ไร่แห้วไม่จำกัดรัก
น้ำ ลมและดอยต่างก็เป็นเด็กำพร้าที่อาศัยอยู่ในไร่แห้ว พวกเขากำลังจะได้พบกับความรักที่หลากหลาย และอาจได้ค้นพบหัวใจของตัวเอง
Tags: รัก แห้ว

ตอน: 31 ลมวุ่น

ไร่แห้ว...ไม่จำกัดรัก ตอนที่ 31ลมวุ่น

เสียงถอนหายใจดังขึ้นเมื่อเห็นหน้าคนที่มาใหม่ ดูเหมือนเมื่อไม่มีอรรณจะทำให้ที่บ้านวุ่นวายกว่าที่คิด เพราะปัญหาที่อรรณกำจัดไปแล้วกลับมาอีกครั้ง

ธรามองพ่อแม่แท้ๆ นั่งยิ้มแห้งๆ อยู่ เขาก็ทำหน้าเบื่อๆ แล้วอ่านหนังสือต่อเพื่อหลบเลี่ยงเรื่องที่เขาไม่ต้องการเข้าไปวุ่นวาย แม้ตาจะมองหนังสือแต่ใจเขาคิดถึงและเป็นห่วงพี่สาวมากกว่า

“ดอย พ่อกับแม่มีปัญหาจริงๆ นะ พวกเราโดยไล่ที่ ตอนนี้ไม่มีที่อยู่แล้ว เราก็เลยบากหน้ามาขอความช่วยเหลือถึงเชียงรายเนี่ย” สมบูรณ์บอกลูกชายที่เคยเข้าใจว่าจะไม่เต็มบาตร

ท่าทางของลูกชายก็ดูเอื่อยเฉื่อยแบบนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะกลายเป็นอาจารย์ไปได้ ขนาดหยิกยังไม่ค่อยรู้สึกเท่าไร เพราะเจ้าเอื้อมันแอบหยิกน้องบ่อยๆ จนเนื้อเขียวก็เคย

“คงต้องรอพี่น้ำกลับมาก่อนครับ” ธราไม่อยากหยาบคายจึงบอกไปอย่างนั้น ก่อนดีใจเมื่อน้องสาวเดินขึ้นบ้านมา แล้วก็หวาดๆ เพราะน้องสาวท่าทางเหมือนอยากกระทืบคน “เป็นอะไรน่ะ ลม”

“มากันทำไมอีก ก็ให้เงินไปแล้วนี่ฮะ พูดไม่รู้เรื่องหรือไง” อภิรมย์รู้มาจากคนงานข้างล่างว่าพ่อแม่ตนมาอีกแล้ว

“หยุดนะไอ้ลม กลับมาร้อนๆ ก็มาหาเรื่องคนในบ้านแบบนี้ อุ๊ยไม่ชอบเลยเน้อ” แจ่มจันทร์ก็ดุหลานสาวเป็นภาษาถิ่น ก่อนมองคนสองคนแล้วส่ายหน้า “พวกคุณก็จะมาทำให้คนที่นี่เขาอารมณ์เสียทำไม กลับไปเถอะ”

“เราสองคนลำบากจริงๆ จ๊ะ ตอนนี้ก็มีแค่ค่ารถแล้วก็พาครอบครัวมาขออาศัยวัดกันอยู่ เพราะเจ้าของที่ไล่ที่ จะเอาที่ไปทำศูนย์การค้าจ๊ะ” มณีรีบขอความเห็นใจ

“เฮ้อ ไม่ลำบากไม่มาจริงๆ นะเนี่ย จะเอาเงินเท่าไรอีกล่ะ อย่าเยอะนะ จะเก็บเงินไว้แต่งงาน” อภิรมย์บอกให้เงินเพื่อตัดบท

ปัญหาเรื่องพี่สาวก็มากพอแล้ว นี่ยังมีปัญหาจากทางบ้านมาอีก แฟนสาวก็ไม่ได้คุยกันมาพักใหญ่แล้ว โทรไปก็ไม่เคยเปิดเครื่อง เปิดเครื่องก็ไม่มีคนรับ กำลังหงุดหงิดใจเหลือกำลังไม่รู้จะไประบายกับใครดี นอกจากสินธร

“พ่อแม่ไม่ได้มาขอเงินเอ็ง แต่จะมาความช่วยเหลือเรื่องที่อยู่ที่กิน แล้วก็จะหาทางขยับขยายทำมาหากินน่ะ ไอ้อุ้ม เอ๊ย ไอ้ลม” สมบูรณ์พยายามอธิบายให้ลูกสาวฟัง

“จะไหวไหมเนี่ย ใครจะมีเงินทองมาหาบ้านให้อยู่ล่ะ เอาเงินเท่าไรก็ว่ามาแล้วไม่ต้องมาอีกเลยนะ ที่นี่เขาเดือดร้อนกันพอตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องการคนเพิ่มปัญหาให้หรอกนะ” อภิรมย์ไม่อยากให้เป็นปัญหาเรื้อรัง จึงพยายามตัดบทให้เงินไป

“ลมเอ๊ย พ่อแม่ก็ไม่ได้อยากจะมาขอเงินขอทองเอ็ง ขอแค่มีที่ให้พอปลูกกระท่อมอยู่ไว้เป็นเรือนตายเท่านั้นแหละวะ แกจะให้พ่อแม่หน่อยไม่ได้เรอะ” สมบูรณ์พยายามขอมากกว่าเงิน

“เหอะ ให้ที่ไปแล้วจะมีเงินมาปลูกรึไง ก็ต้องขอเงินอีกอยู่ดีนั่นแหละ” อภิรมย์พูดตรงแบบไม่ต้องถนอมน้ำใจใครทั้งสิ้น และตบท้ายด้วยว่า “ก็บอกแล้วไงว่าสมบัติทั้งหมดเป็นของพี่สาวฉัน ตอนนี้พี่สาวฉันก็ได้รับความเดือดร้อนอยู่แล้วจะตัดสินใจได้ยังไง เอาเงินไปเถอะแล้วอย่าได้มาที่นี่อีก คนที่นี่เขาอยากอยู่อย่างสงบกัน”

