่ายมาให้หมดเลยน้า...งั้นแค่นี้ละนะ บาย”

“บายจ้า”

“เป็นอะไรไปหรือเปล่า ดูเครียดๆ นะครับ” ลาซาโรเอ่ยปากถามเพราะเห็นว่าช่วงท้ายบทสนทนา นตานรีเปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงไปอย่างเห็นได้ชัด

“อ้อ ไม่มีอะไรค่ะ แค่คิดว่ามีไข้กลับเท่านั้นแหละค่ะ”

“ถ้าไม่สบาย ผมว่าคุณกินข้าว กินยา แล้วไปนอนพักดีไหมครับ ถึงห้องที่นี่จะเต็มแต่ในส่วนที่พักของครอบครัวเรา คุณก็ไปนอนได้นะครับ” ชายหนุ่มเสนอทางเลือกให้อย่างเอื้ออารี

“อืม ฉันคิดว่า ฉันกินข้าวกินยาแล้วไปเดินเล่นดีกว่าค่ะ แค่ไข้ขึ้นนิดเดียวเอง เดี๋ยวก็หาย”

“สูตรไหนครับเนี่ย กินยาแล้วไปเดินเล่น เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมา น้องสาวคุณจะดุผมแย่ อุตส่าห์บอกให้ผมช่วยดูแลคุณด้วย” ลาซาโรใช้สายตาตำหนิเล็กๆ ที่อีกฝ่ายไม่ห่วงสุขภาพตัวเองเท่าที่ควร แต่นตานรีก็ไม่ได้แคร์สักนิด

“สูตรเฉพาะสำหรับฉันนี่แหละค่ะ ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ ลาซาโร”

“ตามใจครับ คุณนี่ดื้อเหมือนกันนะเนี่ย” ลาซาโรส่ายหัวให้ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อไป แต่โดนนตานรีทักขึ้นมาเสียก่อน

“ขอจานคุณหน่อยค่ะ ฉันจะตักอาหารคืนให้น่ะ” เมื่อได้ตามต้องการ หญิงสาวก็เทอาหารลงบนจานของลาซาโรจนจานของเธอเหลือเพียงแค่ไส้กรอกและหมึกทอดชิ้นเล็กๆ อย่างละชิ้นเท่านั้น

“นี่ตักแบ่งเหรอครับ?” ชายหนุ่มร้องท้วง

“ก็ฉันกินแค่นี้นี่คะ” เจ้าตัวเอียงจานโชว์กองอาหารหย่อมนึงให้อีกฝ่ายดู

“ไม่แปลกเลยที่คุณจะตัวเล็กแล้วก็บางแบบนี้” ได้ยินหนุ่มสเปนบ่นมาแบบนี้ เจ้าตัวเล็กก็ส่ายนิ้วชี้ไปมา

“โน โน โน ไม่ใช่ฉันเป็นคนกินน้อยนะ แต่เพราะฉันเพิ่งกินปาเอยามาค่ะ ไหนจะน้ำส้มแล้วตามด้วยโกโก้แก้วนี้อีก ใครมันจะไปกินติดๆ กันได้คะ...แต่ถ้าคุณกินอาหารพวกนี้หมดนี่ฉันก็ทึ่งนะ”

“นี่มันมื้อเช้าผมครับ เมื่อวานผมกลับมาที่เซบียาก็เลยไปดื่มกับเพื่อนฝูงมาหนักไปหน่อย”

“อ้าว ปกติคุณอยู่ที่ไหนเหรอคะ”

“ผมทำงานอยู่ที่ไร่องุ่นในเฆเรส อยู่ทางตอนใต้ของเซบียาครับ ช่วงมีงานเฟเรีย เด อะบริลเนี่ยถือว่าเป็นการรวมตัวของสมาชิกในครอบครัวน่ะครับ พ่อกับแม่จะอยู่ที่มาดริด ผมอยู่ที่เคเรส พี่ชายผมนั่นปากว่าอยู่มาดริดก็จริง แต่ไม่ค่อยนาน เดี๋ยวก็ไปโน่นมานี่ ไม่เคยอยู่ติดที่สักที ส่วนน้องชายก็ไปทำงานอยู่บาร์เซโลนา ก็มีแต่ช่วงนี้พวกเราถึงจะกลับมาเซบียาน่ะครับ ว่าแต่นี่นัท คุณจะอยู่สเปนอีกกี่วันครับเนี่ย แม่ผมขอให้ผมเป็นอัศวินปกป้องคุณและนำทางระหว่างอยู่ที่สเปนน่ะ” หลังจากพูดยาวๆ แล้ว ลาซาโรก็หยิบน้ำขึ้นมาดื่ม

