สะใภ้ตีทะเบียน (เทเรน่า)
'สหรัฐ นฤเบศบดินทร์’ นักธุรกิจหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบริษัทตกแต่งภายในระดับประเทศ
ต้องเดือดเป็นไฟ เมื่อมารดาที่เคยตามใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาตลอดชีวิต
จู่ๆก็มาตั้งแง่รังเกียจคนรักของเขาราวกับเธอเป็นขยะโสโครก
แต่กลับเจ้ากี้เจ้าการ ยัดเยียดผู้หญิงหน้าตาจืดชืด ไร้รสชาติให้มาเป็นเมียเขา
แถมผู้หญิงคนนั้นยังเป็น ‘นังเด็กโรคจิต’ ที่คอยแอบมองเขาด้วยสายตาน่าขนลุกเมื่อหลายปีก่อน
ที่สำคัญมารดาของเขาจะรู้หรือเปล่าว่าตัวจริงของแม่สาวหน้าซื่อ ว่าที่ลูกสะใภ้คนดี
ไม่ใช่นางฟ้าชุดขาวอย่างที่คิด... หากแต่เป็นผู้หญิงใจแตก ที่ผ่านผู้ชายมาแล้วเป็นร้อย
ถึงจะน่าขยะแขยงแค่ไหน แต่เพื่อให้มารดาได้ตาสว่างเสียที
เขานี่แหละจะใช้ความหนุ่มแน่นของตัวเอง
พิสูจน์ความคาวและตีแผ่ความกร้านโลกของเธอออกมาให้ได้รับรู้กันไป
เหตุผลที่นางพยาบาลสาวผู้อ่อนหวานและเรียบร้อยอย่าง ‘น้ำลิน’
ยอมเข้ามาใกล้ชิดกับสหรัฐตามความต้องการของเพื่อนมารดา
นั่นเป็นเพราะชายหนุ่มคือ ‘ความรักครั้งแรก’ ที่เธอเฝ้าใฝ่ฝันมาตั้งแต่ยังเรียนชั้นมัธยม
แต่เมื่อได้รู้ตัวจริงว่าเทพบุตรในฝันกลับกลายเป็นซาตานนิสัยทราม
ที่ทั้งปากร้าย เอาแต่ใจ และคอยแต่จะหาเรื่องแดกดันเธออย่างหยาบคายเจ็บแสบอยู่เสมอ
แล้วคนที่ดูอ่อนแอแต่ภายนอกอย่างน้ำลินมีหรือจะยอมถูกเขารังแกอยู่ข้างเดียว
ยิ่งเคยรักมากเท่าไหร่ พอกลายเป็นความเกลียดมันก็ยิ่งมากขึ้นเป็นทบเท่าทวีคูณ
และหญิงสาวก็ตั้งใจเอาไว้แล้ว ว่าต่อไปนี้ถ้าเขาร้ายมา เธอจะร้ายกลับ... ถ้าด่ามา จะตบกลับ...
เธอจะขอยืนงัดข้อ ท้าชนกับผู้ชายจิตใจเสื่อมคนนั้นด้วยคำว่าศักดิ์ศรีและเกียรติยศ!
ต้องเดือดเป็นไฟ เมื่อมารดาที่เคยตามใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาตลอดชีวิต
จู่ๆก็มาตั้งแง่รังเกียจคนรักของเขาราวกับเธอเป็นขยะโสโครก
แต่กลับเจ้ากี้เจ้าการ ยัดเยียดผู้หญิงหน้าตาจืดชืด ไร้รสชาติให้มาเป็นเมียเขา
แถมผู้หญิงคนนั้นยังเป็น ‘นังเด็กโรคจิต’ ที่คอยแอบมองเขาด้วยสายตาน่าขนลุกเมื่อหลายปีก่อน
ที่สำคัญมารดาของเขาจะรู้หรือเปล่าว่าตัวจริงของแม่สาวหน้าซื่อ ว่าที่ลูกสะใภ้คนดี
ไม่ใช่นางฟ้าชุดขาวอย่างที่คิด... หากแต่เป็นผู้หญิงใจแตก ที่ผ่านผู้ชายมาแล้วเป็นร้อย
ถึงจะน่าขยะแขยงแค่ไหน แต่เพื่อให้มารดาได้ตาสว่างเสียที
เขานี่แหละจะใช้ความหนุ่มแน่นของตัวเอง
พิสูจน์ความคาวและตีแผ่ความกร้านโลกของเธอออกมาให้ได้รับรู้กันไป
เหตุผลที่นางพยาบาลสาวผู้อ่อนหวานและเรียบร้อยอย่าง ‘น้ำลิน’
ยอมเข้ามาใกล้ชิดกับสหรัฐตามความต้องการของเพื่อนมารดา
นั่นเป็นเพราะชายหนุ่มคือ ‘ความรักครั้งแรก’ ที่เธอเฝ้าใฝ่ฝันมาตั้งแต่ยังเรียนชั้นมัธยม
แต่เมื่อได้รู้ตัวจริงว่าเทพบุตรในฝันกลับกลายเป็นซาตานนิสัยทราม
ที่ทั้งปากร้าย เอาแต่ใจ และคอยแต่จะหาเรื่องแดกดันเธออย่างหยาบคายเจ็บแสบอยู่เสมอ
แล้วคนที่ดูอ่อนแอแต่ภายนอกอย่างน้ำลินมีหรือจะยอมถูกเขารังแกอยู่ข้างเดียว
ยิ่งเคยรักมากเท่าไหร่ พอกลายเป็นความเกลียดมันก็ยิ่งมากขึ้นเป็นทบเท่าทวีคูณ
และหญิงสาวก็ตั้งใจเอาไว้แล้ว ว่าต่อไปนี้ถ้าเขาร้ายมา เธอจะร้ายกลับ... ถ้าด่ามา จะตบกลับ...
เธอจะขอยืนงัดข้อ ท้าชนกับผู้ชายจิตใจเสื่อมคนนั้นด้วยคำว่าศักดิ์ศรีและเกียรติยศ!
Tags: นิยายรัก สาริน ลินิน เทเรน่า
ตอน: ตอนที่ 1
คฤหาสน์สีครีมผสมฟ้าโทนสว่างดีไซน์หรูหราแปลกตาตั้งอยู่ภายในเนื้อที่กว้างขวางมากกว่าสองไร่ของตระกูลนฤเบศบดินทร์ นอกจากตัวบ้านการตกแต่งยังหลงตัวอย่างมีรสนิยม ไร้ที่ติ ด้วยไม้ดอกไม้ประดับพันธุ์หายาก ไม่ว่าใครที่ผ่านเข้ามาในซอยนี้ครั้งแรกเป็นต้องหันกลับมามองซ้ำด้วยกันทั้งนั้น ด้วยฝีมือการออกแบบของสถาปนิกหนุ่ม นามสหรัฐ นฤเบศบดินทร์ บุตรชายคนโตของเจ้าของบ้าน
“เสร็จกันหรือยังจ๊ะป้านวล” มณีจันทร์เยี่ยมหน้าเข้ามาในครัว กลิ่นอาหารคาวหวานตลบอบอวลพลอยเรียกน้ำย่อยให้หลั่งออกมามากกว่าปกติ
ในเย็นวันนี้สมาชิกก้นครัวกำลังวุ่นวายกับการเตรียมอาหารหลายอย่างต้อนรับคุณจินดาเพื่อนรักเพื่อนสนิทแนบแน่นมาแต่วัยเยาว์ของมณีจันทร์ผู้เป็นนายหญิงของบ้านหลังนี้ และถือเป็นเจ้าบ้านที่แท้จริง เพราะอำนาจเด็ดขาดแบบเผด็จการเป็นของเธอมาแต่ไหนแต่ไร
ทั้งสนันต์ผู้เป็นสามี รวมทั้งลูกๆ อีกสามคนไม่มีใครกล้าหือ
“เหลือต้มยำอีกอย่างค่ะคุณ” ป้านวล หญิงวัยเลยกลางคนร่างท้วมกำลังสาละวนกับการออกคำสั่งและชิมอาหารที่ลูกมือปรุง
แม้เป็นเพียงแค่คนออกคำสั่งเหงื่อก็ยังพราวไปทั่วขมับ เมื่อยปากยิ่งกว่าลงมือเอง
วันนี้จะมีแขกมาใหม่แค่สองคนทว่าคุณมณีจันทร์ นายหญิงผู้เป็นใหญ่สั่งให้ทำอาหารมากมายราวกับจะเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน ทั้งอาหารคาว หวาน จนวุ่นกันไปทั้งครัว
“อย่าให้รสจ้านนักนะ จำได้ว่ายัยลินกินเผ็ดไม่ได้” มณีจันทร์ออกคำสั่ง
“ป้าจำได้ค่ะ คุณลินเธอชอบทานอาหารจืดๆ กินอะไรเผ็ดนิดเผ็ดหน่อยเป็นต้องปวดท้อง วิ่งหายากันจ้า ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ยังเป็นอยู่หรือเปล่า ไม่ได้เจอหน้าค่าตากันมาตั้งหลายปี” ผู้พูดส่ายหน้า แม้จะดูเหมือนบ่นทว่าสีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู ‘คุณลิน’ ยิ่งนัก
“ก็คงเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ก็คงโตเป็นสาว ตอนที่ย้ายไปอยู่เชียงใหม่ก็ยังกะโปโลอยู่ ห่างจากตารัฐตั้งหลายปี ถ้าจำไม่ผิดน่าจะไล่เลี่ยกับสมิตา” มณีจันทร์หมายถึงบุตรสาวคนที่โตที่กำลังจะเรียนจบในเทอมหน้า ส่วนสโรชาลูกสาวคนเล็กเพิ่งเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น
ลูกสามคนนิสัยคนละแบบอย่างกับลูกต่างพ่อต่างแม่
สหรัฐ พี่ชายคนโต ตอนนี้ไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา อีกไม่นานก็จะเรียนจบกลับมาบริหารบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่กำลังเติบโตไปด้วยดี เพื่อรับช่วงต่อจากสนันต์ที่ต้องการจะวางมือเสียที หลังจากที่ต้องแบกรับภาระงานอันหนักหน่วงมาทั้งชีวิต
และเพราะเป็นลูกชายคนเดียวจึงถูกตามใจจากปู่ย่า ทำให้ชายหนุ่มค่อนข้างเอาแต่ใจ ดื้อดึง มีแค่คนๆ เดียวเท่านั้นที่เขายอมซูฮกให้ก็คือมณีจันทร์ผู้เป็นแม่นั่นเอง