“พี่ที่โดนลักพาตัวน่ะเหรอ” มณีถามขึ้น ทำหน้าไม่ใส่ใจเป็นทุกข์ร้อน ออกจะเซ็งด้วย

“ทำไม!!! รู้เรื่องนี้ได้ยังไง แสดงว่าที่มานี่คิดว่าถ้าพี่สาวฉันไม่อยู่ จะขออะไรก็ได้ล่ะสิ ฝันไปเถอะ” อภิรมย์กอดอกส่ายหน้าช้าๆ “อย่าหวังเลย ถ้าพี่น้ำไม่กลับมา อย่าหวังว่าฉันจะให้อะไรนอกจากเงินก้อนเดียว ย้ำนะก้อนเดียว อย่าหวังว่าจะให้อีก เชอะ ทิ้งลูกแล้วยังมีหน้ามาขอเงินอีกเหรอ เออ ใครจะว่าไอ้ลมอกตัญญูยังไงก็ได้”

“เฮ้อ ให้มันเบาๆ หน่อยได้ไหมวะ ไอ้ลม ยังไงก็เห็นหัวของอุ๊ยมั่งโว๊ย” ขันเงินไปเตรียมสำรับด้านล่างก็ต้องขึ้นมาแล้วส่ายหน้า “มากันเหนื่อยๆ กินกันก่อนนะ อ้ายดอยทำไมไม่เอาน้ำมาให้พ่อแม่เล่า ไปเอามาสิ”

ธรามองป้าอย่างงุนงง ก่อนจะลุกไปทำตามคำสั่ง

“แม่อ่ะ” อภิรมย์ก็ทักท้วง

“แม่ไม่เคยสอนให้ขับไล่แขกที่มาบ้าน โดยเฉพาะแขกที่เป็นพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ให้เขาเลวแค่ไหน เขาก็ทำให้เรามีชีวิต จะขับไล่ไปได้ยังไง อย่าทำเลวแม้คนอื่นเขาจะทำเลวกับเรา” ขันเงินสอนหลานสาวพร้อมว่ากระทบพ่อแม่ของหลาน จากนั้นก็ให้ภารดีเอาข้าวเหนียวพร้อมขันโตกอีกชุด

สมบูรณ์กับมณีได้แต่ยิ้มแห้งๆ ลูกอีกสามคนก็อยู่ที่วัดรอเวลาที่เหมาะสม

“แล้วแม่จะให้ทำยังไง หรือจะให้รอพี่น้ำกลับมาก่อน” อภิรมย์ก็ร้อนใจ

เธออยากให้พี่สาวกลับมาเร็วๆ เพราะตอนนี้ข่าวลือเริ่มมากขึ้น เรื่องที่พี่สาวเธออาจจะไม่อยากกลับมาที่บ้านอีก แล้วอาจจะเต็มใจไปกับพวกโจรเองก็ได้

“เรื่องนี้ต้องพักไว้ก่อน ให้น้ำมาช่วยตัดสินใจจะดีกว่า เอางี้สามเดือนก่อน น้องน้ำไปซื้อห้องแถวไว้ในเมืองอยู่หลายห้อง มีห้องว่างอยู่ห้อง ให้พ่อแม่พี่น้องของน้องไปอยู่ที่นั่นก่อนก็แล้วกัน ห้องแถวสองชั้นคงอยู่ได้สบายๆ แล้วน้องก็ไปหาแผงที่ตลาดให้ค้าขายไป เอาเงินให้ไปสักก้อนให้ไปลงทุนนะ อ้ายดอยก็ช่วยน้องออกเงินด้วยก็แล้วกัน” ขันเงินตัดสินใจในท้ายที่สุด

“พี่น้ำบอกว่าควรช่วยคนที่รู้จักช่วยเหลือตัวเอง แต่พวกนี้ไม่รู้จักช่วยเหลือตัวเอง เอาแต่ขอให้คนอื่นช่วยตลอดเวลา ไม่ช่วยตัวเองแถมยังเอาภาระมาให้คนอื่นอีกต่างหาก” อภิรมย์พยายามแย้ง ไม่อยากจะข้องเกี่ยวกับคนพวกนี้

“แม่บอกว่าระหว่างรอน้องน้ำกลับมา ก็ทำแบบนี้ไปก่อนเน้อ ส่วนน้องอีกสองคนที่ยังเรียนอยู่ก็ให้หาโรงเรียนให้เรียนซะ แล้วอย่าแย้ง แม่รำคาญ แค่นี้เรายังมีปัญหาเยอะไม่พออีกเหรอ” ขันเงินพูดเป็นภาษาท้องถิ่น แล้วก็ชวนรุ่นน้องมาทานข้าวด้วยกัน “กินข้าวกันดีกว่าเน้อ ไอ้ภา”

สมบูรณ์กับมณีก็ได้แต่ทานอาหารอย่างสงบ ไม่กล้าแย้งอีกฝ่ายที่อายุมากกว่า เมื่อทานเสร็จแล้วก็มองหน้ากันกับภรรยา

“แล้วนี่ลูกๆ ได้กินอะไรแล้วหรือยังล่ะ” ขันเงินถามขึ้นหลังจากที่แจ่มจันทร์ขอตัวเข้าห้องไปนอนพักผ่อน

“ยังจ๊ะ ยังไม่มีอะไรกิน แต่คิดว่าคงพอขอข้าวก้นบาตรกินได้จ๊ะ” มณีเป็นคนตอบ

“ลมไปห่อข้าวปลาให้พี่น้องก่อนไป แล้วเดี๋ยวเอารถออกพาอ้ายดอยไปรับพี่น้องไปส่งที่ห้องแถวด้วย เอานี่กุญแจ” ขันเงินส่งกุญแจห้องแถวที่ว่างอยู่ให้ เพราะหลานสาวคนโตปล่อยเช่าราคาไม่แพง แต่จังหวัดที่คนไม่มากก็ใช่ว่าจะมีคนมาเช่าเยอะ ก่อนจะบอกตบท้าย “ลองไปดูสถานที่ก่อน มันก็อยู่ไม่ห่างจากกาดหลวงเท่าไร อาจจะพอเปิดร้านขายกับข้าวได้ ถ้าไม่อยากไปเช่าแผงในตลาดล่ะนะ แต่ถ้าให้แน่ใจว่าขายได้ก็ไปหาแผงในตลาดดีกว่าไปลองสำรวจดู”

