ไฟรักเทพบุตรทมิฬ
ปมปัญหาในครอบครัวทำให้เขาเป็นคนแข็งกร้าว ใจดำทมิฬในสายตาทุกคนไม่เว้นแม้แต่สาวน้อยหน้าใสอย่างเธอก็ตกเป็นเหยื่ออารมณ์ผู้ชายที่ไม่รู้จักคำว่า ‘รัก’ ด้วยอีกคน เมื่อเขาใช้เล่ห์ลวงให้เธอรักและสลัดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย แต่ใครจะรู้ว่านับตั้งแต่ได้รู้จักเธอแล้ว เทพบุตรไร้หัวใจคนนี้กลับโหยหาแต่ไออุ่นของเธอเพียงผู้เดียว!
Tags: เทพบุตร ทมิฬ

ตอน: บทที่ 2 กาในฝูงหงส์ (ครึ่งหลัง)

บทที่ 2 กาในฝูงหงส์

จันทร์แก้ววางโกศบรรจุเถ้ากระดูกยายจำเนียรบนหัวเตียงในห้องนอนใหม่ของเธอ “อยู่กับจันทร์ที่นี่นะจ๊ะยาย คนที่นี่ใจดีกับจันทร์มากยายเห็นแล้วใช่ไหมจ๊ะ” รอยยิ้มที่ฉาบไว้บนดวงหน้าสลดลงเมื่อคนบางคนของที่นี่คอยสกัดกั้นความสุขเธออยู่ ลูบไล้โกศอัฐิของยายเบาๆ ไม่นานนักหยดน้ำใสๆ ก็ไหลรินลงมาทั้งที่ไม่ตั้งใจจะร้องไห้ต่อหน้ายายอีก

“ยายไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ จันทร์อยู่ได้ จันทร์จะลืมทุกสิ่งเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่ คุณหญิงท่านใจดี อนุญาตให้จันทร์ลางานไปสมัครเรียนได้แถมยังให้เงินจันทร์ล่วงหน้าเก็บไว้ใช้จ่ายอีกก้อนหนึ่งแน่ะ เห็นไหมจ๊ะ ว่าชีวิตจันทร์สว่างสดใสขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่นานหลานคนนี้จะนำปริญญาบัตรมาวางเคียงคู่ยายให้ได้จ้ะ” จันทร์แก้วล้มตัวลงนอนแต้มยิ้มหลอกตัวเองว่าอยู่ได้ ทั้งที่มันช่างยากเย็นเหลือเกินเมื่อรู้ผู้ชายใจร้ายคนนั้นก็อยู่ที่นี่ด้วย

เช้าวันใหม่จันทร์แก้วเริ่มงานอย่างแข็งขัน เป็นวันแรกที่เธอแสดงฝีมือทำอาหารเองซึ่งป้าอุ่นชิมแล้วก็บอกว่าใช้ได้สั่งเด็กๆ ให้ยกไปเสิร์ฟคุณๆ เลย จันทร์แก้วยืนมองพวกรุ่นพี่จัดวางอุปกรณ์บนโต๊ะอาหารอย่างใส่ใจ รอจนคุณๆ ลงมาจนครบเธอและรุ่นพี่อีกสามสี่คนถึงถอยฉากไปยืนหลบเป็นระเบียบอีกมุมหนึ่งของห้องอาหาร

เท่าที่ป้าอุ่นเล่าให้ฟัง หม่อมราชวงศ์หญิงทิพวรรณมีบุตรอยู่สามคน คือ คุณรัชชานนท์ คุณทักษ์ดนัย และคุณทักษอร โดยสองคนหลังเป็นบุตรชายบุตรสาวต่างบิดา เพราะคุณหญิงได้แต่งงานใหม่อีกครั้งกับ ผศ.ดร. ธีระ ฐปนนันท์ ผู้ช่วยอธิการบดี ของมหาวิทยาลัยชื่อดังเดียวกันกับที่บุตรชายศึกษาอยู่

