เสน่ห์นางหงส์
ตมิสา แม่หงส์สวยแสนเสน่ห์ เซเลบฯ สาวจอมหยิ่ง ขี้วีน ปากร้าย แล้งน้ำใจ ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา แต่ทำไม๊ทำไมคนอย่าง คณาธิป เจ้าของไร่ "พระจันทร์” หนุ่มหล่อพ่อไม่รวยถึงได้ตกหลุมเสน่ห์แม่หงส์จนถอนตัวไม่ขึ้น
ในอดีตเขาคือ "ไอ้เด็กวัด" แสนเชยที่คอยตามตอแยเธอตลอด แต่สาวเจ้าหรือจะชายตาแล และเมื่อฐานะเปลี่ยน งานนี้เขาจึงต้องปฏิบัติการขั้นเด็ดขาดเพื่อพิชิตหัวใจเย็นชาของแม่สาวจอมขี้วีนอย่างเธอมาให้ได้ ดั่งคำกล่าวว่า ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล เมื่อไม่ได้ด้วยกลก็เอาด้วยคาถา คำว่า "มารยา" ใครว่ามีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่ใช้เป็น

Tags: นิยายรัก สาริน

ตอน: ตอนที่ 1

ตมิสา ตฤนโสภณ เซเลบริตี้ สาวสวยนามสกุลดัง ลูกสาวคนเดียวของรัฐมนตรีเตมินทร์ ตฤนโสภณ หญิงสาวอยู่ในชุดราตรีสีเงินยาวกรอมเท้าทำจากผ้าซาตินเนื้อละเอียด ด้านบนเป็นเกาะอกจับจีบรูดขับเน้นทรวงอกและเอวให้คอดกิ่ว ตัวผ้าพลิ้วไหวกรุยกรายทิ้งตัวลงมาพอดีตัวกับรูปร่างสะสวยไร้ที่ติ ทั้งชุดประดับด้วยคริลตัลเม็ดเล็กยิ่งขับผิวขาวราวดอกแมกโนเรียในหน้าหนาวให้โดดเด่น ลำคอระหงสวมสร้อยเพชรสีเหลืองอำพันเช่นเดียวกับต่างหู ใบหน้านวลกระจ่างไปทั้งวงหน้า
ไม่ว่ายามเดิน นั่ง ดูสง่าดุจนางพญาหงส์
การปรากฏกายของตมิสาเป็นที่จับตามองของใครหลายคนในงาน เพราะนอกจากทุกคนจะรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของนักการเมืองคนดังผู้มีอิทธิพล ความสวยบวกกับความสามารถอันโดดเด่นยังเป็นที่กล่าวถึงในวงสังคมมากพอๆ กับเสียงนินทาว่าร้ายลับหลัง
“เจ้าแม่ขาวีนมาแล้วเธอ”
“แต่หล่อนสวยนะยะ งามสง่าเหมือน….” คนพูดทำหน้าคิด อึดใจเดียวก็มีคนยื่นหน้ามาตอบแทน
“หงส์ เหมือนนางหงส์” อีกคนตั้งฉายาให้ ด้วยท่าทางเยื้องย่าง หน้าเชิดคอตั้ง อันเป็นบุคลิกลักษณะประจำตัวของตมิสา และยามเมื่อเจ้าตัวเอ่ยปากพูดกับใครก็ดูไว้ตัว ไม่มีใครกล้าเล่นหัวกับเธอแม้แต่คนเดียวแม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นลูกสาวของคนเด่นคนดังไม่แพ้กันก็ตาม
“มาแล้วๆ” ใครคนหนึ่งกระซิบกระซาบเมื่อตมิสาเดินเข้ามาใกล้ เมื่อเดินผ่านหญิงสาวเพียงแค่ปรายสายตามามองคนช่างเมาท์แล้วเดินเชิดหน้าผ่านไปอย่างไม่ใส่ใจ
“หยิ่งชะมัด”
“นั่นสิ มาดนางพญาแบบนี้เห็นมานักต่อนักแล้ว สุดท้ายก็กลายเป็นหงส์ปีกหักกันทั้งนั้น”
“ยากหน่อยนะเธอ พ่อเขาน่ะใหญ่ ผู้ดีเก่าบรรพบุรุษเป็นถึงเจ้าพระยา เขาว่ากันว่าเป็นแบบนี้กันทั้งตระกูล ตัวเขาเองก็มีความสามารถสูงซะด้วย”
หลายเสียง หลายกลุ่มในงานเลี้ยงต่างๆ ที่ตมิสาปรากฏกายมักมีเสียงนินทาลับหลังในลักษณะนี้ แต่ใช่ว่าเจ้าตัวจะไม่รู้เพียงแต่เลือกจะไม่ใส่ใจ
‘พวกปากหอยปากปู’
หญิงสาวค่อนขอดในใจ มีปากก็สักแต่พูด
‘โธ่เอ๋ย…ก็พวกขี้อิจฉาทั้งนั้น’
