ดาวปาฏิหาริย์
เพราะ 'เธอ' ประสบอุบัติเหตุตอนที่อยู่กับเขา
สิตะจึงต้องรับผิดชอบ
ปากบอกไม่ชอบหน้า แต่ว่ากลับปรารถนาจะอยู่ใกล้ๆ
การเดินทาง 'หนี' คนร้ายที่ทำลายชีวิต กลับทำให้เขาค้นพบปาฏิหาริย์ในชีวิตที่ค้นหามานาน
Tags: เกาหลีใต้

ตอน: ดาวปาฏิหาริย์ บทที่ 14



สิตะไม่เคยคิดว่าคนวัย 30 อย่างเขาจะต้องมาที่นี่

ความจริงแล้วจิลลาแนะนำมาสองตัวเลือก หลังจากที่เขาขอให้ฝ่ายนั้นช่วยหาสถานที่ที่เหมาะแก่การปรับความเข้าใจ หนึ่งคือสวนสัตว์โซลที่เงียบสงบ สองคือสวนสนุกที่สุดแสนจะคึกครื้น ซึ่งตอนแรกเขาคิดจะเลือกที่แรกเพราะเกลียดความวุ่นวาย แต่ตอนนี้...ความวุ่นวายก็ดี อาจช่วยทำให้เขาหลบหนีจากแขกไม่พึงประสงค์ได้ง่ายขึ้น

เอเวอร์แลนด์ (Everland) สวนสนุกประจำชาติที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงโซล ต้องนั่งรถไฟใต้ดินไปต่อรถประจำทางที่สถานีคังนัม ก่อนเปลี่ยนเป็น Shuttle bus… เป็นชั่วโมงสำหรับการเดินทาง พลัชเป็นคนเดียวที่ตื่นเต้นจนออกนอกหน้า ขณะหญิงสาวที่สิตะตั้งใจพามา กลับแสดงความกระตือรือร้นผ่านเพียงแววตาเท่านั้น อาจเพราะเธอยังไม่หายโกรธจึงต้องรักษาฟอร์มเอาไว้ ไม่เป็นไร...เดี๋ยวเขาจัดการเอง

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ให้อนณไปซื้อตั๋ว โดยจงใจไม่ซื้อเผื่อแขกสองคนที่เขาไม่ได้เชิญ ร้อนถึงพลัชต้องวิ่งไปต่อคิวอีกครั้ง และเมื่อได้ใบผ่านทางสำหรับตนและเทียนแก้ว พวกของสิตะก็เข้าไปด้านในเสียแล้ว

“คุณสิตะ รอด้วยสิครับ” บรรณาธิการหนุ่มร้องเรียก แต่คนตัวใหญ่ก็ยิ่งสาวเท้าเร็วขึ้น และเพราะปากทางเข้าเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกเรียงต่อกันนับสิบร้าน การที่สิตะจะผลุบเข้าร้านหนึ่ง แล้วไปออกอีกร้านหนึ่ง ก็ทำให้คนติดตามเริ่มมึนแล้วว่าอีกฝ่ายอยู่ร้านไหนกันแน่

“คุณสิตะหายไปไหนแล้ว” พลัชปรารภขึ้นหลังวนหาอยู่พักใหญ่ ขณะที่เทียนแก้วไม่มีร่องรอยประหลาดใจใดๆ

“เขาคงอยากเล่นซ่อนหามั้งคะ” เธอว่าด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทำให้ชายหนุ่มแว่นหนาที่อยู่ใกล้ เดาไม่ออกเลยว่าเธอคิดอะไรอยู่



“คุณสิตะ นี่คุณคิดจะทำอะไร ให้ฉันเดินเร็วทำไม ดูสิ คลาดกับคุณเทียน คุณพลัชแล้วเห็นไหม”

เสียงโวยจากคนตัวเล็กข้างกายไม่ทำให้สิตะเป็นเดือดเป็นร้อนใดๆ กลับกัน...เขากำลังภูมิใจที่สลัดสองคนนั้นออกไปได้ด้วยวิธีง่ายๆ ของเขา

“ก็เดินกันเป็นเต่า ขี้เกียจรอ เสียเวลา”

“อะไรแค่นี้ก็รอไม่ได้ หรือว่าอยากจะเล่นของเล่นนัก วิญญาณเด็กที่ไหนเข้าสิงกันล่ะ” ดาวประกายว่าทำตัวเป็นผู้ใหญ่เสียเต็มประดา คนที่แก่กว่าจึงอดย้อนไม่ได้

“หรือเธอไม่อยาก”

