สามีร้ายพ่ายแรงรัก
เมื่อเขาร้ายทำไมเธอถึงยังรัก???
แล้วถ้าเธอจะร้ายบ้างเค้าจะรักเธอไหม???
หาคำตอบได้ใน สามีร้ายพ่ายเเรงรัก
แล้วถ้าเธอจะร้ายบ้างเค้าจะรักเธอไหม???
หาคำตอบได้ใน สามีร้ายพ่ายเเรงรัก
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: เข้าหอ มาตอนแรกก็เข้าหอเลย ครบ 100%
“ต่อไปนี้เธอทั้งสองคนก็จะต้องเป็นคนคนเดียวกันแล้ว หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกันนะลูกนะ การจะใช้ชีวิตครอง
คู่อยู่ด้วยกันมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด มันต้องใช้ความเข้าใจ เชื่อใจและไว้ใจกัน และที่สำคัญมันต้องใช้ความรัก”
เสียงของผู้เป็นย่ากล่าวอวยพรคู่บ่าวสาวด้วยความตื้นตันที่เห็นหลายชายแท้ๆกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที
“ครับคุณย่า” “ค่ะคุณย่า” ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวตอบรับของผู้เป็นย่า แต่น่าแปลกก็คือทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่างทำ
หน้าอมทุกข์กันทั้งคู่ไม่มีสีหน้ายิ้มแย้มดีใจเลยสักนิด ดูไม่หวานชื่นเหมือนกับคู่แต่งงานที่กำลังจะเข้าหอจนผู้เป็น
แม่ต้องใช้สายตาปรามเจ้าบ่าวที่นั่งหน้าบึ้งตึงซังกะตายคล้ายคนมีแต่ความทุกข์มาแรมปี
“ต่อไปหนูริสสาก็จะมาเป็นลูกสะใภ้ของแม่แล้วนะลูก ตาภูลูกจะต้องดูแลลูกสะใภ้คนนี้ของแม่ดีๆนะรู้ไหม”
นางภารินทร์สั่งเชิงอ้อนวอนเพราะนางรู้ดีว่าลูกชายของนางนั้นเป็นอย่างไร การแต่งงานของทั้งคู่ก็ไม่ต่างอะไรกับ
การถูกคลุมถุงชนเลยทำให้นางภารินทร์แอบหวั่นใจอยู่ลึกๆว่าทั้งสองคนจะไม่สามารถประคับประคองชีวิตคู่กันต่อ
ไปได้
“ครับแม่ผมจะดูแลลูกสะใภ้คนโปรดของคุณแม่อย่างดีเลยละครับไม่ต้องห่วง”ภูธเรศวร์บอกกับมารดาด้วยน้ำ
เสียงประชดประชัน นางภารินทร์ถึงกับอ่อนใจ ก่อนจะชักสีหน้าปรามเจ้าลูกชายหัวโปรดที่พูดประชดประชดต่อหน้า
คุณย่าบังอรศรีหัวหน้าใหญ่ของบ้านที่เป็นต้นเรื่องของการแต่งงานในครั้งนี้
“วันนี้พ่อดีใจนะที่ได้เห็นลูกสาวของพ่อเป็นฝั่งเป็นฝาซะที พ่อจะได้หมดห่วงนอนตายตาหลับ ลูกต้องเป็นภรรยาที่
ดีของคุณภูนะริสสา”นายมงคลกล่าวอวยพรเมอร์ริสสาลูกสาวสุดที่รักด้วยความตื้นตันใจแต่น้ำเสียงแฝงไปด้วย
ความกังวลไม่น้อยเช่นกัน
“ค่ะคุณพ่อริสสาจะเป็นภรรยาที่ดีของพี่ภู ริสสารักคุณพ่อนะค่ะ” เมอร์ริสสาน้ำเสียงเศร้าสร้อย ใบหน้าสวยไม่มีแวว
ว่าดีใจเลยสักนิดที่ได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา จนผู้เป็นพ่อต้องปลอบโยนด้วยมือหนาที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาเพื่อ
คลายความเศร้าหมองที่อยู่ในจิตใจของลูกสาว ก่อนจะหันไปหาว่าที่ลูกเขยของตน
“คุณภูพ่อฝากลูกสาวคนนี้ของพ่อด้วยนะ ริสสาลูกสาวผมยังเด็กนักถ้าเธอทำอะไรไม่ดีก็อย่าถือสาเลยนะคุณภู ริส
สาคือดวงใจของผม พ่อขอแค่นี้แหละ”นายมงคลยิ้มบอกกับลูกเขยด้วยความตื้นตันที่ได้ลูกเขยอย่างภูธเรศวร์
เพราะเค้าคิดว่าภูธเรศวร์จะสามารถดูแลผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเค้าได้ดีที่สุด
“ผมไม่สัญญาหรอกว่าผมจะดูริสสาให้ดีได้อย่างที่สุด”ภูธเรศวร์เว้นวรรคคำพูดของตัวเองไว้ ทำเอาใจของทุกคนที่
ได้ฟังแทบสลายโดยเฉพาะเจ้าสาวแสนสวยที่นั่งอยู่ข้างกายเค้า “แต่ผมสัญญาว่าผมจะดูแลเธอจนกว่าลมหายใจ
ผมจะหมดลง
”ภูธเรศวร์เอ่ยกับผู้เป็นพ่อตาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจนเมอร์ริสสาเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าจะ
ได้ยินคำพูดนี้จากปากของชายที่เธอรักแต่ที่ผ่านมาเค้าทั้งเมินเฉย ไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ นี่ถ้า
ไม่ใช่บัญชาของผู้เป็นย่าเค้าและเธอคงไม่มีทางได้แต่งงานกันแน่ๆ แต่คำพูดนี้ของภูธเรศวร์ทำให้นายมงคล ผู้เป็น
ย่า และมารดาของเค้า ต่างพึงพอใจ
“ขอบคุณจริงๆขอบคุณมากลูกเขยพ่อ”นายมงคลขอบดีใจที่อย่างน้อยลูกเขยคนนี้ก็ทำให้เค้าได้วางใจไปเปราะนึง
ที่เขายกแก้วตาดวงใจให้
“เอาล่ะ คงได้ฤกษ์แล้วสินะ เจ้าบ่าวเจ้าสาวเค้าจะได้เข้าหอกัน ย่าจะได้อุ้มหลานเร็วๆ”
คุณย่าบังอรศรีพูดเตือนน้ำเสียงแฝงไปด้วยเลสนัย ทำเอาเจ้าสาวมื้อใหม่อย่างเมอร์ริสสาถึงกับอายจนหน้าแดง แต่
เจ้าบ่าวกับแสยะยิ้มกับท่าทีของเจ้าสาว
“งั้นภาว่าเราออกไปข้างนอกกันเถอะค่ะ คุณแม่ คุณมงคล ปล่อยให้คู่บ่าวสาวเข้าได้อยู่ด้วยกัน เราคงจะได้มีหลาน
กันในเร็ววันแน่ๆ“นางภารินทร์ยิ้มก่อนจะชวนคุณย่าบังอัญศรื และนายมงคลออกไปด้านนอกเพื่อเปิดทางให้คู่าวสา
วข้าวใหม่ปลามันอยู่ด้วยกันได้อย่างเต็มที่ แต่เหตุการณ์ภายในห้องหอกลับเงียบกริบเมื่อญาติผู้ใหญ่ต่างพากัน
ออกไปจากห้องหอแล้ว ทั้งภูธเรศวร์และเมอร์รริสสาต่างไม่มีใครยอมพูดกับใคร เมอร์ริสสาได้แต่ก้มหน้านิ่งจนภู
ธเรศวร์รู้สึกอึดอัดจนต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
“เอ้า นี่เธอจะเงียบอีกนานไหม ไปอาบน้ำซะสิ รึอยากจะทำอย่างอื่นก่อนอาบ”ภูธเรศวร์ไม่พูดเปล่าพร้อมกับอย่าง
สามขุมเข้ามาหาเจ้าสาวหมาดๆอย่างน่ากลัว จนเมอร์ริสสาเองต้องรีบเอ่ยอย่างละล่ำละลัก
