พันธนาการหวาม
ถ้าคุณชื่นชอบ เส้นทางระหว่างหัวใจ คุณก็ไม่ควรพลาดเรื่องนี้
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่1

พันธนาการหวาม โดย ทองหลาง



ณ ช่องทางออกอาคารขาเข้าของท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้นมากมายขวักไขว่ไปด้วยผู้คนที่เดินทางเข้ามาเยือนประเทศไทยเพื่อการท่องเที่ยวหรือปฏิบัติภารกิจการงาน ญาติพี่น้องเพื่อนสนิทมิตรสหายผู้มารอต้อนรับอาคันตุกะของพวกเขา รวมไปถึงเจ้าของประเทศเองที่เพิ่งเดินทางกลับเข้ามาสู่มาตุภูมิ

และหนึ่งในนั้นก็คงเป็นหญิงสาวผู้กำลังลากกระเป๋าเดินทางตรงมายังประตูทางออกที่เป็นกระจกหนาและใสด้วยสีหน้าเรียบนิ่งออกแววไปทางบูดบึ้งขัดกับความสวยที่ใครเห็นก็ต้องบอกว่าไม่เป็นสองรองใคร ไม่ว่าจะเป็นสาวๆโดยรอบบริเวณท่าอากาศยานหรือสาวๆทั้งประเทศก็ตามที

ความอ่อนเยาว์งดงามกระจ่างใสของเครื่องหน้าที่ประกอบกันขึ้นมาอย่างลงตัวดึงดูดสายตาชายไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ ในบริเวณที่เธอเดินผ่านให้มองตามไปตลอดเส้นทาง บางคนถึงขนาดที่ต้องร้องโอดโอยเพราะโดนเล็บของคนข้างๆจิกเข้าสีข้าง ทว่าเธอกลับไม่ได้สนใจในผู้คนรอบข้างนอกจากโทรศัพท์เครื่องจิ๋วในมือที่กำลังแนบติดหูขณะนี้

“พี่ภณ...เจนนี่มาถึงตั้งนานแล้วนะคะ จะให้รอกันถึงเมื่อไหร่”

เธอกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์ด้วยสีหน้าบึ้งตึง แต่กระนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้ความสวยงามน่ารักน่ามองของเธอลดลงเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอาการค้อนควับให้โทรศัพท์ยิ่งมองเห็นว่าน่าเอ็นดูมากขึ้น

“พี่ส่งลุงแช่มไปรอรับเราตั้งนานแล้ว แกยังไปไม่ถึงอีกเหรอ เจนนี่ลองเดินไปดูที่ลานจอดรถด้านนอกซิ เผื่อลุงแกจะเพิ่งถึง ” เสียงของพี่ชายดังผ่านออกมายืนยัน

“เจนนี่กำลังจะออกดูที่ข้างนอกค่ะ ถ้าไม่เจอรถลุงแช่ม เจนนี่จะไม่รอจริงๆด้วย แค่นี้นะคะ” หญิงสาวบอกก่อนจะปิดโทรศัพท์เมื่อเดินมาจนถึงประตูทางออก

รถยนต์คันคุ้นตาทั้งสีและยี่ห้อจอดนิ่งอยู่ข้างหน้า จะว่าตรงหน้าก็ไม่เชิง เมื่อมันเยื้องไปไกลอีกหลายวา จนมองเห็นหลังคนขับผ่านกระจกติดฟิล์มสีทึบกำลังก้มๆเงยๆเก็บอะไรสักอย่าง แต่นั่นก็ทำให้หญิงสาวยิ้มออก เมื่อคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องเสียเวลารออีกต่อไป

หญิงสาวลากกระเป๋าเข้าไปใกล้ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกครั้งขณะที่เธอกำลังเปิดประตูด้านหลัง กระเป๋าเดินทางใบเล็กถูกยัดเข้าไปด้วยตัวเองโดยไม่ต้องรอให้คนขับรถช่วย เพราะอากาศแสนร้อนในขณะนี้มันทำให้เธอไม่อยากเสียเวลารอแม้แต่วินาทีเดียว