วันนี้สมาชิกทุกคนอยู่ครบพร้อมหน้ายกเว้นเพียงรัชชานนท์เท่านั้นที่ไม่ได้ลงมาทานอาหารเช้ามื้อนี้ด้วย จันทร์แก้วเป่าปากโล่งอกค่อยสบายตัวหน่อยที่ไม่ต้องเห็นหน้าผู้ชายใจร้าย ทักษ์ดนัยเงยหน้าขึ้นมาประสานสายตาเธอพอดี หญิงสาวหน้าเหวอแอบมีตกใจเล็กน้อยส่งยิ้มกลับไปแต่เขาไม่ยิ้มตอบก้มหน้าทานซุปทะเลที่เธอทำเสมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน... นั่นสิ เธอเป็นแค่คนใช้ใครกันอยากจะมารู้จักเธอ

“ไม่ต้องอยู่ช่วยทางนี้หรอกจันทร์แก้ว วันนี้จะไปสมัครเรียนไม่ใช่หรือไงไปแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวติดรถคุณธีระไปพร้อมกับพีทและพิมเลยแล้วกัน” ยังไม่ทันที่จันทร์แก้วจะอ้าปากปฏิเสธ สาวน้อยหน้าหวานราวตุ๊กตาก็กระแทกช้อนลงบนโต๊ะปั้นหน้าหงิกงอ คุณหญิงเห็นกิริยาบุตรสาวให้พาลรู้สึกไม่พอใจ

“น้องพิม! ทำกิริยาไม่งามเลยนะเรา”

“น้องพิมขอโทษค่ะคุณแม่” ทักษอรยกมือไหว้ปลกๆ ขอโทษมารดา แต่ไม่วายแอบตวัดสายตาจิกกัดสาวใช้หน้าใหม่ที่บังอาจทำให้เธอโดนมารดาดุ จันทร์แก้วก้มหน้าเศร้ารับรู้ปัญหาที่ตามติดเธอในอนาคตอันใกล้นี้

“เข้าไปนั่งสิหนูจันทร์” จันทร์แก้วที่แต่งตัวเรียบร้อยยืนขาแข็งไม่กล้าไปนั่งตอนหน้าคู่เจ้าของรถ สาวน้อยหน้าตุ๊กตาเบียดไหล่เธอเข้าไปนั่งแทน

“น้องพิม!” คำอุทานปนความระอาของคุณพ่อทำได้แค่ส่ายหน้าช้าๆ ให้สาวน้อยเอาแต่ใจ ทักษอรแอบแลบลิ้นส่งให้สาววัยใกล้เคียงกันที่มาเพียงวันแรกก็แย่งความรักความสนใจจากคุณแม่ไปจากเธอหมด

“หนูไปเองก็ได้นะคะคุณธีระ” ปฏิเสธเสียงค่อยครั้นเห็นลางไม่ดีหากคิดร่วมทางไปด้วย ดร.ธีระยิ้มใจดีส่ายหน้าปฏิเสธเปิดประตูรถตอนหลังให้เธอเข้าไปนั่งแทน จันทร์แก้วขาแข็งกว่าเก่าเมื่อสบตาเย็นชาของคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว ย้ำความต้องการอีกครั้งหนึ่งเผื่อผู้ใหญ่ใจดีจะลืม

“ให้หนูไปเองเถอะค่ะคุณธีระ”

แล้วคำตอบของผู้ใหญ่ใจดีก็คือจันทร์แก้วต้องนั่งเกร็งในรถตอนหลังเคียงคู่ทักษ์ดนัยไปตลอดทาง ชายหนุ่มเอาแต่จ้องหน้าจอไอแพดของตนเลื่อนอ่านข่าวสารทำราวเธอไม่มีตัวตนอีกแล้ว คนเจียมตัวเขยิบห่างอีกนิดจวนเจียนจะติดประตูอีกฝั่งอยู่รอมร่อ