“คะ...ค่ะ ริสสาจะรีบไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ค่ะพี่ภู”เมอร์ริสสาพยายามหลบเลี่ยงเจ้าบ่าวที่ยืนขวางเธออยู่ แต่ดูเหมือนว่า
เขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไปเข้าห้องน้ำง่ายๆซะแล้ว วงแขนแกร่งโอบล้อมร่างของเจ้าสาวแสนสวยอย่างรวดเร็วก่อน
ที่อีกฝ่ายจะตั้งตัว เมอร์ริสสาเริ่มตกใจกับท่าทีของอีกฝ่าย ใบหน้าคมเข้มสมชายชาตรีแต่ทว่าหล่อเหล่าราวกับเทพ
บุตรก็ไม่ปานอยู่ใกล้กับใบหน้าของเธอเพียงไม่ถึงคืบ รับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ความร้อนจากลมหายใจ
ที่ส่งผ่นให้แก่กันทำให้เมอร์ริสสาถึงกับร้อนๆหนาวๆ แต่คนตัวโตกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเธอด้วยเลยเขาคงจ้องลึกเค้า
ไปในดวงตาใสแป๋วราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสาก็ไม่ปาน แต่ในแววตาคู่นั้นก็บ่งบอกได้ดีว่าหญิงสาวรู้สึกกลัวเขาแค่
ไหน ยิ่งทำให้ภูธเรศวร์อยากจะแกล้งเธอยิ่งนัก
“ยังไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ ฉันว่าเรามาทำเรื่องยังว่ากันก่อนดีกว่า” ภูธเรศวร์ไม่รอช้า ริมฝีปากหนาก้มลงไป
จุมพิตริมฝีปากบางของอีกฝ่ายทันทีอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวลิ้นหนาร้อนๆสอดแทรกเข้าไปตามไรฟันขาวที่ปิดไม่ยอม
ให้ลิ้นหนาเข้าไปสำรวจหาความหวานได้แต่มีหรือเสือผู้หญิงผู้ช่ำชองในบทรักอย่างภูธเรศวร์จะยอม ต่างฝ่ายต่าง
งัดข้อกันด้วยริมฝีปากอย่างดุเดือดเลือดพล่าน เมอร์ริสสาถึงกับตาค้างกับการกระทำของภูธเรศวร์มือน้อยปัดป่ายไป
มาเพื่อต้องการอากาศหายใจเพราะการจุมพิตครั้งนี้มันไม่ได้อ่อนหวานชวนให้รุ่มหลงแต่เป็นการจุมพิตที่แสนจะ
ทรมานเพราะทั้งเจ็บและทั้งหายใจไม่ออก แต่ภูธเรศวร์กับไม่รู้สึกสะทกสะท้านมือหนากับค่อยๆลุกไล้ไปทางด้าน
หลังเพื่อรูดซิปชุดแต่งงานของเจ้าสาวแต่มันคงไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อเจ้าสาวของเขาดิ้นไปมาไม่ยอมให้เค้ารุกล้ำ
ดินแดนได้ง่ายๆ จนภูธเรศวร์ชักโมโหถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดายในรสจูบที่เค้าคิดว่าแสนหวาน แต่สำหรับคน
ตัวเล็กแล้วมันเป็นจุมพิตที่เอาแต่ได้เพียงฝ่ายเดียว
“พี่ภูปล่อยริสสานะค่ะ อย่าทำอะไรริสสาเลยริสสากลัว” เมอร์ริสสาพูดติดขัดเพราะยังตกใจกับเหตุการณ์ที่พึ่งเกิด
ขึ้นไม่หาย ภูธเรศวร์ยิ้มหยันในทาทีของหญิงสาวที่ทำท่าว่าตกใจยังกับพึ่งเคยโดนจูบเป็นคนครั้งแรก “นี่เธออย่า
ทำเป็นไม่เคยหน่อยเลย แอ๊บใสซื่อไร้เดียงสาแบบนี้อย่าคิดนะว่าฉันจะเชื่อ เธออาจจะตบตาคนอื่นได้ แต่ตบตาคน
อย่างฉันไม่ได้หรอกเมอร์ริสสา ตอนนี้เธอก็ได้ใช้นามสกุล ปัญญาธรแล้วนี่คงสมใจเธอกับพ่อของเธอแล้วสินะ”ภู
ธเรศวร์เอ่ยวาจาเชือดเฉือนน้ำใจของเมอร์ริสสาโดยไม่สนใจว่าหญิงสาวตรงหน้าจะรู้สึกเช่นไร เมอร์รริสสาถึงกับ
โกรธที่ชายหนุ่มที่เธอรักเขากำลังกล่าวหาล่วงเกินบิดาผู้บังเกิดเกล้าของเธอ
“พี่ภูถ้าพี่เกลียดริสสามากนัก พี่ภูจะมาแต่งงานกับริสสาทำไม แล้วอีกอย่างคุณพ่อก็ไม่เคยคิดแบบที่พี่ภูบอกด้วย
อย่ามากล่าวหาคุณพ่อของริสสานะ ถ้าอยากจะว่าก็ว่าริสสาคนเดียวสิ” เมอร์ริสสาชักฉุน แต่กลับทำให้ภูธเรศวร์นึก
ขำที่อยู่ดีๆหญิงสาวที่ไม่เคยคิดจะมีปากมีเสียงเถียงใครได้ลุกขึ้นมาเถียงกับเค้า แต่ภูธเรศวร์ก็ต้องยอมรับว่าเขาคง
พูดแรงเกินไปจริงๆแต่มันก็สมควรแล้วไม่ใช่หรือกับผู้หญิงที่คิดจะจับเค้า
“ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะเมอร์ริสสาที่ฉันแต่งงานกับเธอไม่ใช่เพราะฉันพิศวาสอะไรในตัวเธอหรอก แต่เพราะฉัน
ขัดคำสั่งคุณย่าไม่ได้ ถึงใครๆจะคิดว่าเธอเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฏหมายของฉันแต่สำหรับฉันแล้วเธอก็ไม่ต่างอะไร
กับนางบำเรอฉันจะทำอะไรกับเธอก็ย่อมได้ จำใส่กะโหลกหนาๆของเธอเอาไว้เมอร์ริสสา” ภูธเรศวร์พูดจาเหยียด
หยันน้ำใจของเมอร์ริสสาถึงแม้เธอจะรู้ว่าเค้าเกลียดเธอมากแค่ไหนแต่ทำไมหัวใจดวงน้อยๆของเธอก็ยังคงเป็น
ของเขาเสมอมา ทั้งที่ผ่านมาไม่เคยมีสักวันที่เขาจะทำดีหรือพูดดีๆกับเธอ แต่เธอก็ยังคงรักเค้าอยู่ดี
“ริสสารู้ตัวดีค่ะว่าพี่ภูเกลียดริสสามากแค่ไหนริสสายอมพี่ภูทุกอย่างไม่ว่าพี่ภูจะให้ริสสาอยู่ในฐานะอะไรก็ตาม ไม่
ว่าพี่ภูจะทำร้ายริสสามากแค่ไหนแต่ริสสาก็อยากให้พี่ภูรู้เอาไว้ว่า ริสสารักพี่ภูเสมอและหัวใจดวงนี้ก็จะเป็นของพี่ภู
คนเดียว”เมอร์ริสสาจ้องมองใบหน้าคมเข้มด้วยความรักอย่างเต็มเปรี่ยมจนภูธเรศวร์อึ้งเล็กน้อยไม่คิดว่าหญิงสาวที่
เค้าไม่เคยแยแสไม่เคยคิดจะรักกลับรักเค้ามากขนาดนี้ จิตใจแข็งกล้าวอ่อนยวบราวกับต้องมนต์ แต่เพราะซาตานที่
สิงอยู่ในร่างเขาหรืออย่างไรที่ทำให้ภูธเรศวร์ต้องข่มความรู้สึกอ่อนไหวนี้เอาไว้ในส่วนลึกในจิตใจไม่ว่ายังไงๆเขาก็
ไม่วันรักผู้หญิงที่เห็นแก่เงินคนนี้อย่างแน่นอน
“หยุดพร่ำเพ้อพูดว่ารักฉันซะทีเมอร์ริสสา ฉันเกลียดผู้หญิงเห็นแก่เงินอย่างเธอที่สุด ได้ยินไหมว่าฉันเกลียดเธอ