“ลุงแช่มออกรถได้เลย รีบกลับให้ถึงบ้านเร็วเถอะ ฉันทั้งเหนื่อยและร้อนจะแย่อยู่แล้ว” หญิงสาวผู้มีนามว่าเจนนี่สั่ง แล้วเธอก็หันไปสนใจโทรศัพท์ที่กำลังกรีดร้องเร่งให้เจ้าของคว้าขึ้นมารับ

“มาร์กเหรอ...เจนนี่มาถึงแล้ว กำลังจะนั่งรถกลับบ้าน” เธอพูดกับโทรศัพท์สายนี้ฟังอ่อนหวานกว่าสายแรกนัก แม้สายตาจะไม่ได้สนใจคนขับแต่ก็พอเห็นลางๆว่า เขายืดตัวขึ้นนั่งตรงๆ

“กลับบ้านเลยนะลุงแช่ม ไม่ต้องแวะที่ไหน ฉันอยากอาบน้ำจะแย่” เธอบอกคนขับรถ แล้วก็หันไปสนใจคุยโทรศัพท์ต่อ

ขณะที่รถกำลังเคลื่อนออกจากที่ โสภิตาหรือเจนนี่ไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่า มีรถอีกคันที่มีลักษณะคล้ายกับรถที่เธอเพิ่งขึ้นมานั่งอย่างสบายในตอนนี้อย่างกับแกะ ได้แล่นเข้ามาจอดแทนที่ในบริเวณเดียวกันในเวลาที่ไล่เลี่ยกันเพียงเสี้ยววินาที...

พอเบนซ์คันหรูแล่นสู่ท้องถนนได้ไม่นานเสียงคนขับรถก็เอ่ยถามขึ้นอย่างสุภาพ เมื่อผู้โดยสารที่กำลังเพลิดเพลินกับการคุยโทรศัพท์โดยไม่คิดสนใจสิ่งรอบข้างใดๆ

“ขอโทษครับคุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าจะให้ผมขับไปส่งคุณที่ไหนครับ กรุณาช่วยบอกทางด้วย” อย่างน้อยการที่เขาขับรถให้ใครหรือไปส่งใคร เขาก็ควรที่จะได้รับการกระจ่างเรื่องของเส้นทางบ้าง

“ก็บอกแล้วไงว่ากลับบ้าน...ลุงแช่มอย่าบอกนะว่าไม่รู้จักทางไปบ้าน...” หญิงสาวถามกลับเสียงเข้ม เมื่อเธอเก็บโทรศัพท์เข้าไว้ในกระเป๋าถือ ก่อนจะเกิดอาการชะงัก

“เอ๊ะ!...”

เสียงคนขับรถที่มีอายุเกือบหกสิบทำไมถึงฟังดูทุ้มนุ่มหูยังกับชายหนุ่มอายุไม่เกินสามสิบ และที่สำคัญ ผมบนศีรษะของเขาก็ไม่ได้หงอกขาวเป็นสีดอกเลาแซมผมดำอย่างที่เธอเคยเห็น

“ผมไม่ทราบหรอกครับว่าทางกลับบ้านของคุณไปทางไหน เพราะตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยไปบ้านคุณสักครั้ง” คนขับรถตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ สายตาที่มองผ่านกระจกมองหลังดูแวววับไหวระริกราวกับว่าเขากำลังพบเรื่องชวนขบขันจนยากที่จะบังคับอารมณ์ไม่ให้เกิดความรู้สึกนั้น

“นะๆๆ นายเป็นใคร...นายไม่ใช่ลุงแช่มนี่”

“ถูกครับ...ผมไม่ได้ชื่อแช่ม” เขาตอบ ก่อนจะหันกลับมามองผู้โดยสารเต็มๆตา

อาการปากเผยอขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเปิดกว้างด้วยความตกใจ แก้มใสๆแดงก่ำดูเหมือนว่ามันจะแดงไปจนถึงใบหูทั้งสองข้างนั้นมีอิทธิพลอย่างมากในการทำให้หัวใจของชายหนุ่มถึงกับกระตุกวูบ จนต้องรีบหันกลับมามองเส้นทางตรงหน้า ก่อนที่อาการเหล่านี้จะทำให้เกิดอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง

“นายไม่ใช่ลุงแช่ม แล้วนายมาขับรถของฉันได้ยังไง นายเอาลุงแช่มไปไว้ไหน หรือว่านาย...นาย...นายจะเป็นโจร” เธอโพล่งออกมาด้วยความตื่นกลัว ทั้งเผลอเบียดตัวเข้าจนชิดประตู

“โห...หาคุกมาให้ซะแล้ว” เขาบ่น ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“จอดรถเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวสั่งเสียงหลง

ถึงแม้ความรู้สึกตื่นตระหนกจะเข้ามาครอบคลุมจิตใจ ทว่าเธอก็ยังมองเห็นรูปลักษณ์อันแสนคมคายของ โจรที่เธอจัดการยัดเยียดตำแหน่งนี้ให้ แต่แม้ว่าคนที่กำลังทำหน้าที่ขับรถอยู่ในเวลานี้จะหน้าตาหล่อเหลาแค่ไหนก็เถอะ สำหรับเธอแล้วยังไงเขาก็คือโจร คือตัวอันตราย เขาอาจทำร้ายลุงแช่ม แย่งรถมาแล้วสวมรอยดักจับเธอเรียกค่าไถ่...โอ๊ยคุณพระช่วย...พี่โสภณขาเจนนี่แย่แล้ว

“จอดยังไม่ได้หรอกครับคุณผู้หญิง ถนนแถวนี้เขาห้ามจอด”

“ถ้าไม่จอดฉันจะเรียกตำรวจ” เธอขู่เสียงเข้ม ไม่สนใจหรอกว่าถนนสายไหนจะห้ามจอดหรือไม่ห้าม แต่เวลานี้เธอต้องการที่จะหลุดพ้นไปให้ห่างไกลชายแปลกหน้าผู้น่าจะมากับความอันตรายที่อาจคาดไม่ถึง อย่างน้อยหากลงจากรถแล้วก็คงมีช่องทางเอาตัวรอดได้เพิ่มขึ้นอีกหลายช่องทาง

“เรียกมาทำไมครับ หรือว่าคุณจำทางกลับบ้านไม่ได้” หนุ่มแปลกหน้าอดที่จะยั่วอีกฝ่ายไม่ได้

“ก็มาจับนายนะสิ ข้อหาปล้นรถแล้วก็ลักพาตัว” เธอแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จสรรพด้วยหวังว่าเขาจะกลัว แต่ผิดคาด...นอกจากไม่กลัวแล้วมันยังทำเฉยสีหน้าที่มองเห็นผ่านกระจกมองหลังก็ยังยิ้มยั่วยวนกวนอารมณ์

“ปล้นรถ...” ชายหนุ่มอุทานขึ้น

“ใช่...”

“ลักพาตัวด้วย”

“ใช่...นายติดคุกหัวโตแน่” โสภิตาบอก แถมยังหยิบโทรศัพท์ออกมา ด้วยความตั้งใจที่จะกดหมายเลขหนึ่งเก้าหนึ่ง

ทว่ารถที่แล่นมาตามถนนด้วยความเร็วสม่ำเสมอก็มีอันต้องหยุดกึกกะทันหันในขณะที่คนกำลังกดหมายเลขโทรศัพท์ยังไม่ทันตั้งหลัก นั่นไม่ใช่สิ่งดีสำหรับเธอเลย แม้เธอจะต้องการให้เป็นเช่นนั้นก็เถอะ เมื่อร่างบางมีอันต้องเซถลามาติดอยู่ที่ช่องกลางระหว่างเบาะหน้าทันที

“ว้าย...ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย”

หญิงสาวร้องลั่นรถ ทั้งดิ้นรนทั้งปัดป้องทันทีที่มือใหญ่ของไอ้โจรร้ายคว้าหมับมาที่ตัวเธอไม่ให้พุ่งล้นไปกระแทกคอนโซนรถ โทรศัพท์มือถือในมือก็ไม่ต้องพูดถึงเมื่อมันหลุดกระเด็นตกลงยังที่วางเท้าเรียบร้อย

“ร้องทำไมกันคุณ จะบ้าเหรอ...” เขาพยายามใช้มือปิดปากที่ตะโกนลั่นจนแสบแก้วหูไปหมด แต่มันคงไม่ได้ผล นอกจากไม่ได้ผลแล้วเขาก็ต้องร้องจ๊าก...

