เด็ดปีกนางฟ้า (ลินิน)
“เป็นผู้หญิงต้องรอให้ผู้ชายมาจีบ” ในยุคที่เกย์ เก้งกวางเกลื่อนเมืองบรรดาชะนีทั้งหลายคงมัวนิ่งนอนใจถือคติแบบนี้ไม่ได้เสียแล้ว โดยเฉพาะเหล่านางฟ้าจากสายการบินนางฟ้าแอร์ไลน์ที่ได้พบกับโคไพลอตหนุ่มรูปงามรวยทรัพย์ งานนี้เหล่านางฟ้าแสนสวยต้องงัดสารพัดวิธีเพื่อให้ได้เทวดาหนุ่มหล่ออย่างเขามาครอบครอง ไม่ว่าจะตบตี แย่งชิงวางแผน ชิงไหวชิงพริบกันสุดฤทธิ์อย่างไรก็ขอสู้ตายกันสักตั้ง แต่เทวดาอย่างเขาก็ใช่จะยอมถูกผู้หญิงจับง่ายๆ แต่ใครล่ะที่จะถูกเขาจับเด็ดปีกจนบินไม่ขึ้นยอมซบอกกว้างๆ ของเขาคนเดียว
Tags: นิยายรัก สาริน ลินิน

ตอน: ตอนที่ 1

ร่างบางสมส่วนของหญิงสาวสวยรูปร่างดีในชุดกางเกงขาสั้นสีขาวอวดเรียวขาเพรียวยาว ตัวเสื้อเป็นแขนกุดสีเหลืองอ่อนตรงคอจับจีบแบบคอกระเช้าทว่าออกแบบให้ทันสมัยกำลังนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ข้อนิ้วเรียวจิ้มไปบนคีย์บอร์ดอย่างคล่องแคล่ว ดวงตากลมโตมีรอยหยักพับเหนือดวงตากลอกไปมาเพราะกวาดไล่ตามตัวอักษรในหน้าจอ
เมื่อเจอข่าวที่ต้องการแล้วรอยยิ้มกว้างจึงเปิดขึ้น มือควานหากระดาษกับปากกามาจดสถานที่และเบอร์โทรศัพท์ของสายการบิน “นางฟ้าแอร์ไลน์” สายการบินลำดับต้นๆ ของเอเชียเอาไว้แล้วเอาสมุดมาวางแนบอก ดวงตาแจ่มจรัสไปด้วยความหวังกับอาชีพที่ตัวเองใฝ่ฝัน
นางฟ้า….
อาชีพนี้ใครๆ ก็ใฝ่ฝันอยากจะเป็น โดยเฉพาะสาวๆ วัยเดียวกันกับเธอ แต่อาชีพนี้ใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่ายๆ นอกจากความสวย รูปร่างดี ภาษาดีจะต้องมีใจรักในบริการด้วย เพราะผู้โดยสารแต่ละคนก็ย่อมมีข้อเรียกร้องมากมาย เรียกภาษาชาวบ้านๆ ว่าขี้ข้าดีๆ นี่เอง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังอยากเป็น
“ของแฟนเหรอ” เสียงเล็กแหลมดังขึ้นพร้อมกันนั้นสมุดบันทึกที่เธอเพิ่งจดสถานที่กับเบอร์โทรของนางฟ้าแอร์ไลน์เอาไว้ก็ถูกฉกไปต่อหน้าต่อตาด้วยฝีมือของดลยาหรือได๋ น้องสาวต่างพ่อของเธอเอง
“เอาของฉันมานะนังได๋” คะนึงนางจะแย่งคืน แต่คนตัวเล็กกว่าวิ่งหลบไปตามโซฟาตัวสวยราคาแพงบ่งบอกความร่ำรวยของคนบ้านนี้จนคนเป็นพี่หัวหมุน
“ไม่ให้”
“แต่มันของฉันนะ นังเด็กบ้า” หญิงสาวตวาด
เป็นที่รู้กันของคนในบ้านว่าเธอกับนังน้องสาวต่างพ่อคนนี้ไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไหร่นัก เรียกได้ว่าศรศิลป์ไม่กินกันตั้งแต่มันลืมตามองโลก อาจเป็นเพราะว่าดลยาแย่งความรักจากแม่ที่เคยมีให้เธอคนเดียวมาตลอดไปครอบครองส่วนหนึ่งก็เป็นได้
นอกจากนี้ดลยายังเกิดมามีครบทั้งพ่อทั้งแม่ ในขณะที่เธอมีเพียงแม่ที่เป็นหลักยึดหนึ่งเดียวมาตลอด เพราะพ่อหย่าขาดจากแม่หลังจากที่เธอเกิดมาได้แค่สิบขวบ พ่อหน้าตาเป็นอย่างไรเธอยังนึกไม่ค่อยออก แต่ในเมื่อฝ่ายนั้นเองก็ไม่คิดจะตามหาหรือหยิบยื่นให้ความช่วยเหลือเธอก็ไม่อยากจะสนใจ
“หวงขนาดนี้ต้องเป็นของแฟนแน่ๆ เค้าจะเอาไปให้แม่” เด็กหญิงดลยา วัยสิบขวบแต่งกายด้วยชุดเดรสสุดสวยสีแดงเข้มขนาดพอดีตัวแต่ออกจะไม่สมวัยอยู่ซักหน่อย ริมฝีปากจิ้มลิ้มเคลือบลิปสติกมันวาวสีชมพูพาสเทล และแน่นอนว่าลิปสติกยี่ห้อดังราคาแพงนั่นเป็นของผู้เป็นพี่สาว
“มันของๆ ฉัน เอามานะ” หญิงสาวยื้อแย่ง แต่ดลยาแลบลิ้นปลิ้นตา คะนึงนางจึงได้สังเกตว่าน้องสาวแอบเอาเครื่องสำอางตัวเองมาใช้อีกแล้ว “นั่นลิปของฉันนี่ นังได๋!”
