รอยรักยมทูต
เขาคือเทพแห่งความตายแสนเย็นชา
ส่วนเธอคือวิญญาณดวงน้อยไร้กายา
แต่โชคชะตากลับดลสองดวงใจให้พบกัน
ท่ามกลางอนธการปาฏิหาริย์แห่งรักนิรันดร์จะเริ่มต้นขึ้น

Tags: รอยนิรันดร์ นิรันดร์แห่งรัก ดุจดั่งดวงใจ หทัยแห่งสุริยัน ตราบนิรันดร์คือเธอ ธานาทอส เฮเดส พริมา ขวัญชีวา

ตอน: บทนำ+บทที่1(1/2) โลกหลังความตาย

หายไปนานเลย ไม่รู้จะยังมีคนจำกันได้รึเปล่า^^
วันนี้เอานิยายเรื่องใหม่มาฝากค่ะ แต่ขออนุญาตบอกกล่าวล่วงหน้าหน่อยนะคะว่าผู้เขียนจะลงนิยายเรื่องนี้ไม่จบเรื่อง (^ /\ ^)
ต้องขออภัยจริงๆ เพราะตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่หยุดอัพนิยายไป ก็มีกรณีก๊อปปี้นิยายเกิดขึ้นอีกหลายครั้ง จนล่าสุดถึงขนาดมีการเอานิยายลงในเน็ตแปลงใส่pdfแลัวอัพขึ้น4share ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยผู้เขียนจึงตัดสินใจจะนำเรื่องนี้มาลงให้อ่านกันประมาณ 50-70% นะคะ

สำหรับนิยายเรื่อง รอยรักยมทูต ชื่อก็น่าจะพอเดากันได้(รึเปล่า?)ว่าคงไม่ใช่แนวปรกติ เรื่องนี้เป็นงานแฟนตาซีค่ะ เป็นชุดต่อจากชุดนิรันดร์แห่งรักซึ่งตีพิมพ์กับสนพ.อรุณไปหมดแล้วทั้งสามเล่ม
ถ้าใครเคยอ่านชุดนั้นคงพอจำเทพแห่งความตาย...ธานาทอสได้ งานนี้เขาจะเป็นพระเอกค่ะ ส่วนนางเอกของเรื่องนี้จะค่อนข้างแปลกหน่อย เพราะเธอไม่ใช่คน! แต่เป็นผีค่ะ ก็แหม พระเอกเป็นเทพของความตายนี่นา นางเอกจะเป็นมนุษย์ธรรมดาได้ยังไง ^^

เกริ่นซะยาว ลองตามอ่านกันดูนะคะ เรื่องนี้ถึงจะแหวกไปหน่อย แต่ยังรับประกันความหวานตามแบบริญจน์ธรเหมือนเดิมน้า

--------------------------------------------------------------------------------

เขาคือเทพแห่งความตายแสนเย็นชา
ส่วนเธอคือวิญญาณดวงน้อยไร้กายา
แต่โชคชะตากลับดลสองดวงใจให้พบกัน
ท่ามกลางอนธการปาฏิหาริย์แห่งรักนิรันดร์จะเริ่มต้นขึ้น

บทนำ

มืด... มีเพียงความมืดสนิท ไร้สรรพเสียงแห่งชีวิตใดให้เงี่ยสดับ ขวัญชีวารู้สึกตัวตื่นขึ้นพร้อมความเจ็บปวด มันรวดร้าว ปวดระบมไปทั่วทั้งเรือนกาย หญิงสาวลองพยายามจะขยับ แต่ดูเหมือนร่างของตนจะถูกพันธนาการด้วยบางสิ่งรัดรึงทั้งข้อมือและเท้าไว้ เช่นเดียวกับดวงตาทั้งสองข้างถูกปิดสนิท มันมืดมิดจนมองไม่เห็นแม้แสงสว่างใด รอบกายยามนี้เงียบเสียจนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของตนเอง ความหวาดกลัวกำลังแล่นพล่านทั่วสรรพางค์ ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านเพราะความหวาดผวา เธอลองขยับมือและเท้าอีกครั้ง แต่ก็ต้องเจ็บแปลบเมื่อผิวเนื้อถูกบาดด้วยเชือกที่รัดแน่น แต่กระนั้นขวัญชีวาก็ยังไม่ละความพยายาม ลองหาหนทางเปล่งเสียงร้อง แต่บางสิ่งที่ยัดอยู่ในโพรงปาก ทำให้เสียงร้องกลายเป็นเพียงเสียงครางอู้อี้