“โอ๊ย...งับมาได้ยังไง นิ้วคนนะไม่ใช่กระดูก...” ชายหนุ่มสะบัดมือไล่ความเจ็บปวดออกไป แต่มืออีกข้างยังยึดร่างบางนั้นเอาไว้แน่นไม่ยอมให้ขยับหนีไปไหน

“ไอ้บ้าฉันไม่ใช่หมานะ...ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้...ไอ้สารเลว อาชีพสุจริตเยอะแยะทำไมไม่ทำ ไอ้พวกอยากรวยทางลัดโดยไม่สนใจว่าจะทำให้ใครเดือดร้อนบ้าง...”

“หยุดด่า หยุดโวยวายซะที หยุดเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่หยุดอย่าหาว่าผมไม่เตือนนะ”

“ไม่...ฉันไม่หยุดจนกว่าแกจะปล่อยฉัน ไอ้...ไอ้...อุ๊บ”

ริมฝีปากอิ่มเคลือบสีชมพูอ่อนบางๆ มีอันต้องถูกปิดสนิทเมื่อเรียวปากได้รูปของอีกฝ่ายฉกเข้าประกบแนบสนิทอย่างถนัดถนี่ เปลือกตาคู่สวยเบิกกว้าง หัวใจหล่นฮวบลงไปกองอยู่ที่เท้า เย็นวาบไปทั้งศีรษะ ก่อนจะเริ่มมีความร้อนวิ่งขึ้นไปแทนที่ และเพิ่มสปีดการเต้นของหัวใจให้แรงจนแทบจะกระดอนออกมานอกอก เมื่อรู้สึกถึงความนุ่มของปลายลิ้นอุ่นชื้นแทรกผ่านปราการมุกเข้ามาภายใน

ความคิดเพียงต้องการปิดช่องทางคำพูดพ่นออกมาเป็นไฟนั้นให้สนิท ถูกเปลี่ยนไปในทันทีที่ได้สัมผัสกับความหวานเย้ายวนใจของริมฝีปากปากนุ่ม ผสานกลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำหอมชั้นดีปลุกเร้าอารมณ์ให้เกิดความรัญจวนใจอย่างบอกไม่ถูก...ความหอมหวานที่แม้จะเคยลิ้มรสจากใครต่อใครมานับไม่ถ้วน ก็ยังไม่มีครั้งใด หรือจากใครที่ให้ความรู้สึกหวานล้ำกระตุ้นอารมณ์อยากไม่รู้อิ่มได้เช่นนี้

หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นส่ำ ตบะเขากำลังจะแตกและคงจะแตกไม่มีชิ้นดีหากไม่รีบผละออกห่าง ซึ่งนั่นมันอาจทำให้เขาต้องได้เข้าไปนอนในคุกจริงๆอย่างที่เธอขู่

ทันทีที่ใบหน้าคมคาย ผละออกห่างด้วยความรู้สึกเสียดายลึกๆ แม้จะต้องเจอกับฝ่ามือนุ่มๆแต่หนักนั้นเหวี่ยงลงบนซีกหน้าของเขาอย่างแรงทันทีที่เขาถอนริมฝีปากออกมา...หากไม่เห็นหยดน้ำใสๆที่เอ่อขึ้นเต็มขอบตาของเธอ เขาอาจจะกระโจนข้ามเบาะไปจัดการกับคนที่บังอาจตบหน้าเขาให้หนำใจด้วยบทลงโทษที่มากกว่าจูบ

“ไอ้คนเลว...เปิดประตูรถเดี๋ยวนี้นะ” น้ำเสียงนั้นสั่นเครือ เมื่อเธอถอยกลับมานั่งขดตัวอยู่ที่เบาะหลังเช่นเดิม

