คือสัญญา
เมื่อน้องสาวไม่พอใจเพื่อนของพี่ชายที่ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา เธอจึงคอยแกล้งเขาต่าง ๆ นา ๆ จนวันหนึ่งเขาได้ถามว่าเธอไม่ชอบอะไรเขานักหนา หากจะเป็นเพื่อนกับเธอต้องทำอย่างไร เธอจึงบอกเงื่อนไขที่เหมือนทำให้เขาต้องเปลี่ยนชีวิตของตัวเองทั้งชีวิตใหม่ ซึ่งได้พลั้งปากออกไปอย่างไม่ทันได้คิดว่า ถ้าเขาทำได้ต่อให้เป็นแฟนก็ยังไหว
เขาจึงถือว่าถ้าเขาทำทุกอย่างครบเงื่อนไขทั้งหมดแล้ว เธอต้องยอมรับเขาเป็นแฟนด้วย นั่นคือสัญญาระหว่างเขาและเธอ
เขาจะเอาชนะใจเธอได้รึเปล่า ติดตามได้เลยค่า...
เขาจึงถือว่าถ้าเขาทำทุกอย่างครบเงื่อนไขทั้งหมดแล้ว เธอต้องยอมรับเขาเป็นแฟนด้วย นั่นคือสัญญาระหว่างเขาและเธอ
เขาจะเอาชนะใจเธอได้รึเปล่า ติดตามได้เลยค่า...
Tags: คือสัญญา
ตอน: ตอนที่8
ปฎิการออกแรงกดปากกาลงบนปฏิทินขนาดเล็กเท่านามบัตรเป็นรูปกากะบาท ผ่านมาถึงเดือนที่สามแล้วที่เขาทำตามแผนสองเพื่อทดสอบหัวใจตัวเองอีกครั้ง เขาตั้งใจจะไม่ไปพบหน้าปริม จะไม่ไปหาปริมอีกเลย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หัวใจของเขานั่งนับวันเวลาทุกวัน ว่าเหลืออีกกี่วันจึงจะครบสามเดือนตามที่เขาได้ตั้งใจเอาไว้ รู้สึกวันเวลายาวนานเหลือเกิน ได้แต่เฝ้าบอกตัวเองว่าต้องอดทน
จนถึงตอนนี้ ครบกำหนดสามเดือนแล้ว แต่เขายังไม่อาจลืมปริมได้เลย เธอยังอยู่ในหัวใจของเขาเสมอ อยากพบเธอเหลือเกิน แต่ทำไมกลับรู้สึกกลัวและไม่กล้า ไม่รู้ว่าที่ผ่านมา เขาเองสร้างความรำคาญใจให้เธอรึเปล่า เขาทำให้เธออึดอัดใจรึเปล่า เขาทำให้เธอไม่สบายใจรึเปล่า เขาลืมนึกถึงจิตใจของเธอ ความรู้สึกของเธอเสียสนิทเลย บางทีเธออาจจะไม่ได้ชอบเขาจริง ๆ เขาคงไม่สามารถบังคับเธอให้รู้สึกเหมือนกันกับเขาได้ ความรู้สึกนี้เอง…ทำให้เขาไม่กล้าที่จะไปพบเธอ….
นึกถอยหลังทบทวนแผนหนึ่งก่อนหน้านี้ สามเดือนที่เขาได้ตั้งใจจะพยายามเป็นเพื่อนกับปริมอย่างแท้จริง จะไม่ทวงสัญญากับเธอ จะไม่เดินตามเธอ จะไม่ไปหาเธอบ่อย ๆ ถ้าไม่จำเป็น จะไม่ทำตัวเกินฐานะเพื่อนที่พึงกระทำ เขารู้สึกต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองอย่างมาก ต้องต่อสู้กับความต้องการที่มีอยู่ข้างใน แต่ทว่าสามเดือนที่ผ่านมานั้นหัวใจของเขาก็ยังไม่อาจเป็นเพื่อนกับเธอได้อย่างสนิทใจอยู่ดี แม้จะได้พยายามแล้วพยายามอีกก็ตาม
แผนพยายามเป็นเพื่อนกับเธอได้ผลดีเกินคาด ปริมให้ความเป็นกันเองกับเขามากขึ้น ให้ความคุ้นเคยและสนิทสนมกับเขามากขึ้นกว่าเดิม และปฏิกิริยาของเธอมีผลต่อความรู้สึกของเขาด้วยเช่นกัน ที่กลับรู้สึกชอบความเป็นเธอมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อย ๆ
เขาชอบเธอจริง ๆ หรือ? เขาตั้งคำถามกับตัวเอง
ปฏิการเก็บปฏิทินอันเล็กเข้ากระเป๋าสตางค์ เอื้อมมือหยิบกีต้าตัวโปรดข้างตัวขึ้นมาเกาเบา ๆ เขาพยายามหาอะไรทำเพื่อให้ความคิดถึงเธอเหลือเกินเลือนหายไปบ้าง ตอนนี้เขาเข้าชมรมดนตรีทำกิจกรรมของมหาลัยวิทยาลัยมากขึ้น เวลาที่จะหมกมุ่นคิดถึงเธอจึงมีน้อยลง แต่เขาก็ยังมีเวลาคิดถึงเธอเสมอ
“ไอ้การไปกินเหล้ากันนะคืนนี้” เพื่อนตะโกนบอกตั้งแต่โผล่หน้าเข้าประตูชมรมมา
ปฏิการยิ้ม “ไม่ล่ะ ขอบใจนะ”
“เฮ้ย! อะไรวะ แกจะเลิกกินเหล้าเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งจริงหรือวะ แล้วตกลงเขาสนใจแกรึเปล่า เห็นได้แต่นั่งแอบคิดถึงเขาข้างเดียวนี่หว่า ยังต้องทำตามสัญญาอะไรที่ให้ไว้กับเขาอยู่อีกหรอ ข้าว่า แกจะแห้วซะมากกว่าละมั้ง” เพื่อนเขาเดินเร็ว ๆ เข้ามานั่งที่เก้าอี้ว่างตรงกันข้ามปากก็พูดไปเรื่อยเปื่อย