“ต๊าย…มาแล้วเหรอคะคุณน้อง เชิญทางนี้หน่อยนะคะ คุณแพรวอยากเจอตัว” ศรัญญา สาวประเภทสอง เจ้าของโมเดลลิ่งชั้นนำของไทยตรงดิ่งเข้ามาหาทันทีที่เห็นร่างสะโอดสะองของตมิสาเดินเด่นเข้ามาในงาน
หญิงสาวยังไม่ทันเอ่ยปากอนุญาตลำแขนกลมกลึงก็ถูกกึ่งจูงกึ่งลากไป เดินไปได้เพียงสองสามก้าว เท้าเรียวภายใต้รองเท้าส้นสูงแหลมปรี๊ดก็หยุดกึกพร้อมขืนตัวเอาไว้ เมื่อฝ่ายนั้นหยุดตามแล้วมองมาเธอจึงบิดลำแขนออกจากการเกาะกุมอย่างละมุนละม่อม
“ฉันเดินเองได้ค่ะ”
พูดจบร่างสูงผึ่งผายก็เดินตรงไปหาแพรวพรรณรายเจ้าของห้องเสื้อชื่อดัง ในขณะที่คนชักชวนเบ้หน้าตามหลัง รู้สึกเสียหน้า
“หยิ่งนักเหรอยะแม่หงส์ เชอะ! ตอนนี้กำลังขึ้นหม้อ ตกหม้อเมื่อไหร่ฉันนี่แหละจะเป็นคนเหยียบหล่อนให้จมดินเป็นคนแรกเลย คอยดู” กะเทยร่างใหญ่เข่นเขี้ยวแล้วสาวเท้ายาวๆ ตามหลังไป แต่กลัวจะไม่ได้หน้าจึงส่งเสียงแจ๋วๆ ตามไปก่อนตัว
“มาแล้วค่าพี่แพรว”
“ขอบใจมากนะจ๊ะศรัญที่ช่วยพาตมิสามาพบฉัน” แพรวพรรณราย ม่ายสาวพราวเสน่ห์ส่งยิ้มให้ แล้วหันมายิ้มทักทายตมิสาก่อน แม้เธอจะอายุมากกว่าทว่าเซเลบฯ สาวไม่ยกมือไหว้ เพียงแค่กล่าวทักทายธรรมดาตามมาด้วยคำถามสั้นๆ
“เรียกฉันหรือคะ”
“คืออย่างนี้นะจ๊ะหนู…” เมื่อมองเห็นสายตาของหญิงสาวตรงหน้าทำให้แพรวพรรณรายหยุดชะงักคำนำหน้าชื่อของตมิสาลงทันควันก่อนเปลี่ยนเสียใหม่ “น้องตมิสา ทางห้องเสื้อของพี่จะจัดงานแฟชั่นโชว์ในอาทิตย์หน้า อยากจะให้คุณช่วยเป็นเกียรติเดินในชุดฟินาเล่ของทางห้องเสื้อพรรณรายให้หน่อยน่ะค่ะ เพราะตอนที่ออกแบบพี่นึกถึงหน้าคุณน้องลอยมาเลยค่ะ”
“อาทิตย์หน้าหรือคะ” คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้นน้อยๆ ดูครุ่นคิด
“ติดอะไรหรือเปล่าคะ” แพรวพรรณรายหายใจไม่เต็มท้อง มองลุ้น เพราะงานนี้หากได้ตมิสามาเดินแบบให้ รับรองเลยว่าห้องเสื้อของเธอจะยิ่งดัง ยอดสั่งจองชุดฟินาเล่จะต้องถล่มทลาย เพราะตอนนี้ตมิสากำลังเป็นที่กล่าวขวัญถึงจากการเดินแบบการกุศลเมื่อเดือนก่อน
ชุดสีแดงเพลิงยาวกรอมเท้าเป็นเกาะอกแต่มีสายพาดไขว้ที่แขนข้างหนึ่ง ตรงเอวประดับด้วยเข็มขัดมุกเม็ดโต เนื้อผ้าแนบลำตัวขับเน้นทรวดทรง ชุดแบบนี้หากคนสวมใส่รูปร่างไม่ดีจริงจะทำให้ความงดงามของมันตกลงไปกว่าครึ่ง และชุดนี้เป็นการออกแบบของดีไซเนอร์ชื่อดังจากเมืองผู้ดีที่ให้เกียรติออกแบบมาให้เพื่องานกุศลครั้งนี้ และภายหลังสิ้นสุดงาน ทั้งชุดทั้งนางแบบก็ถูกพูดถึงทั่ววงสังคม
“ยังไม่รับปากนะคะ” หญิงสาวแบ่งรับแบ่งสู้ สังเกตได้ว่าตัวเจ้าของห้องเสื้อหน้าม่อยไปถนัดตาแล้วถอนหายใจอย่างแสนเสียดาย
“รับงานอื่นไปแล้วหรือคะ ห้องเสื้อไหนกัน” แพรวพรรณรายออกอาการผิดหวัง คนตอบส่ายหน้าเพียงเล็กน้อยก่อนตอบ
“เปล่าหรอกค่ะ เพียงแต่ฉันแพลนไว้ว่าอาทิตย์หน้าจะหยุดงานพักให้หายเหนื่อย อยากจะเข้าสปาเล่นฟิสเนตสักหน่อย ไม่แน่ว่าจะเป็นวันไหนน่ะคะ”