“เกร็งมากไประวังจะเป็นตะคริว” เสียงนุ่มทุ้มลอยมาจากคนข้างๆ จันทร์แก้วขยับท่านั่งให้สบายขึ้นปรายตามองเสี้ยวหน้าคมสันแม้เขาจะพูดออกมาโดยไม่มองหน้าเธอเลยแต่เนื้อเสียงอบอุ่นอันเป็นเอกลักษณ์ก็พลอยให้เธอโล่งอกที่หงส์หนุ่มผู้นี้ไม่ได้รังเกียจนกกาอย่างเธอเหมือนอย่างหงส์น้อยน้องสาวของเขา

จันทร์แก้วถูกปล่อยลงก่อนคนแรกหน้า กศน. (ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน) แล้วดร.ธีระถึงพาบุตรสาวบุตรชายไปส่งโรงเรียนและมหาวิทยาลัยตามลำดับ เนื่องจากจันทร์แก้วมีวุฒิการศึกษาเพียง ป.6 หญิงสาวจึงลงเรียนตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมเป็นต้นไป

ทางด้านคชาหลังเที่ยวตามหาจันทร์แก้วในที่ต่างๆ แล้วไม่เจอ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าครั้งหนึ่งจันทร์แก้วเคยได้รับนามบัตรจากหญิงสูงศักดิ์ผู้หนึ่งและเขาก็บังเอิญได้อ่านมัน แม้จะลางเลือนจนความหวังตามจันทร์แก้วกลับมาเกือบเป็นศูนย์ไปแล้ว แต่ด้วยความพยายามอย่างหนักในที่สุดคชาก็นึกออก หอบเสื้อผ้ามาตามหาจันทร์แก้วที่กรุงเทพ ผู้หญิงที่เขารับปากต่อหน้าศพยายจำเนียรว่าจะดูแลเธอไปจนตลอดชีวิต

ลุงน้อยที่มาผลัดเปลี่ยนยามกะดึกควงไม้กระบองคู่ใจฮึ่มๆ เมื่อเห็นร่างสูงโย่งผลุบๆ โผล่ๆ มองลอดซี่กรงเข้ามาในนี้อยู่นาน คชาที่ยังไม่รู้ตัวว่าถูกยามเฒ่าจับได้แล้วพอไม่เห็นจันทร์แก้วก็ไม่คิดถอดใจคิดปีนกำแพงสูงชะลูดบุกเข้าไปตรวจค้นให้มั่นใจ

“หน็อยแน่! ไอ้หนุ่มนี่วอนซะแล้ว รู้ไหมแถวนี่ใครคุม” ยามเฒ่ากระโดดเหย็งๆ ฟาดกระบองตีก้นผู้บุกรุกที่มือสองข้างยังเกาะแน่นหนึบอยู่บนสันกำแพง

“โอ๊ย! ลุง! อะไรเนี่ย ฉันมาตามหาคน ไม่ได้มาขโมยของสักหน๊อย!” ท้ายเสียงแหลมปรี๊ดเมื่อโดนกระบองพิฆาตฟาดแก้มก้นอีกสามทีซ้อน คชาจนปัญญาปล่อยมือหล่นตุ๊บลูบคลำสะโพกระบมตนเองแสนเจ็บใจ

“ที่นี่มันวังสิทฐนต์นะเว้ยไม่ได้ที่อยู่ของตาสีตาสาที่ไหน จะตามหาใครก็มาถามยามอย่างข้านี่ไม่ใช่มาปีนกำแพงทำตัวเป็นโจรชั่วห้าร้อยไปได้” แม้จะยอมรับว่ายามเฒ่าพูดถูกแต่ล่อตีเขาจนก้นระบมโดยไม่ไถ่ถามก่อนมันก็ผิดเท่าๆ กันล่ะลุงเอ๊ย

“ก็ลุงดันไม่อยู่ให้ฉันถามเองนี่น้า” ลุงน้อยอึกอักเถียงไม่ออกแค่เผลอไปขี้แผล็บเดี๋ยวเจอเด็กรุ่นหลานยอกย้อนเสียแล้ว โบกมือในความต่อสร้อยน่ารำคาญของหนุ่มแปลกหน้า