“อัศวินเหรอคะ? บ้านคุณนี่ชอบเทพนิยายเจ้าหญิงเจ้าชายอะไรทำนองนี้มากไปหรือเปล่าคะ” นตานรีสะดุด เพราะจิตประหวัดไปถึงคำว่า ‘ปรินเซซา’ และ ‘ราชา’ เมื่อคืนที่ผ่านมา

“แหม ก็ไม่ถึงขนาดชอบมากหรอกครับ แต่สเปนเป็นดินแดนที่มีประวัติอันยาวนาน มีปราสาทมากมาย มันเริ่มที่พ่อเราชอบอ่านเกี่ยวกับสงครามครูเสดน่ะครับ ผมและพี่น้องรวมไปถึงแม่เลยติดมาก อีกอย่างตอนเด็กๆ นี่ผมฝันอยากเป็นอัศวินนะครับ ได้ต่อสู้ฟาดฟัน ใช้ดาบปกป้องโฉมงาม และตอนจบได้เจ้าหญิงเป็นภรรยา” ลาซาโรอธิบายไปพลางนึกสงสัยตงิดๆ สงสัยว่าทำไมนตานรีถึงใช้คำว่า ‘บ้าน’ แต่พอนึกอีกทีหญิงไทยคงจะหมายถึงมารดาเขาที่ใช้คำว่าอัศวินละมั้ง

“หือ โรแมนติกจังเลยค่ะ”

หนุ่มไร่องุ่นชวนคุยบ้าง “คุณนัทตอนเด็กๆ ไม่มีความฝันอะไรแบบนี้บ้างเหรอครับ”

“ฉันเหรอคะ ยิ่งกว่าคุณอีกนะ ไม่รู้คุณจะเคยดูละครจีนไหม คือฉันฝันอยากเป็นนางรำในวังของละครจีนโบราณค่ะ เคยเอาผ้าห่มมาพันตัวแล้วก็หมุนๆ เต้นไปเรื่อยตามประสาเด็กน่ะค่ะ” นตานรียิ้มกว้างออกมาเมื่อนึกถึงอดีตที่ทำอะไรบ๊องๆ ออกไป แถมเธอยังแสดงท่าทางประกอบคำพูดอีกด้วย ลาซาโรเลยหัวเราะขึ้นมาแล้วบอกว่า

“ผมเคยดูหนังจีน 2 เรื่องที่ใส่ชุดโบราณเมื่อนานมากแล้ว เรื่องแรกเป็นเรื่องที่ได้รางวัลออสการ์น่ะ”

“อ๋อ เรื่อง Crouching Tiger, Hidden Dragon สินะคะ แหม นี่เป็นเรื่องโปรดของฉันเหมือนกันค่ะ แล้วเรื่องที่สองที่คุณได้ดูละคะ”

“เรื่องที่สอง ชื่อจำง่ายมากเลยครับชื่อ Hero แล้วชุดจีนที่คุณอยากใส่เป็นแบบเรื่องไหนล่ะครับ”

“คล้ายชุดของเรื่อง Hero ค่ะ ต้องยาวๆ พลิ้วๆ แบบนั้นสิคะ ฉันถึงต้องเอาผ้าห่มมาพันตัว”

พอนึกตามแล้วลาซาโรก็หัวเราะออกมา “ฮ่ะๆ คุณนัทตอนเด็กๆ นี่ต้องน่ารักมากๆ แน่เลย”

“ตอนนี้ก็ยังน่ารักอยู่นะคะ ลาซาโร” เธอท้วงหน่อยๆ ก่อนจะจิ้มหมึกทอดเข้าปากเคี้ยว

“คุณนี่อารมณ์ดีจริงๆ เลยนะ มิน่าแม่ผมถึงชอบคุณมาก เอ้า คุณยังไม่ตอบคำถามผมเลย นี่คุณจะอยู่สเปนกี่วันครับ”

