ดาวปาฏิหาริย์
เพราะ 'เธอ' ประสบอุบัติเหตุตอนที่อยู่กับเขา
สิตะจึงต้องรับผิดชอบ
ปากบอกไม่ชอบหน้า แต่ว่ากลับปรารถนาจะอยู่ใกล้ๆ
การเดินทาง 'หนี' คนร้ายที่ทำลายชีวิต กลับทำให้เขาค้นพบปาฏิหาริย์ในชีวิตที่ค้นหามานาน
Tags: เกาหลีใต้

ตอน: ดาวปาฏิหาริย์ บทที่ 36



ถึงคุณสิตะ

คุณได้นับหรือเปล่าว่านี่เป็นจดหมายฉบับที่เท่าไรแล้ว ฉันเขียนถึงคุณเยอะมาก ถ้าเอากระดาษทั้งหมดไปชั่งกิโลขาย ฉันคงรวยเป็นเศรษฐีไปแล้ว ฉันว่าถ้าฉันเขียนต่อไป มันคงเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติแน่ ดังนั้น ฉันจะหยุดเขียนถึงคุณแล้วนะ

คุณอ่านไม่ผิดหรอก ฉันจะหยุดเขียนถึงคุณจริงๆ หลังจากที่ฉันเขียนทุกวันมาตลอดหนึ่งปี ต่อไปนี้ ฉันจะไม่เขียนแล้วนะ คุณห้ามว่า ห้ามน้อยใจนะ ฉันไม่ได้หยุดเขียนเพราะคิดถึงคุณน้อยลง แต่ว่าอย่างที่บอก ตอนนี้ฉันเป็นชาวสวนเต็มตัว คลุกคลีกับต้นไม้เยอะ ฉันก็เลยรักต้นไม้ ไม่อยากให้มันกลายเป็นกระดาษ ถ้าคุณอยากรู้เรื่องของฉัน ก็ให้ถามจากคุณอนณก็แล้วกัน เพราะคุณอนณคุยกับยายจูนทุกวัน มันคงอัพเดตข่าวสารของฉันให้เขาฟังอยู่เรื่อยๆ

คุณสิตะ ฉันคิดถึงคุณนะคะ

พรุ่งนี้หนังสือของฉันก็จะวางแผงแล้ว... หลังจากที่ขัดที่เกลากันมาเป็นปี ในที่สุดก็มีวันนี้จนได้ คุณพลัชบอกว่าจะส่งมาให้ฉันตั้ง 30 เล่ม ฉันไม่รู้จะเอาไปทำอะไร เพราะฉันตั้งใจจะให้คนทั้งหมู่บ้านซื้อนิยายของฉัน ความจริงนี่ก็เป็นการสิ้นเปลืองกระดาษเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร งานนี้ฉันไม่ถือ

คุณสิตะ ฉันอยากให้คุณอยู่ด้วยจริงๆ

ตอนนี้ฉันเริ่มเขียนนิยายเรื่องใหม่ ฉันจะเอาแรงบันดาลใจมาจากเรื่องของเรา แต่ตอนจบคงไม่เศร้าเหมือนเราหรอก เพราะยังไงพระเอกนางเอกในนิยายก็ควรจะได้อยู่ด้วยกัน คุณไม่ว่าอะไรใช่ไหม แต่คุณจะว่าอะไรได้ล่ะ เพราะนิยายที่คุณเขียนค้างไว้ คุณก็ใช้ยายจูนเป็นนางเอกของคุณเหมือนกัน ไม่ต้องปฏิเสธเลย คุณพลัชให้ฉันอ่านหมดแล้ว นางเอกเนี่ย ยายจูนชัดๆ มันทำให้ฉันคิดได้ว่า ตอนที่ฉันเห็นรูปจูนในคอมของคุณ ความจริงแล้วเป็นคุณนั่นแหละที่เซฟไว้ ไม่ใช่คุณอนณ... ถึงฉันจะน้อยใจนิดหน่อยที่คุณเอายายจูนเป็นนางเอกแทนที่จะเป็นฉัน แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเรื่องที่ฉันกำลังจะแต่ง ฉันก็จะให้คุณอนณเป็นพระเอกเหมือนกัน

