รากเหง้า
หมู่บ้านเล็กๆ บรรยากาศชายทุ่ง กลิ่นไอความเป็นบ้านนาคละคลุ้ง
บ้านหลังเล็ก ที่อยู่กัน 7 คน พ่อแม่ลูก เป็นครอบครัวที่อบอุ่น
การเป็นอยู่ก็พื้นๆ ไม่ได้พิเศษอะไรเพราะค่อนข้างจน แต่ก็อยู่กันอย่างมีความสุขตลอดมา การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของครอบครัวน้อยๆ ครอบครัวนี้ เกิดขึ้นเมื่อพ่อผุ้เป็นเสาหลักของครอบครัวป่วย
ลูกๆ จึงต้องช่วยกันทำงาน และต้องลดพาระครอบครัวด้วยการแต่งงานเพื่อลดการแออัดภายในบ้าน และนั่นคือที่มาและเรื่องราวความสุข ความทุกข์ ความสำหวัง ความผิดหวัง ในชีวิต ติดตามได้ใน นิยายเรื่องยาว รากเหง้า ในนามปากกา อ. อกาลิโก
Tags: http://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=908025

ตอน: บ่วงรัก 2

หนุ่มพิบูรณ์คนรักของจงจิต ที่แอบฟังการสนทนาอยู่นอกประตูบ้านนั้นจึงออกมาแล้วเดินเข้ามาหาพ่อแก้วและแม่มาลีอย่างว่าง่าย พอมาถึงก็นั่งลงข้างๆ จงจิต
พ่อแก้วกลืนน้ำลายอึกหนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดว่าอะไร ได้แต่นั่งจ้องหน้าไอ่หนุ่มคนนี้อย่างเดียว เงียบกันไปครู่หนึ่ง แม่มาลีก็เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบนั้นว่า
“ยังไงเอง เองมาบ้านข้ามีธุระอะไรมากมายนักเหรอ”
หนุ่มพิบุรณ์ ก้มหน้านิดหนึ่งพร้อมกับส่งสายตาให้กับคนรักของตนเพื่อขอความเห็นว่าควรจะทำอย่างใดกันต่อไป แล้วพูดเสียงอ่อยๆของเขาก็หลุดออกมาจากปากว่า
“ฉันมาหาจงจิตจ๊ะ แม่มาลี”
“แล้วหง่ะ” บัวถามอย่างนึกสนุกและอยากจะแกล้งผู้ที่จะมาเป็นพี่เขยของตนบ้าง
“เองนี่ไอ่บัวอย่ายุ่งน่ะเรื่องของผู้ใหญ่เขาจะคุยกันเด็กไม่เกี่ยว”
พ่อแก้วจึงโพล่งขึ้นเพื่อเป็นการปรามผู้ที่วางท่าว่ายิ่งใหญ่ และดุลุกสาวของตนต่อหน้าต่อตา
“ เฮ่ยๆๆ ลูกกูเว่ย มากไปมากไปแล้วน่ะเอง”
“ป่ะ ป่ะ ปล่าวน่ะจ๊ะพ่อแก้ว ฉันก็แค่พูดหยอกเล่นน้องมันเฉยๆ น่ะจ๊ะ”
หนุ่มพิบูรณ์รีบแก้ตัวพร้อมทำมือปฏิเสธ พัลวัน แม่มาลีจึงทำลายบรรยากาศนั้นอีกครั้งเพราะว่าต้องการทราบจุดประสงค์ของนายพิบูรณ์มากกว่า
“เอาหล่ะๆ ข้าก็รุ้ว่าเองน่ะเป็นคนดี แล้วเองจะว่าไง จงจิต”
“อย่างพี่จงจิตน่ะเหรอจะว่าไง ก็เซเยส น่ะสิแม่”