“ขอบคุณมากจ๊ะ” สมบูรณ์ยกมือขึ้นเหนือหัวขอบคุณกับความช่วยเหลือ

“เอานี่ก็เงินทุนนะ สามหมื่นคงพอ อย่าใช้ให้หมดในคราวเดียว เพราะที่นี่คงไม่มีเงินให้เยอะนักหรอก เป็นพ่อแม่ก็ต้องหัดคิดบ้างว่า ลูกที่ทิ้งไปแล้วน่ะ เขาก็มีความจำเป็นต้องใช้เงิน อย่าถือโอกาสกับลูกที่เราคิดจะทิ้งเขามากเกินไปนะ” ขันเงินเตือนสติกลับทำให้สมบูรณ์โกรธอยู่ลึกๆ แต่เพื่อเงินก็ทำให้ได้แต่ยิ้มแห้งๆ

“ไปได้แล้ว” อภิรมย์อยากจะรีบไปให้มันเสร็จๆ ไป

ไอ้เรื่องจะทำซึ้งกับพ่อแม่ที่ทิ้งเธอกับพี่ชายคงไม่ไหว ดีเท่าไรไม่กระชากลากถู แล้วแค่ขับไล่ด้วยปาก

“ลมกับอ้ายดอยต้องเอาเงินสามหมื่นมาคืนแม่ด้วยเน้อ” ขันเงินเตือนหลานๆ

“ครับ / เจ้า” อภิรมย์รู้ดีว่ามันเป็นเงินที่สมควรต้องคืน เพราะไม่ใช่เรื่องที่จะเอาเงินของป้าไปให้พ่อแม่ แต่เพราะเป็นการตัดสินใจของป้า เธอกับพี่ชายก็ต้องเคารพ

เมื่ออยู่ในรถ สมบูรณ์ก็เปิดปากถาม “ทำไมต้องคืนเงินนี่ให้เขาด้วยล่ะ”

“ก็บอกแล้วไงว่าสมบัติทั้งหมดน่ะของพี่น้ำ จะเอาเงินป้ามาได้ไง” อภิรมย์ตอบอย่างเซ็งๆ

“โห ลำเอียงนะเนี่ย รักหลานก็ไม่เท่ากัน” มณีได้ทีก็วิจารณ์บ้าง

อภิรมย์โกรธก็เลยจอดข้างทางแล้วหันไปมองอย่างจริงจัง “ไม่รู้เรื่องอะไรก็หุบปากไปเลยนะ คิดเหรอว่าถ้าไม่ใช่เพราะป้าออกปาก ฉันกับพี่ให้เงินตั้งสามหมื่น มันเป็นเงินที่ต้องพยายามหามาเอง แล้วไอ้เงินสองหมื่นคราวก่อนน่ะ เอาไปทำอะไรหมดล่ะ”

สมบูรณ์กับมณีได้แต่นิ่งเงียบ มันหมดไปกับหวยใต้ดิน เอาเงินมาซื้อของขาย แล้วก็ลูกชายคนโตเอาไปผลาญทำให้ต้องบากหน้ามาไกล ก่อนที่เงินก้อนสุดท้ายจะหมดลง

“บอกไว้ก่อนนะ ถ้าทำห้องแถวเสียหายหรือใช้เงินฟุ่มเฟือยล่ะก็ ต่อให้เป็นช่วงที่พี่น้ำยังไม่กลับมา ก็จะไล่ออกจากห้องแถวให้หมดเลย” อภิรมย์ขู่แล้วออกรถต่อ

ธรามองผ่านกระจกมองหลังแล้วก็ถอนหายใจช้าๆ อยากให้พี่สาวกลับมาจัดการเรื่องพวกนี้เร็วๆ

เมื่อรับคนขึ้นรถอัดๆ กันแล้วบางส่วนก็ไปนั่งที่กระบะหลัง แล้วก็พาไปส่งที่ห้องแถว

“เสร็จละนะ จำไว้ว่าอย่าทำความเดือดร้อนให้กับคนเช่าห้องอื่นๆ แล้วก็อย่าพยายามเนียนไปทวงค่าเช่าของห้องอื่นๆ ด้วย” อภิรมย์พูดตรงๆ จนโดนพี่ชายกระทุ้ง “อะไรล่ะ ก็มันจริงนี่”

“ปากหมาเหมือนเคย” เอื้ออยากจะด่าน้องสาวแต่ก็กลัวต้องไปนอนวัด

“ปากจะหมาแต่ใจไม่หมา แม้แต่หมามันยังรักลูก ไม่ได้เอาลูกไปทิ้ง เพราะงั้นก้มหน้าก้มตารับกรรมไป เดี๋ยวจะไปบอกคนเช่าว่าจะมาเก็บเงินเองทุกเดือนเหมือนเคย ห้ามเอาเงินไปให้คนอื่น” อภิรมย์ยักไหล่ไม่ใส่ใจนัก

ธราได้แต่ถอนหายใจ ก่อนพูดกับน้องสาว “เดี๋ยวไปหาข่าวพี่น้ำแล้วก็ไปรับพี่พิงค์กลับบ้านดีกว่านะ”

“เออ อ้ายจะไปฮันนีมูนกับพี่พิงค์หรือเปล่า” อภิรมย์ถามโดยไม่บอกลาพ่อแม่แท้ๆ สักนิด ราวกับเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่ให้กำเนิด

“คงยังไม่ได้ไปหรอก พี่พิงค์โทรไปยกเลิกหมดแล้ว คิดว่าถ้าพี่น้ำกลับมาเมื่อไรค่อยว่ากัน ไปเที่ยวแบบนี้ มันไม่สนุกหรอก” ธราก็เช่นกัน ปกติก็เป็นคนไม่สนใจใครอยู่แล้ว พอมีเรื่องอื่นที่กำลังสนใจมากกว่าก็ยิ่งไม่สนใจมากขึ้นไปอีก

ครอบครัวกิจสมบูรณ์ก็มองอย่างอึ้งๆ ราวกับสองคนนั้นไม่เห็นหัวคนห้าคน

“แม่ดูมันสิ มันไม่สนใจพวกเราด้วยซ้ำ” เอื้อก็หันไปทางแม่ทันที

“มึงมีบ้านอยู่ก็ดีแค่ไหนแล้ว ตอนแรกนะ ไอ้อ่อนกับไอ้อุ้มมันไม่สนใจด้วยซ้ำ คิดแต่จะไล่ ถ้าไม่ใช่เพราะโดนป้ามันบังคับ มันไม่มีทางให้เรามีที่อยู่ที่กินหรอก มันแค้นพวกเรามาก” สมบูรณ์เล่าความ