เรื่องนี้คงมีฉากเป็นที่เกาหลี เหมือนที่ความรักของเราเกิดขึ้นที่นั่น... คุณสิตะ คุณเคยได้ยินไหม ถ้าเราอยู่ในบรรยากาศเดิมๆ เราจะลืมยาก ฉันว่าไม่เห็นจริง แถวบ้านฉันไม่มีอะไรเหมือนที่เกาหลีเลยสักนิด แต่ฉันก็ยังเอาแต่คิดถึงคุณ กลางวันตากแดดผิวไหม้ฉันก็คิดถึงคุณ ตกดึกฝนพร่ำกบร้องฉันก็ยิ่งคิดถึงคุณ ฉันอยากเจอคุณมากจริงๆ

ไม่เอาดีกว่า... ฉันไม่คร่ำครวญแล้วดีกว่า เดี๋ยวคุณจะหาว่าฉันเป็นเด็กไม่รู้จักโต ฉันจะหยุดเขียนเพียงแค่นี้ แล้วถ้ามีเรื่องอะไรที่ฉันอยากบอกคุณอีก ฉันจะพิมพ์เอา...

ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นคือการแก้ปัญหาทรัพยากรกระดาษของฉัน กว่าฉันจะคิดได้ก็ตั้งปีนึงแหนะ ที่ฉันบอกว่าจะเลิกเขียน ก็เพราะว่าฉันจะพิมพ์แทน เป็นไงล่ะ ฉันฉลาดใช่ไหม...

ฉันว่าคืนนี้พอแค่นี้ก่อนดีกว่า แล้วเจอกันใหม่นะคะคุณสิตะ...

ฉันคิดถึงคุณมากนะคะ จุ๊บๆ

.....

หญิงสาวร่างบางที่ผมยาวเหยียดตรงมองดูตัวอักษรที่เขียนเป็นระเบียบอย่างภูมิใจ ก่อนสะบัดมือไปมาแก้เมื่อย แล้วลุกขึ้นจากโต๊ะไม้ริมหน้าต่าง ปิดสมุดเล่มหนาแล้วนำไปวางบนชั้นข้างๆ ที่ที่ความคิดถึงถูกเก็บรวมกันอยู่

สมุดหลายเล่มที่สิตะซื้อให้ และอีกมากมายที่ซื้อมาใหม่วางเรียงกันไว้ ที่ข้างหน้ามีรูปถ่ายของชายหญิงที่สวมหมวกลายนกฮูก...ภาพคู่เดียวที่มี เธอยิ้มให้มัน ก่อนหันไปจุมพิตตุ๊กตาตัวเก่าที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ จากนั้นจึงหันหลังออกจากห้องนอนเล็กๆ

บนระเบียงของบ้านทรงไทยใต้ถุนสูง... แม่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้นไม้ สายตาจับจ้องไปยังโทรศัพท์ที่วางชิดข้างฝา ดาวประกายในเสื้อยืดกับกางเกงขายาวสำหรับใส่นอนเข้าไปหา ก่อนจะล้มตัวลงแหมะลงบนตักแม่

“ถึงไหนแล้วแม่ พระเอกบอกรักนางเอกยัง”

“โอ๊ย ยังเลย ไม่รู้จะอมพะนำอะไรไว้นักหนา แม่ก็ลุ้นมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” เดือนทอตอบอย่างใส่อารมณ์ ทำให้คนบนตักแอบหัวเราะเบาๆ

“ถ้าแม่อ่านนิยายของดาว แม่อินให้ได้แบบนี้นะ”

ตอนแรกหญิงวัยกลางคนไม่ตอบอะไร รอจนการแสดงบนหน้าจอตัดเข้าโฆษณา จึงก้มลงเอ่ยกับอีกฝ่าย

“พรุ่งนี้แล้วใช่ไหม ตื่นเต้นหรือเปล่า”

“สุดๆ เลยค่ะแม่ แล้วแม่ล่ะ”