“ฉันมีเวลาอยู่สเปนทั้งหมดแค่ถึงวันจันทร์เองค่ะ แถมกำหนดเรียบร้อยแล้วด้วยว่าจะไปไหน ฉันจะอยู่เซบียาถึงวันพรุ่งนี้เท่านั้น ถ้าจะเป็นอัศวินละก็ คุณก็เป็นได้ตั้งแต่ตอนนี้ถึงวันพรุ่งนี้เท่านั้นละค่ะ” หญิงสาวต้องการคนอยู่คั่นกลางระหว่างเธอกับลอเรนโซพอดี ถึงไม่ได้อยากให้ลูกชายของมารีอาเป็นไกด์ให้ แต่คงจะปฏิเสธได้ยาก

“น่าเสียดายจริงๆ ที่คุณอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน ไม่งั้นละก็หลังจากเที่ยวงานเฟเรีย เด อะบริลแล้ว ผมจะพาคุณไปเที่ยวไร่องุ่น ชิมเหล้าเชอร์รี่ จากนั้นก็ไปต่อที่งานเฟเรีย เด กาบาโย แม่ผมต้องอยากอยู่กับคุณให้นานกว่าวันสองวันนี่แน่ๆ”

“น่าเสียดายจริงๆ ด้วย แต่ฉันคิดว่าเราคงได้พบกันใหม่แน่นอนค่ะ ฉันจะพยายามเก็บตังค์แล้วพาครอบครัวมาที่สเปนนี่ดูค่ะ ไว้ถึงตอนนั้นจะไปถล่มไร่องุ่นที่คุณอยู่ คุณต้องรับบทเป็นไกด์พาฉันกับครอบครัวเที่ยวด้วยนะ”

“ด้วยความยินดีเลยครับ”

หลังจากทานอาหารว่างรองท้องเสร็จแล้ว ชายหนุ่มก็ไปหยิบเอายาแก้ไข้มาให้หญิงสาวกินพร้อมกับน้ำเปล่า

“แล้วตั้งใจจะไปเที่ยวไหนในเซบียาบ้างครับ”

“ก็คงเดินไปเรื่อยๆ ล่ะค่ะ จากปาร์เก มาเรีย ลุยซา ก็คงจะไปที่ปลาซา เด เอสปันญา จากนั้นก็คงเดินเลียบริมฝั่งแม่น้ำกวาดัลกีบีร์ กะจะเดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ น่ะค่ะ เมื่อยก็พักเพราะว่าโปรแกรมหลักๆ อย่างมหาวิหารเซบียาหรือว่าพระราชวังอัลกาซาร์ก็ไปมาแล้วค่ะ”

“แล้วไปสนามสู้วัวกระทิงมายังครับ”

หญิงสาวยิ้มแหย “ดูแต่ข้างนอกไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่อยากเข้าไปดูเขาแข่งกันหรอกค่ะ”

“ปกติไม่ได้มีแข่งสู้วัวทุกวันหรอกครับ มีแค่ทุกวันอาทิตย์เท่านั้น แต่พรุ่งนี้ก็เข้าหน้าเทศกาลแล้ว ก็เลยจะมีการจัดแข่งทุกวัน ถ้าคุณไม่กล้าดู ที่นี่เขาก็มีพิพิธภัณฑ์ให้เข้าไปเยี่ยมชมด้วยนะครับ พูดแบบนี้ผมคงไม่ได้พาคุณไปดูมาทาดอร์ สู้กับวัวแน่ๆ เลยสิเนี่ย อ๊ะ! ลืมไป วันอาทิตย์คุณก็ไม่อยู่ที่เซบียาแล้วนี่นา”

“ถึงวันอาทิตย์อยู่ ฉันก็คงไม่ไปดูหรอกค่ะ ฉันกลัวเลือดน่ะ เห็นกระทิงจะขวิดคนแล้วมันเสียวไส้ อีกอย่างสงสารวัวด้วยค่ะ เกรงว่าก่อนการสู้วัวจะจบ ฉันจะหัวใจวายตายอยู่ตรงสนามนั้นก่อนน่ะสิคะ มันจะเป็นภาระคุณเปล่าๆ” นตานรีส่ายหน้าพร้อมกับเอามือทาบอก

ลาซาโรพึมพำเบาๆ “...มีคนอยากรับคุณเป็นภาระแหงๆ”

