สามีร้ายพ่ายแรงรัก
เมื่อเขาร้ายทำไมเธอถึงยังรัก???
แล้วถ้าเธอจะร้ายบ้างเค้าจะรักเธอไหม???
หาคำตอบได้ใน สามีร้ายพ่ายเเรงรัก
แล้วถ้าเธอจะร้ายบ้างเค้าจะรักเธอไหม???
หาคำตอบได้ใน สามีร้ายพ่ายเเรงรัก
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: นี่หรือชีวิตการแต่งงาน 100%
วันนี้น่าจะเป็นเช้าวันใหม่ที่สดใสของหญิงสาวที่พึ่งผ่านการแต่งงานมาหมาดๆแต่หาเป็นเช่นนั้นไม่เมื่อเธอถูกสามีทิ้งให้ล้างเรือนหอเพียงลำพัง เธอก็คงไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงไร้ค่าไร้ความหมายในสายตาเขา เธอไม่มีสิทธิ์ได้กอดเขา ไม่มีสิทธิ์ได้นอนหลับอยู่ข้างๆกับเขา เธอไม่มีสิทธิ์ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นเขายิ้มให้ เธอไม่เคยมีสิทธิ์ใดๆในตัวของเขาเลย เมอร์ริสสาได้แต่น้อยเนื้อต่ำใจที่เธอเป็นเพียงผู้หญิงเห็นแก่เงินในสายตาเขาเท่านั้นไม่มีวันได้เป็นคนที่เขารักไม่มีทางได้หัวใจของเขามาครอบครอง การแต่งงานสำหรับเมอร์ริสสาและภูธเรศวร์เป็นเพียงการแต่งงานที่ผูกมัดแค่เพียงทางกายเท่านั้นแต่ทางใจเธอไม่สามารถผูกมัดเขาได้เลย ยิ่งคิดถึงเมื่อคืนยิ่งทำให้หญิงสาวเสียใจยิ่งนักในการกระทำของภูธเรศวร์ที่ทิ้งให้เธอนอนหนาวเพียงลำพังในห้องหอที่ควรจะมีเข้าบ่าวและเจ้าสาวนอนกอดให้ความอบอุ่นแก่กันแต่มันกลับไม่เคยเป็นอย่างที่เมอร์ริสสาฝันไว้เลยแม้แต่นิดเดียว ความฝันและความหวังของผู้หญิงคนนึงพังทลายลงด้วยฝีมือของชายหนุ่มที่เธอรักแสนรักนักหนาแต่สุดท้ายเขาก็ตอบแทนเธอด้วยความเจ็บปวดอยู่ร่ำไป แต่เป็นเช่นใดหนอใจเจ้ากรรมก็ยังคงมั่นรักเพียงแต่เขาเสมอมาไม่เคยเปลี่ยน
“ถึงพี่ภูจะไม่เคยรักริสสาเลยแม้แต่นิดเดียว แต่หัวใจของริสสาก็ไม่สามารถเลิกรักพี่ภูได้อยู่ดี”เมอร์ริสสามองไปที่รูปของภูธเรศวร์ที่เป็นตัวแทนของชายหนุ่มที่เธอรัก มือบางเอื้อมไปหยิบรูปนั้นขึ้นมาอย่างเบามือก่อนจะจ้องไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มที่อยู่ในรูปอย่างไม่เข้าใจ
“ริสสาจะต้องทำยังไงค่ะถึงจะเข้าได้เข้าไปอยู่ในหัวใจของพี่ภูได้บ้าง” เมอร์ริสสาได้แต่พร่ำเพ้อกับรูปภาพของภูธเรศวร์อย่างอาลัยอาวร ครั้งนี้อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่เค้าทำร้ายจิตใจเธอ แต่ทว่ามันช่างรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมานัก เพราะชายหนุ่มหาได้รู้ตัวไม่ว่าได้ทำลายความฝันชีวิตการแต่งงานของผู้หญิงคนหนึ่งไปแล้วจนหมดสิ้น เมอร์ริสสาวางรูปลงที่เดิม ร่างบางในชุดเดรสสีขาวลายดอกไม้ ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงเล็กน้อยแต่กลับส่งผลให้หญิงสาวดูสวยโดดเด่นกว่าผู้หญิงบางคนที่แต่งหน้าจัดจ้านเสียด้วยซ้ำไป หญิงสาวมองไปที่ระเบีบงที่มีเพียงกระจกบานใสๆขวางกั้นอยู่ ก่อนจะเดินไปเลื่อนมันออก เมอร์ริสสาออกไปมองท้องฟ้าที่ตอนนี้แสงแดดอ่อนจากพระอาทิตย์เริ่มส่องลงมาแล้ว เมฆสีดำค่อยๆลอยผ่านพัดไปท้องฟ้าแจ่มใสเข้ามาแทนที่ ถ้าชีวิตของเธอเป็นแบบนั้นก็คงจะดีไม่น้อย เมอร์ริสสาปล่อยสติและความคิดไปตามแรงลมที่พัดมาถูกผิวกายที่นวลเนียนขาวสะอาด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดเต็มแรงอย่างเพื่อปลดปล่อยความทุกข์ใจออกจากสมองที่ตอนนี้เริ่มรุมเร้ามาถึงจิตใจของเธอแล้ว
ก็อกๆ!!! เสียงเคาะประตูดังขึ้น เรียกสติของเมอร์ริสสากลับมา หญิงสาวตกใจสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะปรับระดับอารมณ์ของตนให้เป็นปกติ
“คุณริสสาค่ะคุณท่านและคุณผู้หญิงสั่งให้หนูมาตามคุณภูและคุณริสสาไปทานอาหารเช้าค่ะ”เสียงสาวใช้วัยกระเตาะดังขึ้น
“ขอบใจจ๊ะแต้ว ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี่แหละจ๊ะ”เมอร์ริสสาขานรับสาวใช้
“งันแต้วไปจัดโต๊ะก่อนนะค่ะคุณริสสา” สาวใช้วัยกระเตาะรับคำเจ้านายก่อนจะรีบเดินลงไปด้านล่างเพื่อจักเตรียมอาหารมื้อเช้า
“จ๊ะแต้ว”เมมอร์ริสสาพยายามทำตัวเองให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้เพราะเธอไม่อยากให้ผู้ที่ได้ชื่อว่ามีพระคุณต้องมาเครียดเรื่องของเธอกับภูธเรศวร์ไปด้วย แต่ปัญหามันอยู่ที่เธอจะแก้ตัวแทนภูธเรศวร์ยังไงว่าเค้าออกไปไหนในเมื่อเธอก็ไม่รู้จริงๆว่าเค้าหายออกไปไนมาทั้งคืนจนป่านนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาเลย เมอร์ริสสาได้แต่ถอนหายใจ
“เฮ้อ...”