“แน่จริงก็จับให้ทัน” ดลยาทำหน้าล้อเลียน เมื่อพี่สาววิ่งไล่ก็วิ่งหนี
เสียงเอะอะโวยวายของสองพี่น้องทำให้รัศมีดารา ที่กำลังนอนเอกเขนกมาร์กหน้าอยู่ริมสระว่ายน้ำโดยมีสาวใช้นวดให้อยู่ไม่ห่างต้องขยับตัวขึ้น นิ้วเรียวกรีดกรายหยิบมาร์กสีขาวนวลออกจากใบหน้าพลางชะเง้อคอมอง
“นังต้อยติ่ง แกเข้าไปดูซิว่าเสียงอะไร”
“โอ๊ย…ไม่ต้องไปดูให้เสียเวลาหรอกค่ะ คุณนางกับคุณได๋ทะเลาะกันอีกตามเคย” สาวใช้ผิวคล้ำผมหยิกหยอยบุ้ยปากเข้าไปในบ้าน เสียงเอะอะโวยวายตามติดมาด้วยเสียงข้าวของกระทบกับพื้นทำให้รัศมีดาราทนเฉยอยู่ไม่ไหว ลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินฉับๆ เข้าไปในบ้าน
“หยุดนะ! หยุดๆ” สาวใหญ่ห้ามทัพย่อยๆ ก่อนที่ข้าวของภายในบ้านจะย่อยยับไปมากกว่านี้ แต่แทนที่จะหยุดตามคำห้ามปรามแต่สองสาวต่างวัยกลับยิ่งกระหน่ำข้าวของเข้าใส่กันไม่ยั้ง และชิ้นสุดท้ายก็คือรีโมตคอนโทรลขนาดเท่าฝ่ามือปลิวหวือมาปะทะศีรษะคนห้าม
“โอ๊ย” เสียงร้องอุทานของผู้เป็นแม่ทำให้สองพี่น้องหยุดชะงัก รัศมีดาราเท้าสะเอวมองลูกสาว ดวงตาวับวาวเอาเรื่อง ดลยาจึงชี้นิ้วไปหาพี่สาว
“พี่นางทำ”
“นางไม่ได้ตั้งใจนะคะแม่ นางตั้งใจปาหัวมัน ไม่ได้ปาแม่ แม่นั่นแหละหลบไม่ทัน” หญิงสาวเถียงขึ้นทำให้รัศมีดาราหน้ายุ่ง ก่อนทำหน้าเอือมระอากับความไม่รู้จักโตของคะนึงนาง ที่ปีนี้อายุ 22 ปีแล้วแต่ก็ยังทะเลาะกับน้องเป็นเด็กๆ อยู่เหมือนเดิม
“เราน่ะโตเป็นสาวแล้วนะนาง ทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้”
“แม่มาว่านางคนเดียวได้ยังไงล่ะ ถ้านังได๋มันไม่หาเรื่องนางก็ไม่ยุ่งหรอก เด็กอะไรแก่แดด ตัวเท่าเมี่ยงดูทาหน้าทาปากเข้าซินั่น” คะนึงนางยิ้มเหยียดใส่น้องสาวที่กอดอกหน้าเชิดเบ้หน้าเช่นเดียวกัน
“อิจฉาเค้าละสิ”
“แหวะ หน้าเป็นเต้าหู้ยี้อย่างแกนะเหรอ”
“พอทีๆ” รัศมีดาราทรุดแหมะลงกับโซฟาอย่างอ่อนใจก่อนเรียกหายาดมจากสาวใช้ที่วิ่งปรูดมาทันใจ เพราะรู้อยู่แล้วว่าหลังทนฟังลูกสาวทะเลาะกันได้ไม่กี่ประโยคผู้เป็นเจ้านายจะต้องร้องเรียกหายาดมจึงได้ตระเตรียมเอาไว้รอท่า เรียกปุ๊บได้ปั๊บ “มีแกคนเดียวนังต้อยติ่งที่ได้อย่างใจฉัน”
“งั้นคุณแม่ก็เอาอีพี่ต้อยติ่งเป็นลูกเลยสิคะ” ดลยามองค้อนแล้วเดินไปนั่งบนโซฟาด้านตรงข้าม แต่พยายามอยู่ให้ห่างพี่สาวมากที่สุด ในมือยังจับสมุดโน้ตไม่ยอมปล่อย
“แม่ดูปากนังลูกสาวตัวดีนะ”
“เอาละๆ อย่ามาทะเลาะกันต่อหน้าแม่นะ แล้วนี่อะไร ทะเลาะกันจะตีกันตายจนเกือบหัวร้างข้างแตก” เมื่อสงบสติอารมณ์ได้แล้วรัศมีดาราจึงได้ซักถาม คะนึงนางได้ทีจึงคว้าสมุดโน้ตมาจากมือน้องสาว
“นังได๋มันละลาบละล้วงเอาสมุดโน้ตส่วนตัวของนางไป แล้วนี่มันยังขโมยเครื่องสำอางนางไปแต่งหน้า” หญิงสาวฟ้องขึ้นแต่ดลยารีบแย้ง
“ก็ได๋คอยเป็นหูเป็นตาให้แม่นี่คะ พี่นางหวงสมุดเล่มนี้แสดงว่าต้องเขียนอะไรถึงแฟนแน่ๆ”
“ฉันอายุ 22 ปี เรียนจบแล้วมีแฟนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เด็กสิบขวบอย่างแกริอ่านแต่งหน้าแต่งตาน่ะสิมันเรื่องแปลก นังเด็กแก่แดด”