คำตอบนั้นทำให้แพรวพรรณรายนึกขุ่นเคืองแต่ยังเก็บอาการไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉยแล้วส่งยิ้มพรายทั้งที่ในใจเดือดปุดๆ ไปด้วยองศาร้อนๆ ของอุณหภูมิร่างกายที่เพิ่มขึ้น
หากไม่เพราะหล่อนกำลังดังละก็อย่าหวังว่าคนอย่างเธอจะง้องอน
แม้ใจจะคิดอย่างนั้นทว่าริมฝีปากยังคลี่ยิ้ม แววตายังเว้าวอน
“สละเวลาซักนิดนะคะคุณน้อง ถือว่าช่วยพี่สักครั้งหนึ่ง”
“เอาเป็นว่าฉันยังไม่รับปากนะคะ ตัดสินใจอย่างไรจะให้คนไปบอก ขอตัวนะคะ” เซเลบฯ สาวยิ้มให้เพียงน้อยนิดก่อนเดินเฉิดฉายเป็นนางพญาหงส์ออกไป
แพรวพรรณรายสูดลมหายใจเข้าปอดลึกจนสุดแล้วพ่นออกมากลกตาขึ้นมองโคมไฟแล้วส่ายหน้า ศรัญญ่าเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะคิกคัก ปิดปากหัวเราะพอมีจริต
“อย่าหลุดค่ะพี่แพรว ดูอย่างแม่นางหงส์เอาไว้”
“ฉันทำไม่ได้หรอกศรัญ เมื่อยคอ” คนพูดบุ้ยปากตามหลังเซเลบฯ สาวไปอย่างหมั่นไส้ ทว่าก็ทำอะไรไม่ได้มากเพราะยังต้องง้องอนสาวเจ้า
“พี่แพรวขา อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะคะ ศรัญญ่าไม่ได้เรื่องมาก แต่ชื่อศรัญน่ะมันขัดหู ช่วยเติมญ่าเขาไปซักนิ๊ดหนึ่งนะคะ” กะเทยร่างใหญ่ทำตาปริบๆ เจ้าของห้องเสื้อพรรณรายหัวเราะขึ้นแล้วแตะนิ้วชี้ยาวกรีดกรายไปบนไหล่กำยำ
“อุ้ยตาย…โทษที ลืม”
“อย่าลืมบ่อยนักนะคะ” เจ้าของชื่อต่อท้ายว่าญ่าสะบัดค้อนให้ ดวงตาของคนทั้งคู่ทอดจับไปบนร่างเพรียวงดงามของตมิสาที่เดินไปทักทายเจ้าของงานวันเกิดด้วยกิริยาชดช้อยน่ามอง เห็นแล้วก็อดชื่นชมไม่ได้ว่าตมิสาช่างเสกสรรปรุงแต่งจริตตัวเองให้ดูพองาม ไม่มากไม่น้อยแต่ก็ชวนมองไปทุกอิริยาบถ

ร่างสวยสมส่วนวาดลำแขนไปมาขณะกำลังว่ายน้ำอยู่ในสระน้ำสีฟ้าคราม มองดูเหมือนหงส์กำลังกางปีกบินเริงร่าอยู่บนผืนน้ำ
เมื่อออกกำลังกายจนพอใจแล้วจึงว่ายมาแตะขอบสระแล้วดึงตัวเองขึ้น สาวใช้ที่นั่งรอรับใช้อยู่แล้วรีบลุกขึ้นเอาเสื้อคลุมมาให้พลางมองเจ้านายอย่างแสนอิจฉา ไม่รู้ว่าตายอีกกี่ชาติถึงจะมีวาสนาอย่างตมิสา
คนอะไรก็ไม่รู้เกิดมาบนกองเงินกองทองแถมยังสวยงดงามไร้ที่ติ มาดก็อย่างกับนางพญาหรือดูอีกทีก็เหมือนราชินีอียิปต์โบราณในภาพยนตร์
เมื่อรู้ตัวว่าถูกมอง ร่างสวยในชุดบิกินีสีขาวขับเน้นรูปร่างจึงเบือนมาหา หัวเราะขึ้นแล้วส่ายหน้า ชินเสียแล้วกับการเป็นที่จับตามองของผู้คนไม่ว่าหญิงหรือชาย
หญิงสาวรับแก้วน้ำส้มมาดื่มได้เพียงเล็กน้อย เสียงกรีดร้องเอะอะโวยวายตามมาด้วยเสียงขว้างปาข้าวของก็ดังมาให้ได้ยิน สาวใช้ขยับลุกแล้ววิ่งไปดูด้วยความตกใจ ในขณะที่คนเป็นเจ้านายเพียงแค่ยกตัวขึ้นจากเปล มองไม่ถึงเสี้ยววินาทีก็ทิ้งแผ่นหลังลงไปใหม่
จะใคร…ถ้าไม่ใช่คุณหญิงนรมนแม่ของเธอเองที่คงจะอาละวาดเรื่องเมียน้อยของพ่ออย่างเคย แม่จะอะไรกันนักหนากับความสุขในยามแก่ของพ่อ แค่มีเงินให้ใช้ก็น่าจะพอแล้ว เธอไม่เห็นจะสนใจ