ฉับพลัน ความวิเวกรอบกายก็ถูกบุกรุกด้วยเสียงเอี๊ยดอ๊าดคล้ายบานประตูถูกเปิด ขวัญชีวาพยายามจะเงี่ยหูฟังสรรพสิ่งรายรอบ ทว่าเธอก็กลับต้องกรีดร้องทั้งๆที่ยังถูกปิดปากแน่น เมื่อร่างกายตนเองถูกกระชากขึ้นจากพื้น ใครบางคนกำลังอุ้มเธอพาดบ่า หญิงสาวดิ้นรนอย่างหนัก ผลเลยถูกมือหนาฟาดลงตรงบั้นท้ายอย่างแรงหลายครั้งจนน้ำตาเล็ด

ใครกัน ทำไมถึงต้องทำร้ายเธอเช่นนี้ ขวัญชีวาคิดด้วยความปวดร้าวในอก นับตั้งแต่เกิดและเติบโตมาจนย่างเข้าสู่ปีที่ยี่สิบ หญิงสาวนึกไม่ออกจริงๆว่าเธอเคยสร้างเวรกรรมไว้ให้ผู้ใด ทำไมชีวิตต้องเผชิญกับเรื่องราวเลวร้ายขนาดนี้ด้วย ยามนี้ความหวาดกลัวกำลังแล่นไปทั่วทุกอณูของร่างกาย เธอรู้สึกเวียนหัวอย่างหนักเมื่อร่างถูกแบกอยู่บนบ่าของใครคนหนึ่ง เขาเขย่าเธอเสียจนหัวสั่นหัวคลอน ก่อนจะโยนลงจากบ่า กระแทกถูกอะไรบางอย่างที่ทำเอาทั้งตัวชาวาบด้วยความเจ็บปวด

ยามนี้ลอบกายยังมืดสนิท มีเสียงเครื่องยนต์สตาร์ทดังขึ้นพร้อมกับแรงกระชาก พาร่างอรชรเซล้มจากจุดที่นั่งอยู่ ขวัญชีวารู้สึกเหมือนร่างของเธอกำลังถูกจับเหวี่ยงอีกครั้ง และครั้งนี้มันยาวนานเหลือเกิน

เขาจะพาเธอไปไหน... ความทรงจำสุดท้ายยังร่ำร้องถามอยู่ในใจขณะสติเริ่มหลุดลอยออกสู่ดินแดนไกลแสนไกล


--------------------------------------------------------------------------------

บทที่1

กลางเวิ้งทะเลกว้างไกลสุดขอบฟ้า ดาราประดับวาววับอยู่ภายใต้อนธการสีหม่น ณ แดนดินเงียบสงัดไร้ผู้คนยังมีร่างทะมึนภายใต้อาภรณ์สีดำสนิทลอยล่องอยู่เหนือชลาลัย พวกเขาคืออมนุษย์จำพวกหนึ่ง ไม่มีผู้ใดเคยพบเห็น เพราะยามใดมนุษย์แลเห็นแม้เพียงปลายคมเคียว เขาผู้นั้นก็จะถูกเกี่ยวดวงวิญญาณหลุดลอยจากกายา

ใช่! พวกเขาคือเหล่ายมทูต บริวารของธานาทอส... เทพแห่งความตายผู้มอบความภักดีเพียงหนึ่งเดียวต่อจ้าวผู้ครองยมโลก และยามนี้เทพนักรบหนุ่มก็กำลังคุมเหล่าบริวารเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณของลูกเรือที่เกิดเรืออัปปางลง ณ ห้วงมหรรณพ