“เชอะ แล้วนี่จะให้เชอรี่มาอยู่ด้วยไหม” เอื้อมองห้องแถวแล้วคิดอยากจะพาเมียมาอยู่ด้วย

“มึงพามา มึงก็หาเลี้ยงก็แล้วกัน ข้างบนมีสองห้อง ข้างล่างมีห้องนึง มึงกับเมียก็อยู่ชั้นล่างก็แล้วกันวะ” สมบูรณ์ได้แต่พูดตัดบทให้จบเรื่องไป ก่อนจะย้ายของอันน้อยนิดขึ้นไปชั้นบน

“เดี๋ยวสิพ่อ มันให้เงินมาหรือเปล่า” เอื้อก็ทวงถามหาเงินจากพ่อทันที

“ถ้ามึงอยากให้เมียมึงมาอยู่ด้วย มึงก็ไปหาเงินพามันมาเองสิวะ ไอ้ลูกเฮงซวย นอกจากผลาญเงินพ่อแม่ มึงคิดจะหาเงินเข้าบ้านมั่งไหมวะ” สมบูรณ์ไม่ให้เงินลูกแล้วก็เดินขึ้นชั้นบนไป

“เอานี่ ไปรับไอ้เชอรี่มาอยู่ด้วยนะ” มณีแอบเอาเงินให้ลูกชาย แล้วก็จะต้อนลูกอีกสองคน

อภิรมย์ยืนมองมีสีหน้าเข้มๆ รู้อยู่ว่าต้องเป็นแบบนี้ “เออลืมไป เอาเบอร์มาสิ จะได้โทรหา เดี๋ยวจะให้คนไปหาโรงเรียนให้เรียน แล้วเมื่อกี้ไปถามที่ตลาดแล้วมีแผงว่างอยู่ตรงขายกับข้าว ก็เอาเงินที่ให้ไปลงทุนก็แล้วกัน”

มณีส่งเบอร์โทรให้ แล้วมองลูกสาวทำหน้าแห้งๆ ละอายอยู่นิดๆ

อภิรมย์ได้แล้วก็บันทึกเบอร์ลงเครื่องของตัวเอง ก่อนจดหมายเลขของคนในตลาดให้ แล้วออกไปอีกรอบ ครั้งนี้พี่ชายไม่มาด้วย เพราะเธอจะให้ไปดูแผงที่จะให้คนบ้านนี้ขายของ

จากนั้นก็ย้อนกลับมาอีกรอบ อภิรมย์ก็ดักคอไว้ “เออ ถ้ามีคนมารายงานว่าทำความเดือดร้อนให้กับห้องข้างๆ ล่ะก็ เตรียมตัวไปหาที่อยู่ใหม่เองด้วยล่ะ ไม่หาให้แล้ว ไปล่ะ”

เธอเดินไปบอกผู้เช่าคนอื่นๆ ว่าไม่ต้องเกรงใจ ถ้าห้องเบอร์สามทำความเดือดร้อนให้บอกทันที จะได้จัดการ ไม่ต้องไปฟังความมาก เพราะไม่คิดจะให้เครดิตพวกนี้อยู่แล้ว

“แม่ดูมันดิ มันเห็นหัวเราไหมเนี่ย กระทืบๆ ซ้ำอยู่นั่นแหละ” เอื้อโมโห

“อดทนไว้ลูก ไม่งั้นเราจะเอาเงินที่ไหนมาเริ่มต้นชีวิตใหม่” มณีได้แต่ถอนหายใจพยายามทำให้ลูกใจเย็น

เมื่อขึ้นไปข้างบนเห็นห้องเปล่าๆ ก็ต้องถอนหายใจ เห็นสามีนั่งพิงกำแพงเปล่าๆ แล้วก็นั่งลงข้างๆ

“เฮ้อ เมื่อไรจะลืมตาอ้าปากได้มั่งวะเนี่ย” สมบูรณ์บ่นขึ้น ก่อนจะรื้อเอาของที่ขนมาจากบ้านเก่าออก

“ใจเย็นสิพ่อ ยังไงไอ้อ่อนกับไอ้อุ้มก็ลูกเรา ยังไงมันก็คงไม่ใจไม้ไส้ระกำหรอกนะ” มณีพยายามมองโลกในแง่ดีไว้

“ถ้าไม่ใช่เพราะป้ามันบอก มันคงไม่มีทางให้บ้านเราอยู่หรอก มันคงไม่มีทางให้เงินเรา แล้วป้ามันก็ไม่ยุติธรรม ดูเถอะ เอาเงินให้เรา แต่เรียกเอาเงินจากพวกมัน พวกมันไม่มีทางได้มรดกจากอีแก่พวกนั้นหรอก ขอให้พี่สาวมันไม่ได้กลับมา ขอให้ตายห่าอยู่ในป่านั่นแหละ” สมบูรณ์อ่านข่าวหนังสือพิมพ์ถึงได้รู้เรื่อง เหมือนจะมีคนต้องการให้คนรู้เรื่องที่อรรณโดนลักพาตัวไป แต่พยายามทำข่าวให้กลายเป็นอรรณสร้างข่าว เพื่อจะได้หนีไปอยู่กับชู้มากกว่า

มณีได้แต่ถอนหายใจยาว แล้วพยายามคิดถึงแต่เรื่องในวันนี้เท่านั้น

*******************************************

เสียงเอี๊ยดอ๊าดของพื้นไม้ไผ่ที่ทำง่าย ดังแบบเรื่อยๆ มีเร่งจังหวะบ้าง ผ่อนปรนบ้าง แต่ทั้งหมดเกิดขึ้นด้านข้างเธอ ไม่ใช่บนตัวเธอ เธอพลิกตัวแล้วหันไปอีกด้านอย่างอึดอัดทำให้เขาหัวเราะ ก่อนจะพักเหนื่อยแล้วนอนข้างๆ เธอ

เขาพลิกตัวแล้วขยับเข้าไปใกล้ๆ ก่อนกระซิบ “ก็จะให้ทำยังไงล่ะ มีหูตาของซานโตสอยู่เต็มไปหมด”