“หืม ว่าอะไรนะคะ”

“อ้อ ไม่เป็นภาระอะไรหรอกครับ” ลาซาโรทำเป็นกลบเกลื่อน พอหญิงสาวกินยาเรียบร้อยแล้ว เขาก็เอ่ยขึ้นมา

“จริงๆ ผมต้องไปเป็นเพื่อนคุณ แต่โน่นผมถูกอำนาจมืดแทรกแซงครับ..." เขาชี้นิ้วโป้งไปทางด้านหลังตัวเอง

อำนาจมืดยืนแผ่อิทธิพลอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล...ตามคำบอกเล่า

“เกิดผมขัดคำสั่งเขาเดี๋ยวผมจะโดนเจี๋ยนเอา” ลาซาโรทำหน้าสยองพลางลากนิ้วชี้ปาดคอแล้วพูดต่อ

“ผมไม่รู้ว่าคุณมีเรื่องอะไรกับพี่ชายผมหรือเปล่า แต่ผู้ชายแบบนั้น ยิ่งหนีเขาจะยิ่งได้ใจนะครับ...แล้วก็นี่เบอร์โทรผม โทรหาได้ตลอดทุก 24 ชม. ยินดีบริการสำหรับเพื่อนใหม่ครับ” ลาซาโรแจกนามบัตรของตัวเองแล้วตบไหล่นตานรีเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ แล้วเดินจากไป ทิ้งให้เธอเผชิญหน้ากับราชาหนุ่มผู้มีดวงตาลุกโชนอยู่ราวกับเปลวไฟของปีศาจไม่มีผิด

“ไหนว่าคุณจะเป็นอัศวินของฉันไงคะ” นตานรีตะโกนถาม รู้สึกเหมือนถูกเพื่อนหักหลัง ขายเธอให้กับศัตรูไม่มีผิด ลาซาโรหัวเราะพลางตอบมาอย่างไม่เหลียวหลังว่า

“คำสั่งของราชา อัศวินขัดไม่ได้ครับ”

********************************

เชิงอรรถ

-เฆเรส เด ฟรอนเตรา (Jerez de la Frontera) อยู่ทางตอนใต้ของเซบียา เป็นส่วนหนึ่งในแคว้นอันดาลูเซีย

- เฟเรีย เดล กาบาโย (งานแสดงม้า) เทศกาลประจำปีจัดขึ้นตอนต้นเดือนพฤษภาคมหลังงานเฟเรีย เด อะบริล

- มาทาดอร์ (Matador ) คือนักสู้วัวกระทิง

********************************


นักอ่านที่รักกกกกกก...ขอเมนท์นะค้าาาาาาา // วันจันทร์วันหยุด// ลงอีกทีวันอังคารนะค้า ^^.


*******************************
ตอบเมนท์

คุณ Saralun - ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่า
คุณ Phugan - ลอเรนโวไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรเลย อิอิ รออ่านค่า
พี่เซี่ยง - เจอหนุ่มหล่อแบบลอเรนโว (หล่อ รวย เจ้าเสน่ห์) ฟ้าก็ยอมซวยนะตัวเธอ
คุณ lookpad - เป็นลิขิตของซาตานค่ะ อิๆ



ท้องฟ้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 เม.ย. 2556, 03:46:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 เม.ย. 2556, 03:47:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 2662





<< 4:Six degrees of Seperation   6: จอมโกหก (ลบ) >>
mhengjhy 5 เม.ย. 2556, 09:45:53 น.
55 สงสัยจะไม่ยอมจบแค่คืนเดียวนา


เรือใบ 5 เม.ย. 2556, 09:56:15 น.
แอบมาไลค์เก็บไว้ในสต็อกก่อน งานยุ่งมากค่ะ แหะๆๆ จะตามมาอ่านทีหลังนะคะ >____<


phugan 5 เม.ย. 2556, 10:04:04 น.
มาเอาใจช่วยหนูนัทค่ะ...


Siang 5 เม.ย. 2556, 16:15:25 น.
อัศวินโดนอำนาจมืดของราชา เข้าซะแล้ว แบบนี้แล้วใครจะช่วยอยู่นัทหล่ะนี่


แพม 9 เม.ย. 2556, 09:03:01 น.
อั่ยยะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account