“เอาล่ะๆ เอ็งมาหาใคร... เอ้า ไอ้หนุ่มนี่ ทีถามก็ไม่รู้จักบอก ตกลงเอ็งมาหาใคร!” ลุงน้อยย้ำชัดถ้อยชัดคำเมื่อเห็นหนุ่มหน้าตี๋เริ่มฉีกยิ้มกว้างมองทะลุหลังเขาไป

“ขอบคุณนะลุง ฉันเจอคนที่ฉันตามหาแล้วล่ะ” ตบบ่าลุงน้อยที่ยืนงงๆ เขาไปบอกมันตอนไหนว่ะ เหลียวหลังไปมองไอ้หนุ่มหน้าตี๋วิ่งตรงไปสวมกอดสาวน้อยหน้าหวานที่กำลังตรงมาก็ต้องอุทานดังลั่น

“อ้าว! เฮ้ย! หนูจันทร์!”

แม้ดวงหน้ายังแสดงอาการตกใจอยู่มากแต่พอเห็นคชาที่นี่สาวน้อยก็ถึงกับยิ้มออกเหมือนเจอหน้าญาติสนิทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่

“พี่ช้าง! รู้ได้ไงจ๊ะว่าจันทร์อยู่ที่นี่” คนถูกถามยิ้มค้างเซออกมาเมื่อถูกยามเฒ่าจับแยกเขากับจันทร์แก้ว

“จะคุยก็คุยดีๆ ก็ได้ มายืนกอดกันตรงนี้มันน่าเกลียดหนูจันทร์” จันทร์แก้วอมยิ้มก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงขอโทษลุงยามที่เธอรู้เจตนาคือหวังดี

“อะไรเนี่ยลุง พี่น้องจะคุยกันมายืนขวางทางอยู่ได้” ลุงยามหน้าเหวอชี้หน้าตี๋จีนๆ กับหน้าหวานไทยๆ แล้วมันไม่ได้ใกล้เคียงเป็นพี่น้องกันได้เลยสักกะนิ๊ด จันทร์แก้วหัวเราะร่วนอธิบายสีหน้าสงสัยของลุงน้อย

“พี่คชาเหมือนพี่ชายคนหนึ่งของจันทร์จ้ะลุง” ยิ้มในตาส่งให้พี่ชายที่แสนดี ลุงน้อยเสียฟอร์มเห็นดังนั้นก็ยอมรามือไปเฝ้าป้อมยามของตนต่อไปแต่ไม่วายส่งสายตาเป็นห่วงพักๆ ให้สองหนุ่มสาวที่ยังยืนไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันอยู่หน้าวัง

“ไม่ต้องห่วงจันทร์นะพี่ช้าง...จันทร์อยู่ได้” คนตัวเล็กแต้มยิ้มรับรองแต่คนตรงหน้าก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี

“พี่จะหางานทำแถวนี้ จะได้คอยดูแลจันทร์ไปด้วย” พี่ชายที่แสนดียิ้มแป้นหลังคิดวิธีแก้ไขปัญหาออก

“ไม่ได้นะจ๊ะพี่ช้าง แล้วน้าสุนีย์ล่ะ พี่จะปล่อยน้าสุนีย์อยู่คนเดียวได้อย่างไร น้าสุนีย์ต้องไม่เห็นด้วยแน่ พี่กลับไปเถอะจ้ะ จันทร์ไม่อยากให้พี่ทะเลาะกับแม่เพราะจันทร์อีก” คชาคลี่ยิ้มยกมือลูบผมสาวน้อยขี้กังวลเบาๆ