อรรณจึงพยักหน้าอยู่ในความมืด เมื่อเขาจะเริ่มปฏิบัติการลวงนี้ เขาก็ดับไฟในห้องแล้วเริ่มวิดพื้นตามจังหวะของเขา เร็วบ้างช้าบ้างตามอารมณ์ของเขา

“พรุ่งนี้เราจะย้ายที่อีกแล้วนะ” ดิเอโก้พูดขึ้น

“เมื่อไรเราจะไปจากป่าซะทีล่ะ” อรรณถอนหายใจยาว ไม่ใช่เพราะห่วงเรื่องงาน เมื่อเพื่อนๆ เธอต่างก็รู้ว่าถ้าเธอหายไป ภายในสองวันโดยไม่แจ้งก็ให้จัดการงานแทนเธอด้วย

“อย่าดีกว่า ออกจากป่าไป รับรองคุณจะอันตรายกว่านี้มาก ผมต้องการเวลาเตรียมการให้ญาติผม เมื่อเสร็จแล้วรับรองคุณจะได้กลับบ้าน” ดิเอโก้ยังต้องจัดการเรื่องเอกสารปลอมให้ญาติเขาอยู่

“ขอบคุณ” อรรณพูดอย่างเรียบง่าย ไม่รู้ว่าควรมีคามหวังอะไรดี

“ทำไมคุณถึงไว้ใจผมนัก ไม่กลัวเหรอว่า เวลาคุณเผลอ ผมจะฉวยโอกาส” ดิเอโก้ถามแล้วยิ้มๆ

“คุณจะทำก็ทำได้ แต่ไม่ทำแปลว่าคุณคงมีเหตุผลของคุณนั่นแหละ บอกตามตรงตอนนี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกยังไงดีล่ะนะ เอาเป็นว่าไม่ปวดหน้าปวดแขนฉันก็ดีใจแล้ว” อรรณถอนหายใจอย่างเฉื่อยชา

“ดีที่แผลไม่อักเสบหนัก กินยาแก้ไปเรื่อยๆ ก่อนแล้วกัน แผลคงไม่หายง่ายๆ โลชั่นที่คุณให้ไปซื้อลองทาดูแล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ” ดิเอโก้ไม่เห็นเธอบ่นแล้วก็รู้ว่าน่าจะดีขึ้น

“ดีขึ้นมาก แผลกำลังเป็นสะเก็ด คิดว่าคงเป็นแผลอีกนาน” อรรณทำใจไว้แล้วที่จะปล่อยให้หน้าเป็นแผลเป็น

“กลับบ้านได้ก็ไปทำศัลยกรรมซะ ยังไงหน้าตาคุณก็ไม่ใช่ของคุณคนเดียวแล้วนะ เมื่อคุณแต่งงานแล้วก็เป็นของสามีคุณด้วย ตัวคุณไม่ห่วงก็น่าจะคิดถึงใจสามีบ้างนะ” ดิเอโก้เตือนสติเธอ

เสียดาย...ถ้าเขากับเธอรู้จักกันก่อนหน้านี้ก็คงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้

“ทำไมคุณถึงเปลี่ยนความคิดได้เยอะแบบนี้ ดูเหมือนตอนแรกคุณไม่สนใจอะไรเลยนี่นะ” อรรณถามเบาๆ เพราะกลัวมีคนแอบฟัง จึงขยับเข้าไปใกล้เขามากขึ้น

“ทุกอย่างก็มีเหตุผลของมันล่ะน่า” ดิเอโก้ตอบแบบขอไปที ก่อนรวบเธอมากอดซบอก และรู้ว่าเธอก็ขืนๆ ตัวบ้าง “ต้องทำให้แนบเนียนหน่อยสิ”

อรรณก็เลยได้แต่ทำตาม คิดถึงแต่อกของสามีมากกว่า หากก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้กลับไปหาเขา

ดิเอโก้ยังต้องการเวลาในการเตรียมการบางอย่างเพิ่มเติมอีกด้วย แต่เขาก็บอกใครไม่ได้ เมื่อเขาต้องการสร้างทางเดินให้ตัวเองต่อไป

เขาเริ่มเบื่อกับชีวิตแบบเดิมๆ นี่แล้ว...

*******************************************

เขาได้แต่ถอนหายใจเพราะไม่รู้จะไปหาเธอที่ไหน กว่าจะแกะรอยมาถึงฐานที่สองได้ก็หลายวัน เพราะพวกนั้นทำทางไว้หลายทางแล้วกลบเกลื่อนร่องรอยได้อย่างมืออาชีพ แสดงว่ามีการเตรียมการมาอย่างดีทีเดียว

“คุณยังจะช่วยผมตามหาแอนนาใช่ไหม” ศิขาถามลูคัส เพราะใช้เวลามากกว่าที่ควร

“ไม่ต้องกังวล นอกจากที่เรากำลังตามร่องรอย ผมยังต้องหาแหล่งข่าวของผม เราจะตามหาแอนนาเจอแน่ เพราะเธอยังไม่ตาย” ลูคัสตอบอย่างมั่นใจ

“คุณรู้ได้ยังไงว่าไม่เกิดเรื่องร้ายกับเธอ” ศิขาถอนหายใจยาว

“ผมกำลังตามหารหัสในที่พัก ซึ่งคนของผมแอบเขียนไว้ แต่คุณอย่าบอกใครนะ เราไม่มีทางรู้ว่าจะมีคนร้ายอยู่ในกลุ่มเราไหม และจากที่พักเดิม คนของผมส่งข่าวมาว่า แอนนาได้รับบาดเจ็บแต่ยังไม่ถึงกับชีวิต” ลูคัสเล่าความแล้วพยายามสำรวจดูพื้นที่ให้ละเอียดอีกครั้ง ดูเหมือนแหล่งข่าวของเขาจะไม่มีโอกาสทิ้งเบาะแสให้เขาตามไปถูกได้

นั่นหมายถึง...ดิเอโก้อยู่ในทีมด้วย และคนอย่างดิเอโก้ละเอียดรอบคอบเสมอ และเป็นคนที่น่ากลัวที่สุดในทีม

“ถ้าคุณมีคนอยู่ในนั้น ทำไมเขาไม่ทิ้งเบาะแสให้คุณตามไปโดยเร็วล่ะ” ศิขาถามอย่างสงสัย