“ตอนนี้ ฉันไม่ได้รักษาสัญญาที่ให้กับปริมไว้แล้วล่ะ เพราะว่า มันเป็นตัวของฉันเองแล้ว ไม่รู้ทำไม มันไม่อยากไปใช้ชีวิตอย่างนั้นอีกแล้ว ฉันอยากตั้งใจทำอะไรที่ดีมีประโยชน์ อยากตั้งใจเรียนให้ดีเพื่อพ่อแม่บ้างเท่านั้นเอง”
“เป็นได้ถึงเพียงนี้นะ เพื่อนเรา ไม่น่าเชื่อเลย” เพื่อนเขาได้แต่เกาหัวอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“เฮ้ย! การงั้นแกไปช่วยเล่นดนตรีให้วงเพื่อนข้าหน่อยสิ ร้องเพลงอยู่ที่ร้านอาหารน่ะ ได้มั้ย”
“ขอโทษนะ ไม่ดีกว่า” ปฏิการปฏิเสธ
“เงินนะเว้ย การ! ไม่เอาหรอ ไม่เห็นผิดสัญญากับปริมซะหน่อยนี่นา”
“ฉันไม่อยากไปทำงานที่สนับสนุนให้คนต้องดื่มเหล้าเสียเงินเสียทอง และเสียอะไรต่ออะไรอีกมากมายตามมาอีกแล้ว”
“ไอ้การ แกมัวแต่รักษาสัญญาบ้าบออยู่อีก ปริมมีแฟนใหม่ไปแล้ว ข้าเห็นปริมนั่งรถไปกับหนุ่มหล่อรถป้ายแดงนะเว้ย” เพื่อนอีกคนหมั่นไส้พูดความจริงปนเรื่องโกหกไปบ้าง
ปฏิการไม่อยากเชื่อคำพูดของเพื่อน เพราะคิดว่ารู้จักนิสัยของปริมดี เธอไม่ใช่คนที่จะคบใครเป็นแฟนง่าย ๆ หรือแม้แต่ยอมรับของใคร ความช่วยเหลือจากใครง่าย ๆ ด้วยซ้ำไป เขาเชื่อว่าเธอต้องมีเหตุผลเสมอ แต่ก็ไม่อาจหลีกหนีความรู้สึกหวั่นไหวในใจได้เลย
ที่สำคัญเขาเคยเห็นหนุ่มคนนั้นยืนคุยกับเธอด้วยตาตัวเอง มีแต่คำถามเกิดขึ้นในใจมากมาย ในระยะนั้นเขากำลังทำแผนเป็นเพื่อนกับเธอ ทำให้เขาไม่กล้าถาม ไม่กล้าแสดงความรู้สึกที่แท้จริงในใจ และไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะถามรึเปล่า ในเมื่อเขายังไม่ได้รับการยอมรับจากเธอในฐานะคนพิเศษเลย อย่างไรก็ตามเขายังไม่อยากจะเชื่อความคิดของตัวเองทั้งหมด เพราะเป็นเพียงการเอาแต่คิดไปเองเท่านั้น และนี่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาไม่กล้าที่จะไปพบเธอ…
“การ น้องปลาฝากบอกว่าให้รอเขาด้วย จะแวะมาหาที่ชมรมเย็นนี้นะ” เพื่อนหนุ่มมือกีต้ารีบบอกอย่างนึกได้กลัวว่าจะลืมซะก่อน
“ แหม…เนื้อหอมจริง ๆ มีสาวมาหาได้ไม่เว้นแต่ละวัน แต่ละคน สุดจะน่ารัก” มือกลองค่อนแคะเพื่อนอย่างอิจฉาเล็กน้อย
“ไม่สนใจบ้างหรอการ สาว ๆ ออกจะหน้าตาสดใส จิ้มลิ้มทั้งนั้นเลยที่มาชอบแก สวยน่ารัก อ่อนหวานกว่ายัยปริมตั้งเยอะแยะ” เพื่อนมือคีบอร์ดถามขึ้นบ้าง
“เขายังเด็กกันอยู่เลย ฉันไม่ได้อยากมีเด็กไว้ต้องคอยดูแลนี่หว่า ฉันอยากมีคนที่พร้อมจะเดินเคียงข้างไปด้วยกันมากกว่า อีกอย่างมันไม่ยุติธรรมกับเขาเลย เพราะหัวใจฉันมันยังมีคนอื่นอยู่ในใจแล้ว จะให้ฉันรับใครได้อีก”
“ผู้ชายเจ้าชู้นิด ๆ หน่อย ๆ ไม่เป็นไรหรอกน่า…” มือเบทพูดขึ้นมาบ้าง หนุ่ม ๆ ต่างพากันหัวเราะครึกครื้นขึ้นมาอย่างเฮฮา
“อีกอย่างพวกเราก็ไม่ได้ไปทำไรเขานี่ แค่เย้าหยอกเล่นตามประสาหนุ่ม ๆ เฉย ๆ ไม่เป็นไรหรอก” มือกีต้าอีกคนรีบสนับสนุน
“ฉันไม่ชอบการพูดอะไรที่ไม่ตรงกับใจ มันอาจจะทำให้เขาเข้าใจผิด เขาจะได้ไม่เสียใจภายหลัง”
เพื่อน ๆ ต่างพากันโห่ฮาตามหลังมาเสียงดัง
“ไอ้การ น้องปลามาแล้วว่ะ” มือกลองที่นั่งอยู่ใกล้ประตูที่สุดตะโกนบอก
ปฏิการรีบลุกขึ้นยืน “งั้นฉันไปก่อนนะ” ยังไม่ทันพูดจบรีบเผ่นกระโดดออกไปทางหน้าต่าง
“เฮ้ย! อะไรของมันวะ”
================
คำถามของบรรดาเพื่อน ๆ วกวนอยู่ในสมองของปฏิการ
นั่นสินะ!!