“บอกผม...บ้านคุณไปทางไหน...ผมจะไปส่ง”

โสภิตามองนิ่งไปยังเจ้าของใบหน้าคมคาย ในใบโลกนี้จะยังมีโจรคนไหนหล่อกระชากใจเหมือนนายคนนี้อีกไหมนะ และยังจูบนั่นอีก จูบที่เหมือนจะสูบวิญญาณให้หลุดออกจากร่าง มันทำให้เธอสั่นไปทั้งตัวจนยากที่จะบังคับควบคุม

“นายจะหลอกให้ฉันพานายไปปล้นบ้านล่ะสิ...ไม่มีทาง...ให้ตายฉันก็ไม่มีทางบอกนาย” เธอเชิดหน้าอย่างถือดี แต่อากัปกิริยานี้มันกลับทำให้อีกฝ่ายหัวเราะ

“คุณนี่...เป็นนักเขียนหรือเปล่า ถึงสร้างสรรค์ปั้นเรื่องได้เก่งนัก” เสียงหัวเราะยังดังขึ้นด้วยความขบขัน และมันก็ยิ่งทำให้เจ้าของใบหน้าสวยๆ แดงก่ำและบูดบึ้งไปอีกเป็นสองเท่า

“ฉันจะเป็นอะไรมันเรื่องของฉัน แต่ที่แน่ๆ ฉันก็ทำอาชีพสุจริตล่ะ” โสภิตาตอบเสียงห้วนแกมสั่น

“เอาล่ะๆ คุณผู้หญิง ผมยอมแพ้แล้ว...ขอยกธงขาวยอมแพ้ให้กับ...อะไรดีล่ะ...” ชายหนุ่มทำท่าคิด “จะอะไรก็แล้วแต่ เอาเป็นว่าผมขอบอกให้คุณเข้าใจตรงนี้เลยว่า...รถที่คุณขึ้นมานั่ง มาสั่งผมให้ขับพาคุณไปส่งบ้าน แล้วก็มากล่าวหาผม ยัดเยียดข้อหาหนักๆให้ผมอยู่ในตอนนี้ มันเป็นรถของผมครับ ไม่ใช่รถคุณ ได้โปรดเข้าใจซะใหม่ด้วย” ชายหนุ่มอธิบายเสียงห้วน

“รถนาย...” โสภิตาโพล่งออกมาด้วยความรู้สึกที่บอกชัดว่าไม่เชื่อ

“ครับผม...รถคันนี้ของผม คุณต่างหากที่ขึ้นรถผิด” ชายหนุ่มยืนยัน

“ฉันไม่เชื่อ...” หญิงสาวยังปฏิเสธ ทั้งๆที่รู้สึกได้ถึงอาการใบหน้าร้อนผ่าวราวกับว่ามันกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

เสียงโทรศัพท์ที่กระเด็นลงไปนอนนิ่งอยู่ที่วางเท้าเบาะหน้าดังขึ้น ชายหนุ่มผู้อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของรถจึงโน้มตัวลงไปหยิบแล้วส่งให้หญิงสาว

“พี่ภณ...” โสภิตากรอกเสียงเรียกลงไปด้วยอาการกึ่งดีใจกึ่งจะร้องไห้

“ตอนนี้อยู่ไหน...ลุงแช่มไปรับที่สนามบินก็ไม่เห็น ให้โอเปอเรเตอร์ประกาศหาก็ไม่มี อย่าบอกนะว่ากลับมาบ้านเอง เรานี่จริงๆเลย จะทนรอนิดรอหน่อยก็ไม่ได้ ไปเรียนเมืองนอกเมืองนามาตั้งหลายปีนิสัยนี้ยังไม่ยอมเปลี่ยนอีก ใจร้อนแก้ไม่หาย”