สมิตา ลูกคนรอง นิสัยเรียบง่าย เรียบร้อยอ่อนหวาน ค่อนข้างหัวอ่อนว่าง่าย จึงไม่สร้างความหนักใจให้กับพ่อแม่เหมือนพี่น้องอีกสองคน หญิงสาวใกล้เรียนจบแต่ไม่ได้ร่ำเรียนสาขาที่พอจะช่วยงานบริษัทได้เลย เพราะชอบเกี่ยวกับการทำอาหาร มณีจันทร์จึงคิดจะเปิดร้านขนมให้ดูแล
สโรชา ลูกสาวคนเล็ก กำลังเป็นวัยรุ่นเลือดร้อน ชอบเที่ยว ชอบแต่งตัวและออกจะแก่แดดเกินตัว จึงทำให้มณีจันทร์ค่อนข้างหนักใจมากกว่าใคร
“พูดไปก็คิดถึงนะคะ อยากเจอหน้าเร็วๆ”
“นัดไว้หกโมง เดี๋ยวคงมาถึง เสียดายไม่มีใครอยู่บ้านเหลือแค่ฉันกับยัยบัว” มณีจันทร์มองอาหารที่เสร็จไปแล้วหลายอย่างด้วยความพอใจ ฝีมือการทำอาหารของป้านวลดีมากพอจะอวดเพื่อนได้
เธอกับจินดาเป็นเพื่อนรักกัน คบหากันมาตั้งแต่อนุบาลเลยก็ว่าได้ พอรุ่นสาวก็เรียนโรงเรียนประจำที่ปีนังด้วยกัน จบออกมาต่างคนต่างแต่งงานแต่ก็ติดต่อไปมาหาสู่กันโดยตลอด มีแค่ช่วงหลังที่จินดาย้ายตามสามีที่ไปรับราชการทหารอยู่ทางเหนือหลังน้ำลินจบมัธยมปลาย
ยังจำภาพของน้ำลินได้ดี เด็กสาวใบหน้ารูปไข่ ผิวค่อนข้างขาวจัด ใบหน้าอ่อนเยาว์ องค์ประกอบของเครื่องหน้าลงตัวเสียแต่จืดชืดไปหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็มองว่าดูจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู อาจด้วยลักษณะนิสัยที่ออกจะคล้ายสมิตาลูกสาวคนโปรดจึงรักและเอ็นดูอยู่ไม่น้อย
“เสียงรถ คงเป็นยัยบัว” มณีจันทร์ถอยห่างออกจากครัว ทันได้เห็นสโรชาเดินลงส้นตึงตังเข้ามาก่อนโยนกระเป๋านักเรียนแบบหนังสีดำไปบนโซฟา รองเท้านักเรียนสองข้างกระเด็นไปคนละทาง ส่วนเจ้าของมันก็โถมเข้าไปนอนบนโซฟาทั้งตัวก่อนออกคำสั่งกับสาวใช้ที่อยู่ใกล้ตัว
“หิว เอาอะไรมาให้กินหน่อย”
มณีจันทร์มองเห็นตั้งแต่แรก ส่ายหน้าก่อนสาวเท้าเข้ามาหา
“ไปอาบน้ำก่อนค่อยลงมาทานอาหารเย็นด้วยกัน แม่บอกแล้วนี่ว่าน้าจินดากับพี่ลินจะมา” มณีจันทร์ขยับขาเข้ามาชิดแล้วก้มหน้าลงมาหาลูกสาวคนเล็กที่ยังนอนเฉยอยู่ ต่อเมื่อเห็นแม่เริ่มตีหน้ายักษ์จึงกระเด้งตัวลุกขึ้นในท่านั่งแต่ไม่วายบ่น
"เดี๋ยวสิคะแม่ มาเหนื่อยๆ อีกอย่างบัวก็หิวด้วย กินก่อนไม่ได้หรือไง”
“จันทร์ ไปเอาสาคูไส้หมูกับน้ำส้มมาให้คุณบัว” มณีจันทร์เบือนหน้ามาหาสาวใช้ที่รีบออกไปทำตามคำสั่ง “กินรองท้องเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำอาบท่า มานั่งบนโต๊ะอาหารทั้งชุดนักเรียนแม่ไม่ชอบ เหม็นเหงื่อจะตาย”
“ก็บัวซ้อมเชียร์นี่คะ” เด็กสาวทำจมูกฟุดฟิดใกล้ๆ ตัว เพราะเห็นว่าตัวเองไม่ใช่เด็กอย่างเมื่อก่อนแล้วจึงเริ่มกังวลถึงกลิ่นตัว “ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
เด็กสาวเดินตัวปลิวผ่านหน้าสาวใช้ที่ยกอาหารเข้ามาให้ ไม่สนใจแตะต้องทั้งที่เพิ่งบอกว่าหิวจนรอแขกมาถึงไม่ไหว
คล้อยหลังสโรชาไม่นานรถยนต์คันงามก็เคลื่อนเข้ามาจอดเทียบ ผู้ที่ก้าวขาลงจากรถตอนหลังก็คือจินดากับน้ำลิน
มณีจันทร์เร่งฝีเท้าเข้าไปหา มาถึงก็อ้าแขนกอดรัดผู้เป็นเพื่อนรักด้วยความคิดถึง เป็นนานกว่าจะผละตัวออกมา น้ำลินจึงหาโอกาสไหว้ทักทายได้
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
“หนูลิน โถ…ไม่เจอตั้งหลายปีสวยขึ้นเป็นกอง” มณีจันทร์รับไหว้แล้วสวมกอดหญิงสาวเช่นเดียวกัน เมื่อผละออกจากอ้อมกอดนั้นจึงมีเวลาพินิจใบหน้าหวานใสนั้นให้เต็มตา
ดวงหน้ารูปไข่ล้อมกรอบด้วยผมยาวเหยียดตรงดำสนิท ผมด้านหน้าตัดแบบหน้าม้าเหนือคิ้วโค้งสวย ขนตาหนาเป็นแพระยับยามกะพริบเป็นเงาดำวับแวมเหนือดวงตากลมโตสีเดียวกับเส้นผม จมูกโด่งพองามไม่มากไม่น้อย ริมฝีปากจิ้มลิ้มสีกลีบบัวทาลิปกล็อสเพียงบางๆ
ยามเจ้าตัวคลี่ยิ้มเห็นฟันขาวซี่เล็กเรียงสวย
“เป็นไงจ๊ะ สวยพอจะเป็นสะใภ้นฤเบศบดินทร์ได้ไหม” จินดาเอ่ยแซวทีเล่นทีจริงเมื่อเห็นว่าผู้เป็นเพื่อนรักพินิจใบหน้าลูกสาวตัวเองนานเกินควร
“คุณแม่” น้ำลินอุทาน สองข้างแก้มฉาดสีเข้ม
“โธ่…แม่พูดเล่น แค่นี้ไม่เห็นจะต้องอาย เพราะอย่างนี้ละน๊าถึงได้ไม่มีแฟนกับเขาซักที” จินดาหัวเราะขึ้นอย่างเห็นขัน เพราะลูกสาวเธอปีนี้ก็เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ยังหาคนรักเป็นตัวเป็นตนไม่ได้ ที่มีมาชอบมาจีบก็พอมีอยู่บ้างแต่น้ำลินก็ไม่ยอมให้ความหวังใครเป็นพิเศษ ไม่นานก็หายหน้าไปจนหมด คงจะเหลือก็แต่ผู้หมวดวริศ ที่เห็นไปมาหาสู่ที่บ้านมาหลายปี
“ก็ลินอยากอยู่กับคุณแม่ไปนานๆ นี่คะ อยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ลินไม่อยากมีแฟนให้ปวดหัวหรอกค่ะ” หญิงสาวกอดแขนแม่ด้วยอาการประจบจึงโดนหยิกแก้มไปทีด้วยความหมั่นเขี้ยว
มณีจันทร์มองยิ้มๆ แววตาเอื้อเอ็นดู
“ตายจริง..ขอโทษทีเถอะมณี” จินดาเห็นว่าเพื่อนยืนรออยู่จึงเดินมาแตะที่แขน ชวนกันเข้าบ้านโดยมีน้ำลินเดินตามหลัง
“นี่หนูลินยังไม่มีแฟนหรอกเหรอดา ไม่น่าเชื่อ หน้าตาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดูซะขนาดนี้” มณีจันทร์เลิกคิ้ว ชวนคุยขณะเดินไปยังห้องรับแขก
“พ่อเขาหวง”
“ฮื้อ…อายุยี่สิบกว่าแล้วยังจะหวงอีก”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ ตามธรรมดาของลูกทหารไม่ค่อยมีใครกล้าจีบนักหรอก ที่มีเหลืออยู่ตอนนี้ก็แค่คนเดียว แต่ก็คงจะแห้วตามระเบียบเพราะแม่ลูกสาวเล่นองค์ไม่ยอมรับรักซักที” ผู้พูดบอกเป็นเชิงบ่น เมื่อมาถึงห้องรับแขกเห็นบ้านเงียบๆ จึงเอ่ยถาม “ไปไหนกันหมดละจ๊ะ”
“คุณสนันต์ไปสิงคโปร์จ้ะ ยัยมิตไปฝึกงานที่ระยอง เหลือก็แต่ฉันกับยัยบัว เหงาจะตาย พักที่นี่นะจิน” มณีจันทร์บีบกระชับมือของเพื่อนรักเอาไว้ ชักชวนจริงจัง
“จะดีหรือ” จินดาเกรงใจ ตั้งใจว่าหลังทานอาหารและพูดคุยกับเพื่อนให้หายคิดถึงแล้วจะออกไปหาโรงแรม ตอนเช้าน้ำลินมีนัดสัมภาษณ์งานที่โรงพยาบาลเอกชนที่ไปสมัครเอาไว้ ปากบอกว่าอยากอยู่กับแม่ แต่กลับมาสมัครงานเสียไกล
น่าตีจริงๆ
“ดีสิจ๊ะ จะได้คุยกันให้หายคิดถึง จะไปพักโรงแรมทำไมให้เปลือง พูดก็พูดเถอะ โรงพยาบาลที่หนูลินทำงานก็อยู่ไม่ไกล พักอยู่ที่นี่ซะเลยดีไหมลูก” ประโยคสุดท้ายนี้มณีจันทร์หันมาถาม น้ำลินสบตากับแม่แล้วยกมือไหว้ขอบคุณทว่าปฏิเสธ
“ลินไม่อยากรบกวนคุณป้าค่ะ อีกอย่างทางโรงพยาบาลเขามีหอพักให้”
“ว้า…น่าเสียดายจริง ป้าเองก็เหงา ลุงก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน เดี๋ยวประชุม เดี๋ยวออกต่างจังหวัด มิตก็ไม่อยู่ ส่วนคนที่อยู่นะเหรอ” มณีจันทร์กรอกตาขึ้นมองไปด้านบน เพราะตอนนี้แม่ลูกสาวตัวดีขึ้นไปอาบน้ำ และไม่แน่อาบเสร็จอาจจะนอนคุยโทรศัพท์อยู่จนลืมเวลา ไม่ค่อยจะสนใจใครนักหรอก