“ภูจะกลับบ้านแล้วหรือค่ะ อย่าพึ่งรีบกลับสิคะ อัญอยากอยู่กับคุณนานๆ นะค่ะภู” อัญญาดาลุกขึ้นจากเตียงนอนด้วยร่างกายเปลือยเปล่าราวกับว่าต้องการยั่วตัณหาราคะในตัวของภูธเรศวร์ให้ลุกโชน เพราะมันใช้ได้ผลทุกครั้งที่จะทำให้เค้าอยู่กับเธอนานๆ เธอถือคติที่ว่าไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องเอาด้วยคาถา และเมื่อเธออยากจะได้อะไรแล้วเธอก็จะต้องได้
“อัญครับวันนี้ผมคงอยู่กับคุณไม่ได้ คุณอย่าลืมสิว่าผมแต่งงานแล้วนะ” ภูธเรศวร์ปลอบใจอัญญาดาด้วยเสียงอ่อนหวานออดอ้อน แต่หญิงสาวกลับยิ่งนึกโมโหกลับคำว่าแต่งงานของเค้า
“ใช่สิค่ะ ภูแต่งงานมีเมียแล้วนี่นาอัญก็ลืมไปว่า อัญก็มีฐานะไม่ต่างอะไรกับเมียน้อยของภูหรอก”อัญญาดาทำหน้าหงิกหงอราวกับนางร้ายในละครก็ไม่ปาน
“โธ่ อัญครับไม่จริงเลยคุณคือคนที่ผมรัก ส่วนผู้หญิงคนนั้นถึงใครๆจะรู้ว่าอยู่ในฐานะเมียของผมแต่สำหรับผมเค้าก็ไม่ต่างอะไรกับนางบำเรอหรอก คุณอย่าห่วงไปเลยนะ” ภูธเรศวร์สรรหาคำพูดสารพัดมาเพื่อที่จะให้อัญญาดาไว้วางใจจะได้ปล่อยตัวเขาให้กลับบ้านซะที เพราะตอนนี้ในใจเค้าร้อนรุ่มไปด้วยเมอร์ริสสาเจ้าสาวที่เขาเองเป็นคนทิ้งให้หล่อนร้างหอ คิดถึงริมฝีปากบางที่เค้าได้ลิ้มรสจุมพิตอันแสนหวานเมื่อคืน คิดถึงกลิ่นกายหอมอ่อนๆ คิดถึงใบหน้าหวานสวย คิดถึงทุกๆอย่างที่เป็นเมอร์ริสสาเลยก็ว่าได้จนทำให้ภูธเรศวร์แทบคลุมคลั่ง นี่เค้าเป็นอะไรไปนี่
“จริงหรือค่ะภูที่ภูเห็นแม่เด็กนั่นเป็นแค่นางบำเรอ” อัญญาดาย้ำถามเพราะไม่อยากจะเชื่อคำพูดของภูธเรศวร์ซักเท่าไหร่เพราะแววตาและคำพูดของชายหนุ่มมันช่างตรงกันข้ามเสียเหลือเกิน อัญญาดาเองก็นึกหวั่นไม่น้อย สายตาที่เคยมองหล่อนอย่างรักใคร่นักหนาแต่ทำไมในตอนนี้คำบอกรักของภูธเรศวร์ช่างดูว่างเปล่าเสียเหลือเกินเหมือนเขาพยายามหลอกตัวเอง ไม่ใช่ว่าอัญญาดาจะดูไม่ออกแต่หล่อนไม่อยากจะให้ไก่ตื่นเพราะไม่เช่นนั้นหล่อนอาจจะต้องเสียภูธเรศวร์ไปตลอดชีวิตเลยก็อาจเป็นได้
“จริงสิครับอัญคุณคือคนที่ผมรัก คุณคนเดียวเท่านั้น”ภูธเรศวร์ยังคงหลอกตัวเองว่ารักอัญญาดาทั้งๆที่ตอนนี้เขาแทบไม่รู้สึกอะไรกับเธอเลยด้วยซ้ำไปแต่เพราะอะไรที่ทำให้เค้าต้องหลอกตัวเองก็เพราะเค้าไม่ต้องการรักผู้หญิงหน้าเงินแบบเมอร์ริสสายังไงล่ะ
“ขอบคุณนะค่ะภู อัญก็รักภูค่ะ และภูก็จะต้องเป็นของอัญคนเดียวตลอดไป” อัญญาดาเองถึงแม้จะรู้ว่าความรู้สึกระหว่างเค้าและหล่อนอาจจะเปลี่ยนไปแต่ความหลงที่ยังคงมีมากทำให้หล่อนก็ยังคงหลงระเริงคิดว่าภูธเรศวร์ยังรัก และเพราะความหลงนี้ทำให้หล่อนต้องแย่งภูธเรศวร์กลับมาเป็นของหล่อนเพียงคนเดียวทั้งตัวและหัวใจให้ได้ผู้หญิงหน้าไหนก็ไม่มีสิท์มาแย่งทั้งนั้นภูธเรศวร์กลับมาที่คฤหาสน์ปัญญาธรด้วยท่าทีเหนื่อยใจมากกว่าเดิมเขาไม่รู้ว่าคิดผิดหรือคิดถูกที่ไปอยู่กับอัญญาดา ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้เค้าคงจะมีความสุขที่ได้อยู่กับหล่อน แต่ทำไมตอนนี้มันกลับตรงกันข้ามเสียจริงที่เขากลับคิดถึงแต่หญิงสาวที่เขาเกลียดนักๆเกลียดหนา ร่างสูงก้าวอย่างรวดเร็วเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ตอนนี้เขาหวังเพียงว่าทุกคนในบ้านคงยังไม่มีใครลงมาอยู่ด้านล่างเพราะไม่อย่างงั้นเค้าคงจะต้องถูกคุณย่าบังอรศรีและมารดาต่อว่าเป็นแน่ที่ทิ้งเจ้าสาวเอาไว้ในห้องหอคนเดียว
“กลับมาแล้วเหรอตาภู”เสียงของคุณย่าบังอรศรีดังขึ้น ภูธเรศวร์ถึงกลับสะดุ้งเฮือกใหญ่ไม่คิดว่าวันนี้ทุกคนในบ้านจะตื่นเช้าขนาดนี้ ภูธเรศวร์ค่อยๆหันไปมองหญิงชราผู้เป็นย่าอย่างรู้สึกผิด
“คะ...ครับคุณย่า กลับมาแล้ว” ภูธเรศวร์พูดติดๆขัดๆเพราะตั้งแต่เกิดมาภูธเรศวร์เชื่อฟังคำสั่งของผู้เป็นย่าเสมอมาแต่ครั้งนี้เขากลับขัดคำสั่งของผู้เป็นย่าก็คงเป็นธรรมดาที่ภูธเรศวร์จะรู้สึกผิด
“หลานหายไปไหนมาทั้งคืน ปล่อยหนูริสสาไว้คนเดียวได้ยังไง รู้ไหมย่าผิดหวังในตัวหลานมากนะภู”คุณย่าบังอรศรีทำหน้าผิดหวังอย่างที่สุดที่หลานชายสุดที่รักขัดคำสั่งของตนได้ ภูธเรศวร์ได้แต่ก้มหน้านิ่งก่อนจะครุ่นคิดไปถึงต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องโดนคุณย่าสุดที่รักโกรธ