ทำไมเขาถึงไม่ชอบน้องปลาที่แสนจะน่ารัก อ่อนหวาน สวยใสด้วยวัยสาว เขานึกถึงเด็กสาวผิวขาว ผมหน้าม้า แก้มสีแดง ดวงตาสดใส หมั่นมาหาเขาบ่อย ๆ พูดจาไพเราะเอาใจ แต่คำตอบในใจของเขากลับบอกว่า เขาไม่ได้ชอบผู้หญิงแบบนี้
คนที่เขาคิดถึงทำไมไม่มาหาเขาบ้างนะ? แต่เขารู้ดีว่า คนอย่างปริม ไม่มีวันมาหาเขาก่อนแน่นอน
“ปริมเป็นคนดื้อนะคะ โดยเฉพาะเรื่องของความรัก ปริมมีความคิดเป็นของตัวเองสูงมาก แม้ว่า การเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองนี้นั้น อาจจะทำให้ปริมไม่ได้เจอคนที่เรารักอีกเลยก็ตาม ปริมคงยอมละทิฐิ ทิ้งศักดิ์ศรีที่มันค้ำคออยู่ไม่ได้นะคะ หากแม้เราจะไม่ได้รู้จักเขาอีกเลยก็ตาม ปริมถือว่า เราไม่ใช่คู่กัน หากเป็นคู่กันแล้ว เขาน่าจะมีความพยายามมากกว่านี้ ปริมจะไม่ยอมปล่อยหัวใจของตัวเองให้ใครง่าย ๆ หากปริมไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจ ปริมจะไม่ขอเสี่ยงค่ะ และจะไม่ยอมเสียความรู้สึกดีดี เพราะเราตัดสินใจผิดพลาดไป ปริมต้องใช้เวลาดูนานมาก นานจนอาจไม่มีใครรอไหว นั่นก็หมายถึงเขาไม่มีความมั่นคง และหนักแน่นพอที่ปริมจะมอบความรู้สึกพิเศษนี้ให้กับเขาได้”
เขานึกถึงคำพูดของปริมที่บังเอิญได้ยินเธอคุยกับปรามตอนที่ไปแคมป์ด้วยกัน
“ปริมเธอคงคิดว่าฉันหมดความพยายามแล้วใช่ไหม” เขารู้สึกกังวลใจขึ้นมา เพราะเขาหายหน้าไปเลยไม่ได้พบเธอนานมาก
“เธอคงคิดว่า ฉันไม่มีความมั่นคงและหนักแน่นพอรึเปล่า…”
เด็กสาวร่างเล็กกระทัดรัด หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสวิ่งผมกระจายมาหาชายหนุ่มที่เดินท่อม ๆ ผ่านมาทางโรงอาหารของมหาวิทยาลัย
“พี่การ สวัสดีค่ะ”
ปฏิการสะดุ้ง! ความคิดต้องหยุดชะงักกะทันหัน เมื่อเด็กสาวหน้าตาน่ารักเข้ามาทักทายอย่างใกล้ชิด จับมือของเขาบีบไว้แน่นอย่างดีอกดีใจสุดขีด
“สะ..หวัด..ดีครับ”
“วันก่อนที่พี่จัดดนดรีเพื่อการกุศล ปิงยังไปซื้อบัตรชมคอนเสริทของพี่เลยค่ะ จัดได้ดีมากนะคะ สนุกมากเลย โดยเฉพาะ พี่การค่ะ ร้องเพลงเพราะมาก ๆ เลยนะคะ” น้ำเสียงใสแจ๋วที่แฝงความขี้อ้อนหน่อย ๆ พร้อมกับรอยยิ้มหวานฉ่ำ อาจจะละลายหัวใจหนุ่ม ๆ ได้
แต่เขากลับรู้สึกว่า “น่ารำคาญ” มากกว่า
“ขอบคุณมากครับ เราก็ช่วย ๆ กันนะครับ” เขามองมือเด็กสาวที่ยังเกาะแขนของเขาแจยังกะแตงเม รู้สึกอึดอัดอยู่ในใจว่าจะทำอย่างไรดี ไม่อยากให้สาว ๆ สมัยนี้ทำกิริยาอย่างนี้เลย จะเตือนดีหรือเปล่า จะทำให้เสียความรู้สึกไหม ถ้าปล่อยอย่างนี้ต่อไปจะดีหรือ และอดไม่ได้ที่จะชื่นชมคนที่เขาแสนคิดถึงที่ไม่เคยทำอะไรอย่างนี้เลย
มองการแต่งตัวของเด็กสาวหน้าสวยคนนี้แล้ว ต้องแอบลอบถอนหายใจ เกิดคำถามขึ้นกับตัวเองอย่างสงสัย ทำไมนักศึกษาสาวสมัยนี้ชอบใส่เสื้อนักศึกษาตัวเล็ก ๆ รัดรูป บางคนกระดุมปริแล้วปริอีก ใส่กระโปรงสั้น แถมยังผ่า แหวกซ้ายแหวกขวา ผ่าหน้า ผ่าหลัง เป็นน้องนุ่งเขาจะจับมาตีและอบรมสั่งสอนเสียให้เข็ด ไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอเหล่านั้นคิดอย่างไรถึงกล้าแต่งตัวแบบนี้ แล้วบรรดาผู้ชายที่มองจะคิดอะไร? อย่างไร? กับเธอเหล่านั้นบ้าง?
“ขอโทษนะครับน้อง ยืนห่าง ๆ นิดหนึ่งนะครับ มือด้วยนะครับ พี่ไม่รับฝากหรอก เดี๋ยวใคร ๆ จะมองไม่ดีนะครับ” เขาตัดสินใจเตือนมากกว่าที่จะปล่อยไป และเด็กสาวคนนี้ไม่ใช่คนแรกที่ถูกเขาเตือน
เด็กสาวหน้าจ๋อยลงไปทันที “แหม…พี่การก้อ…กลัวแฟนมาเห็นหรอคะ” เสียงหวานใสขี้อ้อนเปลี่ยนโทนเสียงเป็นเสียงสูงและแหลมขึ้นมาทันที
ปฏิการอึ้งไปชั่วขณะ เพราะคนที่เขาแสนจะคิดถึงกำลังเดินมาพอดี ช่างบังเอิญอะไรอย่างนี้นะ ความรู้สึกดีใจเป็นที่สุดที่ไม่ได้พบกันนานเหลือเกิน เขามองเธอก้มหน้าก้มตาเดินมา พร้อมกับค้นหาอะไรบางอย่างในถุงกระดาษที่หอบหนังสือแนบอกมาหนาปึ้ก เธอยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อยมาก เสื้อตัวโตพลางสายตาจากทรวดทรงองเอวที่แท้จริง กระโปรงทรงเอสีดำยาวคลุมเข่าเสมอ รองเท้าผ้าใบสีขาวคู่เก่งที่เธอใส่มาตลอดไม่เคยเปลี่ยนซักทีถ้าไม่ขาดไม่พังกันไปข้างหนึ่งเสียก่อน
ถ้าเธอเห็นเขากับเด็กผู้หญิงคนนี้จะรู้สึกโกรธเขาบ้างรึเปล่า จะรู้สึกอย่างไรบ้างนะ
เด็กสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองตามสายตาชายหนุ่มที่ยืนตะลึงอยู่กับที่ เงียบกริบ มองหญิงสาวที่กำลังเดินตรงมา แววตาของชายหนุ่มเป็นประกาย แตกต่างจากที่มองเธอโดยสิ้นเชิง
“ปริม….”
เขารีบเรียกเธอเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้
ปริมเงยหน้าขึ้นมามองคนเรียกชื่อเธอ
“คนนี้ไงแฟนพี่จ้ะ พี่ขอตัวก่อนนะครับ” เขารีบแนะนำให้เด็กสาวรับทราบ แล้วคว้ามือปริมเดินหนีออกไปทันที
=================
“นี่นายปฏิการ ปล่อยมือเรานะ” เธอถูกเขาลากออกมาจนพ้นสายตาเด็กสาวคนนั้น
“แล้วนายพูดออกไปอย่างนั้นได้ยังไง ฉันเสียหายนะ” เธอเอาเรื่องกับการที่เขาอ้างชื่อเธอกับเขาเป็นแฟนกัน
“ปริม…ฉันขอโทษ ช่วยเพื่อนซักครั้งเถอะนะ” เขาคืนมือเธอให้เจ้าของอย่างเสียไม่ได้
“เพื่อนคนนี้ช่วยเหลือนายได้ทุกเรื่องนะ แต่ยกเว้นเรื่องนี้” เธอพูดอย่างชัดเจน
ปริมมองหน้าชายหนุ่มที่เงียบขรึมไม่พูดอะไรซักคำเดียวหลังจากสิ้นเสียงของเธอ ใจคอรู้สึกไม่ค่อยดี รู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของเขา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยนึกแคร์ความรู้สึกของเขาเลย
“ฉันขอโทษนะปริม…” ครู่หนึ่งเขาตัดสินใจขยับตัวเดินเลี่ยงออกไป สีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“เดี๋ยว! ปฏิการ”
หนุ่มผมยาวหันกลับมาที่ต้นเสียง มองหน้าเธออีกครั้ง เขามองเห็นในแววตาเธอมีความเป็นห่วงเขาซ่อนอยู่
“ไม่เจอกันนานนะ สบายดีหรอ” เธอรู้สึกไม่อยากให้เขาจากไปด้วยความรู้สึกไม่ค่อยดีแบบนี้เลย
“สบายดี ปริมล่ะเป็นไง” เขารู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อได้ยินเธอถามไถ่
“ไม่เจ็บไม่ไข้จ้ะ งานดนตรีของนายจัดได้เยี่ยมมากเลย นายร้องเพลงได้เพราะเหมือนเดิมนะ” เธอพยายามชวนคุยเปลี่ยนบรรยากาศ
ปฏิการขมวดคิ้วเข้มอย่างแปลกใจ
“ปริมไปดูด้วยหรอ ไหนปรามบอกว่าปริมไม่ไปไงล่ะ”
“ก็…มาคิดดูอีกที เพื่อนเราจัดทั้งที ไม่ไปดูได้ไง จริงมั้ย” ที่จริงเธอกลัวคนอื่นจะว่าเธอใจอ่อนสนใจเขา เลยต้องแอบไปดูคนเดียวต่างหาก
คำว่า “เพื่อน” ที่ได้ยิน ทำให้รู้สึกเจ็บแปล๊บในหัวใจของคนหนุ่ม อยากบอกเธอเหลือเกินว่า เขาไม่ได้คิดเป็นเพื่อนกับเธอ เขาทำไม่ได้ เขาพยายามทำแล้วจริง ๆ แต่ไม่อาจโกหกตัวเอง ปฏิเสธความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองได้เลย เขาได้แต่เก็บคำพูดเหล่านั้นเอาไว้ในใจ เพราะรู้ดีว่า พูดออกไปคงไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว…ต่อไปนี้เขาจะไม่บอกเธออีก จะเก็บทุกความรู้สึกที่เกี่ยวกับเธอเอาไว้ในใจ…เท่านั้น…
“ปริม อยู่นี่เอง” เสียงหนุ่มหล่อดังออกมาจากหน้าต่างรถสีบอนด์ป้ายแดงคันหรู ที่เข้ามาจอดอยู่ใกล้ ๆ
“อ้าว…หวัดดีค่ะพี่ป้อง”
ปฏิการมองหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ดูสนอกสนใจปริมเหลือเกิน นัยต์ตาของชายหนุ่มเป็นประกายแจ่มใส อย่างที่ผู้ชายด้วยกันดูออกว่าหมายถึงอะไร
ข่าวที่เพื่อนพูดนั้นเป็นความจริงหรือ?
หัวใจเริ่มเต้นแรงผิดปกติ ความร้อนภายในกำลังเพิ่มอุณหภูมิสูงขึ้น พอ ๆ กับความเครียด ความไม่พอใจที่เริ่มก่อร่างสร้างตัวอย่างรวดเร็ว แต่เขาทำได้เพียงยืนเงียบ ๆ ไม่แสดงอะไรออกทางสีหน้าและท่าทาง เพราะคำควณผลดูแล้วว่า ไม่มีอะไรดีเลยที่เขาจะแสดงความอึดอัดขัดเคือง ความหึงหวงเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ความไม่พอใจเธอกับหมอนั่น!! และเขาคงมีแต่จะเสียคะแนน จึงต้องอดทนยืนฟังข้อความน่ารำคาญนั้น
“ปริมจะไปไหน ให้พี่ป้องไปส่งนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เผอิญปริมเจอเพื่อนเก่า” ปริมหันมาแนะนำเขาให้รู้จักกับรุ่นพี่ที่คณะ
ปฏิการฝืนยิ้มให้เล็กน้อย พร้อมกับผงกหัวให้อย่างเสียไม่ได้
ปกป้องหันมาฝืนยิ้มให้เช่นกัน ก่อนจะละสายตาไปจ้องหน้าปริมต่อ
“ปริม ไม่เคยให้พี่ป้องได้ทำหน้าที่สารถีให้ซักทีเลยนะ”