“น่าจะครบขอรับ คราวนี้ตายทั้งลำเลย” เสียงของยมทูตตนหนึ่งรายงานแก่ผู้เป็นนาย เมื่อเขาพาวิญญาณดวงสุดท้ายขึ้นจากท้องทะเลลึก

“ฝีมือของพวกไซเรนอีกสินะ” ธานาทอสถอนใจอย่างระอา

หลายสิบ หลายร้อยปีผ่านพ้น น่านน้ำแถบนี้ถูกยึดครองด้วยเหล่าอมนุษย์ร้ายแห่งห้วงสมุทร ไซเรนคือสิ่งมีชีวิตครึ่งสวรร์ครึ่งบาดาล อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง พวกนางมีเสียงอันไพเราะ และรูปร่างงดงามไม่ต่างจากเหล่านางอัปสรจากสรวงสวรรค์ ทว่าแท้จริงแล้วไซเรนส่วนใหญ่ล้วนมีจิตใจเหี้ยมโหด ชอบล่ามนุษย์เป็นงานอดิเรก วิธีการล่าเหยื่อของพวกนางคือการสะกดจิตเหล่าผู้สัญจรผ่านท้องทะเลด้วยเสียงเพลงเสนาะ ทันทีที่พวกนางเริ่มขับขาน ก็ไม่มีมนุษย์ผู้ใดฝืนมนต์คีตาของเหล่าไซเรนได้ มนุษย์ทั้งหลายจะตกอยู่ภายใต้ห้วงมนต์สะกด พาเรือของตนลอยลำปะทะโขดหินจนอัปปางลงในที่สุด

“ขอรับ เมื่อครู่นี้ข้าเห็นพวกนางดำผุดดำว่ายอยู่แถวๆโขดหินโสโครก”

ธานาทอสพยักหน้ารับรู้ ไม่นานร่างสูงกำยำภายใต้อาภรณ์สีดำก็ลอยมาหยุดตรงหน้าโขดหินใหญ่ เห็นร่างอรชรแปดร่างกำลังกวักน้ำใส่กันด้วยท่วงท่าเริงรื่น รูปร่างของเหล่าไซเรนยามโผล่พ้นผิวน้ำล้วนไม่ต่างจากเผ่าพันธุ์เงือกเลยแม้แต่น้อย และเมื่อไซเรนหนึ่งในแปดเหลือบสายตาขึ้นเห็นเขา รอยยิ้มหวานงามพิไลไม่ต่างจากเหล่านางสวรรค์ก็ถูกหยิบยื่นให้

“ธานาทอส ท่านไม่ลงมาเล่นน้ำกับพวกข้าบ้างหรือ” น้ำเสียงเต็มไปด้วยจริตเอื้อนเอ่ยทอดไมตรีแก่เขา

ทว่าเทพแห่งความตายกลับส่ายหน้า แววตาคมยังวาววับ จับจ้องร่างงดงามยวนใจด้วยท่าทีนิ่งเฉย

“ไม่ละ ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อเตือนพวกเจ้า” เทพบุตรหนุ่มเอ่ยอย่างเป็นทางการ

“สุ้มเสียงท่านราวกับโกรธเคืองผู้ใดหนักหนา หรือพวกข้าคือต้นเหตุแห่งความขุ่นเคืองใจ”

“ใช่ พวกเจ้าไม่ควรล้อเล่นกับชีวิตมนุษย์ การละเล่นสนุกของพวกเจ้าสร้างภาระให้แก่บริวารข้า เหตุใดเจ้าต้องดับชีวิตของพวกมนุษย์ก่อนเวลาอันสมควรด้วย” เสียงของธานาทอสค่อนข้างดุดัน แต่กระนั้นก็ไม่ได้สร้างความรู้สึกหวาดกลัวใดให้แก่เหล่าไซเรนแม้แต่น้อย

พวกนางต่างมองหน้ากันพลางหัวเราะสนุกสนาน นางหนึ่งถึงกับใจกล้าลอยตัวขึ้นจากผิวน้ำ วินาทีที่ร่างของนางไซเรนโผล่พ้นน้ำ กลางแผ่นหลังบางก็ปรากฏปีกแหลมขนาดใหญ่ พาตัวนางลอยขึ้นเผชิญหน้ากับเทพแห่งความตาย