น้ำลินเพียงแค่ยิ้ม เห็นใจผู้สูงวัยกว่าอยู่บ้าง แต่จะให้เธอมาพักอาศัยบ้านของคนอื่นก็คงจะอึดอัด งานของเธอก็ไม่เป็นเวลาแล้วแต่ว่าจะถูกจัดให้อยู่เวรแบบไหน บางทีก็เช้า บางทีก็ดึก
“งานลินไม่เป็นเวลาหรอกค่ะคุณป้า”
“ป้าเองก็อายุมากขึ้น ถ้ามีพยาบาลมาอยู่ใกล้ๆ มันก็เบาใจ” มณีจันทร์ปรารภอย่างเสียดาย เธอนั้นถูกชะตากับน้ำลินมาแต่ไหนแต่ไร หากมาอยู่ด้วยกันเสียที่นี่คงจะทำให้คลายความคิดถึงที่มีต่อสมิตาไปได้บ้าง เพราะฝ่ายนั้นเรียนมหาวิทยาลัยของรัฐอยู่ต่างจังหวัด นานๆ ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน เห็นว่าไปฝึกงานที่โรงแรมในระยอง ตั้งใจจะเปิดร้านขนมใกล้ๆ บ้านให้ก็ไม่รู้จะเอาหรือเปล่า
เมื่อเห็นสีหน้าอึดอัดใจของคนฟังมณีจันทร์จึงตัดบท
“ช่างเถอะจ้ะ ป้าก็บ่นไปตามประสาคนแก่ ไปทานข้าวกันเถอะนะ ให้ป้านวลเตรียมอาหารไว้เยอะแยะเลย จำได้ว่าชอบ ผ่านมาก็ตั้งหลายปีไม่รู้จะชอบเหมือนเดิมหรือเปล่า” มณีจันทร์เดินนำแขกเข้าไปในห้องอาหาร ป้านวลสั่งการให้สาวใช้จัดโต๊ะอยู่หันมาเห็นเข้าก็รีบปรี่เข้ามาหา
น้ำลินไหว้นอบน้อมจึงถูกดึงตัวเข้ามากอดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก จึงส่งเสียงประท้วงขึ้น “ป้านวลขา กระดูกลินจะแหลกแล้ว”
“แหนะ! ดูพูดเข้าเหมือนตอนเด็กไม่มีผิดเพี้ยนเชียว ก็ป้าคิดถึงนี่คะ ไม่เจอสี่ห้าปีสวยขึ้นเป็นกอง ทำอาหารของโปรดไว้ให้ตั้งหลายอย่าง”
“มิน่าล่ะค่ะตาซ้ายลินกระตุก มีของอร่อยๆ กินนี่เอง ไปอยู่ที่ไหนก็ต้องคิดถึงรสมือของป้านวล จริงไหมคะแม่”หญิงสาวหันมาถามแนวร่วม ทำให้เจ้าของฝีมือยิ้มปลื้ม
“งั้นก็ทานกันเถอะนะจ๊ะ เอ…แล้วนี่ยัยบัวยังไม่ลงมาหรือ ให้ใครไปตามหรือยัง”
“จันทร์ไปมาแล้วค่ะ คุณบัวบอกว่าไม่หิว ให้ทานก่อนเลยค่ะ”
“เอ๊ะ…ลูกคนนี้นี่มันยังไง” มณีจันทร์ขุ่นเคือง สโรชาทำแบบนี้ต้องการจะหักหน้าเธอชัดๆ ก็รู้อยู่ว่าวันนี้มีแขกแถมยังเป็นเพื่อนรักของเธอ “ไปตามมา บอกว่าฉันสั่ง”
“มณี…” จินดาเห็นสีหน้าผู้เป็นเพื่อนจึงจับมือเอาไว้ ทอดเสียงอ่อน “ช่างเถอะน่า หนูบัวอาจจะไม่หิวจริงๆ ก็ได้ เด็กวัยรุ่นก็แบบนี้แหละ คงกลัวอ้วน”
มณีจันทร์ได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้เพื่อน ถอนหายใจแล้วตัดบท
“นั่นสินะ งั้นก็ลงมือกันเถอะจ้ะ” เจ้าของบ้านเชื้อเชิญ ทานอาหารไปพูดคุยถึงความหลังกันไป โดยเฉพาะเมื่อครั้งเรียนอยู่ที่ปีนัง
น้ำลินเองก็นั่งฟังเพลินพลอยเจริญอาหารไปด้วย
“ไปเรียนไกลก็คิดถึงบ้านนะเธอ เวลาพ่อแม่มาเยี่ยมทีโอ๊ย…ฉันดีใจจะตาย ได้ออกมาเที่ยวนอกโรงเรียน อย่างกับถูกจับขังโรงเรียนดัดสันดาน” มณีจันทร์หัวเราะขึ้น เมื่อนึกถึงสมัยยังสาวทีไรก็มีความสุข สองเพื่อนตาเป็นประกายยามเมื่อพูดถึงความหลัง
“อย่างเธอหรือมณีรอจนพ่อแม่มารับ ฉันเห็นเธอแอบปีนรั้วโรงเรียนหนีออกมาก่อนทุกที”
“ขนาดนั้นเลยหรือคะคุณแม่ ลินได้ยินว่าโรงเรียนประจำที่ปีนังเข้มงวดออก” น้ำลินเอ่ยแทรกขึ้นหลังเป็นแค่ผู้ร่วมฟังอยู่นาน
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะที่ป้ามณีของลินทำไม่ได้”
“แหม…เธอละก็พูดเกินไป”
“ไม่เกินไปละจ้ะ ระวังนะลูกไม้จะหล่นไม่ไกลต้น” จินดาแหย่เรียกเสียงหัวเราะของคนฟัง
“เห็นจะจริงละจ้ะ ยัยบัวหัวดื้อไม่เหมือนมิต แต่ที่ไม่เหมือนใครเลยก็คงจะตารัฐ รายนั้นบทจะดื้อก็ไม่ฟังใครเหมือนกัน”
พอได้ยินชื่อสหรัฐ น้ำลินก็ชะงักมือที่กำลังหยิบส้อมส่งขนมเข้าปาก จู่ๆ หัวใจก็กระตุกเหมือนถูกไฟฟ้าแรงสูงช็อต จินดาสังเกตเห็นจึงเลิกคิ้ว
“เป็นอะไรลูก”
“เปล่าค่ะแม่ ลินตั้งใจฟังคุณป้าน่ะค่ะ” หญิงสาวเอ่ยแก้ตัวแล้วรีบส่งขนมเข้าปากเคี้ยวไป จินดาจึงละความสนใจเอาไว้แค่นั้น
“พูดถึงสหรัฐ ใกล้จะกลับมาแล้วสิ”
“เดือนหน้าจ้ะ ฉันขอภาวนานะว่าอย่าให้พ่อลูกชายฉันคว้าเอาผู้หญิงหัวทองมาเป็นสะใภ้ คู่ควงคู่นอนเล่นๆ ออกเดทคลายเงาไม่ว่าหรอกแต่อย่าขั้นเอามาเป็นสะใภ้แล้วกัน ถึงฉันจะหัวสมัยใหม่แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่อง”
“น่าสงสารตารัฐ คงคิดหนักล่ะเพราะไม่รู้จะหาผู้หญิงที่ไหนมาให้ถึงจะถูกใจเธอ”
“ไม่เห็นจะหายากตรงไหน เพชรน้ำงามอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี่เอง” มณีจันทร์ผินหน้าไปทางที่น้ำลินนั่งอยู่ ส่งผลให้คนที่ตั้งใจฟังเรื่องของสหรัฐเพลินๆ สะดุ้ง ยิ้มเจื่อน
“เธอละก็ ลูกฉันอายม้วนไปแล้วเห็นไหม”
“ก็มันจริงนี่จ๊ะ ฉันมองไม่เห็นเลยว่าใครจะเหมาะสมที่จะเป็นสะใภ้นฤเบศบดินทร์ได้นอกจากหนูลิน สวย อ่อนหวานเรียบร้อย ถ้าหนูลินยังไม่มีใคร ป้าขอจองตัวไว้เลยนะ” ตอนแรกมณีจันทร์ก็คิดจะพูดเล่น แต่ยิ่งมองก็ยิ่งอยากได้น้ำลินเป็นสะใภ้
“คุณป้า…” น้ำลินมือไม้เกะกะ สองข้างแก้มเฉดสีเข้มขึ้นไปอีก “อย่าล้อลินเล่นเลยค่ะ ผู้หญิงจืดชืดอย่างลิน พี่รัฐไม่สนใจหรอกค่ะ”
“ใครว่าหนูลินจืดชืด” มณีจันทร์ถึงขั้นลุกออกจากเก้าอี้อ้อมมาหาแล้วเชยคางขึ้นมองอย่างพินิจ “สวยหวานอย่างกับเพชรเนื้อดี”
“ถ้าเธอไม่คิดแค่พูดเล่นๆ ละก็ ฉันก็จะยกให้จริงซะเดี๋ยวนี้ล่ะ ยิ่งอยากอุ้มหลานเต็มแก่” จินดาพลอยเป็นไปด้วยทำให้น้ำลินยิ่งอายม้วน เป็นไปได้อยากแทรกกายลงกับพื้นเบื้องล่างจะได้ไม่ต้องทนฟังสองเพื่อนซี้พูดจาหยอกเย้าเธอด้วยเรื่องแบบนี้อีก
สหรัฐ นฤเบศบดินทร์….เขาหรือจะชอบเธอ
เขาอายุมากกว่าเธอ 3 ปี ตอนที่ครอบครัวยังไม่ได้ย้ายไปภาคเหนือ เธอกับแม่ไปมาหาสู่คนบ้านนี้เดือนละหลายครั้งเพราะบ้านอยู่ไม่ไกลกัน เธอกับสมิตานิสัยใจคอคล้ายคลึงกันจึงเป็นเพื่อนเล่นพูดคุยถูกคอ ในตอนนั้นสโรชาเพิ่งจะอยู่ชั้นประถม สนใจอยู่กับการเล่นตุ๊กตาจึงแทบไม่ได้พูดคุยถามไถ่
เช่นเดียวกับเขา…สหรัฐ นฤเบศบดินทร์ นักศึกษาชั้นปีสามมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังของกรุงเทพฯ หนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ที่สาวๆ คลั่งไคล้ไปทั่วมหาวิทยาลัย ส่วนเธอนางสาวน้ำลิน รัตนเดชาชาญ เด็กสาววัยมัธยมปลายถักผมเปียทั้งสองข้าง ตัดผมหน้าม้าระดับคิ้ว ใบหน้าขาวใสไร้การแต่งแต้ม หลายคนมองว่าสวยใสสมวัย แต่เขามองว่าจืดชืด เหมือนน้ำเปล่าที่ไม่มีอะไรดึงดูด
แต่ทำไม ทั้งตอนนั้นและเดี๋ยวนี้ ยามเมื่อใครเอ่ยถึงชื่อเขา แค่เพียงผ่านหู หัวใจของเธอถึงยังเต้นแรงเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นเขย่าเล่น
เธอชอบเขา!