หนุ่มบารมีพูดประชดผู้เป็นพี่สาวตน และพร้อมทั้งทำหน้ายื่นหน้ายาวไปหาผู้เป็นพี่สาวของตน เพราะว่าต้องการหยอกผู้เป็นพี่สาวซึ่งตอนนี้ไม่สามารถตอบโต้อะไรเขาได้เพราะว่าจำเป็นต้องสงบเสงี่ยมเรียบร้อยไว้ก่อน
“ฝากไว้ก่อนเถ่อะ ไอ่น้องบ้า” เธอพูดพร้อมกับแอบชูนิ้วโป้งให้ผู้เป็นน้องชายได้เห็นเพื่อเป็นการตอบโต้ผู้เป็นน้องชายของตนที่บังอาจมาล้อตนผู้เป็นพี่สาวแท้ๆ
หนุ่มบารมีก็ใช่ย่อยล้อพี่สาวไม่พัก แลบลิ้นบ้าง ถลึงตาบ้าง การที่ได้แกล้งพี่สาวของตนนั้นทำให้เขามีความสุข และทำให้ตัวเขาอารมณ์ดีมากขึ้นจริงๆ
ฝ่ามือใหญ่ๆ ตกกระทบไหล่เสียงปาบๆ 2 ครั้ง บารมีร้อง
“โอ้ย อย่ามาตีฉันน่ะพี่จงจิต พ่อพี่จงจิตแกล้งฉันน่ะพ่อดูสิไม่เรียบร้อยเลย” บารมีพูดฟ้องผู้เป็นพ่อและแกมห้ามพี่สาวตนเองด้วย
“แล้วเองจะว่ายังไงรักชอบเขาหรือ”
พ่อแก้วถามลูกสาวอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ฉันไม่ว่ายังไงหรอกจ๊ะ แล้วแต่พ่อกับแม่จะเห็นสมควรจ๊ะ” พร้อมแลหางตาไปให้หนุ่มพิบูรณ์ แบบหวานหยาดเยิ้ม สองหนุ่มสาวต่างส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้กันและกัน
“แม่จงจิต พ่อพิบูรณ์ แม่ก็ไม่ได้อยากจะขัดอะไรพวกเองหรอกน่ะ แต่ลูกสาวแม่ก็แต่งงานออกเรือนไปแล้วหยกๆ ถึงสองคน แม่เองก็ยังใจหายอยู่เลย พ่อพิบูรณ์ รอไปอีกสักเดือน สองเดือนได้ไหมพ่อ”
“ได้ซิจ๊ะ แม่มาลี ฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอกจ๊ะ”
“เอ่อดี พูดง่ายๆ แบบนี้ข้าชอบ แล้วเรื่องสินสอด เองมีเท่าไหร่หล่ะ”
“ฉันมีที่นาสิบไร่ กับเงินสดอีก ห้าพัน จ๊ะพ่อแก้ว ถ้าพ่อแก้วต้องการเงินสินสอดมากกว่านี้ฉันคงหาไม่ได้แล้ว คงจะต้องไปหาหยิบยืมเขาอีกทีจ๊ะพ่อแก้ว”
“ไม่ต้องหรอก ขอแค่เองรักลูกสาวข้าจริง เงินแค่นั้นมันก็มากพอแล้ว ข้าไม่เคยคิดจะขายลูกกินหรอกน่ะ เองอย่าเข้าใจอะไรข้าผิดหล่ะ”
“จ๊ะพ่อ ฉันเข้าใจจ๊ะ”
“เอ่อ ดี เข้าใจอะไรง่ายดี ยังไงจะให้ผู้ใหญ่ฝ่ายเองมากเจรจาเมื่อไหร่ ก็บอกมาก็แล้วกัน”
“จ๊ะพ่อ” สายตาของสองหนุ่มสาว ประสานกันหยาดเยิ้มอีกครั้ง
“อะฮืม” พ่อแก้วต้องกระแอมเตือน ทั้งสองจึงได้หยุด
