ไร่แห้วไม่จำกัดรัก
น้ำ ลมและดอยต่างก็เป็นเด็กำพร้าที่อาศัยอยู่ในไร่แห้ว พวกเขากำลังจะได้พบกับความรักที่หลากหลาย และอาจได้ค้นพบหัวใจของตัวเอง
Tags: รัก แห้ว

ตอน: 32 พ้นภัยแรก

ไร่แห้ว...ไม่จำกัดรัก ตอนที่ 32 พ้นภัยแรก

สายตาของเธอมองเขาที่กำลังเตรียมตัวเก็บของ นี่เป็นที่หลบภัยที่สี่ ดูเหมือนเขาจะต้องไปที่ไหนสักแห่ง เพราะตั้งแต่เขาเข้ามา เขายังไม่บอกเธอเลยว่าเขาจะไปไหน เขาที่ซึ่งเป็นที่พึ่งของเธอ จนถึงเดี๋ยวนี้กำลังจะไปที่ไหนสักแห่ง

ดิเอโก้หันมามองเธออีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาต้องไปจัดการธุระเอง และก็บอกเธอไม่ได้ ทั้งยังพาเธอไปด้วยไม่ได้อีกด้วย “ผมต้องไปธุระสามวัน เดี๋ยวผมจะให้กุญแจคุณไว้ ผมรู้ว่าคุณอยากจะหนี แต่หวังว่าคุณจะรู้ว่าข้างนอกค่ายอันตรายมาก คุณอาจจะเจอทหารชาวพม่า และคงรู้นะว่าพวกเขาจะทำอะไรถ้าเจอคุณ ต่อให้หน้าคุณมีแต่แผลก็เถอะ เพราะงั้นล็อกตัวเองอยู่ในห้องจนกว่าผมจะกลับมาดีกว่านะ”

เขาเตือนเธอด้วยความเป็นห่วง...แต่เธอจะเชื่อแค่ไหนนั้น เขาไม่อาจคาดเดาได้ ถ้าเธอคิดหนีก็แล้วแต่เธอ ตอนนี้เขามีเรื่องที่ต้องจัดการและสำคัญมากกว่า

“แล้วคุณจะกลับมาเมื่อไร” อรรณไม่คิดจะหนีไป ถ้าอีกฝ่ายไม่คิดจะเข้ามาทำร้ายเธอ

“เอานี่ เก็บไว้ป้องกันตัว” ดิเอโก้ยื่นมีดพับให้เธอ ก่อนบอกอย่างเป็นห่วง “อย่าไปยั่วโมโหซานโตสล่ะ ผมไม่อยู่แบบนี้ไม่มีใครห้ามเขาได้ ดันเต้ก็ยังไม่กลับมา จริงๆ ต้องบอกว่าไม่มีใครห้ามซานโตสได้สักคน อย่างผมเขายังเกรงใจอยู่บ้าง เพราะยังไงผมก็เป็นญาติเขา”

“ขอบคุณมาก” อรรณรับมาแล้วค่อยสบายใจ อย่างน้อยยังมีอะไรป้องกันตัว

“ผมไม่อยากให้คุณคิดสั้นนะ ถ้าไม่จำเป็นอย่าทำร้ายตัวเองอีก” ดิเอโก้เตือนแล้วให้เธอเดินไปส่งที่ประตูกระท่อม เขาไขกุญแจออกแล้วส่งให้เธอ เป็นกระท่อมที่สร้างแบบเดียวกับอีกสามค่ายที่ผ่านมา “ล็อกประตูซะ คนที่เขาจะเติมน้ำให้ เขาจะใส่ขวดส่งให้ทางหน้าต่าง ซาสโตสน่ะ ไม่มีทางตัดน้ำตัดอาหารคุณหรอกนะ ที่น่ากลัวคือเขาจะพังประตูเข้ามามากกว่า เพราะงั้นพยายามอย่าไปกวนอารมณ์เขาก็แล้วกัน”

อรรณได้แต่รับคำ รู้สึกโหยหาเขาในยามที่ต้องอยู่ตามลำพัง ถ้าไม่ได้เขาเข้ามาช่วยในยามที่กำลังใกล้ตาย เธอก็คงไม่มีความหวัง

************************************

เสียงถอนหายใจดูจะกลายเป็นเพื่อนของเขาได้ไม่ยาก ยิ่งช่วงนี้งานไม่ยุ่งเหมือนทุกที ทำให้เขามีเวลาคิดมากเกินความต้องการ ยามนี้เขาให้รู้สึกเหนื่อยหน่ายเสียเหลือเกิน

“นี่กรวด พี่ชายลูกจะกลับมาเมื่อไร” กุลสิริทำใจเย็นถามลูกชาย เธอต้องทำกายภาพอยู่หลายอย่าง จึงต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบใจตัวเอง

“ก็ไปราชการน่ะฮะ อีกนานกว่าจะกลับ” สินธรก็ได้แต่บอกแบบนั้น เพราะเขายังไม่ได้บอกแม่ว่าพี่สะใภ้ถูกลักพาตัวไปเป็นเดือนแล้วยังไม่เจอตัว

“ทำไมน้ำเขาไม่มาเยี่ยมแม่บ้างเลยนะ หรือยังโกรธแม่ก็ไม่รู้” กุลสิริฟังจากคำบอกเล่าของลูกชายแล้วก็รุ้ว่าตัวเองทำผิดไปมากกว่าที่เคย

“พี่น้ำไปทำงานต่างประเทศฮะ อีกพักใหญ่กว่าจะกลับ ก็นะ พี่หินก็ไม่อยู่ เพื่อนเขาเสนองานให้ก็เลยตั้งใจทำงานหาเงินมาช่วยค่าหมอไงฮะ” สินธรก็ต้องคอยตอบคำถามของแม่