“อ๋อ..นี่คุณย่าคงโดนยัยผู้หญิงหน้าเงินคนนี้ปั่นหัวเอาสินะครับ ผู้หญิงจืดชืดไร้ราคาแบบนี้แค่หน้าผมยังไม่อยากจะมองเลย”ภูธเรศวร์นึกโมโหเมอร์ริสสาสายตาคมดุจพญาเหยี่ยวจ้องมองไปที่ใบหน้าหวานที่นั่งนิ่งอยู่ข้างกับคุณย่าบังอรศรีด้วยความโมโหแกมเกลียดชัง ถ้าไม่มีคุณย่าบังอรศรีและนางภารินทร์ผู้เป็นมารดานั่งอยู่ด้วย ป่านนี้เขาคงจะจับเมอร์ริสสาหักคอไปแล้วก็เป็นได้
“หยุดนะตาภู ถึงยังไงหนูริสสาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียของหลาน คนในสังคมเค้าจะคิดยังไงที่หลายทิ้งให้เจ้าสาวร้างหอ”คุณย่าบังอรศรีนึกโมโหที่หลานชายพูดทำร้ายจิตใจของเมอร์ริสสามากเกินไป แต่นางเองก็จนใจที่จะทำให้ทั้งสองรักกันดังเช่นสามีภรรยาคู่อื่น
“ก็ช่างสิครับ ผมไม่สน เพราะผมเกลัยดผู้หญิงหน้าเงินคนนี้เป็นที่สุด”ภูธเรศวร์ยังคงพูดเอาแต่ใจตัวเองโดยไม่สนใจความรู้สึกของหญิงสาวเลยแม้แต่นิดเดียว เมอร์ริสสาเองก็ได้แต่ก้มหน้านิ่งไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบสายคมที่จ้องเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอยังไงยังงั้น
“เมื่อไหร่หลานจะเลิกดูถูกหนูริสสาสักที แต่เอาเถอะสักวันกาลเวลาจะพิสูจน์ให้หลานได้เห็นว่าสิ่งที่หลานคิดไม่ได้ถูกเสมอไป แต่ถ้าถึงตอนนั้นเมื่อไหร่คนที่จะต้องเสียใจมากที่สุดก็อาจจะเป็นตัวของหลานเองก็เป็นได้ตาภู”คุณย่าบังอรศรีตักเตือนหลายชายตัวดีของนางด้วยความหวังดี นางภารินทร์เองก็ได้แต่เงียบเพราะนางรู้ดีว่าภูธเรศวร์เป็นคนหัวดื้อ มักจะเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่เสมอถึงนางพูดไปภูธเรศวร์ก็ไม่ฟังนางอยู่ดี
“ไม่มีวันนั้นหรอกครับคุณย่า ผมจะไม่มีวันเสียใจเพราะผู้หญิงคนนี้เป็นอันขาด”ภู
ธเรศวร์ลั่นวาจาอย่างมั่นใจ ทำให้คุณย่าบังอรศรียิ่งเอือมระอาหนักเข้าไปใหญ่
“จำคำของหลานเอาไว้ให้ดีเถอะตาภู”คุณย่าบังอรศรียิ้มๆให้กับหลานชายเพราะนางแน่ใจว่าสักวันสิ่งที่นางคิดมันจะต้องมาถึงอย่างแน่นอน
“พนันกันได้เลยครับคุณย่า”พูดจบภูธเรศวร์ไม่รอช้าเค้าเดินเข้าไปหาเมอร์ริสสาพร้อมกับกระชากหญิงสาวขึ้นมาอย่างไม่ปราณีปราศรัยต่อหน้าคุณย่าบังอรศรีและมารดา แขนที่บอบบางเป็นร้อยแดงขึ้นมาทันทีตามแรงบีบของชายหนุ่ม คุณย่าบังอรศรีและนางภารินทร์ไม่พอใจการกระทำของหลานชายมากแต่ก็จนปัญญาที่จะห้าม
“เธอมานี่กับชั้นเมอร์ริสสา” ภูธเรศวร์ยังคงฉุดกระชากเมอร์ริสสาอย่างไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเจ็บมากแค่ไหน
“โอ๊ย พี่ภูค่ะริสาเจ็บ” เมอร์ริสสาพยายามขืนตัวไว้ไม่ให้ไถลไปตามแรงกระชากของภูธเรศวร์แต่ก็ยากเต็มที่เมื่อชายหนุ่มแรงเยอะกว่าเธอมากนัก
“ตาภู อย่าทำอะไรหนูริสสาเค้านะ ลูกจะบ้าไปแล้วหรือไง”นางภารินทร์สงสารเมอร์ริสสาจับใจ การกระทำของภูธเรศวร์นับวันยิ่งทำให้ทั้งมารดาและคุณย่าบังอรศรีเอือมระอาใจ
“ปล่อยเค้าไปเถอะแม่ภา แม่เชื่อว่าตาภูไม่กล้าทำร้ายหนูริสสาอย่างแน่นอน”คุณย่าบังอรศรีถึงจะสงสารเมอร์ริสสาแต่ก็ยังคงเชื่อใจหลานชายว่าภูธเรศวร์เป็นคนเช่นไร นางภารินทร์เองก็พยักหน้าให้แม่สามีด้วยความเข้าใจ
ภูธเรศวร์ลากเมอร์ริสสาเข้ามาในห้องนอนด้วยความโมโหแต่ก็เพราะอารมณ์ที่แปรปรวนของชายหนุ่มนี่ล่ะที่ทำให้เมอร์ริสสาต้องเจ็บตัวเรียวแขนที่เคยขาวสะอาดปราศจากริ้วรอยใดๆตอนนี้กลับแรงเป็นจ้ำๆตามแรงบีบของชายหนุ่ม ไหนจะเรียวขาอีกที่เกี่ยวกับราวบันไดตอนที่ภูธเรศวร์กระชากให้เธอขึ้นไป ตอนนี้ตามเนื้อตามตัวของเมอร์ริสสามีแต่รอยเชียวช้ำโดยเฉพาะแขน แต่ภูธเรศวร์กลับมองดูอย่างสะใจไม่มีความรุ้สึกผิดใดๆแม้แต่นิดเดียว เมอร์ริสสารู้สึกเจ็บแปลบในใจอย่างบอกไม่ถูก
“เธอนี่มันเจ้ามารยาจริงๆเลยนะเมอร์ริสสา หลอกปั่นหัวคุณแม่กับคุณย่าของฉันได้เธอสนุกมากใช่ไหม หึ เมอร์ริสสา”ภูธเรศวร์ตะคอก หญิงสาวรู้สึกกลัวมากที่ชายหนุ่มในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับปีศาจร้ายที่พร้อมจะกระชากวิญญาณเธอไปได้ทุกเมื่อ สายคมดุดันราวกับปีศาจซาตานร้ายจะขย้ำเธอให้ตายคามือนั้นอีก แต่ผู้หญิงที่อ่อนแออย่างเธอจะไปสู้อะไรกับเขาได้นอกจากปล่อยให้เขาให้ทำร้ายเธอทั้งตัวและหัวใจ
“พี่ภูฟังริสสาก่อนสิค่ะ ริสสาไม่ได้คิดจะปั่นหัวคุณย่ากับคุณแม่เลยนะค่ะ พี่ภูเข้าใจริสสาผิด” เมอร์ริสสาพยายามอธิบายให้ภูธเรศวร์เข้าใจในตัวเธอบ้างแต่มีหรือที่คนอย่างภูธเรศวร์จะเชื่อ ถึงแม้ความหวังที่จะทำให้เขาเข้าใจเธอบ้างมันจะริบหรี่เต็มทนแต่คนอย่างเมอร์ริสสาก็ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ
“หยุดตอแหลสักทีเมอร์ริสสา ฉันเกลียดผู้หญิงอย่างเธอที่สุด” ภูธเรศวร์เอื้อมมือหนามาจับที่ปลายคางมนได้รูปอย่างรวดเร็วพร้อมกับออกแรงบีบอย่างแรง เมอร์ริสสาพยายามปัดมือหนาของภูธเรศวร์ออกเพราะความเจ็บ
“โอ๊ย พี่ภูค่ะริสาเจ็บ ปล่อยริสสาเถอะค่ะ”เมอร์ริสสาพยายามอ้อนวอนชายหนุ่มเพราะตอนนี้คางมนเจ็บจนชา แต่คนที่ออกแรงบีบกลับไม่รู้สึกสงสารเลยสักนิด
“ผู้หญิงหน้าเงินแบบเธอมันสมควรแล้วที่จะได้รับบทลงโทษแบบนี้ นี่มันพึ่งเริ่มต้น เธอยังต้องเจออีกเยอะ การเป็นเมียฉันมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิดหรอกนะเมอร์ริสสาจำใส่หัวเธอไว้ซะ”ภูธเรศวร์ปล่อยมือออกจากปลายคางมนของหญิงสาว ใบหน้าหวานตอนนี้มีแต่น้ำตานองหน้า แต่มันก็ไม่ทำให้คนที่อยู่ตรงหน้าเห็นใจหรือสงสารเธอเลย
“ริสสาจะต้องทำยังไง ริสสาไม่รู้ว่าพี่ภูเกลียดอะไรริสสานักหนา พี่ภูบอกริสสาหน่อยสิค่ะ” เมอร์ริสสาเอื้อมมือบางไปแตะแขนของภูธเรศวร์อย่างทนุถนอม ภูธเรศวร์กลับยิ่งมองหญิงสาวด้วยสายตาเย้ยหยันมากขึ้นกว่าเดิมก่อนจะปัดมือบางนั้นออกอย่างไม่แยแส
“อย่าเอามือสกปรกของเธอมาแตะต้องตัวฉัน ฉันขยะแขยง” เมอร์ริสสาเจ็บแปลบเข้าไปถึงก้นบึงของหัวใจเมื่อได้ยินคำตัดรักจากภูธเรศวร์อย่างไม่ใยดี
“ริสสารักพี่ภู ริสสาเชื่อว่าสักวันพี่ภูจะต้องรักริสสาอย่างที่ริสสารักพี่ภูบ้าง”เมอร์ริสสาไม่พูดเปล่าหญิงสาวก้าวเข้ามาหาชายหนุ่มพร้อมกับโอบรัดแผ่นหลังภูธเรศวร์จากทางด้านหลัง ภูธเรศวร์เองก็นึกไม่ถึงว่าหญิงสาวจะรักเค้ามากถึงเพียงนี้จิตใจเย็นชาดั่งน้ำแข็งจะคงเย็นชาได้อีกสักกี่น้ำถ้าเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ทุกวันเค้าคงมิ
อาจต้านทางแรงเสน่หาที่มีต่อเมอร์ริสสาได้แน่ๆ
“เมื่อไหร่เธอจะเลิกเพ้อเจ้อสักทีเมอร์ริสสา จะให้ฉันต้องบอกเธออีกกี่ครั้งว่าฉันเกลียดเธอและไม่มีวันที่ฉันจะรักเธอ”ภูธเรศวร์แกะเรียวแขนขาวออกจากตัว ก่อนจะสะบัดหนีสุดแรง เมอร์ริสสาถึงกลับล้มลงไปกองกับพื้น
“พี่ภูริสสาเจ็บ”เมอร์ริสสารุ้สึกเจ็บที่ข้อเท้าเป็นอย่างมากจนไม่สามารถประคองกายให้ลุกขึ้นได้ แต่ภูธเรศวร์กลับคิดว่าหญิงสาวโกหกยิ่งทำให้ชายหนุ่มรังเกรียจเดียดฉันท์หญิงสาวมากขึ้นไปอีก
“นี่เธออย่ามาสำออยหน่อยเลย ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้อย่าให้ฉันต้องโมโหเมอร์ริสสา”ภูธเรศวร์ยืนมองภาพหญิงสาวที่ร้องโอดโอยตรงหน้าด้วยความสงสารปนสมเพช
“ริสสาเจ็บจริงๆนะค่ะพี่ภู ริสสาลุกไม่ไหว” ภูธเรศวร์เริ่มเชื่อแต่เพราะกลัวจะเสียฟอร์มเลยทำให้ชายหนุ่มยังคงยืนเฉยไม่คิดจะช่วยหญิงสาว แต่จนแล้วจนรอดเค้าก็ไม่ใจร้ายขนาดจะทนเห็นผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนเจ็บอยู่ตรงหน้าได้หรอก
“มานี่ เธอมันชอบหาเรื่องใส่ตัว” ภูเรศวร์ตรงเข้าไปอุ้มหญิงสาวขึ้นมาเมอร์ริสสาเองก็ทั้งตกใจและดีใจที่อย่างน้อยเค้าก็ยังเป็นห่วงเธอถึงแม้มันจะเกิดจากความจำใจแต่มันก็ทำให้หัวใจดวงน้อยดวงนี้ของเธอพองโตได้อย่างไม่น่าเชื่อ ชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวไปวางที่เตียงนอนอย่างเบามือ เมอร์ริสสาใช้จังหวะนั้นโอบรอบคอของภูธเรศวร์ทันที จนชายหนุ่มเสียหลักล้มตัวลงไปทาบทับกับหญิงสาวอย่างไม่ตั้งใจ แต่มันเป็นความตั้งใจของเมอร์ริสสาเองนั่นแหละ ภูธเรศวร์พยายามดันกายจะลุกขึ้นแต่กลับเป็นหญิงสาวเองที่รั้งตัวเค้าไว้ก่อนจะเปลี่ยนเป็นคนขึ้นมาทบทับบนร่างกายกำยำสมชายชาตรีนั้นแทน คราวนี้ภูธเรศวร์กลับเป็นฝ่ายตาลุกวาวซะเอง ไม่คาดคิดว่าหญิงสาวจะกล้าเสี่ยงดวงกับเสือผู้หญิงเช่นเขา
“ริสสาอยากมีลูก พี่ภูมีลูกกับริสสานะค่ะ”เมอร์ริสสากระซิบเบาๆที่ข้างหูของภูธเรศวร์ ชายหนุ่มถึงกับขนลุกเกลียวเค้าก็อยากจะปฎิเสธสัมพันธ์สวาทนี้เหลือเกินแต่ทำไมทั้งหัวใจและร่างกายมันตอบสนองต่อเธอเช่นนี้ เมอร์ริสสาขบกัดเบาๆที่ติ่งหูของชายหนุ่มเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของภูธเรศวร์ ดูเหมือนมันจะได้ผลเมื่อชายหนุ่มหลับตาลงเหมือนพยายามข่มความต้องการบางอย่างที่กำลังพลุ่งพล่าน