“กลัวเค้าสวยกว่าก็ว่ามาเถอะ อย่าให้แฟนตัวมาเห็นเค้าก็แล้วกัน”
“นังได๋”
“โอ๊ย…พอแล้วๆ น้องแค่ล้อเล่นหน่อยเดียว อะไรนักหนานะยัยนาง แล้วนั่นน่ะสมุดอะไรทำไมถึงได้หวงนัก มีแฟนน่ะมีได้แม่ไม่ว่าหรอกนะ แล้วทำไมไม่พามาให้แม่ดูตัวมั่ง แต่มีข้อแม้นะว่าห้ามจน”
“แม่ละก็ไปฟังมัน แฟนเฟินอะไร นั่นสมุดโน้ตนางจดสถานที่รับสมัครแอร์โฮสเตสเอาไว้”
“เออ แล้วไป แล้วนี่จะไปสมัครงานแล้วหรือ แม่นึกว่าจะพักซักเดือน แต่จะว่าไปเป็นแอร์มันก็ดีเหมือนกันนะได้เจอกับพวกนักบิน พวกนักบินน่ะรวยจะตายหรือถ้าจะให้ดีก็กัปตันไปเลยนะลูก แม่จะได้ไปเที่ยวเมืองนอกฟรีๆ” ผู้เป็นแม่พยักหน้าหงึกหงัก หญิงสาวจึงได้หัวเราะขึ้น
มีใครบ้างที่สอนลูกให้จับผู้ชายรวยๆ อย่างแม่เธอ แต่ก็นั่นแหละเธอเองก็รู้ว่าแม่หวังดี ไม่อยากให้ลูกสาวลำบากอย่างที่แม่เคยเป็น
ที่จริงแม่เธอชื่อรัตนา แต่เพราะแม่เป็นนางเอกลิเกเก่าชื่อในวงการคือรัศมีดาราและแม่ก็ชอบมันมากจึงใช้ชื่อนี้มาตลอด แม่แต่งงานกับพ่อเธอที่เป็นพระเอกลิเกคณะเดียวกัน มีเธอเป็นโซ่ทองคล้องใจ แต่เพราะคนเลิกดูลิเกพ่อกับแม่จึงเปลี่ยนไปทำอาชีพขายข้าวแกง
ความยากจนทำให้ความรักแสนหวานเปลี่ยนเป็นขมขื่น พ่อกับแม่ทะเลาะกันได้ไม่เว้นแต่ละวัน และในที่สุดก็เลิกกันตอนเธออายุเท่าๆ กับดลยาตอนนี้
พ่อทิ้งเธอกับแม่ไปแล้วไม่คิดกลับมาดูดำดูดี เธอกับแม่ต้องอยู่กันอย่างยากลำบาก เธอไม่เคยได้มีชุดสวยๆ กินอะไรอร่อยๆ อย่างที่อยากกิน เธอต้องนอนดึกเพราะช่วยแม่เตรียมของไปขายและตื่นแต่เช้าช่วยกันทำงาน เป็นแบบนี้มาตลอดหลายปีจนกระทั่งแม่ได้พบกับไพรัช นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่ทำอีท่าไหน ผู้ชายคนนั้นถึงได้หลงหัวปักหัวปำแต่งงานกับแม่ทั้งที่มีเธอเป็นลูกติด
หลังจากนั้นชีวิตเธอกับแม่ก็เหมือนจมอยู่ในนรกแล้วถูกมือที่มองไม่เห็นผลักขึ้นสวรรค์ จากที่ไม่มีอะไรเลย เธอกลายเป็นคุณหนูคะนึงนาง ที่ร่ำรวย มีบริวารรายล้อม แต่เพียงแค่สองปีดลยาก็เกิดมา ทุกคนเอาอกเอาใจ พ่อเลี้ยงกับแม่ให้เวลากับเธอน้อยลง เธอจึงไม่คอยจะชอบหน้าน้องสาวคนนี้นัก
“รู้แล้วน่าแม่ แต่ก่อนอื่นให้นางได้เป็นแอร์ก่อนเถอะ”
“ได้อยู่แล้ว แกทั้งสาวทั้งสวย หุ่นก็ดี ถอดแบบจากแม่มาเปี๊ยบ”
“ไม่ใช่แค่สวยหรอกแม่ ภาษาก็ต้องดีแต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ นางสอบโทอิคได้เกินคะแนนที่เขาตั้งไว้ซะอีก ไปดีกว่า ขี้เกียจเห็นหน้านังได๋” คะนึงนางไม่วายแขวะน้องสาวก่อนลุกขึ้นเดินนวยนาดออกไปด้วยท่วงท่าสง่างามเหมือนนางแบบกำลังเดินบนแคทวอล์ค
ดลยาเบ้หน้าตามหลังผู้เป็นแม่จึงมองดุ
“เราก็เหมือนกันยัยได๋ ไปยั่วพี่เขาอะไรนักหนา”
“เปล่าซักหน่อย พี่นางน่ะอิจฉาได๋ก็เลยหาเรื่อง” เด็กหญิงเถียงคอเป็นเอ็น ได้ยินเสียงรถคุ้นหูแล่นเข้ามาหน้าบ้านจึงวิ่งปรูดออกไป “คุณพ่อ”
ดลยาถลาออกไปหาพ่อด้วยความดีใจ เพราะทุกครั้งหลังกลับจากประชุมต่างจังหวัดพ่อมักจะมีของฝากมาให้เสมอ แต่คราวนี้นอกจากไม่มีแล้ว สีหน้าของพ่อทำให้เด็กหญิงถอยกรูด รัศมีดารามองสภาพเหมือนนกปีกหักของสามีแล้วจึงหันมาหาลูกสาว