“นี่แม่ไม่รู้ว่าจะขอบคุณหรือขอโทษหนูน้ำก่อนดี สมองแม่มันเล่นตลกกับแม่มากเหลือเกิน” กุลสิริรู้สึกผิดอย่างมากที่ไปป่วนชีวิตคู่ของลูกชาย

“โธ่แม่ พี่น้ำน่ะเขาเป็นคนใจดีเหมือนแม่นั่นแหละ เขาไม่มีทางโกรธแม่หรือถือสาแม่หรอกนะ แม่พักผ่อนให้มากๆ แล้วกัน แม่หายไวเท่าไหร่ ก็ช่วยให้พี่น้ำเบาใจได้เท่านั้น” สินธรปลอบแม่แล้วปล่อยให้แม่พักผ่อน

เขาออกมานอกห้องคนไข้รวมที่เล็กที่สุด เพราะไม่มีทางเลือกมากนัก ก่อนกดโทรศัพท์ออกหาเพื่อนที่ตอนนี้สนิทกับเขามากกว่าใคร

“เออ มีอะไร กำลังทำนาอยู่” อภิรมย์ทำงานแก้เซ็ง เพราะดีกว่าอยู่เฉยๆ รอกับความเงียบที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะมีคำตอบของคำถามอย่างที่เธอต้องการ

“เฮ้อ เบื่อน่ะ ขี้เกียจตอบคำถามแม่ เลยออกมาซื้อของกิน ก็โทรหาแกเนี่ยแหละ” สินธรบอกเพื่อนสาวแล้วถอนหายใจยาว

“ดี จะได้ระบายมั่ง” อภิรมย์ก็พอรู้ว่าสินธรมีนิสัยผู้หญิงอยู่มั่งที่ชอบพูดชอบระบาย แต่ก็มีนิสัยผู้ชายตรงที่ ถ้าไม่ใช่คนที่เขาไว้ใจ เขาจะไม่พูดด้วยแบบนี้

“เศร้านะ เมื่อไรพี่ๆ จะกลับมาก็ไม่รู้ จะได้มาตอบคำถามแม่แทน มันคันปากอยากจะบอก แต่ก็กลัวว่าแม่จะช็อกแล้วแทนที่สุขภาพจะดีขึ้นกลับจะเครียดไปเปล่าๆ” สินธรบ่นทั้งที่รู้ว่ายังไงก็บอกแม่ไม่ได้

“รู้ก็ดีแล้วล่ะ” อภิรมย์ได้แต่ทำใจเย็นให้มากเข้ารอเวลาที่พี่สาวจะกลับมา

“ถ้าพี่น้ำกลับมาแล้วแม่หายดีแล้ว เราไปเที่ยวมัลดีฟกันไหม” สินธรถามขึ้น พอดีหันไปเจอใบปลิวในถังขยะ

“นายว่าพี่น้ำจะได้กลับมาไหม เฮ้อ ความหวังมันลดลงเรื่อยๆ แล้วนะ มันเป็นเดือนแล้วที่พี่น้ำโดนลักพาตัวไป” อภิรมย์มองแสงแดดแล้วถอนหายใจยาว อากาศร้อนมากยังไม่พอ เวลาก็ช่วยดับความหวัง

พี่เขยก็ไม่ออกมาจากป่า ข่าวที่ส่งเข้าไปไม่รู้ว่าจะถึงคนรับไหม ศิขาไม่ยอมเสียเวลาค้นหาแม้แต่น้อย ท่านสุชาติจึงสั่งไว้ว่าทุกเบาะแสให้ส่งเข้าป่า เพราะทางนั้นจะส่งสัญญาณและทิ้งสัญลักษณ์ไว้ตลอดทาง

“เฮ้ย เรื่องแบบนี้ห้ามท้อ โว๊ย!!! ยังไงพี่น้ำก็ต้องกลับมา แล้วแกก็ต้องไปเที่ยวกับฉัน” สินธรพูดน้ำเสียงเด็ดขาด

“เออ อืม” อภิรมย์เห็นสินธรจริงจังก็งงอยู่บ้าง

“ห้ามเบี้ยวนะโว๊ย คนยิ่งเซ็งๆ อยู่” สินธรกระแทกลมหายใจอย่างเบื่อๆ

“เออ ไม่เบี้ยวหรอกนะ รอพี่น้ำปลอดภัยกลับมาก่อนแล้วกัน รอแม่แกดีขึ้นเยอะๆ ด้วย” อภิรมย์ได้แต่รับคำแล้วตัดบทวางสาย “แค่นี้ก่อนนะ จะลงต้นกล้าให้เสร็จ”

“ได้ๆ แล้วเดี๋ยวเย็นๆ โทรหานะ” สินธรรับคำเพื่อนอย่างง่ายๆ

เขากลายเป็นคนติดเพื่อนไปเสียแล้ว คาดว่าเพราะเขากับเธอต่างก็เจอเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อความรู้สึกด้วยกันทั้งคู่ และต่างก็เข้าใจและเห็นใจกัน ส่วนหญิงสาวที่เขาเคยคุยด้วยก่อนหน้านี้ เขาแทบไม่คุยด้วยอีกหลังจากเอาคืนอย่างสาสม

อย่ามาดูถูกคนอย่างเขา...