ตมิสาหลับตาพริ้มไม่สนใจว่าเสียงเอะอะนั้นจะดังมากขึ้นหรือเงียบหายไปตอนไหน ทว่าเสียงฝีเท้าฉับๆ ที่เดินมาอย่างกระแทกกระทั้นตามมาด้วยเงาจางๆ ทาบทับผ่านร่างมาพอให้รู้สึกจึงได้เงยหน้าขึ้น ยังไม่ทันเปิดปากพูดอะไรเจ้าของฝีเท้าก็ตวาด
“ยัยจันทร์ แกไม่คิดว่าฉันจะเป็นจะตายเลยหรือไง ไม่มีดูดำดูดีกันล่ะ” เสียงแหวๆ ของแม่ทำให้ตมิสาอยากกระโดดลงน้ำลงไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดจะได้ไม่ต้องรับรู้รับฟังเรื่องเดิมๆ แต่ที่ทำได้มากที่สุดก็คือเปิดเปลือกตาขึ้นแล้วถอนหายใจ
“จันทร์รู้นี่คะว่าเดี๋ยวแม่ก็หาย”
“แกน่ะมันลูกพ่อ รักพ่อมากกว่าแม่” นรมนกล่าวหา ร่องรอยน้อยอกน้อยใจวาบผ่านเข้ามาทำให้ตมิสาถอนหายใจอีกครั้งแล้วลุกขึ้นยืน รั้งตัวแม่ให้นั่งลงด้วยกันก่อนเอ่ยปลอบ
“แม่ก็ปล่อยวางบ้างสิคะ พ่อเขาจะทำอะไรก็ให้เขาทำไปเถอะ”
“แกก็เข้าข้างพ่อ”
“จันทร์ไม่ได้เข้าข้างใครทั้งนั้น พ่อทำงานหนักมาทั้งชีวิต เขาอยากออกไปหาเศษหาเลยอะไรก็ปล่อยๆ ไปเถอะค่ะ พ่อเขาให้เงินแม่ใช้ตั้งเยอะแยะ สบายจะตาย” คนร่างสวยยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
อาจเป็นเพราะเธอไม่เคยมีความรักจึงไม่รู้ว่าอารมณ์หึงหวงที่หญิงชายมีให้กันมันเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาเธอเคยมีแฟนแต่ก็คิดว่าความรู้สึกที่มีให้ไม่ได้มากมายขนาดจะเรียกมันว่าความรัก
“แกมันก็พูดได้ ลองแกมีผัวสิคงไม่พูดอย่างนี้” นรมนฮึดฮัด ผู้เป็นลูกสาวทำหน้ากระดากเล็กน้อยจนคนเป็นแม่สังเกตเห็นจึงเอ่ยขึ้นอย่างหมั่นไส้ “คำว่าผัวนี่ใครๆ ก็ใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง แกอย่าทำเหมือนมันเป็นคำต้องห้ามได้ไหม เห็นแล้วขวางตา”
“เอาละค่ะแม่จะยังไงก็แล้วแต่ จันทร์เห็นตัวอย่างจากแม่แล้วจันทร์คงไม่คิดมีสามีตอนนี้หรืออนาคตจะมีจันทร์ก็คงไม่ใส่ใจ เพราะจันทร์ไม่คิดจะเอาตัวและหัวใจไปผูกกับผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นก็ต้องมานั่งทุกข์ เป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้”
“ให้มันจริงเถอะย่ะ แม่ผู้ดี” สามคำสุดท้ายยนรมนทำเสียงแหลม “ฉันละเบื่อมาดผู้ดีของแกกับพ่อแกจริงๆ เฮอะ…วางท่าเป็นผู้ดีมีเชื้อสายเจ้าพระยาแต่ไปเอาอีโคโยตี้ชั้นต่ำมาคั่ว”
“แม่คะ”
“ทนฟังไม่ได้หรือไง ก็มันจริง” นรมนเบ้หน้า ตัวเธอนั้นเป็นแค่ลูกชาวสวน แต่เพราะความสวยทำให้ได้ตำแหน่งเทพธิดามะขามหวานเป็นใบเบิกทาง ความสวยเตะตาเตมินทร์ซึ่งในตอนนั้นเขาเพิ่งเริ่มลงเล่นการเมือง ขณะลงพื้นที่หาเสียงก็ได้พบกับแม่ค้าหน้าหวาน
ที่จริงเขาแค่ชอบตามประสาผู้ชายชอบผู้หญิงสวย ไม่ได้คิดจริงจังถึงขั้นแต่งงานทว่านางสาวนรมนในตอนนั้นจัดการมอมเหล้าชายหนุ่มรูปหล่อพ่อรวย อนาคตสส. พรรคการเมืองดัง จนเขาต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงานเพราะเธอขู่จะแฉว่าเขาได้แล้วทิ้ง