ไม่ว่าจะวันไหนต่อให้เธอจะทำดีกับฉันมากแค่ไหนฉันก็จะไม่มีทางรักเธอ หัวใจของฉันไม่ได้มีไว้สำหรับเธอเมอร์ริ
สสา”ภูธเรศวร์ตัดรักเมอร์ริสสาอย่างไม่ใยดี เมอร์ริสสานิ่งอึ้งแต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงเธอก็เลิกรักเค้าไม่ได้อยู่ดี
“ไม่เป็นไรค่ะริสสาไม่ได้ต้องการให้พี่ภูมารักริสสา ริสสาขอแค่รักพี่ภูก็พอแล้ว”เมอร์ริสสาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
พร้อมกับส่งยิ้มหวานแทบทำให้อีกฝ่ายใจละลาย ภูธเรศวร์ถึงกับต้องควบคุมสติตัวเองเอาไว้ก่อนจะดีดตัวขึ้นจาก
ร่างนิ่มอย่างเสียดาย
“หน้าด้าน! ผู้หญิงอย่างเธอมันหน้าด้าน ชายเค้าไม่รักยังจะดันทุรังบอกรักอีก” ภูธเรศวร์แกล้งทำเป็นโมโหทั้งที่
จริงแล้วเขากลับยินดีไม่น้อยเมื่อได้ยินคำบอกรักจากหญิงสาวตรงหน้า ถึงแม้เขาจะได้ยินบ่อยแล้วโดยที่ทุกครั้ง
เค้าก็มักจะต่อว่าเธอต่างๆนาๆแต่ความรุ้สึกของเขากลับตรงกันข้ามเมื่อเขารู้สึกยินดีและหวั่นไหวกับคำบอกรักของ
เธอมากมายแค่ไหนเพียงแต่เขาพยายามปิดกั้นตัวเองไม่ให้รักเธอเท่านั้นเอง
“พี่ภูจะด่าจะว่าอะไรริสสาก็ได้ ริสสายินดี ไม่ว่ายังไงริสสาก็รักพี่ภูอยู่ดี”น้ำตาหยดใสไหลรินมาจากดวงตาคู่สวย
อย่างห้ามไม่อยู่ ภูธเรศวร์ถึงกับต้องหันไปทางอื่นก่อนจะสบถด้วยความโมโหตัวเองที่ไม่สามารถหยุดความสงสาร
ที่เค้ามีต่อเมอร์ริสสาได้เลย ยิ่งได้เห็นน้ำตาจากสาวเจ้าเค้าก็ยิ่งหวั่น
“โธ่ เอ้ย!!! จะร้องอะไรกันนักกันหนาว่ะ” ยิ่งได้ยินภูธเรศวร์สบถน้ำตาเจ้ากรรมก็ดันไหลมาไม่หยุด “อยากร้องไห้
นักก็ร้องไปเลย ฉันไปหาความสุขข้างนอกดีกว่า เข้าใจไหมว่าฉันเบื่อ เบื่อ และเบื่อ” ภูธเรศวร์ตะคอกใส่เมอร์ริสสา
ก่อนจะเดินออกจากห้องหอไปโดยไม่หันกลับมามองเจ้าสาวที่นั่งร้องไห้เพราะการกระทำของเขาเลยแม้แต่น้อย
“แม้ปรายหางตาของพี่ภู ริสสาก็ไม่ได้อยุ่ใช่ไหมค่ะ ขนาดวันแต่งงานของเราแต่ทำไมพี่ภูไม่เห็นความสำคัญของ
มันเลย ทำไมพี่ภูต้องทิ้งริสสาไว้คนเดียวด้วย ริสสาอยากให้เราเป็นเหมือนคู่แต่งงานคู่อื่นๆ “มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่
เป็นเพื่อนเมอร์ริสสาในยามนี้ได้ดีที่สุด หญิงสาวได้แต่มองดูชายคนรักขับรถออกไปข้างนอก ในเมื่อวันนี้เป็นวัน
แต่งงานของเธอกับเขาแท้ๆแต่เขาก็ไม่เคยคิดจะอยู่กับเธอ เธอก็คงไม่ต่างอะไรกับฝุ่นละอองที่ไร้คุณค่าในสายตา
เขาไม่มีวันได้อยู่ในหัวใจของเขา
“อ้าว เสียงรถของใครนอกไปข้างนอกน่ะแม่ภา หวังว่าคงจะไม่ใช่เสียงรถของตาภูหรอกนะแม่ภา”คุณย่าบังอรศรี
ถามลูกสะใภ้ด้วยความเอ๊ะใจเพราะเสียงรถที่ออกไปข้างนอกนั้นคล้ายกับเสียงรถของหลานชายหัวแก้วหัวแหวน
ของตน นางภารินทร์ถึงกับต้องรีบวิ่งไปดูที่หน้าต่างทันทีในใจก็ได้แต่ภาวนาว่าคงไม่ใช่ลูกชายสุดที่รักของตนแต่
มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ซะแล้วเมื่อรถคันนั้นเป็นรถคันหรูที่กำลังแล่นออกจากคฤหาสน์ปัญญาธรเป็นรถของ
ลูกชายนางจริงๆ นางภารินถึงกลับใจหายวาบ เมื่อนึกถึงเมอร์ริสสาเจ้าสาวที่ถูกทิ้งให้ร้างหอในวันแต่งงานนางรู้สึก
สงสารเมอร์ริสสาจับใจ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเจ้าลุกชายตัวดีของนาง
“รถใครหรือแม่ภา”เสียงของคุณย่าบังอรศรีตะโกนเรียกลูกสะใภ้ด้วยความอยากรู้ นางภารินทร์ถึงกับตกใจขานรับอย่างละล่ำละลัก
“อะ...อะไรนะค่ะคุณแม่”
“แม่ถามว่า รถใครที่ออกไป รถตาภูใช่ไหม” คุณย่าบังอรศรีพอจะจับสถานการณ์ถูกว่าอะไรเป็นอะไร เหมือนว่านาง
จะรู้อยู่แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง
“เอ่อ...ใช่ค่ะคุณแม่ ตาภูขับรถออกไปข้างนอก”นางภารินทร์จำใจต้องบอก
“เฮ้อ...แม่ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือคิดถูกที่บังคับให้เด็กสองคนเขาแต่งงานกัน ถ้าชีวิตคู่ของเค้าสองคนจะไม่ราบลื่นก็คง
ต้องโทษแม่แล้วล่ะ ที่คลุมฝูงชนเด็กทั้งสองคน”คุณย่าบังอรศรีถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความผิดพลาดครั้ง
ใหญ่หลวงของนางเอง สีหน้าของหญิงวัยชราดูเศร้าลงและเป็นกังวลมากมายนักที่ตนได้ตัดสินใจผิดพลาดและมัน
ก็ยากเกินกว่าจะกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก
“ไม่หรอกนะค่ะคุณแม่ ภาเชื่อว่าตาภูและหนูริสสาจะสามารถประคับประคองชีวิตคู่กันต่อไปได้อย่างมีความสุข
แน่นอน เพราะมันมีอะไรบางอย่างบอกให้ภาเชื่อแบบนั้นค่ะคุณแม่ ภามองตาของตาภูก็รู้ว่าตาภูแอบมีใจให้หนูริส
สาอยู่ลึกๆเพียงแต่ตาภูไม่ยอมรับความรู้สึกนั้นเองต่างหากล่ะค่ะคุณแม่” นางภารินทร์ยิ้มเล็กน้อยถึงแม้ว่าสิ่งที่นาง
คิดจะเป็นจริงแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่านางไม่ได้กังวล
“แม่ก็ขอให้เป็นแบบนั้นล่ะนะภา แม่ก็ได้แต่หวังว่าจะได้อุ้มหลานก่อนตายเท่านั้นเอง คนแก่ไม่ได้ต้องการอะไรไป
มากกว่านี้หรอก” คุณย่าบังอรศรีเริ่มยิ้มได้เมื่อพูดถึงเรื่องหลาน
“งั้นเราสองคนก็ต้องคอยเป็นกามเทพแล้วล่ะค่ะคุณแม่ เราจะได้มีหลานอุ้มกันเร็วๆ”นางภารินทร์ยิ้มกริ่มเมื่อคิดแผน
อะไรดีๆออก คุณย่าบังอรศรีงงเล็กน้อยกับท่าทีของลูกสะใภ้