เสียงถามแกมบ่นของพี่ชายทำให้โสภิตาถึงกับอึ้ง เธอมองคนที่กำลังส่งสายตาคมนิ่งมานั้นด้วยความรู้สึกยากจะอธิบาย...สุดท้ายก็รู้แล้วว่าความผิดทั้งหมดมันอยู่ตรงที่เธอขึ้นรถผิดจริงๆ

“เจนนี่กำลังจะกลับบ้านค่ะเจนนี่คิดถึงบ้าน คิดถึงพี่ภณ พี่ภณอยู่บ้านหรือเปล่าคะ เจนนี่อยากเจอพี่ภณเป็นคนแรก” หญิงสาวกรอกเสียงอันสั่นเครือลงไป และมันก็ทำให้ปลายสัญญาณอารมณ์เย็นลง

“อืม...พี่รออยู่ที่บ้านแล้ว รีบกลับมาล่ะอย่าเถลไถล”

“ค่ะ..เจนนี่จะรีบกลับเดี๋ยวนี้” เธอบอกก่อนจะปิดโทรศัพท์แล้วหันมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มนิรนามตรงหน้า

“ว่าไงครับ...จะบอกทางได้หรือยัง ผมเองก็รีบนะคุณ ต้องไปธุระ แล้วต้องกลับไปที่สนามบินอีก”

“ถ้ารีบก็เปิดประตูรถให้ฉันลง ฉันกลับแท็กซี่เองได้” เธอบอกทั้งชี้มือไปที่ประตูรถที่เปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า

“ไหนๆก็ไหนๆแล้วน่า...แถวนี้ไม่มีแท็กซี่วิ่งผ่านซะด้วย ผมไปส่งนะดีแล้ว...”

“ก็บอกว่าจะกลับเอง...”

“เอาสิถ้าคุณยังดื้ออยู่อย่างนี้อีก ผมเปลี่ยนใจ จะพาคุณกลับลงใต้กับผมซะให้รู้แล้วรู้รอด” ชายหนุ่มขู่บ้าง

“อย่าเชียวนะ...ฉันไม่ไปกับนาย ฉันจะกลับบ้าน” น้ำตาเจ้ากรรมก็เริ่มรื้อขึ้นมาอีก

“ถ้าไม่ไปลงใต้ด้วยกัน ก็รีบบอกที่อยู่มา”

เพราะคำขู่นั่นทีเดียวที่ทำให้เจ้าของรถได้มีโอกาสขับรถมาส่งหญิงสาวถึงหน้าประตูรั้วคฤหาสน์หลังงาม

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เขาแปลกใจเท่าป้ายชื่อคฤหาสน์หลังนี้ที่ระบุชื่อเจ้าของบ้านอย่างชัดเจนว่า โสภณ กิตติไพศาล ชื่อนี้นามสกุลนี้ เขายืนยันได้ว่ารู้จักเป็นอย่างดี...ว่าแต่...ผู้หญิงสวยๆคนนี้เป็นอะไรกับนายโสภณ...

“ส่งฉันแค่นี้ก็พอ ฉันไม่อยากให้คนในบ้านรู้ว่าฉันไม่ได้กลับแท็กซี่” เธอบอกด้วยน้ำเสียงสุดห้วน ไม่มีแม้คำขอบคุณตอบแทนการเสียเวลาของอีกฝ่ายสักคำ

“เอ่อ...คุณเป็น...”

ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยปากถามในสิ่งที่สงสัย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ชายหนุ่มจำต้องปลดล็อกประตู เพื่อปลดปล่อยนกหงส์หยกตัวน้อยบินออกสู่ภายนอก เขารีบก้าวลงมาช่วยเจ้าของริมฝีปากนุ่มหวานนั้นหิ้วกระเป๋าลงไปวางไว้ยังหน้าประตูอัลลอยด์ นั่นจึงเป็นโอกาสให้อีกฝ่ายได้เห็นรูปร่างอันผึ่งผายของเขาอย่างชัดเจน จนเผลอกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อคิดไปถึงรสจูบ