ชีวิตการแต่งงานของเตมินทร์กับนรมนดูขาดๆ เกินๆ แม้จะมีเมียสวยแต่ทว่าด้วยพื้นเพนิสัยและการอบรมเลี้ยงดูต่างกันสุดขั้วทำให้มีเรื่องไม่เข้าใจกันมาตลอด แม้ว่านรมนจะพยายามปรับตัวให้เป็นผู้ดีตามอย่างเขาแค่ไหน ดูเหมือนแม่สามีกับคนที่แวดล้อมตัวเขาจะไม่พอใจไปเสียทุกอย่างแถมยังพยายามหาผู้หญิงอื่นมาให้ลูกชายตัวเอง เธอจึงต้องปฏิบัติการขั้นเด็ดขาด
นรมนแม้จะจบแค่มัธยม มีความรู้เรื่องการปฏิสนธิครึ่งๆ กลางๆ แต่ก็ขวานขวยหาความรู้ใส่ตัวจนรู้ว่าวันไข่ตกจะต้องเป็นวันไหน ทำอย่างไรโอกาสจึงจะท้องได้มากที่สุด และไม่นานเธอก็ตั้งท้อง คลอดลูกสาวหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรางดงามเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ ผู้เป็นย่าจึงตั้งชื่อว่าตมิสา แปลว่าพระจันทร์
เพราะความน่ารักของตมิสาทำให้ปู่ย่าหลงหัวปักหัวปำจึงเลิกคิดหาผู้หญิงคนใหม่มาให้ลูกชาย นับแต่นั้นชีวิตคู่เธอดูเหมือนจะสงบลง ทว่าระยะหลังมานี้เตมินทร์ดูเปลี่ยนไป เที่ยวเก่ง กลายเป็นตาแก่ตัณหากลับ มีข่าวมาเข้าหูบ่อยๆ ว่าเขาควงนังเด็กนั่งดริ้งบ้างโคโยตี้บ้าง
‘หึ…ไหนว่าไม่อยากให้เลือดผู้ดีมาปะปนกับไพร่ ถึงเธอจะแค่เทพธิดามะขามหวานแต่ก็ไม่ใช่กระห….เหมือนแม่พวกนั้น’
“จันทร์ขอตัวนะคะแม่ จะออกไปข้างนอก” หญิงสาวตัดบท
เธอกับแม่คุยกันได้ไม่นานก็มักมีเรื่องให้ขัดใจกันอยู่เสมอ อาจเป็นเพราะทัศนคติไม่ตรงกันก็เป็นได้จึงต้องหาทางเลี่ยงหลบก่อนที่จะทะเลาะกัน
“ไปเลย จะไปไหนก็ไปเลย แกก็เหมือนกับพ่อแก เข้าข้างกันเข้าไปอีพวกผู้ดีแปดสาแหลก ถุย!” นรมนหมดอารมณ์จะเก๊กมาดผู้ดี อะไรที่เป็นตัวของตัวเองก็ขุดมันออกมาให้หมดตอนนี้เพราะเก็บกดมานานหลายปี ไม่สนใจแล้วกับตำแหน่งคุณหญิงที่ได้มาครอบครอง
“ไปนะคะ” ตมิสายังมีแก่ใจบอก มองแม่อีกครั้ง ทั้งสงสารทั้งสมเพชในคราวเดียวกัน ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแม่จะต้องทำตัวให้ตกต่ำเพราะผู้ชายคนเดียว เงินมีมากมายจะเอาไปซื้อหาความสุขอะไรมาก็ได้ จะช็อปปิ้ง เที่ยวรอบโลกอะไรก็ได้ทั้งนั้น
“ไปเล้ย” นรมนตะโกนไล่หลัง เมื่อพ้นร่างลูกสาวไปแล้วก็นั่งปล่อยโฮอยู่คนเดียว อาการปวดหัวเพราะความเครียดกำเริบจึงแหกปากตะโกนลั่น “นังปลา”
“ขา…มาแล้วค่า ยาคลายเครียด” สาวใช้คนสนิทเจ้าของชื่อปลาวางถ้วยบรรจุเม็ดยาสีเหลืองเข้มเม็ดเล็กและเม็ดสีชมพูอีกเม็ดให้พร้อมน้ำเปล่า
นรมนรับมาคว้าเข้าปากไม่ดื่มน้ำตามแล้วหันไปร้องห่มร้องไห้ต่อ อาการซึมกะทือของเจ้านายทำให้ปลามองอย่างเวทนา
ใครว่าคนรวยจะมีความสุขเสมอไป สู้จนๆ อย่างเธอก็ไม่ได้ แค่มีที่อยู่ กินอิ่มนอนหลับแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว จะคิดอะไรมากมายให้มันปวดหัว

ตมิสาลงจากรถเบนซ์สุดหรูราคาสามล้านบาทของตัวเอง กำลังกดล็อครถจึงไม่ทันเห็นว่ามีชายชุดดำท่าทางหิวโซเดินเข้ามาใกล้ อาศัยจังหวะเผลอวิ่งมากระชากกระเป๋ายี่ห้อดังของเธอไปท่ามกลางเสียงร้องโวยวายของเธอ เพราะโทรศัพท์ที่เมมเบอร์สำคัญๆ อยู่ในนั้น