ไม่.... แค่นึกในใจเท่านั้นแหละ เพราะกลัวว่าพูดออกไป คนตัวใหญ่จะเอามาอ้างไม่ให้เธอเล่นเครื่องเล่นต่างๆ

รู้ว่าตอนไหนควรพูด ตอนไหนควรเงียบนั่นเรียกว่าฉลาด... เสียงปริศนาเคยบอกเธออย่างนั้น และเพราะเธอไม่เถียง ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนเป็นถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลขึ้น

“อยากเล่นอะไรก่อนล่ะ”

“อะไรก็ได้ที่ไม่สูง” เธอตอบ แล้วคนตัวใหญ่ก็เหลียวมองรอบตัวทันที ใกล้ๆ คือ Rolling X-train หรือรถไฟเหาะตีลังกา แค่อยู่บนฟ้ายังไม่ต้องหมุน ดาวประกายก็คงปฏิเสธหัวชนฝา หรือจะเป็น Double Rock spin ที่รูปร่างหน้าตาเหมือนเฮอริเคนที่เมืองไทย หญิงสาวคงกรีดร้องตั้งแต่เดินขึ้นบันไดไปต่อคิว

“ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่ได้เล่น ไม่เห็นมีอะไรที่ไม่สูง”

คำตอบของสิตะทำให้ดาวประกายค้อนขวับวงใหญ่ “แล้วคุณจะถามฉันทำไม”

เมื่อสาวร่างบางใช้เสียงห้วนบอกความไม่พอใจ คนตัวใหญ่ก็เตรียมจะตอบกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ แต่อนณก็รีบแทรกขึ้นเสียก่อน “ถ้าอย่างนั้นเราไปโซนสวนสัตว์กันดีไหมครับ ไม่น่าจะมีอะไรสูงๆ นะ”

“มีสวนสัตว์ด้วยเหรอคะ ฉันอยากไปค่ะ” ดาวประกายทำเสียงกระตือรือร้น ไม่รู้ว่าจงใจประชดผู้ชายอีกคนหรือเปล่า แต่ใช่... มันทำให้เขารู้สึกขวางหูขวางตาพิกล

“คุณจูนบอกว่ามี เดี๋ยวนะครับ” แล้วชายหนุ่มร่างสูงก็หยิบแผนที่ซึ่งเป็นแผ่นพับแจกฟรีที่ปากทางเข้าขึ้นมากาง กำลังก้มหน้าศึกษาว่าอะไรอยู่ตรงไหน จังหวะนั่นเอง ที่ผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้ยื่นมือมาแตะไหล่พร้อมบอกเบาๆ

“ฝากด้วยนะ”

อนณยังไม่ทันถามว่าฝากอะไร เพราะเมื่อเงยหน้า ก็เห็นว่าเจ้านายได้กึ่งจูงกึ่งลากสาวร่างบางไปอีกทางเสียแล้ว ความสงสัยทำให้เขาขมวดคิ้ว แต่สักพักเขาก็รู้คำตอบ



“คุณสิตะ นี่คุณจะรีบเดินไปไหน แล้วคุณลากฉันมาทำไม ทำท่าเหมือนหนีอะไรอย่างนั้นแหละ โอ๊ย เดินช้าๆ หน่อยสิ ฉันเดินไม่ทันคุณแล้วนะ”

เสียงโวยวายของหญิงสาวข้างกายไม่ทำให้สิตะผ่อนฝีเท้าลง กลับกัน เขายิ่งเร่งความเร็วเพิ่มขึ้น เมื่อนึกได้ว่าคนที่เขาเหลือบไปเห็นเมื่อครู่อาจจะตามมา

ไม่รู้ว่าเทียนแก้วรู้ได้อย่างไรว่าเขาอยู่ที่ไหน ทั้งที่สวนสนุกแห่งนี้ก็กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ดังนั้นเขาจึงวางใจไม่ได้หรอก หากชักช้าแล้วคนพวกนั้นตามมาอีก เขาก็หมดโอกาสทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้น่ะสิ

คิดอย่างนั้น ชายหนุ่มจึงรีบดึงมือหญิงสาวที่เขากุมไว้ตลอดไปยังเครื่องเล่นที่ไม่มีคนต่อแถว ดาวประกายยังไม่ทันรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ถูกเขาจับกดให้นั่งลง ก่อนที่ราวเหล็กจะถูกพนักงานดึงลงมากั้น ทั้งที่สัญชาตญาณตักเตือนเธอว่านี่ไม่ใช่เก้าอี้ธรรมดาแน่ แต่ก็ช้าไปแล้วที่จะปฏิเสธ