“ผมก็หวังให้เป็นอย่างนั้น แต่ในกลุ่มของซานโตสน่ะมีคนหนึ่งที่น่ากลัวกว่าใคร เขาชื่อดิเอโก้ ถ้าเขาอยู่ด้วยไม่ว่าอะไร เขาก็สังเกตได้ คนของผมต้องระมัดระวังหน่อย ไม่งั้นอาจะผิดสังเกตได้ คราวก่อนคนของผมก็หายไปไม่ติดต่อมา นั่นเพราะเขากำลังโดนดิเอโก้สงสัย เขาเลยไม่กล้าขยับตัวทำอะไร” ลูคัสอธิบายความ

“ดิเอโก้เหรอ คนที่เคยแอบมาเจอกับแอนนานี่” ศิขาพูดขึ้น

“เขาคงสนใจภรรยาคุณเหมือนกัน” ลูคัสรู้ว่าอรรณมักดึงดูดผู้ชายแบบดิเอโก้ได้ดี

เขาก็ยอมรับว่ายังไม่ลืมความรู้สึกดีๆ ที่มีให้เธอ เมื่อมองศิขาที่ท่าทางแตกต่างจากเขา ก็ต้องสงสัยทำไมเธอจึงยอมใช้ชีวิตร่วมกับคนในแบบที่แตกต่างจากเขากับดิเอโก้แบบนี้

ผู้ชายใจร้อนอย่างศิขาไม่น่าใช่แบบที่เธอชอบ...

เมื่อมาคิดว่าศิขาเป็นคนซื่อสัตย์ ทำงานจริงจัง แม้จะไม่ละเอียดอ่อน แต่ก็เป็นคนจริงใจ ไม่เหมือนผู้ชายที่กะล่อนหลอกลวงหรือเหลี่ยมจัด ก็คิดว่าไม่น่าจะแปลก

“เรื่องที่คุณได้รับแจ้งมาว่าเจอคนที่ทางซานโตสจ้างไปน่ะว่าไงบ้าง” ลูคัสถามขึ้น เริ่มรู้สึกเห็นหนทางไปได้อีก

“เห็นว่าโดนลากไปเซฟเฮาส์เพื่อเค้นความจริง แต่ท่าทางจะเป็นพวกปลายแถว ไม่ค่อยรู้เรื่องหัวหน้าเท่าไร อีกอย่างฟังภาษาอังกฤษไม่ค่อยออกด้วย ก็เลยไม่ค่อยรู้เรื่องอีกอย่างมันก็ออกจากป่าตั้งแต่เขาย้ายไปจากที่นี่ ก็เลยไม่มีประโยชน์เท่าไร แต่ใส่ร้ายโรสไปเยอะ” ศิขาบอกอย่างเคร่งขรึม เขาย่อมรู้ว่าภรรยาโดนใส่ร้ายอะไรบ้าง

“เขาว่าโรสหนีตามพวกนั้นมากกว่าใช่ไหมล่ะ คุณคงรู้นะว่าโรสไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน” ลูคัสเชื่อมั่นใจตัวเพื่อนสาว

“เรื่องนั้นผมก็มั่นใจ แต่พอข่าวลือออกไป เธอก็เสียหายอยู่ดี คนไทยเขาถือเรื่องพวกนี้อยู่นะ โดยเฉพาะในแถบท้องถิ่นละแวกบ้านของแอนนาน่ะ” ศิขาอธิบายความ แล้วก็ถอนหายใจยาว คิดว่าอรรณคงไม่คิดมากเรื่องพวกนี้

“แล้วแม่คุณล่ะ ผ่าตัดเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ลูคัสจึงเปลี่ยนเรื่องแทน เพราะดูแล้วมันเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจได้

“เรียบร้อยดีแล้วล่ะ คุณว่าเราจะตามทันไหม” ศิขาร้อนใจอยากช่วยอรรณให้เร็วที่สุด เพื่อให้ความเสียหายกับเธอลดลง

“คนของผมเริ่มเห็นรูปแบบแล้วล่ะ คิดว่าไม่นาน เราคงจะรู้ว่าพวกเขาใช้เส้นทางไหนในการเดินทางแน่ๆ การที่เราจะเดินทางโดยไม่ได้ตรวจสอบก่อน มันจะยิ่งทำให้เราเดินทางช้าลงไปอีกนะ ผมรู้ว่าการติดตามของเราอาจจะยังไม่ทันใจคุณ แต่ก็ดีกว่าไปหลงทางกันในป่า วกไปเวียนมา การแกะรอยอาจใช้เวลาสักหน่อยนะ ใจเย็นๆ ก่อน” ลูคัสเตือนสติ เพราะเขาก็ไม่คุ้นเคยกับที่นี่ และอีกฝ่ายก็จงใจหลอกไว้หลายเส้นทาง

ศิขาก็ได้แต่หวัง...หวังว่าเธอจะใจเย็นและรอความช่วยเหลือ ขอให้เธอไม่ถูกบีบคั้นให้ต้องเลือกทางชีวิตที่สั้นที่สุด ไม่อย่างงั้นเขาคงได้แต่โทษตัวเองไปชั่วชีวิตที่ไม่อาจดูแลภรรยาได้

เข้มแข็งไว้นะ...

*******************************************

ทางฝ่ายบ้านป่าก็ดูจะอึดอัดหงุดหงิด อภิรมย์แทบไม่มีอารมณ์ทำงาน เพราะติดต่อน้องไม่ได้มากว่าครึ่งเดือนแล้ว เรื่องของพี่สาวก็ดูเงียบไปจนแทบจะหมดหวัง แต่คนแก่ๆ ในบ้านก็ยังพยายามจะมีความหวังอยู่

เสียงที่ดังอยู่แค่ในความคิดเธอ อยากจะโวยวายให้มากกว่านี้แต่ก็สงสารคนที่อยู่ในบ้าน ความวุ่นวายใจระดับนี้ไม่ส่งผลดีกับเธอเลย ตอนนี้เหลือเพียงสินธรเท่านั้นที่เป็นเพื่อนคอยรับฟังความทุกข์ใจของเธอ

แม้บ้างครั้งเธอจะโทรไปแล้วเงียบ เพราะได้พูดทุกสิ่งที่ตัวเองรู้สึกไปหมดแล้ว ขณะที่สินธรเองก็ได้เธอนี่แหละที่คอยรับฟัง หลังจากเธอระบายความอัดอั้นตันใจ แม่เขาสุขภาพดีขึ้นเป็นลำดับ ต้องฝึกหัดกายภาพกันยาว ทำให้เขาไม่ค่อยมีเวลา