“ช่วยด้วย ใครอยู่แถวนี้” หญิงสาวตะโกนขึ้นทำให้คณาธิปที่เพิ่งเอาของที่ซื้อมายัดใส่ท้ายรถได้ยินเข้า ชายหนุ่มออกแรงวิ่งตามเจ้าวายร้ายพร้อมตะโกน
“หยุดนะ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ” เขาขู่แต่เจ้าโจรไม่ยอมหยุดจึงได้ถอดรองเท้าหนังหนาหนักก่อนปาไปที่หัวของมันอย่างแม่นยำจนมันเสียหลัก แล้ววิ่งตามมาทันก่อนเตะสวนเข้าให้ที่ปลายคางจะเข้าซ้ำแต่มันรีบลุกขึ้นมาไหว้ขอร้องปลกๆ พร้อมละล่ำละลัก
“อย่าทำอะไรผมเลยนะครับพี่ ผมกลัวแล้ว”
ชายหนุ่มก้มลงหยิบกระเป๋ามาถือไว้พร้อมกับที่เจ้าของกระเป๋าก้าวฉับๆ เข้ามาใกล้ ดวงตาวาววับของแม่เสือร้ายตวัดมองโจรซ่อมซ่อพร้อมตวัดมือไปบนใบหน้านั้นสุดแรงท่ามกลางความตกใจของคณาธิป
“คุณ!”
“กล้าดียังไงมาวิ่งราวฉัน ฉันจะลากคอแกเข้าตะราง”
“ย…อย่าเลยนะครับพี่ ผมขอร้อง ผมจำเป็นจริงๆ” คนถูกตบคุกเข่าอ้อนวอน หยาดน้ำตาคลอเอ่อจนแม้แต่ผู้ชายแท้ๆ อย่างคณาธิปยังอดสงสารไม่ได้แต่ทว่าตมิสาไม่สะดุ้งสะเทือน
เพราะไม่เคยขาดอะไรเลยในชีวิต จึงไม่รู้ว่าคนเรายามทุกข์ยากไม่มีแม้แต่ข้าวสารจะกรอกหม้อนั้นมันเป็นอย่างไรและต้องดิ้นรนแค่ไหนให้ชีวิตรอด
“จำเป็นอะไรของแก”
“ผมไม่มีเงินเลยครับ ผมยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวาน บ้านเราก็ถูกไล่ที่เพราะปลูกบนเนื้อที่ของคนอื่น อย่าจับผมส่งตำรวจเลยนะครับ ไม่อย่างนั้นเมียกับลูกผมต้องตายแน่ๆ” เจ้าของร่างมอมแมมกับเสื้อดำเปรอะคราบน้ำมันขาดๆ บอกขึ้น
คณาธิปกำลังสนใจอยู่ว่าหญิงสาวจะพูดอะไร
“เรื่องของแก คนผิดก็ต้องว่าไปตามผิด”
“พี่ครับ…”
“อย่ามาเรียกฉันว่าพี่ ฉันไม่เคยมีญาติแบบนี้” ตมิสาตวาด ชายคนนั้นจึงหันมาหาคณาธิปแทน สายตาร้องขอ น้ำตาคลอคลอง
“ช่วยผมด้วยครับ”
“ผมว่าปล่อยเขาไปเถอะคุณ เขาคงเข็ดแล้วล่ะ”
“เอ๊ะ…คุณเชื่อคำพูดของมันหรือไง ข้ออ้างข้อแก้ตัวแบบนี้ใครก็พูดได้” หญิงสาวมองเยาะ เป็นผู้ชายตัวโตซะเปล่า แค่ไอ้โจรมันเล่นละครแค่นี้ก็ต้องเชื่อ
“ผมพูดจริงๆ นะครับ ให้ไปสาบานที่ไหนก็ได้”
“หุบปากไปเลยนะ อย่าคิดว่าฉันจะใจอ่อน” ตมิสาควานหาโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดออกมาจากระเป๋าถือเตรียมกดแจ้งความทว่าคนตัวโตกว่าแตะมือมากันเอาไว้พลางว่า
“ใจเย็นก่อนครับคุณ”
“คุณ!” ตมิสาขึ้นเสียงสูง ขัดใจกับท่าทางใจอ่อนของผู้ชายคนนี้เหลือเกิน คนอะไรตัวโตซะเปล่าใจอ่อนอย่างกับผู้หญิง แต่ขอโทษคนอย่างตมิสาเจอมารยาของคนมามากแล้ว อย่าหวังว่าจะเชื่อเลย “อย่าบอกนะว่าคุณเชื่อมัน โจรที่ไหนจะกล้ายอมรับ”
“ถือว่าผมขอนะครับ อย่าให้ถึงกับติดคุกเลย” เขาร้องขอแทนผู้ร้าย ทำให้ชายคนนั้นเงยใบหน้าที่ดวงตาทั้งคู่ยังฉ่ำไปด้วยหยดน้ำขึ้นมองชายหนุ่มอย่างซึ้งใจ
“ขอบคุณครับพี่”
“ที่ฉันช่วยไม่ใช่ว่าฉันสนับสนุนให้นายแก้ปัญหาด้วยการขโมยหรอกนะ แต่ไม่อยากให้จบอนาคตอยู่ในคุก ถ้านายจะรับปากว่าจะไม่ขโมยอีก”
“ผมรับปากคำ ผมสาบาน” คนขี้ขโมยละล่ำละลักบอกทว่าเจ้าของกระเป๋าตวัดสายตามามองทำให้หน้าดีใจนั้นค่อยๆ ม่อยลงไปทันตา