“ได๋ ออกไปก่อนลูก”
ไม่รอให้บอกซ้ำเด็กหญิงดลยาก็หายจ้อย ถึงอายุจะแค่นี้แต่เรื่องเอาตัวรอดของดลยาไม่เป็นสองลองใคร รัศมีดาราสั่งให้ต้อยติ่งไปเอาน้ำเย็นๆ มาให้สามีแล้วเดินไปนั่งลงเคียงข้าง ไพรัชท่าทางอ่อนล้า ดวงตาอิดโรยแห้งผาก เมื่อได้น้ำเย็นๆ มาก็ดื่มรวดเดียวหมดราวกับไม่ได้ดื่มน้ำมาหลายชั่วโมง
“เป็นอะไรคะคุณ งานมีปัญหาเหรอ”
“อืม” ไพรัชตอบรับสั้นๆ ลืมตาขึ้นมาจับจ้องใบหน้าของภรรยาหลังหลับตาพิงศีรษะเข้ากับพนักโซฟาครู่หนึ่งรัศมีดาราจึงลุกมาบีบนวดไหล่ให้อย่างเอาใจ
“เหนื่อยนักก็พักสิคะ เราหาโอกาสไปเที่ยวกันไหมคะ ยุโรปเป็นไงคะ ไปกันทั้งครอบครัว” รัศมีดาราเสนอ นับตั้งแต่แต่งงานกับเขามาสิบกว่าปี ชีวิตของเธอหรูหราฟุ้งเฟ้อ เหมือนทางที่เคยเดินด้วยก้อนกรวดบาดเท้าเปลี่ยนมาเป็นกลีบกุหลาบนุ่มละมุน
เธอกับคะนึงนางต่างก็กลัวที่จะย้อนกลับไปเหยียบก้อนกรวดเหล่านั้นอีกครั้ง
“ไปไม่ได้หรอกรัศ” เขาตอบกลับมาเนือยๆ
“งานยุ่งมากเลยเหรอคะ ก็ไหนคุณบอกว่าจะหาเวลาว่างพาฉันกับลูกๆ ไปเที่ยว อ้อ…อาทิตย์หน้ายัยนางจะไปสอบเป็นแอร์ ฉันก็เลยอยากซื้อรถใหม่ให้น่ะค่ะ เป็นของขวัญที่ลูกเรียนจบ” รัศมีนวดคลึงไปบนขมับ ทุกครั้งที่ทำแบบนี้ก็มักจะได้รางวัลเสมอ ไม่แหวนก็ต่างหูเพชร
“ซื้อไม่ได้หรอก และนอกจากซื้อไม่ได้แล้วรถคันเก่าของยัยนางกับคุณผมก็ต้องขาย”
“อะไรนะคะ” รัศมีดาราอ้าปากค้าง ทำท่าเหมือนถูกผีหลอกกลางวันแสกๆ เธอต้องฟังผิดไปแน่ๆ อาจเป็นเพราะฟังลูกสาวสองคนทะเลาะกันมากไปหน่อยถึงได้เบลอไป
“ผมบอกว่าจะขายรถ”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน คุณหลอกรัศเพื่อที่จะเซอร์ไพรซ์อะไรรัศเหมือนตอนหนุ่มๆ หรือไงคะ” เธอถามออกไปด้วยความหวัง เสหัวเราะขึ้นทว่าสีหน้าจริงจังของสามีทำให้เริ่มขำไม่ออก
“ผมพูดจริง”
“คุณ…”
“หุ้นที่ผมซื้อมันตกฮวบฮาบ ผมถูกโกง”
“โกง?” รัศมีดาราขึ้นเสียงสูงทำให้คะนึงนางที่เดินลงมาจากห้องชั้นบนเพื่อหาอะไรเย็นๆ ดื่มต้องหยุดชะงักเท้า หยุดฟังด้วยความสนใจ นานแล้วที่ไม่ได้ยินแม่หลุดมาดผู้ดีร้องเสียงหลงแบบนี้
“ไอ้ธนงมันโกงผม ตอนนี้เรากำลังจะหมดตัว ผมต้องหาเงินมาหมุนก่อนที่จะถูกฟ้องล้มละลาย” ไพรัชบอกขึ้นอย่างเจ็บปวดและมันก็ส่งผลให้รัศมีดาราแทบล้มทั้งยืน
“ไม่จริง”
“แม่” คะนึงนางถลาเข้ามาประคองแม่ให้ไปนอนบนโซฟา
ไพรัชถอนหายใจ มองแต่ไม่พูดอะไรแล้วเดินเนือยๆ ขึ้นไปบนห้อง
“นาง…บอกแม่ทีซิว่าแม่ฝันไป แม่หลับอยู่ยังไม่ตื่น”
“แม่ตื่นแล้ว แล้วพ่อก็เพิ่งบอกว่าพ่อกำลังจะจน” คะนึงนางร้องไห้ออกมาดังๆ แข่งกับผู้เป็นแม่ แล้วสองแม่ลูกก็กอดคอกันร้องไห้สะอึกสะอื้น มันนานจนลืมไปแล้วว่าความจนที่เคยจากมามันเป็นอย่างไร
“นาง”
“เรากำลังจะกลับไปจนใช่ไหมแม่”
“ไม่! เราจะไม่กลับมาจนอีก มันต้องมีวิธี” รัศมีดาราตาวาว ความจนเป็นสิ่งที่เธอเกลียดและกลัวที่สุด ไม่ว่าจะอย่างไรจะต้องหาหนทางหลีกหนีไปให้ได้