แน่ล่ะ น้ำลินลงความเห็นให้กับสาเหตุที่ทำให้หัวใจเต้นแรง แม้พยายามปัดความจริงข้อนี้ออกไปให้ไกลตัวมากที่สุดทว่าไม่ช้าไม่นานมันก็ย้อนกลับมาอีกจนได้
เธอชอบเขา…ชอบทั้งที่ดวงตาสีนิลของเขาไม่ได้มีไว้เพื่อเหลือบแลเธอ
สาวน้อยวัยใส เด็กกะโปโลจืดชืดหาความเร้าใจไม่มีแต่ทว่าบังอาจแอบมีใจให้กับหนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ มันก็แน่ล่ะที่จะต้องเจ็บช้ำเจ็บปวด เพราะได้แต่แอบมอง
น้ำลินหาโอกาสติดสอยห้อยตามผู้เป็นแม่มาที่คฤหาสน์นฤเบศบดินทร์ทุกครั้งที่มีโอกาส เผื่อว่าจะได้พบหน้า ชายเดียวที่มีอิทธิพลในหัวใจ ไม่ว่ายามหลับหรือตื่นใบหน้าหล่อลอยวน
“ลิน…” เสียงเรียกพร้อมฝ่ามืออุ่นๆ ของแม่แตะมาบนต้นแขนทำให้คนที่กำลังเหม่อสะดุ้งเป็นครั้งที่สอง เมื่อเห็นสายตาผู้ใหญ่ทั้งสองมองมาด้วยความสงสัยจึงรีบแก้
“ลินคิดอะไรเพลินๆ น่ะค่ะ”
“เพลินไปหรือเปล่าลูก ครู่นี้คุณป้าบอกจะพาไปดูห้องนอน พักที่นี่ก็ดีเหมือนกัน มัวแต่คุยกันเพลินตอนนี้จวนสองทุ่มแล้ว คนแก่ก็แบบนี้ชอบพูดถึงแต่ความหลัง”
“ต๊าย…ฉันไม่แก่ไปกับเธอหรอกนะยะแม่จินดา” มณีจันทร์ค้อนให้ลุกจากโต๊ะอาหาร แล้วเดินนำแขกทั้งสองขึ้นไปชั้นบนที่มีบันไดสีทองปูด้วยพรมสีแดงเลือดหมูปักลวดลายแปลกตาทำแบบวงเวียนขึ้นไป
ขณะเดินผ่านห้องโถง มีภาพครอบครัวแขวนเอาไว้เป็นระยะ และภาพสุดท้ายก่อนถึงบันไดก็ทำให้หญิงสาวหยุดชะงักฝีเท้าแล้วเดินเข้าไปหาราวกับต้องมนต์สะกด
ภาพของสหรัฐ นฤเบศบดินทร์ในชุดนักศึกษานอนหงายอยู่บนพื้นหญ้าด้วยอิริยาบถสบายๆ ตะแคงข้างหันมาหยอกล้อลูกหมา
ดูเอาเถอะ…แค่เขายิ้มให้กล้องแบบไม่ตั้งใจยังสะกดตัวและหัวใจเธอเอาไว้ได้ซะขนาดนี้แล้วจะให้หัวใจดวงน้อยที่จู่ๆ ก็มีเขาเข้ามาแทรกกลางจับจองอยู่ทั่วทั้งสี่ห้องไม่ยอมแบ่งให้กับคนอื่นลืมเขาไปได้อย่างไร ผ่านมากี่ปีแล้วล่ะ หัวใจเธอก็ยังเหมือนเดิม
รู้ทั้งรู้ว่าสหรัฐเป็นหนุ่มเนื้อหอมแต่ก็ยังแอบฝันถึง
พัพพี้เลิฟแบบเด็กวัยสาวเพิ่งหัดมีความรักแต่ก็ส่งผลมาจนป่านนี้ ตอนที่…เธอเรียนจบคณะพยาบาลศาสตร์และกำลังจะเข้าทำงานในสัปดาห์หน้า
ช่างฝันเฟื่องเสียจริงๆ
ความรู้สึกพวกนี้เธอได้แต่เก็บงำเอาไว้ในใจ เพราะหากมีใครซักคนล่วงรู้ ทุกคนก็คงลงความเห็นตรงกันนั่นแหละว่าเป็นไปไม่ได้ ที่สองตาของเขาจะหันมามองแม่ลูกเป็ดขี้เหร่จืดชืดอย่างเธอ
“ลิน ตามมาสิลูก” เสียงจินดาแทรกผ่านเข้ามาในภวังค์ หญิงสาวจึงรีบสาวเท้าตาม วางหน้าเรียบเฉยทว่าคนช่างสังเกตอย่างจินดาจับตามองอยู่เงียบๆ
หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องนอนขนาดกว้างขวาง ทาสีโทนสว่างตัดกับผ้าม่านปักลวดลายแปลกตาสีเขียวตองอ่อนเช่นเดียวกับสีของผ้าห่มนวมและผ้าปูเตียง ผนังห้องทั้งสองด้านมีภาพเขียนดอกทิวลิปในแจกันเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนแขวนอยู่ เฟอร์นิเจอร์ไม่มากจึงทำให้ห้องโล่งสบายตา
แน่ล่ะ ดีไซน์สวย สง่าแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร
“ภาพนี่พี่รัฐวาดเอง ห้องนี้ก็ออกแบบเองทำเองของเขาล่ะ ชอบไหมจ๊ะ” มณีจันทร์อวดด้วยความภาคภูมิ ฝีมือของสหรัฐไม่ต้องพูดถึง งานออกแบบตกแต่งภายในของบริษัทใหญ่ๆ หรือโรงแรมระดับห้าดาวทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด หลายๆ ที่เป็นฝีมือสหรัฐทั้งนั้น
“สวยมากเลยค่ะ” หญิงสาวพึมพำ มือไล้ผะแผ่วไปบนกรอบของภาพวาด งดงามอ่อนหวานละมุนละไมดุจกลีบทิวลิปของจริงที่เด็ดมาเสียบเอาไว้ในแจกัน
“ลูกชายเธอนี่ได้อย่างใจจริงๆ เลยนะมณี เรียนก็เก่ง ทำงานก็เก่งแถมหน้าตายังหล่อเหลา งานนี้คงต้องเลือกสะใภ้หนักกันล่ะ เพราะคงมีผู้หญิงวิ่งเข้าหาไม่ซ้ำหน้า” จินดาเอ่ยแซว ทว่าคนฟังอีกคนหัวใจกระตุก วูบ…ตามติดมาด้วยอาการแปลบปลาบในอก
เธอควรจะรู้ตัว…
“ก็เลือกแล้วไงล่ะ พาเข้าบ้านแล้วไม่เห็นหรอ” ผู้พูดบุ้ยปากมาหาน้ำลิน ที่ยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ใกล้ๆ แค่เพียงเจ้าตัวเขาเอ่ยปากเองมีหรอเธอจะไม่เต็มใจ แต่ก็รู้อยู่เต็มอก
เขา…ไม่รักเธอ
“ว่าไงยัยลิน มีคนมาดูตัวซึ่งๆ หน้า สนใจไหม สถาปนิกหนุ่มหล่อ ดีกรีปริญญาโทจากนอก อนาคตผู้บริหาร เอ็นบีกรุ๊ป บริษัทรับเหมาก่อสร้าง รับออกแบบและตกแต่งภายในที่ใหญ่และทันสมัยที่สุด แถมนามสกุลนฤเบศบดินทร์ยังเป็นเชื้อสายผู้ดีเก่า นามสกุลพระราชทาน” จินดาวาดวงแขนโอบไหล่ลูกสาวเอาไว้หลวมๆ คนกลางเพียงแต่ยิ้ม ไม่ให้คำตอบ รู้ดีว่าอย่างไรก็คงเป็นไปไม่ได้
“ไม่กวนแล้วละจ้ะ หนูลินมีสัมภาษณ์งานแต่เช้าด้วย ป้าไปละนะจ๊ะ จะแวะไปดูแม่ตัวดีซักหน่อย เมื่อเย็นไม่ได้กินข้าว” มณีจันทร์เอ่ยลา เมื่อปิดประตูให้แขกแล้วก็เดินมาที่ห้องของสโรชา เคาะแค่ทีเดียวฝ่ายนั้นก็เปิดประตูออกมาพอดี เพราะเพิ่งรู้ตัวว่าหิวจนแสบไส้
“แม่ น้าดากลับแล้วหรือคะ”
“แม่ให้ค้างที่นี่” มณีจันทร์มองกลับไปยังห้องที่เพิ่งให้แขกพักก่อนรุนหลังลูกสาวคนสวยให้กลับเข้าไปในห้อง เด็กสาวเบี่ยงตัวแล้วทำหน้ายุ่ง
“บัวหิว จะไปหาอะไรกิน”
“แล้วทำไมไม่ลงไปกินพร้อมกัน คิดจะหักหน้าแม่หรอ” มณีจันทร์มองดุ สายตาของแม่ทำให้คนหัวดื้อเกรงๆ อยู่บ้าง ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าบ้านนฤเบศบดินทร์แม่เธอเป็นใหญ่ที่สุด แม้แต่พ่อยังไม่กล้าหือ มีเธอกับพี่ชายนี่แหละที่กล้าแข็งข้อ แต่แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เพราะรู้ว่าเวลาแม่ดุจะเอาจริงไม่ใช่แค่ขู่เล่น