เพราะเมื่อสิ่งที่เธอนั่งเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ขาที่ห้อยโตงเตงก็ทำให้เธอขนลุกชันอย่างชวนไม่ได้ และเมื่อ ‘กระเช้า’ ค่อยๆ ‘ลอย’ ออกไป พื้นเบื้องล่างก็ไม่ใช่อาคารอันแข็งแกร่งอีกแล้ว หากเป็นความว่างเปล่าทำให้ลมหายใจเธอขาดหาย ดาวประกายรู้สึกเหมือนคนใกล้ตาย แม้แต่เสียงกรีดร้องก็ไม่มี

“คุณสิตะ คุณสิตะ ฉันจะลง ฉันจะลง” เธอพูดซ้ำซากไปมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ขณะยกมือสองข้างขึ้นปิดตา ไม่ต้องมองก็รู้ว่าข้างหน้าเป็นท้องฟ้ากว้าง เวิ้งว้าง และสูงชัน... ยิ่งสายลมเย็นปะทะเรือนร่าง เธอก็ยิ่งหนาวสะท้านไปทั้งหัวใจ

“จะลงได้ยังไง หรือจะกระโดดลงไป” คนตัวใหญ่ข้างกายตอบกลับ ทำให้เธอแอบมองว่าต้องกระโดดไปไหน แต่นอกจากตาข่ายสีเขียวที่รองรับอยู่ไกลๆ ล่างสุดก็คือต้นไม้... และพื้น

“ไม่ๆ ไม่เอา จับมือฉัน จับมือฉัน” หญิงสาวพร่ำพูดพร้อมปิดตาแน่นอีกครั้งด้วยความหวาดกลัว พยายามยื่นมือข้างหนึ่งออกไปเพื่อให้เขายึดไว้ แต่ชายหนุ่มกลับเอ่ยว่า

“เดี๋ยว ฉันกำลังถ่ายรูปอยู่”

แม้จะอึ้งในคำตอบแต่เธอก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบโต้ เธอวางมือบนตำแหน่งที่คิดว่าน่าจะเป็นต้นขาของอีกฝ่ายแล้วจิกนิ้วลงไป ปรารถนาจะเกาะไว้ให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่สนใจอะไรอีกแล้วว่ามือจะไปโดนตรงไหนของผู้ชาย สิตะร้อง ‘เอ๊ย’ ก่อนรีบดึงมือเธอออก

อยากต่อว่าเธอเหมือนกันว่าคิดจะจับอะไร จงใจแก้แค้นเขาที่พาเธอมานั่งกระเช้าลอยฟ้าใช่ไหม แต่เมื่อหันไปก็เห็นแต่หญิงสาวที่ยกมือปิดหน้า ปากก็พร่ำพูดกับตัวเองว่าไม่เป็นไรๆ ความกลัวคงทำให้เธอสติเธอหลุดหาย คิดแล้วก็ส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ยเหมือนเสียไม่ได้

“เฮ้อ ไม่มีทางเลือกสินะ” เขาว่า ก่อนที่ดาวประกายจะสัมผัสว่ามีบางอย่างวางลงบนไหล่ พร้อมแรงที่ดึงเธอเข้าไปใกล้ หญิงสาวเผลอลืมตาด้วยความตกใจ แล้วก็ได้พบกับอกกว้างที่ประคองร่างเธอไว้

“คุณ...คุณสิตะ”

“ถ้าจะตกก็ตกด้วยกัน” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาสั้นๆ แต่มหัศจรรย์เหลือเกิน ที่ดาวประกายกลับรู้สึกว่าความหวาดหวั่นที่มีอยู่ได้แผ่วกำลังลงไปมาก เธอไม่รู้หรอกว่า เพราะน้ำเสียงหรือเพราะอ้อมแขนของเขากันแน่ แต่เมื่อหัวใจอีกดวงเต้นดังอยู่ชิดใกล้ เธอก็รู้สึก....