ซองสีชมพูถูกหย่อนลงในหีบกระจกใส ภายในงานแต่งงานของจงจิต ที่จัดขึ้นอย่างเรียบง่ายไม่มีขบวนแห่ขันหมาก เพราะว่างานแต่ง งานนี้ถูกจัดขึ้นเฉพาะภายในหมู่บ้าน เชิญแขกเหรื่อก็ไม่เย่อะมากเหมือนงานแต่งงานครั้งก่อน ด้วยเหตุเพราะว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นการแต่งงานกับคนในหมู่บ้านเดียวกัน แขกที่มาร่วมงานส่วนใหญ่ก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งก็รู้จักกันเป็นอย่างดี แต่ก็มีแขกที่มาจากต่างหมู่บ้านบ้างแต่ก็เป็นจำนวนไม่มาก เพราะว่าเชิญเพียงไม่กี่คน
กับข้าวในห้องครัว เช่น แกง ส้มตำ หมูทอด ไก่ย่าง น้ำพริกอ่อง แคบหมู ถูกตักแบ่งใส่ถุง เพื่อแบ่งปันให้กับแขกที่พากันมาร่วมงาน
“เอาไปเลยเอาไปเย่อะๆ น่ะ เอาไปให้พอทานกันน่ะ”
แม่มาลีพูดสั่งการแม่ครัว
“ แบ่งกันให้ครบคนน่ะแม่ครัว อย่าให้ได้ขาดตกบกพร่องหล่ะจ๊ะ เดี๋ยวเขาจะนินทาฉันได้ว่าดูแลแขกไม่ดี ถ้าไม่พอยังไง แม่ครัวก็ทำเพิ่มได้เลยน่ะ ของสดฉันก็เตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว”
“จ๊ะ พี่มาลี พี่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องในครัวหรอก ฉันจัดการเต็มที่จ๊ะ จะไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยจ๊ะ”
ผู้ที่มาร่วมงานทุกคนต่างอิ่มหนำสำราญ งานเลี้ยงสังสรรค์ที่หน้าบ้านก็ครึ้นเครง ชาวบ้านที่มาร่วมงานแต่งนั้นต่างพากันมาทั้งครอบครัว ต่างพากันจูงลูก จูงหลานมาร่วมงาน ชาวบ้านที่มาร่วมงานนั้นต่างกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย บ้างก็นำถุงมาใส่กับข้าวที่เหลือบนโต๊ะ บ้างก็นำมาตักแกงในหม้อด้วยตัวเอง
“งานบ้านแม่มาลีนี่เลี้ยงดีจริงๆ”
“ก็แน่หล่ะ ได้ข่าวว่าสินสอดลูกสาวคนนี้ของแก แกเรียกไปตั้ง ห้าหมื่น เชียวน่ะ”
“จริงเหรอ แกรู้ได้ยังไง”
“ก็รู้สิ เขาคุยฟุ้งกันทั้งตำบลแล้ว เองมัวแต่ไปอยู่ที่ไหนมา ถึงตกข่าว”
“อย่างไอ่พิบูรณ์ น่ะเหรอ มันก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรน่ะ มันจะเอาเงินที่ไหนมา มากตั้ง ห้าหมื่น”
“โอ้ย ของอย่างนี้ ไม่มีก็ต้องหา ไม่มาก็ต้องยืมหล่ะว่ะ เองอย่าไปงงมากเลย ตักแกงดีกว่า”
ชาวบ้านก็พากันพูดไปต่างๆ นาๆ แต่เงินที่อยู่ในขัน ที่แม่มาลีเอาไปตั้งวางไว้ที่หัวเตียงนอนตอนนี้นั้น แม่มาลีนับแล้ว ยังไงก็มีแค่