“กามเทพออะไรรึแม่ภา คิดแผนอะไรออกบอกแม่บ้างสิ” คุณย่าบังอรศรีรู้ทันก่อนจะเอียงหูไปรับฟังแผนจากลูก
สะใภ้โดยเร็ว ทั้งสองแม่สามีกับลูกสะใภ้ต่างกระซิบบอกแผนลับให้รู้กันแค่เพียงสองคน
“มันจะดีหรือแม่ภา” คุณย่าบังอรศรีถะลึงตาโตเมื่อได้ฟังแผนลับจากลูกสะใภ้คนโปรด
“ดีสิค่ะคุณแม่ รับรองเราได้หลานอุ้มเร็วๆนี้แน่ค่ะ”นางภารินทร์ยิ้มอย่างมีเลศนัย ให้กับแม่สามี “เอาก็เอา เพื่อ
หลานแม่ยอมทำทุกอย่าง”คุณย่าบังอรศรีถึงแม้จะไม่ค่อยเห็นด้วยกับแผนนี้สักเท่าไหร่แต่ด้วยความอยากมีหลาน
จึงทำให้คุณย่าบังอรศรีจำต้องเห็นด้วยกับแผนการของลูกสะใภ้
“ดีค่ะคุณแม่ เราคงจะได้เริ่มภารกิจพิชิตหลานรักกันสักที” นางภารินพยักหน้าหยั่งเชิงให้แม่สามีคล้อยตามนาง
“สู้โว๊ย เพื่อหลาน” คุณย่าบังอรศรีถึงกับพูดให้กำลังใจตัวเอง นางภารินทร์ถึงกับหลุดขำออกมากับท่าทีของแม่
สามี ทั้งสองคนต่างอมยิ้มให้กันเป็นรับรู้ถึงแผนการเด็ด ทางด้านของภูธเรศวร์ใยยามนี้เค้าก็ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือคิดถูก
ที่ออกมาจากห้องหอทิ้งให้เจ้าแสนสวยของเค้าร้างหอเพียงผู้เดียว เขารู้ดีว่าเมอร์ริสสารู้สึกเช่นไรกับการกระทำ
ของเค้าแต่ถ้าหากเขาไม่ทำแบบนี้แล้วล่ะก็คนที่จะเจ็บปวดมากที่สุดก็อาจเป็นตัวของเขาเองที่ต้องกลืนน้ำลายตัว
เองรักผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน ใครจะว่าเขาเห็นแก่ตัวก็คงได้แต่จะมีใครเข้าใจว่าภูธเรศวร์ชายหนุ่มผู้ไม่เคยยอมสยบต่อ
หญิงสาวคนใดกลับต้องมาถูกคลุมถุงชนแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาเกลียดมากที่สุดอย่างเมอร์ริสสา พูดไปก็คงไม่มี
ใครเข้าใจหรอกว่าเขาก็เจ็บปวดไม่แพ้หญิงสาวเหมือนกัน
“เมอร์ริสสาเธออย่าดีกับฉันมากเกินไปได้ไหม เธอรู้บ้างไหมว่าฉันพยายามไม่รักเธอ” ภูธเรศวร์ได้แต่พร่ำเพ้อกับ
ตัวเองเพราะหัวใจที่เคยเดียดฉันท์เคยรังเกรียจว่าเมอร์ริสสาเป็นผู้หญิงหน้าไม่อายในตอนนี้กลับต่อต้านความคิดนี้
ของเขาซะแล้ว
“เป็นบ้าอะไรของแกว่ะไอ้ภู แกจะรักเมอร์ริสสาไม่ได้เด็ดขาด ตื่นซะทีไอ้ภู” ภูธเรศวร์พยายามเตือนสติของตัวเอง
ก่อนจะเร่งความเร็วของรถขึ้นอีกระดับหนึ่ง เป้าหมายของภูธเรศวร์ก็คือคอนโดหรูใจกลางเมืองนั่นเอง แต่ใช่ว่าภู
ธเรศวร์จะเข้าไปพัก เขาต้องการไปพบใครบางคนที่สามารถทำให้เค้าสบายใจได้ ไม่นานรถคันหรูก็ขับมาจอดใน
คอนโดหรูที่เขาเป็นเจ้าของอยู่ร่างสูงก้าวลงจากรถด้วยมาดนิ่งๆโดยไม่สนใจพนักงานที่กุลีกุจอมาสวัสดีและต้อนรับ
เลยแม้แต่นิดเดียว จนมาถึงหน้าห้องพักเป้าหมายที่เค้าจะมาหาในคืนนี้ ภูธเรศวร์รูดคีย์การ์ดก่อนจะเดินเข้าไปใน
ห้องชายหนุ่มกวาดสายตาไปที่เตียงนอนที่ว่างเปล่าอย่างสงสัย
“อัญคุณอยู่ที่ไหนนะ”ภูธเรศวร์สบถแล้วครุ่นคิดว่าตอนนี้หญิงสาวอยู่ที่ไหน ก่อนจะนึกขึ้นได้ร่างสูงรีบเดินไปเปิด
ม่านเพื่อไปหาหญิงสาวที่ริมระเบียงไม่ผิดคลาดหล่อนยืนอยู่ที่ริมระเบียงอย่างที่เขาคิดไม่มีผิด
“มาแล้วหรือค่ะภู วันนี้วันแต่งงานของคุณนี่ค่ะทำไมคุณไม่เข้าหอกับเจ้าสาวของคุณล่ะ”อัญญาดาตัดพ้อภูธเรศวร์
ด้วยความน้อยใจที่เขาบอกรักเธอแต่กลับไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นทำให้อัญญาดาช้ำใจไม่น้อย ภูธเรศวร์กลับคิด
ว่าหญิงสาวตรงหน้าเข้าใจการกระทำทุกอย่างของเค้าแต่เปล่าเลยอัญญาดาโกรธแค้นกับการกระทำของครั้งนี้ของภู
ธเรศวร์มากแต่เธอได้แค่เก็บไว้ในใจ
“โธ่ อัญคุณเข้าใจผมนะ ที่ผมต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นก็เพื่อคุณย่า คุณก็รู้นี่ ส่วนผู้หญิงที่ผมรักคืออัญ อัญญา
ดาคนนี้ต่างหาก”ภูธเรศวร์พูดเสียงหวานมือหนาโอบกอดร่างบางเอาไว้อย่างอ้อนๆ จนอัญญาดาต้องยอมแพ้ใน
คารมของภูธเรศวร์ที่ผ่านมาไม่ว่าเขาจะมีผู้หญิงสักกี่คน แต่อัญญาดาก็คือผู้หญิงที่เค้ารู้สึกดีด้วยมากที่สุดแต่ถ้าจะ
เรียกว่ารักคงยังไม่ใช่เพราะเขาไม่เคยอยากจะแต่งงานกับเธอเลยแม้แต่น้อยไม่เคยหึงไม่เคยห่วง
“ภูอย่ามาปากหวานเลยค่ะ กลับไปหาเมียคุณเถอะ ป่านนี้คงอยากเข้าหอกับคุณเต็มแก่แล้วล่ะค่ะ” อัญญาดาเอ่ย
ปากไล่ภูธเรศวร์ออย่างไม่จริงไม่จังนัก ใบหน้าสวยคมหงิกงอบอกอารมณ์ของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี แต่ภูธเรศวร์
กลับยิ่งได้ใจมือหนาจับใบหน้าสวยหันมาทางเขาก่อนที่ริมฝีปากร้อนๆนั้นจะประกบลงไปบนริมฝีปากบางที่แต่งเต้ม
ไว้ด้วยริมสติ๊กสีแดงสดหญิงสาวไม่มีท่าทีขัดขืนแต่กลับเต็มใจสนองรสจูบแสนหวานนั้นด้วยความเร่าร้อนไม่แพ้กัน
ลิ้นหนาและลิ้นบางเริ่มพันกันเกี่ยวกระหวัดจนแทบจะหลวมรวมกันเป็นเนื้อเดียวกันเลยก็ว่าได้ ภูธเรศวร์ค่อยๆดัน
ร่างบางของหญิงสาวเข้ามาในห้องนอนโดยที่ริมฝีปากก็ยังคงเกี่ยวกระหวัดกันอย่างดูดดื่ม อัญญาดารับรู้ได้ถึงความ
ร้อนในร่างกายของตนเองที่เริ่มพลุ่งพล่านจากการเร้าโลมของภูธเรศวร์ ความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศแทบ
ไม่มีความหมายเลยสำหรับสองหนุ่มสาวที่กำลังตกอยู่ในห้วงไฟรักระเริงราคี เสื้อผ้าน้อยชิ้นค่อยถูกถอดมากองบน
พื้นอย่างรำคาญเต็มที ต่างฝ่ายต่างโรมรันจนแยกไม่ออกว่าใครที่เร่าร้อนกว่ากัน...