“เพราะการตายของมนุษย์คือความสุขของพวกข้าอย่างไรเล่า พวกท่านมีหน้าที่ตามเก็บดวงวิญญาณมนุษย์ก็ทำไปสิ” นางลอยหน้าลอยตาบอกอย่างไม่หวั่นเกรง

และนั่นเป็นจุดสิ้นสุดความอดทนของเทพแห่งความตาย ธานาทอสตวัดปลายคมเคียวของตนไปในอากาศ ก่อกำเนิดพายุลูกใหญ่ หมุนวนกระแสน้ำที่เคยนิ่งสงบไหวกระเพื่อแรงเร็วเสียจนเหล่าไซเรนบนผิวน้ำต่างกรีดเสียงร้องระงม

“ท่าน! หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

“พวกเจ้าจงกลับลงบาดาลซะ อย่าก่อกวนความสงบเบื้องบนนี้ให้มันมากนัก ไม่เช่นนั้นข้าจะนำเรื่องนี้กราบทูลต่อเทพโพไซดอน ให้พระองค์ทรงลงโทษด้วยเจ้า” ธานาทอสขู่ด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

“พวกข้าไม่เกรงกลัวเทพโพไซดอนหรอก บิดาของพวกข้าคือเทพอะเคโลอัส ผู้เป็นเทพแห่งสายน้ำเช่นกัน”

“ข้ารู้ดี และรู้ด้วยว่ามารดาของพวกเจ้าก็คือเหล่ามิวส์ พวกเจ้าทั้งหลายถึงไม่เคยยำเกรงทั้งอำนาจจากนรก สวรรค์ หรือแม้แต่บาดาล”

“หึ หากท่านรู้เช่นนี้ เหตุใดจึงวุ่นวายกับพวกข้าอีก” หนึ่งในเหล่าไซเรนกล่าวด้วยน้ำเสียงเดือดดาล

แต่กระนั้นพวกนางก็ไม่อาจทนแรงลมจากอำนาจของเทพแห่งความตายได้ เพียงไม่นานบรรดาอมนุษย์ทั้งหลายก็เร้นกายหายสู่บาดาล ทิ้งไว้เพียงท้องทะเลเงียบสงบตามเดิม

ธานาทอสถอนหายใจ รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการตักเตือนพวกนางนัก แต่เขาก็ไม่อาจลงมือกระทำการอุจอาจได้ เนื่องจากพื้นน้ำแห่งนี้หาใช่ดินแดนภายใต้อาณัติของเทพเฮเดสผู้เป็นนาย ดังนั้นการคิดกระทำการใด เขาก็ควรตริตรองให้รอบคอบก่อน

หรือบางที เขาควรกราบทูลเรื่องนี้แก่เทพโพไซดอนให้รู้แล้วรู้รอด หลังจากเทพแห่งสายน้ำกลับมาปกครองบาดาลพร้อมชายาคู่พระทัยผู้เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งนิมฟ์ พระทัยของเทพเจ้าผู้เคยเหี้ยมโหดก็ดูจะลดความกระด้างลงมาก

นี่อาจถึงเวลาต้องจัดการกับอมนุษย์แสนชั่วร้ายอย่างจริงจังเสียที



ช่วงขณะหนึ่งระหว่างการนึกหาหนทางแก้ปัญหา เทพบุตรหนุ่มก็หันหลังกลับ เตรียมตามเหล่ายมทูตหวนคืนสู่ยมโลก จังหวะนั้นเองสายตาของเขาเหลือบเห็นอะไรบางอย่างเบื้องหลังโขดหิน

“ใครน่ะ” น้ำเสียงดุดันอันเป็นเอกลักษณ์แห่งอำนาจตวาดถาม ขณะเขาพาร่างกำยำพร้อมเคียวคู่กายลอยดิ่งหาบางสิ่งที่แฝงกายเร้นอยู่ในเงามืด