“แม่ก็ตื่นเต้น คนบ้านโน้นก็ตื่นเต้นนะ คุณนายปันบอกแม่ว่าจะเข้ากรุงเทพฯ ไปกว้านซื้อมาสักสองร้อยเล่ม”

“โห ซื้อทำไมตั้งเยอะแยะ ถ้าซื้อมาเก็บไว้ให้หยากไย่ขึ้น หนูขอให้คุณนายซื้อเล่มเดียวแล้วอ่านจริงๆ ดีกว่า หนูอยากให้คนซื้อ ได้อ่าน แล้วก็อยากให้คนที่อ่าน มีความสุขกับสิ่งที่หนูเขียน เรื่องยอดขายมันก็สำคัญ แต่หนูก็ยังอยากให้คนซื้อ เห็นความสำคัญของเรื่องที่หนูพยายามถ่ายทอดอยู่ดี” ดาวประกายบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ซึ่งก็ทำให้มารดานิ่งไป ก่อนสักพักจะเอ่ยพร้อมสบตากลมใสของลูกสาว

“ดาวรู้ไหม เดี๋ยวนี้เวลาดาวพูดอะไร ดาวดูโตขึ้นเยอะเลย แม่ดีใจนะที่ดาวเป็นแบบนี้ ดาวเก่งมาก ทุกเรื่อง... แม่ภูมิใจในตัวดาวจริงๆ”

“แหม แม่ พูดซะซึ้งเลย หนูก็มีวันนี้ได้เพราะแม่นั่นแหละ เหตุการณ์ที่เข้ามามันทำให้หนูต้องโตขึ้น และแม่ก็ทำให้หนูโตอย่างมีสติ... ตอนนี้ลูกแม่ 26 แล้วนะ โตเป็นสาวแล้ว สวยด้วย”

แม่หัวเราะน้อยๆ ก่อนเอ่ยต่อ “ถ้าอย่างนั้นก็แต่งงานได้แล้วสินะ”

“แต่งงานอะไรกัน ไม่เอาหรอก หนูจะอยู่กับแม่อย่างนี้ไปจนแก่เลย”

“แล้วแม่จะคอยดู” แม่ว่า ละครมาพอดี บทสนทนาจึงหยุดเพียงแค่นี้ แต่พอแม่นึกขึ้นได้ ก็เอ่ยโดยไม่ละสายตาจากหน้าจอ “พรุ่งนี้จะมีคนงานมาใหม่ ลูกคอยดูด้วยนะ”

“ดูทำไมล่ะคะ ปกติคนงานก็เป็นคนแถวนี้ ทำสวนกันเป็นอยู่แล้ว”

“เอาน่า แม่ไม่ไว้ใจ”

ดาวประกายไม่เถียงใดๆ นอกจากพยักหน้าและรับคำ “ค่ะแม่”



แสงตะวันของเดือนมิถุนายนยังคงแรงกล้า แต่ทว่ากิ่งก้านของต้นหูกวางก็ช่วยให้ลานกว้างหน้าบ้านร่มรื่นขึ้นมาก

ดาวประกายในเสื้อแขนยาวตัวเก่ากับกางเกงขายาวผ้ายืด สวมหมวกสานก้าวลงจากเรือน ยกมือไหว้หมื่นอาสาที่ยืนรออยู่ข้างรถกระบะคู่ใจของเขา

“พี่พาคนงานมาส่ง” พี่ชายร้องบอก พร้อมกวักมือเรียกคนในรถให้ลงมา ร่างสูงใหญ่ที่โพกผ้าขาวม้าปิดหน้าปิดตา แถมยังใส่แว่นกันแดดสีดำทำให้หญิงสาวชะงักเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

“ใครน่ะพี่อิ่ม”

“คนรู้จักเขาฝากมาอีกที”

ดาวประกายเอียงคอมองเมื่อเดินเข้ามาใกล้ “คุ้นจัง...นี่ใจคอลุงจะไม่ให้หนูเห็นหน้าเลยเหรอ ถอดแว่นออกได้ไหม จะได้รู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง”