***************************************

เสียงขยับร่างกายเป็นจังหวะดังขึ้นเรื่อยๆ ใต้ร่างเขาดูเฉื่อยชา นอนนิ่งให้เขาทำตามใจชอบ สายตาดูเลื่อนลอยไร้ความรู้สึก อยากให้เวลาผ่านไปเร็วๆ หรือตายไปซะ หากเธอก็ไม่กล้าทำลายชีวิตตัวเอง แม้ชีวิตจะบัดซบแค่ไหนก็ตาม

“โธ่ โว๊ย!!!” เมื่อเขาไม่ได้อย่างใจ เพราะอีกฝ่ายไม่มีอารมณ์ร่วม ไม่ขัดขืนหรือสนุกไปกับมัน เขาถึงได้คิดถึงสิ่งที่ญาติบอก เขาถอยออกมาจากร่างที่นิ่งเงียบ แล้วกระแทกลมหายใจ ก่อนกระชากร่างบางนั้นออกจากที่นอน

“มึงออกไปเลยนะ อีนี่แม่งไม่มีความรู้สึกอะไรเลย เสียเวลาชะมัด” เขาเหวี่ยงร่างบางไปที่นอกชาน ก่อนกวักมือเรียกคนใหม่แทน แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ แต่งตัวแล้วบอกให้หญิงสาวคนใหม่รอก่อน

เขาเดินไปที่ประตูซึ่งปิดล็อกจากข้างใน ดูเหมือนญาติเขาจะหวงแม่สาวนี้อยู่มาก แต่เขาเป็นคนพาหล่อนมา ไหนๆ ก็ต้องนอนกับซากศพอยู่แล้ว จะนอนกับซากศพในห้องจะเป็นไรไป เขาจึงกระแทกประตูอย่างแรง

“นี่ เปิดประตูหน่อยสิ” ซานโตสตะโกนลั่นหน้ากระท่อม

อรรณที่อยู่ในกระท่อมจึงแกล้งทำเป็นหลับแล้วอยู่อย่างเงียบๆ ถึงแม้จะเป็นช่วงกลางวัน แต่ดูเหมือนแสงสว่างจะไม่เป็นอุปสรรคของเขายามที่เขาต้องการ

บาดแผลที่หน้าเธอยังไม่หายดีนัก แต่แผลก็ใกล้จะแห้งแล้ว ทำให้เริ่มคันที่หน้าและแขน หากเธอก็ไม่มีทางเลือกนัก ได้แต่รอความช่วยเหลือจากสามีมากกว่า

เสียงกระแทกประตูยังดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีใครกล้าห้าม เพราะตอนนี้เขาเป็นนายใหญ่ของที่นี่ ใครจะกล้า

ซานโตสเหนื่อยก็เตะประตู ก่อนจะตะโกนเรียกเอาขวาน ทำเอาอรรณแตกตื่น รีบเอามีดพกออกมาแล้วหันเข้าหาตัวเอง

ในที่สุดก็วันที่สามที่ดิเอโก้ไม่อยู่ แล้วก็เป็นวันน่ากลัวของเธอด้วย ทั้งที่ดิเอโก้บอกว่าจะกลับวันนี้ แต่ก็ยังไม่กลับมาสักที นี่ก็เพิ่งเช้าตรู่ของวัน เธอสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

เธอแน่ใจมากขึ้นเมื่อเขาสั่งให้เอาขวานมา คาดว่าเขาคงจะพังประตูเข้ามาแน่แล้ว เธอกำมีดแน่น คิดแต่ว่าตายเป็นตาย ไม่มีวันที่เธอจะยอมให้ผู้ชายอย่างซานโตส

เสียงเต้นของหัวใจดังระทึก เมื่อประตูบานแรกพัง ประตูบานที่สองกำลังมีเสียงขวานกระทบดังขึ้นเรื่อยๆ สักพักก็ได้ยินเสียงแตกหัก แล้วซานโตสก็มีสีหน้าโกรธจัดมาก เพราะเขาต้องเสียงแรงไปมากกับประตู

เธอไม่ได้หันมีดพับไปทางเขา แต่หันเข้าหาตัวเอง

“ทีไอ้ดิเอโก้ แกให้มันเอาแทบทุกคืน ทีฉันเห็นหน้าก็เอามีดจ่อคอ รู้ไหมว่ามันเหนื่อยแค่ไหนที่เอาเธอมาที่นี่ ฉันต่างหากที่ต้องได้เธอไม่ใช่ไอ้ดิเอโก้” ซานโตสตะคอกเสียงดังลั่น

ขณะที่อรรณไม่พูดกับเขาสักคำ เพราะคิดว่าการพูดจะเป็นการยั่วโมโหเขา หากครั้งนี้ทำให้เธอได้คิดว่า มันให้ผลตรงข้าม เมื่อเขาปาดเข้ามาอย่างเร็ว แล้วเอามือคว้าปลายมีดไว้ ทั้งเลือดเธอและเขาก็ผสมกัน

เธอกรีดร้องเสียงดังลั่น พยายามจะถอยไปให้ไกล แต่เขาคว้าเธอเอาไว้แน่น

“คิดเหรอว่าเธอจะหนีฉันพ้น ต่อให้ไม่สวย ฉันก็ต้องได้เธอ” ซานโตสจับเธอบิดข้อมือแล้วเอามีดโยนทิ้ง

เขาไม่สนว่ามือจะมีแต่เลือด เขาโยนเธอลงบนเตียง แล้วพยายามฉีกเสื้อผ้าเธอออก แล้วซุกหน้าที่ซอกคอเธอ ขณะที่เธอพยายามดิ้นรน กรีดร้องต่างๆ นานา

หากสักพักเธอกับเขาก็ต้องตกใจ เมื่อเขาโดนกระชากออกมาไปให้ห่างจากตัวเธอ

“อะไรวะ” ซานโตสหงุดหงิดอย่างแรง

“คุณต้องหนี พวกมันตามกันมาหมดแล้ว แถมไม่พอนังนี่ก็แหกปากร้องลั่นป่า พวกมันตามมาถูกแน่” ดันเต้รีบกระชากซานโตสออกจากกระท่อม แต่ซานโตสสะบัดแล้วกลับไปลากอรรณไปด้วย