แม้คืนนี้จะเป็นคืนเดือนแรม มีเพียงเส้นแสงแห่งดาราระยิบส่องนำทางจากฟากฟ้า แต่ความมืดมิดก็ไม่อาจบดบังสิ่งใดจากดวงตาดั่งพยัคฆ์ร้าย

“ข้าบอกให้ออกมา ไม่ได้ยินคำสั่งข้าสั่งหรือไง”

บางสิ่งภายใต้เงาดำยังเร้นกายไม่ยอมขยับ สร้างความหงุดหงิดให้แก่เทพแห่งความตายไม่น้อย เขาต้องลอยต่ำลงจนเท้าเกือบแตะโขดหิน จึงสามารถเอื้อมแขนไปกระชากสิ่งที่หลบอยู่ขึ้นเผชิญหน้า ตาสบตา สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือดวงวิญญาณของหญิงสาวนางหนึ่งซึ่งหลบหลีกสายตาของยมทูตมาได้

“คุณเป็นใครกัน” เธอเอ่ยปากถามเขาด้วยท่าทีสั่นผวา

“ข้าคือธานาทอส บุตรแห่งนิกซ์และเอรีบัส เจ้าเล่า...แม่หนูน้อย”

อะไรบางอย่างจากดวงตาสีน้ำตาลโตหลุดให้เขาตั้งชื่อนางเช่นนั้น บางทีอาจเป็นเพราะท่าทางใสซื่อแกมหวาดหวั่นของดวงวิญญาณ เทพแห่งความตายลดทอนความดุดันลง คำถามของเขากลายเป็นเสียงทุ้มต่ำ ฟังดูไม่น่ากลัวเหมือนครั้งแรก

หญิงสาวหยุดชั่งใจคิดอยู่นาน เมื่อได้ยินคำถาม เธอเองก็เพิ่งนึกถามตัวเองเป็นครั้งแรกเช่นกัน นั่นสิ เธอชื่ออะไร

“ไม่ได้ยินคำถามข้ารึไง หรือเจ้าจำไม่ได้แม้แต่ชื่อตน”

การเร่งเร้าเอาคำตอบส่งผลให้มีชื่อหนึ่งแล่นผ่านมาในความคิด

“ขวัญชีวาค่ะ” เธออ้อมแอ้มบอกชื่อที่คิดว่าน่าจะใช่ แล้วจึงถามอีกฝ่ายต่ออย่างขลาดๆ “คุณไม่ใช่ผีใช่ไหม”

“ไม่ใช่ เจ้าต่างหากที่เป็นผี”

คำตอบของเทพแห่งความตายดูจะสร้างความหวั่นวิตกแก่ผู้ฟังไม่น้อย เห็นได้จากท่าทีตกใจ ก้มลงมองมือและร่างกายของตนเอง

“ฉันตายแล้วจริงๆเหรอ” เธอครางอย่างสับสน ไม่แน่ใจ และยิ่งฉงนหนักขึ้น เมื่อเห็นข้อมือของตนถูกอีกฝ่ายหนึ่งเกาะกุม “ทำไมคุณถึงจับฉันได้ล่ะ”

“เพราะข้าคือเทพแห่งความตายไง” เสียงของเทพบุตรหนุ่มหงุดหงิดเล็กน้อย “ออกมา! เจ้ากำลังทำให้พวกข้าเสียเวลา ไม่เข้าใจเลยว่าเจ้าหลงหูหลงตาพวกยมทูตไปได้อย่างไร” ธานาทอสบ่นขณะดึงแขนของวิญญาณดวงน้อยลอยขึ้นจากผิวน้ำ

ไม่นาน เขาก็ขึ้นมารวมกลุ่มกับเหล่ายมทูตซึ่งกำลังคุมดวงวิญญาณของลูกเรือประมงเกือบยี่สิบชีวิตอยู่ ธานาทอสผลักวิญญาณดวงน้อยไปหายมทูตตนหนึ่ง ทว่าทันทีที่ขวัญชีวาเหลือบสายตาเห็นใบหน้าของยมทูตชัดเจน หญิงสาวก็เกิดอาการลนลาน ผวาตะเกียกตะกายพาตนเอง ลอยมาหลบอยู่หลังเทพบุตรหนุ่ม