“ลุงเขาสายตาไม่ค่อยดี สู้แสงแรงๆ ไม่ได้” หมื่นอาสาชิงตอบ แต่คนฟังก็ยังไม่คลายใจ เธอเดินมากระซิบกับพี่ชาย

“พี่อิ่มอย่าหาว่าดาวเพ้อเจ้อนะ แต่ดาวว่าเขาเหมือนคุณสิตะเลย ส่วนสูง รูปร่าง แล้วก็ท่าทาง นี่เขาไม่ใช่คุณสิตะแน่นะ”

“ดาวคิดถึงคุณสิตะมากขนาดนี้เลยเหรอ ปีกว่าแล้วนะดาว” พี่ชายว่าเสียงเบา ทำให้เธอพูดไม่ออก

“ก็... ก็พี่อิ่มเล่นพาคนที่เหมือนคุณสิตะมาอย่างนี้ ดาวก็อดคิดถึงเขาไม่ได้น่ะสิ... โอเคๆ ดาวไม่พูดแล้วก็ได้” ดาวประกายตัดบทก่อนที่พี่ชายจะเอาไปฟ้องแม่ ว่าเธอยังคงเพ้อถึงผู้ชายที่เป็นอดีต

“ดาวช่วยสอนงานเขาหน่อยนะ” หมื่นอาสาเอ่ยไปแค่นั้น รถกระบะตู้ทึบอีกคันก็แล่นเข้ามาพอดี แค่เห็นชื่อที่ติดหราอยู่บนตัวถัง ดาวประกายก็ร้องลั่นออกมาด้วยความดีใจ

“กรี๊ด... มาแล้ว!!! แม่!!! หนังสือหนูมาแล้ว”



ดั่งก้าวสู่บันไดขั้นสุดท้ายของความฝันขั้นแรก ดาวประกายไม่อาจซ่อนความยินดีไว้ได้ ใบหน้ากลมเกลี้ยงใต้เรือนผมสีดำขลับระบายรอยยิ้มเปี่ยมสุข ยามมองดูหนังสือเล่มหนาในมือ หน้าปกที่มีนามปากกาของเธอประดับอยู่.... ‘ด้ามดาว’

นี่แหละ สิ่งที่เธอรอคอย

“แม่จ๋า เดี๋ยวหนูเอาหนังสือไปอวดพ่อหน่อยนะ หนูอยากให้พ่อได้เห็นด้วย”

หญิงสาวร้องบอกก่อนวิ่งปร๋อไปที่รถ แต่ยังไม่ทันก้าวไปนั่ง คนงานใหม่ที่ตัวสูงใหญ่ก็เข้ามาขวางไว้

“อ้าว ลุง!!” เธอร้องอย่างตกใจ พอดีกับแม่เดินเข้ามา

“ให้เขาไปด้วยสิ จะได้ไปเปิดหูเปิดตา ดูว่าแถวนี้มีอะไรบ้าง”

คนเขียนหน้าใหม่ที่กำลังดีใจไม่ได้ติดใจสงสัย เธอชี้ไปที่ประตูอีกข้างก่อนเอ่ย “ขึ้นรถเลยลุง”

ไม่มีถ้อยคำระหว่างกันกระทั่งถึงวัด หญิงสาวถือหนังสือตรงไปที่เก็บกระดูกหลังโบสถ์ ต่อหน้ารูปถ่ายของพ่อ เธออวดผลงานตัวเองด้วยความภูมิใจ

“หนูทำได้แล้วนะคะพ่อ เห็นไหมคะ หนังสือเล่มแรกในชีวิตที่หนูเขียนเอง พ่อดีใจกับหนูใช่ไหม...”