“ในที่สุดนังนี่ก็มีประโยชน์” ซานโตสลากเธอออกจากกระท่อมอย่างแรงและรวดเร็ว แรงมหาศาลของเขาทำให้อรรณไม่อาจขัดขืนได้สะดวก จึงโดนลากไปอีกทางตามการนำทางของดันเต้

“แกหายหัวไปไหนมาหลายวัน แล้วได้พาสปอร์ตฉันหรือเปล่า” ซานโตสถามขึ้น เขาไม่น่าประมาทลืมพาสปอร์ตอีกอันไว้ที่พักเก่า จนดันเต้ต้องไปเอามา

“แน่นอนอยู่แล้วว่าแต่จะเอานังนี่ไปด้วยทำไม” ดันเต้ไม่อยากให้มีตัวถ่วงเท่าไรนัก

“เผื่อไว้ก่อน” ซานโตสลากและกระชากอรรณอย่างแรง แม้หล่อนจะขัดขืนก็ตาม

“ปล่อยฉันนะ ฉันจะกลับบ้าน” อรรณพยายามตะโกนเสียงดังลั่น เผื่อศิขาจะได้ตามมาถูกทาง

“ทำให้นังนี่สลบเลยดีกว่า จะได้ไม่แหกปากลั่นป่าแบบนี้” ดันเต้เสนอความคิด แล้วทำให้อรรณเงียบไปทันที

“เออ เงียบได้เหมือนกันนี่” ซานโตสจึงลากเธอไปต่อ จนกระทั่งได้ยินเสียงน้ำดังขึ้นเรื่อยๆ จึงถามดันเต้ “จะไปไหนกันเนี่ย”

“ผมต้องพาคุณไปพบดิเอโก้ให้ได้ มาเถอะ เรารีบหนีไปทางน้ำตกเนี่ยแหละเร็วสุดแล้ว” ดันเต้รีบนำทาง แต่พวกศิขาก็ตามมาทัน ทำให้เสียงปืนยิงสกัดดังลั่นป่า

ศิขาตามเสียงอรรณมา โดยมีพรานคอยนำทาง เสียงร้องระดับนี้ดังลั่นป่าได้ไม่อยาก เขานึกแปลกใจอยู่ที่ลูคัสปล่อยให้ดันเต้ล่วงหน้าไปก่อนครึ่งชั่วโมงค่อยตามไป ดูเหมือนจะมีข้อตกลงอะไรบางอย่าง ซึ่งลูคัสบอกว่าเพื่อประโยชน์ของการทลายแก๊งที่โคลัมเบีย

หากตอนนี้เขานึกแต่จะช่วยภรรยาเท่านั้น จึงไม่คัดค้านอะไร แถม ลูคัสมาบอกหลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงแล้ว เขาก็เร่งฝีเท้าตามมา จนได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิง ดูเหมือนพวกนั้นจะทิ้งค่ายแล้วทิ้งผู้หญิงไว้หลายคนทีเดียว

ต่างฝ่ายต่างก็เอาตัวรอด...

แล้วเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอีกรอบ เขาถึงตามมาถูกทาง จากนั้นก็เห็นคนวิ่งหนี ไม่รู้กี่คน พวกเขาก็ยิงปืนขู่ เพราะไม่เห็นอรรณอยู่ในค่าย คาดว่าพวกมันคงลากเธอไปด้วยแน่ จึงไม่กล้ายิงตรงๆ

ทว่าอีกฝ่ายกลับยิงสวนมาหลายนัด ทำให้พวกเขารีบหลบหลังต้นไม้ แล้วก็ค่อยตามไปเรื่อยๆ ยิงไล่สลับกันไปมา เมื่อถึงทางน้ำที่หน้าผาสูง พวกเขาก็แอบหลบรอดูท่าทีอีกฝ่าย

ซานโตสเห็นทางตันก็มึนงง ถามดันเต้ให้แน่ใจ “ทีนี้จะไปไหนต่อล่ะ จะข้ามน้ำไปเหรอไง”

“ไม่ครับ กระโดดลงไปเลย” ดันเต้พูดจบก็กระโดดนำ เพราะเขากับดิเอโก้เลือกที่นี่ เพราะมีน้ำตกนี่เอง แล้วพวกเขาก็เคยกระโดดน้ำตกสูงมาแล้ว ทั้งยังสำรวจที่นี่อย่างละเอียดแล้ว

ซานโตสตกใจทำให้ทำอะไรไม่ถูก จึงจากอรรณไปด้วยแต่เธอขัดขืน

“ไม่ ฉันไม่ไป ฉันไม่ไป” อรรณเห็นความหวังที่จะเอาชีวิตรอดมากขึ้น ย่อมไม่ยอมตายไปในน้ำตกแน่นอน เพราะเธอว่ายน้ำไม่แข็ง ขนาดแม่น้ำปกติเธอยังว่ายน้ำไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงน้ำตกสูงแบบนี้

“เธอต้องไปกับฉัน” ซานโตสลากเธอเข้าใกล้สายน้ำมากขึ้น

ศิขาเห็นอย่างนั้นรีบออกมา แล้วซานโตสก็หันไปแล้วควักปืนที่ดันเต้ยื่นให้ไว้ป้องกันตัว ยิงศิขาล้มลงทันที

“ไม่นะ” อรรณยิ่งดิ้นรนมากขึ้น เมื่อเห็นเขาทรุดลงกับพื้น

“หยุดนะ ซานโตส นายไปไหนไม่รอดแล้ว มาให้จับซะดีๆ” ลูคัสตะโกนก่อนค่อยๆ ออกมา

ศิขาพยายามลุกขึ้น เขาโดนยิงที่ไหล่ จึงไม่ร้ายแรงนัก เห็นหน้าอรรณที่มีแต่ผ้าพันแผลปิดไว้ แต่เขาก็จำเสียงเธอได้ดี จึงกล่อม “ปล่อยภรรยาผมเถอะ แล้วคุณก็หนีไปกับพวกคุณ”