อภิรมย์นั่งลงถอนหายใจอีกรอบแล้วนั่งมองไปทางถนนแคบๆ ของบ้าน เฝ้ารอวันที่พี่สาวจะกลับมา แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อมองเห็นหมายเลขเธอก็ดีใจ

“น้องจ๋า น้องที่รักของพี่ลม” อภิรมย์รีบทักทายเสียงหวาน แสนสุดจะคิดถึงแฟนสาว แต่ก็ต้องแปลกใจ เมื่อได้สติจากเสียงร้องไห้จากปลายสาย

“พี่ลมลืมน้องซะเถอะนะ ต่อไปนี้คงไม่ได้เจอกันแล้ว” น้องพยายามกลั้นสะอื้น

“มันเกิดอะไรขึ้นน้อง ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ เดี๋ยวน้องก็ต้องกลับมารับปริญญาไม่ใช่เหรอ” อภิรมย์เริ่มใจเสียเหมือนตอนนี้ของมีค่าในชีวิตกำลังหลุดลอยไปทีละอย่างสองอย่าง

“พี่ลมลืมน้องเถอะ น้องจะต้องไปอยู่เมืองจีนแล้ว ที่น้องไม่ได้โทรหาพี่ ที่บ้านน้องเขาไม่อยากให้น้องแต่งกับพี่ลม เขาเลยให้แม่สื่อหาคู่ให้ พอน้องกลับมารอบนี้ เขาก็แอบจัดการลับหลังน้อง พอถึงได้โอกาสเขาก็ยึดมือถือยึดเน็ตทำให้น้องติดต่อพี่ไม่ได้ แล้วบังคับน้องแต่งงานกับลูกชายเพื่อนลุงที่เมืองจีน นี่เขาคืนมือถือให้น้องแล้ว แต่น้องกำลังจะลงเรือไปเมืองจีน ลาก่อนนะพี่ ชาตินี้เราบุญน้อยไว้ชาติหน้านะพี่” น้องโดนตัดสายแล้วปิดเครื่อง และยึดทุดอย่างไปจากเธอ

อภิรมย์เป็นนิ่งอึ้ง ทีนี้ก็ปล่อยโฮเสียงดังลั่น จนป้าต้องมาดู

“เฮ้ยๆๆๆ เป็นอะไรวะ ไอ้ลม” ขันเงินมองหลานทุบแคร่ไม้ไผ่ ร้องไห้เสียงดังลั่น พอไม่สะใจก็ลงจากแคร่ไปนั่งร้องไห้อยู่บนดิน ทุบดินแรงๆ

“เกิดอะไรขึ้น ไอ้ลม” แจ่มจันทร์ค่อยๆ เดินลงบ้านมาดูหลานอีกคน

“นะ...น้อง...แต่งงานแล้ว” อภิรมย์เงยหน้าแหกปากร้องไห้หนักกว่าเดิม

“แต่งงานแล้ว?” ขันเงินทวนคำ แล้วก็พาป้ามานั่งมองหลานสาวที่กำลังเสียใจอาละวาดกับดิน แหกปากดังลั่นไม่อายใคร

อภิรมย์ระบายอารมณ์จนแทบจะเป็นลม ก่อนจะนอนกับดินแบบคลุกฝุ่น มองใบไม้ของต้นมะม่วง ก่อนจะนิ่งเงียบไปนาน

แจ่มจันทร์กับขันเงินไม่เคยเห็นหลานสาวเป็นแบบนี้มาก่อน คงเพราะเรื่องของอรรณด้วยทำให้หลานสาวคนเล็กกลายเป็นแบบนี้ ทั้งสองจึงนั่งรอจนหลานสาวตั้งสติได้และคงจะพูดเอง

อภิรมย์สงบได้พักใหญ่ก็เริ่มเล่าความ แล้วก็ร้องไห้อย่างสงบ เพราะเหนื่อย

“เฮ้อ พ่อแม่เขาก็คงอยากให้ลูกสาวเขาได้กับผู้ชายล่ะนะ เขาถึงรีบจับลูกสาวเขาแต่งงาน เอาน่าอายุยังน้อยอยู่ยังจะมีคนดีๆ เข้ามาอีกเยอะ อย่ายึดติดเลยนะ”แจ่มจันทร์ก็ได้แต่ปลอบหลานสาวอย่างใจเย็น

“น่าผู้หญิงดีๆ ยังมีอีกเยอะ ยังไงก็คงได้แต่งงานเข้าสักวัน” ขันเงินก็ปลอบใจหลานสาว

“ฉันขึ้นไปนอนในห้องก่อนนะแม่ อุ๊ย” อภิรมย์ที่เคยพูดมากก็พูดน้อยไปถนัด อยากนอนเผื่อสติจะกลับมา

“อาบน้ำอาบท่าให้ชื่นใจก่อน แล้วค่อยนอน” ขันเงินเตือนหลานสาวด้วยความสงสาร

อภิรมย์พยักหน้าช้าๆ แล้วค่อยๆ เดินขึ้นบ้าน อยากจะล้มลงนอนบนเตียงแต่ตัวก็มีแต่ฝุ่น จึงนอนบนพื้นเปิดแอร์แล้วแผ่หลาหลับแบบสลบไปเลย

ใจอยากจะพัก เพราะปัญหายังมีรออยู่อีกมาก

*******************************************

หลังจากการย้ายไปที่หลบที่สี่ได้พักหนึ่ง แต่ระหว่างทางดันเต้ต้องย้อนกลับมาเอาหลักฐานที่เดิม เพราะซานโตสลืมหลักฐานไว้ แต่กลับกลายเป็นเขาที่ต้องจัดการเอง เขาเห็นที่หลบภัยเก่ายังไม่มีตำรวจติดตามมา เขาก็เลยเดินไปที่กระท่อมของซานโตส ถอนหายใจยาว เมื่อเห็นของยังวางอยู่ที่เดิม ก็เอาใส่กระเป๋า ก่อนตกใจเมื่อมีคนกระแทกประตูเข้ามา

แล้วเขาก็มองผู้ชายที่เข้ามา ศิขาเข้ามาได้ ก็จะดึงคอเสื้อของดันเต้ แต่ดันเต้ถอยแล้วก็ซัดกับศิขาเข้าให้ สู้กันอยู่พักหนึ่ง ก่อนลูคัสกระชากศิขาออกแล้วผลักดันเต้ไปอีกทาง