“ทำอะไรของเจ้าน่ะ” เสียงดุดันเต็มไปด้วยความหงุดหงิดเอ่ยถาม

แต่ไหนแต่ไร เทพแห่งความตายเช่นเขาใช่ว่าจะญาติดีกับเหล่ามนุษย์ ด้วยตลอดหลายหมื่นแสนปีที่ผ่านมา ธานาทอสพบเจอมนุษย์และเหล่าวิญญาณมากมายนัก พวกเขาเหล่านั้นล้วนสกปรก โสมม และยึดตนเองเป็นที่ตั้ง จะมีก็แต่องค์ราชินีแห่งยมโลกพระองค์เดียวกระมังที่เทพแห่งความตายยอมรับและยกพระนางไว้สูงเหนืออื่นใด

จึงไม่แปลกอะไรหากเทพบุตรองค์นี้จะเริ่มรู้สึกรำคาญในความช่างตื้อของวิญญาณสาว

“เลิกเกาะแกะเสียที ข้าไม่ได้มีหน้าที่ดูแลดวงวิญญาณอย่างเจ้า” ธานาทอสดุใส่ พยายามจะดึงเจ้าของร่างบางออกจากด้านหลังเขา แต่อีกฝ่ายหนึ่งกลับไม่ยินยอม

“ไม่เอา ฉันไม่ยอมไปกับผีน่ากลัวแบบนั้นหรอก” ขวัญชีวากำมือตัวเองยึดชายเสื้อเขาไว้แน่น

“จะกลัวทำไม ถ้านั่นเป็นผี เจ้าก็เป็นผี ส่วนข้าเองก็คงเป็นผีเหมือนกันในความหมายที่เจ้าว่า” น้ำเสียงดุมีร่องรอยของความเอือมระอาชัดเจน

“ไม่เหมือน” วิญญาณสาวเถียงทันใด “คุณกับฉันไม่น่ากลัวเหมือนอย่างนายคนนี้นี่นา” ขวัญชีวาไม่ยอมแพ้ สองมือยังคงกำแน่น ยึดเทพบุตรตรงหน้าเป็นปราการขวางเธอไว้จากยมทูต

ด้วยรูปลักษณ์ไม่เป็นสองรองใครของเทพแห่งความตาย ธานาทอสแทบจะเป็นสิ่งตรงข้ามกับเหล่ายมทูตผู้เป็นบริวารโดยสิ้นเชิง เมื่อเทพบุตรหนุ่มองค์นี้มีใบหน้าคมสันงดงาม ดวงตาสีดำดุดันและล้ำลึกดั่งอนธการอันไร้แสงดาว เฉกเช่นเดียวกับเส้นผมสีดำขลับยาวพลิ้วไหวจนถึงบั้นเอว

ไม่ว่าอย่างไร ต่อให้หนุ่มหล่อตรงหน้าหาใช่มนุษย์ ขวัญชีวาก็ยังรู้สึกไว้วางใจเขาและอยากจะยึดเขาเป็นที่ตั้งมากกว่าร่างน่าเกลียดน่ากลัวของยมทูต

“จะทำอย่างไรดีขอรับ เราเสียเวลามากแล้ว” ยมทูตถามผู้เป็นนาย พยายามจะเขยิบกายเข้าใกล้ดวงวิญญาณทางด้านหลังของธานาทอสมากขึ้น

แต่ดูเหมือนการกระทำนั้นจะยิ่งส่งผลให้วิญญาณดวงน้อยหวาดหวั่นสุดแสน ขวัญชีวายังยึดร่างกำยำตรงหน้ามั่น ยามนี้เธอแทบจะลอยขึ้นกอดคอเขาไว้ด้วยความหวาดผวา

“พอๆ เดี๋ยวข้าจัดการกับเจ้านี่เอง” ธานาทอสยกมือขึ้นห้ามในจังหวะที่ยมทูตพยายามจะดึงหญิงสาวออกจากอาการกอดรัดคอเขา