“บัวคุยงานกับเพื่อน ปรึกษาการบ้าน” สโรชาแก้ตัวแต่ความจริงย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองมัวแต่คุยโทรศัพท์กับแฟนที่แอบคบหากันมานานกว่าสามเดือนโดยที่คนในบ้านไม่มีใครล่วงรู้ แรกๆ ก็คุยผ่านอินเทอร์เนต หลังๆ ก็นัดเจอกันตามห้างบ้าง บ้านเพื่อนบ้าง
รักเพิ่งเริ่มต้นเธอจึงอยากทุ่มเทเวลาให้เขามากกว่านี้ ไม่อยากเสียเวลาไปนั่งฟังคนแก่พูดคุยแต่เรื่องความหลัง ส่วนน้ำลิน แค่ชื่อก็รู้แล้วว่าจืดชืดแสนเฉย คงพูดคุยกันไม่รู้เรื่องแน่
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะลูก น้าจินดากับพี่ลินเขาอุตส่าห์มา” เมื่อได้ยินเหตุผลของลูกสาว มณีจันทร์ก็อ่อนลง น้ำเสียงต่อมาจึงเจือไปด้วยความห่วงใย “หิวก็ลงไปทานข้างล่าง แม่ให้ป้านวลจัดไว้ให้แล้ว”
“ค่ะแม่” สโรชายิ้มกว้างแล้วเดินตัวปลิวลงไปข้างล่างแต่ไม่ลืมถือโทรศัพท์ไปด้วย
“เสร็จกันหรือยังจ๊ะป้านวล” มณีจันทร์เยี่ยมหน้าเข้ามาในครัว กลิ่นอาหารคาวหวานตลบอบอวลพลอยเรียกน้ำย่อยให้หลั่งออกมามากกว่าปกติ
ในเย็นวันนี้สมาชิกก้นครัวกำลังวุ่นวายกับการเตรียมอาหารหลายอย่างต้อนรับคุณจินดาเพื่อนรักเพื่อนสนิทแนบแน่นมาแต่วัยเยาว์ของมณีจันทร์ผู้เป็นนายหญิงของบ้านหลังนี้ และถือเป็นเจ้าบ้านที่แท้จริง เพราะอำนาจเด็ดขาดแบบเผด็จการเป็นของเธอมาแต่ไหนแต่ไร
ทั้งสนันต์ผู้เป็นสามี รวมทั้งลูกๆ อีกสามคนไม่มีใครกล้าหือ
“เหลือต้มยำอีกอย่างค่ะคุณ” ป้านวล หญิงวัยเลยกลางคนร่างท้วมกำลังสาละวนกับการออกคำสั่งและชิมอาหารที่ลูกมือปรุง
แม้เป็นเพียงแค่คนออกคำสั่งเหงื่อก็ยังพราวไปทั่วขมับ เมื่อยปากยิ่งกว่าลงมือเอง
วันนี้จะมีแขกมาใหม่แค่สองคนทว่าคุณมณีจันทร์ นายหญิงผู้เป็นใหญ่สั่งให้ทำอาหารมากมายราวกับจะเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน ทั้งอาหารคาว หวาน จนวุ่นกันไปทั้งครัว
“อย่าให้รสจ้านนักนะ จำได้ว่ายัยลินกินเผ็ดไม่ได้” มณีจันทร์ออกคำสั่ง
“ป้าจำได้ค่ะ คุณลินเธอชอบทานอาหารจืดๆ กินอะไรเผ็ดนิดเผ็ดหน่อยเป็นต้องปวดท้อง วิ่งหายากันจ้า ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ยังเป็นอยู่หรือเปล่า ไม่ได้เจอหน้าค่าตากันมาตั้งหลายปี” ผู้พูดส่ายหน้า แม้จะดูเหมือนบ่นทว่าสีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู ‘คุณลิน’ ยิ่งนัก
“ก็คงเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ก็คงโตเป็นสาว ตอนที่ย้ายไปอยู่เชียงใหม่ก็ยังกะโปโลอยู่ ห่างจากตารัฐตั้งหลายปี ถ้าจำไม่ผิดน่าจะไล่เลี่ยกับสมิตา” มณีจันทร์หมายถึงบุตรสาวคนที่โตที่กำลังจะเรียนจบในเทอมหน้า ส่วนสโรชาลูกสาวคนเล็กเพิ่งเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น
ลูกสามคนนิสัยคนละแบบอย่างกับลูกต่างพ่อต่างแม่
สหรัฐ พี่ชายคนโต ตอนนี้ไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา อีกไม่นานก็จะเรียนจบกลับมาบริหารบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่กำลังเติบโตไปด้วยดี เพื่อรับช่วงต่อจากสนันต์ที่ต้องการจะวางมือเสียที หลังจากที่ต้องแบกรับภาระงานอันหนักหน่วงมาทั้งชีวิต
และเพราะเป็นลูกชายคนเดียวจึงถูกตามใจจากปู่ย่า ทำให้ชายหนุ่มค่อนข้างเอาแต่ใจ ดื้อดึง มีแค่คนๆ เดียวเท่านั้นที่เขายอมซูฮกให้ก็คือมณีจันทร์ผู้เป็นแม่นั่นเอง
สมิตา ลูกคนรอง นิสัยเรียบง่าย เรียบร้อยอ่อนหวาน ค่อนข้างหัวอ่อนว่าง่าย จึงไม่สร้างความหนักใจให้กับพ่อแม่เหมือนพี่น้องอีกสองคน หญิงสาวใกล้เรียนจบแต่ไม่ได้ร่ำเรียนสาขาที่พอจะช่วยงานบริษัทได้เลย เพราะชอบเกี่ยวกับการทำอาหาร มณีจันทร์จึงคิดจะเปิดร้านขนมให้ดูแล
สโรชา ลูกสาวคนเล็ก กำลังเป็นวัยรุ่นเลือดร้อน ชอบเที่ยว ชอบแต่งตัวและออกจะแก่แดดเกินตัว จึงทำให้มณีจันทร์ค่อนข้างหนักใจมากกว่าใคร
“พูดไปก็คิดถึงนะคะ อยากเจอหน้าเร็วๆ”
“นัดไว้หกโมง เดี๋ยวคงมาถึง เสียดายไม่มีใครอยู่บ้านเหลือแค่ฉันกับยัยบัว” มณีจันทร์มองอาหารที่เสร็จไปแล้วหลายอย่างด้วยความพอใจ ฝีมือการทำอาหารของป้านวลดีมากพอจะอวดเพื่อนได้
เธอกับจินดาเป็นเพื่อนรักกัน คบหากันมาตั้งแต่อนุบาลเลยก็ว่าได้ พอรุ่นสาวก็เรียนโรงเรียนประจำที่ปีนังด้วยกัน จบออกมาต่างคนต่างแต่งงานแต่ก็ติดต่อไปมาหาสู่กันโดยตลอด มีแค่ช่วงหลังที่จินดาย้ายตามสามีที่ไปรับราชการทหารอยู่ทางเหนือหลังน้ำลินจบมัธยมปลาย
ยังจำภาพของน้ำลินได้ดี เด็กสาวใบหน้ารูปไข่ ผิวค่อนข้างขาวจัด ใบหน้าอ่อนเยาว์ องค์ประกอบของเครื่องหน้าลงตัวเสียแต่จืดชืดไปหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็มองว่าดูจิ้มลิ้มน่าเอ็นดู อาจด้วยลักษณะนิสัยที่ออกจะคล้ายสมิตาลูกสาวคนโปรดจึงรักและเอ็นดูอยู่ไม่น้อย
“เสียงรถ คงเป็นยัยบัว” มณีจันทร์ถอยห่างออกจากครัว ทันได้เห็นสโรชาเดินลงส้นตึงตังเข้ามาก่อนโยนกระเป๋านักเรียนแบบหนังสีดำไปบนโซฟา รองเท้านักเรียนสองข้างกระเด็นไปคนละทาง ส่วนเจ้าของมันก็โถมเข้าไปนอนบนโซฟาทั้งตัวก่อนออกคำสั่งกับสาวใช้ที่อยู่ใกล้ตัว
“หิว เอาอะไรมาให้กินหน่อย”
มณีจันทร์มองเห็นตั้งแต่แรก ส่ายหน้าก่อนสาวเท้าเข้ามาหา
“ไปอาบน้ำก่อนค่อยลงมาทานอาหารเย็นด้วยกัน แม่บอกแล้วนี่ว่าน้าจินดากับพี่ลินจะมา” มณีจันทร์ขยับขาเข้ามาชิดแล้วก้มหน้าลงมาหาลูกสาวคนเล็กที่ยังนอนเฉยอยู่ ต่อเมื่อเห็นแม่เริ่มตีหน้ายักษ์จึงกระเด้งตัวลุกขึ้นในท่านั่งแต่ไม่วายบ่น