‘อุ่นใจ จน ‘วางใจ’ ไว้ที่เขาได้เลยใช่ไหม’

เสียงหนึ่งกระซิบในหัว แน่นอนว่าไม่ใช่เสียงของเธอ... หรือว่าใช่ หญิงสาวเริ่มไม่แน่ใจ เพราะความอบอุ่นที่อบอวลอยู่รอบกายเธอตอนนี้ ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย จนอยากวางกาย...วางใจ ไว้ให้เจ้าของอกกว้างผึงผายเป็นคนดูแล

“ไม่ตกได้ไหม” เธอตอบเขาหลังเงียบไปนาน สิตะต้องนิ่งคิดสักพักก่อนจะเข้าใจ ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ซึ่งเสียงทุ้มๆ ต่ำๆ ของเขาก็ดังอยู่ใกล้หูเธอนี่เอง

หญิงสาวหลับตาลงอีกครั้ง แต่ไม่เกรงกลัวเท่าเก่าอีกแล้ว และเมื่อเขาไม่พูดอะไร เธอไม่พูดอะไร ความเงียบจึงปกคลุม พักใหญ่...เธอก็ตัดสินใจ

“เมื่อวาน ฉันขอโทษ” เอ่ยออกไปแล้วก็ชะงัก เมื่อตระหนักได้ว่านั่นไม่ใช่เสียงที่มาแค่จากเธอ ดาวประกายลืมตาแล้วเงยหน้ามองอีกคนที่พูดพร้อมกัน ผู้ชายที่ไม่เคยยอมรับผิดใดๆ เอ่ยคำว่า ‘ขอโทษ’ อย่างนั้นเหรอ

“นี่ฉันหูฝาดหรือเปล่า”

แล้วเธอก็ต้องประหลาดใจอีกครั้ง เมื่อเห็นใบหน้าคมสันปรากฏรอยยิ้ม สิตะไม่พูดอะไรอีก แต่กระชับวงแขนของเขาแน่นขึ้น

บนท้องฟ้าที่เวิ้งว้างและกว้างใหญ่ ไม่น่ากลัวอีกแล้วเมื่อมีเขาอยู่



คณะทัวร์กลับถึงกรุงโซลในตอนหัวค่ำ ทุกคนดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางด้วยรถประจำทาง และอ่อนล้าจากการเที่ยวเล่นทั้งวัน แต่กระนั้นใบหน้าของหลายคนก็ยังเปื้อนยิ้ม

เพราะความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปทางที่ดีขึ้นระหว่างสิตะและดาวประกาย... ไม่รู้ปรับความเข้าใจกับท่าไหน แต่หลังลงมาจากกระเช้าลอยฟ้า ทั้งคู่ก็พูดจากันมากขึ้น หัวเราะกันมากขึ้น ทำให้อนณที่ช่วยลุ้นมาตลอด และจิลลาที่กระหืดกระหอบมาร่วมขบวนเมื่อตอนกลางวัน ต่างพยักหน้าให้กันด้วยความพอใจ ส่วนพลัชที่แม้จะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางใดๆ ก็เริ่มเดาสถานาการณ์ได้บ้างแล้ว ซึ่งเขาก็ยินดีทั้งนั้นไม่ว่าเพราะเหตุผลอะไร หากมันจะทำให้สิตะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี เพราะคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสย่อมคุยง่ายกว่าคนที่บูดบึ้งอารมณ์เสียตลอดเวลา จริงไหม

แต่ก็มีอีกคน ที่เดาไม่ออกว่าเห็นด้วยกับความสัมพันธ์นี้หรือเปล่า เพราะใบหน้าสวยคมของเธอเรียบเฉยยิ่งกว่าอนณ นักสืบสาวซ่อนความรู้สึกต่างๆ ได้อย่างแนบเนียนจนเดาไม่ได้ว่าคิดอะไรอยู่ เพียงแววตาเท่านั้นที่เผยความเคร่งเครียด...ก็แต่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น

“นึกแล้วก็เสียดายนะที่พวกพี่ไม่ได้นั่งรถไฟเหาะ T-express เหมือนไปไม่ถึงเอเวอร์แลนด์เลยอ่ะ ถึงจะต่อคิวนานหน่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มนะ นอกจากจะเสียวเพราะว่ารางทำจากไม้แล้ว ตอนที่มันดิ่งลงมาด้วยความเร็วสูง ความชันประมาณ 77 องศา พวกพี่เลยนึกภาพดูสิ เกือบตั้งฉากอยู่แล้วนะ ฟิ้ว.... โอย สุดยอดมากอ่ะ น่าจะได้ลองกันจริงๆ”

สาวเจ้าถิ่นผิวเข้มในเสื้อกันหนาวสไตล์เบสบอลเอ่ยออกมา ขณะเดินออกจากร้านอาหารเพื่อกลับมาไปยังที่พักซึ่งอยู่ใกล้กัน ถนนหนทางแถวบุกชน ฮันอกในยามค่ำค่อนข้างสงบ จึงมีแค่เสียงเจื้อยแจ้วของเธอเท่านั้นที่ทำลายความเงียบ