คะนึงนางมองลานจอดรถในบ้านหลังใหญ่ที่ไม่มีรถเก๋งสุดหรูสีขาวของเธอกับแม่จอดอยู่อีกแล้ว ตอนนี้ทั้งบ้านมีเพียงเบนซ์คันงามของพ่อเลี้ยง เพราะรถของเธอกับแม่รวมทั้งข้าวของหลายอย่างในบ้านล้วนถูกผันแปรเป็นเงินสดเพื่อให้ไพรัชเอาไปหมุน เธอกับแม่ได้แต่ภาวนาว่าอีกไม่นานทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม
“นาง ไปแต่งตัวเร็วลูก” เสียงเรียกของแม่ทำให้คะนึงนางเลิกคิ้ว
“ไปไหนเหรอแม่”
“แม่นัดคุณหญิงสร้อยศรีมาทานข้าวเย็นที่บ้าน เขาจะพาคุณพิมานลูกชายมาด้วย เห็นว่าเพิ่งกลับจากนอก คนนี้รวยจริง ไม่มีความจนปะปน แต่งตัวสวยๆ นะลูก”
“นี่หมายความว่า…”
“จับผู้ชายคนนี้ให้อยู่หมัด อนาคตของแกแล้ว” รัศมีดาราบอกขึ้นแต่คนเป็นลูกย่นจมูก
“ต้องขอเห็นหน้าก่อนนะแม่ ถ้ารวยแต่ขาเป๋ตาเหล่นางก็ไม่เอานะ”
“แกก็พูดเข้า คุณหญิงสร้อยศรีกับสามีเขาก็หน้าตาดี ลูกจะเกิดมาพิกลพิการก็ให้มันรู้ไปสิ หรือไม่อยากได้รถสวยๆ มาขับอีก ไม่อายเพื่อนรึไง” ผู้เป็นแม่แหย่ขึ้นทำให้หญิงสาวตาวาวแล้วใบหน้าของวรินยุพา คู่อริก็วาบผ่าน หากมันรู้เข้าว่าครอบครัวเธอกำลังถังแตกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
เธอจะต้องจับลูกชายคุณหญิงสร้อยศรีให้ได้!
คะนึงนางสะบัดหน้าแล้วรีบกลับเข้าห้องรื้อค้นเสื้อผ้าแบรนด์เนมมากมายในตู้ออกมา ได้เป็นเดรสสวยหวานสีชมพูตัวหนึ่งจึงนำออกมาวางทาบตัว หมุนไปรอบกระจกสองสามที ริมฝีปากจะเม้มสนิท สีหน้าครุ่นคิดก่อนพูดกับเงาสะท้อนในกระจก
“ฉันออกจะสวยขนาดนี้ ต้องเปรียบเทียบก่อนว่านายพิมาน อัคราช หน้าตาเป็นยังไง” ว่าแล้วร่างเพรียวบางสมส่วนก็หมุนตัวไปหาโน้ตบุ๊กที่วางแหมะอยู่บนเตียงนอน เปิดเครื่องรอเครื่องทำงานแล้วจึงเชื่อมต่ออินเทอร์เนต พิมพ์ชื่อพิมาน อัคราชลงไปในกลูเกิล
ไม่กี่วินาทีภาพและข่าวของเขาก็เด่นหรา เพราะตระกูลนี้เป็นตระกูลดัง และเมื่อเห็นภาพของเป้าหมายรอยยิ้มจึงค่อยๆ เปิดขึ้น
“ค่อยยังชั่วหน่อย” ลมหายใจผ่อนออกมาช้าๆ จากนั้นจึงเลื่อนอ่านข่าวคราวที่เกี่ยวข้องกับเขา “ไฮโซหนุ่มหล่อ พิมาน อัคราชกำลังจะบินกลับเมืองไทยในเร็วๆ นี้ แว่วว่ามาคนเดียวไม่ได้หนีบสาวหัวทองกลับมาด้วย เฮอะ..ถึงมีฉันก็จะเขี่ยออกไปให้พ้นทางย่ะ”
คะนึงนางอ่านข่าวของพิมานหลายข่าวจนคิดว่าพอรู้จักเขาในระดับหนึ่ง เขาเป็นคนดังพอสมควร เพราะถูกโหวตในนิตยสารคลีโอเมื่อสองปีที่แล้วว่าเป็นหนึ่งในห้าหนุ่มหล่อชวนฝันของสาวๆ ทั่วประเทศ มีผู้จัดหลายรายมาทาบทามให้เขาเล่นหนังเล่นละครแต่ทว่าเขาไม่สนใจ
“หนุ่มหล่อในฝันของใครก็ช่าง แต่ฉันจะเป็นสาวสวยในใจของคุณ ไหนดูซิ….ว่ามีข่าวอะไรน่าสนใจอีก” หญิงสาวกวาดไล่สายตา มีข่าวหนึ่งที่มีภาพและประวัติเขาอย่างละเอียด “เกิดวันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม ปัจจุบันอายุ 27 ปี สถานะยังโสด ชอบกินเค้กทุกชนิด ชอบสีฟ้า ชอบเที่ยวทะเล ไม่สูบบุหรี่ เหล้าดื่มบ้างแต่ไม่บ่อย รักครอบครัว ชอบทำอาหาร ชอบผู้หญิงเรียบร้อย เข้าวัดฟังธรรม อืม…น่าสนใจแฮะ ผู้ชายแบบนี้ยังเหลือรอดอีกเหรอเนี่ย”