"เดี๋ยวสิคะแม่ มาเหนื่อยๆ อีกอย่างบัวก็หิวด้วย กินก่อนไม่ได้หรือไง”
“จันทร์ ไปเอาสาคูไส้หมูกับน้ำส้มมาให้คุณบัว” มณีจันทร์เบือนหน้ามาหาสาวใช้ที่รีบออกไปทำตามคำสั่ง “กินรองท้องเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำอาบท่า มานั่งบนโต๊ะอาหารทั้งชุดนักเรียนแม่ไม่ชอบ เหม็นเหงื่อจะตาย”
“ก็บัวซ้อมเชียร์นี่คะ” เด็กสาวทำจมูกฟุดฟิดใกล้ๆ ตัว เพราะเห็นว่าตัวเองไม่ใช่เด็กอย่างเมื่อก่อนแล้วจึงเริ่มกังวลถึงกลิ่นตัว “ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า”
เด็กสาวเดินตัวปลิวผ่านหน้าสาวใช้ที่ยกอาหารเข้ามาให้ ไม่สนใจแตะต้องทั้งที่เพิ่งบอกว่าหิวจนรอแขกมาถึงไม่ไหว
คล้อยหลังสโรชาไม่นานรถยนต์คันงามก็เคลื่อนเข้ามาจอดเทียบ ผู้ที่ก้าวขาลงจากรถตอนหลังก็คือจินดากับน้ำลิน
มณีจันทร์เร่งฝีเท้าเข้าไปหา มาถึงก็อ้าแขนกอดรัดผู้เป็นเพื่อนรักด้วยความคิดถึง เป็นนานกว่าจะผละตัวออกมา น้ำลินจึงหาโอกาสไหว้ทักทายได้
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
“หนูลิน โถ…ไม่เจอตั้งหลายปีสวยขึ้นเป็นกอง” มณีจันทร์รับไหว้แล้วสวมกอดหญิงสาวเช่นเดียวกัน เมื่อผละออกจากอ้อมกอดนั้นจึงมีเวลาพินิจใบหน้าหวานใสนั้นให้เต็มตา
ดวงหน้ารูปไข่ล้อมกรอบด้วยผมยาวเหยียดตรงดำสนิท ผมด้านหน้าตัดแบบหน้าม้าเหนือคิ้วโค้งสวย ขนตาหนาเป็นแพระยับยามกะพริบเป็นเงาดำวับแวมเหนือดวงตากลมโตสีเดียวกับเส้นผม จมูกโด่งพองามไม่มากไม่น้อย ริมฝีปากจิ้มลิ้มสีกลีบบัวทาลิปกล็อสเพียงบางๆ
ยามเจ้าตัวคลี่ยิ้มเห็นฟันขาวซี่เล็กเรียงสวย
“เป็นไงจ๊ะ สวยพอจะเป็นสะใภ้นฤเบศบดินทร์ได้ไหม” จินดาเอ่ยแซวทีเล่นทีจริงเมื่อเห็นว่าผู้เป็นเพื่อนรักพินิจใบหน้าลูกสาวตัวเองนานเกินควร
“คุณแม่” น้ำลินอุทาน สองข้างแก้มฉาดสีเข้ม
“โธ่…แม่พูดเล่น แค่นี้ไม่เห็นจะต้องอาย เพราะอย่างนี้ละน๊าถึงได้ไม่มีแฟนกับเขาซักที” จินดาหัวเราะขึ้นอย่างเห็นขัน เพราะลูกสาวเธอปีนี้ก็เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ยังหาคนรักเป็นตัวเป็นตนไม่ได้ ที่มีมาชอบมาจีบก็พอมีอยู่บ้างแต่น้ำลินก็ไม่ยอมให้ความหวังใครเป็นพิเศษ ไม่นานก็หายหน้าไปจนหมด คงจะเหลือก็แต่ผู้หมวดวริศ ที่เห็นไปมาหาสู่ที่บ้านมาหลายปี
“ก็ลินอยากอยู่กับคุณแม่ไปนานๆ นี่คะ อยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ลินไม่อยากมีแฟนให้ปวดหัวหรอกค่ะ” หญิงสาวกอดแขนแม่ด้วยอาการประจบจึงโดนหยิกแก้มไปทีด้วยความหมั่นเขี้ยว
มณีจันทร์มองยิ้มๆ แววตาเอื้อเอ็นดู
“ตายจริง..ขอโทษทีเถอะมณี” จินดาเห็นว่าเพื่อนยืนรออยู่จึงเดินมาแตะที่แขน ชวนกันเข้าบ้านโดยมีน้ำลินเดินตามหลัง
“นี่หนูลินยังไม่มีแฟนหรอกเหรอดา ไม่น่าเชื่อ หน้าตาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดูซะขนาดนี้” มณีจันทร์เลิกคิ้ว ชวนคุยขณะเดินไปยังห้องรับแขก
“พ่อเขาหวง”
“ฮื้อ…อายุยี่สิบกว่าแล้วยังจะหวงอีก”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ ตามธรรมดาของลูกทหารไม่ค่อยมีใครกล้าจีบนักหรอก ที่มีเหลืออยู่ตอนนี้ก็แค่คนเดียว แต่ก็คงจะแห้วตามระเบียบเพราะแม่ลูกสาวเล่นองค์ไม่ยอมรับรักซักที” ผู้พูดบอกเป็นเชิงบ่น เมื่อมาถึงห้องรับแขกเห็นบ้านเงียบๆ จึงเอ่ยถาม “ไปไหนกันหมดละจ๊ะ”
“คุณสนันต์ไปสิงคโปร์จ้ะ ยัยมิตไปฝึกงานที่ระยอง เหลือก็แต่ฉันกับยัยบัว เหงาจะตาย พักที่นี่นะจิน” มณีจันทร์บีบกระชับมือของเพื่อนรักเอาไว้ ชักชวนจริงจัง
“จะดีหรือ” จินดาเกรงใจ ตั้งใจว่าหลังทานอาหารและพูดคุยกับเพื่อนให้หายคิดถึงแล้วจะออกไปหาโรงแรม ตอนเช้าน้ำลินมีนัดสัมภาษณ์งานที่โรงพยาบาลเอกชนที่ไปสมัครเอาไว้ ปากบอกว่าอยากอยู่กับแม่ แต่กลับมาสมัครงานเสียไกล
น่าตีจริงๆ
“ดีสิจ๊ะ จะได้คุยกันให้หายคิดถึง จะไปพักโรงแรมทำไมให้เปลือง พูดก็พูดเถอะ โรงพยาบาลที่หนูลินทำงานก็อยู่ไม่ไกล พักอยู่ที่นี่ซะเลยดีไหมลูก” ประโยคสุดท้ายนี้มณีจันทร์หันมาถาม น้ำลินสบตากับแม่แล้วยกมือไหว้ขอบคุณทว่าปฏิเสธ
“ลินไม่อยากรบกวนคุณป้าค่ะ อีกอย่างทางโรงพยาบาลเขามีหอพักให้”
“ว้า…น่าเสียดายจริง ป้าเองก็เหงา ลุงก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน เดี๋ยวประชุม เดี๋ยวออกต่างจังหวัด มิตก็ไม่อยู่ ส่วนคนที่อยู่นะเหรอ” มณีจันทร์กรอกตาขึ้นมองไปด้านบน เพราะตอนนี้แม่ลูกสาวตัวดีขึ้นไปอาบน้ำ และไม่แน่อาบเสร็จอาจจะนอนคุยโทรศัพท์อยู่จนลืมเวลา ไม่ค่อยจะสนใจใครนักหรอก
น้ำลินเพียงแค่ยิ้ม เห็นใจผู้สูงวัยกว่าอยู่บ้าง แต่จะให้เธอมาพักอาศัยบ้านของคนอื่นก็คงจะอึดอัด งานของเธอก็ไม่เป็นเวลาแล้วแต่ว่าจะถูกจัดให้อยู่เวรแบบไหน บางทีก็เช้า บางทีก็ดึก
“งานลินไม่เป็นเวลาหรอกค่ะคุณป้า”
“ป้าเองก็อายุมากขึ้น ถ้ามีพยาบาลมาอยู่ใกล้ๆ มันก็เบาใจ” มณีจันทร์ปรารภอย่างเสียดาย เธอนั้นถูกชะตากับน้ำลินมาแต่ไหนแต่ไร หากมาอยู่ด้วยกันเสียที่นี่คงจะทำให้คลายความคิดถึงที่มีต่อสมิตาไปได้บ้าง เพราะฝ่ายนั้นเรียนมหาวิทยาลัยของรัฐอยู่ต่างจังหวัด นานๆ ได้กลับมาเยี่ยมบ้าน เห็นว่าไปฝึกงานที่โรงแรมในระยอง ตั้งใจจะเปิดร้านขนมใกล้ๆ บ้านให้ก็ไม่รู้จะเอาหรือเปล่า
เมื่อเห็นสีหน้าอึดอัดใจของคนฟังมณีจันทร์จึงตัดบท