“คุณเชื่อหรือไง”
“ผมเชื่อครับ ไม่มีใครอยากขโมยเขากินหรอกถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ผมว่าเราควรจะให้โอกาสเขาดีกว่านะครับคุณตมิสา” ชายหนุ่มเรียกชื่อเธอถูกต้องชัดเจนทำให้คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูงทว่ายังไม่ปริปากถาม
“ผมพูดความจริงนะครับ ไม่เชื่อไปดูก็ได้ ว่าลูกเมียผมรออยู่จริงๆ”
“โอ๊ย…เรื่องอะไรจะเสียเวลา คุณจะทำอะไรก็แล้วแต่คุณก็แล้วกัน ถือว่าเห็นแก่ที่ช่วยฉันเอาไว้ บ้าจริง” หญิงสาวยัดโทรศัพท์คืนไว้ในกระเป๋า มองหน้าหล่อเข้มคมคายแวบหนึ่งว่าเคยรู้จักกันหรือเปล่าเขาถึงได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเธอแต่เมื่อไม่คุ้นจึงละความสนใจไว้แค่นั้น
‘ไม่แปลก…ไม่แปลกที่ใครๆ จะรู้จักตมิสา ตฤนโสภณ เซเลบฯ ชื่อดังที่มีข่าวลงหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยไม่แพ้พวกดารานางแบบดังๆ’
“ขอตัวนะ คุณจัดการเองก็แล้วกัน” คนร่างสวยเชิดหน้า หมุนตัวก้าวฉับๆ ไปทำธุระของตัวเอง โดยไม่คิดคำนึงถึงคำขอบคุณที่ควรจะมีให้แก่เขาทำให้คณาธิปส่ายหน้า
ไม่ว่าจะกี่ปี คนอย่างตมิสาก็ไม่เคยเปลี่ยน
“ขอบคุณนะครับพี่” เมื่อเห็นว่ารอดแน่ ชายชุดดำมอมแมมจึงหยัดกายลุกขึ้น ทำท่าจะหมุนตัวจากไปทว่าคนตัวโตเรียกไว้เล่นเอาสะดุ้ง ใจหายวาบ
“ตามฉันมา”
“หา! ก็ไหนว่าจะปล่อยผมไป” เจ้าหัวขโมยตาเหลือกลานทว่าเมื่อชายหนุ่มส่งสายตาคมปลาบแกมดุมองมาจึงเดินตัวลีบตามไปจนมาถึงรถกระบะคันใหญ่ของเขา เจ้าของรถมองมาแล้วออกคำสั่ง
“ขึ้นรถ”
คนรับคำสั่งจะเดินไปนั่งกระบะหลังแต่เจ้าของรถชี้มือเป็นเชิงสั่งให้มานั่งข้างๆ กัน เขาจึงก้มมองเนื้อตัวสกปรกมอมแมมของตัวเองอย่างลังเล ไม่แน่ใจจนเจ้าของรถต้องตัดบทอย่างรำคาญ
“มาเถอะน่า”
“ครับๆ” เขารีบก้าวขึ้นรถที่นั่งข้างคนขับ
คณาธิปออกรถแล้วจึงเบือนหน้ามาหาคนข้างๆ
“ชื่ออะไรน่ะเรา”
“เป็ดครับ”
“พักอยู่ไหน”
“ผมไม่มีบ้านหรอกครับ เพิ่งถูกเขาไล่ที่มาเมื่อวาน ผมทำงานก่อสร้าง เมียผมเพิ่งคลอดลูกได้สองเดือน ผมไม่รู้จะทำยังไงก็เลยขโมยของ เป็นครั้งแรกจริงๆ พี่อย่าจับผมส่งตำรวจเลยนะครับ” นายเป็ดมองคณาธิปด้วยสายตาเว้าวอน ท่าทางผู้ชายคนนี้ใจดี อย่างน้อยก็คงดีกว่าผู้หญิงสวยคนเมื่อกี้นี้ ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้หน้าตาสวยอย่างกับนางฟ้าแต่ใจร้ายเหมือนนางแม่มด
“อ้าว…แล้วพักอยู่ที่ไหนล่ะ” เขาไม่สนใจตอบแต่ย้อนถาม นายเป็ดหลุบสายตาลงต่ำครู่หนึ่ง ร่องรอยความละอายกึ่งอดสูวาบผ่านในหน้าแต่ก็จำต้องบอก
“ใต้สะพานลอยครับ”
“เด็กสองเดือนนะเหรอ” เขาขึ้นเสียงสูง เมื่อเห็นหยาดน้ำตาคลอคลองดวงตาคู่นั้นอยู่จึงถอนหายใจ คิดไม่ออกเลยว่าหากตมิสาจับนายคนนี้ส่งตำรวจ ลูกเมียนายเป็ดจะอยู่อย่างไร
“ผมกำลังหาทางขยับขยายครับ แต่….ผมคิดไม่ออก ผมก็เลย…” คนพูดกล้ำกลืนความรู้สึกลงไปใหม่แล้วเอ่ยด้วยเสียงเครือแหบ “ขโมย”