“เธอคิดผิดคิดใหม่ได้นะเมอร์ริสสา เสี่ยงกับฉันบางทีมันก็ได้ไม่คุ้มเสีย”ภูธเรศวร์สะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองอย่างถึงที่สุดจนแทบจะทนไม่ไหวใจจริงเค้าอยากจะจับหญิงสาวมาอยู่ใต้ร่างเขาแล้วเป็นคนเริ่มบทรักครั้งนี้เองซะด้วยซ้ำไป แต่เพราะทิฐิและอะไรหลายๆอย่างทำให้ภูธเรศวร์ต้องข่มอารมณ์ดิบเถื่อนเอาไว้ไม่ให้มันระเบิกออกมา
“ริสสายอมถึงแม้สุดท้ายริสสาอาจจะเสียใจมากก็ตาม”ปากเรียวงามทาบทับลงไปบนปากหนาหยักได้รูปทันที ในตอนนี้เธอไม่ต้องการอะไรอีกแล้วนอกจากขอแค่เพียงให้เค้าอยู่กับเธอถึงแม้มันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆแต่ถ้ามันทำให้เธอมีความสุขถึงแม้เธอจะต้องแลกด้วยสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตก็ตาม ลิ้นปากคสอดแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นหนาอย่างไม่ชำนิชำนาญนักจนคนตัวโตไม่ค่อยพอใจต้องเป็นฝ่ายรุกและสอนบทเรียนรักให้กับตนตัวเล็กแทน สองหนุ่มสาวกำลังหลงอยู่ในสวาทรักที่เมื่อใครตกลงไปแล้วก็ขึ้นมายากทั้งนั้น
กริ๊งๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ภูธเรศวร์รีบผลักเมอร์ริสสาออกให้พ้นตัวทันที ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์แล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันมามองคนที่อยุ่บนเตียงเลยแม้แต่ปรายหางตา
“แม้ริสสาจะแลกด้วยร่างกายไม่ว่ายังไงพี่ภูก็ไม่รักริสสาใช่ไหมค่ะ” เมอร์ริสสาน้ำตาไหลพรากจิตใจที่บอบช้ำอยู่แล้วกลับยิ่งบอบช้ำมากขึ้นไปอีก
“ถึงพี่ภูจะไม่เคยรักริสสาเลยแม้แต่นิดเดียว แต่หัวใจของริสสาก็ไม่สามารถเลิกรักพี่ภูได้อยู่ดี”เมอร์ริสสามองไปที่รูปของภูธเรศวร์ที่เป็นตัวแทนของชายหนุ่มที่เธอรัก มือบางเอื้อมไปหยิบรูปนั้นขึ้นมาอย่างเบามือก่อนจะจ้องไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มที่อยู่ในรูปอย่างไม่เข้าใจ
“ริสสาจะต้องทำยังไงค่ะถึงจะเข้าได้เข้าไปอยู่ในหัวใจของพี่ภูได้บ้าง” เมอร์ริสสาได้แต่พร่ำเพ้อกับรูปภาพของภูธเรศวร์อย่างอาลัยอาวร ครั้งนี้อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่เค้าทำร้ายจิตใจเธอ แต่ทว่ามันช่างรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมานัก เพราะชายหนุ่มหาได้รู้ตัวไม่ว่าได้ทำลายความฝันชีวิตการแต่งงานของผู้หญิงคนหนึ่งไปแล้วจนหมดสิ้น เมอร์ริสสาวางรูปลงที่เดิม ร่างบางในชุดเดรสสีขาวลายดอกไม้ ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงเล็กน้อยแต่กลับส่งผลให้หญิงสาวดูสวยโดดเด่นกว่าผู้หญิงบางคนที่แต่งหน้าจัดจ้านเสียด้วยซ้ำไป หญิงสาวมองไปที่ระเบีบงที่มีเพียงกระจกบานใสๆขวางกั้นอยู่ ก่อนจะเดินไปเลื่อนมันออก เมอร์ริสสาออกไปมองท้องฟ้าที่ตอนนี้แสงแดดอ่อนจากพระอาทิตย์เริ่มส่องลงมาแล้ว เมฆสีดำค่อยๆลอยผ่านพัดไปท้องฟ้าแจ่มใสเข้ามาแทนที่ ถ้าชีวิตของเธอเป็นแบบนั้นก็คงจะดีไม่น้อย เมอร์ริสสาปล่อยสติและความคิดไปตามแรงลมที่พัดมาถูกผิวกายที่นวลเนียนขาวสะอาด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดเต็มแรงอย่างเพื่อปลดปล่อยความทุกข์ใจออกจากสมองที่ตอนนี้เริ่มรุมเร้ามาถึงจิตใจของเธอแล้ว
ก็อกๆ!!! เสียงเคาะประตูดังขึ้น เรียกสติของเมอร์ริสสากลับมา หญิงสาวตกใจสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะปรับระดับอารมณ์ของตนให้เป็นปกติ
“คุณริสสาค่ะคุณท่านและคุณผู้หญิงสั่งให้หนูมาตามคุณภูและคุณริสสาไปทานอาหารเช้าค่ะ”เสียงสาวใช้วัยกระเตาะดังขึ้น
“ขอบใจจ๊ะแต้ว ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี่แหละจ๊ะ”เมอร์ริสสาขานรับสาวใช้
“งันแต้วไปจัดโต๊ะก่อนนะค่ะคุณริสสา” สาวใช้วัยกระเตาะรับคำเจ้านายก่อนจะรีบเดินลงไปด้านล่างเพื่อจักเตรียมอาหารมื้อเช้า
“จ๊ะแต้ว”เมมอร์ริสสาพยายามทำตัวเองให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้เพราะเธอไม่อยากให้ผู้ที่ได้ชื่อว่ามีพระคุณต้องมาเครียดเรื่องของเธอกับภูธเรศวร์ไปด้วย แต่ปัญหามันอยู่ที่เธอจะแก้ตัวแทนภูธเรศวร์ยังไงว่าเค้าออกไปไหนในเมื่อเธอก็ไม่รู้จริงๆว่าเค้าหายออกไปไนมาทั้งคืนจนป่านนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาเลย เมอร์ริสสาได้แต่ถอนหายใจ
“เฮ้อ...”