___________________จบตอนที่ ๑_______________________
คู่อยู่ด้วยกันมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด มันต้องใช้ความเข้าใจ เชื่อใจและไว้ใจกัน และที่สำคัญมันต้องใช้ความรัก”
เสียงของผู้เป็นย่ากล่าวอวยพรคู่บ่าวสาวด้วยความตื้นตันที่เห็นหลายชายแท้ๆกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที
“ครับคุณย่า” “ค่ะคุณย่า” ทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวตอบรับของผู้เป็นย่า แต่น่าแปลกก็คือทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่างทำ
หน้าอมทุกข์กันทั้งคู่ไม่มีสีหน้ายิ้มแย้มดีใจเลยสักนิด ดูไม่หวานชื่นเหมือนกับคู่แต่งงานที่กำลังจะเข้าหอจนผู้เป็น
แม่ต้องใช้สายตาปรามเจ้าบ่าวที่นั่งหน้าบึ้งตึงซังกะตายคล้ายคนมีแต่ความทุกข์มาแรมปี
“ต่อไปหนูริสสาก็จะมาเป็นลูกสะใภ้ของแม่แล้วนะลูก ตาภูลูกจะต้องดูแลลูกสะใภ้คนนี้ของแม่ดีๆนะรู้ไหม”
นางภารินทร์สั่งเชิงอ้อนวอนเพราะนางรู้ดีว่าลูกชายของนางนั้นเป็นอย่างไร การแต่งงานของทั้งคู่ก็ไม่ต่างอะไรกับ
การถูกคลุมถุงชนเลยทำให้นางภารินทร์แอบหวั่นใจอยู่ลึกๆว่าทั้งสองคนจะไม่สามารถประคับประคองชีวิตคู่กันต่อ
ไปได้
“ครับแม่ผมจะดูแลลูกสะใภ้คนโปรดของคุณแม่อย่างดีเลยละครับไม่ต้องห่วง”ภูธเรศวร์บอกกับมารดาด้วยน้ำ
เสียงประชดประชัน นางภารินทร์ถึงกับอ่อนใจ ก่อนจะชักสีหน้าปรามเจ้าลูกชายหัวโปรดที่พูดประชดประชดต่อหน้า
คุณย่าบังอรศรีหัวหน้าใหญ่ของบ้านที่เป็นต้นเรื่องของการแต่งงานในครั้งนี้
“วันนี้พ่อดีใจนะที่ได้เห็นลูกสาวของพ่อเป็นฝั่งเป็นฝาซะที พ่อจะได้หมดห่วงนอนตายตาหลับ ลูกต้องเป็นภรรยาที่
ดีของคุณภูนะริสสา”นายมงคลกล่าวอวยพรเมอร์ริสสาลูกสาวสุดที่รักด้วยความตื้นตันใจแต่น้ำเสียงแฝงไปด้วย
ความกังวลไม่น้อยเช่นกัน
“ค่ะคุณพ่อริสสาจะเป็นภรรยาที่ดีของพี่ภู ริสสารักคุณพ่อนะค่ะ” เมอร์ริสสาน้ำเสียงเศร้าสร้อย ใบหน้าสวยไม่มีแวว
ว่าดีใจเลยสักนิดที่ได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา จนผู้เป็นพ่อต้องปลอบโยนด้วยมือหนาที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาเพื่อ
คลายความเศร้าหมองที่อยู่ในจิตใจของลูกสาว ก่อนจะหันไปหาว่าที่ลูกเขยของตน
“คุณภูพ่อฝากลูกสาวคนนี้ของพ่อด้วยนะ ริสสาลูกสาวผมยังเด็กนักถ้าเธอทำอะไรไม่ดีก็อย่าถือสาเลยนะคุณภู ริส
สาคือดวงใจของผม พ่อขอแค่นี้แหละ”นายมงคลยิ้มบอกกับลูกเขยด้วยความตื้นตันที่ได้ลูกเขยอย่างภูธเรศวร์
เพราะเค้าคิดว่าภูธเรศวร์จะสามารถดูแลผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเค้าได้ดีที่สุด
“ผมไม่สัญญาหรอกว่าผมจะดูริสสาให้ดีได้อย่างที่สุด”ภูธเรศวร์เว้นวรรคคำพูดของตัวเองไว้ ทำเอาใจของทุกคนที่
ได้ฟังแทบสลายโดยเฉพาะเจ้าสาวแสนสวยที่นั่งอยู่ข้างกายเค้า “แต่ผมสัญญาว่าผมจะดูแลเธอจนกว่าลมหายใจ
ผมจะหมดลง
”ภูธเรศวร์เอ่ยกับผู้เป็นพ่อตาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจนเมอร์ริสสาเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าจะ
ได้ยินคำพูดนี้จากปากของชายที่เธอรักแต่ที่ผ่านมาเค้าทั้งเมินเฉย ไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ นี่ถ้า
ไม่ใช่บัญชาของผู้เป็นย่าเค้าและเธอคงไม่มีทางได้แต่งงานกันแน่ๆ แต่คำพูดนี้ของภูธเรศวร์ทำให้นายมงคล ผู้เป็น
ย่า และมารดาของเค้า ต่างพึงพอใจ
“ขอบคุณจริงๆขอบคุณมากลูกเขยพ่อ”นายมงคลขอบดีใจที่อย่างน้อยลูกเขยคนนี้ก็ทำให้เค้าได้วางใจไปเปราะนึง
ที่เขายกแก้วตาดวงใจให้
“เอาล่ะ คงได้ฤกษ์แล้วสินะ เจ้าบ่าวเจ้าสาวเค้าจะได้เข้าหอกัน ย่าจะได้อุ้มหลานเร็วๆ”
คุณย่าบังอรศรีพูดเตือนน้ำเสียงแฝงไปด้วยเลสนัย ทำเอาเจ้าสาวมื้อใหม่อย่างเมอร์ริสสาถึงกับอายจนหน้าแดง แต่
เจ้าบ่าวกับแสยะยิ้มกับท่าทีของเจ้าสาว
“งั้นภาว่าเราออกไปข้างนอกกันเถอะค่ะ คุณแม่ คุณมงคล ปล่อยให้คู่บ่าวสาวเข้าได้อยู่ด้วยกัน เราคงจะได้มีหลาน
กันในเร็ววันแน่ๆ“นางภารินทร์ยิ้มก่อนจะชวนคุณย่าบังอัญศรื และนายมงคลออกไปด้านนอกเพื่อเปิดทางให้คู่าวสา
วข้าวใหม่ปลามันอยู่ด้วยกันได้อย่างเต็มที่ แต่เหตุการณ์ภายในห้องหอกลับเงียบกริบเมื่อญาติผู้ใหญ่ต่างพากัน
ออกไปจากห้องหอแล้ว ทั้งภูธเรศวร์และเมอร์รริสสาต่างไม่มีใครยอมพูดกับใคร เมอร์ริสสาได้แต่ก้มหน้านิ่งจนภู
ธเรศวร์รู้สึกอึดอัดจนต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
“เอ้า นี่เธอจะเงียบอีกนานไหม ไปอาบน้ำซะสิ รึอยากจะทำอย่างอื่นก่อนอาบ”ภูธเรศวร์ไม่พูดเปล่าพร้อมกับอย่าง
สามขุมเข้ามาหาเจ้าสาวหมาดๆอย่างน่ากลัว จนเมอร์ริสสาเองต้องรีบเอ่ยอย่างละล่ำละลัก
“คะ...ค่ะ ริสสาจะรีบไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ค่ะพี่ภู”เมอร์ริสสาพยายามหลบเลี่ยงเจ้าบ่าวที่ยืนขวางเธออยู่ แต่ดูเหมือนว่า
เขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไปเข้าห้องน้ำง่ายๆซะแล้ว วงแขนแกร่งโอบล้อมร่างของเจ้าสาวแสนสวยอย่างรวดเร็วก่อน