“เก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาทแน่ะพี่ แม่นึกไม่ถึงเลยว่าพ่อพิบูรณ์จะเป็นคนถือฤกษ์ ถือยามความเป็นมงคลด้วย ตอนมาขอแม่จงจิต ก็บอกว่าจะให้สินสอดแค่ ห้าพันบาท แต่นี่เวลาผ่านไป สองเดือน สินสอดเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัวเลยน่ะพี่”
“ก็พ่อกับแม่ของมัน เพิ่งจะขายพืชไร่ไปเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เอง ก็ต้องมีเงินเพิ่มมาเป็นธรรมดาแหล่ะแม่ ได้มาก็ดีแล้ว พ่อว่าพ่อจะไม่แต่ะเงินสินสอดในส่วนนี้ ของทั้งสามคนเลยน่ะแม่ พ่อว่าจะเก็บเอาไว้ เผื่ออนาคตพวกลูกๆ ของเราเขาเดือดร้อนมาหาเรา เราจะได้ช่วยพวกเขาได้ แม่จะว่ายังไง”
“ตามใจพี่เถ่อะจ๊ะ ฉันยังไงก็ได้”
ชาวบ้านทุกคนทานอาหารกันจนหมดเกลี้ยงทั้งโต๊ะ และก็ยังมีอาหารที่ตอนนี้พวกเขาได้นำใส่ถุงเอาไว้พร้อมแล้ว ทุกคนต่างเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันทั้งสิ้น กินอิ่มแล้วแต่ก็ยังไม่ได้พากันกลับบ้าน
ชาวบ้านทุกหลังคาที่พากันมาช่วยงานแต่งในครั้งนี้ ต่างออกแรงช่วยงานกันเต็มที่ กินอาหารก็กินกันอย่างเต็มที่ และพากันมาทั้งครอบครัว แต่เงินที่ใส่ซองร่วมงานบุญมานั้น บางคนก็ใส่ 5 บาท บางคนก็ใส่ 10 บาท เพราะว่าชาวบ้านในละแวกนี้มีฐานะค่อนข้างยากจน เป็นชาวไร่ชาวนา ฐานะไม่ได้แตกต่างจากพ่อแก้วและแม่มาลีมากนัก
แต่ทุกคนพากันกินและห่ออาหารใส่ถุงกลับบ้านทุกคน ครอบครัวมีกันกี่คนต่างพากันมาทั้งครอบครัวห่ออาหารก็ห่อให้ครบจำนวนสมาชิกทุกคนที่มีอยู่ในครอบครัวเพื่อให้คุ้มค่า เพื่อแลกกับเงินที่นำมาช่วย งานแต่งที่พวกเขาใส่ซองช่วยงานเพียง 5 บาท 10 บาทนั้น
กองซองจดหมายสีขาวบ้าง สีชมพูบ้าง วางกองเรียงรายกันอยู่กลางห้องโถงบนบ้าน
“ตายหล่ะพ่อ!! นายอำเภอ ประยุติ เขาใส่ซองมาถึง 100 บาท แน่ะ เวลานายอำเภอท่านมีงานบ้างเราจะทำยังไงหล่ะพ่อ ถ้าท่านนายอำเภอท่านแต่งงานลูกของท่านบ้าง เราจะเอาเงินที่ไหนไปช่วยงานเขาหล่ะ”
ไม่มีคำตอบจากปากของพ่อแก้ว ด้วยต่างคนต่างเงียบ มือถือดินสอที่เขียนรายชื่อแขกที่นำเงินมาช่วยงานแต่งงานเอาไว้แน่น
“ลูกชายนายอำเภอ ก็ยังไม่ได้แต่งงาน ตายแน่ ตายแน่ๆ” แม่มาลีบ่นพึมพัม
“ไม่เป็นไรหรอกแม่ ลูกชายของท่านก็เพิ่งจะอายุได้แค่ 14 ปีเอง รอให้ถึงเวลานั้นเราคงหาทางออกกันได้ไม่ยากหรอกแม่อย่ากังวลไปเลย เงินใส่ซองที่ได้มาก็ยังมีมากอยู่น่ะ รวมกับเงินเก็บของเราก็ยังพอมีอยู่บ้าง”
