คือสัญญา
เมื่อน้องสาวไม่พอใจเพื่อนของพี่ชายที่ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา เธอจึงคอยแกล้งเขาต่าง ๆ นา ๆ จนวันหนึ่งเขาได้ถามว่าเธอไม่ชอบอะไรเขานักหนา หากจะเป็นเพื่อนกับเธอต้องทำอย่างไร เธอจึงบอกเงื่อนไขที่เหมือนทำให้เขาต้องเปลี่ยนชีวิตของตัวเองทั้งชีวิตใหม่ ซึ่งได้พลั้งปากออกไปอย่างไม่ทันได้คิดว่า ถ้าเขาทำได้ต่อให้เป็นแฟนก็ยังไหว

เขาจึงถือว่าถ้าเขาทำทุกอย่างครบเงื่อนไขทั้งหมดแล้ว เธอต้องยอมรับเขาเป็นแฟนด้วย นั่นคือสัญญาระหว่างเขาและเธอ

เขาจะเอาชนะใจเธอได้รึเปล่า ติดตามได้เลยค่า...
Tags: คือสัญญา

ตอน: ตอนที่7


เหล่าหนุ่มสาวตระเวนเยี่ยมชมสถานที่สำคัญของตัวจังหวัดกาญจน์บุรี เริ่มต้นด้วยการตะลุยน้ำตกเอราวัณในช่วงเช้า ช่วงบ่ายเดินเที่ยวร้านค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านขายขนม และอื่น ๆ เนื่องจากไม่ใช่วันหยุด ผู้คนจึงบางตา สถานที่แหล่งสุดท้ายที่ทุกคนจะไปเที่ยวชม ได้แก่สะพานข้ามแม่น้ำแคว ที่มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง

ภาพการเคลื่อนไหวของเด็กสาวสะท้อนเงาอยู่บนพื้นแว่นสีดำของชายหนุ่ม เขารีบยกแก้วน้ำเก๊กฮวยขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว รสชาดหวานเย็นชื่นใจ ช่วยละลายความร้อนของบรรยากาศได้ดี แล้วเดินถือถุงน้ำเก๊กฮวยตามเธอไป เริ่มเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเพื่อเดินให้ทันเธอ หลังจากได้แต่เดินตามห่าง ๆ มาตลอด

“ปริม…ทานน้ำเก๊กฮวยจ้ะ” เขายื่นถุงพลาสติกที่มีน้ำสีเหลืองเข้มส่งให้
“ขอบใจ นายกินเถอะ” เธอปฏิเสธ อันเป็นนิสัยที่ไม่ยอมรับของใครง่าย ๆ ตามเคย
“ทานหน่อยน่า… ช่วยทำให้คลายร้อนดีเหมือนกันนะ” เขาพยายามพูดให้เธอรับไว้

แต่เธอยังคงรักษาอาการเฉยชาเหมือนเดิม

“ปริมยังเห็นฉันเป็นคนอื่นอยู่ใช่มั้ย ถึงไม่ยอมรับ” พลางจ้องหน้าสาวน้อยตรงหน้า น้ำเสียงแฝงความน้อยใจเอาไว้

“ไหนปริมบอกว่ายอมรับฉันเป็นเพื่อนแล้วไง ปริมโกหกใช่มั้ย…”

“เปล่า…นายอยากเป็นเพื่อนกับฉันจริง ๆ หรอ ถ้านายทำให้ฉันสัมผัสได้ว่านายอยากเป็นเพื่อนกับฉันจริง ๆ ฉันก็พร้อมจะยอมรับนายเหมือนกัน”

“จริงสิปริม อยากเป็นเพื่อนปริมนะ” น้ำเสียงนั้นเริ่มแจ่มใสขึ้น
“ก็ได้” ปริมรับน้ำเก๊กฮวยมาดื่ม
“อร่อยมั้ย ชอบรึเปล่า” เขาเห็นเธอก้มหน้าก้มตาดูดเอา ๆ อย่างเอร็ดอร่อยเชียว
“ชอบมากเลย ยิ่งทานตอนอากาศร้อน ๆ แบบนี้มันสดชื่นดีนะ” พร้อมกับพยักหน้าหงึก ๆ