ที่อีกฝ่ายจะตั้งตัว เมอร์ริสสาเริ่มตกใจกับท่าทีของอีกฝ่าย ใบหน้าคมเข้มสมชายชาตรีแต่ทว่าหล่อเหล่าราวกับเทพ
บุตรก็ไม่ปานอยู่ใกล้กับใบหน้าของเธอเพียงไม่ถึงคืบ รับรู้ได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ความร้อนจากลมหายใจ
ที่ส่งผ่นให้แก่กันทำให้เมอร์ริสสาถึงกับร้อนๆหนาวๆ แต่คนตัวโตกับไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเธอด้วยเลยเขาคงจ้องลึกเค้า
ไปในดวงตาใสแป๋วราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสาก็ไม่ปาน แต่ในแววตาคู่นั้นก็บ่งบอกได้ดีว่าหญิงสาวรู้สึกกลัวเขาแค่
ไหน ยิ่งทำให้ภูธเรศวร์อยากจะแกล้งเธอยิ่งนัก
“ยังไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ ฉันว่าเรามาทำเรื่องยังว่ากันก่อนดีกว่า” ภูธเรศวร์ไม่รอช้า ริมฝีปากหนาก้มลงไป
จุมพิตริมฝีปากบางของอีกฝ่ายทันทีอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวลิ้นหนาร้อนๆสอดแทรกเข้าไปตามไรฟันขาวที่ปิดไม่ยอม
ให้ลิ้นหนาเข้าไปสำรวจหาความหวานได้แต่มีหรือเสือผู้หญิงผู้ช่ำชองในบทรักอย่างภูธเรศวร์จะยอม ต่างฝ่ายต่าง
งัดข้อกันด้วยริมฝีปากอย่างดุเดือดเลือดพล่าน เมอร์ริสสาถึงกับตาค้างกับการกระทำของภูธเรศวร์มือน้อยปัดป่ายไป
มาเพื่อต้องการอากาศหายใจเพราะการจุมพิตครั้งนี้มันไม่ได้อ่อนหวานชวนให้รุ่มหลงแต่เป็นการจุมพิตที่แสนจะ
ทรมานเพราะทั้งเจ็บและทั้งหายใจไม่ออก แต่ภูธเรศวร์กับไม่รู้สึกสะทกสะท้านมือหนากับค่อยๆลุกไล้ไปทางด้าน
หลังเพื่อรูดซิปชุดแต่งงานของเจ้าสาวแต่มันคงไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อเจ้าสาวของเขาดิ้นไปมาไม่ยอมให้เค้ารุกล้ำ
ดินแดนได้ง่ายๆ จนภูธเรศวร์ชักโมโหถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดายในรสจูบที่เค้าคิดว่าแสนหวาน แต่สำหรับคน
ตัวเล็กแล้วมันเป็นจุมพิตที่เอาแต่ได้เพียงฝ่ายเดียว
“พี่ภูปล่อยริสสานะค่ะ อย่าทำอะไรริสสาเลยริสสากลัว” เมอร์ริสสาพูดติดขัดเพราะยังตกใจกับเหตุการณ์ที่พึ่งเกิด
ขึ้นไม่หาย ภูธเรศวร์ยิ้มหยันในทาทีของหญิงสาวที่ทำท่าว่าตกใจยังกับพึ่งเคยโดนจูบเป็นคนครั้งแรก “นี่เธออย่า
ทำเป็นไม่เคยหน่อยเลย แอ๊บใสซื่อไร้เดียงสาแบบนี้อย่าคิดนะว่าฉันจะเชื่อ เธออาจจะตบตาคนอื่นได้ แต่ตบตาคน
อย่างฉันไม่ได้หรอกเมอร์ริสสา ตอนนี้เธอก็ได้ใช้นามสกุล ปัญญาธรแล้วนี่คงสมใจเธอกับพ่อของเธอแล้วสินะ”ภู
ธเรศวร์เอ่ยวาจาเชือดเฉือนน้ำใจของเมอร์ริสสาโดยไม่สนใจว่าหญิงสาวตรงหน้าจะรู้สึกเช่นไร เมอร์รริสสาถึงกับ
โกรธที่ชายหนุ่มที่เธอรักเขากำลังกล่าวหาล่วงเกินบิดาผู้บังเกิดเกล้าของเธอ
“พี่ภูถ้าพี่เกลียดริสสามากนัก พี่ภูจะมาแต่งงานกับริสสาทำไม แล้วอีกอย่างคุณพ่อก็ไม่เคยคิดแบบที่พี่ภูบอกด้วย
อย่ามากล่าวหาคุณพ่อของริสสานะ ถ้าอยากจะว่าก็ว่าริสสาคนเดียวสิ” เมอร์ริสสาชักฉุน แต่กลับทำให้ภูธเรศวร์นึก
ขำที่อยู่ดีๆหญิงสาวที่ไม่เคยคิดจะมีปากมีเสียงเถียงใครได้ลุกขึ้นมาเถียงกับเค้า แต่ภูธเรศวร์ก็ต้องยอมรับว่าเขาคง
พูดแรงเกินไปจริงๆแต่มันก็สมควรแล้วไม่ใช่หรือกับผู้หญิงที่คิดจะจับเค้า
“ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะเมอร์ริสสาที่ฉันแต่งงานกับเธอไม่ใช่เพราะฉันพิศวาสอะไรในตัวเธอหรอก แต่เพราะฉัน
ขัดคำสั่งคุณย่าไม่ได้ ถึงใครๆจะคิดว่าเธอเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฏหมายของฉันแต่สำหรับฉันแล้วเธอก็ไม่ต่างอะไร
กับนางบำเรอฉันจะทำอะไรกับเธอก็ย่อมได้ จำใส่กะโหลกหนาๆของเธอเอาไว้เมอร์ริสสา” ภูธเรศวร์พูดจาเหยียด
หยันน้ำใจของเมอร์ริสสาถึงแม้เธอจะรู้ว่าเค้าเกลียดเธอมากแค่ไหนแต่ทำไมหัวใจดวงน้อยๆของเธอก็ยังคงเป็น
ของเขาเสมอมา ทั้งที่ผ่านมาไม่เคยมีสักวันที่เขาจะทำดีหรือพูดดีๆกับเธอ แต่เธอก็ยังคงรักเค้าอยู่ดี
“ริสสารู้ตัวดีค่ะว่าพี่ภูเกลียดริสสามากแค่ไหนริสสายอมพี่ภูทุกอย่างไม่ว่าพี่ภูจะให้ริสสาอยู่ในฐานะอะไรก็ตาม ไม่
ว่าพี่ภูจะทำร้ายริสสามากแค่ไหนแต่ริสสาก็อยากให้พี่ภูรู้เอาไว้ว่า ริสสารักพี่ภูเสมอและหัวใจดวงนี้ก็จะเป็นของพี่ภู
คนเดียว”เมอร์ริสสาจ้องมองใบหน้าคมเข้มด้วยความรักอย่างเต็มเปรี่ยมจนภูธเรศวร์อึ้งเล็กน้อยไม่คิดว่าหญิงสาวที่
เค้าไม่เคยแยแสไม่เคยคิดจะรักกลับรักเค้ามากขนาดนี้ จิตใจแข็งกล้าวอ่อนยวบราวกับต้องมนต์ แต่เพราะซาตานที่
สิงอยู่ในร่างเขาหรืออย่างไรที่ทำให้ภูธเรศวร์ต้องข่มความรู้สึกอ่อนไหวนี้เอาไว้ในส่วนลึกในจิตใจไม่ว่ายังไงๆเขาก็
ไม่วันรักผู้หญิงที่เห็นแก่เงินคนนี้อย่างแน่นอน
“หยุดพร่ำเพ้อพูดว่ารักฉันซะทีเมอร์ริสสา ฉันเกลียดผู้หญิงเห็นแก่เงินอย่างเธอที่สุด ได้ยินไหมว่าฉันเกลียดเธอ
ไม่ว่าจะวันไหนต่อให้เธอจะทำดีกับฉันมากแค่ไหนฉันก็จะไม่มีทางรักเธอ หัวใจของฉันไม่ได้มีไว้สำหรับเธอเมอร์ริ
สสา”ภูธเรศวร์ตัดรักเมอร์ริสสาอย่างไม่ใยดี เมอร์ริสสานิ่งอึ้งแต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงเธอก็เลิกรักเค้าไม่ได้อยู่ดี
“ไม่เป็นไรค่ะริสสาไม่ได้ต้องการให้พี่ภูมารักริสสา ริสสาขอแค่รักพี่ภูก็พอแล้ว”เมอร์ริสสาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