มือเรียวงับหน้าจอโน้ตบุ๊กเอาไว้ตามเดิม เมื่อใบหน้าของพิมาน อัคราชโดนใจจึงมีเรี่ยวแรงมากพอจะจับชุดสวยมาวางทาบอีกครั้ง แต่ครั้นนึกได้ว่าเขาชอบสีฟ้าจึงหมุนตัวกลับไปค้นตัวใหม่ ได้ชุดเดรสสีฟ้าทั้งตัวแต่ตรงเอวเป็นจั๊มพาดด้วยชีฟองสีขาวพลิ้วทิ้งชายกรุยกรายด้านหลัง
คะนึงนางอาบน้ำขัดเนื้อขัดตัวเต็มที่ แต่งตัวด้วยชุดที่เลือกไว้แล้วแต่งหน้าบางๆ สวมที่คาดผมสีเข้ากับชุด เท่านี้เธอก็เป็นคะนึงนางผู้แสนจะเรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้อย่างที่เขาต้องการ
“นายพิมาน ฉันจะต้องจับนายให้อยู่หมัด” หญิงสาวพึมพำอย่างหมายมาด มองนาฬิกาบนฝาผนังเมื่อเห็นใกล้ถึงเวลานัดแล้วจึงรีบลงมา ทว่าคิดได้อีกว่าควรให้คนมาตามดีกว่าจะได้ดูมีค่า คะนึงนางจึงกลับมานั่งที่เตียงใหม่ คว้าหนังสืออ่านเล่นมาอ่านฆ่าเวลา

พิมานมองนาฬิกาข้อมืออย่างนึกเซ็ง เมื่อเวลามันวิ่งผ่านไปเร็วเหลือเกิน และสีหน้าของเขาก็ทำให้ปฐพี จุณฑมาศหัวเราะขึ้น
“นัดไปดูตัวว่าที่เจ้าสาวในอนาคต ทำไมทำหน้าเหมือนคุณหญิงแม่แกจะส่งไปดวงจันทร์งั้นแหละ ยิ้มเข้าไว้เพื่อน” ปฐพี โคไพลอตหนุ่มหรือนักบินผู้ช่วยของสายการบินนางฟ้าแอร์ไลน์ตบไหล่ปลอบใจเพื่อนรักเมื่ออีกฝ่ายทำราวกับแบกโลกร้อนๆ เอาไว้ทั้งใบ
“แกไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงที่แม่หาให้แต่ละคนเป็นยังไง”
“เป็นยังไงวะ” นักบินหนุ่มเอื้อมหน้ามาใกล้ พิมานทำหน้าเซ็ง ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ
“กระแดะ”
“ไอ้บ้า ไปว่าผู้หญิงแบบนั้นได้ยังไง” ปฐพีมองดุ ไม่ชอบใจแต่คนเป็นเพื่อนยักไหล่
“ก็มันจริงนี่หว่า ลูกคุณหญิงคุณนายเพื่อนแม่ฉันแต่ละคนเป็นอย่างนี้กันทั้งนั้น”
“แล้วแกชอบผู้หญิงแบบไหน” นักบินหนุ่มถามขึ้นทำให้คนเป็นเพื่อนคิดนาน
“เรียบร้อย อ่อนหวานเหมาะจะเป็นแม่ของลูก ติดดินกินส้มตำปลาร้าหรือก๋วยเตี๋ยวข้างทางก็ได้ หรือจะให้กินอาหารหรูๆ แพงๆ ก็ได้ ไม่จับจด ไม่รักสบายจนเกินไป เพราะฉันไม่ชอบคนประเภทเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แล้วที่ผ่านมาฉันก็ยังไม่เห็นผู้หญิงที่ไหนจะเป็นอย่างนั้น”
“ยากหน่อยนะสมัยนี้ เพราะที่ชอบกินส้มตำปลาร้ากับก๋วยเตี๋ยวข้างทางก็คงไม่ใช่ลูกคุณหญิงคุณนายเพื่อนแม่แก”
“จริงว่ะ แล้วแกล่ะ”
“ฉันเหรอ ไม่ได้คิด”
“เฮ้ย…อะไรวะอายุปูนนี้แล้ว แต่จะว่าไปฉันยังไม่เคยเห็นแกมีแฟนเลยนะ หรือว่า…” ดวงตาเล็กรีเหมือนคนมีเชื้อสายจีนหรี่มองอย่างมีเลศนัยทำให้คนถูกมองร้องโวยวาย
“ไอ้บ้า ฉันผู้ชายทั้งแท่งโว้ย”
“จะไปรู้หรือวะ ก็แกเป็นนักบินแต่ละวันได้เจอแอร์สวยๆ รูปร่างดีๆ กันทั้งนั้น ไม่ปึ่บปั่บบ้างจะเป็นไปได้หรือวะ” พิมานไม่ยอมเชื่อ ปฐพีจึงผลักไหล่เพื่อนเบาๆ
“ไม่อยากหาห่วงผูกคอ ถ้าฉันมีแฟนทำงานด้วยกันทุกวัน แกคิดดูนะว่าฉันจะกระดิกตัวทำอะไรได้ ผู้หญิงรายไหนรายนั้นขี้หึง ไม่ฟังเหตุผล”
“จริงของแก ร้ายไม่เบานี่หว่า คิดรอบคอบ”
“ฉันไม่คิดจะมีแฟนเป็นแอร์หรอก อยู่กับพวกนี้นานๆ ปวดหัว” คำพูดตรงๆ ของปฐพีทำเอาพิมานสำลักน้ำเปล่าที่เพิ่งยกขึ้นดื่ม