แล้วสามหนุ่มก็มองกันไปกันมา สุดท้ายแล้วลูคัสให้ไปพูดภาษาสเปนกับดันเต้ที่ศิขาฟังไม่ออก ทั้งสองตอบโต้กันอยู่พักหนึ่ง ก่อนดันเต้พยักหน้าช้าๆ

จากนั้นลูคัสค่อยหันมาคุยกับศิขา “เขาตกลงจะให้ความร่วมมือแลกกับการที่เขาจะได้ไปจากซานโตสนะ เพราะเขาก็เบื่อที่จะต้องคอยตามล้างตามเช็ดให้ซานโตสอยู่แบบนี้”

“แล้วถามเขาหรือยังว่าแอนนาเป็นยังไงบ้าง” ศิขาเห็นว่าอีกฝ่ายพูดแต่ภาษาสเปนก็เลยต้องอาศัยลูคัสเป็นล่าม

ลูคัสหันไปถาม ดันเต้ก็ตอบกลับเป็นภาษาเดียวกัน แต่คำตอบทำให้ลูคัสหน้าเสีย แล้วก็ขมวดคิ้วอย่างงุนงง ไม่อยากจะเชื่อว่านั่นคือนิสัยของเพื่อนสาว

“แน่ใจเหรอ” ลูคัสถามซ้ำเป็นภาษาสเปน

“ใช่ ตอนนี้เธอเป็นคู่ขาของดิเอโก้แล้ว ไม่รู้ว่าเธอจะยังอยากกลับบ้านไหม” ดันเต้ตอบอย่างมั่นใจ เขาแอบฟังอยู่หน้าห้องหลายทีแล้ว จนมั่นใจว่าคนในห้องกำลังทำอะไรอยู่

ลูคัสฟังคำยืนยันแล่วก็ต้องขมวดคิ้ว ไม่อยากเชื่อถือคำพูดอีกฝ่ายเท่าไร แต่ไม่น่าจะมีเหตุผลอะไรที่อรรณจะร่วมมือกับดิเอโก้ คนอย่างดิเอโก้เป็นคนที่อ่านยาก แม้แต่สายที่ส่งเข้าไปยังไม่แน่ว่าจะอ่านดิเอโก้ได้ทะลุปรุโปร่ง

เขาหันมาหาศิขาอีกรอบ ถามให้แน่ใจ “คุณอยากจะรู้แน่เหรอ”

“แน่สิ เมียผมทั้งคนนะ ผมจะไม่อยากรู้ได้ยังไง หรือมีอะไรเลวร้ายอย่างนั้นเชียว” ศิขาถามอย่างงุนงง

ลูคัสอธิบายความตามที่ดันเต้บอกแล้ว ก็จริงอย่างที่คิดไว้ว่าศิขาต้องรับไม่ได้ เขาต้องกันศิขาออกให้ห่างจากดันเต้ ก่อนจะตะลุมบอนกัน

“แกโกหก น้ำไม่มีทางทำแบบนั้นแน่” เขาโกรธจัดจนลืมพูดภาษาไทยออกไป

“ใจเย็นก่อนสิ พวกผมฟังคุณพูดไม่รู้เรื่องหรอกนะ” ลูคัสต้องเตือนสติศิขา

ศิขาก็พยายามสงบจิตใจ ก่อนพูดอย่างเชื่อมั่น “ไม่ว่าไอ้บ้านี้จะพูดอะไร ผมไม่มีวันเชื่อสิ่งที่มันพูดแน่นอน โจรน่ะจะโกหกพลิกลิ้นยังไงก็ได้ แต่มันไม่มีวันพูดแทนคนที่ผมรักได้แน่นอน”

“ผมไม่ได้โกหก ผมแอบฟังให้แน่ใจอยู่หลายคืน ใช่แน่นอน” ดันเต้พูดภาษาอังกฤษชัดเจน

“ก็แล้วแต่แกจะเชื่อ” ศิขาโมโห จึงเดินหนีออกไปนอกกระท่อม

“เอาล่ะ ผมขอข้อมูลในการหลบหนีของพวกซานโตสหน่อย จะได้ไปตามหาคนพร้อมจับกุม” ลูคัสได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเองต่อ

การจะเอาตัวรอดได้นั้น เขาเชื่อว่าอรรณคงปรับตัวไปตามสถานการณ์มากกว่า ขณะที่สามีเธอคงรับไม่ได้ เพราะวัฒนธรรมที่แตกต่างนั่นเอง

*******************************************
สวัสดีค่า
มาโพสต์นิยายตอนต่อ
ถ้าอาทิตย์นี้ไม่โพสต์เห็นทีจะทำให้คนอ่านคันหัวใจมากขึ้นค่า
น้องน้ำก็ยังไม่ออกจากป่านะคะ แต่อาทิตย์หน้าน่าจะออกแน่นอนค่า
ขอบคุณที่ติดตามนิยายค่า



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 เม.ย. 2556, 16:12:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 เม.ย. 2556, 16:12:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 1671





<< 30 เบาะแส-ลบ   32 พ้นภัยแรก >>
ตุ๊งแช่ 26 เม.ย. 2556, 16:33:55 น.
ตอนหน้าๆๆๆๆ มาไวๆน๊า


saralun 26 เม.ย. 2556, 17:42:16 น.
เป็นกำลังใจให้ค่า


heartlogue 26 เม.ย. 2556, 18:02:00 น.
น้องน้ำโดนเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว


anOO 26 เม.ย. 2556, 18:11:02 น.
ทำไมพี่หินไม่เชื่อใจน้ำบ้างเลย งอแงอีกแล้วนะ


konhin 26 เม.ย. 2556, 21:31:39 น.
เค้าบอกว่าจะรู้ว่าเค้ารักเราเท่าไหรก็ตอนลำบากแบบเนี้ยแหล่ะ ถ้าพี่หินผ่านไปไม่ได้ก็สมควรเลิก


ใบบัวน่ารัก 2 พ.ค. 2556, 22:18:19 น.
มาแล้วววววจ้า ยังไงก็มา
มาตามน้องน้ำออกจากป่าและคนใจร้ายก่อน
ไปทำสวยที่ยันฮี


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account