“ภูจะกลับบ้านแล้วหรือค่ะ อย่าพึ่งรีบกลับสิคะ อัญอยากอยู่กับคุณนานๆ นะค่ะภู” อัญญาดาลุกขึ้นจากเตียงนอนด้วยร่างกายเปลือยเปล่าราวกับว่าต้องการยั่วตัณหาราคะในตัวของภูธเรศวร์ให้ลุกโชน เพราะมันใช้ได้ผลทุกครั้งที่จะทำให้เค้าอยู่กับเธอนานๆ เธอถือคติที่ว่าไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องเอาด้วยคาถา และเมื่อเธออยากจะได้อะไรแล้วเธอก็จะต้องได้
“อัญครับวันนี้ผมคงอยู่กับคุณไม่ได้ คุณอย่าลืมสิว่าผมแต่งงานแล้วนะ” ภูธเรศวร์ปลอบใจอัญญาดาด้วยเสียงอ่อนหวานออดอ้อน แต่หญิงสาวกลับยิ่งนึกโมโหกลับคำว่าแต่งงานของเค้า
“ใช่สิค่ะ ภูแต่งงานมีเมียแล้วนี่นาอัญก็ลืมไปว่า อัญก็มีฐานะไม่ต่างอะไรกับเมียน้อยของภูหรอก”อัญญาดาทำหน้าหงิกหงอราวกับนางร้ายในละครก็ไม่ปาน
“โธ่ อัญครับไม่จริงเลยคุณคือคนที่ผมรัก ส่วนผู้หญิงคนนั้นถึงใครๆจะรู้ว่าอยู่ในฐานะเมียของผมแต่สำหรับผมเค้าก็ไม่ต่างอะไรกับนางบำเรอหรอก คุณอย่าห่วงไปเลยนะ” ภูธเรศวร์สรรหาคำพูดสารพัดมาเพื่อที่จะให้อัญญาดาไว้วางใจจะได้ปล่อยตัวเขาให้กลับบ้านซะที เพราะตอนนี้ในใจเค้าร้อนรุ่มไปด้วยเมอร์ริสสาเจ้าสาวที่เขาเองเป็นคนทิ้งให้หล่อนร้างหอ คิดถึงริมฝีปากบางที่เค้าได้ลิ้มรสจุมพิตอันแสนหวานเมื่อคืน คิดถึงกลิ่นกายหอมอ่อนๆ คิดถึงใบหน้าหวานสวย คิดถึงทุกๆอย่างที่เป็นเมอร์ริสสาเลยก็ว่าได้จนทำให้ภูธเรศวร์แทบคลุมคลั่ง นี่เค้าเป็นอะไรไปนี่
“จริงหรือค่ะภูที่ภูเห็นแม่เด็กนั่นเป็นแค่นางบำเรอ” อัญญาดาย้ำถามเพราะไม่อยากจะเชื่อคำพูดของภูธเรศวร์ซักเท่าไหร่เพราะแววตาและคำพูดของชายหนุ่มมันช่างตรงกันข้ามเสียเหลือเกิน อัญญาดาเองก็นึกหวั่นไม่น้อย สายตาที่เคยมองหล่อนอย่างรักใคร่นักหนาแต่ทำไมในตอนนี้คำบอกรักของภูธเรศวร์ช่างดูว่างเปล่าเสียเหลือเกินเหมือนเขาพยายามหลอกตัวเอง ไม่ใช่ว่าอัญญาดาจะดูไม่ออกแต่หล่อนไม่อยากจะให้ไก่ตื่นเพราะไม่เช่นนั้นหล่อนอาจจะต้องเสียภูธเรศวร์ไปตลอดชีวิตเลยก็อาจเป็นได้
“จริงสิครับอัญคุณคือคนที่ผมรัก คุณคนเดียวเท่านั้น”ภูธเรศวร์ยังคงหลอกตัวเองว่ารักอัญญาดาทั้งๆที่ตอนนี้เขาแทบไม่รู้สึกอะไรกับเธอเลยด้วยซ้ำไปแต่เพราะอะไรที่ทำให้เค้าต้องหลอกตัวเองก็เพราะเค้าไม่ต้องการรักผู้หญิงหน้าเงินแบบเมอร์ริสสายังไงล่ะ
“ขอบคุณนะค่ะภู อัญก็รักภูค่ะ และภูก็จะต้องเป็นของอัญคนเดียวตลอดไป” อัญญาดาเองถึงแม้จะรู้ว่าความรู้สึกระหว่างเค้าและหล่อนอาจจะเปลี่ยนไปแต่ความหลงที่ยังคงมีมากทำให้หล่อนก็ยังคงหลงระเริงคิดว่าภูธเรศวร์ยังรัก และเพราะความหลงนี้ทำให้หล่อนต้องแย่งภูธเรศวร์กลับมาเป็นของหล่อนเพียงคนเดียวทั้งตัวและหัวใจให้ได้ผู้หญิงหน้าไหนก็ไม่มีสิท์มาแย่งทั้งนั้นภูธเรศวร์กลับมาที่คฤหาสน์ปัญญาธรด้วยท่าทีเหนื่อยใจมากกว่าเดิมเขาไม่รู้ว่าคิดผิดหรือคิดถูกที่ไปอยู่กับอัญญาดา ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้เค้าคงจะมีความสุขที่ได้อยู่กับหล่อน แต่ทำไมตอนนี้มันกลับตรงกันข้ามเสียจริงที่เขากลับคิดถึงแต่หญิงสาวที่เขาเกลียดนักๆเกลียดหนา ร่างสูงก้าวอย่างรวดเร็วเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ตอนนี้เขาหวังเพียงว่าทุกคนในบ้านคงยังไม่มีใครลงมาอยู่ด้านล่างเพราะไม่อย่างงั้นเค้าคงจะต้องถูกคุณย่าบังอรศรีและมารดาต่อว่าเป็นแน่ที่ทิ้งเจ้าสาวเอาไว้ในห้องหอคนเดียว
“กลับมาแล้วเหรอตาภู”เสียงของคุณย่าบังอรศรีดังขึ้น ภูธเรศวร์ถึงกลับสะดุ้งเฮือกใหญ่ไม่คิดว่าวันนี้ทุกคนในบ้านจะตื่นเช้าขนาดนี้ ภูธเรศวร์ค่อยๆหันไปมองหญิงชราผู้เป็นย่าอย่างรู้สึกผิด
“คะ...ครับคุณย่า กลับมาแล้ว” ภูธเรศวร์พูดติดๆขัดๆเพราะตั้งแต่เกิดมาภูธเรศวร์เชื่อฟังคำสั่งของผู้เป็นย่าเสมอมาแต่ครั้งนี้เขากลับขัดคำสั่งของผู้เป็นย่าก็คงเป็นธรรมดาที่ภูธเรศวร์จะรู้สึกผิด
“หลานหายไปไหนมาทั้งคืน ปล่อยหนูริสสาไว้คนเดียวได้ยังไง รู้ไหมย่าผิดหวังในตัวหลานมากนะภู”คุณย่าบังอรศรีทำหน้าผิดหวังอย่างที่สุดที่หลานชายสุดที่รักขัดคำสั่งของตนได้ ภูธเรศวร์ได้แต่ก้มหน้านิ่งก่อนจะครุ่นคิดไปถึงต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องโดนคุณย่าสุดที่รักโกรธ
“อ๋อ..นี่คุณย่าคงโดนยัยผู้หญิงหน้าเงินคนนี้ปั่นหัวเอาสินะครับ ผู้หญิงจืดชืดไร้ราคาแบบนี้แค่หน้าผมยังไม่อยากจะมองเลย”ภูธเรศวร์นึกโมโหเมอร์ริสสาสายตาคมดุจพญาเหยี่ยวจ้องมองไปที่ใบหน้าหวานที่นั่งนิ่งอยู่ข้างกับคุณย่าบังอรศรีด้วยความโมโหแกมเกลียดชัง ถ้าไม่มีคุณย่าบังอรศรีและนางภารินทร์ผู้เป็นมารดานั่งอยู่ด้วย ป่านนี้เขาคงจะจับเมอร์ริสสาหักคอไปแล้วก็เป็นได้
“หยุดนะตาภู ถึงยังไงหนูริสสาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียของหลาน คนในสังคมเค้าจะคิดยังไงที่หลายทิ้งให้เจ้าสาวร้างหอ”คุณย่าบังอรศรีนึกโมโหที่หลานชายพูดทำร้ายจิตใจของเมอร์ริสสามากเกินไป แต่นางเองก็จนใจที่จะทำให้ทั้งสองรักกันดังเช่นสามีภรรยาคู่อื่น