“แกมันก็ปากจัดพอกันละว้า”
“หึๆ อาจเป็นเพราะฉันอยู่กับพวกเธอมาหลายปีก็ได้มั้งถึงได้รู้ว่าสาวๆ เขาคิดกันยังไง” ชายหนุ่มเอนตัวเข้ากับพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ
อีกไม่กี่วันก็คงจะได้ต้อนรับแอร์น้องใหม่เข้ามา ใหม่มาเก่าไป เป็นวัฏจักร แต่มีอย่างหนึ่งที่ยังเหมือนเดิมก็คือความวุ่นวายของพวกสาวๆ ตามธรรมดาของผู้หญิงสาวๆ สวยๆ ที่มักจะแย่งความเด่นกันอยู่เสมอ
“เกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น ระวังเถอะแกจะได้เมียเป็นแอร์” พิมานขู่ขึ้นแต่โดนย้อนกลับ
“ถ้าฉันได้เมียเป็นแอร์ แกก็คงมีเมียเป็นผู้หญิงกระแดะอย่างที่ว่า”
“ไอ้บ้า ไม่เอาแล้วโว้ย ไปดีกว่า ไปช้าเดี๋ยวคุณหญิงแม่เฉ่งเอา” พิมานยกน้ำขึ้นดื่มอีกเป็นครั้งสุดท้าย ปฐพีเพียงแค่โบกมือให้เป็นเชิงไล่

หลังถูกแนะนำให้รู้จักกันพิมานก็รู้สึกชอบในความสวยอ่อนหวานของคะนึงนาง ชอบทุกอย่างในตัวเธอแม้กระทั่งชื่อ ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ สวยตรงสเปกเขาไปหมด
“อาหารทั้งหมดนี่ยัยนางเป็นคนทำครัวเองหมดเลยนะคะ” รัศมีดาราบอกขึ้นในระหว่างทานอาหาร ซึ่งคะนึงนางเองก็ยิ้มรับหน้าชื่นทั้งที่ตัวเองทำอาหารไม่ได้เรื่อง ทำได้ทุกอย่างเพียงแต่ไม่มีใครกินได้ ดลยาเองเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็อ้าปากจะแย้งแต่คนเป็นพี่หยิบเค้กยัดปากไปคำใหญ่จนพูดไม่ออก
“ทานเยอะๆ นะจ๊ะน้องได๋ จะได้โตเร็วๆ” ปากยิ้มหวานเหมือนนางงามรักเด็ก แต่ตาคมๆ ส่งกระแสอาฆาตไปให้พร้อมเอื้อมหน้าไปใกล้ “ลิปสติกแท่งนั้น ฉันจะยกให้แก”
เมื่อมีของมาล่อ ดลยาจึงฉีกยิ้มกว้าง
“ใช่ค่ะ พี่นางทำเองทุกอย่างเลยค่ะ ทำเป็นพิเศษเพื่อคนพิเศษ”
“คุณนางทำเค้กอร่อยมากเลยนะครับ ฝีมือขนาดนี้เปิดร้านได้เลยนะเนี่ย” ชายหนุ่มเอ่ยชม คุณหญิงสร้อยศรีจึงรีบเสริม
“พิมานเขาชอบกินเค้กจ้ะ โดยเฉพาะเค้กมะพร้าวอ่อน แหม…หนูนางช่างรู้ใจ”
“บังเอิญน่ะค่ะคุณหญิงป้า นางก็ชอบทานเหมือนกัน เดี๋ยววันหลังนางจะเอาไปให้ชิมที่บ้านนะคะ” หญิงสาวถ่อมตัว กิริยานอบน้อมอ่อนหวาน
สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเธออยู่ชมรมการแสดง เกือบทุกเรื่องมีเธอเป็นนางเอก ส่วนวรินยุพาเป็นตัวร้าย ไอ้เรื่องตอแหลแบบนี้ไม่ใช่เรื่องยาก มันอยู่ในสายเลือด ก็ดูตัวอย่างแค่ดลยา อายุสิบขวบยังขนาดนี้แล้วเธอถูกหล่อหลอมมาตั้งยี่สิบกว่าปี มีหรือจะพลาด
หลังมื้ออาหารผู้ใหญ่ทั้งสองก็เป็นใจเปิดโอกาสให้หนุ่มสาวได้พูดคุยกันตามลำพัง คะนึงนางออกอาการขัดเขินยามเมื่อถูกเขาจ้องมองทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเธอไม่ได้รู้สึกเขินเลยซักนิด เพราะเป็นคนสวย เป็นดาวมหาวิทยาลัยจึงมีผู้ชายมาจีบมากมาย เธอเจอมาหมดแล้วไม่ว่าผู้ใช้จะใช้มุกอะไรเข้าหา
“รู้ตัวไหมครับว่าน้องนางเป็นผู้หญิงที่สวยมาก โดยเฉพาะตอนยืนอยู่ใต้ต้นดอกแก้วแบบนี้ ดมดอกไม้แบบนี้ เหมือนนางในวรรณคดี” ชายหนุ่มหยอดคำหวาน สาวเจ้าทำสะเทิ้นเขินอายแต่ก็เผลอหลุดเสียงหัวเราะออกมาพอมีจริตบ้าง ทว่าในใจกำลังนึกค่อนขอด