“ช่างเถอะจ้ะ ป้าก็บ่นไปตามประสาคนแก่ ไปทานข้าวกันเถอะนะ ให้ป้านวลเตรียมอาหารไว้เยอะแยะเลย จำได้ว่าชอบ ผ่านมาก็ตั้งหลายปีไม่รู้จะชอบเหมือนเดิมหรือเปล่า” มณีจันทร์เดินนำแขกเข้าไปในห้องอาหาร ป้านวลสั่งการให้สาวใช้จัดโต๊ะอยู่หันมาเห็นเข้าก็รีบปรี่เข้ามาหา
น้ำลินไหว้นอบน้อมจึงถูกดึงตัวเข้ามากอดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก จึงส่งเสียงประท้วงขึ้น “ป้านวลขา กระดูกลินจะแหลกแล้ว”
“แหนะ! ดูพูดเข้าเหมือนตอนเด็กไม่มีผิดเพี้ยนเชียว ก็ป้าคิดถึงนี่คะ ไม่เจอสี่ห้าปีสวยขึ้นเป็นกอง ทำอาหารของโปรดไว้ให้ตั้งหลายอย่าง”
“มิน่าล่ะค่ะตาซ้ายลินกระตุก มีของอร่อยๆ กินนี่เอง ไปอยู่ที่ไหนก็ต้องคิดถึงรสมือของป้านวล จริงไหมคะแม่”หญิงสาวหันมาถามแนวร่วม ทำให้เจ้าของฝีมือยิ้มปลื้ม
“งั้นก็ทานกันเถอะนะจ๊ะ เอ…แล้วนี่ยัยบัวยังไม่ลงมาหรือ ให้ใครไปตามหรือยัง”
“จันทร์ไปมาแล้วค่ะ คุณบัวบอกว่าไม่หิว ให้ทานก่อนเลยค่ะ”
“เอ๊ะ…ลูกคนนี้นี่มันยังไง” มณีจันทร์ขุ่นเคือง สโรชาทำแบบนี้ต้องการจะหักหน้าเธอชัดๆ ก็รู้อยู่ว่าวันนี้มีแขกแถมยังเป็นเพื่อนรักของเธอ “ไปตามมา บอกว่าฉันสั่ง”
“มณี…” จินดาเห็นสีหน้าผู้เป็นเพื่อนจึงจับมือเอาไว้ ทอดเสียงอ่อน “ช่างเถอะน่า หนูบัวอาจจะไม่หิวจริงๆ ก็ได้ เด็กวัยรุ่นก็แบบนี้แหละ คงกลัวอ้วน”
มณีจันทร์ได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้เพื่อน ถอนหายใจแล้วตัดบท
“นั่นสินะ งั้นก็ลงมือกันเถอะจ้ะ” เจ้าของบ้านเชื้อเชิญ ทานอาหารไปพูดคุยถึงความหลังกันไป โดยเฉพาะเมื่อครั้งเรียนอยู่ที่ปีนัง
น้ำลินเองก็นั่งฟังเพลินพลอยเจริญอาหารไปด้วย
“ไปเรียนไกลก็คิดถึงบ้านนะเธอ เวลาพ่อแม่มาเยี่ยมทีโอ๊ย…ฉันดีใจจะตาย ได้ออกมาเที่ยวนอกโรงเรียน อย่างกับถูกจับขังโรงเรียนดัดสันดาน” มณีจันทร์หัวเราะขึ้น เมื่อนึกถึงสมัยยังสาวทีไรก็มีความสุข สองเพื่อนตาเป็นประกายยามเมื่อพูดถึงความหลัง
“อย่างเธอหรือมณีรอจนพ่อแม่มารับ ฉันเห็นเธอแอบปีนรั้วโรงเรียนหนีออกมาก่อนทุกที”
“ขนาดนั้นเลยหรือคะคุณแม่ ลินได้ยินว่าโรงเรียนประจำที่ปีนังเข้มงวดออก” น้ำลินเอ่ยแทรกขึ้นหลังเป็นแค่ผู้ร่วมฟังอยู่นาน
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะที่ป้ามณีของลินทำไม่ได้”
“แหม…เธอละก็พูดเกินไป”
“ไม่เกินไปละจ้ะ ระวังนะลูกไม้จะหล่นไม่ไกลต้น” จินดาแหย่เรียกเสียงหัวเราะของคนฟัง
“เห็นจะจริงละจ้ะ ยัยบัวหัวดื้อไม่เหมือนมิต แต่ที่ไม่เหมือนใครเลยก็คงจะตารัฐ รายนั้นบทจะดื้อก็ไม่ฟังใครเหมือนกัน”
พอได้ยินชื่อสหรัฐ น้ำลินก็ชะงักมือที่กำลังหยิบส้อมส่งขนมเข้าปาก จู่ๆ หัวใจก็กระตุกเหมือนถูกไฟฟ้าแรงสูงช็อต จินดาสังเกตเห็นจึงเลิกคิ้ว
“เป็นอะไรลูก”
“เปล่าค่ะแม่ ลินตั้งใจฟังคุณป้าน่ะค่ะ” หญิงสาวเอ่ยแก้ตัวแล้วรีบส่งขนมเข้าปากเคี้ยวไป จินดาจึงละความสนใจเอาไว้แค่นั้น
“พูดถึงสหรัฐ ใกล้จะกลับมาแล้วสิ”
“เดือนหน้าจ้ะ ฉันขอภาวนานะว่าอย่าให้พ่อลูกชายฉันคว้าเอาผู้หญิงหัวทองมาเป็นสะใภ้ คู่ควงคู่นอนเล่นๆ ออกเดทคลายเงาไม่ว่าหรอกแต่อย่าขั้นเอามาเป็นสะใภ้แล้วกัน ถึงฉันจะหัวสมัยใหม่แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่อง”
“น่าสงสารตารัฐ คงคิดหนักล่ะเพราะไม่รู้จะหาผู้หญิงที่ไหนมาให้ถึงจะถูกใจเธอ”
“ไม่เห็นจะหายากตรงไหน เพชรน้ำงามอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี่เอง” มณีจันทร์ผินหน้าไปทางที่น้ำลินนั่งอยู่ ส่งผลให้คนที่ตั้งใจฟังเรื่องของสหรัฐเพลินๆ สะดุ้ง ยิ้มเจื่อน
“เธอละก็ ลูกฉันอายม้วนไปแล้วเห็นไหม”
“ก็มันจริงนี่จ๊ะ ฉันมองไม่เห็นเลยว่าใครจะเหมาะสมที่จะเป็นสะใภ้นฤเบศบดินทร์ได้นอกจากหนูลิน สวย อ่อนหวานเรียบร้อย ถ้าหนูลินยังไม่มีใคร ป้าขอจองตัวไว้เลยนะ” ตอนแรกมณีจันทร์ก็คิดจะพูดเล่น แต่ยิ่งมองก็ยิ่งอยากได้น้ำลินเป็นสะใภ้
“คุณป้า…” น้ำลินมือไม้เกะกะ สองข้างแก้มเฉดสีเข้มขึ้นไปอีก “อย่าล้อลินเล่นเลยค่ะ ผู้หญิงจืดชืดอย่างลิน พี่รัฐไม่สนใจหรอกค่ะ”
“ใครว่าหนูลินจืดชืด” มณีจันทร์ถึงขั้นลุกออกจากเก้าอี้อ้อมมาหาแล้วเชยคางขึ้นมองอย่างพินิจ “สวยหวานอย่างกับเพชรเนื้อดี”
“ถ้าเธอไม่คิดแค่พูดเล่นๆ ละก็ ฉันก็จะยกให้จริงซะเดี๋ยวนี้ล่ะ ยิ่งอยากอุ้มหลานเต็มแก่” จินดาพลอยเป็นไปด้วยทำให้น้ำลินยิ่งอายม้วน เป็นไปได้อยากแทรกกายลงกับพื้นเบื้องล่างจะได้ไม่ต้องทนฟังสองเพื่อนซี้พูดจาหยอกเย้าเธอด้วยเรื่องแบบนี้อีก
สหรัฐ นฤเบศบดินทร์….เขาหรือจะชอบเธอ
เขาอายุมากกว่าเธอ 3 ปี ตอนที่ครอบครัวยังไม่ได้ย้ายไปภาคเหนือ เธอกับแม่ไปมาหาสู่คนบ้านนี้เดือนละหลายครั้งเพราะบ้านอยู่ไม่ไกลกัน เธอกับสมิตานิสัยใจคอคล้ายคลึงกันจึงเป็นเพื่อนเล่นพูดคุยถูกคอ ในตอนนั้นสโรชาเพิ่งจะอยู่ชั้นประถม สนใจอยู่กับการเล่นตุ๊กตาจึงแทบไม่ได้พูดคุยถามไถ่
เช่นเดียวกับเขา…สหรัฐ นฤเบศบดินทร์ นักศึกษาชั้นปีสามมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังของกรุงเทพฯ หนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ที่สาวๆ คลั่งไคล้ไปทั่วมหาวิทยาลัย ส่วนเธอนางสาวน้ำลิน รัตนเดชาชาญ เด็กสาววัยมัธยมปลายถักผมเปียทั้งสองข้าง ตัดผมหน้าม้าระดับคิ้ว ใบหน้าขาวใสไร้การแต่งแต้ม หลายคนมองว่าสวยใสสมวัย แต่เขามองว่าจืดชืด เหมือนน้ำเปล่าที่ไม่มีอะไรดึงดูด
แต่ทำไม ทั้งตอนนั้นและเดี๋ยวนี้ ยามเมื่อใครเอ่ยถึงชื่อเขา แค่เพียงผ่านหู หัวใจของเธอถึงยังเต้นแรงเหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นเขย่าเล่น
เธอชอบเขา!