“ก็เป็นสารถีให้คนอื่นก่อนสิคะ แล้วไงค่อยเจอกันที่คณะนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ งั้นพี่ป้องไปก่อนนะ” จบคำพูดนั้น หน้าต่างค่อย ๆ เลื่อนขึ้นจากด้านล่างของขอบประตูจนถึงด้านบน แล้วรถสีบอนด์ก็ค่อย ๆ ขับจากไป
ปฏิการค่อย ๆ มีสีหน้าดีขึ้น เมื่อรู้ว่าเธอไม่ไปกับหมอนั่น!! ที่สำคัญเธอไม่ได้เป็นอย่างที่เพื่อนของเขากล่าวหา นึกในใจ คำว่า “เพื่อน” ก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ
“ปริม…หิวข้าวยัง ไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวฉันเป็นเจ้ามือเลี้ยงเองนะ” ตอนนี้เขายิ้มออกแล้ว
“ได้เลย ระวังกระเป๋าฉีกล่ะ ฉันกินจุนะ”
“ไม่กลัวหรอก เดี๋ยวจะเลี้ยงให้อ้วนกลมเลย” เขาพูดพลางหัวเราะอย่างมีความสุข ดีใจเหลือเกินที่มอร์เตอร์ไซด์เก่า ๆ ของเขาวันนี้จะมีเธอซ้อนท้ายไปด้วยเป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะฐานะไหนก็ตาม ขอให้มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ๆ เธอเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว…
================
หายไปนานมาก ๆ งานยุ่งค่า....ช่วงนี้ฝนตกรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ^_^
จนถึงตอนนี้ ครบกำหนดสามเดือนแล้ว แต่เขายังไม่อาจลืมปริมได้เลย เธอยังอยู่ในหัวใจของเขาเสมอ อยากพบเธอเหลือเกิน แต่ทำไมกลับรู้สึกกลัวและไม่กล้า ไม่รู้ว่าที่ผ่านมา เขาเองสร้างความรำคาญใจให้เธอรึเปล่า เขาทำให้เธออึดอัดใจรึเปล่า เขาทำให้เธอไม่สบายใจรึเปล่า เขาลืมนึกถึงจิตใจของเธอ ความรู้สึกของเธอเสียสนิทเลย บางทีเธออาจจะไม่ได้ชอบเขาจริง ๆ เขาคงไม่สามารถบังคับเธอให้รู้สึกเหมือนกันกับเขาได้ ความรู้สึกนี้เอง…ทำให้เขาไม่กล้าที่จะไปพบเธอ….
นึกถอยหลังทบทวนแผนหนึ่งก่อนหน้านี้ สามเดือนที่เขาได้ตั้งใจจะพยายามเป็นเพื่อนกับปริมอย่างแท้จริง จะไม่ทวงสัญญากับเธอ จะไม่เดินตามเธอ จะไม่ไปหาเธอบ่อย ๆ ถ้าไม่จำเป็น จะไม่ทำตัวเกินฐานะเพื่อนที่พึงกระทำ เขารู้สึกต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเองอย่างมาก ต้องต่อสู้กับความต้องการที่มีอยู่ข้างใน แต่ทว่าสามเดือนที่ผ่านมานั้นหัวใจของเขาก็ยังไม่อาจเป็นเพื่อนกับเธอได้อย่างสนิทใจอยู่ดี แม้จะได้พยายามแล้วพยายามอีกก็ตาม
แผนพยายามเป็นเพื่อนกับเธอได้ผลดีเกินคาด ปริมให้ความเป็นกันเองกับเขามากขึ้น ให้ความคุ้นเคยและสนิทสนมกับเขามากขึ้นกว่าเดิม และปฏิกิริยาของเธอมีผลต่อความรู้สึกของเขาด้วยเช่นกัน ที่กลับรู้สึกชอบความเป็นเธอมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อย ๆ
เขาชอบเธอจริง ๆ หรือ? เขาตั้งคำถามกับตัวเอง
ปฏิการเก็บปฏิทินอันเล็กเข้ากระเป๋าสตางค์ เอื้อมมือหยิบกีต้าตัวโปรดข้างตัวขึ้นมาเกาเบา ๆ เขาพยายามหาอะไรทำเพื่อให้ความคิดถึงเธอเหลือเกินเลือนหายไปบ้าง ตอนนี้เขาเข้าชมรมดนตรีทำกิจกรรมของมหาลัยวิทยาลัยมากขึ้น เวลาที่จะหมกมุ่นคิดถึงเธอจึงมีน้อยลง แต่เขาก็ยังมีเวลาคิดถึงเธอเสมอ
“ไอ้การไปกินเหล้ากันนะคืนนี้” เพื่อนตะโกนบอกตั้งแต่โผล่หน้าเข้าประตูชมรมมา
ปฏิการยิ้ม “ไม่ล่ะ ขอบใจนะ”
“เฮ้ย! อะไรวะ แกจะเลิกกินเหล้าเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งจริงหรือวะ แล้วตกลงเขาสนใจแกรึเปล่า เห็นได้แต่นั่งแอบคิดถึงเขาข้างเดียวนี่หว่า ยังต้องทำตามสัญญาอะไรที่ให้ไว้กับเขาอยู่อีกหรอ ข้าว่า แกจะแห้วซะมากกว่าละมั้ง” เพื่อนเขาเดินเร็ว ๆ เข้ามานั่งที่เก้าอี้ว่างตรงกันข้ามปากก็พูดไปเรื่อยเปื่อย
“ตอนนี้ ฉันไม่ได้รักษาสัญญาที่ให้กับปริมไว้แล้วล่ะ เพราะว่า มันเป็นตัวของฉันเองแล้ว ไม่รู้ทำไม มันไม่อยากไปใช้ชีวิตอย่างนั้นอีกแล้ว ฉันอยากตั้งใจทำอะไรที่ดีมีประโยชน์ อยากตั้งใจเรียนให้ดีเพื่อพ่อแม่บ้างเท่านั้นเอง”