“ฉันจะพานังนี่ไปด้วย” ซานโตสเห็นว่ามีคนล้อมอยู่เยอะ

เขายิงยังไงก็ไม่หมด จึงลากอรรณใกล้สายน้ำมากขึ้น เขายังลังเลว่าจะกระโดดดีไหม ก่อนสะดุ้งเมื่อโดนยิงเข้าให้ เขาหงายหลังแล้วลากอรรณไปด้วย ก่อนลูคัสจะกระโจนตามไป แล้วมีชายอีกคนกระโจนตาม ส่วนศิขาโดนตำรวจอีกคนจับตัวไว้ เพราะเขามีบาดแผลอยู่แล้ว ตำรวจที่เหลือก็คอยห้ามเขาด้วย

ซานโตสปล่อยมือจากอรรณกลางอากาศ เมื่อเห็นว่าถ้ายังขืนจับอรรณไว้ เขาคงไม่รอดแน่ เพราะเขามีบาดแผลที่ถูกยิงด้วย ก่อนตกลงสู่พื้นน้ำ เขาเหนื่อยเกินกว่าจะว่ายหนีห้วงน้ำวนรุนแรงนั้น แล้วรู้สึกท้อแท้จนกระทั่งรู้สึกถึงมือหนึ่งที่คว้าเขาเอาไว้ พาเขาว่ายเข้าฝั่ง

ขณะที่อรรณสลบไม่รู้เรื่องเมื่อกระแทกน้ำอย่างแรง สติดับวูบ นึกว่าตายแน่แล้ว แต่ลูคัสตามมาทันแล้วช่วยเธอไว้ได้ พาไปอีกฝั่งหนึ่ง อุ้มเธอขึ้นจากน้ำ เห็นรอยแผลมากมายบนหน้าแล้วแขนก็นึกสงสาร

“แอนนา!!” เขาเรียกเธอหลายรอบ ก่อนจะเป่าปากช่วยให้เธอหายใจได้อีกครั้ง

เมื่อเธอสำลักน้ำ เธอก็ลืมตาขึ้น มองลูคัสแล้วโผเข้ากอดเขา ตรงนั้นเป็นที่ที่โขดหินไม่มีต้นไม้ ทำให้ศิขาเห็นชัดถนัดตา แม้จะใจเสียอยู่บ้าง แต่เขาอยากไปดูให้แน่ใจว่าเธอไม่เป็นไรมากกว่า ทว่าเมื่อเขาคิดจะเดินย้อนกลับไปหาเธอ เขาก็สติดับวูบ และถูกแบกไปอีกทาง

ดิเอโก้มองเธอที่อีกฝั่ง ก่อนจะลากพาญาติหนุ่มกับดันเต้ที่ยืนรออยู่ไปอีกทาง เขาเสร็จธุระช้ากว่าที่คิด แต่ก็เรียบร้อยอย่างที่เขาต้องการ เพื่อนำญาติเขากลับสู่โคลัมเบียอย่างปลอดภัย

อย่างน้อยเขาก็ทำตามที่บอกเธอไว้...ให้เธอได้กลับบ้าน

***************************************

ความวุ่นวายก็เกิดขึ้น รถหลายคันขับเข้ามาช่วยเหลือหญิงสาวที่อยู่ที่ค่าย คนร้ายบางคนถูกจับในป่า บ้างก็รอดไปได้ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็จับภัทรได้ในที่สุด ส่วนอรรณถูกพาส่งโรงพยาบาล มีตำรวจเข้ามาอธิบายให้เธอรู้ว่าศิขาต้องไปสานต่อราชการทันทีที่รู้ว่าเธอปลอดภัย

เมื่อเธอถูกพามายังโรงพยาบาล เธอก็ต้องถูกถามคำถามอยู่หลายคำถาม ก่อนให้ยา

“มีโอกาสที่คุณจะตั้งครรภ์ไหมคะ” พยาบาลถามในสิ่งที่อรรณพยายามรวบรวมสติแล้วตอบ

“ค่ะ คือตั้งแต่โดนจับตัวไป ฉันยังไม่เป็นประจำเดือนเลยค่ะ” อรรณตอบได้แค่นั้น กว่าเดือนครึ่งที่เธอต้องโดนลากไปที่ต่างๆ นี่เป็นปัญหาสุดท้ายที่เธอจะกังวล

พยาบาลพยักหน้าช้าๆ ก่อนบอกหมอ หมอจึงสั่งยาตัวอื่นให้ เพราะไม่แน่ใจ เกิดคนไข้ตั้งครรภ์แล้วเขาให้ยาผิดพลาด อาจเป็นอันตรายต่อแม่และลูกได้ เพื่อความปลอดภัย พวกเขาต้องป้องกันไว้ก่อน

อรรณถูกหมอเข้ามาตรวจดูแผลต่างๆ อย่างวุ่นวาย เขาเห็นลูคัสกอดอกแอบมองอยู่ตลอดเวลา นึกอยากให้คนนั้นเป็นศิขามากกว่า แต่งานราชการก็มาจ่อรออยู่ เธอจึงได้แต่ทำใจ

พักใหญ่ พยาบาลก็เอาชุดคนไข้มาให้เธอเปลี่ยน เธอไม่ได้บาดเจ็บมากนัก จึงเปลี่ยนได้ไม่ยาก แล้วพอออกมาจากห้องก็ขึ้นไปนอนบนเตียง แล้วเผลอหลับไปด้วยความง่วง

***************************************

เมื่อลืมตาขึ้นก็ได้ยินเสียงคนพูดในห้อง

“ไอ้พี่หินนี่มันใจร้ายนะ พี่น้ำไม่สบาย แทนที่จะอยู่ก่อน ดันรีบไปราชการ จะอะไรกันนักหนา แค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง จะโทรไปด่าก็ปิดเครื่อง เซ็งชะมัด” อภิรมย์บ่นเสียงดัง