“แม่ไม่รู้หรอกว่าพี่มาหาจันทร์ พี่โกหกแม่ไปว่าจะมาหางานทำที่กรุงเทพ แม่แกก็ไม่พูดอะไร จันทร์อย่าคิดมากเลยนะ มีพี่อยู่ด้วย เวลามีปัญหาอะไรเราจะได้ช่วยกันไง” มือหนาเคลื่อนมากุมมือเธอไว้ สายตาอบอุ่นของพี่ชายที่แสนดีทำให้จันทร์แก้วยิ้มออก มีคชาอยู่ด้วยเธออบอุ่นและไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกนี้ ฝ่ามือเล็กบีบกระชับมือใหญ่เบาๆ เป็นการตอบรับความคิดของเขา

“ถ้าเราเป็นพี่น้องกันจริงๆ ก็ดีสิพี่ช้าง” หญิงสาวเปรยออกมาน้ำตาซึมในความแสนดีของผู้ชายคนนี้

“จริงหรือไม่จริงแล้วมันยังไง ในเมื่อตอนนี้จันทร์ก็เป็นน้องสาวที่พี่รักมากที่สุด” คชายิ้มรับคำจริงจังมองเด็กน้อยในวัยเยาว์จนบัดนี้ ความรู้สึกอยากดูแลปกป้องคุ้มกันภัยก็ไม่เคยบั่นทอนลดหลั่นไปเลย

ทั้งสองคุยกันอีกสักพักคชาก็แยกย้ายไปหาที่อยู่และงานทำใกล้ๆ แถวนี้ จันทร์แก้วเดินเข้าไปรายงานตัวกับคุณหญิงและป้าอุ่นเสร็จสรรพก็ตรงกลับห้องพักผ่อนเมื่อไม่มีงานเหลือให้เธอทำแล้ว ร่างเล็กชะงักปลายเท้ากึก แววตาฉายความตกใจชั่วแวบเดียวก็เบนสายตาหลบคนที่ไม่สมควรยืนอยู่ตรงนี้ด้วยความอึดอัดทรมานใจ!

“กรุณาหลบทางดิฉันด้วยค่ะ...คุณรัชชานนท์” เจ้าของชื่อหน้าตึงเรียบเหมือนสิ่งที่เธอเรียกมันไม่ใช่ชื่อเขาสืบเท้ามาใกล้ให้ร่างเล็กขยับหนี

“เธอกล้ากว่าที่ฉันคิดไว้มากนะจันทร์แก้ว รู้ทั้งรู้ว่าที่นี่มันบ้านฉัน แต่เธอก็ยังอยู่ หรือรางวัลที่ให้ไปมันไม่จุใจพอถึงได้ปรี่มา ‘ขอ’ ถึงที่นี่” จันทร์แก้วหน้าชาเมื่อถ้อยคำ ‘ขอ’ ของเขาเน้นเสียงเหยียดหยันจนแปลเป็นอื่นไม่ได้จริงๆ นอกจากคำว่า...ขอทาน!

“กรุณาหลบทางดิฉันด้วยค่ะ” เธอย้ำความต้องการเดิมพร้อมประนมมือไหว้ขอทางหงส์หนุ่มผู้เย่อหยิ่งอย่างอดสูเต็มพิกัด รัชชานนท์ขบกรามกรอดในท่าทีเมินเฉยของยายเด็กอวดดี เปิดประตูห้องเธอเข้าไปข้างในท่ามกลางความตกใจของเจ้าของห้องที่ยืนอ้าปากตาค้างกับการกระทำของเขา

“ก็เข้ามาสิ เราจะได้คุยกันต่อ ที่พื้น เก้าอี้ หรือว่าบนเตียง!”


*******************************************
นิยายทำมือ ‘ไฟรักเทพบุตรทมิฬ’ เปิดจองวันนี้ – 30 เมษายน 2556
พิมพ์ตามยอดสั่งจองเท่านั้น!!! สั่งจองได้ที่...
nisanujanuarynine@gmail.com



ทิพกฤตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 เม.ย. 2556, 19:17:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 เม.ย. 2556, 19:17:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1170





<< บทที่ 2 กาในฝูงหงส์ (ครึ่งแรก)   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account