“เป็นได้ถึงเพียงนี้นะ เพื่อนเรา ไม่น่าเชื่อเลย” เพื่อนเขาได้แต่เกาหัวอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“เฮ้ย! การงั้นแกไปช่วยเล่นดนตรีให้วงเพื่อนข้าหน่อยสิ ร้องเพลงอยู่ที่ร้านอาหารน่ะ ได้มั้ย”
“ขอโทษนะ ไม่ดีกว่า” ปฏิการปฏิเสธ
“เงินนะเว้ย การ! ไม่เอาหรอ ไม่เห็นผิดสัญญากับปริมซะหน่อยนี่นา”
“ฉันไม่อยากไปทำงานที่สนับสนุนให้คนต้องดื่มเหล้าเสียเงินเสียทอง และเสียอะไรต่ออะไรอีกมากมายตามมาอีกแล้ว”
“ไอ้การ แกมัวแต่รักษาสัญญาบ้าบออยู่อีก ปริมมีแฟนใหม่ไปแล้ว ข้าเห็นปริมนั่งรถไปกับหนุ่มหล่อรถป้ายแดงนะเว้ย” เพื่อนอีกคนหมั่นไส้พูดความจริงปนเรื่องโกหกไปบ้าง
ปฏิการไม่อยากเชื่อคำพูดของเพื่อน เพราะคิดว่ารู้จักนิสัยของปริมดี เธอไม่ใช่คนที่จะคบใครเป็นแฟนง่าย ๆ หรือแม้แต่ยอมรับของใคร ความช่วยเหลือจากใครง่าย ๆ ด้วยซ้ำไป เขาเชื่อว่าเธอต้องมีเหตุผลเสมอ แต่ก็ไม่อาจหลีกหนีความรู้สึกหวั่นไหวในใจได้เลย
ที่สำคัญเขาเคยเห็นหนุ่มคนนั้นยืนคุยกับเธอด้วยตาตัวเอง มีแต่คำถามเกิดขึ้นในใจมากมาย ในระยะนั้นเขากำลังทำแผนเป็นเพื่อนกับเธอ ทำให้เขาไม่กล้าถาม ไม่กล้าแสดงความรู้สึกที่แท้จริงในใจ และไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะถามรึเปล่า ในเมื่อเขายังไม่ได้รับการยอมรับจากเธอในฐานะคนพิเศษเลย อย่างไรก็ตามเขายังไม่อยากจะเชื่อความคิดของตัวเองทั้งหมด เพราะเป็นเพียงการเอาแต่คิดไปเองเท่านั้น และนี่อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาไม่กล้าที่จะไปพบเธอ…
“การ น้องปลาฝากบอกว่าให้รอเขาด้วย จะแวะมาหาที่ชมรมเย็นนี้นะ” เพื่อนหนุ่มมือกีต้ารีบบอกอย่างนึกได้กลัวว่าจะลืมซะก่อน
“ แหม…เนื้อหอมจริง ๆ มีสาวมาหาได้ไม่เว้นแต่ละวัน แต่ละคน สุดจะน่ารัก” มือกลองค่อนแคะเพื่อนอย่างอิจฉาเล็กน้อย
“ไม่สนใจบ้างหรอการ สาว ๆ ออกจะหน้าตาสดใส จิ้มลิ้มทั้งนั้นเลยที่มาชอบแก สวยน่ารัก อ่อนหวานกว่ายัยปริมตั้งเยอะแยะ” เพื่อนมือคีบอร์ดถามขึ้นบ้าง
“เขายังเด็กกันอยู่เลย ฉันไม่ได้อยากมีเด็กไว้ต้องคอยดูแลนี่หว่า ฉันอยากมีคนที่พร้อมจะเดินเคียงข้างไปด้วยกันมากกว่า อีกอย่างมันไม่ยุติธรรมกับเขาเลย เพราะหัวใจฉันมันยังมีคนอื่นอยู่ในใจแล้ว จะให้ฉันรับใครได้อีก”
“ผู้ชายเจ้าชู้นิด ๆ หน่อย ๆ ไม่เป็นไรหรอกน่า…” มือเบทพูดขึ้นมาบ้าง หนุ่ม ๆ ต่างพากันหัวเราะครึกครื้นขึ้นมาอย่างเฮฮา
“อีกอย่างพวกเราก็ไม่ได้ไปทำไรเขานี่ แค่เย้าหยอกเล่นตามประสาหนุ่ม ๆ เฉย ๆ ไม่เป็นไรหรอก” มือกีต้าอีกคนรีบสนับสนุน
“ฉันไม่ชอบการพูดอะไรที่ไม่ตรงกับใจ มันอาจจะทำให้เขาเข้าใจผิด เขาจะได้ไม่เสียใจภายหลัง”
เพื่อน ๆ ต่างพากันโห่ฮาตามหลังมาเสียงดัง
“ไอ้การ น้องปลามาแล้วว่ะ” มือกลองที่นั่งอยู่ใกล้ประตูที่สุดตะโกนบอก
ปฏิการรีบลุกขึ้นยืน “งั้นฉันไปก่อนนะ” ยังไม่ทันพูดจบรีบเผ่นกระโดดออกไปทางหน้าต่าง
“เฮ้ย! อะไรของมันวะ”
================
คำถามของบรรดาเพื่อน ๆ วกวนอยู่ในสมองของปฏิการ
นั่นสินะ!!
ทำไมเขาถึงไม่ชอบน้องปลาที่แสนจะน่ารัก อ่อนหวาน สวยใสด้วยวัยสาว เขานึกถึงเด็กสาวผิวขาว ผมหน้าม้า แก้มสีแดง ดวงตาสดใส หมั่นมาหาเขาบ่อย ๆ พูดจาไพเราะเอาใจ แต่คำตอบในใจของเขากลับบอกว่า เขาไม่ได้ชอบผู้หญิงแบบนี้
คนที่เขาคิดถึงทำไมไม่มาหาเขาบ้างนะ? แต่เขารู้ดีว่า คนอย่างปริม ไม่มีวันมาหาเขาก่อนแน่นอน