“เชิญแกลองไปคนเดียวเถอะ แค่เห็นอยู่ไกลๆ ฉันก็ขาสั่นไปหมดแล้ว รางทำจากไม้...หึ ให้ตายฉันก็ไม่เล่น”

“ฉันก็ไม่ได้จะให้แกเล่นเลย พูดว่า ‘พวกพี่’ พี่อ้น พี่เสือ พี่พลัช แล้วก็พี่เทียน มีชื่อแกที่ไหน รู้หรอกน่าว่าแกไม่มีทางเล่น แต่แกไม่เล่นคนเดียวก็ไม่น่าทำให้คนอื่นอดไปด้วยเลยนี่นา”

“พูดเพราะแกอยากเล่นใช่ไหม แล้วทำไมไม่ไป ฉันก็ไม่ได้ห้ามสักหน่อย”

“ก็แกไม่เล่น พี่เสือก็ไม่เล่น แล้วใครจะเล่นกับฉันเล่า”

“คราวหน้า... บอกผมก็ได้นะครับ”

น้ำเสียงเรียบๆ จากคนหน้านิ่ง ทำให้สิตะและดาวประกายต่างหันมองหน้ากันทันที ขณะที่จิลลาไม่ได้เอะใจอะไรสักนิด “พี่อ้นจะเล่นกับฉันเหรอ โถ่ น่าจะบอกเร็วกว่านี้จะได้เล่นด้วยกัน แปร่ ยายปลาดาว ฉันไม่ง้อแกแล้ว” เอ่ยจบก็ทำเป็นควงแขนชายหนุ่มร่างสูงเดินนำไป ตั้งใจแกล้งประชดเพื่อนรัก ไม่ได้รู้เลยว่าใครจะคิดยังไงกันบ้าง

ใบหน้าคมสันของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ปรากฏรอยยิ้มจางๆ เมื่อเห็นว่าคนสนิทกำลังทำตัวไม่ถูก ก่อนจะก้มมองหญิงสาวร่างบางข้างกายที่พยายามสะกิดชายเสื้อของเขา

“คุณว่าสองคนนี้มีอะไรกันหรือเปล่า” เธอกระซิบลอดไรฟัน ทำเอาเขาต้องโน้มหน้าต่ำเพื่อให้ได้ยิน

“ว่าไงนะ”

“คุณสิตะ ใกล้ไปแล้ว” ดาวประกายว่าพลางหันหน้าหนี ซึ่งก็ทำให้สิตะหัวเราะในลำคอ

ไม่รู้ว่าข้างในกอไผ่จะมีอะไรอยู่บ้าง แต่คนนอกที่เฝ้ามอง ก็สัมผัสได้ถึงความแช่มชื่นที่อบอวล

“เขามีกันเป็นคู่เลยนะครับ” หนุ่มแว่นหนาที่เดินรั้งท้ายเอ่ยกับหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าการชวนคุย “เหลือแต่เรานะครับ”

เอ่ยจบก็หัวเราะขำ ขณะที่คนฟังเหยียดยิ้มออกมา

“อีกไม่นานหรอกค่ะ”

--------------------------------------------------------------------
คุณ glodenson มาช่วยกันลุ้นนะคะว่าความรักของสองคนนี้จะเป็นยังไงต่อ แล้วทำไมพ่อต้องห้ามด้วย ... ขอบคุณมากนะคะที่ติดตาม ขอบคุณที่คอมเม้นด้วยคะ


ขอให้สนุกกับการอ่าน ขอบคุณสำหรับการติดตามมากๆ ค่ะ ^^




ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 เม.ย. 2556, 00:02:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 เม.ย. 2556, 00:02:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1410





   ดาวปาฏิหาริย์ บทที่ 15 >>
goldensun 10 เม.ย. 2556, 06:01:50 น.
พวกพี่เลยคิดดู ลองคิดดู รึเปล่าคะ
สิตะเข้าใจหาที่ปรับความเข้าใจ ดาวเลี่ยงไม่ได้ และไม่มีใครแทรกด้วย
เทียนแก็วต้องรายงานแน่เลย


cherryfirm 19 เม.ย. 2556, 17:29:44 น.
ว้าววววว ยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบอ่ะ...สนุกคะพ่อแง่แม่งอนเนี้ยะ หนุกหนานจิงๆๆ....
เอ่อ...ช่วยลองย้อนกลับไปดูตอนก่อนๆ ด้วยก็ดีนะคะ มีคำผิด คำสะดุดตาอยู่พอสมควรคะ..... นิดๆๆ นะ...%_%


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account