ภาพที่เธอเผลอเป็นกันเองกับเขาขณะนี้ เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน ทำอย่างไรเธอจะเป็นกันเองกับเขาตลอดเวลาอย่างนี้ตลอดไป

“ปริม…ไม่อยากเป็นเพื่อนเฉย ๆ อยากเป็นเพื่อนใจได้มั้ย”

“แล้วเป็นเพื่อนเฉย ๆ ไม่ได้รึไง” เธอเริ่มหัวเสีย น้ำเสียงเครียดขึ้นมาทันที รีบจ้ำเท้าเดินหนี

“อีกแล้ว….” เขาบ่นตัวเอง เผลอพูดตามหัวใจตัวเองออกไปอีกแล้ว เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมนะ ถึงเป็นเพื่อนเฉย ๆ ไม่ได้ ทำไมต้องอยากเป็นมากกว่านั้นด้วยนะ ทำไมต้องอยากบอกเธอด้วยนะ ทำไมไม่เก็บไว้รู้คนเดียวนะ ทำไมนะ ทำไม…และทำไม…???

ปริมเดินมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว พื้นสะพานมีความกว้างประมาณสองเมตร สายตามองตรงไปยังสะพานตรงหน้า เท้าก้าวขึ้นไปบนสะพานเหล็ก รางรถไฟทอดตัวยาวข้ามไปยังอีกฝั่งตรงกันข้าม มองทะลุระหว่างแผ่นไม้ที่วางห่างกันเป็นระยะในแนวขวาง มองเห็นแม่น้ำลิบ ๆ เบื้องล่าง ใจรู้สึกหวิว ๆ ขึ้นมาอย่างรู้สึกกลัว กลัวความสูงของสะพาน และความเชี่ยวของแม่น้ำแคว รอบตัวว่างเปล่า ไม่มีราวให้เกาะยึดอะไรได้เลย

“เดินไปด้วยกันนะ” เสียงคนหนุ่มดังขึ้นข้างตัว

เด็กสาวหันมามองหนุ่มผมยาว

“ไม่! ต่างคนต่างเดินน่ะ ดีแล้ว นายอย่ามายุ่งกับฉันได้มั้ย”

เขายักไหล่ “ขอโทษทีนะ ที่ทำตามที่เธอขอร้องไม่ได้”
ปฏิการยิ้ม “เดินไปด้วยกันดีกว่าน่า…เดินคนเดียวเหงาออก เธอไม่กลัวเหรอ เผื่อเป็นอะไร ฉันจะได้ช่วยทัน”

“ไม่กลัว กลัวอะไร มีอะไรต้องกลัวด้วย” พูดจบรีบสาวเท้าเดินนำหน้าไปก่อน

ระหว่างทางต้องคอยเดินหลบผู้คนที่เดินสวนไปมาบ้าง ปริมเดินมาได้สักพักใหญ่ถึงกลางสะพาน มองฝั่งตรงข้ามที่ความรู้สึกบอกว่าไกลเหลือเกิน ทำไมไปไม่ถึงซักที

ความกลัวแทรกตัวขึ้นมาในสมองอีกแล้ว…

รู้สึกว่าอาการกลับหนักขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

นึกกังวลใจ ถ้าหากรถไฟเกิดวิ่งข้ามมาตอนนี้จะทำอย่างไร! ถ้าเกิดเดินไปเดินมาเกิดสะดุดอะไรขึ้นมาล่ะ! จะคว้าอะไร จะยึดจับตรงไหน มองหาที่จับที่ยึดอะไรก็ไม่มี มันโล่งโจ้งไปหมด ความสูงของสะพานเมื่อมองลงไปยังแม่น้ำเบื้องล่าง ทำให้รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ตอนนี้เธอคิดถึงพี่ชายเหลือเกิน อยากให้เขามาคอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ คงจะรู้สึกดีกว่านี้ เพื่อนฝูงเดินหนีหายไปไหนกันหมดนะ

ปฏิการเดินตามมาห่าง ๆ เห็นเธอหยุดเดิน และยืนนิ่งงันอยู่นานแล้ว รีบสาวเท้าไปยืนข้าง ๆ