“ปริมเป็นคนดื้อนะคะ โดยเฉพาะเรื่องของความรัก ปริมมีความคิดเป็นของตัวเองสูงมาก แม้ว่า การเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองนี้นั้น อาจจะทำให้ปริมไม่ได้เจอคนที่เรารักอีกเลยก็ตาม ปริมคงยอมละทิฐิ ทิ้งศักดิ์ศรีที่มันค้ำคออยู่ไม่ได้นะคะ หากแม้เราจะไม่ได้รู้จักเขาอีกเลยก็ตาม ปริมถือว่า เราไม่ใช่คู่กัน หากเป็นคู่กันแล้ว เขาน่าจะมีความพยายามมากกว่านี้ ปริมจะไม่ยอมปล่อยหัวใจของตัวเองให้ใครง่าย ๆ หากปริมไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจ ปริมจะไม่ขอเสี่ยงค่ะ และจะไม่ยอมเสียความรู้สึกดีดี เพราะเราตัดสินใจผิดพลาดไป ปริมต้องใช้เวลาดูนานมาก นานจนอาจไม่มีใครรอไหว นั่นก็หมายถึงเขาไม่มีความมั่นคง และหนักแน่นพอที่ปริมจะมอบความรู้สึกพิเศษนี้ให้กับเขาได้”
เขานึกถึงคำพูดของปริมที่บังเอิญได้ยินเธอคุยกับปรามตอนที่ไปแคมป์ด้วยกัน
“ปริมเธอคงคิดว่าฉันหมดความพยายามแล้วใช่ไหม” เขารู้สึกกังวลใจขึ้นมา เพราะเขาหายหน้าไปเลยไม่ได้พบเธอนานมาก
“เธอคงคิดว่า ฉันไม่มีความมั่นคงและหนักแน่นพอรึเปล่า…”
เด็กสาวร่างเล็กกระทัดรัด หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสวิ่งผมกระจายมาหาชายหนุ่มที่เดินท่อม ๆ ผ่านมาทางโรงอาหารของมหาวิทยาลัย
“พี่การ สวัสดีค่ะ”
ปฏิการสะดุ้ง! ความคิดต้องหยุดชะงักกะทันหัน เมื่อเด็กสาวหน้าตาน่ารักเข้ามาทักทายอย่างใกล้ชิด จับมือของเขาบีบไว้แน่นอย่างดีอกดีใจสุดขีด
“สะ..หวัด..ดีครับ”
“วันก่อนที่พี่จัดดนดรีเพื่อการกุศล ปิงยังไปซื้อบัตรชมคอนเสริทของพี่เลยค่ะ จัดได้ดีมากนะคะ สนุกมากเลย โดยเฉพาะ พี่การค่ะ ร้องเพลงเพราะมาก ๆ เลยนะคะ” น้ำเสียงใสแจ๋วที่แฝงความขี้อ้อนหน่อย ๆ พร้อมกับรอยยิ้มหวานฉ่ำ อาจจะละลายหัวใจหนุ่ม ๆ ได้
แต่เขากลับรู้สึกว่า “น่ารำคาญ” มากกว่า
“ขอบคุณมากครับ เราก็ช่วย ๆ กันนะครับ” เขามองมือเด็กสาวที่ยังเกาะแขนของเขาแจยังกะแตงเม รู้สึกอึดอัดอยู่ในใจว่าจะทำอย่างไรดี ไม่อยากให้สาว ๆ สมัยนี้ทำกิริยาอย่างนี้เลย จะเตือนดีหรือเปล่า จะทำให้เสียความรู้สึกไหม ถ้าปล่อยอย่างนี้ต่อไปจะดีหรือ และอดไม่ได้ที่จะชื่นชมคนที่เขาแสนคิดถึงที่ไม่เคยทำอะไรอย่างนี้เลย
มองการแต่งตัวของเด็กสาวหน้าสวยคนนี้แล้ว ต้องแอบลอบถอนหายใจ เกิดคำถามขึ้นกับตัวเองอย่างสงสัย ทำไมนักศึกษาสาวสมัยนี้ชอบใส่เสื้อนักศึกษาตัวเล็ก ๆ รัดรูป บางคนกระดุมปริแล้วปริอีก ใส่กระโปรงสั้น แถมยังผ่า แหวกซ้ายแหวกขวา ผ่าหน้า ผ่าหลัง เป็นน้องนุ่งเขาจะจับมาตีและอบรมสั่งสอนเสียให้เข็ด ไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอเหล่านั้นคิดอย่างไรถึงกล้าแต่งตัวแบบนี้ แล้วบรรดาผู้ชายที่มองจะคิดอะไร? อย่างไร? กับเธอเหล่านั้นบ้าง?
“ขอโทษนะครับน้อง ยืนห่าง ๆ นิดหนึ่งนะครับ มือด้วยนะครับ พี่ไม่รับฝากหรอก เดี๋ยวใคร ๆ จะมองไม่ดีนะครับ” เขาตัดสินใจเตือนมากกว่าที่จะปล่อยไป และเด็กสาวคนนี้ไม่ใช่คนแรกที่ถูกเขาเตือน
เด็กสาวหน้าจ๋อยลงไปทันที “แหม…พี่การก้อ…กลัวแฟนมาเห็นหรอคะ” เสียงหวานใสขี้อ้อนเปลี่ยนโทนเสียงเป็นเสียงสูงและแหลมขึ้นมาทันที
ปฏิการอึ้งไปชั่วขณะ เพราะคนที่เขาแสนจะคิดถึงกำลังเดินมาพอดี ช่างบังเอิญอะไรอย่างนี้นะ ความรู้สึกดีใจเป็นที่สุดที่ไม่ได้พบกันนานเหลือเกิน เขามองเธอก้มหน้าก้มตาเดินมา พร้อมกับค้นหาอะไรบางอย่างในถุงกระดาษที่หอบหนังสือแนบอกมาหนาปึ้ก เธอยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อยมาก เสื้อตัวโตพลางสายตาจากทรวดทรงองเอวที่แท้จริง กระโปรงทรงเอสีดำยาวคลุมเข่าเสมอ รองเท้าผ้าใบสีขาวคู่เก่งที่เธอใส่มาตลอดไม่เคยเปลี่ยนซักทีถ้าไม่ขาดไม่พังกันไปข้างหนึ่งเสียก่อน
ถ้าเธอเห็นเขากับเด็กผู้หญิงคนนี้จะรู้สึกโกรธเขาบ้างรึเปล่า จะรู้สึกอย่างไรบ้างนะ
เด็กสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองตามสายตาชายหนุ่มที่ยืนตะลึงอยู่กับที่ เงียบกริบ มองหญิงสาวที่กำลังเดินตรงมา แววตาของชายหนุ่มเป็นประกาย แตกต่างจากที่มองเธอโดยสิ้นเชิง
“ปริม….”
เขารีบเรียกเธอเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้
ปริมเงยหน้าขึ้นมามองคนเรียกชื่อเธอ
“คนนี้ไงแฟนพี่จ้ะ พี่ขอตัวก่อนนะครับ” เขารีบแนะนำให้เด็กสาวรับทราบ แล้วคว้ามือปริมเดินหนีออกไปทันที
=================
“นี่นายปฏิการ ปล่อยมือเรานะ” เธอถูกเขาลากออกมาจนพ้นสายตาเด็กสาวคนนั้น
“แล้วนายพูดออกไปอย่างนั้นได้ยังไง ฉันเสียหายนะ” เธอเอาเรื่องกับการที่เขาอ้างชื่อเธอกับเขาเป็นแฟนกัน
“ปริม…ฉันขอโทษ ช่วยเพื่อนซักครั้งเถอะนะ” เขาคืนมือเธอให้เจ้าของอย่างเสียไม่ได้
“เพื่อนคนนี้ช่วยเหลือนายได้ทุกเรื่องนะ แต่ยกเว้นเรื่องนี้” เธอพูดอย่างชัดเจน
ปริมมองหน้าชายหนุ่มที่เงียบขรึมไม่พูดอะไรซักคำเดียวหลังจากสิ้นเสียงของเธอ ใจคอรู้สึกไม่ค่อยดี รู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของเขา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยนึกแคร์ความรู้สึกของเขาเลย
“ฉันขอโทษนะปริม…” ครู่หนึ่งเขาตัดสินใจขยับตัวเดินเลี่ยงออกไป สีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“เดี๋ยว! ปฏิการ”
หนุ่มผมยาวหันกลับมาที่ต้นเสียง มองหน้าเธออีกครั้ง เขามองเห็นในแววตาเธอมีความเป็นห่วงเขาซ่อนอยู่
“ไม่เจอกันนานนะ สบายดีหรอ” เธอรู้สึกไม่อยากให้เขาจากไปด้วยความรู้สึกไม่ค่อยดีแบบนี้เลย
“สบายดี ปริมล่ะเป็นไง” เขารู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อได้ยินเธอถามไถ่
“ไม่เจ็บไม่ไข้จ้ะ งานดนตรีของนายจัดได้เยี่ยมมากเลย นายร้องเพลงได้เพราะเหมือนเดิมนะ” เธอพยายามชวนคุยเปลี่ยนบรรยากาศ
ปฏิการขมวดคิ้วเข้มอย่างแปลกใจ
“ปริมไปดูด้วยหรอ ไหนปรามบอกว่าปริมไม่ไปไงล่ะ”
“ก็…มาคิดดูอีกที เพื่อนเราจัดทั้งที ไม่ไปดูได้ไง จริงมั้ย” ที่จริงเธอกลัวคนอื่นจะว่าเธอใจอ่อนสนใจเขา เลยต้องแอบไปดูคนเดียวต่างหาก
คำว่า “เพื่อน” ที่ได้ยิน ทำให้รู้สึกเจ็บแปล๊บในหัวใจของคนหนุ่ม อยากบอกเธอเหลือเกินว่า เขาไม่ได้คิดเป็นเพื่อนกับเธอ เขาทำไม่ได้ เขาพยายามทำแล้วจริง ๆ แต่ไม่อาจโกหกตัวเอง ปฏิเสธความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองได้เลย เขาได้แต่เก็บคำพูดเหล่านั้นเอาไว้ในใจ เพราะรู้ดีว่า พูดออกไปคงไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว…ต่อไปนี้เขาจะไม่บอกเธออีก จะเก็บทุกความรู้สึกที่เกี่ยวกับเธอเอาไว้ในใจ…เท่านั้น…
“ปริม อยู่นี่เอง” เสียงหนุ่มหล่อดังออกมาจากหน้าต่างรถสีบอนด์ป้ายแดงคันหรู ที่เข้ามาจอดอยู่ใกล้ ๆ
“อ้าว…หวัดดีค่ะพี่ป้อง”
ปฏิการมองหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ดูสนอกสนใจปริมเหลือเกิน นัยต์ตาของชายหนุ่มเป็นประกายแจ่มใส อย่างที่ผู้ชายด้วยกันดูออกว่าหมายถึงอะไร
ข่าวที่เพื่อนพูดนั้นเป็นความจริงหรือ?
หัวใจเริ่มเต้นแรงผิดปกติ ความร้อนภายในกำลังเพิ่มอุณหภูมิสูงขึ้น พอ ๆ กับความเครียด ความไม่พอใจที่เริ่มก่อร่างสร้างตัวอย่างรวดเร็ว แต่เขาทำได้เพียงยืนเงียบ ๆ ไม่แสดงอะไรออกทางสีหน้าและท่าทาง เพราะคำควณผลดูแล้วว่า ไม่มีอะไรดีเลยที่เขาจะแสดงความอึดอัดขัดเคือง ความหึงหวงเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ความไม่พอใจเธอกับหมอนั่น!! และเขาคงมีแต่จะเสียคะแนน จึงต้องอดทนยืนฟังข้อความน่ารำคาญนั้น
“ปริมจะไปไหน ให้พี่ป้องไปส่งนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เผอิญปริมเจอเพื่อนเก่า” ปริมหันมาแนะนำเขาให้รู้จักกับรุ่นพี่ที่คณะ
ปฏิการฝืนยิ้มให้เล็กน้อย พร้อมกับผงกหัวให้อย่างเสียไม่ได้
ปกป้องหันมาฝืนยิ้มให้เช่นกัน ก่อนจะละสายตาไปจ้องหน้าปริมต่อ
“ปริม ไม่เคยให้พี่ป้องได้ทำหน้าที่สารถีให้ซักทีเลยนะ”
“ก็เป็นสารถีให้คนอื่นก่อนสิคะ แล้วไงค่อยเจอกันที่คณะนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ งั้นพี่ป้องไปก่อนนะ” จบคำพูดนั้น หน้าต่างค่อย ๆ เลื่อนขึ้นจากด้านล่างของขอบประตูจนถึงด้านบน แล้วรถสีบอนด์ก็ค่อย ๆ ขับจากไป
ปฏิการค่อย ๆ มีสีหน้าดีขึ้น เมื่อรู้ว่าเธอไม่ไปกับหมอนั่น!! ที่สำคัญเธอไม่ได้เป็นอย่างที่เพื่อนของเขากล่าวหา นึกในใจ คำว่า “เพื่อน” ก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ
“ปริม…หิวข้าวยัง ไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวฉันเป็นเจ้ามือเลี้ยงเองนะ” ตอนนี้เขายิ้มออกแล้ว
“ได้เลย ระวังกระเป๋าฉีกล่ะ ฉันกินจุนะ”
“ไม่กลัวหรอก เดี๋ยวจะเลี้ยงให้อ้วนกลมเลย” เขาพูดพลางหัวเราะอย่างมีความสุข ดีใจเหลือเกินที่มอร์เตอร์ไซด์เก่า ๆ ของเขาวันนี้จะมีเธอซ้อนท้ายไปด้วยเป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะฐานะไหนก็ตาม ขอให้มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ๆ เธอเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว…
================
หายไปนานมาก ๆ งานยุ่งค่า....ช่วงนี้ฝนตกรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ^_^
![](/images/icons/guest.jpg)
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ก.ค. 2556, 23:50:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ก.ค. 2556, 23:50:10 น.
จำนวนการเข้าชม : 1293
<< ตอนที่7 | ตอนที่9 >> |