แน่ล่ะ น้ำลินลงความเห็นให้กับสาเหตุที่ทำให้หัวใจเต้นแรง แม้พยายามปัดความจริงข้อนี้ออกไปให้ไกลตัวมากที่สุดทว่าไม่ช้าไม่นานมันก็ย้อนกลับมาอีกจนได้
เธอชอบเขา…ชอบทั้งที่ดวงตาสีนิลของเขาไม่ได้มีไว้เพื่อเหลือบแลเธอ
สาวน้อยวัยใส เด็กกะโปโลจืดชืดหาความเร้าใจไม่มีแต่ทว่าบังอาจแอบมีใจให้กับหนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์ มันก็แน่ล่ะที่จะต้องเจ็บช้ำเจ็บปวด เพราะได้แต่แอบมอง
น้ำลินหาโอกาสติดสอยห้อยตามผู้เป็นแม่มาที่คฤหาสน์นฤเบศบดินทร์ทุกครั้งที่มีโอกาส เผื่อว่าจะได้พบหน้า ชายเดียวที่มีอิทธิพลในหัวใจ ไม่ว่ายามหลับหรือตื่นใบหน้าหล่อลอยวน
“ลิน…” เสียงเรียกพร้อมฝ่ามืออุ่นๆ ของแม่แตะมาบนต้นแขนทำให้คนที่กำลังเหม่อสะดุ้งเป็นครั้งที่สอง เมื่อเห็นสายตาผู้ใหญ่ทั้งสองมองมาด้วยความสงสัยจึงรีบแก้
“ลินคิดอะไรเพลินๆ น่ะค่ะ”
“เพลินไปหรือเปล่าลูก ครู่นี้คุณป้าบอกจะพาไปดูห้องนอน พักที่นี่ก็ดีเหมือนกัน มัวแต่คุยกันเพลินตอนนี้จวนสองทุ่มแล้ว คนแก่ก็แบบนี้ชอบพูดถึงแต่ความหลัง”
“ต๊าย…ฉันไม่แก่ไปกับเธอหรอกนะยะแม่จินดา” มณีจันทร์ค้อนให้ลุกจากโต๊ะอาหาร แล้วเดินนำแขกทั้งสองขึ้นไปชั้นบนที่มีบันไดสีทองปูด้วยพรมสีแดงเลือดหมูปักลวดลายแปลกตาทำแบบวงเวียนขึ้นไป
ขณะเดินผ่านห้องโถง มีภาพครอบครัวแขวนเอาไว้เป็นระยะ และภาพสุดท้ายก่อนถึงบันไดก็ทำให้หญิงสาวหยุดชะงักฝีเท้าแล้วเดินเข้าไปหาราวกับต้องมนต์สะกด
ภาพของสหรัฐ นฤเบศบดินทร์ในชุดนักศึกษานอนหงายอยู่บนพื้นหญ้าด้วยอิริยาบถสบายๆ ตะแคงข้างหันมาหยอกล้อลูกหมา
ดูเอาเถอะ…แค่เขายิ้มให้กล้องแบบไม่ตั้งใจยังสะกดตัวและหัวใจเธอเอาไว้ได้ซะขนาดนี้แล้วจะให้หัวใจดวงน้อยที่จู่ๆ ก็มีเขาเข้ามาแทรกกลางจับจองอยู่ทั่วทั้งสี่ห้องไม่ยอมแบ่งให้กับคนอื่นลืมเขาไปได้อย่างไร ผ่านมากี่ปีแล้วล่ะ หัวใจเธอก็ยังเหมือนเดิม
รู้ทั้งรู้ว่าสหรัฐเป็นหนุ่มเนื้อหอมแต่ก็ยังแอบฝันถึง
พัพพี้เลิฟแบบเด็กวัยสาวเพิ่งหัดมีความรักแต่ก็ส่งผลมาจนป่านนี้ ตอนที่…เธอเรียนจบคณะพยาบาลศาสตร์และกำลังจะเข้าทำงานในสัปดาห์หน้า
ช่างฝันเฟื่องเสียจริงๆ
ความรู้สึกพวกนี้เธอได้แต่เก็บงำเอาไว้ในใจ เพราะหากมีใครซักคนล่วงรู้ ทุกคนก็คงลงความเห็นตรงกันนั่นแหละว่าเป็นไปไม่ได้ ที่สองตาของเขาจะหันมามองแม่ลูกเป็ดขี้เหร่จืดชืดอย่างเธอ
“ลิน ตามมาสิลูก” เสียงจินดาแทรกผ่านเข้ามาในภวังค์ หญิงสาวจึงรีบสาวเท้าตาม วางหน้าเรียบเฉยทว่าคนช่างสังเกตอย่างจินดาจับตามองอยู่เงียบๆ
หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องนอนขนาดกว้างขวาง ทาสีโทนสว่างตัดกับผ้าม่านปักลวดลายแปลกตาสีเขียวตองอ่อนเช่นเดียวกับสีของผ้าห่มนวมและผ้าปูเตียง ผนังห้องทั้งสองด้านมีภาพเขียนดอกทิวลิปในแจกันเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนแขวนอยู่ เฟอร์นิเจอร์ไม่มากจึงทำให้ห้องโล่งสบายตา
แน่ล่ะ ดีไซน์สวย สง่าแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร
“ภาพนี่พี่รัฐวาดเอง ห้องนี้ก็ออกแบบเองทำเองของเขาล่ะ ชอบไหมจ๊ะ” มณีจันทร์อวดด้วยความภาคภูมิ ฝีมือของสหรัฐไม่ต้องพูดถึง งานออกแบบตกแต่งภายในของบริษัทใหญ่ๆ หรือโรงแรมระดับห้าดาวทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด หลายๆ ที่เป็นฝีมือสหรัฐทั้งนั้น
“สวยมากเลยค่ะ” หญิงสาวพึมพำ มือไล้ผะแผ่วไปบนกรอบของภาพวาด งดงามอ่อนหวานละมุนละไมดุจกลีบทิวลิปของจริงที่เด็ดมาเสียบเอาไว้ในแจกัน
“ลูกชายเธอนี่ได้อย่างใจจริงๆ เลยนะมณี เรียนก็เก่ง ทำงานก็เก่งแถมหน้าตายังหล่อเหลา งานนี้คงต้องเลือกสะใภ้หนักกันล่ะ เพราะคงมีผู้หญิงวิ่งเข้าหาไม่ซ้ำหน้า” จินดาเอ่ยแซว ทว่าคนฟังอีกคนหัวใจกระตุก วูบ…ตามติดมาด้วยอาการแปลบปลาบในอก
เธอควรจะรู้ตัว…
“ก็เลือกแล้วไงล่ะ พาเข้าบ้านแล้วไม่เห็นหรอ” ผู้พูดบุ้ยปากมาหาน้ำลิน ที่ยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ใกล้ๆ แค่เพียงเจ้าตัวเขาเอ่ยปากเองมีหรอเธอจะไม่เต็มใจ แต่ก็รู้อยู่เต็มอก
เขา…ไม่รักเธอ
“ว่าไงยัยลิน มีคนมาดูตัวซึ่งๆ หน้า สนใจไหม สถาปนิกหนุ่มหล่อ ดีกรีปริญญาโทจากนอก อนาคตผู้บริหาร เอ็นบีกรุ๊ป บริษัทรับเหมาก่อสร้าง รับออกแบบและตกแต่งภายในที่ใหญ่และทันสมัยที่สุด แถมนามสกุลนฤเบศบดินทร์ยังเป็นเชื้อสายผู้ดีเก่า นามสกุลพระราชทาน” จินดาวาดวงแขนโอบไหล่ลูกสาวเอาไว้หลวมๆ คนกลางเพียงแต่ยิ้ม ไม่ให้คำตอบ รู้ดีว่าอย่างไรก็คงเป็นไปไม่ได้
“ไม่กวนแล้วละจ้ะ หนูลินมีสัมภาษณ์งานแต่เช้าด้วย ป้าไปละนะจ๊ะ จะแวะไปดูแม่ตัวดีซักหน่อย เมื่อเย็นไม่ได้กินข้าว” มณีจันทร์เอ่ยลา เมื่อปิดประตูให้แขกแล้วก็เดินมาที่ห้องของสโรชา เคาะแค่ทีเดียวฝ่ายนั้นก็เปิดประตูออกมาพอดี เพราะเพิ่งรู้ตัวว่าหิวจนแสบไส้
“แม่ น้าดากลับแล้วหรือคะ”
“แม่ให้ค้างที่นี่” มณีจันทร์มองกลับไปยังห้องที่เพิ่งให้แขกพักก่อนรุนหลังลูกสาวคนสวยให้กลับเข้าไปในห้อง เด็กสาวเบี่ยงตัวแล้วทำหน้ายุ่ง
“บัวหิว จะไปหาอะไรกิน”
“แล้วทำไมไม่ลงไปกินพร้อมกัน คิดจะหักหน้าแม่หรอ” มณีจันทร์มองดุ สายตาของแม่ทำให้คนหัวดื้อเกรงๆ อยู่บ้าง ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าบ้านนฤเบศบดินทร์แม่เธอเป็นใหญ่ที่สุด แม้แต่พ่อยังไม่กล้าหือ มีเธอกับพี่ชายนี่แหละที่กล้าแข็งข้อ แต่แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เพราะรู้ว่าเวลาแม่ดุจะเอาจริงไม่ใช่แค่ขู่เล่น
“บัวคุยงานกับเพื่อน ปรึกษาการบ้าน” สโรชาแก้ตัวแต่ความจริงย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองมัวแต่คุยโทรศัพท์กับแฟนที่แอบคบหากันมานานกว่าสามเดือนโดยที่คนในบ้านไม่มีใครล่วงรู้ แรกๆ ก็คุยผ่านอินเทอร์เนต หลังๆ ก็นัดเจอกันตามห้างบ้าง บ้านเพื่อนบ้าง
รักเพิ่งเริ่มต้นเธอจึงอยากทุ่มเทเวลาให้เขามากกว่านี้ ไม่อยากเสียเวลาไปนั่งฟังคนแก่พูดคุยแต่เรื่องความหลัง ส่วนน้ำลิน แค่ชื่อก็รู้แล้วว่าจืดชืดแสนเฉย คงพูดคุยกันไม่รู้เรื่องแน่
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะลูก น้าจินดากับพี่ลินเขาอุตส่าห์มา” เมื่อได้ยินเหตุผลของลูกสาว มณีจันทร์ก็อ่อนลง น้ำเสียงต่อมาจึงเจือไปด้วยความห่วงใย “หิวก็ลงไปทานข้างล่าง แม่ให้ป้านวลจัดไว้ให้แล้ว”
“ค่ะแม่” สโรชายิ้มกว้างแล้วเดินตัวปลิวลงไปข้างล่างแต่ไม่ลืมถือโทรศัพท์ไปด้วย
สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มิ.ย. 2556, 14:29:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มิ.ย. 2556, 14:45:30 น.
จำนวนการเข้าชม : 1707
ตอนที่ 2 50% >> |