แต่ถึงอย่างไร เมื่อคิดต้นทุนหักหนี้สินที่มีจากการจัดงานแล้ว ก็ยังเหลือเงินอยู่ หลายพันบาท แม่มาลีจึงโล่งใจเสียได้เมื่อไม่ขาดทุนกับการแต่งงานของลูกสาวตน
“เงินเราก็ยังเหลืออยู่มากโขน่ะแม่ ตอนนี้ลูกของเราก็เหลือแต่ไอ่เด็กสองคนนั่น อาหารการกินของเราก็ไม่เปลือง ค่าใช้จ่ายอะไรก็ลดลงไปมาก เงินเราก็คงเหลือเก็บเย่อะมากขึ้นไปด้วยหล่ะแม่”
“จ๊ะ พี่ ฉันก็ขอให้เราไม่มีค่าใช้จ่าย แบบ ด่วนๆ เข้ามาก็แล้วกัน”
“แม่ ไม่เอาน่ะ อย่าพูดเป็นลางแบบนั้นสิ”
“เอ่อพ่อ ที่พ่อว่าจะลองปลูกถั่วเหลือง แล้งนี้ พ่อไปติดต่อเอาเมล็ดพันธ์ที่เกษตร เขาหรือยังหล่ะพ่อ”
“พ่อไปแล้วหล่ะ ทางเกษตรเขาแจกเมล็ดพันธุ์ให้ฟรี เขาจะฝากเมล็ดพันธุ์เอาไว้ให้ ผ่านผู้ใหญ่บ้าน ก็คงจะเอามาฝากไว้ให้ที่บ้านของผู้ใหญ่เขา นั่นแหล่ะ”
“หลวงนี่เขาก็ดีเหมือนกันน่ะแม่ว่า เขาก็เห็นใจคนยากคนจน ดูแลเราเหมือนกันน่ะ”
“เขาว่าเป็นเมล็ดพันธุ์พระราชทานของในหลวงท่านประทานเมล็ดมาให้ เราก็เลยได้ขยายพันธุ์ต่อ เห็นเขาว่า จะให้เป็นพืชเศรษฐกิจต่อยอด แปรรูปได้หลากหลายอย่าง เห็นเขาว่าอย่างนั้นน่ะ พ่อก็ไม่ค่อยจะรู้รายละเอียดอะไรมาก เพราะที่ผ่านมา บ้านเรามัวแต่เตรียมงานแต่งกัน พ่อก็เลยไม่ได้เข้าร่วมประชุม”
“อ่าวแล้วใครบอกพี่หล่ะ”
“ไอ่เพิ่ม มันเล่าฟัง ข้าก็ฟังๆ มันมาอย่างนั้นแหล่ะ ไอ่นี่มันเชื่ออะไรกับมันไม่ค่อยได้”
พ่อแก้วปิดฝากล่องที่ใส่ธนบัติเอาไว้ แล้วยื่นส่งให้แม่มาลี
“แม่เป็นคนเก็บน่ะ พ่อให้สิทธิแม่เต็มที่”
พ่อแก้วกับแม่มาลีนั้น พอจะยิ้มได้ เมื่อรู้ว่าตนเองไม่มีภาระหนี้สินอันใด อันเกิดจากงานแต่งงานของบรรดาสามเบาเถา ลูกๆ ของตน สองคนนั่งมองหน้า พ่อแก้วกุมมือแม่มาลีเอาไว้เพื่อให้แม่มาลีได้นั้นได้มั่นใจ และอบอุ่นใจมากขึ้น



อกาลิโก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 เม.ย. 2556, 17:02:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 เม.ย. 2556, 17:02:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 869





<< บ่วงรัก 50%   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account