“ก็ช่างสิครับ ผมไม่สน เพราะผมเกลัยดผู้หญิงหน้าเงินคนนี้เป็นที่สุด”ภูธเรศวร์ยังคงพูดเอาแต่ใจตัวเองโดยไม่สนใจความรู้สึกของหญิงสาวเลยแม้แต่นิดเดียว เมอร์ริสสาเองก็ได้แต่ก้มหน้านิ่งไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบสายคมที่จ้องเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอยังไงยังงั้น
“เมื่อไหร่หลานจะเลิกดูถูกหนูริสสาสักที แต่เอาเถอะสักวันกาลเวลาจะพิสูจน์ให้หลานได้เห็นว่าสิ่งที่หลานคิดไม่ได้ถูกเสมอไป แต่ถ้าถึงตอนนั้นเมื่อไหร่คนที่จะต้องเสียใจมากที่สุดก็อาจจะเป็นตัวของหลานเองก็เป็นได้ตาภู”คุณย่าบังอรศรีตักเตือนหลายชายตัวดีของนางด้วยความหวังดี นางภารินทร์เองก็ได้แต่เงียบเพราะนางรู้ดีว่าภูธเรศวร์เป็นคนหัวดื้อ มักจะเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่เสมอถึงนางพูดไปภูธเรศวร์ก็ไม่ฟังนางอยู่ดี
“ไม่มีวันนั้นหรอกครับคุณย่า ผมจะไม่มีวันเสียใจเพราะผู้หญิงคนนี้เป็นอันขาด”ภู
ธเรศวร์ลั่นวาจาอย่างมั่นใจ ทำให้คุณย่าบังอรศรียิ่งเอือมระอาหนักเข้าไปใหญ่
“จำคำของหลานเอาไว้ให้ดีเถอะตาภู”คุณย่าบังอรศรียิ้มๆให้กับหลานชายเพราะนางแน่ใจว่าสักวันสิ่งที่นางคิดมันจะต้องมาถึงอย่างแน่นอน
“พนันกันได้เลยครับคุณย่า”พูดจบภูธเรศวร์ไม่รอช้าเค้าเดินเข้าไปหาเมอร์ริสสาพร้อมกับกระชากหญิงสาวขึ้นมาอย่างไม่ปราณีปราศรัยต่อหน้าคุณย่าบังอรศรีและมารดา แขนที่บอบบางเป็นร้อยแดงขึ้นมาทันทีตามแรงบีบของชายหนุ่ม คุณย่าบังอรศรีและนางภารินทร์ไม่พอใจการกระทำของหลานชายมากแต่ก็จนปัญญาที่จะห้าม
“เธอมานี่กับชั้นเมอร์ริสสา” ภูธเรศวร์ยังคงฉุดกระชากเมอร์ริสสาอย่างไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเจ็บมากแค่ไหน
“โอ๊ย พี่ภูค่ะริสาเจ็บ” เมอร์ริสสาพยายามขืนตัวไว้ไม่ให้ไถลไปตามแรงกระชากของภูธเรศวร์แต่ก็ยากเต็มที่เมื่อชายหนุ่มแรงเยอะกว่าเธอมากนัก
“ตาภู อย่าทำอะไรหนูริสสาเค้านะ ลูกจะบ้าไปแล้วหรือไง”นางภารินทร์สงสารเมอร์ริสสาจับใจ การกระทำของภูธเรศวร์นับวันยิ่งทำให้ทั้งมารดาและคุณย่าบังอรศรีเอือมระอาใจ
“ปล่อยเค้าไปเถอะแม่ภา แม่เชื่อว่าตาภูไม่กล้าทำร้ายหนูริสสาอย่างแน่นอน”คุณย่าบังอรศรีถึงจะสงสารเมอร์ริสสาแต่ก็ยังคงเชื่อใจหลานชายว่าภูธเรศวร์เป็นคนเช่นไร นางภารินทร์เองก็พยักหน้าให้แม่สามีด้วยความเข้าใจ
ภูธเรศวร์ลากเมอร์ริสสาเข้ามาในห้องนอนด้วยความโมโหแต่ก็เพราะอารมณ์ที่แปรปรวนของชายหนุ่มนี่ล่ะที่ทำให้เมอร์ริสสาต้องเจ็บตัวเรียวแขนที่เคยขาวสะอาดปราศจากริ้วรอยใดๆตอนนี้กลับแรงเป็นจ้ำๆตามแรงบีบของชายหนุ่ม ไหนจะเรียวขาอีกที่เกี่ยวกับราวบันไดตอนที่ภูธเรศวร์กระชากให้เธอขึ้นไป ตอนนี้ตามเนื้อตามตัวของเมอร์ริสสามีแต่รอยเชียวช้ำโดยเฉพาะแขน แต่ภูธเรศวร์กลับมองดูอย่างสะใจไม่มีความรุ้สึกผิดใดๆแม้แต่นิดเดียว เมอร์ริสสารู้สึกเจ็บแปลบในใจอย่างบอกไม่ถูก
“เธอนี่มันเจ้ามารยาจริงๆเลยนะเมอร์ริสสา หลอกปั่นหัวคุณแม่กับคุณย่าของฉันได้เธอสนุกมากใช่ไหม หึ เมอร์ริสสา”ภูธเรศวร์ตะคอก หญิงสาวรู้สึกกลัวมากที่ชายหนุ่มในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับปีศาจร้ายที่พร้อมจะกระชากวิญญาณเธอไปได้ทุกเมื่อ สายคมดุดันราวกับปีศาจซาตานร้ายจะขย้ำเธอให้ตายคามือนั้นอีก แต่ผู้หญิงที่อ่อนแออย่างเธอจะไปสู้อะไรกับเขาได้นอกจากปล่อยให้เขาให้ทำร้ายเธอทั้งตัวและหัวใจ
“พี่ภูฟังริสสาก่อนสิค่ะ ริสสาไม่ได้คิดจะปั่นหัวคุณย่ากับคุณแม่เลยนะค่ะ พี่ภูเข้าใจริสสาผิด” เมอร์ริสสาพยายามอธิบายให้ภูธเรศวร์เข้าใจในตัวเธอบ้างแต่มีหรือที่คนอย่างภูธเรศวร์จะเชื่อ ถึงแม้ความหวังที่จะทำให้เขาเข้าใจเธอบ้างมันจะริบหรี่เต็มทนแต่คนอย่างเมอร์ริสสาก็ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ
“หยุดตอแหลสักทีเมอร์ริสสา ฉันเกลียดผู้หญิงอย่างเธอที่สุด” ภูธเรศวร์เอื้อมมือหนามาจับที่ปลายคางมนได้รูปอย่างรวดเร็วพร้อมกับออกแรงบีบอย่างแรง เมอร์ริสสาพยายามปัดมือหนาของภูธเรศวร์ออกเพราะความเจ็บ
“โอ๊ย พี่ภูค่ะริสาเจ็บ ปล่อยริสสาเถอะค่ะ”เมอร์ริสสาพยายามอ้อนวอนชายหนุ่มเพราะตอนนี้คางมนเจ็บจนชา แต่คนที่ออกแรงบีบกลับไม่รู้สึกสงสารเลยสักนิด
“ผู้หญิงหน้าเงินแบบเธอมันสมควรแล้วที่จะได้รับบทลงโทษแบบนี้ นี่มันพึ่งเริ่มต้น เธอยังต้องเจออีกเยอะ การเป็นเมียฉันมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิดหรอกนะเมอร์ริสสาจำใส่หัวเธอไว้ซะ”ภูธเรศวร์ปล่อยมือออกจากปลายคางมนของหญิงสาว ใบหน้าหวานตอนนี้มีแต่น้ำตานองหน้า แต่มันก็ไม่ทำให้คนที่อยู่ตรงหน้าเห็นใจหรือสงสารเธอเลย
“ริสสาจะต้องทำยังไง ริสสาไม่รู้ว่าพี่ภูเกลียดอะไรริสสานักหนา พี่ภูบอกริสสาหน่อยสิค่ะ” เมอร์ริสสาเอื้อมมือบางไปแตะแขนของภูธเรศวร์อย่างทนุถนอม ภูธเรศวร์กลับยิ่งมองหญิงสาวด้วยสายตาเย้ยหยันมากขึ้นกว่าเดิมก่อนจะปัดมือบางนั้นออกอย่างไม่แยแส