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ แต่ดาวประกายก็รับรู้ได้ว่าพ่อกำลังชื่นชมยินดีไปพร้อมๆ กับเธอ

“พ่อจ๋า พ่ออยากรู้ไหมว่าหนูเขียนอะไร เดี๋ยวหนูจะอ่านให้ฟังนะ... ลุง ลุงไปรอที่รถก่อนก็ได้นะ หนูจะอยู่กับพ่อก่อน” ประโยคหลัง เธอหันไปบอกคนสวนคนใหม่ แต่เขากลับไม่เอ่ยอะไร นอกเสียจากเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนพื้นหญ้าใต้เงาไม้ใกล้ๆ

หญิงสาวมองตาม รู้สึกคุ้นเหลือเกินในทุกๆ อากัปกิริยาของเขา และเมื่อเขาหยิบหนังสือนิยายของเธอที่เหน็บไว้ในเสื้อขึ้นมาอ่าน ไม่รู้ว่าเอามาจากไหน เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาช่างเหมือนกันคุณสิตะของเธอจริงๆ

คุณสิตะ... ถ้าฉันเกิดหลงรักผู้ชายคนอื่น เพียงเพราะว่าเขาเหมือนคุณมาก คุณจะว่าฉันไหม

ดาวประกายคิดในใจ ก่อนหัวเราะเบาๆ กับตัวเอง เธอส่ายหน้าแล้วหันกลับมามองรูปถ่ายของพ่ออีกครั้ง ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังลอยขึ้นเหนือศีรษะยามเที่ยงวัน ใต้เงาไม้ใหญ่อย่างต้นโพธิ์ ตัวอักษรในหน้ากระดาษ ก็ถูกถ่ายทอดออกมา



‘ดาวประกาย... ดาวประกาย’

เสียงคุ้นเคยจากที่ไหน ดังอยู่ใกล้เหลือเกิน หญิงสาวพยายามเหลียวมอง แต่ก็ไม่เห็น

‘ดาวประกาย จำฉันได้ไหม’

ใคร... คุณเป็นใคร

‘หล่อนจำฉันไม่ได้เหรอ นึกดีๆ สิ’

คุณ... คุณสิทธา นั่นคุณเหรอ คุณหายไปไหนมา ฉันเกือบลืมคุณไปแล้ว

‘ฉันมาลา’

คุณจะไปไหน

‘ไปที่ที่ควรไป หมดเรื่องที่ฉันห่วงแล้ว หล่อนอยู่ดีๆ นะ สักวันคงได้เจอกัน’

คุณสิทธา...

‘ฝากดูแลพี่ชายฉันด้วย ไม่มีใครเหมาะกับเขาเท่าหล่อนอีกแล้ว…ฉันไปล่ะนะ บาย’

คุณสิทธา...

เธอร้องเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบ เธอกวาดตามองหา แต่ก็มีเพียงความว่างเปล่า

“ดาวประกาย.... ดาวประกาย”

มีคนเรียกชื่อเธออีกครั้ง แต่คราวนี้อยู่ใกล้กว่าก่อนมาก “ดาวประกาย” เขาเรียกอีกพร้อมแรงที่เขย่าแขน ทำให้เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา

เงาดำปรากฏอยู่ตรงหน้า หญิงสาวกระพริบตาก่อนจะคุ้นชินกับแสงสว่าง เงาทะมึนค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่าง ชัดเจน จนเธอนิ่งงัน

ไม่ว่านี่จะเป็นแค่ความฝัน หรือจินตนาการเพ้อพกของเธอ แต่คนที่เธอกำลังมองเห็น ก็ทำให้เธออ้าปากค้าง ลืมหายใจ น้ำตาค่อยๆ รินไหล ก่อนจะละล่ำละลักออกมา

“คุณสิตะ...คุณ.. นี่คุณใช่ไหม”









***********************

หนึ่งปีผ่านไปไวเหมือนโกหก 55555 สุดท้ายจะจบอย่างไร ติดตามตอนหน้านะคะ



ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 พ.ค. 2556, 22:41:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 พ.ค. 2556, 22:41:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 1468





<< ดาวปาฏิหาริย์ บทที่ 34   ดาวปาฏิหาริย์ บทที่ 37 >>
goldensun 9 พ.ค. 2556, 19:02:14 น.
หนึ่งปีแล้ว ดาวยังมีงานเขียน ทั้งเขียนบันทึก แต่สิตะฆ่าเวลาด้วยการทำอะไร


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account