เสียงโทรศัพท์เร่งเร้าให้เขารับ ชายหนุ่มจึงรีบก้าวขึ้นนั่งประจำที่ เขาหันมายิ้มให้คนที่ยืนหน้าบึ้งก่อนจะเลื่อนกระจกขึ้นปิด หยิบบลูธูทคล้องเข้าที่หูแล้วกดรับสัญญาณ ก่อนจะค่อยๆพารถเบนซ์คันหรูเคลื่อนออกไป

“ครับแม่...ธุระผมยังไม่เสร็จครับ แม่รออยู่ที่นั่นกับคุณพ่อก่อน จะชอปปิ้งรอก็ได้นะครับ เสร็จธุระแล้วผมจะรีบไปรับ”

ร่างบางที่ก้าวผ่านเข้ามายังห้องโถงเรียกสายตาของสมาชิกในบ้านให้หันมามองเป็นตาเดียวกัน ก่อนจะอุทานเรียกชื่อเธอออกมาด้วยความดีใจ

“เจนนี่กลับมาแล้ว”

โสภณอ้าแขนออกกว้างเพื่อรอต้อนรับน้องสาวที่วิ่งเข้าสู่อ้อมแขนด้วยความรู้สึกดีใจเป็นล้นพ้น นานนับปีที่รอคอยการกลับมาของโสภิตา น้องสาวคนเดียวของเขา หลังจากเธอถูกส่งให้ไปเรียนต่อทางด้านการบริหารธุรกิจที่ต่างประเทศ ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสได้เจอกันแทบทุกปี แต่การเจอกันครั้งไหนก็คงไม่มีความสุขเท่า เพราะนับจากนี้เป็นต้นไปน้องสาวตัวน้อยของเขาจะไม่ต้องจากไปไหนไกลอีก

“พี่ภณ...เจนนี่คิดถึงพี่ภณที่สุดเลย” ผู้เป็นน้องสาวเกลือกกลิ้งใบหน้าลงบนอกพี่ชาย เพื่อซับน้ำตาแห่งความกลัวในคราแรกและความปีติในคราหลัง

“เอาเถอะมาเหนื่อยๆ ขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนเถอะ พี่กับพี่พลอยเตรียมงานเลี้ยงเล็กๆไว้ต้อนรับเราอย่างเต็มที่” โสภณบอก เมื่อดันร่างน้องสาวออกจากอก

“สวัสดีค่ะพี่พลอย...แล้วก็สวัสดีเจ้าตัวเล็กในนั้นด้วยนะคะ” เจนนี่เอ่ยทั้งยังส่งสายตาไปยังส่วนนูนที่กลางลำตัวของพี่สะใภ้ ทั้ง เธอส่งยิ้มให้ด้วยความเต็มใจ

“ค่ะคุณเจน ไปเถอะค่ะพี่พลอยจะพาไปดูห้อง ทำความสะอาดไว้รอคุณเจน ตกแต่งเปลี่ยนสีผ้าม่านแทนอันเก่าที่หมอง ไม่รู้ว่าจะถูกใจหรือเปล่า” พิมพ์พลอยลุกจากโซฟาเดินเข้ามาคว้าข้อมือน้องสามี ทั้งยังหันไปพยักหน้าสั่งเด็กรับใช้ให้นำกระเป๋าตามขึ้นไปด้วย

“ดีค่ะ เจนนี่เองมีของมาฝากพี่ภณ พี่พลอย แล้วก็เจ้าตัวเล็กในนี้ด้วย...เชื่อว่าทุกคนต้องชอบแน่ๆเลย” โสภิตาอวด

เมื่อเธอกลับถึงบ้าน กลับสู่อ้อมกอดของความรักความอบอุ่นที่เรียกว่าครอบครัว สิ่งนี้มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เธอลบเลือนเรื่องราวไม่คาดฝันอันเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ได้ชั่วคราว...นั่นมันก็เป็นสิ่งที่เธอต้องการ และถ้าหาก รสสัมผัสที่ริมฝีปากนั้นมันจะจางหายไปด้วยมันคงจะดีไม่น้อย

“หายไปไหนมาฮึตาเพียว...ปล่อยให้แม่กับคุณพ่อรออยู่เป็นนานสองนาน” เสียงคุณศรีมาลาดังขึ้นทันทีที่เห็นหน้าบุตรชาย