พร้อมกับส่งยิ้มหวานแทบทำให้อีกฝ่ายใจละลาย ภูธเรศวร์ถึงกับต้องควบคุมสติตัวเองเอาไว้ก่อนจะดีดตัวขึ้นจาก
ร่างนิ่มอย่างเสียดาย
“หน้าด้าน! ผู้หญิงอย่างเธอมันหน้าด้าน ชายเค้าไม่รักยังจะดันทุรังบอกรักอีก” ภูธเรศวร์แกล้งทำเป็นโมโหทั้งที่
จริงแล้วเขากลับยินดีไม่น้อยเมื่อได้ยินคำบอกรักจากหญิงสาวตรงหน้า ถึงแม้เขาจะได้ยินบ่อยแล้วโดยที่ทุกครั้ง
เค้าก็มักจะต่อว่าเธอต่างๆนาๆแต่ความรุ้สึกของเขากลับตรงกันข้ามเมื่อเขารู้สึกยินดีและหวั่นไหวกับคำบอกรักของ
เธอมากมายแค่ไหนเพียงแต่เขาพยายามปิดกั้นตัวเองไม่ให้รักเธอเท่านั้นเอง
“พี่ภูจะด่าจะว่าอะไรริสสาก็ได้ ริสสายินดี ไม่ว่ายังไงริสสาก็รักพี่ภูอยู่ดี”น้ำตาหยดใสไหลรินมาจากดวงตาคู่สวย
อย่างห้ามไม่อยู่ ภูธเรศวร์ถึงกับต้องหันไปทางอื่นก่อนจะสบถด้วยความโมโหตัวเองที่ไม่สามารถหยุดความสงสาร
ที่เค้ามีต่อเมอร์ริสสาได้เลย ยิ่งได้เห็นน้ำตาจากสาวเจ้าเค้าก็ยิ่งหวั่น
“โธ่ เอ้ย!!! จะร้องอะไรกันนักกันหนาว่ะ” ยิ่งได้ยินภูธเรศวร์สบถน้ำตาเจ้ากรรมก็ดันไหลมาไม่หยุด “อยากร้องไห้
นักก็ร้องไปเลย ฉันไปหาความสุขข้างนอกดีกว่า เข้าใจไหมว่าฉันเบื่อ เบื่อ และเบื่อ” ภูธเรศวร์ตะคอกใส่เมอร์ริสสา
ก่อนจะเดินออกจากห้องหอไปโดยไม่หันกลับมามองเจ้าสาวที่นั่งร้องไห้เพราะการกระทำของเขาเลยแม้แต่น้อย
“แม้ปรายหางตาของพี่ภู ริสสาก็ไม่ได้อยุ่ใช่ไหมค่ะ ขนาดวันแต่งงานของเราแต่ทำไมพี่ภูไม่เห็นความสำคัญของ
มันเลย ทำไมพี่ภูต้องทิ้งริสสาไว้คนเดียวด้วย ริสสาอยากให้เราเป็นเหมือนคู่แต่งงานคู่อื่นๆ “มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่
เป็นเพื่อนเมอร์ริสสาในยามนี้ได้ดีที่สุด หญิงสาวได้แต่มองดูชายคนรักขับรถออกไปข้างนอก ในเมื่อวันนี้เป็นวัน
แต่งงานของเธอกับเขาแท้ๆแต่เขาก็ไม่เคยคิดจะอยู่กับเธอ เธอก็คงไม่ต่างอะไรกับฝุ่นละอองที่ไร้คุณค่าในสายตา
เขาไม่มีวันได้อยู่ในหัวใจของเขา
“อ้าว เสียงรถของใครนอกไปข้างนอกน่ะแม่ภา หวังว่าคงจะไม่ใช่เสียงรถของตาภูหรอกนะแม่ภา”คุณย่าบังอรศรี
ถามลูกสะใภ้ด้วยความเอ๊ะใจเพราะเสียงรถที่ออกไปข้างนอกนั้นคล้ายกับเสียงรถของหลานชายหัวแก้วหัวแหวน
ของตน นางภารินทร์ถึงกับต้องรีบวิ่งไปดูที่หน้าต่างทันทีในใจก็ได้แต่ภาวนาว่าคงไม่ใช่ลูกชายสุดที่รักของตนแต่
มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ซะแล้วเมื่อรถคันนั้นเป็นรถคันหรูที่กำลังแล่นออกจากคฤหาสน์ปัญญาธรเป็นรถของ
ลูกชายนางจริงๆ นางภารินถึงกลับใจหายวาบ เมื่อนึกถึงเมอร์ริสสาเจ้าสาวที่ถูกทิ้งให้ร้างหอในวันแต่งงานนางรู้สึก
สงสารเมอร์ริสสาจับใจ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเจ้าลุกชายตัวดีของนาง
“รถใครหรือแม่ภา”เสียงของคุณย่าบังอรศรีตะโกนเรียกลูกสะใภ้ด้วยความอยากรู้ นางภารินทร์ถึงกับตกใจขานรับอย่างละล่ำละลัก
“อะ...อะไรนะค่ะคุณแม่”
“แม่ถามว่า รถใครที่ออกไป รถตาภูใช่ไหม” คุณย่าบังอรศรีพอจะจับสถานการณ์ถูกว่าอะไรเป็นอะไร เหมือนว่านาง
จะรู้อยู่แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง
“เอ่อ...ใช่ค่ะคุณแม่ ตาภูขับรถออกไปข้างนอก”นางภารินทร์จำใจต้องบอก
“เฮ้อ...แม่ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือคิดถูกที่บังคับให้เด็กสองคนเขาแต่งงานกัน ถ้าชีวิตคู่ของเค้าสองคนจะไม่ราบลื่นก็คง
ต้องโทษแม่แล้วล่ะ ที่คลุมฝูงชนเด็กทั้งสองคน”คุณย่าบังอรศรีถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความผิดพลาดครั้ง
ใหญ่หลวงของนางเอง สีหน้าของหญิงวัยชราดูเศร้าลงและเป็นกังวลมากมายนักที่ตนได้ตัดสินใจผิดพลาดและมัน
ก็ยากเกินกว่าจะกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก
“ไม่หรอกนะค่ะคุณแม่ ภาเชื่อว่าตาภูและหนูริสสาจะสามารถประคับประคองชีวิตคู่กันต่อไปได้อย่างมีความสุข
แน่นอน เพราะมันมีอะไรบางอย่างบอกให้ภาเชื่อแบบนั้นค่ะคุณแม่ ภามองตาของตาภูก็รู้ว่าตาภูแอบมีใจให้หนูริส
สาอยู่ลึกๆเพียงแต่ตาภูไม่ยอมรับความรู้สึกนั้นเองต่างหากล่ะค่ะคุณแม่” นางภารินทร์ยิ้มเล็กน้อยถึงแม้ว่าสิ่งที่นาง
คิดจะเป็นจริงแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่านางไม่ได้กังวล
“แม่ก็ขอให้เป็นแบบนั้นล่ะนะภา แม่ก็ได้แต่หวังว่าจะได้อุ้มหลานก่อนตายเท่านั้นเอง คนแก่ไม่ได้ต้องการอะไรไป
มากกว่านี้หรอก” คุณย่าบังอรศรีเริ่มยิ้มได้เมื่อพูดถึงเรื่องหลาน
“งั้นเราสองคนก็ต้องคอยเป็นกามเทพแล้วล่ะค่ะคุณแม่ เราจะได้มีหลานอุ้มกันเร็วๆ”นางภารินทร์ยิ้มกริ่มเมื่อคิดแผน
อะไรดีๆออก คุณย่าบังอรศรีงงเล็กน้อยกับท่าทีของลูกสะใภ้
“กามเทพออะไรรึแม่ภา คิดแผนอะไรออกบอกแม่บ้างสิ” คุณย่าบังอรศรีรู้ทันก่อนจะเอียงหูไปรับฟังแผนจากลูก
สะใภ้โดยเร็ว ทั้งสองแม่สามีกับลูกสะใภ้ต่างกระซิบบอกแผนลับให้รู้กันแค่เพียงสองคน
“มันจะดีหรือแม่ภา” คุณย่าบังอรศรีถะลึงตาโตเมื่อได้ฟังแผนลับจากลูกสะใภ้คนโปรด