“ไหนพาไปซิ”
“ครับ?” นายเป็ดเลิกคิ้วงงๆ ไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มแปลกหน้าผู้นี้ต้องการอะไรจากเขากันแน่
“สะพานลอยที่ว่าน่ะ อยู่ตรงไหน”
นายเป็ดบอกทางเมื่อชายหนุ่มถามย้ำ ผู้ชายคนนี้คงไม่เชื่อคำพูดของเขากระมัง
รถกระบะของคณาธิปจอดเมื่อถึงที่หมาย ภาพที่เห็นทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อใต้สะพานลอยนั้นมีเต้นท์เก่าๆ กางอยู่ มันเปิดอ้าเอาไว้จึงเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังให้นมลูก เสื้อผ้าข้าวของวางระเกะระกะอยู่ด้านนอก ด้านข้างมีทั้งถ้วยชามและถุงพลาสติกวางเกลื่อน สภาพความเป็นอยู่ย่ำแย่
เมื่อเห็นมีคนแปลกหน้าเข้ามาพร้อมสามี หญิงสาวคนนั้นจึงรีบดึงตัวลูกออกจากท่าดูดนมมาวางไว้บนเบาะบางๆ แล้วค่อยลอดตัวออกมาจากเต้นท์ สีหน้าเจื่อนๆ ของสามีทำให้เธอเกิดอาการตื่นตระหนก
“เมียกับลูกผมครับ” นายเป็ดแนะนำแต่ไม่ได้ช่วยไขข้อข้องใจของภรรยา “อย่าจับผมส่งตำรวจเลยนะครับคุณ ไม่งั้นเมียกับลูกผมตายแน่”
“ตำรวจ” สายใจหน้าซีด ซวนเซจนนายเป็ดต้องมาจับประคองเอาไว้ เธอเพิ่งคลอด ร่างกายยังไม่ทันแข็งแรงดีก็ต้องระเห็จมาอยู่ใต้สะพานอย่างนี้เสียแล้ว นั่นไม่เท่าไหร่แต่ลูกชายเขา มันเพิ่งลืมตาดูโลกมาไม่นานก็ต้องมาเจอกับสภาพย่ำแย่นี้เสียแล้ว
“ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันมาดี เก็บของแล้วขึ้นรถไปกับฉัน”
“ป…ไปไหนครับ” นายเป็ดเสียงสั่น คณาธิปยื่นมือไปแตะไหล่แล้วบอก
“ไร่พระจันทร์ ทำไร่ได้ใช่ไหม”
“น…นี่หมายความว่า” นายเป็ดตาโต เสียงสั่น ดีใจยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งเมื่อชายหนุ่มพยักหน้าแล้วบอกขึ้น
“ไปกันทั้งหมดนี่แหละ ทำอะไรได้ค่อยว่ากันอีกที อย่างน้อยคงดีกว่ามาอยู่ในที่แบบนี้ สงสารเด็ก” สายตาของชายหนุ่มทอดจับไปยังร่างเล็กที่ยังนอนหลับตาพริ้มในห่อผ้าขนหนู ไม่รู้เรื่องราวของโลกภายนอก
“พี่…” สายใจหายหน้าซีดโผเข้ากอดสามีแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น รู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ที่จู่ๆ ก็มีคนใจดียื่นมือเข้าช่วยเหลือ
“ขอบคุณครับพี่ ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี” นายเป็ดคุกเข่าลงไปเช่นเดียวกับสายใจ ชายหนุ่มจึงดึงตัวสองสามีภรรยาให้ลุกขึ้น
“อย่าทำอย่างนั้นเลย ไปเก็บของเถอะ กว่าจะขึ้นเหนือไปถึงไร่” เขาตัดบทแล้วเดินไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รอฆ่าเวลาในรถ



สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มิ.ย. 2556, 21:29:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มิ.ย. 2556, 21:31:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 3247





   ตอนที่ 2 50% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account