“ไปธุระเกี่ยวกับทัวร์ของเราสิครับ...คุณแม่ก็รู้” ชายหนุ่มบอก ก่อนจะหันไปยิ้มทักทายพร้อมทั้งยกมือขึ้นไหว้บิดาเลี้ยงผู้มีเชื้่อสายยุโรปเต็มตัวแต่สามารถพูดไทยได้ชัดเจนราวกับเป็นเจ้าของภาษาเอง

“คุณพ่อสบายดีนะครับ”

“สบายดี...และทุกคนที่อยู่ทางโน้นก็สบายดี” มิสเตอร์ไบรอันตอบทั้งยังตบไหล่ลูกเลี้ยงด้วยความรักและเอ็นดู

“เอาล่ะ...ค่อยไปคุยกันต่อที่โรงแรมเถอะ คุณพ่อจะได้นอนพักสักงีบ พรุ่งนี้เราก็ต้องกลับภูเก็ตแต่เช้า” คุณศรีมาลาบอกทั้งยังส่งกระเป๋าเดินทางของสามีให้บุตรชาย

“คุณแม่ครับ...พอดีว่างานผมทางนี้ยังไม่เรียบร้อยเลยครับ ผมว่าจะขออนุญาตอยู่ต่ออีกสองสามวัน”

“อะไรกันลูก...ก็ไหนว่าทุกอย่างจะเสร็จวันนี้ไง”

“พอดีว่ามีปัญหานิดหน่อยครับ เอาเป็นว่าวันนี้แวะจองตั๋วเครื่องบินเที่ยวเช้าเลยนะครับ คุณพ่อจะได้ไม่ลำบากนั่งรถนานๆ”

“จะอยู่ต่ออีกตั้งสองวันเชียวเหรอลูก”

“ครับ...มันสำคัญมากครับ เพราะถ้าเราไม่ติดตามเราอาจสูญลูกค้าไปทั้งปีก็ได้นะครับ” เพียวให้เหตุผล

“ก็ได้...แม่จะกลับเครื่องบินกับพ่อก่อน...อย่าอยู่นานจนเพลินล่ะ”

“ครับผม...” เพียวยิ้มอย่างจริงใจ

ไม่มีใครรู้หรอกว่าจริงๆแล้วความสำคัญสิ่งไหนในหัวใจของชายหนุ่มจะสำคัญที่สุด ระหว่างธุรกิจท่องเที่ยวทางทะเลที่เขากำลังติดต่อดึงความสนใจไปให้คณะทัวร์ต่างชาติ หรือจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอผู้มีรสจูบอันแสนหวานสะท้านทรวงกับนายโสภณ บุคคลที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างเหตุกรณีพิพาทกับเขาด้วยความหึงหวง...

ไหนๆก็ไหนๆ เมื่อทำธุระปะปังเกี่ยวกับการงานเรียบร้อยแล้วได้สืบเรื่องราวของยัยเฟอะฟะนั่นเพิ่มเป็นของแถมก็น่าจะดี...ไม่ใช่เรื่องเสียเวลาสักหน่อยนี่นะ ชายหนุ่มสรุปในใจ



ทองหลาง
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 เม.ย. 2556, 13:09:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 เม.ย. 2556, 13:09:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 13757





   ตอนที่2 >>
Siang 17 เม.ย. 2556, 14:50:15 น.
มาลงชื่อรออ่านตอนต่อไปค่ะ


ปอรินทร์ 17 เม.ย. 2556, 15:35:08 น.
กะ...กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


supayalak 17 เม.ย. 2556, 15:55:40 น.
เหมือนเคยมาลงแล้วรึเปล่าค่ะ


tingling 18 เม.ย. 2556, 09:58:46 น.
หนุกดีค่ะ^^


Zephyr 18 เม.ย. 2556, 22:31:05 น.
ลงใหม่ใช่มั้ยคะ
เย้ๆๆๆ จะได้อ่านจบมั้ยน้อ
เจนนี่จอมป่วนกะนายเพียวมาแล้วววว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account