“ดีสิค่ะคุณแม่ รับรองเราได้หลานอุ้มเร็วๆนี้แน่ค่ะ”นางภารินทร์ยิ้มอย่างมีเลศนัย ให้กับแม่สามี “เอาก็เอา เพื่อ
หลานแม่ยอมทำทุกอย่าง”คุณย่าบังอรศรีถึงแม้จะไม่ค่อยเห็นด้วยกับแผนนี้สักเท่าไหร่แต่ด้วยความอยากมีหลาน
จึงทำให้คุณย่าบังอรศรีจำต้องเห็นด้วยกับแผนการของลูกสะใภ้
“ดีค่ะคุณแม่ เราคงจะได้เริ่มภารกิจพิชิตหลานรักกันสักที” นางภารินพยักหน้าหยั่งเชิงให้แม่สามีคล้อยตามนาง
“สู้โว๊ย เพื่อหลาน” คุณย่าบังอรศรีถึงกับพูดให้กำลังใจตัวเอง นางภารินทร์ถึงกับหลุดขำออกมากับท่าทีของแม่
สามี ทั้งสองคนต่างอมยิ้มให้กันเป็นรับรู้ถึงแผนการเด็ด ทางด้านของภูธเรศวร์ใยยามนี้เค้าก็ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือคิดถูก
ที่ออกมาจากห้องหอทิ้งให้เจ้าแสนสวยของเค้าร้างหอเพียงผู้เดียว เขารู้ดีว่าเมอร์ริสสารู้สึกเช่นไรกับการกระทำ
ของเค้าแต่ถ้าหากเขาไม่ทำแบบนี้แล้วล่ะก็คนที่จะเจ็บปวดมากที่สุดก็อาจเป็นตัวของเขาเองที่ต้องกลืนน้ำลายตัว
เองรักผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน ใครจะว่าเขาเห็นแก่ตัวก็คงได้แต่จะมีใครเข้าใจว่าภูธเรศวร์ชายหนุ่มผู้ไม่เคยยอมสยบต่อ
หญิงสาวคนใดกลับต้องมาถูกคลุมถุงชนแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาเกลียดมากที่สุดอย่างเมอร์ริสสา พูดไปก็คงไม่มี
ใครเข้าใจหรอกว่าเขาก็เจ็บปวดไม่แพ้หญิงสาวเหมือนกัน
“เมอร์ริสสาเธออย่าดีกับฉันมากเกินไปได้ไหม เธอรู้บ้างไหมว่าฉันพยายามไม่รักเธอ” ภูธเรศวร์ได้แต่พร่ำเพ้อกับ
ตัวเองเพราะหัวใจที่เคยเดียดฉันท์เคยรังเกรียจว่าเมอร์ริสสาเป็นผู้หญิงหน้าไม่อายในตอนนี้กลับต่อต้านความคิดนี้
ของเขาซะแล้ว
“เป็นบ้าอะไรของแกว่ะไอ้ภู แกจะรักเมอร์ริสสาไม่ได้เด็ดขาด ตื่นซะทีไอ้ภู” ภูธเรศวร์พยายามเตือนสติของตัวเอง
ก่อนจะเร่งความเร็วของรถขึ้นอีกระดับหนึ่ง เป้าหมายของภูธเรศวร์ก็คือคอนโดหรูใจกลางเมืองนั่นเอง แต่ใช่ว่าภู
ธเรศวร์จะเข้าไปพัก เขาต้องการไปพบใครบางคนที่สามารถทำให้เค้าสบายใจได้ ไม่นานรถคันหรูก็ขับมาจอดใน
คอนโดหรูที่เขาเป็นเจ้าของอยู่ร่างสูงก้าวลงจากรถด้วยมาดนิ่งๆโดยไม่สนใจพนักงานที่กุลีกุจอมาสวัสดีและต้อนรับ
เลยแม้แต่นิดเดียว จนมาถึงหน้าห้องพักเป้าหมายที่เค้าจะมาหาในคืนนี้ ภูธเรศวร์รูดคีย์การ์ดก่อนจะเดินเข้าไปใน
ห้องชายหนุ่มกวาดสายตาไปที่เตียงนอนที่ว่างเปล่าอย่างสงสัย
“อัญคุณอยู่ที่ไหนนะ”ภูธเรศวร์สบถแล้วครุ่นคิดว่าตอนนี้หญิงสาวอยู่ที่ไหน ก่อนจะนึกขึ้นได้ร่างสูงรีบเดินไปเปิด
ม่านเพื่อไปหาหญิงสาวที่ริมระเบียงไม่ผิดคลาดหล่อนยืนอยู่ที่ริมระเบียงอย่างที่เขาคิดไม่มีผิด
“มาแล้วหรือค่ะภู วันนี้วันแต่งงานของคุณนี่ค่ะทำไมคุณไม่เข้าหอกับเจ้าสาวของคุณล่ะ”อัญญาดาตัดพ้อภูธเรศวร์
ด้วยความน้อยใจที่เขาบอกรักเธอแต่กลับไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นทำให้อัญญาดาช้ำใจไม่น้อย ภูธเรศวร์กลับคิด
ว่าหญิงสาวตรงหน้าเข้าใจการกระทำทุกอย่างของเค้าแต่เปล่าเลยอัญญาดาโกรธแค้นกับการกระทำของครั้งนี้ของภู
ธเรศวร์มากแต่เธอได้แค่เก็บไว้ในใจ
“โธ่ อัญคุณเข้าใจผมนะ ที่ผมต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นก็เพื่อคุณย่า คุณก็รู้นี่ ส่วนผู้หญิงที่ผมรักคืออัญ อัญญา
ดาคนนี้ต่างหาก”ภูธเรศวร์พูดเสียงหวานมือหนาโอบกอดร่างบางเอาไว้อย่างอ้อนๆ จนอัญญาดาต้องยอมแพ้ใน
คารมของภูธเรศวร์ที่ผ่านมาไม่ว่าเขาจะมีผู้หญิงสักกี่คน แต่อัญญาดาก็คือผู้หญิงที่เค้ารู้สึกดีด้วยมากที่สุดแต่ถ้าจะ
เรียกว่ารักคงยังไม่ใช่เพราะเขาไม่เคยอยากจะแต่งงานกับเธอเลยแม้แต่น้อยไม่เคยหึงไม่เคยห่วง
“ภูอย่ามาปากหวานเลยค่ะ กลับไปหาเมียคุณเถอะ ป่านนี้คงอยากเข้าหอกับคุณเต็มแก่แล้วล่ะค่ะ” อัญญาดาเอ่ย
ปากไล่ภูธเรศวร์ออย่างไม่จริงไม่จังนัก ใบหน้าสวยคมหงิกงอบอกอารมณ์ของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี แต่ภูธเรศวร์
กลับยิ่งได้ใจมือหนาจับใบหน้าสวยหันมาทางเขาก่อนที่ริมฝีปากร้อนๆนั้นจะประกบลงไปบนริมฝีปากบางที่แต่งเต้ม
ไว้ด้วยริมสติ๊กสีแดงสดหญิงสาวไม่มีท่าทีขัดขืนแต่กลับเต็มใจสนองรสจูบแสนหวานนั้นด้วยความเร่าร้อนไม่แพ้กัน
ลิ้นหนาและลิ้นบางเริ่มพันกันเกี่ยวกระหวัดจนแทบจะหลวมรวมกันเป็นเนื้อเดียวกันเลยก็ว่าได้ ภูธเรศวร์ค่อยๆดัน
ร่างบางของหญิงสาวเข้ามาในห้องนอนโดยที่ริมฝีปากก็ยังคงเกี่ยวกระหวัดกันอย่างดูดดื่ม อัญญาดารับรู้ได้ถึงความ
ร้อนในร่างกายของตนเองที่เริ่มพลุ่งพล่านจากการเร้าโลมของภูธเรศวร์ ความหนาวเย็นจากเครื่องปรับอากาศแทบ
ไม่มีความหมายเลยสำหรับสองหนุ่มสาวที่กำลังตกอยู่ในห้วงไฟรักระเริงราคี เสื้อผ้าน้อยชิ้นค่อยถูกถอดมากองบน
พื้นอย่างรำคาญเต็มที ต่างฝ่ายต่างโรมรันจนแยกไม่ออกว่าใครที่เร่าร้อนกว่ากัน...
___________________จบตอนที่ ๑_______________________

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 เม.ย. 2556, 12:13:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 เม.ย. 2556, 15:44:05 น.
จำนวนการเข้าชม : 1571
นี่หรือชีวิตการแต่งงาน 100% >> |