“รอฉันเหรอ บอกแล้วให้เดินไปด้วยกันก็ไม่เชื่อ” เขาแกล้งเย้าแหย่เธออย่างอารมณ์ดี

ปริมไม่ตอบ เธอนิ่งเงียบจนเขารู้สึกถึงความผิดปกติ

“ไปกันเถอะ เดินไปด้วยกันนะ” เขาชักชวน เมื่อเห็นเธอยังยืนนิ่งเฉย

“ไม่ล่ะ ฉันจะเดินกลับแล้ว”

“อ้าว….!! ทำไมล่ะ ยังเดินไม่ถึงฝั่งนู้นเลย” เขาบ้ายหน้าไปยังฝั่งตรงกันข้าม

ชายหนุ่มจ้องหน้าเด็กสาวอย่างห่วงใย

“เป็นอะไรรึเปล่า…”

เธอเงยหน้ามองเพื่อนพี่ชาย น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเอื้ออาทร ไม่ใช่การพูดหยอกล้ออย่างที่เคยได้ยิน

“ปริมกลัวเหรอ…”

เธอนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ

“กลัวอะไร…”

“กลัว…” เธอมองหน้าเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่ทว่าในสายตาคู่นั้นของเขา ไม่มีแววตาล้อเลียนแม้แต่นิดเดียว กลับเต็มเปี่ยมด้วยความห่วงใย เขากำลังตั้งใจฟังทุกถ้อยคำของเธอ

“กลัวความสูง กับความเชี่ยวของแม่น้ำข้างล่าง” เธอพูดอ้อมแอ้มตะกุกตะกักอย่างไม่เต็มเสียง อดกลัวไม่ได้ว่าเขาอาจจะหัวเราะเยาะเอาที่ก่อนหน้านี้ทำเป็นเก่ง สุดท้ายเธอก็ต้องพึ่งพาเขาอยู่ดี

“ไม่ต้องกลัวนะ หายใจเข้าออกลึก ๆ ยาว ๆ ปริมจะรู้สึกดีขึ้น”

เขายื่นมือมาข้างหน้า

“เอ่อ…คือ…ไม่เป็นไรหรอก”

“งั้นก็ไปกันเถอะ เธอจะเดินกลับใช่มั้ย”

“ชะใช่…” ปริมพูดอย่างอึก ๆ อัก ๆ จะบอกเขาอย่างไรดีว่าขณะนี้ขามันสั่น ๆ และใจก็หวิว ๆ จนก้าวเท้าไม่ออกซะแล้ว

“ไปกันเถอะ” เขาย้ำอีกครั้ง แต่ยังคงเห็นเธอยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

“ขอโทษนะ” เขาเอื้อมมือมาจับมืออันเย็นเฉียบของเธอไว้

ปริมมองมือตัวเองที่ตกอยู่ในมือเขา อยากจะยื้อเอาคืนมา แต่มันพูดอะไรไม่ออก มันจนคำพูดกับความสามารถของตัวเอง กับความไม่เอาไหน ที่ปล่อยให้ความกลัวเกาะกินความรู้สึกของตัวเองอย่างนี้ เรี่ยวแรงกำลังกลับเหมือนจะถดถอยลงไปทุกขณะ

“ไม่ต้องกลัวนะ หายใจเข้าลึก ๆ ยาว ๆ” พยายามดึงเธอให้ก้าวเดินไปพร้อมกัน

เธอพยายามทำตามอย่างที่เขาบอกแม้จะยังรู้สึกเกร็ง ๆ ไปหมด สมองตื้อเหมือนกับจะบังคับร่างกายไม่ได้

“ฉันอยู่ทั้งคน ไม่ปล่อยให้ปริมเป็นอะไรหรอก” เขามองหน้าขาวซีดนั้นอย่างห่วงใย พร้อมกับตบมือเธอเบา ๆ อย่างให้กำลังใจตลอดเวลา

“ดีขึ้นมั้ย” เมื่อรู้สึกว่าเธอดูผ่อนคลายมากขึ้น

ปริมพยักหน้าช้า ๆ หลบสายตาของเขาที่มองตรงมา ความกลัวค่อย ๆ ลดลง รู้สึกเริ่มมีกำลัง เริ่มมีแรงกลับคืนมา เพียงแค่มืออุ่น ๆ ของเขาจับมือของเธอเอาไว้อย่างนี้ ทำไมถึงรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด

“อย่ามองลงไปข้างล่างนะปริม มองหน้าหล่อ ๆ ของฉันอย่างเดียวพอแล้ว” เขาอดไม่ได้ที่จะเย้าแหย่

แต่เธอยังคงนิ่งเงียบไม่โต้ตอบอะไรแม้แต่คำเดียว ยิ่งเธอไม่พูดกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ

“ไม่พูดอะไรบ้างหรอปริม ไม่ได้ยินเสียงเธอ รู้สึกเหงาหูยังไงไม่รู้”

ปริมได้แต่เงียบงัน ใจคอรู้สึกแปลก ๆ เพราะตั้งแต่เกิดมาผู้ชายที่เคยจูงมือเธอแบบนี้นอกจากพ่อแล้ว มีเพียงพี่ชายของเธอเท่านั้น

“ช่างเถอะ” เขากระชับมือของเธอแน่นขึ้น “พูดไม่ออกก็ไม่ต้องพูดก็ได้” เขาหันมายิ้มให้

“ให้ฉันจูงไปจนถึงฝั่งนะ”

เธอไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ปล่อยให้เขาจูงมือและเดินตามเขาไปแต่โดยดี

เมื่อเท้าสัมผัสพื้นดินอย่างเต็มเท้า แรงกำลังคืนกลับมาเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ทันที
“ถึงฝั่งแล้วนะ” เธอทวงมือคืนจากหนุ่มผมยาว

“ปริม….” เขารู้สึกไม่อยากคืนมือให้เธอเลย

“ฉันขอเป็นคนจูงมือเธอแบบนี้ตลอดไป…ได้มั้ย….”

คำพูดทุกคำของเขามันดังก้องกังวาลเข้าไปในหัวใจน้อย ๆ ของเธอ ชั่ววินาทีเดียว ที่สติและความเป็นตัวของตัวเองกลับมาควบคุมความคิดของเธอไว้ทั้งหมด

“นายทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับฉันครบถ้วนแล้วหรือยัง” พลางขยับมือของตัวเองออกมาจากมือของชายหนุ่ม “กลับไปทบทวนให้ดีก่อนดีกว่า นายอย่าพูดอะไรจากอารมณ์ชั่ววูบ นายอาจจะแค่อยากเอาชนะฉันให้ได้เท่านั้นเอง” พูดจบเธอเดินแยกตัวไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนที่รถตู้ ทิ้งให้เขายืนอารมณ์ค้างอยู่คนเดียว

คำพูดของปริมครั้งสุดท้ายทำให้ปฏิการต้องกลับไปนอนก่ายหน้าผากคิดอยู่นานหลายคืน และคิดได้ว่า การเข้าไปตามติดเธออย่างนี้ มันใช้ไม่ได้กับเธอเลย เขาควรเปลี่ยนวิธีใหม่ เพราะที่ผ่านมาเขาประสบแต่ความล้มเหลวตลอด เขาควรทำตัวเป็นเพื่อนกับเธอก่อน เพื่อให้เธอยอมรับเขาอย่างแท้จริง และให้ความสนิทสนมคุ้นเคยด้วยมากกว่านี้

หลังจากนี้สามเดือนเขาตั้งใจจะไม่ทวงสัญญากับเธออีกเลย จะพยายามทำตัวเป็นเพื่อนเธอให้มากที่สุด เพื่อเป็นการค้นหาหัวใจของตัวเองอย่างแท้จริง ถ้าเขาจะคิดกับเธออย่างเพื่อน เขาจะทำได้แค่ไหน หรือเขาเป็นเพียงอย่างที่เธอพูดเอาไว้เท่านั้น ไม่มีอะไรตอบคำถามในใจของเขาได้นอกจาก “เวลา” ที่จะให้คำตอบที่ชัดเจนกับเขาที่สุดในเวลาต่อมา



ริเศรษฐ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 พ.ค. 2556, 22:47:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 พ.ค. 2556, 22:49:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1319





<< ตอนที่6   ตอนที่8 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account