“นี่มึงบ่นหลายรอบแล้วนะ บ่นอยู่เรื่องเดียว มึงไม่เบื่อ แต่กูเบื่อนะ” ขันเงินหงุดหงิดใส่หลานสาวคนเล็ก

“ก็มันจริงไหมล่ะ แทนที่จะมาดูดำดูดีพี่น้ำก่อน ค่อยไปราชการก็ได้” อภิรมย์หงุดหงิดเป็นทวีคูณเมื่อป้าขัดใจ

“เออนะ บ่นพอแล้วก็เงียบ อย่าไปรบกวนพี่เขาหน่อยได้ไหม” แจ่มจันทร์ค่อยสบายใจที่หลานสาวกลับมาได้

แม้สภาพที่เห็นตอนแรกจะทำให้คนที่บ้านแทบรับไม่ได้ แต่ก็ยังคิดว่าดีที่รอดชีวิตในป่าอยู่ได้เป็นเดือนๆ ทั้งที่หญิงสาวคนอื่นถูกทรมานและเป็นเครื่องรองรับอารมณ์ทางเพศของพวกโจร

อรรณได้ยินเสียงญาติพี่น้องก็ร้องไห้ ตอนแรกนึกว่าฝัน เมื่อลืมตามองที่เก้าอี้ยาวก็นึกดีใจ

“น้องน้ำฟื้นแล้ว” ภารดีพูดขึ้นแล้วเข้าไปกอดน้ำเป็นคนแรก ใครจะไม่ดีใจที่ลูกสาวได้กลับมาทั้งที่แทบไม่มีหวัง

แจ่มจันทร์กับขันเงินออกจะแปลกใจกว่าใคร เพราะภารดีดีใจยิ่งกว่าใครเมื่อรู้ว่าอรรณกลับมาอย่างปลอดภัย ไม่สนรูปลักษณ์ใดๆ เข้าไปกอดร่างที่นอนสงบเป็นคนแรก แล้วยังกอดเป็นคนแรกที่อรรณฟื้นอีก

อรรณกอดตอบก็ยิ่งมั่นใจว่าไม่ได้ฝัน แล้วเมื่อคลายกอดแต่ภารดียังคงร้องไห้แล้วกอดเธอแน่น

“ขวัญเอ๋ยขวัญมา อย่าให้เกิดเรื่องร้ายอีกเลยเน้อเจ้า” ภารดีเรียกขวัญให้อรรณก่อนเป็นคนแรกอีกด้วย แล้วได้สติเมื่อขันเงินสะกิด

“เฮ้ยๆ ปล่อยคนอื่นกอดมั่งสิวะ ไอ้ภา” ขันเงินเตือนสติเพื่อนรุ่นน้อง ก่อนพยุงป้ามารับขวัญหลาน แล้วตัวเองก็กอดหลานสาวไว้เช่นกัน “เฮ้อ หมดทุกข์หมดโศกเสียทีเน้อ เห็นอ้ายฝรั่งว่าพวกมันคงเข็ดไม่มาเมืองไทยอีกนาน”

“คงไม่มายุ่งกับน้องน้ำของหมู่เฮาแล้วเน้อ” ภารดีเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มไม่หยุด

“ไอ้ภา เอ็งก็นำร้องไห้” ขันเงินก็ร้องไห้ตามแล้วอภิรมย์ก็ร้องไห้ด้วยเสียงดังลั่น

นงลักษณ์กับธราเข้ามาทีหลัง ได้ยินเสียงร้องไห้ก็รู้ว่าอรรณฟื้นแล้ว ก็พากันร้องไห้ไปด้วย

“พ่อฝากมาบอกว่า ผู้กองหินต้องไปราชการสำคัญจริงๆ เพราะเรื่องกำลังเข้าขั้นตอนสำคัญ แล้วนี่ก็ล่าช้ามาเดือนกว่าแล้ว ก่อนจะไปผู้กองเขาเห็นน้ำปลอดภัยแล้ว หมวดหรรษาเลยพาเขาไปทันที” นงลักษณ์บอกตามที่รู้

“งานก็สำคัญ เข้าใจแล้วใช่ไหมไอ้ลมปากมอม” ขันเงินหันไปดูหลานสาวที่เอาแต่ด่าๆ ตลอดเวลา

“อ้าว ก็ไม่รู้นี่” อภิรมย์ยักไหล่ไม่สนใจนัก

“พี่น้ำปลอดภัย พวกเราก็ดีใจจะแย่อยู่แล้ว นี่ก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ผมกับพี่พิงค์ค่อยมีกำลังใจกลับไปสอนหน่อย” ธราพูดอยู่ข้างเตียงพี่สาว

“นี่จะหมดปิดเทอมแล้วเหรอเนี่ย แล้วได้ไปฮันนีมูนไหม” อรรณลืมตัวก็เลยถามตามปกติ

“ไม่ได้ไปหรอกพี่ เป็นห่วงพี่ไม่มีกะใจทำอะไร ก็เลยโทรไปเลื่อนเป็นปิดเทอมหน้าแทน แต่ไม่รู้จะสนุกไหม พี่พิงค์น่ะท้องแล้วครับ” ธราบอกพี่สาวตามตรง

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ อรรณก็สะดุ้งขึ้นมาแล้วเริ่มนึกถึงตอนที่พยาบาลถามเธอ

“พี่น้ำเป็นอะไร ไม่ต้องกลัวแล้วนะ พี่ปลอดภัยแล้ว” อภิรมย์สังเกตเห็นท่าทางกังวลใจขึ้นมาก็รีบปลอบ