“อย่าเอามือสกปรกของเธอมาแตะต้องตัวฉัน ฉันขยะแขยง” เมอร์ริสสาเจ็บแปลบเข้าไปถึงก้นบึงของหัวใจเมื่อได้ยินคำตัดรักจากภูธเรศวร์อย่างไม่ใยดี
“ริสสารักพี่ภู ริสสาเชื่อว่าสักวันพี่ภูจะต้องรักริสสาอย่างที่ริสสารักพี่ภูบ้าง”เมอร์ริสสาไม่พูดเปล่าหญิงสาวก้าวเข้ามาหาชายหนุ่มพร้อมกับโอบรัดแผ่นหลังภูธเรศวร์จากทางด้านหลัง ภูธเรศวร์เองก็นึกไม่ถึงว่าหญิงสาวจะรักเค้ามากถึงเพียงนี้จิตใจเย็นชาดั่งน้ำแข็งจะคงเย็นชาได้อีกสักกี่น้ำถ้าเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ทุกวันเค้าคงมิ
อาจต้านทางแรงเสน่หาที่มีต่อเมอร์ริสสาได้แน่ๆ
“เมื่อไหร่เธอจะเลิกเพ้อเจ้อสักทีเมอร์ริสสา จะให้ฉันต้องบอกเธออีกกี่ครั้งว่าฉันเกลียดเธอและไม่มีวันที่ฉันจะรักเธอ”ภูธเรศวร์แกะเรียวแขนขาวออกจากตัว ก่อนจะสะบัดหนีสุดแรง เมอร์ริสสาถึงกลับล้มลงไปกองกับพื้น
“พี่ภูริสสาเจ็บ”เมอร์ริสสารุ้สึกเจ็บที่ข้อเท้าเป็นอย่างมากจนไม่สามารถประคองกายให้ลุกขึ้นได้ แต่ภูธเรศวร์กลับคิดว่าหญิงสาวโกหกยิ่งทำให้ชายหนุ่มรังเกรียจเดียดฉันท์หญิงสาวมากขึ้นไปอีก
“นี่เธออย่ามาสำออยหน่อยเลย ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้อย่าให้ฉันต้องโมโหเมอร์ริสสา”ภูธเรศวร์ยืนมองภาพหญิงสาวที่ร้องโอดโอยตรงหน้าด้วยความสงสารปนสมเพช
“ริสสาเจ็บจริงๆนะค่ะพี่ภู ริสสาลุกไม่ไหว” ภูธเรศวร์เริ่มเชื่อแต่เพราะกลัวจะเสียฟอร์มเลยทำให้ชายหนุ่มยังคงยืนเฉยไม่คิดจะช่วยหญิงสาว แต่จนแล้วจนรอดเค้าก็ไม่ใจร้ายขนาดจะทนเห็นผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยานอนเจ็บอยู่ตรงหน้าได้หรอก
“มานี่ เธอมันชอบหาเรื่องใส่ตัว” ภูเรศวร์ตรงเข้าไปอุ้มหญิงสาวขึ้นมาเมอร์ริสสาเองก็ทั้งตกใจและดีใจที่อย่างน้อยเค้าก็ยังเป็นห่วงเธอถึงแม้มันจะเกิดจากความจำใจแต่มันก็ทำให้หัวใจดวงน้อยดวงนี้ของเธอพองโตได้อย่างไม่น่าเชื่อ ชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวไปวางที่เตียงนอนอย่างเบามือ เมอร์ริสสาใช้จังหวะนั้นโอบรอบคอของภูธเรศวร์ทันที จนชายหนุ่มเสียหลักล้มตัวลงไปทาบทับกับหญิงสาวอย่างไม่ตั้งใจ แต่มันเป็นความตั้งใจของเมอร์ริสสาเองนั่นแหละ ภูธเรศวร์พยายามดันกายจะลุกขึ้นแต่กลับเป็นหญิงสาวเองที่รั้งตัวเค้าไว้ก่อนจะเปลี่ยนเป็นคนขึ้นมาทบทับบนร่างกายกำยำสมชายชาตรีนั้นแทน คราวนี้ภูธเรศวร์กลับเป็นฝ่ายตาลุกวาวซะเอง ไม่คาดคิดว่าหญิงสาวจะกล้าเสี่ยงดวงกับเสือผู้หญิงเช่นเขา
“ริสสาอยากมีลูก พี่ภูมีลูกกับริสสานะค่ะ”เมอร์ริสสากระซิบเบาๆที่ข้างหูของภูธเรศวร์ ชายหนุ่มถึงกับขนลุกเกลียวเค้าก็อยากจะปฎิเสธสัมพันธ์สวาทนี้เหลือเกินแต่ทำไมทั้งหัวใจและร่างกายมันตอบสนองต่อเธอเช่นนี้ เมอร์ริสสาขบกัดเบาๆที่ติ่งหูของชายหนุ่มเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของภูธเรศวร์ ดูเหมือนมันจะได้ผลเมื่อชายหนุ่มหลับตาลงเหมือนพยายามข่มความต้องการบางอย่างที่กำลังพลุ่งพล่าน
“เธอคิดผิดคิดใหม่ได้นะเมอร์ริสสา เสี่ยงกับฉันบางทีมันก็ได้ไม่คุ้มเสีย”ภูธเรศวร์สะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองอย่างถึงที่สุดจนแทบจะทนไม่ไหวใจจริงเค้าอยากจะจับหญิงสาวมาอยู่ใต้ร่างเขาแล้วเป็นคนเริ่มบทรักครั้งนี้เองซะด้วยซ้ำไป แต่เพราะทิฐิและอะไรหลายๆอย่างทำให้ภูธเรศวร์ต้องข่มอารมณ์ดิบเถื่อนเอาไว้ไม่ให้มันระเบิกออกมา
“ริสสายอมถึงแม้สุดท้ายริสสาอาจจะเสียใจมากก็ตาม”ปากเรียวงามทาบทับลงไปบนปากหนาหยักได้รูปทันที ในตอนนี้เธอไม่ต้องการอะไรอีกแล้วนอกจากขอแค่เพียงให้เค้าอยู่กับเธอถึงแม้มันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆแต่ถ้ามันทำให้เธอมีความสุขถึงแม้เธอจะต้องแลกด้วยสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตก็ตาม ลิ้นปากคสอดแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นหนาอย่างไม่ชำนิชำนาญนักจนคนตัวโตไม่ค่อยพอใจต้องเป็นฝ่ายรุกและสอนบทเรียนรักให้กับตนตัวเล็กแทน สองหนุ่มสาวกำลังหลงอยู่ในสวาทรักที่เมื่อใครตกลงไปแล้วก็ขึ้นมายากทั้งนั้น
กริ๊งๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ภูธเรศวร์รีบผลักเมอร์ริสสาออกให้พ้นตัวทันที ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์แล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันมามองคนที่อยุ่บนเตียงเลยแม้แต่ปรายหางตา
“แม้ริสสาจะแลกด้วยร่างกายไม่ว่ายังไงพี่ภูก็ไม่รักริสสาใช่ไหมค่ะ” เมอร์ริสสาน้ำตาไหลพรากจิตใจที่บอบช้ำอยู่แล้วกลับยิ่งบอบช้ำมากขึ้นไปอีก
รัตติกาลราตรี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 เม.ย. 2556, 07:55:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 เม.ย. 2556, 07:56:10 น.
จำนวนการเข้าชม : 1764
<< เข้าหอ มาตอนแรกก็เข้าหอเลย ครบ 100% |