“เช่นนั้นพวกข้าจะนำทางวิญญาณดวงอื่นล่วงหน้าสู่ยมโลกก่อน” ยมทูตยอมรามือผละจากผู้เป็นนายไป

ทิ้งให้เทพผู้ไม่ค่อยถูกกับดวงวิญญาณนักทำหน้าระอา ปรายตามองผีที่ยังไม่กอดคอเขาไว้แน่

“เจ้าจะกลัวอะไรหนักหนา เอาล่ะ เลิกกอดคอข้าเสียที ข้าจะพาเจ้าไปส่งยังยมโลกเอง” ธานาทอสพยายามจะแกะมือน้อยๆออกจากคอเขา

“ยมโลกเหรอ ที่นั่นน่ากลัวมากไหม”

“จะน่ากลัวหรือไม่ นั่นก็คือสถานที่ที่ดวงวิญญาณทุกดวงต้องเดินทางไปถึง” เขาไม่ยอมอ่อนข้อให้ผีไม่รู้จักโตอย่างเธออีก

เมื่อแกะสองมืออีกฝ่ายออกได้ ธานาทอสก็จับจูงเธอลอยผ่านท้องฟ้าและท้องทะเลสีหม่น สู่อนธการที่ทอดยาวไปไกลสุดสายตา

-----------------------------------------------------------------------

* Achelous อะเคโลอัส คือเทพเจ้าแห่งสายน้ำที่เก่าแก่ เป็นบุตรของโอเซอัน และ เทธิส ซึ่งเป็นไททัน

** Muses มิวส์ คือเหล่าเทพธิดาบนสรวงสวรรค์มีอยู่ด้วยกันเก้าองค์ กล่าวกันมารดาของเหล่าไซเรนก็คือ เทิร์ปซิโคเร (Terpsichore) มิวส์แห่งนาฏศิลป์, เมลพอมินี (Melpomene) มิวส์แห่งโศกนาฏกรรม, และ แคลไลโอพี (Calliope) มิวส์แห่งกวีนิพนธ์มหากาพย์

*** Nyx นิกซ์ คือเทพีแห่งราตรี ส่วน Erebus เอรีบัส คือเทพแห่งความมืด เป็นเทพเจ้าเก่าแก่ ถือกำเนิดขึ้นก่อนการเกิดโอลิมปัส



ริญจน์ธร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 พ.ค. 2556, 10:31:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 มิ.ย. 2556, 09:32:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 6721





   บทที่1(2/2) โลกหลังความตาย >>
sugar 27 พ.ค. 2556, 10:51:27 น.
ดีใจมากๆที่คุณริญจน์ธรกลับมาอัพค่ะ ถึงจะลงได้ไม่ครบแต่ก็จะติดตามนะคะ


คิมหันตุ์ 27 พ.ค. 2556, 12:34:14 น.
เปิดมาเจอ....นี่ยิ้มกริ่มเลยค่ะ...


nako 27 พ.ค. 2556, 12:50:48 น.
กรี๊ดๆ ดีจังที่คุณริญจน์กลับมาอัพนิยายค่า


จิรารัตน์ 27 พ.ค. 2556, 14:36:59 น.


lovemuay 27 พ.ค. 2556, 20:12:43 น.
น่าอ่านจังเลยค่ะ รอบนี้เป็นสาวน้อยไร้เดียงสา


หนาวรัก 27 พ.ค. 2556, 20:29:53 น.
เข้ามาตามอ่านด้วยคนครับ


Zephyr 28 พ.ค. 2556, 00:02:08 น.
หืม ธานาทอส หลอกเด็ก!!!!!
วัวแก่หนังเหนียวน้าาาาาา


หมูอ้วน 28 พ.ค. 2556, 12:12:17 น.
ชอบมากมายค่ะ ปูเสื่อรออ่าน ฮิ...


pukpuiplern 1 มิ.ย. 2556, 01:31:14 น.
เห็นตั้งแต่ในเฟซ
ในที่สุดก็ได้อ่านแล้ว ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account