“เปล่า พี่ไม่เป็นอะไร คงเพราะต้องระวังตัวแจในป่า ก็เลยขี้ตกใจน่ะ” อรรณยังไม่แน่ใจคิดว่าตัวเองเครียด หากก็มีความเป็นไปได้ที่เธอจะท้องกับศิขา

“งั้นก็ไม่ต้องกังวลแล้ว เพราะพวกเราจะไม่ให้ใครเข้ามาพาน้ำไปจากพวกเราอีกนะ” นงลักษณ์ยิ้มให้แล้วก็พูดคุยก็ตามเรื่อง ก่อนตำรวจเข้ามาเพื่อสอบปากคำเธอ

อรรณถอนหายใจเมื่อตำรวจถามคำถามหลายคำถาม จนกระทั่งมาสะดุดที่คำถามนี้

“คุณถูกล่วงละเมิดทางเพศไหม” ตำรวจหญิงเป็นคนถาม

“ไม่ค่ะ” อรรณตอบอย่างมั่นใจ

ตำรวจหญิงทำหน้าแปลกใจก่อนบอก “แต่พยานบอกเราว่า คุณมีอะไรกับหนึ่งในกลุ่มโจรทุกคืน”

“ก็แค่แกล้งทำค่ะ เขาไม่เคยทำอะไรฉัน เพื่อให้นายซานโตสเลิกคิดจะเข้าใกล้ฉันน่ะค่ะ” อรรณตอบตามตรง

ตำรวจหญิงทำหน้าไม่เชื่อเท่าไรนัก ก่อนจะถามอะไรอีก ก็มีคนเข้ามาห้าม

“ผมขอให้พักการสอบปากคำแค่นี้ก่อนนะครับ เธอต้องพักผ่อนให้มากกว่านี้” หมออดุลย์เข้ามาในห้อง แล้วได้ยินคำถาม ก็รีบเข้ามาช่วย “ผมต้องขอเข้ามาตรวจก่อน ในฐานะหมอของครอบครัวนะครับ”

ตำรวจทั้งสองก็ถอยออกไปจากห้อง หมออดุลย์ค่อยหันมายิ้มให้อย่างใจดี “เดี๋ยวค่อยย้ายไปที่โรงพยาบาลใกล้บ้านนะ พี่คุยกับหมอแล้วล่ะ ที่อนามัยนี้นานๆ ทีหมอจะมา ต้องโทรเรียกกันนาน พี่เลยคิดว่าย้ายไปแถวบ้านเราดีกว่า วันนี้ก็กลับได้เลย ถ้าน้ำไม่เหนื่อยจนเกินไปนัก”

“ขอบคุณค่ะ พี่หมอ นี่อุ๊ยชวนพี่หมอมาด้วยเหรอคะ” อรรณหันไปถามยายที่นั่งอยู่ที่ข้างเตียง

“ใช่แล้ว อุ๊ยมาถึงโรงพยาบาลก่อนแล้วค่อยโทรหาหมอตุลย์ล่ะ” แจ่มจันทร์บอกแล้วก็ยิ้ม เพราะหมอที่ไว้ใจได้ก็มีแต่หมออดุลย์คนเดียว

อรรณค่อยโล่งใจ อยากจะกลับบ้านเร็วๆ อยากกลับไปนอนบนที่นอนแล้วไม่ต้องสะดุ้งตื่นกลางดึกแล้วบนว่าตัวเองอยู่ในกระท่อมหลังไหนในป่า

บ้านเป็นที่เดียวที่เธออยากจะอยู่...

***************************************

ร่างกายค่อยๆ ขยับ ก่อนจะลุกพรวดอย่างมึนๆ เขารู้ว่าเขาโดนยาสลบ แล้วมามีสติอยู่ในห้องพักแห่งหนึ่ง แม้ว่าที่ที่เขาอยากจะอยู่ คือเตียงที่อบอุ่นโดยมีภรรยาอยู่ข้างกาย

“ฟื้นแล้วเหรอ ผู้กอง อย่าโกรธผมนะ ท่านรองสั่งมาว่า เมื่อแน่ใจว่าคุณน้ำปลอดภัยให้พาผู้กองมาเลย เพราะตอนนี้ทางนี้กำลังวุ่นวายใหญ่ อาจเผยพิรุธได้ เราต้องรีบตีเหล็กตอนที่กำลังร้อนๆนี่แหละดีที่สุด” หรรษารีบอธิบายความ เพราะรู้อยู่ว่าผู้กองหนุ่มเลือดร้อนพอควร เดี๋ยวเกิดโมโหขึ้นมา อาจจะซัดเขาได้

ศิขาได้แต่กระแทกลมหายใจ ยกมือขึ้นกุมขมับก่อนพยายามหามือถือของตัวเอง แล้วก็ต้องยอมแพ้ ถามขึ้น “มือถือผมอยู่ไหนล่ะ หมวด”

“ท่านรองยึดไว้ครับ ไม่ให้ผมเอามาด้วย ของผมก็โดนยึดไว้เหมือนกัน แต่ท่านรองบอกว่าตอนนี้คุณน้ำปลอดภัยแล้วกลับไปอยู่กับครอบครัว ผู้กองรีบช่วยผมหาหลักฐานก่อนดีกว่านะครับ ผมเองก็ไม่ได้โทรไปหาลูกเลย ผมก็อยากให้มันเสร็จเหมือนผู้กอง แล้วท่านรองสั่งมาว่าไม่ต้องพยายามติดต่อไป เพราะอาจะทำให้คนในครอบครัวเป็นอันตราย จะให้รู้ไม่ได้ว่าเรามาสืบ ผู้กองก็รู้ว่ามันอันตรายแค่ไหน ตอนนี้ใครๆ ก็คิดว่าเราไปสืบหาโจรใต้ จะได้ไม่มีใครจ้องจะทำร้ายครอบครัวเรา” หรรษาให้เหตุผลตามที่ท่านรองบอก