“เสี่ยวซะไม่มีละ ถ้าฉันเป็นนางในวรรณคดีคงเป็นนางวันทองหรือไม่ก็นางกากี”
“แหม…พี่พิมานละก็ มาชมซึ่งๆ หน้าแบบนี้นางก็เขินแย่สิคะ” มือเรียวเอื้อมไปเด็ดดอกแก้ว พิมานจึงชิงเด็ดมาก่อนแล้วทัดหูให้ ตาสองคู่สบกันเนิ่นนาน ชายหนุ่มพยายามส่งสายตาหวานเชื่อมไปให้ คะนึงนางหลุบสายตาลงต่ำก่อนไหว้ขอบคุณอ่อนช้อย
“หอม” จมูกคมสอดส่ายมาใกล้หวังจะเฉียดพวงแก้มแต่คะนึงนางหลบได้ทัน
“ใช่ค่ะ ดอกไม้นี่หอมมากจริงๆ” หญิงสาวทำเป็นไม่รู้เท่าทัน ท่าทางนายพิมานคนนี้กะล่อนเจ้าชู้ไม่เบาเลย ดูแตกต่างจากที่ให้สัมภาษณ์ในนิตยสารลิบลับ ในบทสัมภาษณ์ช่างดูเป็นผู้ชายอบอุ่น แต่ตัวจริงเหมือนปลาไหลใส่สเก็ต แต่เธอเองก็ชอบจับปลาซะด้วยสิ แต่ก็แค่จับไม่คิดจะกิน ผู้ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยขอแค่สามข้อ หล่อ รวย ไม่เจ้าชู้ ถ้าไม่ได้แบบนี้ขอขึ้นคานไปจนตาย
“นางว่าเรากลับเข้าไปข้างในกันเถอะนะคะ ออกมาคุยกันข้างนอกแบบนี้นางรู้สึกไม่ดีเลยค่ะ” คะนึงนางถอนหายใจ มองหน้ามองหลังด้วยอาการขัดเขิน พิมานอมยิ้มมองอย่างเอ็นดู สมัยนี้จะหาใครเรียบร้อย ไร้เดียงสาแบบนี้คงไม่มีอีกแล้ว
เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่าแม่ตาถึง
“ครับ แต่วันหลังน้องนางจะต้องให้พี่มารับไปทานข้าวที่บ้านบ้าง”
“นางแล้วแต่คุณแม่ค่ะ”
“เออ…จริงด้วยสิครับ เห็นคุณน้าบอกว่าน้องนางจะไปสมัครเป็นแอร์โฮสเตสเหรอครับ” เขาเอ่ยถามขณะเดินไปด้วยกัน แปลกใจอยู่บ้างเพราะดูบุคลิกภายนอกไม่คิดว่าเธอจะชอบอาชีพนี้
“ใช่ค่ะ วันมะรืนนี้นางฟ้าแอร์ไลน์มีรับสมัคร นางว่าจะลองดูน่ะค่ะ”
“ไม่น่าเชื่อนะครับว่าน้องนางอยากเป็นแอร์”
“ทำไมคะ หน้าตาอย่างนางเป็นแอร์ไม่ได้เหรอ” หญิงสาวเลิกคิ้ว เขาจึงรีบเอ่ยแก้
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ พี่หมายถึงว่าน้องนางเหมาะจะเป็นแม่บ้านของใครซักคนต่างหากละครับ แต่อย่างว่าแหละ สวยๆ อย่างน้องนางบริษัทไหนก็ต้องรับ แต่เอ…น้องนางว่าสายการบินไหนนะครับ”
“นางฟ้าแอร์ไลน์ค่ะ”
“งั้นก็ดีเลยครับ พี่มีเพื่อนเป็นนักบินที่นั่น วันหลังจะแนะนำให้รู้จัก” พิมานรีบบอก เห็นโอกาสทำคะแนนกับคะนึงนางแล้ว
“ขอบคุณมากนะคะพี่พิมาน นางเองก็ไม่หวังอะไรมากหรอกค่ะ คนไปสมัครเป็นพันๆ”
“ได้อยู่แล้วละครับ ระดับน้องนาง ถ้าสายการบินไม่รับก็ตาต่ำเกินไปละ”
“ถ้าได้นางจะดีใจที่สุดเลยค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวาน จงใจสบสายตาหวานเยิ้มเข้าหาแล้วหมุนตัวเดินนำหน้าไปก่อน ปล่อยระยะให้ชายหนุ่มมองตามร่างพลิ้วระหงของเธอราวถูกมนต์สะกดแล้วจึงรีบตามไป



สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มิ.ย. 2556, 14:25:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มิ.ย. 2556, 14:25:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 4160





   ตอนที่ 2 50% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account