“อืม เข้าใจแล้ว” ศิขาเชื่อข้อมูลตามนั้น เพราะมีผู้กองอีกคนถูกฆ่าล้างครอบครัว เพราะมีคนรู้ว่าเขามาสืบราชการเกี่ยวกับพลตำรวจโทอาจหาญ

ท่านรองก็คงเป็นห่วง เพราะถ้าเผยพิรุธไปอีกจะมีเหตุการณ์เดิมซ้ำรอย ตอนแรกก็ไม่มีใครรู้ว่าเชื่อมโยงกัน จนกระทั่งศิขากับหรรษาค้นแฟ้มคดีมาดูอีกรอบ เพราะสารวัตรที่จ่ายงานให้ผู้กองยงยุทธ์ก็เสียชีวิตอย่างกะทันหันเช่นกัน

“งั้นหาอะไรกินแล้วเริ่มกันเลยดีกว่านะ ผมก็อยากกลับบ้านเต็มที” ศิขาได้แต่ตัดใจ

ในสภาวะแบบนี้ เขาต้องเชื่อใจผู้บังคับบัญชา โดยเฉพาะภารกิจเสี่ยงตายแบบนี้ เขาไม่อยากให้ภรรยาเขากับครอบครัวต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ อีกรอบ ซ้ำๆ ตลอด เพราะงั้นทางที่ดี เขากับหมวดหรรษาต้องปลอมตัวให้ดี ไม่อย่างนั้นอาจมีคนจำพวกเขาได้แล้วครอบครัวจะอยู่ในอันตราย

กว่าจะสืบเรื่องสารวัตรเจี๊ยบว่าเกี่ยวโยงกับท่านอาจหาญก็ว่ายากแล้ว นี่จะสาวยังไงให้ลึกยังว่ายาก ได้แต่เฝ้ามองอยู่ห่างๆ เพราะทางนั้นได้ชื่อว่าไม่รับคนหน้าใหม่เป็นเด็ดขาด ทั้งระวังตัวแจ

“ผู้กองไม่ดูแผลหน่อยเหรอ” หมวดหรรษาร้องถาม เมื่ออีกฝ่ายเดินไปคว้าข้าวกล่องที่เขาเตรียมไว้มากิน

“ไกลหัวใจอยู่ อีกอย่างหมวดก็ดูแผลทำความสะอาดให้แล้วใช่ไหมล่ะ ว่าแต่ทำไมผมสลบไปนอนอย่างนี้ คงไม่ใช่ว่าคุณวางยาผมนะ” ศิขาถามอย่างคาดเดาได้

“ผมจำเป็นครับผู้กอง ท่านรองบอกว่าถ้าไม่พาผู้กองออกจากท้องที่ มีหวังตื่นมาผู้กองต้องรีบกลับไปหาหลานสาวท่านสุชาติแน่ เลยให้ผมวางยาไว้ก่อน” หมวดหรรษาอธิบายอย่างรู้สึกผิด

ศิขาพยักหน้าช้าๆ บอกอย่างไม่ถือสา “ไม่เป็นไร คำสั่งนาย หมวดก็ต้องทำตามอยู่แล้ว มันเป็นหน้าที่ที่เราต้องเชื่อใจนายด้วยล่ะนะ”

หมวดหรรษาเป็นลูกน้องอีกคนที่ท่านรองอมรพันธุ์ไว้ใจ หลังท่านย้ายลงไปเพื่อปฏิบัติหน้าที่ที่ท้องที่อื่น เมื่อมีงานสำคัญ ท่านจึงขอยืมตัวมาจากเพื่อนท่านที่เป็นผู้บังคับบัญชาสายตรงของหมวดหรรษาอีกที

เขาก็ได้แต่ปฏิบัติหน้าที่ แม้ใจจะเป็นห่วงอรรณ แต่เชื่อว่าเธอปลอดภัยแล้วเมื่ออยู่กับคนในครอบครัว หน้าที่ต่อไปของเขาก็คือ...รับใช้ชาติต่อไป

***************************************
สวัสดีค่ะ
บทนี้มาอย่างพิเศษ เพราะกำลังยุ่งกับโปรเจค ebook ค่ะ
ถ้าตรวจคำผิดพลาดยังไง ขออภัยด้วยนะคะ 555+
แทบไม่ได้อ่านทวนเลยค่ะ พิมพ์อย่างเมาๆ มันๆ
ขอบคุณที่ติดตามนิยายนะคะ

ป.ล. แวะไปทักทายติดชมบ่นได้ที่
https://www.facebook.com/plerngwaree
บางทีไปเที่ยวมาก็เล่นเกมให้ของฝากเล็กๆ น้อยๆ ค่ะ
อยากเป็นเพื่อนและมีเพื่อนน่ารักๆ ค่ะ
ใครกดไลค์ก็ขออนุญาตแอดเพื่อนนะคะ
ส่วนหน้าวอลล์ของเพลิงก็จะมีเวิ่นเว้อไปตามประสาคนขี้บ่นค่า อิอิ



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 พ.ค. 2556, 20:40:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 พ.ค. 2556, 20:40:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 1472





<< 31 ลมวุ่น   33 ทางแยก >>
konhin 3 พ.ค. 2556, 21:11:19 น.
รอดจากป่าแล้ว แต่จะรอดจากความคิดคนหรือเปล่าเนี่ยสิ
คนอื่นไม่ว่าแต่อย่าเป็นคนใกล้ตัวเชียวนา เสียใจแย่เลยย


ตุ๊งแช่ 4 พ.ค. 2556, 09:12:13 น.
รอดแล้ว แต่แหม คนเขียนใจร้ายให้สบตากันบ้างไหมนั้น พรากเขาอีกแระ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account